ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YONGSEO SHORT FICTION BY SHINLEMON

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] LOCKER 1-2 [re-write]

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 56


     

     

     

     

    LOCKER [1-2]

    Date : 18.10.2011
    Re-Write : 05.03.2013

     

     

    ซอฮยอนฉันกลับแล้วนะ เธอเองก็รีบๆกลับได้แล้วนะ มันชักจะเย็นแล้ว เสียงล่ำลาจากเพื่อนร่วมห้องค่อยๆเงียบหายไปตามระยะทางที่ไกลออกไปจากห้องเรียนเรื่อยๆ เหลือไว้แต่ใครคนหนึ่งที่มัวแต่นั่งทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ

    เย้ เรียบร้อย ~ ทีนี้ก็ถึงเวลาเอาไปส่ง ซอฮยอนยิ้มกว้างให้กับกระดาษสีชมพูในมือที่เจ้าตัวบรรจงตัดออกมาให้เป็นรูปดาว ก่อนจะลุกขึ้นเก็บของเตรียมออกไปจากห้องเรียน แต่แทนที่จุดหมายจะเป็นประตูโรงเรียนที่เป็นทางกลับบ้าน ซอฮยอนกลับเลี้ยวไปทางล็อคเกอร์เก็บของที่ชั้นสาม สอดกระดาษแผ่นบางลงในตู้เบอร์ยี่สิบสอง .. จุดหมายปลายทางของ ดาวสีชมพู

    สาวน้อยเจ้าของกระดาษดาวยืนยิ้มอยู่หน้าตู้อย่างนั้น ราวกับว่าจะสามารถฝากความในใจใส่ลงไปในกระดาษเปล่าๆใบนั้นได้ แต่ยืนอยู่ตรงนั้นได้เพียงไม่นานเสียงกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะกำลังตรงมาทางนี้ก็ทำเอาซอฮยอนต้องก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ

    ตายแล้วนี่ฉันมาสายขนาดนี้เลยเหรอ

    โดยไม่ต้องให้ใครมาเตือนซ้ำว่าคนกลุ่มนั้นกำลังใกล้เข้ามา ซอฮยอนรีบเข้าไปแอบอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่งที่เปิดประตูทิ้งไว้ ยืนแนบชิดติดกำแพง กลัวว่าใครจะรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น

     เสียงล็อคเกอร์เหล็กถูกเปิดออกทำเอาหัวใจของคนเล่นซ่อนแอบยิ่งเต้นรัวขึ้นไปอีก หวังว่าคงจะไม่ใช่ .. เขา อย่าเพิ่งมาเปิดตอนนี้เลยนะ

    เฮ้ยๆ ขนมเต็มตู้อีกแล้วนะไอ้คนฮ๊อตเสียงแซวจากใครคนหนึ่งดังโพล่งขึ้นมา ดับความหวังของคนแอบฟังได้เป็นอย่างดี เพราะถ้อยคำแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจะถูกใช้พูดกับ .. เขาคนนั้น

    ไหนๆ มาดูมั่งดิ๊
    เกิดมาหล่อมันดีจริงๆเว้ย อิจฉาว่ะ

    เฮ้ย มีจดหมายด้วยเว้ย!”  ใครคนหนึ่งในกลุ่มพยายามจะหยิบกระดาษสีชมพูใบเล็กไปเพื่อหาข้อความ แต่เจ้าของล็อคเกอร์คว้ามันมาได้ซะก่อน

    มึงเลิกยุ่งกับของในล็อคเกอร์กูสักทีเหอะ อยากได้ขนมอะไรก็หยิบออกไปให้หมดกูจะปิดตู้แล้วเสียงบ่นๆของเจ้าของตู้ทำให้อีกคนที่ฟังอยู่แทบจะร้องไห้ออกมา

    แต่กูอยากรู้นี่หว่าว่ามีอะไรในนั้น

    มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ดูซะมือเรียวพลิกกระดาษสีชมพูให้เพื่อนดูยืนยันว่าในนั้นไม่มีข้อความใดๆอยู่ทั้งนั้น

