ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YONGSEO SHORT FICTION BY SHINLEMON

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] เกเร [re-write]

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 56


     

    เกเร

    Date : 06.03.2011
    Re-Write : 05.03.2013

     

    ปัก!! จรวดกระดาษลำจิ๋วที่ถูกพับขึ้นมาอย่างชำนาญลอยละลิ่วมาจากหลังห้องปักลงที่หัวของเด็กเรียนที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะแถวหน้าสุด ไม่ต้องรอให้จรวดถูกส่งมาอีกรอบซอฮยอนก็หยิบจรวดเจ้าปัญหามาคลี่ดูสาสน์ลับ(?)ที่อยู่ด้านใน

    เอาการบ้านมาลอกหน่อย ลายมือหวัดๆที่คุ้นตาเหมือนเช่นเคย ไม่ต้องลงชื่อซอฮยอนก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา แค่หมุนตัวหันหลังไป 180 องศาก็มองเห็นนายตัวดีที่นั่งอยู่แถวเดียวกันกำลังทำหน้าตาอ้อนวอน จองยงฮวา ไอ้เด็กหลังห้อง!

    ไม่-ให้-ย่ะ ส่งสัญญาณทำปากเป็นคำพูดแบบไม่มีเสียงตอบกลับไปแล้ว ซอ ฮยอนก็หันกลับมาสนใจตัวหนังสือบนกระดานที่อาจารย์คนสวยกำลังบรรจงเขียนเนื้อหาเอาไว้จนแน่นไปหมด

    เอามาลอกหน่อย!” ซอฮยอนแทบสะดุ้งพรวดเมื่ออยู่ๆไอ้เด็กหลังห้องที่เธอเพิ่งจะตัดขาดความช่วยเหลือก็คลานมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้

    กลับไปนั่งที่ตัวเองเลยนะเดี๋ยวอาจารย์ก็จับได้หรอก!”
    ก็เอาการบ้านมาให้ลอกก่อนดิ

    เมื่อยงฮวายืนยันหนักแน่นซอฮยอนก็เลยต้องจำยอมเปิดกระเป๋าหยิบการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่จะมีเรียนในชั่วโมงต่อไปออกมาให้อย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

    ขอบคุณ
    ทีหลังหัดทำเองมั่งเหอะ
    เออน่า ไปล่ะๆ

    ยงฮวาหมุนตัวเตรียมคลานกลับไปยังที่นั่งของตัวเองแต่แล้วสวรรค์ก็ลงโทษเด็กเกเรที่เอาแต่เล่น เมื่ออยู่ๆ ..

    จองยงฮวาลงไปทำอะไรใต้โต๊ะ!” เสียงดังแสบแก้วหูของคุณครูคนสวยที่มีความโหดไม่เหมาะกับใบหน้าถามยงฮวาเสียงดังลั่น

    ผม ... ผม อ้อ ลงมาเก็บปากกาครับ นายตัวดีตอบออกไปอย่างไม่อายฟ้าอายกระดานดำ หยิบปากกาด้ามเล็กที่ซอฮยอนเห็นว่าเจ้าตัวคนพูดเพิ่งจะหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงออกมาโชว์ให้อาจารย์ดู

    งั้นก็แล้วไป รีบๆไปนั่งที่ได้แล้ว

    ครับ คนโกหกถอนหายใจเบาๆเมื่อคิดว่าตัวเองรอดตายแล้ว แต่คนมีความผิดก็ย่อมจับพิรุธได้ง่ายมาก

    เดี๋ยวลงมาเก็บปากกาแล้วสมุดในมือคืออะไร

    ก็ ... เอ่อ ยงฮวาแอบเบนสายตามาขอคำแก้ตัวจากเจ้าของสมุดการบ้านในมือ ซอฮยอนก็ได้แต่ส่ายหัวช้าๆบอกอย่างใจเย็นผ่านทางสีหน้ากลับไปว่า

    ช่วยไม่ได้นะยงฮวางานนี้ตัวใครตัวมันล่ะ!

     

    ...

     

     “อูยยยยย เสียงโอดครวญเหมือนจะเป็นจะตายดังขึ้นมาทุกครั้งที่เนื้อนุ่มบนฝ่ามือถูกป้ายยาลงไป

    อย่ามาร้องนะ
    มือหนักเป็นบ้าเลย!”

    สมน้ำหน้า ทำผิดก็สมควรโดนลงโทษแล้ว ถ้าฉันโดนลงโทษเพราะนายด้วยนะ นายตายแน่ ซอฮยอนบ่นเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่ออกมาจากห้องเรียนจนเดินมาถึงห้องพยาบาลและตลอดการนวดรอยแดงที่มือให้ยงฮวา นวดไปบ่นไปทั้งที่รู้ว่าไอ้ถ้อยคำเหล่านั้นมันเข้าหูซ้ายทะลุออกหูลิงไปหมดแล้ว จองยงฮวาไม่ได้ตั้งใจฟังหรือเก็บมาคิดสำนึกผิดแน่นอน

    การบ้านน่ะหัดทำเองซะบ้าง เอาแต่ลอกฉันแล้วเมื่อไหร่จะทำได้
    ก็เลขมันยากนี่หว่า

    อย่ามาพูดเลยวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งภาษาเกาหลีนายก็ลอกฉันอยู่ดีนั่นแหละ ซอฮยอนส่งสายตาจิกๆใส่ยงฮวาเหมือนเคยแต่มันก็เท่านั้นแหละ คนถูกบ่นเริ่มชะเง้อคอมองไปที่สนามหญ้ากลางโรงเรียนแล้ว

