ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #38 : ตอนที่ 32 ดีโอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.59K
      16
      1 พ.ค. 57




    “พี่ลู่ค่ะ เลย์ไปไหนอะ” เซมีเดินมาถามลู่หานที่กำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดสุดหรูภายในปราสาท...

     

     

    วันนี้พวกเขาเหล่าอัศวินว่างงานไปอีกวัน...ซูโฮบอกว่าช่วงนี้มีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นเยอะเกินไปอยากให้ได้พักผ่อนบ้าง แต่ความจริงเขาต่างหากละที่เจอเรื่องยุ่งอยู่คนเดียว ส่วนพวกเซมีก็แค่ทำตามขั้นตอนที่เขาวางไว้...

     

     

    ครั้งก่อนก็บอกว่าจะอยู่ในติดปราสาทมากขึ้นแต่ไปๆมาๆเขาก็ยุ่งจนแทบไม่ได้กลับมาเลย...อาจจะมีบ้างที่ซูโฮเจียดเวลาอันน้อยนิดไปเคาะห้องเซมีกลางดึกเพื่อดูว่าเธอเป็นยังไง

     

     

    ลู่หานเงยหน้าจากหนังสือและตอบเซมี “เห็นออกไปตั้งแต่เช้าแล้วน่ะ บอกว่าเบื่อๆ”

     

     

    “ว้า...เสียดายจัง”

     

     

    “ทำไมหรอ? พี่รู้ได้มั้ย?”

     

     

    “เปล่าค่ะ” เซมียิ้มเขินๆ “ฉันแค่อยากให้เขาพาบินไปรอบๆปราสาทเท่านั้นเอง...แฮะๆ”

     

     

    ลู่หานหัวเราะ “งั้นก็รอให้เขากลับมาสิ แต่บินกลางวันแสกๆแบบนี้ร้อนนะเซมี”

     

     

    “เออจริงด้วยอะ...” เธอเขินขึ้นไปอีก

     

     

    แล้วจู่ๆเสียงของจงแดก็ร้องดังมาจากนอกหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ เซมีและลู่หานหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น

     

     

    เขากำลังโดนไคไล่ฉีดน้ำจนเปียกไปหมดทั้งตัว.และมีหมาสองสามตัววิ่งวนอยู่รอบๆพวกเขา...

     

     

    สงสัยไคอาบน้ำให้หมาอีกแล้ว ว่างไม่ได้ต้องไปอาบน้ำให้เพื่อนตลอด จงแดคงโดนขอช่วยสินะ ไม่ใช่สิ จงแดเป็นเหยื่อของไคในวันนี้สินะ... แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ได้มีแค่จงแดไคสองคนเท่านั้นที่เล่นกันอยู่ มีเซฮุน...และเซฮุนยืนกอดลูกหมาในอ้อมแขนพร้อมทำหน้าหงิกหน้างอ...มีเซฮุนถึงสองคน เซฮุนสองคนโอบลูกหมากันคนละตัว ทั้งคนทั้งหมาเปียกปอนพอๆกัน...

     

     

    “ออกไปเล่นกันเถอะพี่ลู่” เซมีเดินไปฉุดแขนลู่หานทันที “ไปเปียกกัน นะๆ”

     

     

    “ไม่ละเซมี” ลู่หานว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ “พี่ไม่อยากเปียก..เพิ่งอาบน้ำมา”

     

     

    “ไปนะ!” เซมียังพยายามดึงแขนเขาขึ้นมา “นะ พี่ลู่สุดหล่อ”

     

     

    “ไม่เอา” ลู่หานยิ้มและใจเริ่มอ่อนแล้ว “อย่าเลยเซมี พี่ไม่เล่น”

     

     

    “ปายยยยยย” เซมีลากแขนของเขาสุดแรงจนลู่หานลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ปายยยยยย” เธอลาก

    ลู่หานจนเขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว

     

     

    “ไม่อาววววว” ลู่หานเบรกไว้ได้ “ปล่อยพี่เถอะเซมี พี่ไม่เล่นนะครับ”

     

     

    “เล่นสิ เล่นนะๆ” เซมีทำหน้าออดอ้อนตาเยิ้ม “นะพี่ลู่คนหล่อรวยมหาศาล”

     

     

    ลู่หานหัวเราะแต่เขาก็ยังยืนยันว่าไม่ไป เซมียอมแพ้เธอทิ้งแขนลู่หานลงแรงๆก่อนจะสะบัดหน้าใส่เขาและหันหลังจะเดินออกไป แต่

     

     

    “นี่แหนะ” จู่ๆลู่หานเข้าไปกอดเธอจากข้างหลัง “ห้ามงอนพี่นะเซมี พี่ไม่อยากเปียกจริงๆอะ พี่ไม่ถูกกับน้ำ”

     

     

    เซมีหัวเราะ เธอแค่ล้อเล่นเท่านั้นเองไม่ได้โกรธจริงๆซะหน่อย “อยากอ้อนพี่ลู่เท่านั้นเอง นึกว่าจะใจอ่อนเหมือนคริสซะอีก”

     

     

    ลู่หานคลายกอดจากเธอและรอให้เธอหันหน้ามาหาเขาก่อนจะถาม “คริสเนี่ยนะใจอ่อน?”

     

     

    “อื้อ” เซมียิ้มกวนๆ “ลองไปอ้อนเขาดูสิ เขายอมหมดแหละ ขนาดเทาอ้อนเขายังแพ้เลย”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทางด้านเลย์

     

     

    แดดร้อนเกินไปที่จะบินข้ามฟ้ามา...ดังนั้นเขาจึงเรียกแท็กซี่และเดินทางเหมือนมนุษย์มายังสวนสนุกแห่งนี้...

