คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : ตอนที่ 40 ตอนจบ 0.3
“วันนี้ อันนาต้องแต่งตัวสวยๆนะจ๊ะ” เซมีกำลังถักเปียให้อันนาอยู่ที่ห้องของเธอ
วันนี้เป็นวันที่อันนาจะต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่แล้ว วันนี้เป็นวันที่เธอจะได้อยู่ในปราสาทเป็นวันสุดท้าย วันนี้เป็นวันที่เธอจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ...
ถึงเซมีจะพยายามทำใจและไม่คิดจะยื้อเธอแล้วแต่ความจริงก็คือความจริง ความจริงที่ว่าเธอใจหายกับเรื่องนี้...อันนากำลังจะจากเธอไป ทำใจยังไงก็ยังใจหายอยู่ดี...เธอถักเปียให้อันนาอย่างถนุถนอมและตั้งใจ... อีกไม่นานคนที่จะถักเปียให้อันนาคงจะไม่ใช่เซมีอีกต่อไปแล้ว เซมีหวังว่าแม่คนใหม่ของเธอจะตั้งใจถักเปียให้อันนาด้วยความรักเหมือนที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้....
หวังว่าอันนาคงจะมีความสุขกับครอบครัวของเธอ...
นอกห้องของเซมี ดีโอกำลังจะเปิดประตูห้องเพื่อเข้าไปพบเธอและในมือเขามีแฟ้มสีชมพู...แต่เมื่อเขาเห็นเซมีกับอันนาอยู่ด้วยกัน เขากลับแค่แง้มประตูและยืมมองพวกเธอสองคนคุยกันอยู่เงียบๆที่ประตู....
เห็นได้ชัดเลยว่าเซมีดูเศร้าหมอง รอยยิ้มที่เธอส่งให้อันนาถึงจะสดใสและอ่อนโยนแต่ดีโอสัมผัสได้ถึงความเศร้าลึกๆของเธอ ดีโอรู้จักเธอดี...ดีโอเข้าใจเธอหมดทุกอย่าง เขารู้ว่าเซมีเป็นคนยังไง เขารู้ดีว่าเซมีนั้นรักอันนามากแค่ไหน...
ดีโอตัดสินใจหันหลังและเดินกลับไปหาคนอื่นแทน... เขาไม่ควรเข้าไปขัดเวลาที่มีค่าของอันนากับเซมี
ก่อนหน้าที่ดีโอจะมาหาเซมีนั้น ซูโฮได้เข้าไปพบเขาถึงที่ห้องส่วนตัวและแจกแจงภารกิจให้เขาเรียบร้อย ซูโฮบอกว่าเขาสามารถเลือกคู่หูที่ไว้ใจที่สุด เขาเลือกได้หมดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และเขาก็แทบไม่ต้องคิดเลย เขาอยากจะทำภารกิจนี้กับเซมี...เหตุผลที่ซูโฮให้เขาเลือกนั้นก็คือ
ในแฟ้มนั้นมีข้อมูลของคนที่ต้องสาปด้วยคำสาป หลงลืม ผู้ที่โดนคำสาปนี้จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ย้อนหลัง...นั่นก็คือเขาจะมีความทรงจำกลับไปเรื่อยๆ... เหมือนว่าปีนี้เขาอายุ21ปี แต่ทว่าปีหน้าเขาจะมีความทรงจำตอนอายุ20ปี และ ย้อนกลับไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ... จนตอนนี้คนที่โดนคำสาปมีความทรงจำอยู่ในช่วง10ปีแล้ว และคนที่โดนคำสาปนั้นค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับดีโอโดยตรง...
ใครคนนั้นก็คือแม่ของเขาเอง...
ดีโอเดินไปตามระเบียงปราสาทเรื่อยๆ และคนที่สองที่เขานึกขึ้นได้ก็คือชานยอล...แต่เขากลับไม่เดินไปหาชานยอล เขาไม่เลือกชานยอล...เขาเลือกเซฮุน
เขาเดินมาถึงหน้าห้องของเซฮุนและเดินเข้าไปหาเขา...ท่าทีที่ลังเลของดีโอทำให้เซฮุนยืนมองเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวลทันทีนานๆครั้งเซฮุนจะทำหน้าแบบนี้ออกมาให้เห็น... ดีโอเล่าถึงภารกิจของเขาให้เซฮุนฟัง เซฮุนไม่ขัด เซฮุนไม่เล่นและเขาตอบรับภารกิจกับดีโอทันที...เขาจะไปหาแม่ดีโอและทำภารกิจด้วยกันกับเขา
ทางด้านเลย์เขาเริ่มกระวนกระวายและอยู่ไม่ติดปราสาทอีกครั้ง เขาบินไปบินมาข้ามจังหวัดบางครั้งก็ข้ามประเทศออกตามหาเวนดี้ของเขา เมอร์ลินบอกเขาตอนนี้แม่มดปีศาจก็ถูกถอนรากถอนโคนออกหมดโลกแล้ว ดังนั้นไม่มีเรื่องไหนที่จำเป็นจะต้องมีอัศวินทั้ง12อีกต่อไป...ดังนั้นเลย์จึงสามารถกลับไปที่ดาวของเขาได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ...
และตอนนี้เลย์ก็เริ่มคิดถึงทิงเกอร์เบลของเขา...แต่เขาก็อยากตามหาเวนดี้ให้เจอ...เขาหวังแล้วหวังเล่าว่าเวนดี้ของเขาจะต้องยังไม่แต่งงาน เวนดี้ของเขาต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกใบนี้...
หรือคิดในอีกแง่ก็คือเลย์พยายามตัดใจจากเธอคนนั้น...เธอที่อยู่ในปราสาทหลังเดียวกับเขา เธอที่เขาชอบคิดถึงทุกครั้งก่อนนอน...เธอที่เขาเห็นหน้าแทบจะตลอดเวลาในหัวของเขา...เธอที่เป็นเหมือนดาวที่ส่องแสงบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน
เซมี...