    พอแล้วๆ ฉันโดดไปเตะบอลดีกว่า ยงฮวาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเตรียมพร้อมจะลุกออกไปจากห้องพยาบาล

    นายนี่จริงๆเลย!” คนเกเรเดินหายออกไปทางประตูไม่สนใจซอฮยอนที่นั่งเก็บยาคลายปวดลงในกล่องปฐมพยาบาล แต่เพียงไม่นานก็วิ่งกลับมาจนได้

    ฉันลืมบอกไป เย็นนี้ต้องเข้าชมรมไปคัดตัว
    งั้นฉันจะกลับก่อน
    เฮ้ยได้ไงอ่ะ ไปด้วยกันดิ

    ทำไมฉันจะต้องไปนั่งเฝ้านายด้วยห๊ะ
    ก็ฉันไม่ชอบกลับบ้านคนเดียวนี่หว่า
    ก็ได้ๆ งั้นฉันจะเข้าไปตอนห้าโมงแล้วกัน อาจารย์ซอนมีก็นัดฉันเย็นนี้เหมือนกัน

    อ่ะ ฝากเอาเสื้อไปเก็บด้วยเอาไปพาดไว้ที่เก้าอี้แหละ แล้วตอนเย็นอย่าลืมหยิบผ้าขนหนูในล็อคเกอร์มาให้ด้วย ออกคำสั่งเสร็จสรรพนายตัวดีก็โยนเสื้อนอกมาคลุมหัวซอฮยอนแล้ววิ่งหายออกไปทันที ให้ตายสิไม่น่าพลาดมารู้จักกับไอ้เด็กเกเรคนนี้เลย!

    เมื่อเสร็จสิ้นจากธุระที่ต้องไปทำให้อาจารย์แล้ว ซอฮยอนก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่อีกคนบอกไว้ ไม่ลืมที่จะหอบหิ้วเสื้อคลุมและผ้าขนหนูรวมไปถึงน้ำเปล่าหนึ่งขวดไปด้วย

    แค่เพียงเข้าไปใกล้กับประตูโรงยิมที่เปิดอ้าอยู่ เสียงสูงๆที่มาจากการกรี๊ดของสาวๆก็ดังเล็ดลอดออกมา เมื่อเข้าไปด้านในก็ไม่ต้องแปลกใจเลยเพราะอัฒจันทร์ด้านหนึ่งของโรงยิมอัดแน่นไปด้วยบรรดาสาวๆที่คงจะมาจับจองพื้นที่เอาไว้ตั้งแต่หลังเลิกเรียนเพื่อรอดูการคัดตัวนักกีฬาบาสเกตบอลที่สำคัญของชมรมบาส และตัวเก็งของชมรมก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย จองยงฮวาปีสามห้องหนึ่งหนุ่มฮอตฮิตอันดับต้นๆของโรงเรียนที่ความสามารถด้านกีฬาแปรผกผันกับด้านวิชาการสุดขั้ว แค่เพียงลูกกลมๆสีส้มเข้ามาอยู่ในมือของยงฮวาเสียงกรี๊ดก็จะดังขึ้นมาทันที คงไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธหรอกว่ายงฮวาไม่เท่ห์  รวมไปถึงผู้หญิงที่หลบมานั่งอยู่คนเดียวที่อัฒจันทร์อีกฝั่งด้วย

    ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ละสายตาไปจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้

    ปี๊ดดดด~ เสียงนกหวีดจากโค้ชเป็นสัญญาณให้ยุติการแข่งขัน หลายๆคนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์พยายามจะวิ่งกรูกันลงไปในสนามพร้อมกับผ้าและน้ำที่เตรียมเอาไว้ในมือ

    ยงฮวาโอปป้าคะน้ำค่ะ

    ขอบคุณครับแต่ผมมีแล้ว หันไปขอบคุณคนหวังดีอย่างสุภาพก่อนจะเดินตรงดิ่งมาหาซอฮยอน

    อ่ะ เอาไป ซอฮยอนยื่นขวดน้ำเปล่าและผ้าขนหนูของยงฮวาไปให้เจ้าตัวแต่อีกคนก็ไม่ยอมรับไปสักที ซ้ำยังทิ้งตัวนั่งลงข้างๆซอฮยอนแล้วเอ่ยประโยคที่ทำเอาคนฟังแอบไขว้เขว

    เช็ดให้หน่อยสิ
    มือไม่มีหรือไง
     “มือน่ะมี ... แต่อยากให้เช็ดให้

    พูดจบมือหนาก็คว้าหมับเข้าที่มือบาง นำทางพาผ้าขนหนูในมือของซอฮยอนขึ้นมาซับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าคม และเมื่อทำแบบนั้นบรรดาสาวๆที่อยู่อีกด้านของอัฒจันทร์ก็จับกลุ่มซุบซิบกันขึ้นมาทันที

    เฮ้ยปล่อยนะ นายทำบ้าอะไรเนี่ย ซอฮยอนพยายามจะชักมือกลับมาเพราะกลัวว่าหลังจากวันนี้ไปเธอคงจะโดนแฟนคลับของยงฮวาตามรังควานแน่ๆแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ซอฮยอนกลัวความใกล้ชิดที่มันมากเกินไป

    อยู่นิ่งๆก่อนเถอะน่า เห็นยัยฮาราที่อยู่ปีสองไหม ตามติดฉันแจเลย ช่วยหน่อยเหอะน่า ซอฮยอนหยุดดิ้นแล้วทำหน้ามุ่ยใส่อีกคนทันทีเมื่อรู้ว่าไอ้ท่าทางที่แสดงออกเมื่อกี้ มันเกิดขึ้นก็เพียงเพื่อจะหลอกตาสาวๆของยงฮวาเท่านั้น

    ทำไมต้องรู้สึกหวิวๆในอกด้วยนะซอฮยอน!