     

     

    เลย์ชอบความสนุกสนานเขาทนอยู่ในปราสาทนานๆไม่ได้เป็นต้องออกมาหาอะไรทำข้างนอประจำ และวันนี้เขาก็ได้รับคำแนะนำจากดีโอตาโตว่าให้ลองมาเที่ยวที่สวนสนุกนี่ดู

     

     

    เป็นสถานที่ที่ตื่นตาตื่นใจมาก ได้ยินเสียงกรีดร้องไปทุกทิศทุกทางแค่ก้าวเท้าเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความสนุกแล้วแต่ทว่าเลย์ลืมอะไรไปบางอย่าง...เขาไม่มีเงินเลยนี่สิ

     

     

    เลย์เดินไปที่ช่องขายตั๋วด้วยสายตาเศร้าสร้อย พนักงานก็บอกว่าต้องมีเงินถึงจะซื้อตั๋วได้... เขาจึงเดินคอตกกลับออกมาเป็นรอบที่สอง...

     

     

    “เอาตั๋วนี่ไปสิ” จู่ๆก็มีเด็กสาวคนนึงเดินมายื่นตั๋วให้เขา... “บังเอิญว่าเพื่อนฉันมีธุระต้องรีบกลับน่ะ นายเอาของเพื่อนฉันไปสิ”

     

     

    เลย์รับมาและมองหน้าเธอด้วยความปลาบปลื้มสุดชีวิต แต่เขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าจริงๆของเธอ... เธอน่ารักมาก รอยยิ้มก็สดใส ดวงตากลมโตใสแป๋ว ปากสีชมพูดูนุ่มนวล...แต่นั่นยังไม่ตกใจมากพอ

     

     

    “เซมี!” เลย์เรียกชื่อของคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเธอคนนี้

     

     

    เธอหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้ชื่อเซมี”

     

     

    “ขอโทษครับ” เลย์รีบก้มหน้าแดงๆลงทันที...เธอไม่ใช่เซมีจริงๆด้วย แค่หน้าคล้ายเท่านั้น “แล้วคุณ...เอ่อ...”

     

     

    “ฉันชื่ออึนมีค่ะ...ว่าแต่มีเพื่อนเดินเล่นหรือยังค่ะ?”

     

     

    “ยังครับ...เอ่อ...ผมชื่อเลย์ เป็นปีเตอร์แพน มาจากดาวเนเวอร์แลนด์”

     

     

    อึนมีหัวเราะเล็กน้อย แต่เธอคงคิดว่าเลย์เล่นมุกทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่ใช่... เธอถามเลย์ต่อด้วยเสียงที่ร่าเริง “เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกหรอค่ะ?”

     

     

    “อื้อ...”

     

     

    “เพื่อนฉันก็ไม่อยู่พอดีเลย...เรามาเป็นเพื่อนกันนะ” อึนมียื่นมือเรียวบางของเธอไปให้เลย์

     

     

    เลย์ยื่นมือออกไปจับมือนุ่มนั่นและเขย่าเล็กน้อย... “ครับ มาเป็นเพื่อนกัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮัดเช่ย!!” เสียงของเซฮุน

     

     

    “ฮัดชิ้ว!!” เสียงของเซฮุนอีกคน...

     

     

    บัดนี้ร่างของเซฮุนทั้งสองร่างกำลังนั่งตัวสั่นงันงกอยู่ในห้องตัวเอง...เซมียืนเท้าสะเอวมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เซฮุนเป็นหวัด เพราะนั่นไม่ใช่ความผิดของเขาแต่เป็นเพราะไค ดังนั้นไคจึงโดนทั้งเซมีและชานยอลสวดยับ... ไคเลยเดินหงอยๆออกไปจากห้องเซฮุนและไปหาดีโอแทน

     

     

    ชานยอลนั่งวัดไข้ในเซฮุนฝั่งซ้ายหลังจากวัดให้เซฮุนฝั่งขวาแล้ว ส่วนเซมียืนจ้องเซฮุนทั้งสองคนเขม็ง...ทำไมเธอถึงทำหน้าไม่พอใจใส่เซฮุนอีกละ? นั่นก็เพราะ

     

     

    “เมื่อไหร่พวกนายจะรวมร่าง!

     

     

    “ไข้เท่ากัน” ชานยอลบอกก่อนจะลุกขึ้นไปยืนข้างๆเซมี “นั่นสิ ทำไมพวกนายไม่รวมร่าง จะได้ดูแลง่ายๆหน่อย”

     

     

    “รวมไม่เป็น” เซฮุนตอบพร้อมกัน “แต่แยกเป็น...ฮัดเช่ย!!

     

     

    การที่เป็นหวัดและไข้ขึ้นจนตัวสั่นแบบนี้ยังไงๆก็ต้องมีคนเฝ้า จะปล่อยให้เขานอนสั่นอยู่ในห้องคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด...แต่เซฮุนสองคน...จะไหวหรอ? ปกติมีแค่ร่างเดียวก็ปวดหัวจะตายแล้ว...ไหนจะอาการประสาทนิดๆของเขาอีก ไหนจะคำขอบ้าๆของเขาอีก และที่สำคัญเซฮุนน่ะชอบทำตัวว่าตัวเองขาดความอบอุ่นอยู่เรื่อยเลยด้วย...ทั้งๆที่เขาก็มีความสุขดี

     

     

    “จงแดเป็นไงบ้างเนี่ย” เซมีถามชานยอล “เขาก็เป็นหวัดใช่หรือเปล่า?”

     

     

    “นั่นสิ” ชานยอลนึกขึ้นได้และทำท่าเหมือนจะออกจากห้องเพื่อไปดูจงแด แต่เซมียื้อแขนชานยอลไว้

     

     

    “จะไปไหนค่ะชานยอล...” รอยยิ้มโกรธๆของเธอปรากฏขึ้น...คิดจะให้เซมีดูแลเซฮุนสองคนคนเดียวงั้นหรอ?

     

     

    ชานยอลยิ้มแห้งๆให้เธอก่อนจะแกะแขนเธอออก... “จะไปดูจงแดไง....นะ ฉันไปดูจงแดนะ”

     

     

    “ไม่มีทางค่ะ” เซมีจับแขนชานยอลด้วยมือทั้งสองข้าง “ต้องอยู่ดูฝั่งนี้เป็นเพื่อนก่อน”

     

     

    “โธ่เซมีจ๋า...ปล่อยฉันเถอะจ๊ะ ฉันเป็นเพื่อนรักจงแดนะ” ชานยอลพยายามแกะแขนเธอออกอีกครั้ง “นะครับ นะๆ...”

