คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : พี่ชายที่แสนดี 15
หลายวันผ่านไป...
ชีวิตของหลงฟานก็เริ่มกลับมาเป็นปกติและอาจจะมีความสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
เธอตื่นมาตอนเช้าและทำกับข้าวเตรียมไว้ให้พี่ชายก่อนจะพาจัสตินที่ตัวโตเต็มวัยออกไปเดินเล่นในยามเช้าและกลับมาตอนเกือบๆจะสิบโมง กลับมาเวลาเดิมทุกครั้งและเห็นพี่ชายกำลังนั่งกินข้าวทุกครั้ง ช่วงนี้ตารางของเขาอยู่แถวๆเวลาบ่ายโมงถึงสามทุ่ม
อาจจะมีตื่นเช้าบ้างและที่ต้องตื่นเช้าก็เพราะต้องไปถ่ายละครอีกเรื่องนั่นเอง พี่ชายเธอกำลังไปได้สวยในงานแสดงเขาเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนบ้างแล้ว แฟนคลับก็เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆด้วย พูดได้อีกอย่างก็คือกำลังรุ่งพุ่งแรงแบบฉุดไม่อยู่
หลงฟานก็ได้แค่ดูแลเขาเท่าที่เขาจะให้เธอทำ เธอดูละครที่พี่ชายแสดงไม่เคยขาดและเธอก็ติดมันด้วย อีกอย่างปิดเทอมก็ไม่มีอะไรทำ เธอเลยนั่งๆนอนๆบางวันก็ออกไปเล่นกับเลย์บ้าง บางวันก็คุยโทรศัพท์กับเขาทั้งวันเพราะเบื่อข้างนอก...
เวลาที่อี้ฟานกลับมาจากทำงานหลงฟานก็จะทำเสียงดี๊ด๊าใส่เขาให้เขาหายเหนื่อย ถึงแม้เขาจะทำหน้ารำคาญเธอก็ตาม วันนี้ก็เหมือนเดิม สามทุ่มตรงอี้ฟานก็กลับมา...
“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ!” หลงฟานวิ่งไปหาพี่ชายและถามเหมือนทุกๆวัน
“ไม่มีไร” อี้ฟานก็ตอบเหมือนเดิมทุกๆวัน “ฉันจะอาบน้ำ”
เป็นแบบนี้อยู่ทุกๆวันเหมือนจะเบื่อแต่หลงฟานไม่ได้เบื่อเลย...ได้เห็นพี่ชายเธอทุกๆวันและได้คุยกับเขาทุกวันแค่นี้ก็พอแล้ว เธอจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้เธอกลัวเขามากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เธอร้องไห้กับเขามากขนาดไหน เธอลืมมันไปหมดแล้ว...
เช้าวันต่อมา...
อี้ฟานตื่นเช้ากว่าปกติเพราะมีถ่ายละครของอีกเรื่อง ผู้จัดการเขาโทรปลุกตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าและกว่าเขาจะตื่นจริงๆก็แปดโมงแล้ว เขารีบลุกไปจัดการตัวเองก่อนจะหาอะไรรองท้องในครัว
และจู่ๆโทรศัพท์บ้านที่ไม่ได้ดังมานานเกือบปีก็ดังขึ้น...อี้ฟานแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็เดินไปรับสาย
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ บ้านของหลงฟานใช่มั้ยค่ะ?” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนตอบกลับมา “ดิฉันเป็นครูประจำชั้นของหลงฟานค่ะ ขอแสดงความยินดีกับหลงฟานด้วยนะค่ะ เธอสอบได้ที่หนึ่งของสายชั้น”
“อะไรนะครับ?”
“เธอสอบได้ที่หนึ่งของสายชั้นค่ะ และทางโรงเรียนจะให้รางวัลเธอเป็นทุนการศึกษาในเทอมหน้าทั้งหมด...ดิฉันขออนุญาติดำเนินการในทันทีเลยนะค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรอยากจะเสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นมั้ยคะ?”
“ครับ?”
“เป็นอันตกลงนะค่ะ ขอแสดงความยินดีกับหลงฟานอีกครั้งนึงค่ะ สวัสดีค่ะ”
เธอวางสายไป...และอี้ฟานก็ยืนค้างอยู่อย่างนั้น...
