คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Rain .. วันที่ฝนตก [re-write]
Rain .. วันที่ฝนตก
Date : 11.01.2011
Re-Write : 05.03.2013
“ซอฮยอนกลับบ้านได้แล้วนะ วันนี้เราไม่ได้มีเวรทำโอทีสักหน่อย” เสียงจากบุคคลที่อาวุโสกว่าเรียกให้ฉันละสายตาจากแฟ้มงานตรงหน้าขึ้นมามอง
“หัวหน้ากลับก่อนเลยค่ะ ฉันยังมีงานเหลืออีกนิดหน่อย”
“กลับเย็นแบบนี้ทุกวัน ลาก็ไม่เคยลาแบบนี้ ไม่กลัวบริษัทได้กำไรมากไปหรือไงจ้ะ” คำพูดหยอกล้อส่งออกมาให้ฉันได้ยิ้มบ้างหลังจากคร่ำเคร่งกับงานมาทั้งวัน
“เอาอย่างนี้ดีกว่าซอฮยอน พรุ่งนี้พี่อนุญาตให้เราพักหนึ่งวัน พักผ่อนให้เต็มที่แล้วค่อยกลับมาทำงาน”
“อย่าเลยค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ อีกอย่างฉันไม่อยากเป็นภาระให้ใคร” ฉันแย้งออกมาแทบจะทันทีที่หัวหน้าพูดจบ
อันที่จริงมันกลายเป็นนิสัยที่เคยชินไปเสียแล้วที่ฉันจะทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเรียกว่าเกินเงินเดือนเสมอ เพราะความที่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยและไม่ชอบให้มีงานค้าง ถึงได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปเต็มที่กับทุกๆผลงาน
“เอาน่าถือว่าพี่บังคับก็ได้ ออกจากหน้าคอมไปสูดอากาศบริสุทธิ์ซะบ้าง”
“จะกลับหรือยังคุณ”
“พี่ไปก่อนนะซอฮยอน วันนี้นัดเขาเอาไว้ว่าจะไปทานข้าวนอกบ้านกันเดี๋ยวคุณชายจะอาละวาดเอา” หัวหน้าหันมาบอกลากับฉันก่อนจะหายออกไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขพร้อมกับสามีของเธอ
…
“เสร็จสักที” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคอมพิวเตอร์ตรงหน้าที่เพิ่งจะจัดการปิดระบบการทำงานของมันไป ทุกๆเย็นซอฮยอนคนนี้จะอยู่ออฟฟิศเป็นคนสุดท้ายทุกที เพราะไม่รู้จะรีบกลับบ้านไปหาใคร หัวหน้าก็มีสามีมารับกลับบ้านทุกวันหรือแม้กระทั่งแม่บ้านที่นี่ก็ยังมีลูกๆให้ต้องไปรับกลับจากโรงเรียน
แต่ฉันมันตัวคนเดียว .. คอนโดที่พักก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานสักเท่าไหร่ จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องรีบเลยสักนิดเดียว
ติ๊ก.. ติ๊ก.. ติ๊ก.. เสียงของเข็มนาฬิกาที่ได้ยินชัดเจน บอกให้รู้ว่าที่นี่เงียบมากแค่ไหน เหลือบมองไปยังหน้าปัดกลมๆบนข้อมือถึงได้รู้ว่าเลยเวลาหกโมงมาเกือบสี่สิบนาทีแล้ว
หลังจากออกมาหน้าออฟฟิศได้ไม่นาน ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตลอดวันก็เริ่มที่จะคำรามขึ้นมาแล้ว โชคร้ายที่วันนี้ฉันลืมหยิบร่มคู่ใจมาเสียสนิท ในตอนนี้ถึงต้องรีบจ้ำอ้าวไปยังป้ายรถเมล์ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยๆก็ยังพอมีที่ให้หลบฝนได้บ้าง
แปะ .. แปะ แปะ
“จริงๆเลย อีกนิดเดียวก็จะถึงอยู่แล้วนะ” ฉันบ่นออกมาเบาๆก่อนจะเร่งฝีเท้าไปยังจุดหมายที่อยู่ห่างออกไปเกือบร้อยเมตร
ซ่า ซา ... ซ่า !!!!