    ยงฮวายังคงกินน้ำไปยิ้มไปอย่างเป็นธรรมชาติ ผิดกับซอฮยอนที่ไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยและถ้าสาวๆของยงฮวากระเถิบไปยืนอีกฝั่งก็คงจะมองเห็นสีหน้าของซอฮยอนได้ชัดเจน เล่นละครตบตาไปแล้วก็ถึงเวลากลับบ้านสักที

    พี่จองโม ผมกลับแล้วนะ ยงฮวาตะโกนบอกลาหัวหน้าชมรมก่อนจะยกมือมาโอบรอบคอซอฮยอนแล้วเดินออกไปจากโรงยิม แต่พี่จองโมก็ยังไม่วายที่จะตะโกนแซวกลับมาให้นายตัวดีได้ยิ้มกว้าง

    อย่าหวานกันออกนอกหน้านักสิวะ เห็นใจคนโสดมั่งเหอะ

    คงไม่ได้หรอกพี่ ของแบบนี้มันเก็บไว้คนเดียวได้ที่ไหน คนทะเล้นส่งยิ้มยียวนและตะโกนกลับไปแถมยังใช้มือขยี้กลุ่มผมที่มัดเอาไว้ลวกๆให้คนถูกแกล้งได้ทำหน้ามุ่ยอีกจนได้

    นี่ปล่อยได้แล้วย่ะ แถวนี้ไม่มีใครตามมาหรอกน่าไม่ต้องแสดงละครแล้ว
    จะตามหรือไม่ตามก็ช่างสิฉันไม่สนหรอก

    นายไม่สนแต่ฉันสน เอามือออกไปอึดอัดจะแย่ ซอฮยอนดึงมือยงฮวาที่โอบรอบคอมาตลอดทางออกไปพร้อมกับผลักคนขี้แกล้งให้เซไปชนกำแพง

    โอ้ย เจ็บนะยัยบ้า
    เฮ้ย ปล่อยฉันลงไปนะไอ้บ้ายงฮวา!”

    ซอฮยอนร้องลั่นเมื่ออยู่ๆนายตัวดีก็เอาคืนที่ถูกผลักด้วยการแบกซอฮยอนขึ้นหลังแล้ววิ่งออกไปเต็มสปีด ตรงดิ่งไปยังทางกลับบ้านที่คุ้นเคย ไม่รู้เลยสักนิดว่าอีกคนกำลังพยายามมากมายที่จะบังคับและหักห้ามตัวเอง ขอร้องล่ะหัวใจได้โปรดอย่าเต้นแรงนักเลย

    ในที่สุดเท้าเล็กๆของซอฮยอนก็ได้เหยียบลงบนพื้นเมื่อสิ้นสุดปลายทางที่หน้าบ้านสองหลังที่อยู่ติดกันจนถึงขั้นใช้รั้วเดียวกันด้วยซ้ำ

    พรุ่งนี้วันหยุดไปดูหนังกันนะ
    ไม่ล่ะ ฉันจะอ่านหนังสือ
    อีกแล้วนี่กะจะเรียนให้จบด็อกเตอร์เลยรึไง
    นายก็หัดอ่านบ้างเถอะ
    ไม่เอาอ่ะยังไงก็หลับคาหนังสือทุกที ไปด้วยกันเถอะนะ นะ นะ นะ
    เอางี้ฉันเลี้ยงเอง ดูหนังกินข้าวแล้วกลับมาบ้านฉันจะยอมอ่านหนังสือด้วยเลย!”
    แน่ใจนะ

    แน่นอน สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองหมู่นกแก้วเลย ตกลงตามนี้นะ พรุ่งนี้สิบโมงเจอกัน จบประโยคยงฮวาก็วิ่งตัวปลิวเข้าไปในบ้าน ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มโชว์เขี้ยวมาให้คนมองได้หวั่นไหว อย่าเผลอใจไปกับไอ้เด็กเกเรข้างบ้านแบบนี้สิ!

    R R r r ~
    ว่าไง
    [ทำอะไรอยู่]
    ทำการบ้าน
    [อีกแล้ว]
    แล้วนายอ่ะเมื่อไหร่จะทำสักที ไปหยิบสมุดการบ้านมาเลยไป
    [ตอนนี้เนี่ยนะ]
    ก็ใช่น่ะสิ
    [งั้นฉันไปบ้านเธอดีกว่า]

    เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ซอฮยอนจะต้องคอยเคี่ยวเข็ญให้ยงฮวาทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ บ้านที่อยู่ติดกัน ห้องนอนที่อยู่ตรงกันแค่เพียงเปิดหน้าต่างก็มองเห็นอีกฝ่ายได้ชัดเจน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเรียนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่หัดเดิน แต่ซอฮยอนไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ายงฮวาที่แสนฉลาดเมื่อตอนเด็กๆมันหายไปไหน ทำไมตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมายงฮวาก็เกรดดิ่งทะลุเวหาได้ขนาดนี้

    ไม่ถึงห้านาทีเสียงกุกกักก็ดังขึ้นมาที่หน้าต่าง ไม่ต้องให้เจ้าของห้องได้สงสัยนานต้นเหตุของเสียงก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมกับปากที่คาบสมุดการบ้านเอาไว้

    ไอ้บ้าทำไมไม่เข้ามาทางหน้าบ้านดีๆห๊ะ
    ก็มันเสียเวลาอ่ะ ห้องเธอกับฉันห่างกันแค่นิดเดียว กระโดดพรวดเดียวก็ถึงแล้ว
    โอเคๆ นั่งลง มาทำไปพร้อมกันจะได้ไม่ต้องโดนทำโทษอีก