     

     

    แต่ไม่ทันที่เซมีจะเกาะแขนเขาต่อ เขาก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปซะแล้ว....ดังนั้นเธอจึงถอนหายใจเสียงดังและหันมาเผชิญหน้ากับร่างของเซฮุนทั้งสองคน

     

     

    “กินยาสิค่ะ” เธอสั่ง แต่เซฮุนทั้งสองคนได้แต่นั่งอยู่ใต้ผ้าห่มสั่นๆ พวกเขาส่ายหน้าพร้อมกันก่อนจะมีเซฮุนซักคนพูดอ้อนๆขึ้นมา

     

     

    “พี่ป้อนหน่อยสิ...ผม...พวกผมหนาวอ่ะ ขยับไม่ได้เลย”

     

     

    “อย่าเว่อร์ค่ะ” เซมีบอกแต่เธอก็เดินไปหยิบยาแก้หวัดกับน้ำมาตามคำอ้อนของพวกเขา เธอนั่งตรงกลางระหว่างเซฮุนสองคน เห็นแล้วแปลกดี...

     

     

    “อะกินซะ” เซมีป้อนยาให้ฝั่งซ้ายและป้อนน้ำตาม...จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นฝั่งขวาและป้อนน้ำตาม...

     

     

    “ทีนี้ก็นอนนะ” เซมีลุกขึ้นไปวางแก้วน้ำบนโต๊ะ “นอนสิ” เธอหันมาสั่งเมื่อไม่เห็นว่าร่างไหนของเซฮุนขยับตัว

     

     

    “ผมหนาว พี่กอดผมก่อน...” ร่างฝั่งขวาบอก เซมีกรอกตาไปมาอย่างเหลืออด...แต่เธอก็เดินไปโอบเขาอยู่ดี

     

     

    “ผมหนาวเหมือนกันนะ!” เซฮุนอีกฝั่งบอก “มากอดผมด้วย!

     

     

    เซมีจึงเดินไปกอดอีกคนแทนและเซฮุนฝั่งนี้ก็โวยวาย เซมีจึงเปลี่ยนไปกอดฝั่งนี้ก่อนจะกลับไปกอดฝั่งนั้นเพราะเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ สุดท้ายเธอก็กอดสลับกันไปมาจนหมดความอดทน!

     

     

    “พอกันที!!!” เธอตะคอกสุดเสียงจนเซฮุนทั้งสองร่างสะดุ้งโหยง และ วูบ! กลายเป็นร่างเดียวกัน...

     

     

    “เอ๊า!” เซมีทำหน้างง... ”เมื่อกี้นายทำยังไง?”

     

     

    เซฮุนส่ายหน้า... “ผมไม่รู้อะ เป็นแบบนี้อีกแล้ว...รวมร่างทั้งๆไม่รู้ตัว”

     

     

    “นั่นอาจจะเป็นวิธีรวมร่างก็ได้นะ” เซมีว่า “ครั้งหน้าก็ลองทำเป็นไม่รู้ตัวสิ เผื่อรวมร่างได้”

     

     

    “แต่ว่าพี่ครับ” เซฮุนเริ่มสั่น... “ผมหนาวจริงๆนะ”

     

     

    เขาอาจจะไม่ได้แกล้ง...หรือไม่ได้แกล้งตั้งแต่แรก การรวมร่างทำให้อะไรๆก็เพิ่มมาเป็นสองเท่า บางทีเรื่องนี้ก็อยู่เหนือความคาดหมายของเซมี...เธอน่าจะปล่อยให้เซฮุนแยกร่างไปจนกว่าไข้จะลด...

     

     

    เขาสั่นมากขึ้นเป็นสองเท่าจริงๆด้วย...สั่นจนต้องงอเข่าขึ้นมาขดตัว เซมีรีบเข้าไปกอดเขาจากข้างหลังทันที...

     

     

    “ทีหลังอย่าเล่นแบบนั้นอีกนะ!” เธอดุแต่ก็พยายามโกยผ้าห่มให้เขาอบอุ่นขึ้น เธอหยิบผ้าห่มของเซฮุน(อีกร่าง)มาห่มให้เขาอีกผืนก่อนจะกอดเขาแน่น...

     

     

    เซฮุนหนาวมากจนต้องหลับตาลง...ร่างเขาค่อยๆล้มลงบนเตียง เซมีจึงจัดการลากร่างของเขาไปนอนบนหมอนดีๆ

     

     

    “เซฮุน ไหวมั้ย...ฉันจะไปตามซิ่วหมินมาดูให้นะ”

     

     

    “ไม่...” เซฮุนพูดเหมือนละเมออยู่ “ไม่...อย่าทิ้งผม...ไม่เอา...อย่าไป...”

     

     

    “พี่ไม่ได้ทิ้ง พี่จะไปพาคนมาช่วยนาย”

     

     

    “ไม่...ไม่ต้องพา...อยู่กับ...ไม่เอา...ไม่ไปนะ” เขายื่นมือสั่นๆออกมาจากผ้าห่ม เซมีรีบคว้ามันไว้และซุกทั้งมือและเขาในผ้าห่ม...มือเซฮุนร้อนมากและเขาจับมือเธอแน่นเลยด้วย

     

     

    “เซฮุน...นายอย่าเป็นอะไรนะ” คราวนี้เป็นเซมีที่เริ่มกลัว...

     

     

    “ไม่เป็น...พี่อย่าทิ้ง...อย่าทิ้งผมไปก็พอ...นะ”

     

     

    “อื้อๆ พี่ไม่ไปไหนแล้ว พี่อยู่นี่แหละ”

     

     

    เซมีใช้ร่างตัวเองทับตัวเซฮุนเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้เขา...

     

     

    ซักพักเซฮุนก็หยุดสั่น...เหงื่อหายไปหมดแล้วด้วย

     

     

    ไม่นานเขาก็หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา...แต่ทว่าเขาไม่ยอมปล่อยมือเธอ...ทั้งๆที่หลับอยู่แท้ๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ห้องจงแด...