นี่อย่าบอกนะว่าหลงฟาน...ที่หลงฟานอดหลับอดนอนและคอยเข้าๆออกๆห้องครัวตอนดึกๆนั้นก็เพราะเธออ่านหนังสือหนัก...ก็เพราะเธอพยายามที่จะได้ที่หนึ่งเพื่อจะเอาทุนการศึกษา....
เพราะเธออยากจะได้ทุนการศึกษา....
เพราะเธออยากจะแบ่งเบาภาระให้เขา...
อี้ฟานโกรธเขาบอกเธอแล้วว่าไม่ต้องทำอะไร เขาบอกเธอแล้วว่าอย่าคิดแบบนั้น...เขาช่วยตัวเองได้และเขาก็อยู่ด้วยตัวเองได้ เขาไม่ต้องการให้ใครมาช่วยเขาทั้งนั้น ยิ่งเป็นแล้ว...ยิ่งเป็นน้องสาวของเขาแล้ว เขาไม่ต้องการความสงสารจากเธอ!
มันทำให้เขารู้สึกสมเพชตัวเอง!
อี้ฟานยืนกำโทรศัพท์ในมือแน่น...และแล้วหลงฟานก็กลับมาพร้อมจัสติน... เธอทำเสียงร่าเริงใส่เขาเหมือนทุกๆวัน...แต่ว่าตอนนี้เขา...
“เธอสอบได้ที่หนึ่ง...” อี้ฟานบอกเสียงสั่น “เธอได้ทุนการศึกษา...”
“จริงหรอค่ะ!” หลงฟานดีใจใหญ่ “จริงๆหรอพี่! ฉันได้ที่หนึ่งหรอ! ว้าว! ฉันว่าฉันเดาข้อสอบไป--”
“ทำไมต้องทำแบบนั้น!!” อี้ฟานตะหวาดใส่ร่างน้องสาวตัวเอง... แววตาของอี้ฟานคนเก่ากลับมา “เธอคิดว่าฉันไม่สามารถจ่ายค่าเทอมให้เธอได้งั้นหรอ? เธอคิดว่าฉันจนปัญหาหมดสิ้นหนทางช่วยเธองั้นหรอ? เธอคิดว่าฉันนั้นไร้น้ำยาและไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลยสินะ!! เธอดูถูกฉันอยู่ใช่มั้ย!!”
หลงฟานน้ำตาคลอ...ไม่ใช่ซะหน่อย เธอไม่ได้คิดแบบนั้นเลย...
“เธอมันน่ารำคาญจริงๆด้วย” อี้ฟานว่า “เธออยู่เพราะจะซ้ำเติมชีวิตฉันสินะ...รู้ไว้ซะด้ยว่าฉันก็มีน้ำยาพอจะทำอะไรได้เหมือนกัน เชิญเธอคิดในแบบของเธอไปตามที่เธอต้องการเลย” เขาวางหูโทรศัพท์ดังโครมก่อนจะเดินไวๆไปทางห้องตัวเองและกลับออกมาพร้อมเสื้อนอก เขาเดินสวนเธอไปและปิดประตูบ้านดังปัง....
อะไรกัน...ทำไมเป็นแบบนี้...ทั้งๆที่คิดไว้แล้ว...คิดไว้แล้วว่าน่าจะเข้าใจกัน...ทำไมถึงยังเป็นแบบนี้ได้...
เมื่อไหร่กันนะ...เมื่อไหร่ที่เขาจะเลิกหยิ่งซักที...อี้ฟานไม่มีกะจิตกะใจจะถ่ายละครเลย แต่เขาก็ยังทำได้ค่อนข้างดี ละครเรื่องที่สองของเขานั้นเขาได้รับบทเป็นตัวเอก...บทของเขาก็คือพี่ชาย...ที่มีน้องสาวอ่อนแอนอนป่วยที่โรงพยาบาล บทของเขาวันนี้ก็คือต้องไปดูแลเธอ...ทำตัวร่าเริงให้เธอดูทั้งๆที่ลึกๆแล้วเขานั้นเศร้าเสียใจอยู่...
บทในละครช่างแตกต่างกับบทในชีวิตจริง...
พี่ชายในละครนั้นอบอุ่นและทำทุกอย่างได้เพื่อน้อง...
แต่เขา...พี่ชายตัวจริงคนนี้...กลับแสดงความรู้สึกออกมาไม่เป็น...และคอยทำให้น้องสาวตัวเองร้องไห้อยู่บ่อยๆ...เขากับในละครช่างแตกต่าง...