    ครึ่งชั่วโมงแล้วที่ซอฮยอนค่อยๆอธิบายโจทย์แต่ละข้อให้เด็กเกเรหลังห้องฟัง เขียนวิธีทำวิธีลัดให้ดูเป็นแนวทางเอาไว้สอบ ช่วงแรกๆก็มีเสียงเถียงเสียงแย้งตอบมาเป็นระยะ แต่แล้วก็ค่อยๆเงียบไปจนซอฮยอนต้องละสายตาจากการบ้านตรงหน้าขึ้นมามองเพื่อนบ้านที่กำลังรับบทนักเรียน

    ฟี้~ “หลับจนได้สินะตาบ้า
    นี่ๆๆๆ กลับไปนอนบ้านนายสิ
    จองยงฮวา ตื่นได้แล้วนะ
    นายเด็กเกเรตาฉันจะปิดแล้วนะ นายกลับไปสักทีสิ

    แม้จะเรียกหรือสะกิดสักเท่าไหร่คนที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วก็ไม่ลืมตาขึ้นมาสักที ซอฮยอนเลยจำใจต้องปล่อยยงฮวาเอาไว้ตรงนั้น หอบผ้าห่มสำรองในตู้มาคลุมให้คนที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ก่อนจะปิดไฟแล้วไปนอนที่เตียงบ้าง

    อาจเพราะความอ่อนล้าของการคร่ำเคร่งร่ำเรียนมาทั้งอาทิตย์ คืนวันศุกร์จึงดูเหมือนจะเป็นคืนสำหรับการพักผ่อน ทันทีที่เปลือกตาถูกปิดลงซอฮยอนก็จมดิ่งเข้าสู่โลกแห่งความฝันไปทันที และในนั้นก็คงไม่มีใครคนอื่นนอกจากเด็กข้างบ้านจอมเกเรที่คอยแต่จะเข้ามาวุ่นวายทั้งในความจริงและความฝัน .. ในฝันของฉัน เราไม่ต้องเป็นเพื่อนกันได้ไหมนะเด็กเกเร .. แล้วว่าแต่ รอยอุ่นตรงหน้าผากมันคืออะไรกัน

    นายกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ซอฮยอนถามอีกคนทันทีที่เจอหน้าเพราะเมื่อเช้าที่เธอตื่นขึ้นมาคนที่ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะเมื่อคืนก็หายไปมีแต่ผ้าห่มวางเอาไว้ที่ปลายเตียง

    ก็ดึกๆแหละไม่ได้ดูเวลา ไปเหอะน่าอย่าถามมากนักเลย ยงฮวาใช้มือโอบรอบคอของซอฮยอนก่อนจะเดินออกไป มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้วที่เขาจะต้องทำแบบนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตซอฮยอนก็กลายเป็นเหมือนที่วางแขนประจำตัวของเขา

    มาถึงโรงหนังยังไม่ทันจะได้ซื้อตั๋วผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับทักทายอย่างร่าเริง

    สวัสดีค่ะยงฮวาโอปป้า .. ซอฮยอนออนนี
    ฮารามาได้ไง

    ฮาราก็มาเดินเล่นเหมือนทุกครั้งแหละค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะเจอยงฮวาโอปป้าที่นี่ด้วย มาดูหนังกันเหรอคะขอฮาราดูด้วยคนนะ

    แต่...

    นะคะซอฮยอนออนนี เห็นแค่นี้ซอฮยอนก็รู้แล้วว่าไอ้ความบังเอิญที่ว่าน่ะมันคงไม่ใช่หรอก เด็กคนนี้คงรู้แน่ๆว่ายงฮวาจะมาที่นี่

    อืม ก็เอาสิ ... ยงฮวาจองเผื่ออีกใบสิ
    แต่...
    งั้นฉันออกให้ฮาราเองก็ได้
    เออ ก็ได้ๆ

    ยงฮวาควักแบงค์ออกมาจ่ายอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ส่วนซอฮยอนก็ทิ้งให้ฮารายืนเกาะแขนยงฮวาอยู่อย่างนั้นแล้วเธอก็เดินมาซื้อน้ำกับป็อปคอร์น

     “ทำไมยอมให้ยัยนั่นไปดูหนังกับเราอ่ะ คำว่า ‘เรา’ ทำเอาหัวใจคนฟังกระตุกได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่แค่เพียงไม่กี่วินาทีซอฮยอนก็บังคับตัวเองให้หยุดจินตนาการไปไกล คำว่าเราสำหรับยงฮวามันก็เป็นเพียงแค่สรรพนามเรียกแทนเธอกับเขาในฐานะเพื่อน ไม่ได้มากเกินไปกว่านั้นเลย

    อย่ารังเกียจเธอนักเลย ฉันว่าฮาราก็น่ารักดี ตัวเล็กๆบอบบางน่าปกป้องดีออกผู้ชายชอบแบบนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ แล้วที่สำคัญเธอชอบนายมากนะไม่งั้นคงไม่ตามตื้อนายแบบนี้หรอก ทำไมไม่ลองเปิดใจดูบ้างล่ะ

    ฉันไม่สนฮารา หรือว่าใครทั้งนั้น ผู้หญิงที่เข้ามาตามตื้อผู้ชายน่ะน่ารังเกียจทุกคนนั่นแหละ เธอไม่ต้องมาสั่งให้ฉันทำหรือไม่ทำอะไรเลยนะซอฮยอน

    คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ หนังจะเริ่มแล้วเราเข้าไปกันเลยไหมคะ ฮารากลับมาจากห้องน้ำเข้ามาเกาะแขนอีกข้างของยงฮวาพยายามจะลากเข้าไปในโรงหนังแต่ยงฮวาก็แกะแขนฮาราออกก่อนจะเดินเข้าไปหาซอฮยอน

    ไปกันเถอะซอฮยอน มืออุ่นกอบกุมเข้าที่มือบาง ออกแรงลากเพียงนิดหน่อยคนที่กำลังตกใจกับการกระทำก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี

    ปล่อยนะ

    อยู่นิ่งๆเถอะน่า เธอเป็นคนบอกให้ยัยนั่นมาดูหนังกับเรา เพราะฉะนั้นเธอต้องรับผิดชอบ

    ภายในโรงหนังที่มืดจนมองอะไรแทบไม่เห็นยงฮวานั่งเก้าอี้ตัวกลางโดยมีซอ ฮยอนและฮารานั่งขนาบอยู่คนละฝั่ง ยงฮวาเลือกที่จะเบียดตัวชิดมาติดกับซอฮยอน แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากยุ่งกับฮารา

    นายจะเบียดทำไมนักหนาเนี่ย
    ก็ยัยฮาราแทบจะปีนมานั่งตักฉันอยู่แล้วนะ

    ได้ยินแบบนั้นซอฮยอนก็เอนตัวไปมองตามสายตายงฮวาบ้าง และดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างมหันต์เมื่อยงฮวาหันหน้ากลับมามองจอในขณะที่ซอฮยอนยังไม่ได้เอนตัวกลับมา

    อ๊ะ.. ปลายจมูกโด่งเฉียดเข้ากับแก้มใสที่ตอนนี้แดงระเรื่อ หากไม่มีเสียงดังๆจากหนังในจอใหญ่ เสียงหัวใจที่เต้นตูมตามก็คงจะสารภาพความหวั่นไหวให้อีกคนรู้แน่ๆ

    ตลอดสามชั่วโมงในการอยู่ในที่มืดๆซอฮยอนดูหนังไม่รู้เรื่องอีกแล้ว ไม่น่าเลย ..
    ความใกล้ชิดมันอันตรายแบบนี้นี่เอง

    นายไปส่งฮารากลับบ้านเถอะมันเย็นมากแล้ว
    แล้วเธออ่ะ
    ฉันกลับบ้านคนเดียวสักวันมันคงไม่เป็นอะไรหรอก

    ซอฮยอนเดินหันหลังออกมาจากที่ๆยืนกันอยู่ในตอนแรก รอให้เขาวิ่งตามมาจะได้อยู่กันสองคน จะได้พูดในสิ่งที่อยากพูดออกไปสักที

    เธอเป็นอะไรไป มือหนาที่คว้าแขนของซอฮยอนเอาไว้
    ฉันไม่อยากเห็นนายทำท่าทางใจร้ายใส่ฮารา เธอเป็นคนดีนะ
    แล้วทำไมต้องมาพูดให้ฉันมองฮาราในแง่ดีด้วย อยากให้ฉันคบกับยัยนั่นรึไง
    แล้วทำไมนายไม่ลองคบกับเธอดูล่ะ บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรไม่ดีก็ได้
    แต่ฉันไม่ได้ชอบฮารา

    แต่นายก็ไม่ควรจะทำร้ายจิตใจเธอหรือว่าผู้หญิงคนอื่นด้วยการหลอกว่ามีแฟนอยู่แล้วแบบนี้ นายไม่เห็นใจฉันบ้างรึไง! นายให้ฉันทำนู่นทำนี่โดยที่ไม่ถามฉันสักคำว่าฉันเต็มใจไหม...

    จริงๆแล้วเธอก็แค่รำคาญที่ต้องมาติดแหงกอยู่กับฉันใช่ไหมล่ะ ใช่ไหม!”

    ใช่ฉันรำคาญเต็มทนที่จะต้องคอยเป็นไม่กันหมาให้นาย ต้องโกหกคนนู้นคนนี้ตามที่นายต้องการ นายไม่รู้หรอกว่ามันอึดอัดแล้วก็ทรมานแค่ไหน!!”

    เข้าใจแล้วถ้างั้นฉันขอโทษเธอแล้วกัน ถ้าอยากให้ฉันสนใจยัยนั่นมากนักก็ได้!” ยงฮวาเดินกลับไปหาฮาราและซอฮยอนก็หมุนตัวหันกลับไปอีกทางแล้วเริ่มเดินออกไป รีบเดินไปให้ไกลที่สุด กลัวเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นจะมาเห็นน้ำตาของคนเห็นแก่ตัว .. คนเห็นแก่ตัวที่ยอมโกหกคนอื่นๆเพราะว่ามีความสุขที่ได้แสดงตัวในฐานะคนใกล้ชิด .. คนเห็นแก่ตัวที่ไม่เคยปฏิเสธสักครั้งเวลาถูกถามว่าเป็นแฟนกันหรือเปล่า .. คนเห็นแก่ตัวที่เผลอใจให้กับเพื่อนสนิทของตัวเอง

    หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ข่าวดังข่าวใหม่กระช่อนไปทั่วโรงเรียน ข่าวเรื่องที่จองยงฮวาเขี่ยซอฮยอนทิ้งแล้วมาคบกับฮารากลายเป็นเรื่องน่าสนใจของทุกคน เพราะในที่สุดยงฮวาก็ยอมที่จะแยกตัวออกมาจากผู้หญิงที่มีดีแค่เรียนเก่งอย่างซอฮยอนได้สักที และมันก็เป็นหนึ่งอาทิตย์ที่ซอฮยอนไม่ได้พูดคุยหรือแม้แต่มองหน้าเพื่อนสนิทข้างบ้านเลย

    อ้าว ซอฮยอนออนนี เสียงเล็กๆของคนร่างเล็กส่งออกมาทักทายซอฮยอนอย่างร่าเริง และแน่นอนว่าเมื่อมีฮาราก็ย่อมต้องมีอีกคนอยู่ด้วย ซอฮยอนเงยหน้าจากหนังสือตรงหน้าขึ้นมามองทั้งสองคนที่ไม่น่าจะเข้ามาในห้องสมุด

    ฮารามายืมหนังสือไปทำรายงานน่ะคะ ก็เลยชวนยงฮวาโอปป้ามาด้วย
    ออนนีคงไม่โกรธฮาราใช่ไหมคะเรื่อง...