    อะไรวะ แล้วจะส่งมาทำไม ทั้งที่มันไม่มีอะไร
    กูว่าคนส่งมันต้องเพี้ยนแน่ๆ
    เขาจะเป็นไงก็ไม่เกี่ยวกับมึงหรอก เงียบๆแล้วก็เอาลูกอมนั่นไปสักที

    เขาไม่เคยสนใจเลยสินะ .. ขนมที่คนอื่นๆส่งให้ เขาก็ยกให้เพื่อนหมด
    ส่วนกระดาษเปล่าๆของฉันเขาก็คง .. ทิ้งลงขยะ

    หยิบของเสร็จแล้วก็กลับสักทีเหอะ
    กูขอทิ้งขยะแปบ

    ทิ้งขยะจะมีที่ไหนที่มีถังขยะอีกล่ะถ้าไม่ใช่ห้องนี้ ห้องที่มีคนกำลังแอบซ่อนอยู่ ถ้าเพียงแต่จะมีใครผ่านประตูเข้ามาก็จะรู้ทันที .. ความลับ ที่ถูกเก็บไว้มาตั้งนาน

    มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นที่ไหนเลยที่จะสามารถซ่อนตัวให้พ้นจากสายตา แต่ก่อนจะได้กังวลมากไปกว่านั้นโชคก็เข้าข้างคนหมดหนทาง เมื่อเสียงของใครบางคนดังขัดขึ้นมา

    เฮ้ยกูว่าเอาไปทิ้งข้างล่างเหอะ
    ทำไมวะ ในห้องนี้ก็มีถังขยะ

    เออน่า ห้องคนอื่นเขาแล้วเขาก็ทำความสะอาดแล้ว มึงถือไปทิ้งข้างล่างก็ได้ อย่าขี้เกียจไปหน่อยเลย

    ไม่กี่อึดใจเสียงด้านนอกห้องก็ขยับออกไปไกลเรื่อยๆ  ซอฮยอนยังคงนั่งอยู่กับพื้นห้องอย่างนั้น รอแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว ให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นว่าเธอหลบอยู่ในนี้ นั่งเอามือกุมหัวใจวูบไหวที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวถูกเจอตัวหรือเพราะสิ่งที่เพิ่งได้รู้ว่าดาวสีชมพูที่ตัวเองบรรจงตัดอย่างตั้งใจ ท้ายที่สุดแล้วมันกลับต้องลงเอยด้วยการถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่า

    ...

    อ้าว ว่าไงจ้ะหนูมาซื้อกระดาษสีอีกแล้วเหรอ
    ค่ะ

    ถึงแม้ตอนนี้จะรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ตั้งใจทำจะลงเอยแบบไหน แต่ซอฮยอนก็ยังยืนยันที่จะทำเหมือนเดิมต่อไป เพราะไม่เคยหวังอะไรมาตั้งแต่ต้น เพราะรู้ดีว่าเขามีใครต่อใครให้เลือกตั้งมากมาย แล้วคนอย่างเธอที่เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนจะเดือดร้อนทำไม จะกลัวเจ็บทำไม

    มันจึงเป็นความเคยชินของทั้งคนขายและคนซื้อไปซะแล้วที่ซอฮยอนจะมาร้านนี้เพื่อซื้อกระดาษสีชมพู แต่วันนี้บังเอิญมีบางอย่างที่อยู่นอกเหนือบรรดาเครื่องเขียนมากมายของร้านนี้วางอยู่บนเคาน์เตอร์ของร้าน

    หนังสือการ์ตูน .. มันจะไม่แปลกเลยถ้ามันจะเป็นเพียงแค่หนังสือการ์ตูนธรรมดา เพียงแต่ว่ากระดาษรูปทรงแหลมๆที่โผล่พ้นออกมาจากหน้ากระดาษที่ถูกคั่นไว้มันคุ้นตาเหลือเกิน

    สนใจอยากอ่านการ์ตูนขึ้นมารึไงเรา
    เปล่าค่ะ .. ไม่มีอะไร
    ซอฮยอนสะบัดหัวเบาๆไล่ความคิดที่ออกจะฟุ้งซ่านของตัวเองออกไป
    กระดาษสีชมพูที่ไหนๆมันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละยัยซอฮยอนบ้า
    !