“คริส นายไหวมั้ย” ลู่หานมาเป็นเพื่อนอี้ฟานถ่ายละครเรื่องที่สอง ถึงแม้ว่าลู่หานจะว่างและสามารถพักสบายๆที่บ้านได้เขายังอาสาไปรับไปส่งอี้ฟานเหมือนเดิม...เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก... และอี้ฟานก็ไว้ใจเขาด้วย...
“ฉัน...รับบทเป็นพี่ชายแบบนี้ไม่ได้หรอก” เขาบอกและมองสคริปตัวเองในมือ “มันดีเกินไป...ฉันไม่เคยดีกับน้องสาวแบบนี้”
“เมื่อวันก่อนนายยังทำได้เลย” ลู่หานให้กำลังใจ “วันนี้ทะเลาะกับน้องมาหรอ...อย่าไปคิดมากงานก็คืองาน เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง เอาไว้ค่อยกลับไปแก้ไขมันใหม่ ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน...”
อี้ฟานสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเข้าไปสวมบทบาทพี่ชายที่แสนดีในละคร... เขายิ้มให้น้องสาวตัวเองในนั้น เขาบอกว่าเขารักน้องสาวตัวเองในนั้น.. เขาบอกว่าเขาจะดูแลเธอไปจนกว่าใครคนใดคนนึงจะตายจากไป...
ปรากฏว่าเขาทำสำเร็จ... เขาทำได้ เขาแสดงได้ผ่านฉลุยและน้ำตาของเขาก็คลอออกมาตามที่บทต้องการด้วย... ทั้งๆที่เขาไม่ได้สร้างน้ำตานั้นออกมา...แต่มันออกมาของมันเอง...
“เราไปที่กองถ่ายเรากันเถอะ” ลู่หานเรียกสติเขา เมื่อถ่ายเรื่องที่สองเสร็จแล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปถ่ายเรื่องแรกของพวกเขากันต่อ...
ละครเรื่องแรกเของเขาอี้ฟานแทบไม่ต้องใช้ความสามารถในการแสดงไดๆเลย เขาทำออกมาได้อย่างธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ มันเป็นฉากที่เขาต้องพูดจาทำร้ายนางเอก... เขาทำมันได้ดี...
ดีจนเขาเจ็บใจตัวเอง...
เขาเริ่มรู้แล้ว... เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขานั่นมันโหดร้ายแค่ไหน... เขามันโหดร้ายกับน้องสาวตัวเองแค่ไหน นางเอกในละครยังร้องไห้แทบจะเป็นจะตายและนั่นยังเป็นแค่ละครแล้วเธอล่ะ...เธอที่โดนจากเขาไปตรงๆไม่ใช่ละครไม่ใช่การปรุงแต่ง มันเป็นเรื่องจริงล้วนๆ...เธอจะทรมานมากแค่ไหน...
แต่ถึงจะทรมานเธอก็ยังไม่ทิ้งเขาไปไหน...เธอก็ยังอยู่กับเขา และเธอก็ยังทำให้เขามีชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆได้ด้วย... เขาไม่ควรโกรธเธอด้วยซ้ำ...เขาต้องขอบคุณเธอต่างหาก... เธอพยายามช่วยเขา...แต่เขากลับรู้สึกโกรธเพราะต้องมานั่งสมเพชตัวเอง...
เธอไม่ได้คิดแบบที่เขาพูด เขารู้ดี... เขาอยากยอมรับมันแต่เขาขัดใจตัวเอง... มันเหมือนเขา...เหมือนเขา...
“คริส” ลู่หานเรียกสติเขาอีกครั้ง “นายเป็นอะไรน่ะ...นี่เลิกแล้วนะ จะกลับเลยมั้ยหรือจะไปต่อกันที่อื่นก่อน?...แต่ดูท่าทางนายไม่โอเคเลย”
“อืม...” อี้ฟานตอบพลางถอดชุดแสดงออกช้าๆ “นายกลับไปเถอะลู่...วันนี้ออกมาถ่ายใกล้ๆบ้านด้วย...เดี๋ยวฉันกลับเองได้ วันนี้ขอคิดอะไรหน่อย”
ลู่หานไม่เซ้าซี้เขาบอกลาเพื่อนและขอตัวกลับก่อนทันที
อี้ฟานนั่งอยู่ที่กองถ่ายจนกระทั่งมืดค่ำและเหล่าสตาร์ฟก็ทยอยกลับกันไปทีละคนสองคนจนหมดกองจนเหลือเขาคนเดียว.. เขาอยากคิดอะไรก็จริง แต่สมองเขากลับว่างเปล่า... ยิ่งคิดก็ยิ่งว่างเปล่า
วันนี้มาถ่ายกันที่สถานที่จริงไม่ใช่ในสตูดิโอ ดังนั้นเขาจึงมองเห็นท้องฟ้าที่ดวงดาวส่องประกาย... เขาหลงใหลในท้องฟ้ายามค่ำคืน...ถึงแม้มันจะมืดแต่ก็มีแสงสว่างเล็กๆคอยทอแสงให้เขาได้เห็น...เหมือนกำลังจะบอกเขาว่าทุกๆปัญหาย่อมมีความหวังเสมอ...