    ไม่ต้องพูดจนจบประโยคซอฮยอนก็เข้าใจดีว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไร คงจะเป็นเรื่องข่าวที่ดังไปทั่วโรงเรียนนั่นแหละ แต่ยงฮวาก็ไวกว่าที่จะพูดแทรกขึ้นมา

    จะโกรธเรื่องอะไรล่ะ ที่ผ่านมาฉันกับซอฮยอนไม่เคยเป็นอะไรกันสักหน่อย ประโยคเย็นชาที่มาพร้อมกับน้ำเสียงและแววตาห่างเหินกรีดหัวใจที่บอบช้ำอย่างไม่ใยดี

    ฉันไม่เคยพูดว่าเราคบกันสักครั้ง

    ฮารายิ้มดีใจออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ เหมือนเด็กๆที่ได้ของถูกใจก่อนจะหายเข้าไปในซอกของตู้หนังสือมากมายอย่างสบายใจ ทิ้งให้ยงฮวายืนเผชิญหน้ากับซอฮยอนอยู่ตรงนั้น

    ไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกมาจากปากของคนทั้งคู่ จนในที่สุดซอฮยอนก็ลุกขึ้นหอบหนังสือไปเก็บที่ชั้นเมื่อคิดว่าคงได้เวลากลับบ้านแล้ว

    โอ้ย

    หนังสือเล่มหนาที่ซอฮยอนพยายามจะเก็บมันไว้ตรงชั้นบนสุดหล่นลงมาใส่หัวเพราะมันอยู่สูงไปและเล่มก็หนามาก ยิ่งพยายามเท่าไหร่แรงดึงดูดโลกก็ดึงให้มันหล่นลงมาทุกครั้งไป และเพราะความอ่อนแอที่ทำให้น้ำใสๆมาคลออยู่ตรงเบ้าตาจนมองไม่ค่อยชัดก็ยิ่งทำให้การเก็บหนังสือแค่เล่มเดียวทำได้อยากกว่าที่เคย

    อ๊ะ...
    เก็บไม่ถึงทำไมไม่บอก

    เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เมื่อซอฮยอนลืมตาขึ้นมองก็เห็นว่าหนังสือที่กำลังจะตกใส่เมื่อกี้อยู่ในมือของยงฮวา แต่ก็ต้องก้มหน้าหลบเพราะแววตาที่พราวไปด้วยน้ำตาที่อยากจะไหลออกมามันคงไม่ดีแน่ถ้าจะทำให้เขารู้

    ฉันกำลังจะไปหาเก้าอี้มาปีนอยู่พอดี พูดจบซอฮยอนก็พยายามจะเดินออกไปจากซอกแคบๆที่มีตู้หนังสือเบียดกันจนเกิดเป็นมุมอับ แต่เพราะอีกคนยังยืนขวางอยู่จึงออกไปจากตรงนั้นไม่ได้

    ขอทางหน่อย
    ฉันทำตามที่เธอต้องการแล้ว
    อยู่ๆยงฮวาก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆจนคนฟังตามไม่ทัน

    เรื่องอะไร
    เรื่องฮารา
    แล้วยังไงล่ะ นายมีความสุขไหมล่ะ เธอเป็นคนดีรึเปล่า
    อืม ฮาราเป็นคนดี อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ เขาชอบฉันมากจริงๆ
    ก็ดีแล้วนี่ .... ดีแล้วที่นายรับรู้สักที ขอโทษนะ ถอยไป

    ซอฮยอนผลักตัวยงฮวาออกไปให้พ้นทางแล้ววิ่งออกมาทันที ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่ายงฮวาเป็นยังไงในเมื่อคนอื่นก็เอาแต่พูดกันทั่วโรงเรียน แถมบรรดาแฟนคลับของยงฮวาบางคนยังเข้ามาต่อว่า พูดจาถากถาง หรือแม้กระทั่งแสดงความสะใจที่ซอฮยอนถูกเขี่ยทิ้งสักที ใครล่ะจะอยากให้ผู้ชายที่ตัวเองปลื้มมาจมปลักอยู่กับผู้หญิงบ้านๆที่วันๆเอาแต่เรียนไม่ดูแลตัวเอง ต่างจากฮาราลิบลับที่ตัวเล็กน่ารักแล้วก็เหมาะกับคนอย่างยงฮวาที่สุด

    ร้องไห้ทำไมซอฮยอน ..
    เธอเป็นคนบอกให้เขาทำแบบนี้เองนะ ..

