คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 23 เซมีฉันน่ะ!
เซมีนั่งเฝ้าวูบินจนถึงเขาตื่นขึ้นมาจริงๆ เธอจึงรีบไปตามพ่อมดซิ่วหมินให้มาจัดการทันที น่าแปลกที่วูบินดูไม่ตกใจมากพอที่คิดไว้ เขาฟังเรื่องของแม่มดจากปากของซิ่วหมินและสาเหตุว่าทำไมเขาถึงหลับไปนาน และใครเป็นคนช่วยเขาออกมาจากโลง
“เธอคือเซมีสินะ” วูบินหันมายิ้มให้เธอ ถึงร่างกายเขายังไม่พร้อมจะลุกขึ้นมาเดินเฉิดฉายได้แต่ใบหน้าของเขาดูเปล่งปลั่งและมีออร่ามากกว่าคนที่ควรจะนอนป่วยอยู่แบบนี้ เซมีถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อเขาคุยกับเธอ
“ค่ะ ฉันเอง”
“ขอบใจนะ ฝากบอกเพื่อนๆของเธอด้วย” เขาพูดก่อนจะค่อยๆจิบยาที่ซิ่วหมินกำลังป้อนให้เขา
“ยานี้จะทำให้หัวใจเต้นเร็วหน่อยนะ เพราะงั้นอย่าตกใจถ้าเกิดอยู่ๆจะหอบจะเหนื่อยละเหงื่อออกขึ้นมา นั่นคือเรื่องดีแสดงว่ายาทำงานตามปกติ” ซิ่วหมินอธิบายพลางป้อนน้ำให้วูบินต่อ “นายควรจะนอนนิ่งๆแล้วให้ทุกๆอย่างมันดำเนินไปตามของมันเอง”
วูบินพยักหน้าและจัดแจงตัวเองให้สบายตัวที่สุดก่อนจะหลับตาสงบนิ่งไป ระหว่างที่ซิ่วหมินกำลังเก็บอุปกรณ์อยู่นั้นเขาก็ชวนเซมีคุย
“เธอสบายดีนะเซมี”
“ค่ะ?” เซมีสงสัยเล็กน้อย อะไรนี่? เห็นหน้ากันเกือบทุกวันถึงจะไม่ได้คุยกันก็ตาม แต่ก็นะ... “สบายดีค่ะ แล้วพี่ละ?”
ซิ่วหมินหัวเราะ “สบายดีครับ แต่ช่วงนี้ยุ่งๆกับการปรุงยาสูตรพิเศษอยู่น่ะ งานหินเลยละ”
“ปรุงยาให้ใครค่ะ?”
“....ปรุงไปเผื่อๆไว้งั้นแหละ มันท้าทายดีน่ะ” พ่อมดน้อยพยายามยิ้มให้ดูมีเลศนัยน้อยที่สุด
ใช่แล้ว ยาสูตรพิเศษนั้นปรุงขึ้นมาเพื่อเซมีนั่นเอง เอาจริงๆเขาปรุงมาได้หลายวันแล้วและมันก็เกือบเสร็จแล้วด้วย ดีไม่ดีอาจจะเป็นคืนนี้ที่ยาสมบูรณ์พร้อมใช้งาน แต่ว่า
“เธออยากไปดูมันมั้ย?” ซิ่วหมินถาม “คืนนี้น่าจะเสร็จแล้วน่ะ”
“ได้หรอค่ะ?” เซมีตื่นเต้น ซิ่วหมินเป็นคนพูดน้อยและเก็บตัว นานๆครั้งเขาจะชักชวนใครให้ทำอะไร เซมีจึงตอบตกลงทันที
“แต่” ซิ่วหมินหันมาทำหน้าจริงจังเล็กน้อย “เธอต้องพาเพื่อนมาด้วยหนึ่งคนนะ” เขายิ้ม “ใครก็ได้ ที่แวบเข้ามาในหัวคนแรก ใครก็ได้”
“ค่ะ?...คนเดียวหรอค่ะ?”
“อื้อ คนเดียว หลายๆคนแล้วมันเสี่ยงนะ” เขาเก็บอุปกรณ์เสร็จแล้วและยืนตอบเซมี “ฉันไม่อยากให้ยาสูตรพิเศษของฉันหกลงพื้นเพราะความวุ่นวายหรอกนะ” เขาหัวเราะก่อนจะขอตัวและเดินออกจากห้องไป
ซิ่วหมินกำลังจะถอนคำสาปให้เซมีคืนนี้เลยงั้นหรอ? แล้วเขาแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่เซมีจะพาไปนั่นคือคนที่เธอมีใจให้...เขาจะรู้ได้ยังไงกันละ?