“นายควรจะตามดีโอไปนะ” คริสเข้ามาที่ห้องปรุงยาของซิ่วหมินและพูดกับเขา “ฉันว่าเขาคงไม่สามารถพาแม่ที่มีความทรงจำตอนอายุสิบขวบแบบนั้นได้ด้วยตัวเองหรอก...และอีกอย่างแม่เขาก็--”
“ไม่ต้องห่วงครับ” ซิ่วหมินเดินมาตอบคริสก่อนจะไปยุ่งอยู่กับหนังสือเก่าๆ สังเกตดูดีๆแล้วเขากำลังจัดกระเป๋า เขายัดน้ำยาแก้คำสาปหลายขวดลงกระเป๋าและมองหาหนังสือสองสามเล่มก่อนจะหนีบมันใต้แขน “ฉันตามเขาไปแน่นอน นายไม่ต้องห่วงหรอกคริส นายทำดีที่สุดแล้ว”
“ฉันโอเค” คริสยักไหล่และทำหน้าไม่เข้าใจซิ่วหมิน “ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย...”
“ฉันเห็นดีโอไปกับเซฮุน”
ทันทีที่ซิ่วหมินพูดประโยคนั้นไปคริสก็นิ่งและยืนคิดบางอย่างอยู่เงียบๆ...ซิ่วหมินเดินไปหยิบการแบกกระเป๋าและหยิบไม้กวาดก่อนจะเดินไปหาคริสใกล้ๆและแตะไหล่เขาเบาๆเชิงปลอบใจจากนั้นก็เดินออกจากห้องเพื่อตามไปสมทบกับดีโอกับเซฮุนทันที และปล่อยให้คริสอยู่ในห้องคนเดียว
คริสเองก็เห็นว่าเซฮุนไปกับดีโอ ดังนั้นเขาจึงมาหาซิ่วหมินเพื่อขอช่วยให้ซิ่วหมินตามไปช่วยดีโออีกแรง...ทุกครั้งที่มีเรื่องเกี่ยวกับแม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแม่ของใคร หรือแม้กระทั่งแม่มด คริสจะกังวลเรื่องลูกชายของเขาทุกครั้ง กังวลมากด้วยแต่เขาไม่แสดงออกและก็ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครรู้...นอกจากพ่อของเขา...เมอร์ลิน และเดาได้เลยว่าเมอร์ลินมาขอร้องซิ่วหมินก่อนนหน้าเขาเมื่อไม่กี่นาทีนี้เพราะเขาเพิ่งเดินสวนกับพ่อตัวเองมา เดาได้เลยว่าเมอร์ลินมาบอกเรื่องของเขาให้ซิ่วหมินฟังหมดทุกอย่าง...
คริสเกิดมาด้วยความรักของพ่อและแม่...เขาสนิทกับทั้งพ่อและแม่ แต่ถ้าให้พูดก่อนที่แม่จะเสียไป แม่คือคนเดียวที่เลี้ยงเขามา แม่คือคนเดียวที่ถนุถนอมเขาและกล่อมเขาให้นอนหลับ...ส่วนพ่อนั้นชอบออกไปไหนไกลๆและนานๆครั้งจะกลับมาหาพวกเขา...ดังนั้นช่วงวัยเด็กของคริสของเขาส่วนใหญ่ก็มีแค่แม่...แม่คนเดียว
และเมื่อเขาอายุ40...เขาก็เพิ่งได้รับรู้ว่าเขามีพลังวิเศษ...พลังที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คและทรมาน ในขณะที่แม่เขาแก่ชราลงเรื่อยๆแต่เขากลับอายุ25เท่าเดิม... แม่อ่อนแรงลงเรื่อยๆแต่เขากลับหนุ่มแน่นไม่เปลี่ยน...และนั่นทำให้พ่อของเขากลับมา... ชีวิตของแม่ใกล้หมดแต่ชีวิตของเขากลับไม่มีที่สิ้นสุด เมอร์ลินกลับมาหาคริสก็ตอนแม่ของเขาใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้ว...
เขาเพิ่งมาสนิทกับพ่อตอนช่วงอายุสามสิบกว่า...และเมื่อแม่เสียไปเขาก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปพักใหญ่ๆ กว่าเขาจะได้สติก็ตอนที่เห็นเด็กทารกคนนึงอยู่หน้าประตูบ้านของเขาแล้ว...และเด็กคนนั้นก็คือเซฮุน
พ่อของเขา เพื่อนของเขา และ ลูกของเขา...ทำให้เขากลับมาเป็นคริสคนเดิม คริสที่เป็นลูกที่ดีของแม่ เขาอาจจะใช้เวลาปรับตัวนานไปหน่อยและอาจจะทำร้ายเซฮุนไปมากแต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เขารู้ว่าซักวันเซฮุนก็ต้องจากเขาไปและนั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้...เพราะเขาไม่สามารถทำให้เซฮุนเป็นอมตะเหมือนเขา
เรื่องเดียวที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คือมอบความรักให้เขา ดูแลเขา และ ตามหาแม่ให้เขา...
นี่เป็นสาเหตุที่เขากังเวลเรื่องเซฮุนที่ไปทำภารกิจร่วมกับดีโอ...ภารกิจที่มีหัวข้อของคำว่าแม่มาเกี่ยวข้อง... เซฮุนต้องนึกถึงแม่ของเขาแน่นอน...ถึงปากเขาจะบอกว่ารักพ่อและมีพ่อคนเดียวก็พอแล้วก็ตาม...
มันอาจจะถึงเวลาที่คริสจะต้องตามหาแม่ของเซฮุนอย่างจริงจัง และ...ให้เขาได้อยู่กับแม่ของเขา ให้เขาได้ใช้ชีวิตที่เหลือกับแม่ของเขา ส่วนพ่อคนนี้จะคอยดูอยู่ห่างๆเอง...