“เกือบไปแล้ว เฮ้อ” ทันทีที่ฉันวิ่งเข้ามาใต้ร่มของป้ายรถเมล์ ฝนฟ้าข้างนอกก็กระหน่ำตกลงมาไม่หยุด จนฉันต้องถอยเข้ามาด้านในเพราะกลัวถูกละอองน้ำฝนกระเด็นใส่
“เอ๊ะ ขอโทษค่ะ” ฉันแทบสะดุ้งเมื่อฉันเผลอถอยหลังไปชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งวิ่งเข้ามาหลบที่ป้ายรถเมล์นี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากต้องขอโทษคุณเพราะผมเพิ่งวิ่งเข้ามา” ผู้ชายคนนั้นก้มหัวให้ฉันน้อยๆ ดูๆไปแล้วเขาน่าจะอายุมากกว่าฉันสักสองสามปี
“คุณคะ” ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าของฉันไปให้เขา มันคงดูแปลกๆสำหรับการทำแบบนี้กับคนที่แทบไม่รู้จักกันเลย แต่เพราะหยดน้ำที่ไหลออกมาจากปลายผมของเขาทำให้ฉันเลือกจะทำแบบนี้
“ขอบคุณครับ แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไปใช้ได้เลย ผมคุณเปียกไปหมดแล้ว” ฉันยิ้มบางๆให้เขา รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องปฏิเสธแน่ๆ
หลังจากให้ผ้าเช็ดหน้ากับคนแปลกหน้าแล้ว ฉันก็ยืนเงียบๆรอให้ฝนหยุดไปอย่างไม่รู้จะทำอะไร มันน่าเบื่อจริงๆนะ ฉันเกลียดฝนมากที่สุด เกลียดความเหนียวเหนอะที่ทำให้ไม่สบายตัว เกลียดเวลาที่หอบหิ้วงานไปไหนมาไหนแล้วต้องคอยหลบฝนด้วย ที่สำคัญเวลามองไปทางไหนก็เห็นแต่คู่รักเดินกางร่มด้วยกันบ้างล่ะ หลบฝนด้วยกันบ้างล่ะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ความรักนี่มันหากันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมจนถึงป่านนี้คนอย่างฉันถึงไม่เจอมันสักที
แกรก ..
”ถึงบ้านสักที” ฉันโยนกระเป๋าทิ้งเอาไว้ที่โซฟาก่อนจะไปหาผ้าขนหนูมาจัดการเช็ดผมที่เปียกให้แห้ง จากป้ายรถเมล์ถึงคอนโดของฉัน มันก็ใช้เวลาเดินทางไม่เท่าไหร่ .. ไม่ใช่อะไร ฉันยืนหลบฝนอยู่ได้สักพัก ก็ดันมีคู่รักวิ่งมาจากไหนไม่รู้มาที่ป้ายรถเมล์ ฉันไม่อยากจะนั่งทำร้ายจิตใจตัวเอง ก็เลยเลือกที่จะวิ่งตากฝนกลับมา
...
นั่งทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย จนเวลาเริ่มใกล้เข้าวันใหม่ไปทุกที ถึงได้ย้ายมานอนที่เตียงกว้างข่มตานอนเท่าไหร่ก็หลับไม่ลง ปกติแล้ว ซอฮยอนมักจะมีกิจวัตรแต่ละวันเหมือนๆเคย .. กลับมาบ้านรีบอาบน้ำนอน เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะต้องรีบตื่นไปทำงาน ไม่เคยได้มีเวลาหยุดพักเพื่อมองสิ่งต่างๆรอบตัว จนกระทั้งวันนี้ .. ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้สึก .. แต่คืนนี้มันต่างออกไป ความรู้สึกที่กัดกินอยู่ในอกซ้าย มันคืออะไรกัน..