ซิ่วหมินวางอุปกรณ์ลงในห้องทำงานก่อนจะหันไปมองหนุ่มๆที่รอเขาอยู่เต็มห้อง แต่ละคนล้วนแต่ทำหน้าสงสัยไม่ก็ตื่นเต้นปะปนกันไปยกเว้น ชานยอลกับดีโอ ที่ทำหน้าเครียดกันอยู่สองคน ซิ่วหมินยิ้มให้เด็กๆแล้วชี้ไปตรงหม้อที่กำลังเดือดปุดๆอยู่
“ยาแก้คำสาปเซมีใกล้เสร็จแล้วละ” เขาทำท่าสบายๆ “แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอยังหาคนที่เธอรักจากใจไม่เจอเลยน่ะสิ” เขาหันไปมองชานยอลเล็กน้อยและพูดต่อ “เมื่อกี้ชานยอลได้บอกรายละเอียดให้พวกนายทุกๆคนได้ฟังแล้วใช่มั้ย?”
ทุกคนพยักหน้า
“ดีละ ฉันเชื่อว่าพวกนายทุกคนที่อยู่ที่นี่...เอ่อ ยกเว้นไค” เขาเกาหัวเล็กน้อยด้วยความเขินเมื่อเห็นไคดูตั้งใจฟังมาก “อะไรแล้วนะ? อ้อ พวกนายทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ฉันเชื่อว่าจะต้องมีซักคนละที่เซมีเขาแอบรักอยู่ลึกๆ แต่เธอแค่ยังไม่รู้ตัว” ซิ่วหมินเดินไปรอบๆห้องพลางอธิบายต่อ “และที่พวกนายต้องทำก็คือ ให้เธอรู้ตัวซะทีว่าจริงๆแล้วเธอชอบใครกันแน่ ความจริงฉันไม่ถนัดไอเรื่องรักๆแบบนี้หรอกนะ ทั้งชีวิตฉันยังไม่เคยมีแฟนเลย” เขาหัวเราะอย่างน่ารัก เวลาซิ่วหมินเล่าเรื่องภารกิจถึงแม้มันจะสำคัญขนาดไหนแต่เขากลับทำให้มันดูซอฟลงอย่างเหลือเชื่อได้ด้วยรอยยิ้มของเขา “พ่อมดเมอร์ลินเขาแนะนำฉันมาว่า ให้พวกนายน่ะไปบอกความในใจที่มีต่อเธอซะ”
หนุ่มๆทำตาโตเล็กน้อยแต่ยังไม่ลืมเก็กท่าทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซฮุนไอค่อกแค่กที่ดูเหมือนแกล้งไอ ส่วนแบคคยอนทำหน้าปวดท้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยทันทีเมื่อเขาเห็นหน้าที่จริงจังของชานยอล
“ฉันไม่ได้สั่งให้พวกนายไปบอกรักเธอนะ” ซิ่วหมินอธิบายต่อ “ฉันหมายถึง...ความรู้สึกที่มีต่อเธอจริงๆ เพราะเอ่อ...ถ้าเธอรู้ว่าทุกคนคิดยังไงกับเธอ เธอก็จะนึกได้เองแหละว่าใครคือคนสำคัญของเธอจริงๆ ....เอ...สับสนเหมือนกันแฮะ”
“ผมเข้าใจครับ” เฉินแทรกขึ้นมา ทุกคนหันไปจ้องเขา “คนเราเมื่อโดนใครมาบอกว่ารัก มันก็ต้องมีบ้างละครับความรู้สึกที่เรารักเขากลับไป”
“อ่า นั่นอาจจะใช่” ซิ่วหมินเห็นด้วย “ถึงแม้มันอาจจะเป็นวิธีการที่คลุมครือมาก แต่ทุกคนเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” ซิ่วหมินกลับมาทำหน้าจริงจัง “มันเป็นการเล่นกับความรู้สึกเล็กน้อยนะ...เพราะฉะนั้นฉันอยากให้พวกนายทุกคนช่วยบอกความจริงแก่เธอ และช่วยทำใจยอมรับความจริง...ความรู้สึกเหล่านี้ยังไงมันก็ยังสำคัญน้อยกว่าการถอนคำสาปให้เธอใช่มั้ย?”
