ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่ 35 ตอนจบ 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.13K
      19
      18 มิ.ย. 57


    “อึนมี!” เซมีร้องเสียงดังออกมาหลังจากที่เห็นร่างของวิญญาณสาวตรงหน้าชัดๆ เธอใช่อึนมีจริงๆ...เธอเป็นอึนมีที่เซมีเจอแน่ๆ... ร่างวิญญาณนั่นคอยๆเผยรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อยออกมา ชานยอลเผลอก้าวถอยไปหนึ่งก้าว...และมันทำให้เซมีต้องถอยเหมือนกัน อย่าลืมว่าร่างเขาและเธอติดกันอยู่

    ร่างวิญญาณค่อยๆหุบยิ้มลง... “ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจจะให้กลัว” น้ำเสียงเย็นเยือกส่งผ่านปากบางๆของเธอออกมา

    เซมีใจกล้าขึ้นมาเล็กน้อย...นี่ไม่ใช่ผีที่ไม่รู้จัก...แต่เป็นผีเพื่อนเธอนั่นเอง เธอคืออึนมี เซมีก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและนั่นก็ทำให้ชานยอลสะดุดขาตัวเองเพราะมันสั่นงกๆตอนก้าวตามเธอไป

    “ไม่ได้กลัวเลยอึนมี” เซมีตอบเธอกลับไป

    “เธออย่าเข้ามาใกล้ฉัน” ร่างวิญญาณบอกก่อนจะลอยถอยออกไปช้าๆ... “ฉันมันอันตรายเกินไป”

    “หมายความว่าไง?” เซมียืนมองเธอนิ่งๆ... สายตาที่ไร้แววตาของอึนมีค่อยๆเอ่อด้วยน้ำใสๆที่ดูบางเบาไม่เหมือนน้ำ หน้าที่ซีดเผือดของเธอเห็นได้ชัดว่ากำลังเจ็บปวดอย่างหนัก เจ็บปวดสาหัสจนเซมีที่ยืนมองตาเธออยู่ตรงนี้น้ำตาคลอไปด้วย...

    “ฉันมันอันตราย...” น้ำตาของเธอไหลออกมาช้าๆ เสียงสะอื้นที่ดูโหยหวนเล็กน้อยของเธอนั่นเศร้าจับใจแต่มันก็ทำให้ชานยอลกลัวจนขนลุกไปทั้งตัวได้เหมือนกัน...

    “เธอไม่ได้อันตรายอึนมี...เธอไม่ได้เป็นภัยกับใคร...”

    “ไม่!!  วิญญาณกรีดร้องเสียงแหลมจนเซมีต้องเอามือมาปิดหู ชานยอลรีบดึงตัวเซมีมาใกล้ๆ แววตาของวิญญาณกลายเป็นแววตาที่มุ่งร้ายแวบนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดูเศร้าสร้อยเหมือนเดิม...

    “ไม่...” แล้ววิญญาณก็ปล่อยเสียงบางเบาออกมา... “ฉันต้องรีบ...ฉันควบคุมไม่ได้...ฉันต้องรีบ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แบคคยอน แบคคยอนตื่น” เฉินบุกเข้าห้องแบคคยอนกลางดึกและปลุกเขาให้ตื่น “ทำไมนายนอนเร็วจัง นี่ยังไม่ห้าทุ่มเลยนะ”

    “หือ?” แบคคยอนพยายามเปิดตาดู “มีอะไรหรอ”

    “ฉันรู้สึกแปลกๆ เมื่อกี้ไฟตกด้วยนายคงไม่รู้ ฉันว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในปราสาท นายตื่นเถอะไปจะไปหาซูโฮกัน”

    “โอเค” แบคคยอนเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเพราะสีหน้าของเฉินที่เล่าให้เขาฟังนั่นมันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แบคคยอนรีบจัดการตัวเองและเดินตามหลังเฉินไปที่ห้องของซูโฮ แต่ปรากฏว่าเขาเจอเมอร์ลินอยู่ในนั้นแทน...ท่าทางเขาดูรีบร้อนด้วย

    “ซูโฮไปไหนหรอครับคุณเมอร์ลิน” เฉินถาม

    “ออกไปทำภารกิจเร่งด่วนกับคริสน่ะ ฉันเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน เรื่องใหญ่พอสมควรเลยละ” เมอร์ลินตอบรีบๆก่อนจะกอบโกยเอกสารและเดินตรงมาหาพวกเขา “เฝ้าบ้านดีๆนะเด็กๆ” แล้วเขาก็เดินสวนพวกเขาไป

    “เดี๋ยวครับ” แบคคยอนพูด “ภารกิจอะไรทำไมดูน่ากลัวจัง”

    “อ๋อ” เมอร์ลินหันมาตอบเล็กน้อย “วันนี้เป็นวันปล่อยผีน่ะ คนที่โดนคำสาปแล้วตายไปเป็นผีร้ายก่อเรื่องเดือดร้อนให้ทั้งผีกันเองและผู้คน ฉันต้องรีบไปจัดการ แต่มันไม่ยากเกินมือหรอก เพราะผีได้แค่หลอกมันทำอะไรเราจริงๆไม่ได้ ฉันไปละ”

     “บรื้อ...” แบคคยอนทำท่าขนลุก “ฉันไม่อยากไปทำภารกิจนั่นด้วยหรอกนะ”

    “ใครเขาจะให้คนกลัวผีอย่างนายไปกัน มีหวังได้กลายเป็นผีอีกตัวแน่ๆ” เฉินว่าก่อนจะลากแขนแบคคยอนไปที่อื่น

    “เราจะไปไหนน่ะ” แบคคยอนเดินตามแรงลากของเฉินไป

    “ไปหาคนอื่นๆ...ฉันว่าเราต้องรวมตัวกันแล้วละ” เฉินตอบด้วยสีหน้าจริงจังที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก

    “จงแด...นายเป็นอะไรน่ะ ฉันเริ่มกลัวแล้วเนี่ย”

    “ก็แค่รู้สึกเหมือนที่เคยรู้สึกน่ะ เรารีบไป--

    พรึ่บ! ไฟทั้งปราสาทดับวูบลงในทันได แบคคยอนกรีดร้องและกระโดดขึ้นบนตัวเฉินโดยอัตโนมัติ แต่ไม่นานไฟก็ติด...