“พี่...”
อี้ฟานหันไปมองต้นเสียงด้วยความแปลกใจ... หลงฟานยืนน้ำตาคลออยู่หลังเขา... ในมือถือเชือกที่ล่ามจัสตินไว้แน่น...เธอมากับจัสติน...และเธอคงกลัวว่าพี่ชายจะดุเธอถ้าเธอออกมาเดินเล่นข้างนอกคนเดียว...
เธอคิดถึงเขาเสมอ...ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็จะคิดถึงพี่ชายเสมอ...
“เธอมาที่นี่ทำไม” อี้ฟานลุกขึ้นหันไปหาเธอ... “นี่มันดึกมาก...”
หลงฟานปล่อยเชือกของจัสตินลงและวิ่งตรงเข้ามากอดเขาแน่น เธอร้องไห้ใส่อกเขา... เธอกอดเขา...เธอกอดและร้องไห้
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่เลย...” เธอบอก “ฉันอยากจะช่วยพี่จากใจจริงๆ ฉันไม่เคยดูถูกพี่ฉันไม่เคยคิดว่าพี่มันน่าสมเพชเลยซักครั้ง ฉันแค่อยากจะช่วย... พี่...พี่รับมันเถอะนะ...ฉันอยากให้พี่เข้าใจฉัน...เข้าใจฉันซะทีว่าฉันรักพี่ รักพี่และไม่อยากให้พี่คิดว่าฉันนั้นอยู่เพื่อทำลายชีวิตพี่...ฉันอยากช่วยพี่จริงๆ เราเป็นพี่น้องกันนะ...เราเหลือกันแค่นี้แล้วนะ”
น้ำตาอุ่นๆของอี้ฟานค่อยไหลลงอาบแก้มของเขา... เขารีบปัดมันออก... เขาพยายามกลั้นน้ำตาไว้...
“พี่บอกฉัน” เธอพูดต่อ “พี่ฉันทีว่าพี่ไม่ได้เกลียดฉัน....ฉันรู้ว่าพี่ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่พี่แสดงออกมา...ฉันเข้าใจพี่ดี ฉันจะรักพี่ไม่ว่าพี่จะเป็นแบบไหน..ฉันจะอยู่ข้างพี่ไม่ว่าพี่จะไปที่ไหน...แต่ขอร้อง...พี่ช่วยบอกฉันทีว่าพี่ไม่ได้เกลียดฉัน”
“ฉัน...” อี้ฟานพยายามข่มน้ำเสียงสั่น “ฉันไม่ได้เกลียดเธอเลย...”
หลงฟานร้องไห้ดีใจและกอดพี่ชายแน่นขึ้น...
“ฉันขอโทษ” อี้ฟานพูด “ฉันไม่เข้าใจเหมือนกัน...ว่าฉันเป็นอะไร...ฉันขอโทษหลงฟาน...ฉันไม่ได้เกลียดเธอเลย” อี้ฟานค่อยๆโอบร่างน้องสาวไว้ในอ้อมแขน...