ไม่มีใครตอบอะไรแต่ทุกคนเห็นด้วยกับซิ่วหมิน
ถึงแม้จะมองหน้ากันไม่ติดหรือพูดจะไม่ออก แต่ที่สำคัญกว่าสิ่งไดนั่นก็คือการทำให้เซมีกลับมาเป็นเด็กสาวปกติ...ที่สามารถนอนหลับและนอนฝันเหมือนคนอื่นได้
เมื่อทุกอย่างเคลียร์กันเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายกันกลับห้องไม่ก็ไปที่ๆตัวเองอยากไปแต่สิ่งที่พวกเขาต่างครุ่นคิดเหมือนกันก็คือความรู้สึกของเขาที่มีต่อเซมีนั่นเอง... ถึงแม้บางคนยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องตัดสินใจว่าคิดในแง่ไหนกับเธอกันแน่ และแน่นอนว่ามีคนไม่แน่ใจก็ต้องมีคนที่มั่นใจ
ดีโ ลากชานยอลไปคุยกันในห้องเก็บของเก่าทันทีที่ออกจากห้อง เขาตัดสินใจแล้ว เขาจะบอกทุกๆคน เขาจะบอกความจริงจากใจเขาทุกอย่าง
“ฉันเอง” ดีโอหันไปจ้องหน้าชานยอล เขาคิดดีแล้วเขาคิดถูกแล้วที่เขาต้องบอกชานยอล “เป็นฉันเอง”
“เป็นนายเอง? อะไร?” แม้ชานยอลจะรู้ว่าดีโอหมายความว่าอะไร
“เป็นฉันเอง...ที่ชอบเธอ” ดีโอมองเข้าไปในสายตาที่นิ่งเฉยไร้ความรู้สึกของชานยอล ชานยอลแสดงมันได้ดีเลยละ เขาเก็บความรู้สึกได้มิดจริงๆ “ฉันมีใจให้เซมี ฉันชอบเธอ”
“งั้นหรอ” เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ชานยอลก็ไม่อาจสบตากับดีโอได้อีกต่อไป เขาฝืนถามไปทั้งๆที่เสียงยังนิ่งไม่ดีพอ “แล้วเธอ...ชอบนายหรือเปล่า?” ชานยอลพยายามอย่างมากที่จะมองตาดีโอให้ปกติที่สุด
“ไม่รู้” ดีโอก้มลงมองพื้นอย่างไม่แน่ใจและดูนิ่งไป “ฉัน...ไม่รู้เลยว่าเธอคิดยังไงกับฉัน แต่ฉันบอกเธอ...ไม่ได้บอก ฉันว่าเธอรู้แล้วละว่าฉันคิดยังไงกับเธอ”
“งั้นหรอ” ชานยอลกลืนน้ำลายลงเพื่อไล่ความรู้สึกบางอย่างออกไป เขาเงยหน้ามองเพดานที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม “นายลองไปถามเธอดูสิ ความจริง...” เขาลากสายตาส่องประกายแวววาวเหมือนมีน้ำใสๆอยู่ในนั้นมามองดีโอ “นายไม่ควรมาบอกฉันเรื่องนี้...นายน่าจะไปบอกเธอมากกว่า บอกให้ชัดๆไปเลย”
“ฉันทำไม่ได้” ดีโอเงยหน้าไปมองดวงตาใสๆนั่น “ฉันทำไม่ได้จริงๆ...ฉันถึงต้องมาหานาย...และบอกนาย”
“มาบอกฉันทำไม?”
“......” ดีโอไม่ตอบเขามองตาชานยอลและเหมือนจะเข้าใจดีว่าเขารู้สึกยังไงและเขาก็น่าจะรู้ตัวเองด้วยเช่นกัน
“ว่าไง?” ชานยอลพยายามทำน้ำเสียงปกติ เขายักไหล่และยิ้มเล็กน้อย มันดูฝืนเต็มที “มาบอกฉันทำไม? นายจะให้ฉันเดาหรอว่าเธอจะชอบนายมั้ย? ฉันจะไปรู้ได้ไง ฉันไม่ใช่เซมีนะ อีกอย่างฉันก็เป็นผู้ชายด้วยฉันไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงเขาคิดกันยังไง แถมอยู่ในป่ารกร้างไร้ผู้คนมาก็นานหลายปีฉันยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย นายคงไม่คิดว่าฉันจะให้คำตอบนายได้หรอกนะดีโอ ฉันมันไม่ได้--”
“ชานยอล” ดีโอพูดเสียงเบาแต่มันก็ดังพอที่จะให้ชานยอลหยุดนิ่งและเงยหน้ามองเพดานอีกครั้ง “ฉันขอโทษนะ...แต่นายช่วย...”