    “นี่มันอะไรน่ะ” แบคคยอนค่อนๆก้าวลงมาจากร่างเฉินแต่เขาก็ยังเกาะแขนเฉินแน่น “จงแดนี่มันเรื่องอะไรบอกหน่อยสิ”

    “ฉันก็ไม่รู้...แค่มีความรู้สึกเหมือนตอนได้อยู่ในสุสานวันนั้น...เอาละรีบไปหาคนอื่นๆกันเถอะ”

    ทั้งสองคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องเลย์และลู่หานพวกเขายังไม่นอนจงแดเลยบอกว่าเขารู้สึกแปลกๆและต้องรวมตัวกันเดี๋ยวนี้ ลู่หานที่ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเขาก็เลยเดินตามไปอย่างว่าง่าย ส่วนเลย์นั้นงงมากว่านี่เรื่องอะไรแต่ก็ยอมเดินตามไปทั้งๆที่ยังงงอยู่

    ระหว่างทางเดินไปที่ห้องของเทาไฟก็ดับและติดใหม่รอบที่สอง ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่แบคคยอนที่กรีดร้องลู่หานเองก็ร้องด้วยเหมือนกัน เมื่อทุกคนหันไปมองเขา เขาจึงกระแอมเสียงและพยายามทำตัวปกติเหมือนเดิม... เพิ่งรู้ว่าลู่หานก็กลัวผีเหมือนกัน ลู่หานทำเนียนเดินใกล้ๆเลย์อย่างแนบเนียน

    แต่เมื่อพวกเขาเดินไปถึงห้องของเทา ปรากฏว่าเทาไม่อยู่ เขาไปไหน... ในสถาการณ์แบบนี้เทาน่าเป็นห่วงที่สุด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฉันเอง” วิญญาณสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกพลางมองไปที่เซมีและชานยอลอย่างเศร้าสร้อย “เป็นฉันเองที่ทำเรื่องเลวร้ายนั่น...ฉันทำเอง...ฉันทำหมดเลย”

    “หา...” เซมีเริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าเรื่องที่วิญญาณสาวกำลังพูดถึงนี้คือเรื่องเดียวกับที่เธอคิดละก็...

    “ฉันเอง...เป็นฉันเองเซมี...” วิญญาณสาวพูดด้วยดวงตาอันเศร้าสร้อยเน้นย้ำและกล่าวโทษตัวเอง “ฉันไม่รู้ตัวเลย...ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ฉันดีใจที่ได้เจอเลย์...ฉันดีใจมากเขาเป็นคนดี เขาดีเหลือเกิน...แต่ฉันกลับ...ฉันอีกคนกลับ”

    “อึนมี!” เซมีใช้ความกล้าแทรกผ่านความสงสัยออกไป “นี่มันเรื่องอะไร เธอพยายามจะบอกอะไรเรากันแน่”

    ผีสาวร้องไห้...และเริ่มโหยหวนด้วยเสียงที่น่าสะพรึงมันดังก้องไปทั่วทั้งห้อง...ชานยอลและเซมีต้องโอบกอดกันแล้ว

     

     

     

     

     

    “พะ-พวกนาย” แบคคยอนปากสั่นด้วยความกลัว “ได้ยินเสียงนั่นมั้ย...”

    ทุกคนพยักหน้า แบคคยอนหน้าซีดกว่าเดิมอีกและลู่หานก็เลิกแกล้งเก่งแล้วเขาเกาะแขนเลย์แน่นและสายตาสอดส่องไปทั่วทุกทิศทาง

    “ฮือ...ฮือ...”

    “นั่น!!” แบคคยอนสติใกล้ไปละ “พวกนายได้ยินมั้ย มันใกล้มาก!!

    “จุๆ” เฉินรีบห้ามให้แบคคยอนเงียบ “ฉันว่าเสียงคนนะ...”

    “ฮือ...ฮือ...”

    พวกเขาค่อยๆเดินตรงไปตามเสียงร้องไห้ ความจริงต้องบอกว่าเฉินเดินไปคนเดียวมากกว่าแต่ที่เหลือต้องเดินตามเพราะเฉินเป็นคนเดียวที่ไม่กลัวเรื่องนี้...เฉินเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้พวกเขาไม่สติแตกซะก่อน

    พวกเขาใกล้ต้นเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ...สุดทางเดินนี้แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอตัวแล้ว...อาจจะเป็นคน หรืออาจจะเป็น... ลู่หานกับเลย์ตัดสินใจหยุดเดินตามเฉิน พวกเขายืนนิ่งและรอให้เฉินไปดูว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ส่วนแบคคยอนต้องเกาะติดไปด้วยเขาไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยแขนเฉินออก...

    “ฮือ...ฮือ...”

    เฉินเดินเลี้ยวไปตรงระเบียงอย่างยากลำบากเพราะมีแบคคยอนคอยยื้อให้หันหลังกลับไป...แต่เมื่อเขาเลี้ยวพ้นปรากฏว่าเจอ

    “ฮือ...ฮือ...” เทานั่งร้องไห้อยู่ตรงบันได เขากุมเข่าและร้องไห้อย่างน่าสงสาร

    “เทา” เฉินเรียกเบาๆกลัวเขาตกใจ

    “พวกนาย!!!” เทาเงยหน้ามาละรีบกระโจนเข้าไปกอดเฉินกับแบคคยอนทันที “ฉันกลัว! กลัวมากเลยด้วย! เฮียคริสก็ไม่อยู่ ฉันกลัว!

    “ใจเย็นๆ” เฉินโอบร่างเทาและลูบหลังเขาเบาๆ “ว่าแต่ทำไมนายมาอยู่ที่นี่คนเดียว...กำลังจะไปไหนหรอ”

    “ฉันกับเซฮุนกำลังจะเปลี่ยนเวรเฝ้าอันนา...แต่จู่ๆไฟก็ดับฉันกลัวมากเลยรีบวิ่งขึ้นไป แล้วพอฉันได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ฉันก็เดินไม่ไหวอีกเลย...ฉันกลัว”

    “ไม่เป็นไรนะ...พวกเราอยู่นี่แล้ว” เฉินปลอบ “เรากำลังจะไปหาอันนากับเซฮุนอยู่เหมือนกัน บางทีพวกดีโออาจจะอยู่ที่นั่นแล้วด้วย”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”  ผีสาวเริ่มเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ชานยอลกับเซมีถอยหลังไปจนขอบผนังแล้ว

    “นี่มันเรื่องอะไร! ! อึนมี!! ได้สติหน่อยสิ!!” เซมีกำลังใช้ความกล้าอันน้อยนิดที่เธอมีถามผีสาวออกไป

    “นังโง่!! มันไม่ใช่ผีสาวของอึนมีอีกต่อไปแล้ว...มันเป็นเสียงของผีอีกตน...ที่ใช้ร่างวิญญาณของเธอเท่านั้น หรืออาจจะพูดให้ถูกก็คืออึนมี...มีสองคนในร่างเดียวกัน “ฉันคนนี้แหละ!!! ฉันคนนี้ที่มีนามว่าอึนมีนี่แหละ!!! ทำเรื่องสุดเลวร้ายนั่นเอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “แกไม่ใช่อึนมี!!