    ป้าฮะผมหาไม่เจออ่ะเสียงตะโกนมาจากห้องเก็บกระดาษที่อยู่ด้านในร้าน  คนถูกเรียกส่ายหน้ากับซอฮยอนอย่างระอา

    ไอ้เด็กนี่หาอะไรไม่เคยเจอสักอย่าง

    ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าอยู่ดูหน้าร้านเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูไปช่วยเขาหาเอง กระดาษสีในห้องนั้นหนูรู้จักที่เก็บดีทุกสี ซอฮยอนเดินตรงดิ่งเข้าไปหาคนกำลังรื้อๆค้นๆอยู่ท่ามกลางกองกระดาษหลากสี

    ให้ฉันช่วยหาไหมคะ คุณอยากได้สีอะไร
    สีฟ้าครับ

    เสียงของซอฮยอนดูเหมือนจะหายไปจากลำคอทันทีที่ใครคนนั้นหันหน้ากลับมา ร่างกายก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปด้วยเช่นกัน

    เขา .. มาทำอะไรตรงนี้

    บางทีแค่เจอหน้าแบบจังๆคงยังไม่สะใจใครบางคนบนฟ้า ถึงได้ลิขิตให้ซอฮยอนเห็นกระดาษรูปดาวสีชมพูตกอยู่ที่ปลายเท้าของตัวเองหนึ่งดวง ตายแล้ว!! แบบนี้เขาก็รู้น่ะสิว่ามันหล่นมาจากกระเป๋าของฉัน!! ทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี!!

    ดาวสีชมพู..” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ

    เอ่อ .. คะ? ดาวสีชมพู คง ..  คงมีใครมาทำตกไว้ ..

    คงเป็นของผมเองล่ะมั้งครับ”  สิ้นคำบอกคนพูดก็จัดการเก็บดาวสีชมพูใส่ลงในกระเป๋าเสื้อแล้วยิ้มบางๆให้กับซอฮยอนที่กำลังนิ่งอึ้ง

    ก็รู้ว่ารอยยิ้มของเขามันอ่อนโยนและอบอุ่น .. แต่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าการได้เห็นใกล้ๆมันจะทำให้หัวใจคนมองเต้นเร็วได้มากขนาดนี้ ..

    คุณมาซื้อกระดาษสีเหมือนกันเหรอครับ
    อะ .. เอ่อ ค่ะ

    พูดแบบนี้แล้วฟังดูแปลกๆแฮะ จริงๆแล้วเราอยู่โรงเรียนเดียวกันไม่น่าต้องมาใช้คำพูดเป็นทางการขนาดนี้กันเลย คุยธรรมดาเถอะ

    อะ .. เอ่อ ค่ะ อยากจะตบปากตัวเองจริงๆเลยซอฮยอนทำไมจะต้องพูดติดๆขัดๆด้วยนะ เดี๋ยวเขาก็รู้หรอก

    พี่ชื่อยงฮวานะ อยู่ปีสาม ดูจากชุดแล้ว เราน่าจะเด็กกว่า
    อะ .. เอ่อ ค่ะ
    เป็นอะไรไป ทำไมตอบแต่ประโยคเดิมแบบนี้ล่ะครับ เราชื่ออะไร
    ฉัน .. เอ่อ ซะ .. ซอฮยอนค่ะ
    โอเค งั้นซอฮยอน ช่วยพี่หากระดาษสีฟ้าหน่อยสิ
    ได้ .. ได้ค่ะ

     มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ .. อยู่ๆพระเจ้าก็เสกให้เขาคนนั้นมาอยู่ตรงหน้า ให้โอกาสพูดคุยแบบที่ตลอดเวลาสองปีฉันไม่เคยกล้าที่จะทำ

    ฝนมันจะตกอยู่แล้ว จะกลับบ้านยังไงยงฮวาถามออกมาในขณะที่ตัวเองลากจักรยานที่พิงไว้ข้างร้านออกมา

    บ้านฉัน .. อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ เดินไปสิบนาทีก็ถึงค่ะ