ชานยอลพยายามกลั้นความรู้สึกสุดชีวิต “ช่วยอะไร?”
“....นายช่วย...เอ่อ...ฉันขอโทษ” ดีโอเริ่มสับสน แต่เขาตัดสินใจแล้วจะมาลังเลอะไรอีกไม่ได้เด็ดขาด “นายช่วย...นายช่วยหลีกทางให้ฉันได้มั้ย!”
ชานยอลสบตาดีโออีกครั้งก่อนจะหัวเราะที่ดูเหมือนชานยอลคนเดิม “อะไรของนาย!”
ดีโอทำหน้างงเล็กน้อย อะไรนี่? หรือเขาจะมองชานยอลผิดไป?
“นายคิดว่า” ชานยอลชี้ไปดีโอพลางหัวเราะขำจนท้องแข็ง “นายคิดว่าฉันจะแย่งเซมีไปจากนายงั้นหรอ?”
ดีโอไม่ตอบแต่นั่นละคือคำตอบ เป็นไปได้สูงเลยว่าเซมีจะชอบชานยอล...
“บ้าหน่า” ชานยอลเดินไปตบบ่าเพื่อนเบาๆ “ฉันแค่อยากปกป้องเธอเท่านั้นแหละ...เหมือนที่ฉันอยากปกป้องนาย...นายกับเซมีคือเพื่อนของฉัน ฉันรักพวกนายสองคน และฉันไม่คิดว่าเซมีจะมีใจให้ฉันหรือจะชอบฉันแบบนั้นหรอกดีโอ”
ดีโอมองเข้าไปในตาของชานยอลอย่างจับผิด นี่เขากำลังแสดงหรือมันคือความจริง แต่จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้มันทำให้หัวใจดีโอพองโตขึ้นแล้ว
“ไปบอกเธอซะดีโอ” ชานยอลสั่งแน่วแน่ “ฉันจะไม่ให้เพื่อนของฉันคนนี้โดนใครตัดหน้าไปหรอกนะ” เขายิ้มอย่างอบอุ่นในดีโอจนดีโอกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจนี้ไม่ไหว...เขาดีใจนะ...แต่ทำไมน้ำตาที่เอ่อออกมามันช่างเศร้าเหลือเกิน
“รีบไปเถอะ” ชานยอลผลักเขาไปทางประตู “ไปเร็วๆ” ชานยอลเร่ง
ดีโอมองเขาอยู่แปปนึงก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องไป...
ทิ้งให้ชานยอลอยู่ในห้องเก็บของเก่านี่อย่างเดียวดาย...
ทันทีที่แผ่นหลังของดีโอลับตาไป ทันทีที่เสียงฝีเท้าดีโอเบาลงจนไม่ได้ยิน
น้ำตาของชานยอลจึงพรั่งพรูและทะลักออกมาทั้งดวงตา ไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง ไหลลงคางและหยดลงเสื้อเขาเต็มไปหมด...น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน...เขาต้องเอามือมาปิดปากตัวเองไว้แน่น...เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดออกมา...เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะปกปิดความเศร้านี้...เขาต้องรีบปล่อยมันออกมาให้หมด...ต้องรีบก่อนที่ใครจะมาเห็นเขา...ก่อนที่ใครจะรู้ว่าเขาเป็นอะไรและรู้สึกยังไงกับเธอ...แต่มันเศร้าเหลือเกิน...เศร้ามากเหลือเกิน...นี่สินะที่เขาเรียกว่ารัก...นี่สินะที่เขาเรียกว่าเจ็บเพราะสิ่งๆนั้น
ชานยอลกุมหน้าอกตัวเองแน่นพลางโอดครวญแบบไร้เสียงจนตัวงอลงไปนั่งกับพื้นอย่างน่าสงสาร...