     

     

    “นายไม่เป็นไรจริงดิ?” ชานยอลถามเป็นรอบที่สาม เขานั่งบนเก้าอี้และกำลังกินขนมอย่างสบายใจ ทั้งๆที่รู้ว่าจงแดไม่เป็นอะไรเขาก็ไม่ยอมกลับไปช่วยเซมีดูแลเซฮุน...ชานยอลช่างใจดียิ่งนัก

     

     

    “เฮ้ๆ ขนมนั่นของฉันนะ แดกให้มันน้อยๆหน่อย หมดไปสองซองละ” จงแดพูดก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมยามเย็น...

     

     

    “ขี้งกวะ” ชานยอลว่าแต่เขาก็ยังยัดขนมเข้าปากและจ้องไปที่ขนมซองต่อไป...

     

     

    “ว่าแต่ชานยอล...ช่วงนี้รู้สึกเหมือน...อดอยากยังไงชอบกลวะ” จู่ๆจงแดก็พูดแปลกๆ เขายืนพิงหน้าต่างและหันมามองหน้าชานยอลแบบ...แปลกๆ

     

     

    ชานยอลดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เขาก็โยนขนมไปให้จงแดซองนึง “แดกสิจะได้ไม่อดอยาก”

     

     

    “เชี่ย...” จงแดเขวี้ยงขนมกลับไป “ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

     

     

    “อะไรวะ?” ชานยอลขมวดคิ้ว...

     

     

    “หมายถึง...ผู้หญิงอะ...เรื่องผู้หญิง” เขาหน้าแดงเล็กน้อยที่ต้องพูดตรงๆ “ไม่ได้สัมผัสผู้หญิงมานานแล้วเนี่ย...รู้สึกอดอยาก นายเป็นปะ? เมื่อก่อนฉันเที่ยวผับบ่อยไงก็เลย...นั่นแหละ เข้าใจใช่ปะ? นายเป็นปะ?”

     

     

    “ไม่นี่” ชานยอลตอบเหมือนเป็นเรื่องง่าย “ฉันมีเซมีอยู่แล้วทั้งคน...”

     

     

    “เชี่ย!!” จงแดร้องเสียงดัง “ได้กันตอนไหนวะ!!

     

     

    “หือ?” ชานยอลงงกับสีหน้าเว่อร์วีว่าของจงแด “ได้อะไรตอนไหน?”

     

     

    “โอ้ย ไอหูช้างสมองยุคหิน!” เขาเดินมาตบหัวชานยอลอย่างแรงไปหนึ่งที “นี่มึงไม่เข้าใจที่กูจะสื่อเลยใช่มั้ย?  แล้วพูดแบบนั้นออกมาใครๆเขาก็คิดว่ามึงได้กับเซมีแล้วนะเฮ้ย!

     

     

    “ได้กัน?”

     

     

    “ไอ้โง่!” เขาตบหัวชานยอลไปอีกหนึ่งที “ได้กันก็คือ...ก็คือไอ้นั่นไง!!

     

     

    “นั่นไง?”

     

     

    “ไอสมองลูกโป่ง! ผู้หญิงกับผู้ชายอะ! ได้กันอะ! ทำกันอ่ะ โอ้ยยย ไม่เก็ทอีกหรอวะ! ฝันเปียกมึงอะ!

     

     

    และเมื่อชานยอลเข้าใจ(กว่าจะเข้าใจ)เขาก็พ่นขนมที่เต็มปากนั่นออกมา ก่อนจะหน้าแดงแจ๋เหมือนมีใครมาราดน้ำร้อนใส่หน้า...

     

     

    “ไม่ใช่เว้ย!!” เขารีบปฏิเสธปากเปร่อะเลอะขนมไปหมด... “ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! ฉัน..ฉันกับเซมีเราไม่เคย...อะไรเลยนะเว้ย ที่ฉันหมายถึงอ่ะคือ...ฉันสนใจแต่เซมีคนเดียวไม่ได้สนใจคนอื่นต่างหากละ...”

     

     

    “เออ เข้าใจ” จงแดพูดพลางถอยหลังออกไปห่างๆชานยอล “จัดการกองอ้วกของมึงด้วยนะ...เต็มห้องเลยเนี่ย...เจี๊ยก!!

     

     

    จู่ๆเฉินก็โดนกระแทกจากอะไรบางอย่างที่โผบินเข้ามาทางหน้าต่าง!

     

     

    เลย์! เขาอุ้มเด็กสาวกลับมาด้วย!

     

     

    “ชานยอล จงแด!” เลย์ทำเสียงตื่นเต้นก่อนจะวางอึนมีลงช้าๆ สีหน้าเธอดูหวาดกลัวระคนตื่นเต้น... เลย์พูดต่อ “เธอคนนี้โดนคำสาป! เธอเข้าฝันใครก็ได้ที่เธอต้องการละ!

     

     

     
















     

     

    “เซฮุน” เซมีเรียกสติเขาเบาๆ หลังจากที่เธอเช็ดตัวให้เขาไปสองรอบแล้วอาการของเซฮุนดีขึ้นมาก

     

     

    “...ครับ” เขาตื่นแล้วแต่เหมือนจะยังปวดหัวนิดๆ “มึนจัง...พี่มอมยาผมหรอ...”

     

     

    “บ้า” เซมีพูดก่อนจะกระชับผ้าห่มให้เขา “นอนอีกซักพักเดี๋ยวก็หายเองแหละ”

     

     

    “แยกร่างดีกว่า...”

     

     

    “ไม่ต้องเลยนะ!” เซมีแวดใส่ทันที...