แม่กับลูกควรจะได้แก่ชราและเติบโตไปพร้อมๆกัน... อายุของพวกเขาควรจะควรจะไหลไปตามกาลเวลาและสิ้นสุดลงซักวันอย่างที่ธรรมชาติกำหนดมา...
คิดได้ดังนั้นแล้วคริสก็ออกเดินทางแทบจะทันที... และเขาไม่ลืมที่จะเรียกเทาให้ไปกับเขาด้วย มีแค่เทาหนึ่งคนก็สามารถช่วยเขาได้ทุกอย่าง
เซฮุนเป็นคนขับรถและมีดีโอนั่งมองแฟ้มสีชมพูอยู่เงียบๆ...
“ทำไมพี่ถึงเลือกผมละครับ” เซฮุนดับความเงียบลง
ดีโอหันไปมองหน้าข้างของเขาแปปนึงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูนิ่งและลึกล้ำ “ฉันอยากให้นายรู้ว่าแม่...ไม่ได้รักลูกเสมอไป...” ดีโอมองไปข้างหน้าและเล่าต่อ “ฉันเกิดมาได้แค่สองปี แม่ฉันก็ทิ้งฉันให้อยู่กับป้าและไปแต่งงานใหม่ ป้าบอกให้ฉันปิดปากเงียบเรื่องแม่และบอกให้ฉันเรียกป้าว่าแม่แทน...ป้ายัดเยียดความทรงจำปลอมๆให้ฉันและคอยพร่ำบอกว่าแม่ที่ไปแต่งงานใหม่และมีลูกคนใหม่คนนั้นไม่ใช่แม่ของฉัน...”
เซฮุนสะเทือนใจมากที่ได้ยินแบบนั้น แต่ทว่าเขาพยายามควบคุมมันให้นิ่งและตั้งใจฟังดีโอเล่าเรื่อยๆ..
“ป้าก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ ป้าดูแลฉันดี...แต่ป้าก็ไม่ได้รักฉันเท่าที่รักพีโอหรอก พีโอคือลูกแท้ๆของป้าน่ะ ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดจนกระทั่งตัดสินใจไปอยู่กับคนที่รักฉันมากกว่าป้า...ตากับยายฉันน่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าพีโอจะรักฉันมากเหมือนกัน เขายอมทิ้งแม่ของเขาเพื่อมาอยู่กับฉัน...แต่สุดท้ายฉันก็ทิ้งพวกเขามาอีก” ดีโดถอนหายใจ “ฉันทิ้งพวกเขา...เพราะฉันรู้ว่าฉันมันไม่ใช่มนุษย์ปกติ ฉันมันตัวประหลาดที่สามารถใช้พลังจิตทำอะไรก็ได้ ทันทีที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองมีพลังแปลกๆนี้ฉันก็แทบจะหนีออกจากบ้านไปทันที...ฉันไม่กล้าบอกใครเลย...ถ้าบอกไปพวกเขาจะมองฉันเป็นตัวประหลาดหรือเปล่า? ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีที่ให้ฉันอยู่...ถ้าวันนึงพีโอรู้ว่าฉันไม่ปกติละก็เขาคงจะกลัวฉันและไม่อยากเข้าใกล้ฉันอีกแน่นอน...ฉันซึ่งหมดหนทางหนีและไม่รู้จะหนีความเจ็บปวดนั้นไปที่ไหน...และอยู่มาวันนึงเธอก็ปรากฏตัวที่บ้านของฉันและนำความหวังในการใช้ชีวิตของฉันกลับมา เธอทำให้ฉันรู้สึกถึงการมีตัวตน...และเธอทำให้ฉันมีเพื่อนที่รักฉันมากมาย”
น้ำตาเซฮุนไหลอาบแก้มช้าๆ...ดีโอเห็นแล้วก็ยิ้มในความเปราะบางของเขา ดีโอยื่นมือไปปัดน้ำตาของเซฮุนออกและบอกเขา “ฉันไม่เป็นไร...ฉันโอเคทุกอย่างเลย แต่นายน่ะเซฮุน นายยังต้องเจออะไรอีกเยอะ...ฉันอยากให้นายโตและเป็นผู้ใหญ่ ฉันอยากให้นายรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามเสมอไป มันอาจจะโหดร้ายไปหน่อยแต่คนเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ นายไม่ต้องห่วงนะภารกิจนี้จะไม่มีน้ำตาแห่งความโศกเศร้า แต่มันเป็นภารกิจที่มีคำว่าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวเท่านั้น...หน้าที่ของลูกน่ะ อย่าร้องไห้แล้วเข้มแข็งขึ้นได้แล้วนะเซฮุน”
“คะ-ครับ” เซฮุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ผมจะผ่านภารกิจนี้กับพี่แบบชิวๆเหมือนไม่มีอะไร” เขาพยายามหัวเราะ
“อาจจะยิ่งกว่าชิวด้วยซ้ำ” ดีโอเริ่มผ่อนคลาย
“ขนาดนั้นเลยหรอครับ?”
“ขนาดนั้นเลยละ...เพราะฉันเห็นซิ่วหมินเพิ่งบินแซงเราไปเมื่อกี้นี่เอง”
ถึงเวลาที่อันนาจะต้องบอกลาทุกๆคนในปราสาท ซูโฮกับเมอร์ลินอาสาไปส่งเธอด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่คริสกับเทาไม่อยู่แต่ซูโฮยืนยันว่าพวกเขาจะตามไปบอกลาอันนาถึงที่บ้านของเธอแน่นอน... อันนากอดและหอมแก้มลาทุกคนอย่างน่ารักและสดใส รอยยิ้มของเธอเปี่ยมไปด้วยความสุข
เซมีกอดเธอแน่นและจูบแก้มเธอเป็นครั้งสุดท้าย... เซมีบอกอันนาว่าอย่าดื้อ ต้องเชื่อฟังพ่อและแม่ ต้องเป็นเด็กดีให้พวกท่าน ต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง... อันนาตอบตกลงก่อนจะเดินไปจับมือซูโฮและโบกมือลาทุกๆคน
ซูโฮพาอันนาขึ้นรถและขับเธอออกไปจากปราสาท...ทิ้งความอาลัยอาวรอยู่เบื้องหลัง
เซมีกลั้นน้ำตาได้จนกระทั่งเธอเดินมาที่ห้องตัวเอง... เธอสัญญาว่าจะร้องเรื่องอันนาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...