และเป้าหมายของหนุ่มๆ เซมี เธอกำลังยืนเช็ดเหงื่อให้วูบินที่นอนหายใจหอบเพราะฤทธิ์ของยา เธอไม่รู้เลยว่าอะไรจะกำลังจะมาหาเธอจนกระทั่ง
“พี่” เซฮุนเดินเข้ามากอดหลังเธอเบาๆพลางทำเสียงครางเศร้าๆ เซมีสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะแกะตัวเขาออกไป
“ว่าไงเซฮุน มีอะไรหรอ?” เธอหันไปถามเขาก่อนจะจุ่มผ้าเช็ดตัวลงในน้ำและบิด
“ผมต้องทำยังไงถึงพี่จะเป็นของผม”
“เรื่องนี้อีกแล้วหรอ“ เซมีบิดผ้าเสร็จก็เช็ดตัวให้ร่างของวูบินต่อ “พี่ก็เป็นของนายได้อยู่แล้วเซฮุน” เธอหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มแต่ยังคงเช็ดตัวให้วูบินอยู่ “เป็นเมื่อไหร่ก็ได้เลย นายจะมาเล่นกับฉันตอนไหนยังไงว่ามาเลย”
“ไม่ใช่นะ” เซฮุนเดินเข้าไปกอดเธอจากข้างหลังอีกครั้ง “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“แล้วแบบไหนละ” เธอไม่สนใจเซฮุนและพยายามเช็ดตัววูบินให้เสร็จ
“ผมหมายถึง...เป็นของผมคนเดียว”
“ยังไง?”
“ยังงี้” แล้วเขาก็จูบคอเซมีอย่างแผ่วเบาจนเธอสะดุ้งและต้องหันหลังไปมองเขาทันที
“อะไรนะ?” เธอตกใจ จู่ๆเซฮุนตรงหน้าก็ไม่ใช่เซฮุนในร่างเด็กผู้ชายซื่อต่อโลกอีกครั้ง
“เป็นของผมไง” เขาคว้าเอวเซมีมาและดึงเข้ามาใกล้ “ทำยังไง...พี่ถึงจะเป็นของผม”
แล้วเขาค่อยๆโน้มตัวลงมาหาเธอ “แบบนี้หรือเปล่า?” จากนั้นก็ก้มลงไปจูบซอกคอเธออีกครั้ง...คราวนี้เนิ่นนานซะจนเซมีต้องผลักเขาออกไป นี่มัน...ไม่ใช่เซฮุนคนเดิมจริงๆด้วย
“คือพี่...” เธออึกอัก มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง “เอ้านี่” เธอโยนผ้าเช็ดตัวให้เซฮุนแทน “เช็ดตัวให้วูบินนะ ฉะ-ฉันต้องไปทำอย่างอื่นแล้วละ”
“ว้า” เซฮุนทำท่าเสียดาย เขามองผ้าเช็ดตัวในมืออย่างไม่พอใจ “ทำไมต้องมาสั่งผมด้วย ผมไม่อยากทำอ่ะ พี่ใจร้าย พี่สั่งคนหล่อๆอย่างผมได้ยังไง”
“นั่นแหละ” เซมีรีบร้อน เธอพยายามเดินจากเซฮุนไปให้เร็วที่สุด “คนหล่อก็ต้องเช็ดตัวให้คนหล่อกว่าน่ะถูกแล้ว!”
เธอวิ่งไปตามระเบียงทางเดิน ยังอึ้งกับสิ่งที่เซฮุนทำไปเมื่อกี้ นั่นเขารู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาทำอะไร...หรือเพราะอาการกำเริบอีกแล้วถึงได้เป็นแบบนั้น...แต่จะแบบไหนมันก็ทำให้เซมีใจเต้นรัวจนเหมือนโดนฤทธิ์ยาของซิ่วหมินไปด้วย
“เซมี!” จู่ๆก็มีใครบางคนมาฉุดเธอให้หยุดเดิน เลย์นั่นเอง “เจอเธอแล้ว!” เขายิ้มดีใจ
“ค่ะ? มีอะไรค่ะ?”
“วันนั้นที่ฉันทำไปต้องขอโทษจริงๆนะ” เลย์ทำหน้ารู้สึกผิด “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ขอบใจ...แต่ว่าฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
“ค่ะ?”