    เลือกให้เขาไปเพื่อที่จะได้หยุดความหวั่นไหว
    จะได้กลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิมได้สนิทใจ

    แต่พอเอาเข้าจริง ..
    หัวใจมันกลับเจ็บปวดจนทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเขาอยู่กับคนอื่น

    ซอฮยอน แรงดึงจากด้านหลังทำให้ซอฮยอนที่ไม่ได้มีเรี่ยวมีแรงมากเท่าไหร่หันไปชนเข้ากับอกแกร่ง ไม่ต้องเงยหน้ามองให้เสียเวลาซอฮยอนก็รู้ได้ทันทีว่าคนๆนี้คือใคร

    อย่าร้อง ... มีอะไรก็บอกฉันสิ

    นายอย่ามาทำใจดีกับฉันแบบนี้นะยงฮวา ถ้าใครมาเห็นเข้าจะคิดยังไงที่อยู่ๆนายก็มายืนกอดกับคนที่พวกนั้นเข้าใจว่าเป็นแฟนเก่าแบบนี้

    ฉัน .. เปล่า
    โกหก
    ฉันไม่ ..

    เธอน่ะโกหกไม่เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
    “...”

    อะไรที่เธอคิด อะไรที่เธอทำ
    “....”
    ฉันรู้หมดทุกเรื่องนั่นแหละ

    ทีนี้ก็พูดออกมาสักที
    พูด ... พูดอะไร

    สารภาพมาสักทีว่าเธอรักฉัน

    ฉ .. ฉัน ไม่..
    อย่าโกหก

    นาย .. รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
    ตั้งนานแล้ว นานพอๆกับที่เธอรู้ใจตัวเองนั่นแหละ

    ขอโทษ .. ฉัน .. ฮึก ฉันจะพยายามทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม นายสบายใจได้ ล ..เลย ซอฮยอนพยายามจะดันตัวออกมาจากยงฮวา

    จะให้ฉันสบายใจได้ยังไง
    ถ้านายไม่สบายใจ .. ง งั้น ฉันจะไม่วุ่นวายกับนาย ..ฮึก อีก
    ขอโทษนะ ... ฮึก ฉันขอท.. โทษ

    เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว ฉันบอกให้เธอสารภาพออกมาไม่ได้บอกให้เธอพูดว่าจะเลิกรักฉันสักหน่อย แบบนั้นใครจะไปยอม...

    ทำ..ทำไม

    เฮ้อ เธอนี่มันเก่งแต่เรื่องเรียนจริงๆนะ ยงฮวากระชับวงแขนให้แน่นขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าอีกคนพยายามจะออกไปให้ได้

    เธอไม่รู้จริงๆเหรอว่าฉันกลายเป็นเด็กเกเรหลังห้องเพราะอะไร ซอฮยอนส่ายหัวไปมา คำถามที่เธออยากจะรู้มาตลอด

    ถ้าฉันเรียนเก่งสอบผ่านทุกครั้งฉันจะหาเรื่องให้เธอติวให้ได้ยังไง
    ถ้าฉันไม่นั่งหลังห้องแล้วฉันจะมองดูเธอตลอดเวลาได้ยังไง
    ถ้าฉันทำการบ้านเสร็จเองฉันจะหาเรื่องไปขอสมุดการบ้านเธอทุกวันได้ยังไง

    ถ้าฉันไม่หาเรื่องทำให้ตัวเองกลายเป็นเด็กเกเร อาจารย์ก็ไม่มีทางออกคำสั่งกำชับให้เธอดูแลฉันน่ะสิ

    ถ้าฉันไม่กุเรื่องว่ารังเกียจผู้หญิงที่มาคอยตามตื้อ ฉันจะหลอกให้เธอมาทำตัวเป็นแฟนฉันได้ยังไง

    นะ...นาย
    ฉันทำแบบนี้มาตั้งแต่ขึ้นม.ปลายแล้ว เธอดูไม่ออกจริงๆเหรอเนี่ย

    นายพูดจริง ... น่ะเหรอ
    ก็ใช่สิ
    แล้วนาย ..
    เฮ้อ ให้ตายสินี่ฉันหลงรักเธอไปได้ไงเนี่ย เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่รู้” 

    ฉันรัก..

    ในที่สุดซอฮยอนก็ยอมสารภาพความในใจที่อีกคนรับรู้มาตั้งนานแล้วออกไปอย่างเต็มปาก แต่เพราะใบหน้าที่ซุกอยู่ที่อกของยงฮวาเสียงบอกรักก็เลยกลายเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ถนัด

    ไม่ได้ยินเลยอ่ะ พูดใหม่ดิ มองหน้าฉันด้วย
    โอ้ย แบบนั้นมันน่าอายนะ!”
    จะอายอะไรฉันก็รู้มาตั้งนานแล้ว
    นี่นาย!”
    อ่ะๆๆ ฉันพูดให้เธอฟังก่อนก็ได้ ฉันรักเธอ

    คำว่าฉันรักเธอของยงฮวามันอาจดูเหมือนพูดออกมาแบบเล่นๆ แต่ซอฮยอนก็รู้ว่ามันหมายความแบบนั้นจริงๆ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเธอไม่เคยเห็นเขาพูดคำๆนี้กับใคร ไม่เคยแม้แต่จะคบกับผู้หญิงคนไหนสักคน

    ซอฮยอนรวบรวมความกล้าทั้งหมดในตัวก่อนจะกลั่นกรองส่งผ่านออกมาเป็นคำพูดสั้นๆสามพยางค์ที่ตลอดมามันช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะยอมรับ

    ฉันรักนาย

     

    เดี๋ยวนะแล้วนาย .. รักฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันน่าอายอยู่เหมือนกันที่ต้องพูดคำว่ารักออกมาจากปากตัวเอง แต่ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องกล้าที่จะถาม

    ไม่รู้ดิ ซอฮยอนหุบยิ้มลงในทันที .. ทำไมตอบเหมือนไม่ใส่ใจเลยล่ะ

     “ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวก็เผลอรักยัยเด็กข้างบ้านที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างนอกจากเรียนจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว แค่รู้ว่ามันนานมากแล้ว นานมากจริงๆ บางทีอาจจะตั้งแต่ประถมหรือไม่ ... ก็อนุบาล

    จะบ้าเหรอยงฮวานายเป็นเด็กแก่แดดรึไง
    แก่แดดอะไรเล่าใครๆเขาก็มีรักแรกกันตั้งแต่ยังเด็กทั้งนั้นแหละ
    พูดออกไปแบบนั้นแล้วทั้งคนพูดคนฟังก็หน้าแดงไปตามๆกัน

    ฉันเป็นรักแรกของนายจริงๆเหรอ ...
    ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นรักแรกของกันและกันน่ะสิ ...