ชานยอลที่เดินตามเธอมาเงียบๆก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเธอ...และเขากำลังคิดอะไรบางอย่างด้วย...
“เฮียแน่ใจนะครับว่าเซฮุนเขาอยากอยู่กับแม่” เทาที่เป็นคนขับรถถามคริสที่นั่งหน้าเครียดอยู่เบาะหน้าข้างๆเขา
“อืม...” คริสตอบในลำคอ...
“แล้วเฮียแน่ใจหรอว่าแม่เขาอยากให้เขาไปอยู่ด้วย”
คริสหัวขวับมามองเทา “คนเป็นแม่ก็ต้องอยากอยู่กับลูกสิ นายถามอะไรแปลกๆ”
“เฮีย...” เทาเรียกสติเขา “โลกนี้มันไม่ได้มีคนแบบแม่เฮียเสมอไปหรอกนะครับ เฮียไม่เห็นแม่ของแบคคยอนหรอ? เป็นถึงแม่มดปีศาจเลยนะครับ”
คริสนิ่งและกำลังใช้ความคิด...บางทีเทาอาจจะพูดถูก ความจริงเทาเป็นคนขี้กลัวเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่พอเป็นเรื่องที่ดูโหดร้ายและเรื่องที่ต้องใช้กำลังเขากลับไม่กลัวและไม่เคยคิดจะหนีเลยซักครั้ง เทาเกิดมาก็ไม่ได้รับความอุบอุ่นมากมายนัก เขาจึงรู้ดีว่าโลกของคำว่าครอบครัวมันไม่ได้มีแต่ในด้านที่ดี เขาชอบที่จะอยู่กับเพื่อนและอยู่กับคริสมากกว่าการออกไปตามหาครอบครัวหรือคาดหวังไปกับสายเลือดของตัวเอง...
เทาพูดต่อ “ผมอยากให้เฮียมองในอีกแง่ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เซฮุนเขาก็บอกอยู่เต็มปากว่าเขารักพ่อของเขาและแม่ก็ไม่ได้ดูแลเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มาคิดจะเจอจะอยู่ด้วยกันป่านนี้มันก็คงจะเริ่มยาก”
คริสถอนหายใจเริ่มเห็นด้วยกับเทาเรื่อยๆ...
“โอ้ย!” จู่ๆเทาก็ร้องเสียงดังและหักเลี้ยวดริฟรถจอดกะทันหัน คริสตกใจจนเผลอร้องเสียงหลงออกมา
“เป็นเชี่ยอะไรของมึงเทา!” คริสว่า
“ผมเบื่อที่ต้องมานั่งดราม่า” เทาบอก “รู้มั้ยว่าชีวิตของเฮียหลังๆมานี้มีความสุขมากก็จริง แต่เฮียแบบกลายเป็นคนคิดมากคิดเล็กคิดน้อยกังวลนู่นนี่นั่นเหมือนคนแก่ใกล้ตายงั้นแหละ”
“แกว่าอะไรนะ?!”
“คนแก่ใกล้ตายน่ะได้ยินมั้ย? อีกอย่างเฮียมีชีวิตที่เป็นอมตะหัดทำตัวให้มันสบายๆชิวๆเหมือนคุณเมอร์ลินไม่ได้หรอครับเฮีย? ผมยอมรับว่าการที่เรากลับมาเป็นคนดีและอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในปราสาทนั้นเป็นสิ่งที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของผม แต่ผมก็ไม่ได้เสียความเป็นตัวของตัวเองนะครับ ผมยังบ้าระห่ำและทำในสิ่งที่อยากทำเหมือนเดิม ที่สำคัญยังเคารพและทำตามคำสั่งของเฮียไม่ขาดอีกด้วย! แต่ดูเฮียสิ” เทากวาดสายตามองร่างของคริสหน่ายๆ “มีความสุขก็จริงแต่กลับไม่มีชีวิตชีวา...ทำเพื่อคนอื่นอย่างเดียวชีวิตเราจะไปสนุกอะไรครับ คิดให้ตัวเองบ้าง ทำตามความรู้สึกของตัวเองบ้างสิครับ บางทีอะไรๆมันอาจจะง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“แกพล่ามยาวจนฉันงง”
“เออนั่นแหละ!” เทาร้องดีใจ “นี่ไงเริ่มกลับมาเป็นเฮียคนเดิมแล้ว! แต่เอาเรื่องเซฮุนก่อน ผมขอถามเฮียหน่อยว่าเฮียรักเขามั้ย?”
“รักสิวะ”
“รักมากมั้ย”
“มากสิ”
“แล้วรักเขามากทำไมถึงไม่อยากอยู่กับเขาละครับ?”
“ก็...”
“ห้ามคิดถึงคนอื่น!!” เทาตะคอก “เอาแค่ความรู้สึก!!”
“เออ!!” คริสตะโกนกลับไป “กูไม่ให้มันไปหาแม่แล้ว!! อยู่กับกูนี่แหละ อยู่จนกว่าจะตายกันไปข้างนึงไม่แคร์หัวใครแล้ว!! เซฮุนคือลูกกู มันก็ต้องอยู่กับกู!! แล้วแม่มันน่ะถ้าอยากเจอลูกละทำไมไม่ออกตามหาเองละ!!”