“ฉันรู้สึกว่าฉันอยู่กับเธอแล้วสบายใจดี...แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะเป็นเวนดี้ของฉันหรือเปล่า” เขามองเซมี “ฉันชอบเธอนะ แต่ฉันยังไม่มั่นใจ และฉันไม่อยากพิสูจน์แล้วด้วย” เขาหัวเราะ “ว่าแต่เธอ ชอบฉันบ้างมั้ย?”
นี่เขาพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้สบายๆได้ยังไง?
“คือฉัน...ฉันไม่คิดว่าฉันจะเป็นเวนดี้ของใครได้หรอกค่ะ และ...และฉันคิดว่าฉันยังไม่พร้อมจะคิดเรื่องชอบใครไม่ชอบใคร...ตอนนี้ฉัน...เอ่อ...ค่อนข้างสับสน”
“งั้นหรอ” เลย์ทำหน้าเสียดาย “ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกเยอะ ลองคิดดูดีๆละกันนะ” เขายิ้มให้เซมีก่อนจะเดินจากไป
เธอออกตัวเดินเร็วตามระเบียงอีกครั้งเหมือนกำลังจะหนี...แต่ไม่รู้ว่าหนีอะไรอยู่
“พี่ลู่!” และแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าเธอและทำเหมือนกำลังรอใครซักคน “มาทำอะไรตรงนี้ค่ะ?”
“รอเธอน่ะสิ” เขายิ้มเขินๆ “พี่มีอะไรจะให้”
“อะไรค่ะ?”
แล้วเขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆเซมีก่อนจะหยิบสร้อยเงินมีที่มีจี้รูปลูกดอกธนูมาสวมคอให้เธอพลางยิ้มอย่างสดใส...เซมีทั้งงงและประหลาดใจพร้อมๆกัน...นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ...ทำไมทุกคนถึง...
“พี่ให้เธอ” ลู่หานบอก “รักษา...สิ่งนี้ให้ดีๆนะ ถ้าอยากรู้ว่าให้ทำไม...ถามพี่เมื่อไหร่ก็ได้ พี่พร้อมตอบแต่ไม่ใช่ตอนนี้” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “พี่อยากให้เธอคิดดีๆ ไม่ว่าใครก็สามารถเปลี่ยนใจเธอได้ทั้ง...ดังนั้นพี่จะไม่ออกตัวไดๆ...พี่จะให้เธอคิดด้วยตัวเอง เธอต้องคิดได้แน่นอนว่าเป็นใคร...”
“ค่ะ?”
“เอาละ พี่ต้องไปละ...รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนยังไงชอบกล” เขายิ้มก่อนจะเดินจากเซมีไปอีกคน
นี่มันเรื่องอะไร! เกิดอะไรขึ้นกับทุกคน!
เธอเดินไปตามระเบียงอีกครั้ง...ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น จู่ๆพวกเขาก็แปลกๆไป ต้องมีอะไรแน่ๆ ใครซักคนกำลังวางแผนทำอะไรอยู่...ใครคนนั้นอาจจะเป็นซูโฮ...ต้องไปหาซูโฮมั้ยนะ ว่าแต่เขาอยู่ไหน? ช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย
“พี่เฉิน” และเซมีก็เจอเฉินยืนเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกันมายิ้มให้เธอแปลกๆที่ดูไม่เหมือนเฉินเลย “พี่เป็นอะไรน่ะ”
“เป็นอะไร?” เขาทำหน้าสงสัย “ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ก็แค่ยืนเฉยๆ”
“ยืนนิ่งๆนี่ไม่ใช่สไตล์พี่เลยนะ”
“แหม...ก็มันมีบางอย่างที่ต้องคิดนี่นา” แล้วสายตาเขาที่มองเซมีก็เปลี่ยนไป...มันดูจริงจังและกำลังค้นหาคำตอบยังไงชอบกล
หรือว่าเขาเองก็จะ...
“พี่อยากจะบอกอะไรบางอย่างให้--”
“ไม่นะ!” เซมีรีบปัดทิ้งทันที “ไม่ฟังตอนนี้...เอ่อ...ฉันกำลังยุ่ง ขะ-ขอตัวนะค่ะ!”