    อืม .. สิบนาทีเหรอ เอางี้ดีกว่า พี่ว่าสิบนาทีอาจจะไม่ทันก็ได้ พี่ไปส่งน่าจะเร็วกว่า” 

    ค.. คะ?!”  ให้เขาไปส่งบ้านเนี่ยนะ !! มะ .. ไม่ดีมั้ง

    ไม่ต้องมาทำตาโตหรอกน่า ขึ้นมาเลยยงฮวาเรียกให้อีกคนขึ้นซ้อนรถจักรยาน เพียงแต่ว่า .. มันไม่มีที่นั่งสำหรับคนซ้อนท้าย

    อะ .. เอ่ออยากจะถามว่าจะให้ซ้อนยังไง อีกคนก็ดูเหมือนจะรู้ได้จากสายตาของซอฮยอนถึงได้พูดออกมาก่อน

    ถ้าแค่สิบนาทีน่าจะยืนไหว เอากระเป๋าเรามาแล้วมาซ้อนเร็วเข้าเดี๋ยวฝนมันจะตก ยงฮวาคว้ากระเป๋าสะพายเล็กๆของซอฮยอนมาแขวนไว้ที่แขนของตัวเอง แล้วก็ต้องหันกลับมามองคนถูกสั่งว่าทำไมไม่ยอมทำตามที่เขาบอกสักที เห็นท่าทางเคอะเขินของอีกคนถึงได้เข้าใจ

    ลืมบอกไป .. มานี่ เอามือจับไหล่พี่ไว้แล้วเอาเท้าเหยียบเหล็กกลมๆที่ยื่นออกมา อะ .. อะไรนะ ให้ฉันจับ .. จับไหล่เขาเนี่ยนะ!

    เมื่อเห็นว่าซอฮยอนทำตาโตหนักยิ่งกว่าเก่า ยงฮวาเลยถือวิสาสะจับข้อมือบางมาวางไว้บนบ่าของตัวเอง

    นี่ทำแบบนี้ เร็วเข้า ชักช้าเราจะเปียกกันทั้งคู่นะ กว่าซอฮยอนจะขึ้นซ้อนจักรยานได้ก็ทำเอาบรรดาเมฆบนท้องฟ้าคำรามกันเสียงดังเข้าไปใหญ่ ยงฮวาจึงต้องรีบปั่นสุดแรงไปตามทางที่ซอฮยอนบอก

    แปะ .. แปะ แปะ

    ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้วแฮะสิ้นคำพูดจากยงฮวา ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้นๆ
    เลี้ยวขวาข้างหน้าก็ถึงแล้วค่ะ

     

    เปียกหมดเลย ขอโทษนะทั้งที่อุตส่าห์จะมาส่งเพื่อจะได้ไม่เปียกยงฮวาควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะหันมามองซอฮยอนด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด

    พี่ไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้ามาขอโทษอีกทีนะ

    ไม่ .. ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดพี่สักหน่อย แค่พี่ใจดีมาส่ง ฉันก็รู้สึก .. ขอบคุณแล้วล่ะค่ะ อีกอย่าง .. ฉันอยู่หน้าบ้านแล้วนะคะ เข้าไปเช็ดผมในบ้านก็ได้

    ไม่รู้ว่าเขาจะแสนดีไปถึงไหน .. ไม่รู้ว่าเขาจะทำให้ฉัน .. ชอบเขามากขึ้นไปถึงไหน

    เอ่อ .. นั่นสินะ แฮะๆ พี่ก็ลืมไปเลย
    พะ.. พี่ยงฮวาคะ
    หืม?”