“ใช่!!” เทาเชียร์เสียงดัง “ถ้านังนั่นอยากอยู่กับลูกมันก็คงออกตามหากันให้ตาหลุดแล้วละครับ!”
“อย่าเรียกนังนั่นสิวะ นั่นแม่เซฮุนนะเว้ย!”
“แคร์ทำไมครับ!!” เทาเพิ่มเสียงหน้าเขาแดง “คนอย่างนังนั่งมันไม่สมควรได้คำว่าแม่ไปด้วยซ้ำ”
“ไอนี่!” คริสตบหัวเทา “บางทีเธออาจจะมีเหตุผลที่ต้องทิ้งเซฮุนก็ได้นะโว้ย อย่าด่วนสรุปสิวะ”
“อะไรของเฮีย!” เทาจับหัวตัวเอง “เกิดรักนังนั่นขึ้นมาหรอไง!!”
“ไอนี่!!” คริสตบหัวเทาอีกรอบ “ไปกันใหญ่ละนะ มึงนี่ไม่เคยคิดถึงใจเขาใจเราเลยสินะ”
“ไม่ครับ” เทาตอบชัดเจน “ผมแคร์แค่คนที่ผมอยากจะแคร์ ผมจะคิดเรื่องคนอื่นให้เปลืองสมองผมทำไมละครับ”
“เออ...กลับมาใช้ความรู้สึกและชั่วนิดๆก็ได้วะ” คริสตัดสินใจล้มเลิกตามหาแม่ให้เซฮุน “กลับรถเลยเทา”
“กลับไปไหนครับ?” เทาหันไปยิ้มแบบมีเลศนัย
คริสก็ยิ้มแบบมีเลศนัยเช่นกัน “กลับไปไหนอีกละ...ก็ไปคาสิโนไง”
แล้วทั้งสองก็ระเบิดหัวเราะลั่นรถอย่างสะใจ
ซิ่วหมินมาถึงโรงพยาบาลที่แม่ของดีโอพักอยู่ก่อนที่ดีโอกับเซฮุนจะถึงซะอีก เขายืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าประมาณสิบนาทีกว่าทั้งสองคนจะมา ความกังวลทั้งของดีโอและเซฮุนหายไปทันทีที่เขาเห็นซิ่วหมินยืนโบกไม้โบกมือให้เขาพวกเขา ซิ่วหมินเดินนำเข้าไปข้างในและตรงไปที่ห้องพักของแม่ดีโอทันที...ทั้งสองเดินตามไปเงียบๆ
และเมื่อเข้าไปข้างในก็พบกับเด็กผู้ชายที่หน้าคล้ายๆดีโอถึงสองคนด้วยกัน พวกเขานั่งเล่นจิ๊กซอร์กับแม่ที่มีความทรงจำวัย10ขวบ...ดีโอเห็นร่างน้องชายสายเลือดเดียวกับตัวเองแล้วไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เขาโตแล้ว...เขาโตพอจะแยกแยะอะไรออกแล้วละ แค่เซฮุนค่อนข้างจะอึดอัดเล็กน้อย ยิ่งเขาเห็นสามีคนใหม่ของแม่ดีโอที่แทบจะไม่รู้จักดีโอเลยนั้นก็ยิ่งทำให้เขาเก็บอาการได้ลำบากสุดๆ ดีโอจึงช่วยปลดปล่อยให้เรื่องดราม่าของเซฮุนนั่นหายไปด้วยการเข้าไปหยิกหัวนมเซฮุนเข้าอย่างแรง...
อาการอึดอัดของเซฮุนก็หายไปในทันที... แต่เขาน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บปวดแทน
ซิ่วหมินยืนอธิบายอาการของแม่ดีโอให้ทุกคนในห้องฟังและทุกคนดีใจมากที่เมื่อซิ่วหมินถอนคำสาปให้สำเร็จ เป็นเวลาหลายปีที่แม่ของพวกเขาความทรงจำหดลงเรื่อยๆ และวันนี้ความทรงจำของแม่พวกเขาก็กลับมาเป็นปกติและกลายเป็นแม่ที่อายุสมองและร่างกายสมดุลกันซักที สามีของเธอยืนยันจะตอบแทนพวกเขาให้ได้ ลูกๆทั้งสองต่างก็ร้องไห้กอดแม่ไม่หยุด เกิดความวุ่นวายขึ้นจนซิ่วหมินไม่อาจจะทนปฏิเสธไหว เขาจึงต้องยอมนั่งดื่มน้ำชาและอาหารหรูๆที่สามีของแม่ดีโอสั่งมาให้ถึงห้องจนได้
เกิดการพูดคุยเล็กน้อยระหว่างสามีคนใหม่กับดีโอ เขาไม่รู้จักดีโอและไม่สงสัยเลยซักนิดว่าทำไมดีโอถึงหน้าเหมือนลูกๆของเขานัก... ส่วนแม่ของเขานั้นเมื่อถอนคำสาปเสร็จก็ร้องไห้กับลูกๆไม่หยุดและพอหยุดก็หลับไปเลย ไม่มีโอกาสได้มานั่งคุยกับลูกชายแท้ๆของตัวเอง...
เซฮุนโดนดีโอหยิกหัวนมเรื่อยๆเพื่อกันไม่ให้เขาดราม่า ส่วนซิ่วหมินนั้นก็รีบๆยัดของกินให้มันหมดๆไปจะได้รีบปลีกตัวจากเรื่องชวนอึดอัดนี่ซะที...