     

     

    เซฮุนแค่อยากแกล้ง เขาหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นเธอโกรธ “ตอนผมหลับ...พี่ไม่ไปไหนใช่มั้ย” เขาถาม

     

     

    “แน่นอน..ฉันอยู่เฝ้านายเช็ดตัวให้นายตลอดเลย” เซมีตอบก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินลุกไปจากเตียง

     

     

    “ไม่เอา” แต่เซฮุนดึงแขนเธอให้นั่งลงข้างๆเขา...ที่เดิม “อย่าไปสิ”

     

     

    “จะเดินไปนั่งบนเก้าอี้...นายจะได้นอนสบายๆ” เซมีบอกและทำท่าจะลุกอีกครั้ง

     

     

    “ไม่เอา...อยู่ตรงนี้แหละ” เซฮุนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว ดังนั้นเซมีจึงต้องนั่งที่เดิม

     

     

    “ตอนผมหลับ” เขาเริ่มพูดมากแสดงว่าอาการปวดหัวเริ่มดีขึ้น “พี่แอบทำอะไรผมหรือเปล่า...”

     

     

    “อะไรยะ” เซมีหันไปมองสายตากวนๆของเขา “ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”

     

     

    “จริงอะ...”

     

     

    “จริง”

     

     

    “อย่าให้รู้นะว่าแอบจูบผมตอนหลับอะ”

     

     

    “บ้า!” เซมีตีไปที่อกเขาเบาๆ ไม่กล้าตีแรงเดี๋ยวเขาร้องไห้... “ฉันไม่ใช่นายยะ”

     

     

    “หรอ...อย่าให้รู้นะว่าแอบหอมแก้มผมน่ะ” เขายังจะเล่นต่อ

     

     

    “พอเถอะเซฮุน...ฉันไม่ทำ--

     

     

    แล้วเขาก็ดึงร่างของเธอลงมาแบบไม่ได้ทันตั้งตัว...ปากของเขาและเธอประกบกันเบาๆ แต่เซฮุนยังพยายามดึงร่างเธอเข้ามาโอบกอดทั้งอย่างนั้น ก่อนจะจูบปากบางเธออย่างจริงจัง...

     

     

    เซมีหลับตาปี๋...เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก...ได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจ...

     

     

    กว่าเซฮุนจะยอมปล่อยเธอออกก็เกือบตายเพราะขาดอากาศหายใจไปแล้ว...

     

     

    “พี่อ่า!” เขายังไม่หยุดแค่นั้น ดึงร่างเธอมากอดไว้ในอ้อมอกต่อ... “พี่ทำไมน่ารักแบบนี้อะ! ผมทนไม่ไหวแล้วนะ! ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่รีบๆมาเป็นของผมเถอะ!

     

     

    “เซฮุน! พี่ว่านาย...เอาอีกแล้วนะ อาการกำเริบอีกแล้วนะ!” เธอพยายามดิ้นจากอ้อมแขนเขา และดิ้นหลุดด้วย เธอนั่งมองหน้าที่กำลังจะร้องไห้ของเซฮุน

     

     

    “พี่ใจร้าย...พี่ทำร้ายจิตใจผมตลอด”

     

     

    “ห้ามร้องนะ!” เซมีรีบอุดปากเขาไว้ “ห้ามร้องเด็ดขาด...ฉันว่าได้เวลานายกินยารอบที่สองแล้วละ”

     

     

    “ไอ้อิ้น! อื้อๆๆ” เขาพูดทั้งๆที่ยังโดนเซมีปิดปาก แล้วพอเธอเลิกทำ “ผมไม่กินยา! ผมจะกินพี่แทน!

     

     

    จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาทับร่างของเซมีจนล้มลงไปบนเตียงทั้งคู่

     

     

    “เซฮุน!” บัดนี้ร่างของเซฮุนจมปลักอยู่กับเตียงและเขากำลังโอดครวญอย่างเจ็บปวดด้วย...

     

     

    เขารีบลุกออกจากหมอนเร็วเกินไปและร่างกายก็ยังปรับสภาพไม่ทันเลยทำให้หน้ามืดบวกกันปวดหัวอย่างแรงเลยน่ะสิ

     

     

    เซมีรีบผลักร่างที่กำลังหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บปวดนี้ให้กลับไปนอนที่เดิมทันที...

     

     

    “สมน้ำหน้า!” เธอพูดก่อนจะห่มผ้าให้เขา...

     

     

     

     

















     

     

     

     

    “เธอไม่ได้โดนคำสาปหรอกเลย์” ซิ่วหมินที่ตรวจดูทุกส่วนของอึนมีแล้วก็มั่นใจว่าเธอไม่ได้เป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ แต่เลย์ก็ยังยืนยันว่าเธอโดน

     

     

    “ไม่เลย เธอไม่ได้โดน” ซิ่วหมินยืนยัน “เธอแค่มีอะไรพิเศษไปจากคนอื่นก็เท่านั้นเอง” เขาหันไปยิ้มให้อึนมีเพื่อคลายความอึดอัดลง... “ว่าแต่เธอดูคล้ายเซมีมากเลยนะ”

     

     

    “ใครๆก็บอกแบบนั้นค่ะ” อึนมีตอบพลางหันไปมองชานยอลและจงแดที่ตามพวกเขามาถึงนี่ “คนในปราสาทหลังนี้เกือบทุกคนที่ฉันเจอล้วนบอกว่าฉันเหมือนเธอค่ะ...เหมือนเซมี”

     

     

    “ก็เหมือนจริงๆอะ” เลย์พูด “ขนาดฉันเดินกับเธอมาทั้งวันฉันยังคิดว่าเธอเป็นเซมีเลยนะ...ทั้งนิสัย หน้าตา ท่าทาง การพูด...ทุกอย่าง”

     

     

    อึนมีไม่แน่ใจว่านั่นคือคำชมหรือเปล่า แต่เธอก็ยิ้มหน้าแดงไปแล้ว “บางที...ฉันน่าจะเจอเธอนะค่ะ”

     

     

    เลย์เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นทันที เขารีบเข้ามาฉวยแขนเธอไว้ “ไปสิ ฉันจะพาเธอพบเซมี”

     

     

    แล้วอึนมีก็โดนเลย์ลากไปตามทางเดินอีกครั้ง...ชานยอลกับจงแดไม่ลืมที่ตามไปดูด้วยเช่นกัน ระหว่างทางก็เจอแบคคยอนยืนอ้าปากค้างเมื่อเห็นอึนมีเดินผ่าน จงแดเลยลากเขาเข้ามาร่วมวงด้วยทันที...