กวาดตามองไปรอบๆห้องนอนสีบริสุทธิ์
ไม่รู้ว่าห้องมันกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..
ไม่รู้เลยว่าเตียงที่นอนอยู่ทุกวันมันใหญ่ขนาดนี้ตอนไหน..
นานมากแล้วจริงๆตั้งแต่ย้ายออกมาอยู่หอตอนสมัยเรียน จนกระทั่งเริ่มทำงาน ทุกๆครั้งที่มีปัญหาไม่สบายใจ การต่อโทรศัพท์สายตรงถึงแม่จะช่วยได้มาก แต่นี่มันดึกมากแล้ว เธอจึงไม่อยากจะรบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน
ขาเรียวก้าวไปนั่งริมระเบียง ตาหวานมองเหม่อไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืน แม้จะสวยเพียงใด ก็ไม่ช่วยให้ความรู้สึกที่มีมันหายไปได้ ความรู้สึกโหวงเหวงข้างในอกมันยังมีอยู่
.. เหงา มันคงจะใช่หล่ะมั้ง ความรู้สึกที่กำลังเป็นอยู่ ซอฮยอนคนนี้กำลังเหงา..
แปะ .. แปะ แปะ .. ฝนตกอีกแล้ว
คิดได้ดังนั้น ขาเรียวก็นำพาเจ้าของร่างกลับไปยังห้องนอนกว้าง ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกที่นอนนุ่มๆ อีกครั้งที่ต้องข่มตาหวานให้ปิดลง ไหนจะเสียงฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ข้างนอกหน้าต่าง เสียงฟ้าร้องน่ากลัว ซึ่งมันทำให้ซอฮยอนตระหนักได้แล้วว่า .. เธอเกลียดฝนที่สุด
...
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามากระทบกับเปลือกตาบาง มือเรียวขยี้ตาเล็กน้อย กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับให้ตาหวานรับแสงได้ .. ดีจังที่เช้านี้ฝนไม่ตก
‘วันนี้ออกไปเดินเล่นดีกว่า'คิดได้ดังนั้นซอฮยอนก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
ปัง.. ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก็ได้ยินเสียงประตูของห้องข้างๆปิดลง เพิ่งจะคิดได้ว่า ห้องข้างๆตัวเองมีคนย้ายมาอยู่แล้ว
ตาเรียวมองไปยังประตูไม้ขัดเงา
เพื่อนบ้านเราจะเป็นคนแบบไหนกันนะ ..
มือเรียวยกขึ้นเพื่อจะเคาะประตู แต่เหมือนจะคิดได้ว่า ในเวลาแบบนี้คงเป็นการรบกวนน่าดู ขาเรียวจึงก้าวออกไปจากหน้าห้อง กดลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ซอฮยอนเพิ่งจะได้รับรู้ถึงสิ่งสวยงามที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเลย
สีสันสดใสของดอกไม้ที่วางเรียงรายอยู่หน้าร้านดอกไม้..
กลิ่นหอมๆของไอกาแฟที่ลอยมาจากร้านกาแฟ..
เสียงกริ่งจักรยานของเด็กส่งหนังสือพิมพ์..
บรรยากาศยามสายที่ไม่เคยได้พบเจอ..