    “ใช่! ฉันคืออึนมี...ฉันเป็นด้านมืดของเธอและด้านมืดนี้ก็ได้เปิดเผยสู่โลกภายนอกเมื่อฉันอายุ16ปี ฮ่าๆๆๆ”

    “อะไร! แกกำลังพูดถึงอะไร!

    “นังโง่!! ก็ฉันนี่ไงละ แม่มดปีศาจ!!

     

     

     

     

     

    “เซฮุน” เฉินเดินนำขบวนมาแต่ไกล ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องและไม่เจอเซมีดีโอกับชานยอลความกังวลของเขาก็ยังไม่หมด เซฮุนนั่งอยู่ขอบเตียงที่มีอันนาหลับอยู่ ดูเหมือนเซฮุนยังไม่รู้สึกถึงอะไร

    “ครับพี่เฉิน?” เขาดูแปลกใจที่ทุกคนต่างทำหน้าตื่นและตกใจเมื่อเห็นเทาร้องไห้ “เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”

    “เซมีกับชานยอลแล้วก็ดีโอ...ไปอยู่ที่ไหน?” เฉินรีบถามต่อ

    “พี่ดีโออยู่กับพี่ซิ่วหมินครับ กำลังช่วยปรุงยาอยู่...ส่วนพี่เซมีกับชานยอลผมไม่รู้...พวกเขาออกไปจากห้องนี่นานแล้ว”

    “พวกนายอยู่ในนี้นะ ฉันจะไปตามหาเซมีกับชานยอล”

    “ผมไปด้วยคนสิ” เซฮุนว่า แต่เฉินไม่ให้เขาไปเพราะเขาจำเป็นต้องอยู่กับอันนา...

    ดังนั้นเฉินจึงวิ่งออกจากห้องและออกตามหาพวกเขาทันที...

     

     

     

     

     

     

    “ฉันกะจะฆ่าพวกแกให้หมดอยู่แล้วเชียว!! แม่มดในร่างของอึนมีตะโกนลั่น “แต่ฉันดันตายซะก่อน!! น่ารำคาญชะมัด!

    “แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนังแม่มด” เซมีเกาะหลังชานยอลแน่น...ตอนนี้เธอกลัวแล้วจริงๆ แถมชานยอลเองก็ดูหวั่นๆอยู่เหมือนกัน ใช่แล้วแม่มดทำอะไรพวกเขาไม่ได้เพราะแม่มดมันเป็นแค่วิญญาณที่ลอยผ่านตัวไปได้เท่านั้น แต่นั่นละมันยิ่งทำให้ชานยอลกลัว...สู้กับผีน่ะ สู้ไม่เป็นหรอกนะ

    “น่าสมเพชตัวเอง” ผีแม่มดบ่นกับตัวเองนางไม่ได้สนใจร่างของทั้งสองคนเลยด้วยซ้ำ “อยากจะฆ่าใครก็ฆ่าไม่ได้...พลังความดีของฉันมันมีมากเกินไป ส่วนพลังแม่มดปีศาจนี่ก็ได้มาแบบไม่เต็มตัวด้วย...สงสัยมั้ยว่าทำไมฉันถึงได้มาแบบไม่เต็มตัว?” ผีแม่มดเลื่อนตัวเองเข้าไปใกล้พวกเขาที่กำลังตัวสั่นไปทั้งตัว จากนั้นก็ตะโกนก้อง “ก็เพราะแกฆ่าแม่มดปีศาจตนก่อนเร็วไปน่ะสิ!!! เพราะพวกแกฉันถึงได้พลังมาเพียงแค่เศษเสี้ยว!! เพราะพวกแกเลยทำให้พลังของฉันต้องหลบๆซ่อนๆภายใต้ความดีของฉัน!! ฉันเกลียดอึนมีที่รักครอบครัว! ฉันเกลียดตัวเองที่พยายามยิ้มให้สดใสทั้งๆที่ข้างในนั้นอยากจะแสยะยิ้มให้น่าเกลียดแทบตาย!! ฉันเกลียดตัวเอง!! ได้ยินมั้ย!! ฉันเกลียดตัวเอง!!!!!!

    “กรี๊ดดดด” เซมีเผลอร้องด้วยความหวาดกลัวออกมา ชานยอลรีบกอดเธอแน่นเขาเองก็กลัวเหมือนกัน ตอนนี้ผีแม่มดไม่ได้เป็นแค่ร่างโปร่งใสอีกต่อไปแล้ว มันมีเงาดำๆตะคุ่มๆลอยออกมาตามตัวที่โปร่งใสนั่นและขอบตาของเธอก็ดำคล้ำเหมือนพวกไม่ได้หลับไม่ได้นอน แววตาของเธอก็ดูดำทมิฬจนน่ากลัวและไม่อาจสบตาได้

    “กลัวงั้นหรอ!! ผีแม่มดกระโจนเอาหน้าซีดเผือดนั้นเข้ามาใกล้เซมี ชานยอลรีบเอาหลังตัวเองบังเธอไว้

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”  ผีแม่มดกำลังบ้าคลั่ง หล่อนบินว่อนไปว่อนมาทั่วห้องใต้หลังคาและคอยเสียงหัวเราะน่าสยดสยองให้ได้ยิน เซมีเริ่มร้องไห้แล้วส่วนชานยอลเองก็ไม่รู้จะเรียกว่ากลัวได้อีกมั้ย ความรู้สึกตอนนี้อยู่ระหว่างต้องปกป้องเซมีและอยากจะกรีดร้องด้วยความกลัวเหมือนกัน

    “คนที่เลย์มันต้องตายตั้งแต่อยู่ที่สวนสนุกนั้นแล้ว!! ถ้ายัยอึนมีมันไม่กดพลังแม่มดของฉันไว้ละก็ตายไปแล้ว!! หมอนั่นโชคดี!!” ผีแม่มดแหกปากเล่าด้วยเสียงอันโหยหวน

    แต่จู่ๆร่างของแม่มดก็หล่นตุบลงมาอยู่ที่พื้นจากนั้นก็ดิ้นพล่านเหมือนกำลังสู้กับอะไรบางอย่าง... ชานยอลเบิกตากว้างมองภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้าพลางกอดเซมีในอ้อมแขนไว้แน่น... นั่นแม่มดกำลังสู้กับตัวเองอยู่สินะ...