     

     

    เลย์ลากเธอไปจนถึงหน้าห้องของเซฮุน(ชานยอลบอกว่าเธออยู่ที่นี่) ก่อนจะผลักประตูเข้าไปและ

     

     

    “ว้าย!” อึนมีรีบเอามือมาปิดตาไว้

     

     

    เพราะเธอเห็นไคกำลังจูบเซฮุนอยู่...พูดให้ถูกคือไคกำลังรักษาเซฮุนนั่นเอง...และเมื่อเสียงกรี๊ดเธอดังไคก็รีบผละออกห่างจากร่างที่นอนอยู่ทันที... ถึงเขาจะชินแล้วกับการจูบ แต่เขาก็ไม่เคยเจอสถานการณ์ที่มีคนเห็นแล้วกรี๊ดออกมาเหมือนเขากำลังทำเรื่องวิตถารแบบนี้...

     

     

    “ผะ-ผมผมผม ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ” ไครีบปฏิเสธทั้งๆที่ไม่จำเป็น...เขาเดินไปหลบหลังพี่สาวอายๆ

     

     

    “อึนมีๆ” เลย์รีบแกะมือที่ปิดตาตังเองอยู่ออก “ไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ ไคเขากำลังรักษาเซฮุนอยู่น่ะ แล้วก็นี่เซมี ดูสิ...”

     

     

    อึนมีค่อยๆเปิดใบหน้าที่น่ารักของเธอออกมาสีหน้ายังคงหวาดหวั่นเล็กน้อย...แต่เธอได้สบตากับร่างของหญิงสาวตรงหน้าแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้นระคนตกใจแทน

     

     

    เหมือนมาก...คล้ายมาก...ทั้งเธอและเซมี เหมือนกันจนไม่น่าเชื่อ...แถมดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเธอสองคนถูกชะตากัน...

     

     

    “สวัสดีค่ะ..” อึนมีเดินไปหาเซมี “ฉันชื่ออึนมี...เลย์บอกว่าฉันเหมือนคุณ ก็เลยพามาพบ...”

     

     

    “ว้าว” เซมีได้แต่ร้องอย่างประหลาดใจ “เหมือนมากจริงๆ...ฉันมีสองคน...เหมือนเซฮุนเลย แยกร่างได้”

     

     

    ทุกคนหัวเราะแต่อึนมีดูงงๆเล็กน้อย

     

     

    “ฉันอยาก...ลองเข้าฝันเธอจัง” จู่ๆอึนมีก็พูดออกมา...และทำให้ทั้งห้องเงียบลงทันที...

     

     

    แต่เซมีหัวเราะ “เธอเข้าฝันคนอื่นได้หรอ?”

     

     

    “อื้อ...ฉันทำได้ ทำได้เมื่อสองปีก่อนน่ะ”

     

     

    “ว้าว...อยากลองให้เธอเข้าฝันจริงๆนะ...แต่ฉันนอนไม่ได้น่ะ”

     

     

    อึนมีไม่เข้าใจ... “หมายความว่าไง?”

     

     

    “ฉันนอนไม่ได้อึนมี...ฉันเป็นโรคนอนไม่หลับ มาตั้งแต่เกิด”

     

     

    อึนมีอยากถามต่อเพราะคำถามมากมายผุดขึ้นมา...แต่เธอดูสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำตอนนี้...

     

     

    “ฉันเสียใจนะเซมี...” อึนมีพูดเศร้าๆ “แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องได้นอน...ซักวันเธอต้องให้ฉันเข้าฝันเธอได้แน่นอน”

     

     

    “ขอบใจอึนมี...ถ้าฉันนอนได้เมื่อไหร่จะเรียกเธอให้มาเข้าฝันทันทีเลย”

     

     

    “อื้อ วันนั้นจะรีบมาหาเธอเลยละ”

     

     

    แล้วพวกเธอสองคนก็หัวเราะ...ทำให้หนุ่มๆที่ดูอยู่โล่งอกทันทีที่ไม่มีดราม่าเกิดขึ้น...

     

     

     

     

     

     

     

     

















     

     

    “ซิ่วหมิน!!” จู่ๆเมอร์ลินก็พุ่งเข้าห้องปรุงยาซิ่วหมิน สีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลย “ซิ่วหมินแย่แล้ว!

     

     

    “อะไรครับ” ซิ่วหมินพลอยทำหน้าเครียดไปด้วย...เขาไม่เคยเห็นเมอร์ลินแสดงอาการแตกตื่นขนาดนี้

     

     

    “แม่มด! แม่มดตนใหม่! ถือกำเนิดขึ้นแล้ว! แย่แล้วซิ่วหมิน แย่แล้ว!” เมอร์ลินเดินไปเดินมาเหมือนคนสติแตก...

     

     

    “ที่ไหนครับ เธออยู่ที่ไหน...พลังของเธอตื่นตัวแล้วงั้นหรอครับ? แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นแม่มดปีศาจ?” ซิ่วหมินถามแทบไม่หายใจ...

     

     

    “ไม่ซิ่วหมินไม่...ยังไม่ได้เป็นแม่มดปีศาจ...พลังเธอเพิ่งตื่นตัวเมื่อสองนาทีที่แล้วเอง...ฉันรู้สึกได้ ฉันสามารถรับรู้ถึงอำนาจอันชั่วร้ายได้...จอมเวทย์ให้พลังนี้แก่ฉันมาเอง...แต่ไม่ต้องตกใจ..ไม่ต้องตกใจ” เหมือนเมอร์ลินกำลังพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับซิ่วหมิน...

     

     

    “ทำไมครับ? เรารีบไปจัดการเธอเลยดีมั้ยครับ? ก่อนที่เธอจะลงคำสาปใส่ใคร...”

     

     

    “ไม่ซิ่วหมินไม่...เธอยังแค่ห้าขวบ”

     

     

    “อะไรนะครับ!?”