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ซอฮยอนเป็นมนุษย์แรงงานอย่างเต็มขั้น ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ และกลับบ้านมืดค่ำ ไม่เคยได้สัมผัส ไม่เคยได้มีช่วงเวลาแบบนี้เลยสักครั้ง
ชื่นชมสิ่งสวยงามรอบตัวอยู่ได้ไม่นาน ฟ้าที่เคยสว่างจ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำครึ้มอีกแล้ว..อะไรกัน ทำไมฝนจะตกอีกแล้วล่ะ
ดูท่าว่างานนี้คงวิ่งกลับไปคอนโดไม่ทันแน่ๆ ซอฮยอนจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปหลบในร้านกาแฟเล็กๆดีกว่า .. คิดได้ดังนั้นแล้วจึงเริ่มออกตัววิ่งไปยังประตูโค้งสวย กลิ่นหอมของขนมอบใหม่ๆลอยมากระทบปลายจมูกเรียก
ไม่น่าเชื่อว่า เค้กนุ่มๆ กับ กาแฟอุ่นๆ จะทำให้บรรยากาศ ที่อึมครึมรอบข้างดูดีขึ้นมาได้ .. ปากเรียกยกยิ้มให้กับความสุขเล็กๆตรงหน้า
“ขอเอสเปรสโซ่เข้มๆหนึ่งที่นะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากโต๊ะข้างๆของซอฮยอน เธอหันไปมองนิดๆหน่อยๆ ตามประสาคนไม่เคยเข้ามานั่งในร้านกาแฟ แต่เมื่อหันไปก็ไปเจอเข้ากับผู้ชายคนเมื่อวานที่เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“อ้าว คุณ”ชายคนนั้นก็สังเกตเห็นและจำเธอได้เช่นเดียวกัน จึงหันมาทักทายกับเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอบคุณสำหรับผ้าเช็ดหน้านะครับ ผมไม่คิดว่าจะเจอคุณอีก ก็เลยไม่ได้หยิบติดมาด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องคืนหรอก” ฉันบอกออกไปตามที่คิดจริงๆ เพราะมันก็เป็นเพียงแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งซึ่งเต็มใจให้
“เมื่อวานคุณวิ่งออกมาก่อน ผมเลยไม่มีโอกาสถามชื่อคุณเลย ผมชื่อยงฮวาครับ จองยงฮวา คุณ..”
“ซอฮยอนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เมื่อกวาดสายตาสำรวจมองคนตรงหน้าชัดๆ ถึงได้เห็นว่าจองยงฮวาคนนี้แต่งตัวสบายๆมาพร้อมกับแลปท็อปตัวบาง ต่างจากฉันซึ่งเคยชินกับยูนิฟอร์มชุดทำงาน ทุกอย่างจึงต้องเนี้ยบและสุภาพมีระเบียบ
คุยกันได้ไม่กี่ประโยคซอฮยอนก็บอกให้ยงฮวาย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกับเธอ เพราะมันคงไม่ดีที่จะนั่งคุยกันข้ามโต๊ะแบบนี้
หลังจากที่คุยกันจนฝนด้านนอกหยุดตก ซอฮยอนก็นึกแปลกใจกับผู้ชายที่เธอเพิ่งรู้จักคนนี้ เขามีมุมมองที่ต่างจากเธอไปเสียทุกอย่าง แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เธอหงุดหงิดใจเลยเวลาที่พูดอะไรออกมาแล้วรู้สึกไม่เหมือนกัน เขามีวิธีโต้แย้งในแบบของเขาซึ่งมันทำให้คล้อยตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ฝนหยุดตกแล้วล่ะครับ” ยงฮวาเอ่ยออกมายิ้มๆ หลังจากที่ได้รู้ว่าซอฮยอนเกลียดฝน
“คุณคงชอบฝนมากเลยสินะคะ ถึงได้ดูไม่หงุดหงิดกับมันเลย” ซอฮยอนถามด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ครับ ผมชอบฟังเสียงเวลาฝนตกครับ มันช่วยทำให้ผมสมองโล่งได้เสมอเลย .. จริงๆนะครับ คุณน่าจะลองดูบ้าง ปล่อยเรื่องที่อึดอัดให้มันไหลไปเหมือนสายฝนที่ไหลลงมาบนกระจกนี่”