    “ซะ-เซมี...” ในที่สุดอึนมีคนเก่าก็โผล่ออกมา “เธอต้องกำจัดฉัน...เดี๋ยวนี้” ร่างของผีแม่มดค่อยๆคลานและพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น...

    “นั่น..” เซมีค่อยๆเงยหน้าจากอ้อมอกชานยอล “นั่นเธอหรออึนมี...”

    “เป็นฉันคนเดียว...ทั้งด้านดีและด้านร้าย...ก็คือฉันคนเดียวทั้งนั้น” น้ำตาของผีแม่มดไหลลงอาบแก้มเป็นสาย “เธอต้องรีบจัดการฉัน! วันนี้เป็นวันปล่อยผี...ฉันจึงได้ออกมาบอกเธอได้ แต่ถ้าไม่รีบจัดการวันนี้...วันปล่อยผีครั้งหน้าฉันก็จะยังอยู่...และฉันด้านมืดก็จะยังอยู่...ไม่อยากเชื่อเลย...ฉันฆ่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ยังต้องมาฆ่าอีกรอบ” เธอร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย

    “อึนมี...นี่มันหมายความว่ายังไง” เมื่อผีแม่มดร้ายออกไปและมีอึนมีกลับมาเซมีจึงกล้าที่จะคุยอีกครั้ง

    “แล้วพวกเราจะกำจัดเธอได้หรอ เธอเป็นผีไปแล้วนะ” แม้กระทั่งชานยอลก็ด้วย...

    “ให้พ่อมดคนนั้นยกโทษให้ฉัน...” อึนมีเริ่มหายใจติดขัด... “ให้พ่อมดที่เคียดแค้นคนนั้น..เขายก..โทษ...ให้”

    “อึนมี!!” เซมีเริ่มถอยห่างและชานยอลก็ดึงตัวเธอกลับมาในอ้อมแขนอีกครั้ง ร่างของผีแม่มดคดงอและเริ่มดิ้นพล่านต่อสู้กับตัวเองอีกครั้ง...เงาสีดำปรากฏข้างกายของวิญญาณ และนั่นก็เป็นสัญญานบอกว่าอะไรจะตามมา...

    “เกลียดตัวเอง!!! ผีแม่มดชั่วกลับมาแล้ว “โง่แค่ไหนที่สาปตัวเองให้ตายน่ะ!!! โง่!!! โง่มาก!!

    “กรี๊ดดดด” เซมีร้องลั่นเมื่อผีแม่มดพุ่งเข้ามาหาและลอยหวืดผ่านตัวเธอไป ไอเย็นเยือกที่สัมผัสได้มันช่างสยดสยองยิ่งนักเซมีถึงกับเข่าอ่อนเลยทีเดียว แต่ชานยอลรับร่างเธอไว้ได้

    “งั้น!!” ไม่รู้ความกล้าของชานยอลมาจากไหน “งั้นแกก็เป็นคนฆ่าพ่อแม่ตัวเองงั้นสิ!!

    ผีแม่มดบินว่อนกลับมาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าชานยอลห่างแค่เพียงปลายผม มันเป็นภาพที่สยดสยองยิ่งนักเหงื่อชานยอลผุดออกมามากมายทันที...

    ผีแม่มดหัวเราะเบาๆ... “ใช่...ฉันฆ่าพ่อ...ฉันควักหัวใจแม่...และฉันจะฆ่าอันนา ฉันจะฆ่าอันนา!!! เธอแผดเสียงใส่ชานยอลจนเข่าของชานยอลเองไม่อาจต้านทานความสะพรึงนี้ได้ เขาจึงทรุดลงพื้นในทันที แต่ไม่วายจะโอบกอดเซมีที่ร้องไห้ใส่อกเขาอยู่ด้วย

    “ยัยอันนาฉันฆ่าไม่ทัน!!! เพราะฉัน...เพราะฉันอีกคนมันห้ามไว้!!! มันต้านทานพลังของฉันได้!! มันหยุดฉัน!! และมันก็สาปตัวเอง!! มันโง่!!! ฉันมันโง่!!!

    “พอได้แล้ว!” ชานยอลตะโกนออกไปเขาหลับตาปี๋ ไม่อยากเห็นภาพนั่นอีกแล้ว “หยุดตะโกนซะที! เมื่อไหร่จะเช้า!!!

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ยัยผีแม่มดดีใจที่ทำให้ทั้งสองคนกลัวขนาดนั้น “กลัวไปเลย!!! หล่อนบินว่อนมาใกล้ๆชานยอล “กลัวไปเลย!!! ตะโกนใส่หูเขา “กลัวไปเลย!!!เปลี่ยนมาตะคอกใส่หูเซมี “กลัวให้ตาย!!!

    เซมีกรีดร้องจนเสียงแตกพร่า ชานยอลก็กอดเธอแน่นจนจะหายใจไม่ออกสถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่ากำลังโดนผีหลอกอย่างชัดเจน...ทำอะไรไม่ได้มีแต่ความกลัวและความสยดสยอง...แค่จะเปิดตายังเปิดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ

    “นั่นใครอยู่ข้างบนน่ะ!” จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนตะโกนมาจากชั้นล่าง “เซมีหรอ!!” และเสียงปีนบันไดตามมาทันที

    “เฉิน!!” ชานยอลรีบตะโกนเรียกเพื่อน แต่เขายังปิดตาแน่น

    “พี่เฉิน!!” เซมีเองก็เช่นกัน จากที่กลัวจนขยับตัวไม่ได้ตอนนี้ใจก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อได้ยินเสียงของเฉิน

    ผีแม่มดบินว่อนออกห่างจากชานยอลและเซมีจากนั้นมันก็ตั้งท่ารอให้เฉินโผล่ออกมา...

    “เกิดเรื่องอะไรขึ้น!!” เสียงเฉินค่อยๆดังขึ้นมาเรื่อย “พวกนายโอเคมั้ย!” ดังเรื่อยๆ “ที่นี่มันอะไร” และในที่สุดเขาก็โผล่มาในห้องใต้หลังคา เขาคลานขึ้นมายืนบนพื้นและ

    “แกต้องตาย!!!ผีแม่มดพุ่งถลาเข้าไปหลอกเขาด้วยเสียงที่โครตจสยอง เซมีกรีดร้องทั้งๆที่มองไม่เห็นภาพแต่ทว่า

    “ทำอะไรน่ะ” เฉินกลับไม่รู้สึกกลัวเลยซักนิด “ออกไปไกลๆเห็นหน้าใกล้ๆละรับไม่ได้”

    “นี่แก!! ผีแม่มดแปลกใจมาก “นี่แกไม่กลัวฉันงั้นหรอ!!!