     

     

    “พลังอันชั่วร้ายของเธอเพิ่งตื่น...และตื่นเร็วมากด้วยเธออายุได้เพียงห้าขวบเท่านั้น ฉันทำไม่ได้หรอก”

     

     

    “เป็นไปไม่ได้ครับ พลังจะตื่นตัวตั้งแต่เล็กแบบนั้นได้ยังไง”

     

     

    “เป็นไปได้ซิ่วหมิน...เป็นไปได้...ยัยแม่มดคนเก่ามันร้ายนัก! มันแอบส่งเลือดสีดำชั่วๆของมันไปให้คนอื่นทันอีกหรอยังไง! ฉันว่าฉันไม่พลาดแล้วนะ!” เมอร์ลินโกรธจนเผลอกำหมัดแน่น “แต่ฉันทำไม่ได้ซิ่วหมิน...” ก่อนคลายหมัดและส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ฉันฆ่าเด็กสาววัยห้าขวบไม่ลง...ฉันทำไม่ได้”

     

     

    “เราไม่ต้องฆ่าเธอสิครับ”

     

     

    “หมายความว่าไง?” เมอร์ลินหันไปสนใจซิ่วหมินทันที

     

     

    “เราไปรับเธอมาอยู่ในความดูแลของเราก็สิ้นเรื่อง...เราน่าจะเปลี่ยนเธอได้”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     











     

    ตอนพิเศษ

     

     

    “ดีโอ...ดีๆๆๆโอ โด้ๆๆดีโอ” เซมีแร็ปใส่หูดีโอที่ทำเป็นไม่ได้ยินเธอ

     

     

    ตอนนี้พวกเขาก็กำลังดูหนังอีกตามเคย...แต่คราวนี้เซมีง้อให้ดีโอมาดูเพราะเธอไม่เห็นดีโอทั้งวัน เลยคิดถึงเขา แต่ทว่าดูดีโอจะง่วงมากกว่าอยากจะมานั่งเล่นกับเธอซะแล้ว

     

     

    “อืม...เรียกทำไม” เขาตอบง่วงๆใส่เธอ หนังสงครามกลางเมืองไม่ได้ทำให้ความง่วงลดลงเลย

     

     

    “ดีโออย่าทำหน้าง่วงแบบนั้นสิ!” เซมีบีบแก้มดีโอเบาๆ “ตื่นสิตื่น”

     

     

    “อือ...” ดีโอพยายามทำหน้าตื่นให้เธอเห็นแต่มันก็ไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่เลย

     

     

    “แบบนี้ละตื่นมั้ย” แล้วธอก็หอมแก้มดีโอไปฟอดนึง

     

     

    ตื่น...ดีโอตื่นเลย...เขาหน้าแดงและฉีกยิ้มจนหน้าบาน “ตื่นจริงๆแล้ว...แต่จะตื่นกว่านี้ถ้ามีอีกนะ”

     

     

    “ได้เลย” เซมีไม่รอช้าเธอจัดการแก้มอีกข้างของดีโอทันที “ตื่นยัง?”

     

     

    ดีโอเขินจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว... “ยิ่งกว่าตื่นอีก...” เขาตอบอายๆ

     

     

    “ดีมาก ว่าแต่ดีโอหนังเรื่องนี้น่าเบื่ออ่ะ เราเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นดีมั้ย?”

     

     

    “ไม่ต้องดูแล้วหนังน่ะ” ดีโอเสนอ...(เขาแอบจับแก้มตัวเองด้วย) “ร้องเพลงกันเถอะ”

     

     

    “ดีเลย!” เซมีเห็นด้วยเธอกระโดดออกจากโซฟาและเปลี่ยนโหมดทีวีไปเป็นคาราโอเกะ ก่อนจะเดินไปหยิบไมค์มาสองอัน “อะ...เรามาร้องเพลงคู่กัน” เธอยื่นไมค์ให้ดีโอ

     

     

    ดีโอรับมาก่อนจะลุกขึ้นยืนใกล้ๆเธอ “ร้องเพลงอะไรดี?”

     

     

    what does the fox say!” เซมีคึกจนเผลอทำท่าประกอบตลกๆออกมา แต่ดีโอไม่ขำเขาทำตาเหลือกใส่

     

     

    “ไม่เอาเพลงนั้น!” ดีโอฉวยรีโมทจากมือเธอ “เดี๋ยวฉันเลือกเอง...”

     

     

    “เพลงอะไรอะ?”

     

     

    “เพลง some ของ soyou กับ Junggigo เคยฟังมั้ย?”

     

     

    “เคยๆ ร้องเป็นๆ”

     

     

    “ดี...ฉันเปิดเลยนะ”

     

     

    “อื้อ เอาเล้ย!

     

     

    ดีโอกดเปิดเพลงและปิดเสียงคนร้องเป็นโหมดคาราโอเกะ...

     
    (แนะนำให้อ่านไปและฟังเพลงไปด้วย ร้องตามด้วยเลยก็ดี เพราะกะท่อนไว้แล้ว อ่านจบพร้อมเพลงจบพอดี...)
     

     

    เมื่อดนตรีเริ่มเซมีก็โยกตัวไปมาตามจังหวะทันที...ส่วนดีโอก็ได้แต่ยืนยิ้มข้างๆเธอ

     



     

    ดีโอ :    บางครั้งผมก็รู้สึกหงุดหงิดแบบไร้สาเหตุ แต่ความรู้สึกที่มีให้เธอก็ไม่เปลี่ยนไปนะ

    가끔씩 나도 모르게 짜증이나 너를 향한 맘은 변하지 않았는데

    คากึมซิก นาโด โมรือเก ชาจึงงีนา นอรึล ฮยังฮัน มามึน บยอนาจี อานัดนึนเด


    ดีโอ ผมคิดว่าผมคงแปลกไปเองแหละ ความคิดมันตีกันจนยุ่ง

    혹시 내가 이상한 걸까 혼자 힘들게 지내고 있었어

    ฮกซี แนกา อีซังฮัน กอลกา ฮนจา ฮิมดึลเก ชีแนโก อิดซอดซอ


    เซมี วู้ว! ยูฮู้ว!