    ใบหน้าที่เปียกละอองน้ำกับผมที่ลู่ลงมาจากการเซตทรง แฟนคลับของเขาคงจะอิจฉาฉันมากถ้ารู้ว่าฉันได้เห็นเขาในมุมแบบนี้ แต่ความเป็นจริงแล้วฉันต่างหากที่ต้องอิจฉาที่คนพวกนั้นไม่ได้เห็น เพราะการเห็นเขาใกล้มากขนาดนี้มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันเต้นกระหน่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ .. มันเต้นดังจนฉันกลัว .. กลัวว่าหัวใจจะกระเด็นหลุดออกมา

    เข้าไป .. เอ่อ เช็ดผมก่อนไหมคะ คงอีกนานกว่าฝนจะหยุด ซอฮยอนรวบรวมความกล้าจากทั่วทุกอณูของร่างกายกลั่นกรองเป็นคำพูดธรรมดาแต่แสนยากเย็นออกมาให้อีกคนได้ฟัง

    มันอาจดูเหมือนผู้หญิงหน้าไม่อายที่ชวนผู้ชายเข้าบ้านในเวลาอย่างนี้ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ก็ฉันไม่อยากเห็นเขาไม่สบาย ฉันคงไม่เป็นอันทำอะไรถ้าเขาจะต้องไม่ไปโรงเรียนโดยเฉพาะถ้าสาเหตุนั้นมันมาจากตัวฉัน .. หวังว่าเขาจะเข้าใจ

    อืม จะดีเหรอ พี่กลัวคนอื่นจะมองเราไม่ดี
    ไม่ .. ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแม่ฉันน่าจะกลับมาแล้ว

    ซอฮยอนขอให้ยงฮวานั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนที่เจ้าตัวจะไปหาผ้าขนหนูมาให้พร้อมกับเรียกหาคนเป็นแม่ที่ปกติเวลาอย่างนี้มักจะกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้กลับไม่มีวี่แวว

    ...

    ประตูห้องนอนถูกเจ้าของห้องเปิดออกเบาๆ ถึงแม้จะรู้วาคนมีมารยาทอย่างยงฮวาไม่มีทางเดินตามขึ้นมาบนนี้อยู่แล้ว แต่ซอฮยอนก็ยังคงหันหลังกลับไปมองอย่างระวัง เพราะในห้องนอนห้องนี้มีหลักฐานมากมายที่สามารถมัดตัวเธอจนดิ้นไม่หลุด เขาจะรู้แน่นอนว่าเธอกำลังซ่อนความลับอะไรไว้

    ผนังห้องสีชมพูอ่อนเกือบจะมองไม่เห็นสีเดิมเพราะถูกรูปขนาดต่างๆแปะไว้เต็มไปหมด รูปที่เธอไม่ได้เป็นคนถ่ายมันเอง แต่ปริ้นออกมาจากบล็อคของโรงเรียน แน่นอนว่าคนในรูปภาพเหล่านั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่กำลังนั่งอยู่ที่ห้องข้างล่างตอนนี้ และเมื่อมานึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ความสับสนและดีใจก็ตีกันยุ่งไปหมด

    สองปีแล้วนับจากวันนั้น ..
    สองปีแล้วที่ฉันได้แต่เฝ้ามองเขาจากมุมเล็กๆ ..
    สองปีแล้วที่ฉันแอบตัดกระดาษเป็นรูปดาวไปใส่ไว้ในล็อคเกอร์ ..
    สองปีแล้วที่ฉันเป็นเพียงแค่อากาศไม่มีตัวตนสำหรับเขา ..

    แต่อยู่ๆวันนี้ ทั้งที่ไม่ได้เตรียมหัวใจ ..
    เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้า ผู้ชายคนนี้ที่อ่อนโยน และแสนดี ..

     ผ้าขนหนูสีชมพูขนนุ่มถูกหยิบออกมาจากตู้ สีโปรดที่สุดสำหรับซอฮยอนคือสีชมพูแบบนี้ ทุกๆอย่างรอบกายก็มีแต่สีนี้ เสื้อผ้า เครื่องใช้ ห้องนอน หรือแม้กระทั่งสีของผนังบ้านทั้งหลังก็เป็นสีชมพูอ่อน และเป็นเพราะอย่างนี้เธอถึงได้ใช้กระดาษสีชมพูส่งให้เขา เพราะถึงแม้ไม่คิดที่จะบอกเขาว่าเธอเป็นคนส่งให้แต่ลึกๆแล้วเธอก็แอบหวังให้เขารับรู้มันบ้าง รับรู้ความรู้สึกของเธอบ้าง ไม่จำเป็นต้องตอบรับอะไรกลับมาทั้งนั้น