    “เออ ไม่กลัวหรอก นี่ป้ามาหลอกเพื่อนผมทำไม เขาทำอะไร...เดี๋ยวนะ ป้านี่หน้าคุ้นๆ อึนมีหรือเปล่าเนี่ย? เฮ้ย มาไง!! เฮ้ยเดี๋ยว..นี่มันเรื่องอะไร!” เฉินเดินไปหาเพื่อนเขาด้วยท่าทางสบายๆและสอบถามรายละเอียดทันที ชานยอลเล่าให้เขาฟังอย่างตะกุกตะกักรวบรัดและรวดเร็วและเขาก็สามารถเปิดตาได้แล้ว เซมีเองก็เช่นกัน...เฉินมาอยู่ที่นี่แล้ว ทำให้พวกเขาใจชื้นขึ้นเยอะ

    “ป้าไปกับผม” เฉินทำท่าจะเดินไปลากแขนผีแม่มด แต่ว่าผีนั่นกรีดร้องโหยหวนจนแสบแก้วหูและไม่ยอมให้เฉินโดนตัว

    “แกต้องตายย!!! มันขู่ร้องจะฆ่าเพื่อทำให้เฉินกลัวแต่ทว่า

    “อย่าเล่นตัวป้า”

    “แกเรียกใครป้า!! ผีสาวเริ่มเดือดเธอหยุดบินว่อนและลงมาเจรจากับเฉิน “ฉันยังไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ!!

    “เอ่าหรอโทษทีป้า พอดีหน้าขาวมากมองไม่ออกหรอกว่าอายุเท่าไหร่”

    “นี่แก!!!

    “มากับผมป้า!!” เฉินใช้โอกาสนี้จับร่างวิญญาณของแม่มดได้...ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะจับวิญญาณที่โปร่งใสแบบนั้นได้ด้วย ผีแม่มดดิ้นรนสุดชีวิตนางโหยหวนและตะโกนคำว่าฆ่าออกมาไม่หยุดหย่อน แต่เฉินไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เขาลากผีแม่มดลงไปจากห้องใต้บันไดได้อย่างสบายๆเหมือนกำลังลากปุยนุ่น...

    “สุดยอด” เซมีลุกขึ้นยืนได้แล้ว “พี่เฉินโครตเท่เลย...”

    “อืม...” ชานยอลเห็นด้วย “เท่มากเลยด้วยให้ตายสิ...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดีโอกับซิ่วหมินที่กำลังปรุงยาอยู่นั้นก็ต้องหยุดปรุงยากะทันหันเพราะพวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆมาจากนอกห้อง เสียงมันเริ่มดังเรื่อยๆและไอเย็นเยือกก็เริ่มแผ่เข้ามาในห้อง

    ปัง! เสียงเปิดประตูดังมาและร่างของเฉินกับร่างของวิญญาณสาวที่กำลังสู้กันสุดชีวิตก็ปรากฏ

    “พี่ซิ่วหมินครับ! ป้าคนนี้เป็นแม่มด...วิธีกำจัดแม่มดที่เป็นผีก็คือ--

    “ให้อภัย” ซิ่วหมินตอบแทบจะทันที

    แต่จู่ๆผีแม่มดก็ดิ้นหลุดออกจากแขนเฉินและเธอก็พุ่งเข้าไปหลอกดีโออย่างรวดเร็ว ดีโอที่ยังตั้งสติไม่ทันก็กรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดผวาจนล้มลงพื้นหมดสติไปเรียบร้อย...

    ผีแม่มดหัวเราะลั่นอย่างสะใจ มันตะโกนก้องบอกให้ดีโอตายไปซะ ซิ่วหมินชี้นิ้วไปที่ร่างของวิญญาณนั้นและท่องคาถาบางอย่าง เมื่อเธอเห็นว่าซิ่วหมินกำลังจะทำอะไรเธอก็

    “ไม่นะ!!! ไม่!!!! ไอพ่อมดผู้เคียดแค้น!!! ไม่!!!

    ร่างของผีแม่มดหล่นตุบลงมาบนพื้น...และค่อยๆขยับขึ้นใหม่อีกครั้ง...แต่คราวนี้ไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนครั้งก่อน ใช่แล้วอึนมีปรากฏกายออกมา เธอก้มหน้าร้องไห้ก่อนเลยเป็นอย่างแรก ซิ่วหมินและเฉินผู้ที่ไม่กลัวเสียงร้องไห้ของผีได้แค่ยืนมองเงียบๆอย่างสงสัย แต่พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าเธอไม่เป็นภัย

    “นี่มันเรื่องอะไร...” ซิ่วหมินตัดสินใจถาม

    “คุณคือพ่อมดผู้เคียดแค้นต่อแม่มดปีศาจ...” เธอค่อยๆยืนขึ้นมาทั้งน้ำตา “คุณต้องยกโทษให้แม่มดปีศาจอย่างฉัน...แล้วฉันก็จะสลายหายไปจากโลกนี้ทันที...”

    “เธอคืออึนมีนี่...หมายความว่าไงทีเธอเป็นแม่มด” ซิ่วหมินถามตรงประเด็น

    “ฉันได้รับเลือดชั่วจากแม่มดปีศาจ...แต่นางมอบพลังแม่มดปีศาจให้แก่คนอื่นไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครแต่แม่มดจะสืบสายเลือดได้แค่คนเดียวเท่านั้น...แม่มดคนก่อนไม่ยอมฟังกฏข้อนี้และละเลยมันไป เธอพยายามมอบเลือดแม่มดให้ฉันด้วยเป็นคนที่สอง..ดังนั้นฉันจึงได้มันมาแต่ก็แค่เพียงน้อยนิด...และไม่นานแม่มดก็ตายด้วยฉันจึงสามารถต่อสู้กับพลังอันชั่วร้ายนี่ได้อยู่ซักพักก่อนที่มันจะ...ใช่แล้วค่ะ...ทุกๆอย่างในบ้านของฉัน...ฉันเป็นคนลงมือเอง...ฉันฆ่าพ่อกับแม่...และฉันฆ่าอันนาไม่ลง ฉันเกลียดตัวเองมาก...เกลียดพอๆกับที่ฉันอีกคนเกลียด ฉันจึงฆ่าตัวตาย...อันนาไม่ผิดเธอไม่ได้มีมนต์ดำอะไรด้วยเลย...ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความผิดและความคิดของฉันเอง ได้โปรดเถอะคุณพ่อมดผู้เคียดแค้น...ให้อภัยฉันด้วย ผีจะไปไหนไม่ได้ถ้ามีแรงอาฆาตอยู่และผีก็ไม่ไหนไม่ได้ถ้ามีคนอาฆาตเขาเหมือนกัน เพราะงั้นตอนนี้แหละค่ะท่านพ่อมด ได้โปรดให้อภัยฉันด้วย”

    ผีแม่มดก้มตัวลงขอความเห็นใจจากซิ่วหมิน น้ำตาที่โปร่งใสของเธอหยดลงพื้นอย่างไม่ขาดสาย...