“น้องๆชื่อกันมั่งครับ” เด็กชายอายุไล่เลี่ยสองคนเบื่อจากการเฝ้าแม่ที่นอนอยู่แล้วจึงเดินเข้ามานั่งกับพ่อแทน และเมื่ออยู่นานๆไปดีโอก็เริ่มอยากรู้จักพวกเขาเลยถามขึ้นทันทีที่ทั้งสองเดินเข้ามา
“บอกชื่อให้พี่เขาสิลูก” ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกชายทั้งสองอย่างเอ็นดู
“ผมชื่อคยองซูครับ” เด็กผู้ชายคนโตตอบ
“ผมชื่อดีโอครับ” น้องคนเล็กตอบต่อ และนั่นทำให้เซฮุนเกิดอาการอึดอัดอีกครั้ง ดีโอ(โด ดีโอ)จึงหยิกหัวนมเขาเป็นรอบที่ล้านแปด...
และในที่สุดพวกเขาก็กำลังจะออกจากห้องไป พอดีกับที่แม่ของดีโอตื่นขึ้นมา เซฮุนเริ่มลุกลี้ลุกลนจนดีโอต้องผลักเขาออกไปนอกห้องคนแรกแต่ไม่ทันที่เขาจะได้ออกไปแม่ของเขาก็เห็นเขาพอดี...และเธอทำหน้าตกใจระคนไม่แน่ใจด้วย
“ผมต้องกลับแล้วครับ” ดีโอบอกรวมๆก่อนจะโค้งให้ “ลาก่อนนะครับ”
“เดี๋ยว...” แม่ดีโอเปล่งเสียงออกมาตอนที่เขาหันหลังให้แล้ว... เธอกล่าวต่อ “นั่น...นั่นใช่ดี--”
“ความทรงจำอาจจะยังไม่คงที่เท่าไหร่ คงจะจำผิดคนแล้วละครับ” ดีโอตอบ “ผมไปก่อนนะครับ”
เลย์เดินกลับเข้ามาในปราสาทด้วยสีหน้าอ่อนล้ากว่าทุกๆวัน...เขายังตามหาเวนดี้ไม่เจอเหมือนเคย เขาเหนื่อยแล้วนะ เขาแทบจะไม่มีแรงไปไหนอีกต่อไปแล้วด้วย... เขาค่อยๆลากร่างตัวเองเข้าไปในห้องโถงหวังว่าจะมีเพื่อนให้เขาได้ระบายใส่ซักคนในนั้นและเขาก็เจอ... เซมีนั่งอ่านนิยายอยู่ในนั้น คนเดียว...
เลย์ลากร่างของตัวเองและทิ้งลงไปบนโซฟาข้างๆเธอ... เซมีหันมายิ้มให้เขาวันนี้เธอก็เหนื่อยๆ เหนื่อยจากการที่ต้องมานั่งปลอบใจตัวเองเรื่องอันนา นิยายช่วยเธอได้เยอะก็จริงแต่มันก็ช่วยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเธอเห็นเลย์เธอก็ตัดสินใจวางนิยายลงและหันไปคุยกับเขาแทน
“วันนี้พี่เลย์ดูเหนื่อยๆจังเลยนะค่ะ”
“อื้อ” เลย์นั่งเอนไปข้างหลังอย่างอ่อนล้า “ฉันบินไม่หยุดเลยน่ะ แล้วฉันก็หาเวนดี้ไม่เจออีกแล้ว”
“อดทนหน่อยนะ” เซมีให้กำลังใจโดยการนวดไหล่เขาเบาๆ “เวนดี้ต้องเป็นผู้หญิงที่เลอค่ามากๆแน่ถึงได้หายากแบบนี้”
“พี่เหนื่อย” เลย์บอก “สวยแค่ไหนมีค่ามากแค่ไหนพี่ก็เริ่มไม่อยากได้แล้ว...” เขามองเธอ “ถ้ามันจะหายากขนาดนั้นพี่ว่าคงจะไม่มีแล้วละ ไม่มีเวนดี้บนโลกนี้รอพี่อยู่แล้วละ”
“อย่าเพิ่งท้อสิค่ะ บางทีเวนดี้อาจจะอยู่ไกลเราเลยไม่เจอเธอ”
“หรือบางที” เลย์พูดเสียงเบา “อาจจะอยู่ใกล้ๆเรา แต่เรากลับไม่ยอมมองซะเอง” เขาค่อยๆเอียงตัวเองไปพิงไหล่บางของเซมีอย่างเหนื่อยอ่อน และนั่นทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้นเป็นกอง...การได้อยู่ใกล้เธอเหมือนเขาได้ชาร์ตแบต เซมีให้ความรู้สึกเหมือนทิงเกอร์เบลของเขาที่ดาวเนเวอร์แลนด์ แต่มันต่างอยู่ที่ว่าเธอเป็นมนุษย์ไม่มีปีกและไม่มีมนต์วิเศษเหมือนทิงเกอร์เบล...
เซมีจับมือเลย์เพื่อให้กำลังใจเขา “ซักวันพี่ต้องเจอเธอ ฉันเชื่อว่าพี่ต้องเจอเธอแน่ๆ”
“เซมี” จู่ๆเลย์ก็นั่งตัวตรงและปัดมือเธอออกก่อนจะจ้องหน้าเธอแบบจริงจัง “ขอพิสูจน์...อีกรอบได้มั้ย”
“พิสูจน์อะไรค่ะ?”
“ว่าเธอคืนเวนดี้ของฉันหรือเปล่า” เลย์ตอบ “ขอจูบเธออีกครั้งได้มั้ย”
เซมีคงจะปฏิเสธความตั้งใจของเลย์ไม่ได้ และเธอก็สงสารเขาด้วย...เขาเป็นแบบนี้อยู่หลายวันแล้วเขาเหนื่อยล้าและไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรมาหลายวันแล้ว เธอปฏิเสธเขาไม่ลงหรอก...
เลย์ประคองใบหน้าของเธอไว้และค่อยๆโน้มหน้าไปใกล้ๆ เธอหลับตาลงและรอให้ริมฝีปากของเขามาหาเธอ...