ตากลมมองตามยงฮวาไปที่กระจกใสๆของร้าน ที่ตอนนี้มีเม็ดฝนเกาะพราวเต็มไปหมด เมื่อแสงอาทิตย์ที่โผล่พ้นก้อนเมฆออกมาสาดส่อง พวกมันก็ดูเหมือนอัญมณีสีขาวเล็กๆที่ระยิบระยับเต็มไปหมด
ซอฮยอนบอกลายงฮวาเพื่อกลับมาที่ห้อง ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะออกมาจากร้านกาแฟสักเท่าไหร่ เพราะการมีเพื่อนคุยที่รู้สึกถูกคอในวันที่เหงาๆแบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากจริงๆ แต่เธอก็ตัดสินใจขอแยกตัวออกมาเพราะมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเธอจะคอยเกาะเขาไปทั้งวัน ทั้งๆที่เขาหิ้วแลปท็อปมาก็เพื่อมาทำงาน
ก่อนที่มือเรียวจะไขกุญแจเข้าห้อง ดวงตาหวานก็หันไปมองประตูไม้ที่อยู่ติดกัน ออกแรงเคาะเบาๆ ที่ประตูกว้าง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
'สงสัยจะไม่อยู่' คิดได้ดังนั้น ขาเรียวก็เดินกลับมายังห้องของตัวเอง
ซอฮยอนเลื่อนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดมุ่งหมายแน่นอนว่าจะทำไรดี เพราะปกติช่วงบ่ายๆแบบนี้ เธอจะต้องจมอยู่หลังแฟ้มเอกสารกองเบ้อเริ้มที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนห้าโมงเย็น
ครืด .. ครืด ..
เครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะร้องบอกเจ้าของว่ามีคนต้องการติดต่อมาหา ซอฮยอนจึงลุกไปหยิบมันขึ้นมา ชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอเรียกให้คิ้วของเธอต้องขมวดเข้าหากันน้อยๆ
..จองยงฮวา
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ .. คือผมจะเอาผ้าเช็ดหน้าไปคืนคุณน่ะครับ คุณจะออกมาเจอผมได้ไหม คือ.. เป็นร้านแถวๆบ้านคุณก็ได้ครับ” เสียงพูดติดขัดเหมือนเรียงประโยคไม่ถูกของยงฮวา ทำเอาซอฮยอนยิ่งสงสัยหนักเขาไปอีกว่าเขาเป็นอะไร
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ” อีกครั้งที่ซอฮยอนพูดประโยคนี้ แต่ดูเหมือนว่ายงฮวาก็ยังยืนยันจะขอเอาผาเช็ดหน้ามาคืน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ
“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณจำร้านกาแฟที่เราเจอกันเมื่อเช้าได้ใช่ไหมคะ คอนโดของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นแหละค่ะ”
“เอ.. ผมก็อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นเหมือนกันครับ คิดว่าประมาณสิบนาทีก็คงถึง”
ซอฮยอนออกมาจากห้องได้ยังไม่ถึงนาที ก็หันไปเห็นเจ้าของห้องข้างๆเดินออกไป ดูจากลักษณะรูปร่างและทรงผมแล้ว เขาดูคุ้นตาเหลือเกิน .. ไม่สิ แม้กระทั่งชุดที่ใส่
“คุณยงฮวา!” เรียกชื่อคนที่คิดว่าน่าจะใช่ออกไป และน่าตกใจยิ่งกว่าที่เขาคนนั้นหันกลับมาเป็นคนที่ซอฮยอนเรียกจริงๆ
“คุณซอฮยอน คุณ ... คุณอยู่ห้องนี้เหรอครับ” ซอฮยอนเกือบจะหลุดขำออกมากับสีหน้าเหวอๆของยงฮวาที่ตกใจจนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
“ค่ะ ฉันอยู่ห้องนี้ คุณเพิ่งย้ายมาเหรอคะ” ซอฮยอนยิ้มให้กับยงฮวาอย่างเป็นมิตร
เข้าใจแล้วว่าทำไมเคาะประตูเรียกกี่ทีก็ไม่มีคนเปิด ที่แท้เจ้าของห้องก็ไปขลุกอยู่ที่ร้านกาแฟเจ้าประจำนี่เอง
..