    “เธอจะฝากอะไรถึงอันนามั้ย...” ซิ่วหมินถาม

    “ฉันไม่ฝากถึงเธอหรอกค่ะ...แต่ฉันจะฝากตัวเธอให้พวกคุณดูแลแทนจะได้มั้ย?”

    “แน่นอน...เราดูแลน้องสาวเธอให้แน่นอน...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันต่อมา

    ดีโอและเทานอนนิ่งอยู่บนเตียงคนป่วย พวกเขาสลบไปเพราะความกลัวจากผีแม่มดเมื่อคืน ดีโอโดนหลอกจนหมดสติส่วนเทานั้นร้องไห้หนักจนเป็นลมไป... เซมีกำลังนั่งแกะส้มให้เซฮุนที่นั่งรอยู่ข้างๆเธอ เธอกับชานยอลแยกกันแล้ว มีวิธีที่ง่ายกว่าตามหาตัวเทานั่นก็คือชานยอลแปลงร่างเป็นหมาป่ากุญแจมือเขาก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย ยังไม่พอแค่นั้นชานยอลในร่างหมาป่าก็กำจัดกุญแจมือที่เหลือของเซมีออกได้อย่างง่ายดายอีกเช่นกัน

    จนป่านนี้แล้วเซฮุนก็ยังไม่นอน ตอนนี้คริสและซูโฮเข้าไปดูอาการของอันนาอยู่...และอีกไม่นานอันนาก็จะได้ออกมาเล่นกับพวกเธอข้างนอกแล้ว แค่คิดเซมีก็อารมณ์ดีถึงขนาดมีคนมาเผานิยายสุดโปรดของเธอต่อหน้าก็ไม่โกรธ

    “อะ เอาส้มไป” เซมีแกะส้มเสร็จละยื่นให้เซฮุน

    “ป้อนให้ผมด้วย” เซฮุนเริ่มเล่นกับเธอ

    “ได้” เธออารมณ์ดีมากจนไม่อยากจะเถียงกลับ เธอยื่นส้มจ่อปากเซฮุน

    “ป้อนกับปากสิพี่เซมี”

    “มากไปค่ะ” เซมีว่าแล้วเซฮุนก็หัวเราะ เขายอมหยิบส้มจากมือเซมี

    “ผมกินเองก็ได้...ความจริงผมง่วงแล้วด้วย” เขาเอาส้มเข้าปาก “ผม...ผมว่าผมควรจะไปนอน”

    “อื้อ ไปสิเดี๋ยวฉันดูสองคนนี้ให้เอง”

    “ไม่ไปดีกว่า” จู่ๆเขาก็เปลี่ยนไป “ผมอยากอยู่กับพี่...”

    “ถ้าฉันหอมแก้มนายแล้วนายจะไปนอนมั้ย” อะไรไม่รู้ถึงทำให้เซมียื่นขอเสนอออกไปแบบนั้น แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาเซฮุนก็ชอบขอให้เธอทำแบบนั้นอยู่แล้ว เธอเลยลองเล่นกับเขาดูบ้าง...

    “ไม่ไป...” ไม่ได้ผลแฮะ “แต่ถ้าเป็นจูบปากก็ไม่แน่...” เซฮุนยิ้มเจ้าเล่ให้เซมี และเขาก็ต้องตกใจมากเมื่อเซมีทำแบบนั้นจริงๆ

    เธอโผไปหาเซฮุนและกอดคอเขาจากนั้นก็ประทับริมฝีปากลงไปโดยที่เซฮุนไม่ทันได้ตั้งตัว มันทำให้เซฮุนหน้าแดงจนหายง่วงไปเลยละ

    “ไปสิ...ไปนอนได้แล้ว...ความจริงนายไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้เซฮุน...ถึงนายจะมีพลังมากกว่าคนอื่นแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านายต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นๆ” เซมีบอกความจริงที่เขากังวลอยู่ตอนนี้ออกไป

    ใช่แล้ว ที่เซฮุนไม่นอนที่เซฮุนเดินไปเดินมาและเที่ยวตามหาคนนู้นคนนี้เพราะเขากำลังพยายามทำตัวแบบซูโฮอยู่ เขาเลียนแบบการเอาใจใส่คนอื่นมาจากซูโฮและพยายามที่จะทำหน้าที่แทนคนอื่นไปหมดทุกอย่างด้วยตัวของเขาเองยิ่งได้ยินว่าเขาคือคนที่แกร่งกล้าจากเพื่อนๆมากแค่ไหนนั่นก็ยิ่งทำให้เขาอยากทำงานหนักมากขึ้นไปอีก...

    แต่เมื่อเขาได้ยินเซมีพูดแบบนั้นเขาก็ยอมรับแต่โดยดี ยังไงเขาก็ยังเป็นแค่เด็กอยู่ ควรจะได้ทำตามใจตัวเองบ้าง และก่อนเขาจะออกไปจากห้องไป เขาก็กอดเซมีจากข้างหลังและบอก

    “ผมรักพี่นะ” แล้วเขาก็ฉวยโอกาสหอมแก้มเซมีเร็วๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความเร็วแสงเช่นกัน

     

    ไม่นานหลังจากที่เซฮุนออกไปแล้วคริสก็เดินเข้ามาแทน

    “ไม่ต้องห่วงอันนาอยู่กับซูโฮและซิ่วหมิน” คริสตอบก่อนที่เซมีจะถามด้วยซ้ำ เขาพูดพลางเดินไปดูอาการของเทา “หมอนี่จิตใจบอบบางไม่เหมือนหน้าตามันเลยจริงๆ” คริสว่าพลางใช้มือตัวเองลูบหัวเทาอย่างเอ็นดู “แย่จังที่ฉันไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องไม่ได้เลวร้ายมากใช่มั้ยเซมี?”