เลย์จูบเธออย่างแผ่วบางและอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆปล่อยความรู้สึกให้ไหลออกมาเรื่อยๆ เขาเปลี่ยนจากบางเบาเป็นจูบเธอแน่นขึ้นและโอบกอดตัวเธอไว้จากนั้นก็กระชับร่างเธอและเขาเข้ามาชิดกัน ไม่นานเขาก็ค่อยๆเปิดปากเธออย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะส่งความลึกซึ้งผ่านลิ้นของเขาอย่างนุ่มนวลไปให้เธอ...
เซมีหลับตาและตอบรับความรู้สึกของเลย์เป็นจังหวะตามที่เขาต้องการ...
และนั่นทำให้เลย์ไม่สามารถหยุดความหอมหวานที่สัมผัสได้จากเธอ เขาส่งไออุ่นที่ดูร้อนรุ่นผ่านเข้าไปอย่างต่อเนื่องและเขาเริ่มมั่นใจ...มั่นใจว่าเธอคือเวนดี้ของเขา เวนดี้ที่เขาตามหามานาน...เวนดี้ที่เขาจะรักหมดหัวใจ
เขาจูบเธอต่อเรื่อยๆและส่งความหอมหวานไปให้เธออยู่นานจนเธอไม่สามารถรับอยู่ฝ่ายเดียวได้เธอจึงต้องจูบเขากลับไปเพื่อระบายความรู้สึกออกไปบ้าง ทุกครั้งที่เธอส่งตอบกลับมาให้เขาใจของเขาแทบจะระเบิดมันเต้นอย่างดีใจระคนตื่นเต้นตลอดเวลา...เลย์โอบเอวเธอแน่นและไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยให้เธอไปไหน เขาเริ่มเป็นฝ่ายส่งความหวานผ่านการจูบครั้งนี้ต่อและนั่นทำให้เซมีถึงกับร้องออกมาจากลำคอเบาๆ เธอระบายความรู้สึกออกมาโดยการบีบไหล่เลย์แน่น...
และแล้วเลย์ก็ค่อยๆคลายริมฝีปากออกก่อนจะลืมตามองใบหน้าที่แดงก่ำของเธอในระยะใกล้ชิด...
“ขอบคุณนะ” เลย์บอกเธอ “เวนดี้อยู่ใกล้ฉันจริงๆด้วย...ใกล้กันแค่นี้เอง”
เมื่อเซมีกลับมาถึงห้องใจเธอก็แทบเต่งจนแตกเพราะมันพองโตจนรู้สึกเหมือนปอดถูกเบียดจนหายใจไม่ออก เลย์พูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง...เขาบอกว่าเขาหาเวนดี้เจอหลังจากที่เขาได้พิสูจน์มันไปกับเธอ นั่นมัน...
“เซมี” เสียงชานยอลดังมาจากนอกประตู “เข้าได้มั้ย”
“อะ-อื้อ” เซมีตอบและปัดเรื่องของเลย์ออกไปจากหัวก่อน “มีอะไรหรอชานยอล”
“เปล่า...ฉันแค่เข้ามาดูเธอเฉยๆน่ะ...เธอโอเคหรือเปล่าเรื่องอันนา”
“อ๋อ” เซมีเกาหัวแก้เขิน “อื้อ...ฉันสบายใจขึ้นแล้วละ...มีเรื่องอื่นให้ฉันคิดด้วยก็เลยทำใจได้เร็วขึ้นน่ะ”
“ก็ดีแล้ว” ชานยอลยิ้มให้เธอก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆและจับข้อมือเธอไว้จากนั้นเขาก็ทำท่าเหมือนจะดึงเธอเข้าไปกอด แต่เธอยื้อเขาไว้และส่ายหน้าไม่ให้เขากอด
“คือฉันง่วงน่ะ”
“สองทุ่มเนี่ยนะ?” ชานยอลสงสัยและพยายามดึงเธอเข้ามากอดอีกรอบแต่มันไม่ได้ผล “เธอเป็นอะไร” เขาจับสิ่งผิดปกติของเธอได้ทันที
“คือ...คือฉัน” ถ้าเป็นคนอื่นที่เธอไม่สนิทด้วยเธอจะโกหกได้โดยที่ไม่เกร็งและไหลไปตามน้ำได้อย่างชำนาญการ แต่นี่คือชานยอล...เธอไม่สามารถโกหกเขาได้ทั้งๆที่เขาจ้องเธอแบบนี้แน่ๆ
“มีอะไร” ชานยอลเร่ง “ใครทำอะไรเธอ?”
“เปล่าๆๆ” เซมีรีบส่ายหน้า ชานยอลจับแขนเธอแน่นขึ้น “ไม่มีใครทำอะไรฉันชานยอล!” เธอรีบบอกเมื่อเห็นเขายิ่งจ้องเธอ
“เซฮุนอีกแล้วหรอ?” ชานยอลเดา เซมีส่ายหน้า “ลู่หาน? จงแด? แบคคยอน?” เซมีส่ายหน้ารัวๆจนจะมึนหัว
“เลย์....” เซมีเบิกตากว้างเมื่อได้ยินชื่อของเขาก่อนจะรีบส่ายหน้ารัวๆอีกครั้ง
“เลย์ทำอะไรเธอ” ชานยอลจับได้ในทันที “จูบพิสูจน์เวนดี้อะไรนั่นอีกหรือเปล่า”
“ทะ-ทำไมนายรู้!” เซมีหลุดออกไปจนได้
“แล้วทำไมเธอถึงยอมให้ทำละ!” ชานยอลขึ้นเสียง “เธอก็ใจดีกับใครไปทุกคนเลยนะ!” เขาผลักเธอลงบนเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะขึ้นไปคร่อมร่างของเธอไว้และจ้องตาเธอเขม็ง
“ชานยอล! ฉันขอโทษ! แต่ๆๆพี่เลย์เขาน่าสงสารมากเลยนะฉันไม่รู้จะปฏิเสธเขาไปยัง อื้อ!”