    เดี๋ยวแล้วฮาราล่ะ
    ทำไม ...
    นายคบกับเธออยู่ แล้วเธอก็ชอบนายมาก แบบนี้ ฉัน ...
    เธออยากเป็นแฟนฉันรึเปล่า
    แต่นายกับฮารา...

    ฉันถามว่าอยากเป็นแฟนกับฉันไหม ไม่ต้องสนใจคนอื่นเมื่อเสียงเข้มคาดคั้นเอาคำตอบแบบนั้น ซอฮยอนก็ต้องพยักหน้าแรงๆแทนคำตอบ

    งั้นก็ไม่มีปัญหา
    เอ๋?”
    ฉันกับฮาราไม่ได้คบกันหรอก
    แต่นายบอกฉันเอง...
    ฉันบอกเธอว่าอะไร
    นายบอกว่าทำตามที่ฉันบอกแล้ว แล้วฮาราก็เป็นคนดีและรักนายมาก

    ใช่ ฮาราเป็นคนดีที่รักฉันมาก มากพอที่จะยอมเล่นละครตบตาคนที่ฉันรักจริงๆให้รู้จักและยอมรับหัวใจตัวเองสักที แล้วที่ฉันบอกว่าทำตามที่เธอบอก มันก็หมายถึงฉันยอมที่จะลองเปิดใจให้ฮาราไม่ได้หมายความว่าฉันคบกับฮาราสักหน่อย ชอบคิดไปเอง มือหนาผลักหัวอีกคนอย่างร่าเริง

    นายหลอกฉัน
    เธอตามฉันไม่ทันเองต่างหากล่ะ” 

    วันนี้ฉันไปทำการบ้านกับเธอนะ
    ไม่ต้องเลย จริงๆนายก็ทำได้จะหาเรื่องมาให้ฉันสอนทำไม
    ไม่ได้หาเรื่องให้สอน แต่ฉันหาเรื่องให้เธอได้ใกล้ชิดกับฉันง่ายๆต่างหากล่ะ
    พูดบ้าอะไร นายมาทีไรก็หลับไปก่อนทุกที
    แล้วเธอคิดว่าฉันหลับจริงๆรึไง
    ก็ .. เอ๋ ว่าไงนะแปลว่านายแกล้งหลับงั้นเหรอ
    ไม่ดีรึไงที่ฉันเปิดโอกาสให้เธอได้มองหน้าหล่อๆของฉันได้นานๆ

    นาย..รู้ได้ยังไง
    ก็บอกแล้วว่าฉันรู้ทุกเรื่องนั่นแหละ

    แล้วนายไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไงที่โดนจ้องหน้า .. เอ่อ นานๆแบบนั้น

    จริงๆมันก็เมื่อยนะที่ต้องฟุบโต๊ะนิ่งๆแบบนั้น แต่ฉันก็คิดค่าเสียหายแล้วไม่เป็นไรหรอก

    ค่าเสียหายอะไร
    แล้วเธอว่าอะไรล่ะ

    ยงฮวายกยิ้มเจ้าเล่ห์ถามกลับอย่างยียวน ปล่อยให้ซอฮยอนครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงคืนล่าสุดที่ยงฮวาไปแกล้งทำเป็นเผลอหลับที่ห้องของเธอ

    เฮ้ยตอนนั้น!” รอยอุ่นๆที่หน้าผาก .. มันไม่ใช่แค่ความฝันจริงๆด้วย!

    ไอ้คนฉวยโอกาส!”
    ฉวยโอกาสอะไร นั่นมันค่าเสียหายที่ฉันถูกเธอแทะโลมทางสายตาต่างหากล่ะ

    มันเหมือนกันที่ไหนเล่า คนบ้า!!!” มือเล็กกระหน่ำตีคนลักหลับไม่ยั้งจนยงฮวาต้องร้องขอโทษออกมา

    โอเคๆ ฉันขอโทษที่ทำแบบนั้นทั้งๆที่เราเป็นเพื่อนกัน ใบหน้าของเด็กเกเรสลดได้ไม่ถึงนาทีก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแทน

    แต่ตอนนี้เป็นแฟนแล้วจะทำไงก็ได้ใช่ไหมละ

    ไม่พูดเปล่าคนขี้แกล้งก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ประทับจูบบางเบาลงบนกลีบปากแดงของอีกคนแบบไม่ทันตั้งตัว แค่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ทำให้เลือดทั้งกายวิ่งมากระจุกรวมกันที่ใบหน้าใสได้ และยิ่งแดงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อคนขี้แกล้งยังคงแกล้งต่อไปไม่เลิกรา

    วันนี้แค่นี้ เอาไว้วันหลังจะสอนอะไรที่มันมากกว่านี้ให้แล้วกัน
    ย.. ยงฮวาไอ้คนบ้าพูดอะไรออกมาน่ะ!!!!”

    เจ้าเล่ห์จริงนะนายเด็กเกเร หัวใจฉันก็ดันเกเรไปตกหลุมพรางซะได้!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×