“ต่อไปนี้...” หลงฟานพูด “ต่อไปนี้ให้ฉันทำอะไรเพื่อพี่...ให้ฉันช่วยแบ่งภาระพี่นะค่ะ”
“อื้อ...ได้” อี้ฟานยิ้มให้ตัวเอง “แต่ถ้าเหนื่อยขึ้นมาก็ไม่ต้องมาร้องไห้ใส่ฉันนะ”
“ร้องไห้มาอีกแล้วใช่มั้ย?” เลย์กรอกเสียงลงไปทางโทรศัพท์ เขารู้ได้ในทันทีที่หลงฟานรับฮัลโหลเขา เสียงเธออู้อี้ชัดเจนมาก “คราวนี้ร้องเพราะอะไรละ...ฉันเดาไม่ถูกแล้วเนี่ย”
เธอหัวเราะ...แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย์ค่อยโล่งอก เธอบอกว่า “เข้าใจกับพี่ชายแล้ว...เข้าใจกันมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว”
“ดีใจด้วยนะ” เลย์ดีใจไปกับเธอ “ดูท่าทางเธอจะรักพี่ชายเธอมากเลยนะหลงฟาน...รักมากแบบนั้นเดี๋ยวก็รักคนอื่นไม่ได้กันพอดี...เอาความรักไปให้พี่ชายหมดแล้วผู้ชายอย่างฉันจะได้มาบ้างมั้ย?”
“พูดอะไรของนายน่ะ” เธอหัวเราะ
“แหม...ทำซื่อตลอดเลยนะหลงฟาน” เลย์แซว “ช่างเถอะ ยังไม่ถึงเวลา...ว่าแต่เทอมหน้า” เขาเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าฉันไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเธอละจะทำยังไง...ไม่ใช่สิ ฉันจะทำยังไงถ้าไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ”
“ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเลย์ ไม่เห็นว่าจะจำเป็นที่ต้องตัวติดกันตลอด แค่...“
“แค่ใจเราเชื่อมกันก็พอใช่ปะ?” เลย์ตอบแทน “แหม..พูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรอหลงฟาน...ไปติดมาจากไหนเนี่ย”
“บ้าหรอ”
“แต่ว่า!” เลย์ขึ้นเสียง “ห้ามไปพูดแบบนั้นกับใครนอกเหนือจากฉันนะ! ไม่งั้นฉันโกรธ”
“ไม่กลัว”
“โธ่ กลัวหน่อยสิ...” เลย์ยิ้มมีความสุข “แต่ไม่เป็นไร...ฉันยอมเธอได้ทุกอย่างนั้นแหละ...และฉันก็เชื่อใจเธอด้วย ถึงจะอยู่กันคนละห้องก็ไม่เป็นไรแค่เธออย่านอกใจฉันก็พอ”
“นอกใจอะไรยะ”
“แหนะ ซื่ออีกแล้ว” เลย์หัวเราะ “ฉันเองก็ยังไม่ยอมเธอบอกซักทีเนอะ...นี่หลงฟาน”
“หือ?”
“เมื่อไหร่พวกเราจะพูดกันตรงๆซักที...ว่ารู้สึกยังไงต่อกันน่ะ...”
“...”
“เฮ้ยอย่าเงียบ!” เลย์หน้าแดง “ฉันเขินหมดแล้วเนี่ย เปลี่ยนเรื่องๆเอาไว้คุยกันทีหลังละกัน มีเวลาอีกตั้งเยอะแยะที่สำคัญฉันต้องเอาชนะใจพี่ชายเธอให้ได้ก่อน โอ้ย แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”
“นายจะชนะใจพี่ชายฉันไปทำไม...”
“อีกและ...ถามซื่อๆอีกแล้ว” เลย์ทำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย “ทำไมหรอ? อยากให้ฉันพูดคำนั้นออกไปมากเลยหรอ? อยากให้พูดตอนนี้เลยมั้ย? พูดเลยดีปะว่าฉันน่ะ--”
“ไม่ๆๆๆๆ” หลงฟานรีบแทรกเพราะเธอก็เขินจนรับไม่ไหวเหมือนกัน “ไม่ต้อง...ไม่ต้องพูอะไรแล้วฉันจะนอน...”
“แหม...แถไปเรื่อยนะครับ” เลย์แซว “นอนก็นอน...แต่จำไว้นะหลงฟาน...ฉันจะเป็นคนพูดคำนั้นออกมาก่อนเพราะงั้นเธออย่าชิ่งตัดหน้าฉันละ เข้าใจมั้ย?”
“ไม่เข้าใจ”
“เดี๋ยวเถอะ! เอาเป็นว่ารู้กันก็พอ...”
“รู้อะไรของนายย่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันนอนละ...บาย”
เมื่อหลงฟานวางสายไปแล้ว...เลย์ก็พูดคนเดียว...
“ฉันก็รักเธอไงยัยบ๊องเอ้ย”
ความคิดเห็น