แล้วเธอก็วิ่งไปอีกฝั่งของระเบียงทันที แต่วิ่งหนีเฉินกลับไปเจอแบคคยอน
“เซมี เดี๋ยว!” แบคคยอนเรียกเธอเมื่อเห็นเธอวิ่งผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ค่ะ! ไม่ใช่วันนี้!” เธอหันหลังตอบกลับไปก่อนจะวิ่งสุดตัวและเข้าไปหลบในห้องห้องนึง เธอปิดประตูปัง!ก่อนจะล็อคมันแน่นหนาอย่างรีบร้อน โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า
ชานยอลอยู่ในห้องเดียวกับเธอ...เขารีบปัดน้ำมูกน้ำตาออกไปหยาบๆและเร็วที่สุดก่อนที่เธอจะหันมา ทำไม...เธอต้องมาเห็นเขาตอนนี้ด้วยนะ
”ชะ-ชานยอล!” และแล้วเธอเห็น
“...ฮะๆ หนีอะไรมาน่ะ” เสียงเขาอู้อี้จนแทบไม่เหมือนปกติ
“เอ่อ...นายคงไม่...ถามอะไรแปลกๆแบบนั้นใช่มั้ย?”
“ถามอะไร?” ชานยอลสูดน้ำมูกเข้าไปเบาๆ
“คงไม่ถามหรอกเนอะ” เซมีโล่งทันที ก่อนจะหันไปสนใจใบหน้าแดงๆตาบวมๆของเขา “โอเค” เธอพยายามทำให้มันดูสบายๆ “โอเคชานยอล ฉันไม่อยากให้นายต้อง...เอ่อ..ร้องไห้อีกรอบนะ เพราะงั้น...ไม่ต้องเล่าให้ฉันฟังก็ได้...ถึงฉันอยากรู้แต่ฉันก็โอเคนะที่นายจะไม่เล่าตอนนี้”
ชานยอลหัวเราะ...และมันเป็นการหัวเราะที่มาจากใจ ความเจ็บปวดมันหายไปทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอ...เขาไม่อยากให้ใบหน้านี้ต้องเศร้าเสียใจเหมือนเขาตอนนี้เลย เขาไม่อยากให้เธอต้องร้องไห้หรือหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น...เขาอยากให้เธอยิ้มสดใสให้เขาเห็นตลอดเวลา...ใช่...ให้เขาเห็น...เขาอยากเห็นหน้าเธอ...อยากเห็นไปตลอด
“เซมี” ชานยอลยิ้มเศร้าๆ “ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหน จำไว้นะว่าฉันจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ”
“อย่านะชานยอล” เซมีเดินเข้าไปใกล้เขาพร้อมส่ายหน้าเศร้าๆ “อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้จะไปไหนซะหน่อย”
“นั่นสินะ” เขาหัวเราะ ความรู้สึกเริ่มกลับมา... “เธอจะไปไหนได้...”
“ใช่ ฉันอยู่ที่นี่แหละ” เซมีฉีกยิ้มกว้างให้ “ฉันจะอยู่กับนายที่นี่แหละ”
จู่ๆน้ำตาของชานยอลมันก็เอ่อขึ้นอีกครั้ง “เธอจะอยู่กับฉันหรอ”
“อย่าร้องไห้สิ” เซมีเริ่มทำหน้ากังวล “เรื่องมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอ? ใช่ชานยอล ฉันจะอยู่กับนาย...นายมีอะไรไม่สบายใจนายบอกฉันได้เสมอ”
น้ำตาเขาไหลช้าๆแต่เขาก็ยิ้มให้เธอได้ “เธอเองก็เหมือนกัน...มีอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้ ฉันจะคอยรับฟัง...คอยแนะนำ” เสียงเขาเริ่มสั่น “และคอยปกป้องเธอเอง” น้ำตาเขาไหลลงอาบแก้มเป็นสายน้ำ เซมีเดินเข้าไปกอดชานยอลแน่นทันที
“ฉันก็จะอยู่ปกป้องนายเหมือนกันชานยอล”
ชานยอลยื่นแขนออกไปโอบรอบตัวเธออย่างโหยหา “ไม่ต้อง...ฉันปกป้องตัวเองได้อยู่แล้ว...เธอน่ะ...แค่อยู่ข้างๆฉันก็พอ...การที่มีเธออยู่ก็คือการที่ฉันยังอยู่นั้นแหละ...เพราะงั้นฉันจะปกป้องเธอเอง เซมี”
“นายเป็นอะไรเนี่ย...”