    “ค่ะ” เซมีตอบ “เป็นแค่ผีแม่มด...เธอทำอะไรเราไม่ได้นอกจากหลอกหลอน”

    “อืม แต่การหลอกหลอนนั่นละคือสิ่งที่หมอนี่กลัวที่สุด” คริสหมายถึงเทา

    “ฮะ-เฮีย” เสียงเทาเล็ดลอดออกมา เขาฟื้นแล้ว! หน้าตาดูอิดโรยเล็กน้อย

    “เอ้า! ฟื้นแล้วหรอแก” คริสยิ้มให้พลางลูบหัวเทาอีกครั้ง “นอนหลับสบายดีมั้ย”

    “ฮึก...ฮืออ” จู่ๆเทาก็ร้องไห้ เซมีตกใจเล็กน้อยแต่คริสกลับหัวเราะ

    “ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องร้อง บอกแล้วว่าถ้าร้องไห้อีกฉันจะลงโทษแกน่ะ” คริสพูด

    “เฮีย...” เทาควานหามือของคริสมาจับไว้แน่น “เฮียอย่าทิ้งผมไปนะ ผมไม่เหลือใครแล้ว...ผมมีแค่เฮียคนเดียว”

    “จะบ้าหรอแก ฉันจะทิ้งแกทำไม...” คริสพูดไปขำไป “นี่ฝันร้ายมาใช่มั้ยเนี่ย”

    “อื้อ...” เทาพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้ด้วยความเขินอาย “ฝันร้ายนิดหน่อย”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในขณะที่คริสนั่งคุยกับเทาและอาสาจะดูแลต่อให้เซมีก็ไม่รู้จะทำอะไรเธอเลยคิดจะไปหาอันนาแต่ผลปรากฏว่าเธอเจอซิ่วหมินระหว่างทาง

    “เซมี” ซิ่วหมินฉีกยิ้มน่ารักให้เธอทันที “คืนนี้เธอไปที่ห้องปรุงยาฉันนะ...”

    เพียงแค่ประโยคเดียวสั้นๆ มันก็ทำให้เธอหัวใจโลดแล่นเต้นโครมครามด้วยความดีใจ เธอโผเข้าไปกอดซิ่วหมินและกระโดดโหยงเหยงเหมือนเด็กๆแบบเก็บอาการไม่อยู่ เธอดีใจมากจนอยากจะระบายใส่ใครซักคน...เธอจะได้นอนแล้ว! คืนนี้! เธอจะกลับมาเป็นคนปกติแล้ว!! เซมีหอมแก้มซิ่วหมินฟอดใหญ่ๆก่อนจะถลาไปรายงานเพื่อนสนิทของเธอ

    เธอวิ่งตรงไปที่ห้องของชานยอลแต่ทว่าก็ต้องระงับฝีเท้า...ชานยอลเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนแถมยังต้องมาหลอนกับผีแม่มดนานกว่าใครๆอีกด้วย...เขาควรจะพักมากที่สุด ดังนั้นเซมีจึงหันกลับไปแล้วเลี้ยวไปที่ห้องของเฉินแทน พี่เฉินเป็นคนเดียวที่รับสถานการณ์นี้ได้อย่างสบายๆ ถึงเขาจะนอนอยู่เซมีก็กล้ากวน

    เมื่อถึงห้องเธอก็เปิดประตูออกไปและวิ่งตรงไปที่เตียงของเฉินแต่ปรากฏว่าบนเตียงไม่ได้มีแค่เฉินที่นอนอยู่ กลับมีลู่หานนอนด้วยอีกคน เซมีไม่ไหวแล้ว เธออยากกรี๊ดบอกถึงความดีใจนี้ให้ใครก็ได้...ใครซักคน เธอต้องขอโทษสองคนนี้จริงๆ

    “พี่เฉิน!” เซมีกระโดดลงไปนอนบนเตียงระหว่างกลางลู่หานกับเฉินเธอร่างเล็กแทรกได้สบาย เตียงเกิดอาการเด้งเล็กน้อยเมื่อเธอกระโดดขึ้นไปแต่ทั้งสองยังคงหลับสนิท “พี่เฉินจ๋า!!” เซมีกวนด้วยการยกแขนยกขาพาดไปที่ตัวเฉินและพลิกตัวให้เขาหันมาหาเธอ “พี่เฉินอ่า...ตื่นสิ” เซมีหยิกแก้มเขาเบาๆ...และนั่น...ก็ทำให้เขาตื่น

    “...หือ?” เขายกหัวขึ้นมามองเธออย่างไม่แน่ใจ “เซมี...ทำไม...ลู่หานละ...”

    “อิอิ ฉันเองค่ะ” เซมียิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสผิดกับหน้าตาของเฉินที่ง่วงสุดชีวิตมาก “พี่เฉินฉันจะได้นอนแล้ว!!!” ทันทีที่เธอพูดเสร็จเธอก็ซุกอกเฉินและไถหัวไปมาอย่างสุดจะทน

    “เฮ้ย...” เฉินตกใจ “เซมีเดี๋ยว!” เขาจักจี้เลยหัวเราะออกมาซะดัง “เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่ง!” เขาผลักเซมีออกไปและมันทำให้เธอชนเข้ากับลู่หานจนทำให้เขาตื่น

    “เซมี...” ลู่หานงัวเงียลุกขึ้นมานั่งดูสถาการณ์งงๆ “มาได้ไง...”

    “พี่ลู่!!” เซมียังไม่หมด ความดีใจที่อยากส่งต่อยังไม่หมด “ฉันจะได้นอนแล้ว!! พี่ลู่ฉันจะได้นอนแล้ว!!” เธอลุกขึ้นนั่งและโผกอดลู่หานอย่างแรงจนทั้งเขาและเธอล้มไปบนเตียงนอน

    ลู่หานตั้งสติได้ทันกว่าเฉิน เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจและกอดเธอกลับด้วยสีหน้าที่งัวเงียอย่างนั้น “ดีใจด้วยนะเซมี พี่ดีใจด้วยจริงๆ”

    “ดีใจที่สุดเลย! พี่ลู่ก็หล๊อหล่อ” ว่าเสร็จเธอก็หอมแก้มลู่หานแบบไม่ทันได้คิดอะไร ดีใจจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ลู่หานที่งัวเงียอยู่ก็หน้าแดงเป็นปื้นใจเต้นโครมครามตั้งแต่เช้าเลย

    “นี่ๆ” เฉินเกิดอาการน้อยใจบวกรำคาญเล็กน้อย “จะนอนกอดกันอีกนานมั้ยถ้าอีกนานฉันจะได้ออกจากห้องไป บอกตรงๆเลยว่าง่วงมาก ...เซมีดีใจด้วยนะที่จะได้นอนแล้ว...แต่เธอปล่อยให้ฉันได้นอนก่อนจะได้มั้ย?”