     

     เซมี :   ในขณะที่ฉันอยู่คนเดียวภายใต้ห้องว่างเปล่า ทีวีก็ฉายละครรีรันมาจากเมื่อวาน 

                혼자 멍하니 뒤척이다 티비에는 어제 같은 드라마

    ทอ บิน บัง ฮนจา มองฮานี ดวิชอกีดา ทีบีเอนึน ออเจ พน กอท กาทึน ดือรามา  


    เซมี   ก็ได้แต่ถือโทรศัพท์ไว้จนผล็อยหลับไป ก็ยังไม่มีใครโทรเข้ามา 

    잠이 때까지 한번도 울리지 않는 핸드폰을 들고

    ชามี ดึล แตกาจี ฮันบอนโด อุลรีจี อันนึน แฮนดือโพนึล ดึลโก

     

    ดีโอ   ในวันนี้ผมรู้สึกว่าคุณเป็นของผม ดูเหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่เลย... 


    เซมี   ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นของคุณ เหมือนเป็นของคุณ แต่ไม่ใช่เลย... 


    ดีโอ :     ตอนนี้เราเป็นอะไรกันนะ? ผมสับสนไปหมดแล้ว 


    เซมี :    อย่าเย็นชาใส่กันสิ 


    ดีโอ :     ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนรักกัน คนรักกัน แต่ไม่ใช่เลย... 


    เซมี :     เวลาที่คุณมองฉันดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่เลยนะ 

     

    ดีโอ :     ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ได้ยินว่า เราเป็นแค่เพื่อนกัน... 

     

     

    ระหว่างที่เซมีกำลังร้องท่อนตัวเองอยู่นั้น ดีโอก็แอบมองเธอและยิ้มคนเดียว... เธอจะเข้าใจความหมายของเพลงนี้หรือเปล่านะ?...เขาอยากสื่อไปให้เธอรู้ว่าเขาคิดแบบเดียวกับเพลงนี้เป๊ะเลย...


    อย่าสักแต่ร้องเพลงสิเซมี ดูเนื้อร้องด้วย...ดูอย่างเดียวไม่พอ เข้าใจและรับรู้มันด้วยนะ ขอละ

    เมื่อถึงท่อนของดีโอ...เขาก็คว้ามือเซมีมาจับไว้แน่น แต่สายตาจ้องไปที่เนื้อร้องบนจอ...

     

     

    ดีโอ :     ในวันนี้ผมรู้สึกว่าคุณเป็นของผม ดูเหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่เลย... 

    요즘 따라 내꺼인 내꺼 아닌 내꺼 같은

    โยจึม ตารา แนกออิน ดึท แนกอ อานิน แนกอ กาทึน นอ

     
     

    เซมี :     ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นของคุณ เหมือนเป็นของคุณ แต่ไม่ใช่เลย... 

    니꺼인 니꺼 아닌 니꺼 같은

    นีกออิน ดึท นีกอ อานิน นีกอ กาทึน นา

     
     

    ก่อนที่ดีโอจะร้องท่อนต่อไป เขาก็หันไปหาเธอและดึงให้เธอมาสบตากับเขา...

     
     

    ดีโอ :   ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ได้ยินว่า เราเป็นแค่เพื่อนกัน... 

     

     
     

    เซมีเริ่มมองดีโอแปลกไปเล็กน้อย...ดีโอยอมปล่อยมือเธอเพราะเขาก็เริ่มอายแล้วด้วย... ทั้งสองเงียบและฟังจังหวะดนตรีผ่านไปเรื่อยๆ

    จนมาถึงท่อนแร็ปต่างคนก็ต่างมองหน้ากันว่าใครจะร้อง สุดท้ายก็หัวเราะออกมาจนได้

    ระหว่างเซมีกำลังหัวเราะและเตรียมตัวจะร้องท่อนต่อไปนั้น...ดีโอก็จ้องหน้าเธอโดยที่เธอไม่รู้เลย...สายตาของเขาที่มองเธอไปนั้นไม่ใช่ของสายตาของคำว่าเพื่อนอีกต่อไปแล้ว...

    เพลงนี้ก็บอกชัดเจน ว่าเขาอยากให้เธอเป็นของเขามากแค่ไหน...

    เซมีจะรู้ตัวมั้ย...ว่าเขากำลังบอกเธอผ่านเสียงเพลงอยู่แล้วเธอจะรู้มั้ย ว่าเพลงมันหมายความว่าอะไร?

    ดีโอกับเธอร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆจนความรู้สึกของเขาไม่อาจทนเก็บอีกต่อไปแล้ว...

    เมื่อถึงท่อนจบของดีโอ

     
     

    ดีโอ :   ได้โปรดช่วยบอกผมทีว่าคุณก็รักกัน

    어서 말해줘 사랑한단 말이

    ออซอ มาแรจวอ ซารังฮันดัน มารียา

     

     

    เขาก็ดึงร่างเธอเข้ามาและประทับริมฝีปากลงทันที...เขายื่นแขนไปโอบรอบตัวเธอแน่นในขณะที่ใบหน้าของเขาและเธอติดกัน...


    เซมีที่อินไปกับเพลงก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่เหมือนกัน... เธอจึงกอดรอบคอของดีโอและประทับริมฝีปากตอบเขากลับไปด้วย...


    สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นดีโอที่ต้องยอมแพ้จนถอนริมฝีปากตัวเองออก...เขาหน้าแดงและพยายามกลั้นรอยยิ้มของเขาไม่ให้มันบานเกินหน้าเกินตา...


    เซมีหัวเราะเมื่อเห็นดีโอทำตัวแบบนั้น


    “อีกครั้งมั้ย? เผื่อจะหายเขิน” เธอล้อดีโอเล่น ฝ่ายนั้นก็หน้าแดงขึ้นไปอีก...


    “ก็....มาสิ” แต่ดีโอก็กล้าที่จะเล่นกับเธอกลับ


    ดังนั้นเซมีจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้ซะเอง...เธอก้มหน้าลงและดีโอก็เข้าไปเงยมันขึ้นมาจูบเธออีกครั้งอย่างแผ่วเบาแต่ลึกซึ้ง...







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×