    ซอฮยอนเดินกลับลงไปที่ชั้นล่างพร้อมกับผ้าขนหนูในมือ แต่ทว่าเป็นเพราะหยดน้ำที่ไหลจากเสื้อผ้าที่เปียกโชกของเธอเองที่เดินขึ้นมา ตอนนี้น้ำจึงเปียกไปทั่วทั้งบันได และความมืดที่มืดเร็วกว่าปกติเพราะเมฆครึ้มนอกบ้านทำให้แสงตรงทางเดินเริ่มสลัว ในที่สุดซอฮยอนก็เผลอลื่นตกบันไดทั้งที่อีกไม่กี่ขั้นก็ถึงชั้นล่างแล้ว

    โอ้ย!!”

    เสียงร้องของซอฮยอนเรียกให้อีกคนที่นั่งรอต้องรีบลุกวิ่งไปตามหาต้นตอของเสียง ยงฮวามาถึงเกือบจะในทันที ไม่ต้องรอให้คนล้มคะมำเจ็บปวดไปมากกว่านี้ คนแสนดีก็ปราดเข้าไปพยุงให้อีกคนลุกขึ้นยืน แต่ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าทำให้แรงยืนที่ควรจะมีมันหายไปหมดสิ้นยงฮวาจึ้งเปลี่ยนมาเป็นการอุ้มตัวซอฮยอนขึ้นแล้วพาเธอมาที่โซฟา

    ทะ .. ทำไมเขาทำแบบนี้ล่ะ!!! 
    เป็นยังไงบ้าง .. พี่ .. พี่ทำให้เราเจ็บตัวขอโทษนะ

    นี่เหรอประโยคแรกที่เขาพูดทำไมเขาจะต้องโทษตัวเองด้วย ทั้งที่มันไม่มีอะไรเป็นความผิดของเขาเลยสักอย่าง! พอได้แล้วนะ .. อย่าดีไปมากกว่านี้

    มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลยนะคะ .. ฉันซุ่มซ่ามเอง

    ใช่สิ มันเป็นความผิดของพี่ ถ้าเราไม่ต้องขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูให้พี่ ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้

    ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะเป็นยิ่งกว่าความฝันเพราะจะบอกยังไงยงฮวาก็ไม่ยอมกลับบ้าน ดึงดันที่จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าพ่อกับแม่ของซอฮยอนจะกลับมา เพื่อที่เขาจะได้ขอโทษที่ทำให้ลูกสาวของทั้งคู่เจ็บตัว และระหว่างเวลาที่ผ่านไปอย่างช้าๆนั้น ซอฮยอนก็ทำได้แค่เพียงนั่งบังคับหัวใจตัวเองให้อยู่นิ่งๆ อย่าเผลอแสดงความหวั่นไหวให้เขารู้

    คนนี้สินะที่เป็นสาเหตุให้ลูกสาวแม่ต้องนั่งพับดาวทุกคืน เสียงอ่อนโยนของคนเป็นแม่เอ่ยถามขึ้นมาเบาๆแต่ก็ทำเอาคนถูกถามหน้าแดงแจ๋

    แม่ของเธอพูดถูกแล้ว ไม่ใช่แค่กระดาษสีชมพูที่ถูกตัดเป็นรูปดาวที่ส่งให้ยงฮวา ยังมีดาวที่ถูกพับขึ้นอีกตั้งมากมาย ทุกๆดวงล้วนแต่เป็นสีชมพู มันเป็นแค่ดาวดวงเล็กๆจึงไม่สามารถเอาไปใส่ในล็อคเกอร์ของยงฮวาได้เพราะดาวเหล่านั้นซอฮยอนจะพับขึ้นก็ต่อเมื่อเธอคิดถึงเขา และหากจะให้เอาไปส่งให้ยงฮวาจริงๆล็อคเกอร์ทั้งชั้นสามก็คงไม่พอสำหรับใส่มันเพราะตลอดเวลาสองปี จำนวนครั้งที่ซอฮยอนคิดถึงยงฮวา ..

    .. มันก็เกือบจะเท่ากับการเอาเวลาสองปีคูณเข้ากับจำนวนนาทีที่ผ่านไปแต่ละวัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×