    “แหมๆพี่เฉิน หึงเค้าหรอ” เซมีลุกออกจากตัวลู่หานและเข้าไปกอดเฉินแทน “พี่เฉินอ่า เขาจะได้นอนแล้ว” เธอไม่สนใจว่าเฉินจะง่วงมากแค่ไหนเธออยากระบายความดีใจออกเท่านั้น “พี่เฉินดีใจกับฉันหน่อยสิ”

    “อืม...” เฉินตาปรือแต่ก็ยังลูบหัวเธอเบาๆ “ดีใจมาก เพราะงั้นออกไปเถอะนะ”

    “เชอะ” เซมีทำแก้มป่อง “ไปก็ได้” แต่ก่อนไปเธอก็หอมแก้มเฉินไปฟอดใหญ่ๆและค่อยถลาออกมาจากนั้นก็เข้าห้องแบคคยอนต่อ ความดีใจยังไม่หมด เธออยากจะวิ่งวนรอบปราสาทและตะโกนออกมาจริงๆ ยิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่าการจะได้นอนนั้นเธอก็จะได้เล่นกับอันนาข้างนอกด้วย! เช้าวันนี้มีแต่เรื่องให้เซมีดีใจและเธอก็ไม่สนด้วยว่าคนที่นอนอยู่จะรู้สึกยังไง

    “แบคคยอน!! พี่แบคคยอนจ๋า!!” เธอเข้ามาในห้องแบคคยอนและทำแบบเดียวกันแต่ทว่าไม่ได้โดดลงเตียง เธอโดดลงบนตัวแบคคยอนเลยทำเอาเขาสะดุ้งตื่นด้วยใบหน้าที่งุนงงและงัวเงียสุดๆ

    “เซมี...ทำอะไรน่ะ” เมื่อเขาเห็นร่างเธออยู่บนตัวเขา เขาก็แอบยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็ผลักเธอออกไป “หนักวะ”

    “ใจร้าย!” เซมีพูดใจร้ายทั้งๆที่ยิ้มจนหน้าบาน “ฉันจะได้นอนแล้วพี่แบค!!” เธอเผลอเรียกแบคคยอนว่าพี่ไปแล้ว เธอดีใจมากเกินไปจริงๆ

    “งั้นนอนกับฉันเลยมา” แบคคยอนว่าก่อนจะหลับตาลงทันที

    “ไม่ใช่ตอนนี้!

    “งั้นก็ออกไปเล่นที่อื่น” แบคคยอนบอกยิ้มๆ เขาก็ง่วงเหมือนเฉินนั้นแหละแต่เขาก็ดีใจที่เซมีจะได้นอนซักทีจนเผลอยิ้มออกมาทั้งๆที่ยังง่วง

    “ก็ได้เชอะ!

    “เดี๋ยวก่อน” แบคคยอนบอกทันก่อนที่เซมีจะเปิดประตูออกไป “นอนได้เมื่อไหร่ละก็มาหาฉันนะ ฉันจะนอนเป็นเพื่อนเธอให้”

    “ไม่รู้ละ แบร่” เซมีแลบลิ้นให้เขาก่อนจะออกจากห้องไป ทำไมทุกคนต้องง่วงกันหมดด้วย ไม่มีใครดีใจสุดๆกับเธอเลยซักคน เธออยากจะไปกวนดีโอเหลือเกิน...ทำไมดีโอต้องสลบไปด้วยนะ

     

     

     

     

    สุดท้ายเธอมายืนมองชานยอลนอนหลับในห้องของเขาเองจนได้...จะปลุกดีมั้ยนะ...แต่ก็สงสาร...อึดอัดก็อึดอัด ทำไงดีไม่เคยกวนชานยอลซะด้วยกวนแต่ดีโอ...ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเอาก็เอา

    เซมีดึงผ้าห่มชานยอลออกไปเพื่อทำให้เขาตื่น เธอก็กล้าๆกลัวๆ ไม่รู้ชานยอลตอนตื่นมาง่วงๆจะเป็นยังไง แต่พอดึงผ้าห่มออกเธอก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างเปลือยท่อนบนของเขา เป็นร่างที่ผิดกับของดีโอมาก เขาทั้งสูงไหล่กว้างและดูกำยำกว่า เซมีแอบมองอยู่นานจนหน้าแดงกว่าจะรู้ตัวชานยอลก็ตื่นซะแล้ว...

    “หือ? เซมี?...เกิดอะไรขึ้น” เขาหรี่มองเธอง่วงๆทั้งๆที่นอนอยู่

    เซมียิ้มให้เขาบางๆก่อนจะนั่งลงที่เตียง “ฉันกำลังจะนอนได้แล้วละ” เธอบอกเบาๆไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเหมือนครั้งก่อน

    “จริงหรอ!!” เป็นชานยอลที่ส่งเสียงดังออกมาแทน เขาลุกพรวดขึ้นมานั่งและจ้องเธอด้วยสายตาที่เบิกกว้าง “เธอจะได้นอนแล้วจริงๆหรอ!!

    “อื้อ...” เซมียิ้มเขินๆและพยายามไม่มองไปที่ร่างของเขา

    “เย้!!!” ชานยอลร้องเสียงดังก่อนจะโผกอดเธอแน่นจากข้างหลัง “ดีจังเลยเซมี ดีจังเลย!!!

    เซมีเขินจนหน้าร้อนไปหมดแล้ว เธอไม่เคยโดนชานยอลกอดแบบนี้ เธอไม่โดนเขากอดทั้งๆที่ยังไม่อะไรเลยแบบนี้... เหมือนชานยอลยังไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้เธออายเขากอดเธอแน่นและโยกตัวไปมาเหมือนเด็กๆ ปากก็ร้องว่าดีใจด้วยๆไม่หยุด

    “คือ...” เซมีกำลังจะบอก “คือว่าชานยอล” เธอหันไปมองหน้าเขาแต่นั่นเป็นการกระทำที่ผิดมาก

    เมื่อเธอหันไปหน้าชานยอลกับเธอก็ชนกันพอดี ชานยอลฉีกยิ้มออกมาทันทีก่อนจะใช้จังหวะนี้จูบเธอได้อย่างแนบเนียน ชานยอลไม่สนใจเลยว่าหน้าของเธอจะร้อนมากแค่ไหน เขาไม่คิดอะไรแล้วเขาดีใจแทนเธอ เขาหลับตาลงและปล่อยให้ริมฝีปากของเขาและเธอจุมพิตกันอยู่นาน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×