แปะ แปะ ... แปะ
ฝนยังคงตกปรอยๆอยู่ตลอด แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ซอฮยอนเลิกที่จะหงุดหงิดกับเสียงฝนแล้ว เพราะความเคยชิน หรือเพราะมีเหตุผลอย่างอื่นกันแน่ก็ไม่รู้
“ซอฮยอน!” เสียงเรียกที่ในตอนนี้กลายเป็นคุ้นเคยไปซะแล้ว เรียกให้เข้ามาหลบใต้ร่มของตัวเอง
“มาทำอะไรแถวนี้คะ” ถามออกไปเพราะผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ซอฮยอนเจอเขาเกือบทุกวัน
“เอางานมาส่งลูกค้าน่ะครับ” ยงฮวาตอบก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาซอฮยอนเองเมื่อเห็นว่าฝนเริ่มลงเม็ดใหญ่ขึ้นทุกที
“วันนี้เป็นไงบ้างครับ”
“ก็เหมือนเดิมแหละค่ะ งานเยอะแยะเต็มไปหมด” ซอฮยอนตอบเพลียๆ เพราะอาทิตย์นี้งานเธอเยอะมากจริงๆ
“เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วให้โดดซะบ้าง คุณก็ไม่เชื่อ” คำพูดทีเล่นทีจริงของยงฮวาทำเอาซอฮยอนยั้งตัวเองไม่อยู่ต้องตีเบาๆไปที่ไหล่ของคนชอบแกล้ง
“ตลกดีนะคะ เราเจอกันตอนฝนตกทุกทีเลย” ซอฮยอนพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่ก็น่าแปลกที่ยงฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่ยิ้มให้เธอเท่านั้น
กลายเป็นกิจวัตรเกือบประจำวันไปซะแล้ว ที่ทุกๆเย็นทั้งสองคนจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน บางวันก็ต่อด้วยการออกไปเดินเล่นชมความงดงามยามค่ำคืนของโซล เพราะความบังเอิญที่ยงฮวามักจะไปโผล่อยู่ในหลายๆที่ที่ซอฮยอนไป
บังเอิญว่าเขามีนัดกับลูกค้าใกล้ๆกับที่ทำงานของเธอ ..
บังเอิญว่าเขามาทำธุระใกล้ๆกับสถานที่ๆเธอไปสัมมนา..
และบังเอิญว่า ... ทุกครั้งที่ฝนตก
เขาจะโผล่เข้ามาทำให้เธอหายเหงาได้ทุกที
“ซอฮยอน..” ยงฮวาเรียกซอฮยอนเอาไว้ก่อนที่เธอจะเข้าห้องไป
“ผม ... อยากบอกอะไรคุณบางอย่าง” ซอฮยอนยังคงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองกลับมาด้วยดวงตาใสๆเหมือนเคย
“ผมรู้ว่ามันยังไม่สมควร แต่ว่า...”