“ไม่รู้สิ” ชานยอลกอดเธอแน่น “แต่ฉันไม่อยากให้เธอหลุดจากอ้อมแขนของฉันตอนนี้เลย...”
ตอนพิเศษ
พ่อมดซิ่วหมินกำลังเก็บกวาดและตรวจดูน้ำยาสูตรพิเศษของเขาอย่างละเอียด...และกำลังรอเซมีด้วย ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกอย่างคาดหวัง แต่มันไม่ใช่เซมี
“สวัสดียามค่ำซิ่วหมิน” ซูโฮนั่นเอง “ทำอะไรอยู่หรอ”
“ก็กำลังรอเซมีกับเพื่อนของเธอน่ะ”
“คงไม่มาแล้วละ” ซูโฮบอกพลางเดินไปดูหม้อยา “นี่เสร็จสมบูรณ์แล้วหรอ?”
“ครับเสร็จแล้ว” ซิ่วหมินไม่เข้าใจ “ว่าแต่...ทำไมถึงไม่มาละครับ?”
“เธออาจจะลืม...เพราะมัวแต่กังวลเรื่องเพื่อนๆน่ะ” ซูโฮหันมายิ้มตอบ
“ถ้างั้นเราคงต้องนัดเธอกันใหม่”
“หรืออาจจะไม่ต้องอีกแล้ว”
ซิ่วหมินยิ่ง งง ไปกันใหญ่ “หมายความว่าไงครับ?”
“ก็นายคิดดูสิ” ซูโฮค่อยๆหยิบขวดเล็กๆที่มีน้ำสีเหลืองอยู่ข้างในมาเขย่าดู “เธอเห็นเพื่อนสำคัญขนาดไหน แล้วนี่คืออะไร?” เขาชูขวดเล็กๆนั่นให้ซิ่วหมินดู
“มันเป็นยาแก้ปวด...ระวังด้วยนะครับเพราะมันอาจจะหกได้” ซิ่วหมินตอบสีหน้ากังวล “ผมไม่เข้าใจครับ”
“หือ? เรื่องเซมีน่ะหรอ?” ซูโฮลองเปิดฝาแล้วดมสิ่งนั้นดู “ก็หมายความว่า...เธอเห็นเพื่อนสำคัญกว่าคำสาปที่ทำให้เธอนอนไม่หลับยังไงละ”
“แต่การแก้คำสาปมันก็คือจุดประสงค์ของคุณกับเพื่อนๆของเธอเองนะครับ”
“นั่นก็ใช่...” ซูโฮเดินไปที่หม้อยา “แต่ผมและเพื่อนๆของเธอก็อาจจะเปลี่ยนใจ”
“ยังไงครับ?”
“ผมว่าบางทีเราน่าจะ--”
จู่ๆประตูก็เปิดผางออกมาอย่างรุนแรง
“ผมทำไม่ได้!!” ดีโอตะโกนเข้ามา “ผมมันไม่กล้า! ไม่กล้าเลยซักอย่าง!!” ดีโอทรุดลงไปกับพื้น “ภารกิจนี้ยากมาก...ยากเกินไป...ผมทำไม่ได้หรอก...”
ซิ่วหมินรีบเข้าไปปลอบใจเขา
“ดีโอ ดีโอ ดีโอ” ซูโฮเรียกสติเขาเบาๆช้าๆ “ใช่มันยากจริงๆนั้นแหละ...แต่คำสาปน่ะถ้าไม่เลวร้ายถึงตายก็ดีสิ...”
“คำสาปเธอไม่ถึงตายครับ” ซิ่วหมินหันมาตอบทันที “แต่มันก็ทรมาน ไม่ได้นอนเหมือนคนอื่นมันก็ทรมานเหมือนกันนะครับ”
“งั้นหรอ?” ซูโฮสงสัย “เซมีเคยบ่นว่าทรมานกับการนอนไม่หลับให้ฟังบ้างมั้ยดีโอ?”
ดีโอเงยหน้าขึ้นมามองซูโฮพลางครุ่นคิด “....ไม่เคยครับ”
“นั่นไง...บางทีฉันว่าภารกิจนี้อาจจะไม่จำเป็น”
“แต่ว่า--” ซิ่วหมินขัด
“โอะโอ ฉันเผลอทำน้ำยาแก้ปวดหกใส่หม้อซะแล้ว ทำไงดี”
ความคิดเห็น