ชานยอลปิดปากเธอด้วยการประกบปากแน่นและดูดความหวานจากตัวเธอออกมาจนเซมีต้องดันอกเขาออกไป ชานยอลคลายริมฝีปากออกและรอให้เธอพูด
“ฉัน-ฉันสับสนไปหมดแล้ว...” เซมีหายใจหอบพยายามไม่สนใจสิ่งที่ชานยอลเพิ่งทำกับเธอเมื่อกี้ “ทั้งเรื่องของอันนาเรื่องของเลย์เรื่องของฉันและเรื่องนาย...”
“วันนี้ดีโอไปพบแม่แท้ๆของเขามา” ชานยอลเล่าและเซมีก็ตกใจ “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเรื่องผ่านไปด้วยดี...แล้วสิ่งที่เธอกังวลอยู่น่ะฉันเข้าใจดี ถ้าฉันเป็นเธอฉันเองก็ลำบากใจมากเหมือนกัน...แต่ฉันไม่ใช่เธอไง”
เขาพูดเสร็จก็โน้มลงไปจูบเธออีกครั้งแต่คราวนี้เบาบางกว่า...อ่อนโยนกว่า...แต่โหยหาที่สุด
เขาหวงเธอแทบจะทนไม่ไหวแต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำเรื่องที่มันเกินเลย...
ชานยอลยังคงจู่โจมความโหยหาผ่านริมฝีปากและเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ยอมให้เธอไปเป็นของใคร...ความจริงที่เขาเข้ามาหาเธอในห้องเขามีจุดประสงค์สำคัญ...
“เซมี” ชานยอลกระซิบข้างหูเธอพลางสัมผัสความหอมหวานจากต้นคอของเธอ... “เธอบอกว่าสับเรื่องของเลย์...มันคือเรื่องอะไรหรอ”
“ก็...” เซมีจับไหล่เขาแน่นและคอยเอียงคอหลบหน้าของเขาที่กำลังพยายามจะจูบซอกคอของเธอให้ได้ “เลย์เขาบอกว่าเขา...ขะ-เขา” เป็นการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเพราะชานยอลทำให้เธอสะดุ้งทุกครั้งที่ริมฝีปากเขากระทบกับซอกคอขาวของเธออย่างโหยหา “เขาบอกว่าเขา...หาเวนดี้เจอ...หลังที่เขาจูบฉัน..ไปแล้ว อะ!” เซมีเอียงคอจนสุดความสามารถและดันแผ่นอกของชานยอลสุดแรงเพราะเขาโจมตีเธอหนักเกินไป
ชานยอลจูลคอเธอไล่ลงมาจนถึงไหปลาร้าบางๆของเธอ ก่อนจะไล่มันขึ้นไปที่คางและจูบปากเธออีกครั้ง... เขาไม่ยอม ไม่ยอมให้ใครทำมากกว่าเขาแน่ๆ...
ชานยอลคลายริมฝีปากออกและพูดกับเธอที่กำลังหายใจหอบเพราะใจเต้นเร็วเกินปกติ... “แล้วเรื่องออันนาละ...เธอกังวลอะไรอยู่” เขาทำท่าจะไซร้คอเธออีกครั้งแต่เธอดันเขาออกสำเร็จ
“ชานยอลหยุดก่อน!” เธอสั่ง “ฉันเล่าไม่ได้ถ้านาย-- อ๊ะ!”
เขาไม่ฟังและเริ่มควบคุมตัวเองไม่ไหว เขาไม่สามารถหยุดการลิ้มรสความหอมหวานจากตัวเธอได้ เขาลงไปจูบคอเธออีกครั้งและเริ่มใช้มือหนาของเขาสอดเข้าไปใต้เสื้อของเธอ...มือเขาสัมผัสถึงหน้าท้องอันเนียนนุ่มชวนหลงไหลภายใต้เสื้อนั่น...
เซมีจับแขนของเขาแน่นและพยายามดันมันออกไปจากเสื้อของเธอแต่ไม่สำเร็จ ถ้าเป็นดีโอเธออาจจะสู้แรงเขาไหวแต่นี่ชานยอล...เธอทำอะไรไม่ได้เลย
ชานยอลค่อยๆสัมผัสหน้าท้องของเธอก่อนจะลากมือของเขาขึ้นมาเรื่อยๆและช้าๆ เขาลูบขึ้นไปจนถึงตำแหน่งซี่โครงก่อนจะลูบลงมาที่หน้าท้องอีกครั้ง เขาทำแบบนี้อยู่นานจนเซมีสะดุ้งไปหลายครั้งและนั่นยิ่งทำให้เขาแทบจะคลั่งด้วยความหลงไหลในร่างกายอันบอบบางของเธอ...
แต่สุดท้ายเขาก็หยุด เขาเอามืออกจากเสื้อเธอและจัดให้มันอยู่สภาพเดิมก่อนจะจูบเธอรอบสุดท้ายและบอกเธอว่า
“เกือบไปแล้วนะเนี่ย...” เขายิ้มเจ้าเล่ “ทนเกือบจะไม่ไหวแหนะ ทีหลังอย่ากระตุกแบบนั้นสิเดี๋ยวฉันก็กินเธอจริงๆหรอก” เขาแยกเขี้ยวเล่นๆให้ดู
“ออกไปเลยนะ” เซมีทำเสียงโกรธๆและผลักเขาออกไปแต่เขาไม่ออกยังคร่อมเธอต่อ
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องจะบอกเธอเรื่องอันนา” ชานยอลพูด
“เรื่องอะไร”
“เรารับอันนามาเลี้ยงด้วยกันสิ” ชานยอลบอกน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง “ฉันเป็นพ่อเธอเป็นแม่และอันนาเป็นลูก...”
“อะไรนะ”
“แต่งงานกับฉันนะเซมี”
ทำไงดี! ชานยอลขอแต่งงานแล้ว!
ความคิดเห็น