‘เป็นแบบนี้เสมอเลยนะ‘ ซอฮยอนคิด เธอจับทางยงฮวาได้แล้วล่ะ เวลาที่เขาตื่นเต้น เขามักจะพูดหรือเรียงประโยคไม่รู้เรื่องเลย
“ผมก็แค่กลัว .. ว่าถ้า ถ้าเกิดผมไม่บอกคุณเอาไว้ก่อน”
“ฉันว่าคุณพูดสิ่งที่คุณอยากพูดมาเลยเถอะค่ะ” ซอฮยอนหัวหัวเราะน้อยๆให้กับท่าทีของยงฮวา ที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนเรียกความมั่นใจอะไรสักอย่าง
“ที่จริงแล้ว ... เรื่องที่คุณคิดว่ามันบังเอิญมันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญนะ” ซอฮยอนชะงักไปเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน เธอพอจะเข้าใจเรื่องที่เขาจะพูดแล้ว แต่ว่ารอฟังทุกอย่างโดยที่ไม่คิดไปเองคงจะดีกว่า
“ทุกครั้งที่ผมบังเอิญไปเจอคุณ ทั้งที่ทำงาน หรือทุกๆที่ๆคุณไป จริงๆแล้ว ผมตั้งใจไปรอคุณ”
“ผม ... ไม่ได้ตั้งใจจะโกหก เพียงแต่ .. ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี .. แล้วที่ผมตัดสินใจบอกคุณ เพราะผมไม่อยากหลบๆซ่อนๆเหมือนหลอกคุณแบบนี้” ยงฮวายังคงพูดต่อไปเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าซอฮยอนนิ่งไปแล้ว ไม่มีรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าเธอเหมือนทุกที
แม้ว่าจะใจเสียไปแล้ว แต่เขาตัดสินใจมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องทำให้มันจบ อย่างน้อยได้พูดออกไปก็ยังดี
สูดออกซิเจนเข้าไปเพิ่มความกล้าอีกนิดก่อนจะตัดสินใจพูดคำที่อยากบอกออกไป
“ผมชอบคุณ”
ตอนนี้ยงฮวาไม่เหลือความกล้าในตัวมากพออีกแล้ว เพราะซอฮยอนเงียบไม่พูดไม่อะไรออกมาเลย ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะไม่เสียใจ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แต่ตอนนี้ยงฮวารู้แล้วว่าคิดผิด .. ความเงียบคือสิ่งที่กรีดหัวใจได้มากยิ่งกว่าถ้อยคำใดๆเสียอีก
“ผม.. เอ่อ .. คุณไม่จำเป็นต้องรับมันไว้หรอกครับ ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้แค่นั้น ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นเลยจริงๆ”
เสียงฟ้าด้านนอกเริ่มกรีดร้องคำรามขึ้นมาอีกแล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่ยงฮวารู้สึกเกลียดฝนขึ้นมาจับใจ เสียงดังๆที่ก้องกระหึ่ม ทำเอาหัวใจของเขาโหวงเหวงจนแทบทรงตัวไม่อยู่
“คุณ..”
“พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้า”
“เอ๋?” ยงฮวาได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่ซอฮยอนพูดออกมา
“ฉันไปทำงานตอนเจ็ดโมงแล้วก็เลิกตอนหกโมงเย็นทุกวัน”
“...”
“ก็หมายความว่าจากนี้ไปคุณต้องไปรับไปส่งฉันทุกวันไงล่ะ!!!” พูดจบซอฮยอนก็รีบหายตัวเข้ามาในห้อง ทิ้งให้อีกคนยืนยิ้มกว้างและตะโกนโหวกเหวกโวยวายแสดงความดีใจอยู่หน้าห้อง
ร่างบอบบางที่ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกซ้ายรัวกระหน่ำจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่ พิงประตูที่เพิ่งถูกปิดลง มันอาจจะดูรวดเร็วเหมือนคนใจง่าย ... มันอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นเพราะการตัดสินใจครั้งนี้
แต่ว่านั่นมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ..
จะมีสักกี่คนที่จะสามารถผูกพันจนเชื่อใจได้ในระยะเวลาเพียงไม่นาน .. จะมีสักกี่คนที่แตกต่างกันทุกๆอย่างจะเข้ากันได้ดีเท่านี้ .. จะมีสักกี่ครั้งที่ความบังเอิญส่งใครบางคนเข้ามาในชีวิต .. จะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน หากว่าเจอคนที่ใช่แล้วปล่อยให้กาลเวลาพรากเขากลับไป
เสียงฝนที่ยังคงไม่หยุดโปรยปรายลงมา เวลานี้ช่างเหมือนเสียงดนตรีที่แสนไพเราะและตลบอบอวนไปด้วยไอของความสุข สายฝนที่แสนเกลียดที่เคยเอาแต่พัดพาความเหงามาให้ .. ในตอนนี้กลับพาคนที่เข้าใจมาให้เจอจนได้
ขอบคุณนะ .. สายฝน
ที่ทำให้รู้ว่า ‘ความสุข’ มันเป็นยังไง
ความคิดเห็น