ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 17 บทสรุปและการเริ่มใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.89K
      23
      1 เม.ย. 57

    คืนวันนั้น วิเวียนก็กลับมาเป็นหญิงสาวธรรมดาที่สวยไม่ธรรมดาอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากรอยยิ้มตอนที่ยังโดนคำสาปเลย มันยั่งสวยงามและอบอุ่นอยู่ดี ผมเธอกลายเป็นสีดำสนิทผิวเธอกลับมาขาวผ่องเหมือนคนปกติทั่วไป แต่หนุ่มๆก็ยังรู้สึกว่าขาวนวลกว่าสาวๆธรรมดาๆอยู่ดี

    เธอกลับมาเล่าเรื่องตัวเองให้เด็กๆฟังจนมืดค่ำ ดังนั้นซูโฮจึงเข้ามาทำลายวงล้อมอันสนุกสนานนี้ออกไปและเตือนให้เด็กๆไปนอน เมื่อทุกคนแยกย้ายกลับห้องแล้วแบคคยอนแอบไปกระตุกแขนไคและกระซิบบอกให้ไคตามเขาไปเงียบๆ ไคเดินตามพี่ไปเรื่อยๆจนมาถึงห้องที่ซิ่วหมินพักอยู่ จึงรู้ทันทีเลยว่าแบคคยอนกำลังจะให้เขาทำอะไร

    “พี่วันอื่นเถอะนะ” ไคบอกปัดทันทีโดยไม่ต้องให้แบคคยอนสั่ง “ผม...ผมไม่มีอารมณ์มาจูบกับใครตอนนี้หรอก เหนื่อยมาก ตากแดดมาทั้งวันเลย--

    “ฉันมีพี่ชายคนเดียวนะ” แบคคยอนพูดเสียงแข็ง และทำให้ไคเงียบลงทันที “ถ้านี่ไม่ใช่พี่ชายของฉัน...ฉันไม่ขอร้องนายหรอกไค”

    “โอเคๆ” ไคยอมแพ้ตั้งแต่ต้น ถ้านี่เป็นพี่สาวเขา เขาคงทำมากกว่าแบคคยอนหลายเท่าด้วยซ้ำ “ผมจะอยู่จูบพี่ซิ่วเรื่อยๆจนถึงตีหนึ่งเลย โอเคมั้ย?”

    แบคคยอนยิ้มหน้าบานทันที เขากอดไคแน่นก่อนจะปล่อยให้ไคได้เริ่ม ไคสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะโน้มตัวลงประกบปากกับซิ่วหมินอย่างแผ่วเบา

    ทำไมกูต้องได้พลังอะไรแบบนี้มาด้วยวะเนี่ย

    ไคถอนปากออกและยืนดูอาการซิ่วหมิน แบคคยอนก็เช่นกัน...เขาไม่ขยับ..เลยซักนิด แบคคยอนถอนหายใจเศร้าๆ ไคก็โน้มตัวลงไปหาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามโน้มตัวลงไปเท่าไหร่ๆซิ่วหมินก็ไม่ยอมตื่นหรือขยับตัวเลยซักมิลเดียว

    “ไคขอร้องละ” แบคคยอนให้กำลังใจไคเมื่อเห็นว่าเหงื่อไคเริ่มออก

    “ครับ ผมจะพยายาม” แล้วเขาก็โน้มตัวลงไปอีกครั้ง

     

     

    วงที่แตกไปเมื่อกี้กลับก่อขึ้นมาใหม่อยู่ในห้องชานยอลเงียบๆ มีเซมี ชานยอล ลู่หาน เลย์ และ ดีโอ ล้อมวงคุยกันอยู่

    “ฉันอยากมีคนแบบนั้นบ้างจัง” เซมีทำเสียงและหน้าตาเพ้อฝันพร้อมมองเพดานเหมือนกำลังมองดาว เธอกำลังหมายถึงซูโฮที่มีความจริงใจและรักจริงต่อวิเวียน “จะหาผู้ชายแบบนั้นได้ที่ไหนกันนะ”

    “อาจจะเป็นฉัน” จู่ๆเลย์ก็พูดขึ้นมาซะดัง ทุกคนดูตกใจยกเว้นลู่หานกับเซมี

    “อย่าเลยพี่เลย์” เซมีว่า “ใช้มุกเดิมไม่ได้แล้วละค่ะ”

    “มุกเดิมอะไร” เลย์เถียง ยังคงทำหน้าจริงจัง “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะเซมี”

    “พี่เลย์--

    “หลังจากที่ฉันพูดเรื่องเวนดี้กับพวกเธอวันนั้น” เลย์แทรกเล่าซะก่อนที่เซมีจะทันค้าน “ฉันก็กลับไปคิดนะว่าผู้หญิงคนไหนบนโลกจะมาเป็นเวนดี้ของฉัน แต่จู่ๆฉันก็นึกภาพได้แค่คนๆเดียว นั่นก็คือเธอ เซมี ฉันก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไม”

    “พี่เลย์ อย่าแต่ง--

    “ฉันไม่ได้แต่งเรื่อง!” เลย์ขึ้นเสียงซะทุกคนต้องเปลี่ยนความคิด สีหน้าเลย์ดูจริงจังมาก เหมือนเขาจะไม่ไดโกหก นานๆครั้งเขาจะทำสีหน้าที่ดูมีชีวิตขนาดนี้“ฉันเห็นหน้าเธอผุดขึ้นมาเต็มหัวเลยจริงๆนะ” เขาประกอบท่าทางไปด้วย “หลังจากนั้นฉันก็คอยมองเธอยู่เรื่อยเลยละ ไม่ว่าเธอจะไปไหน คุยกับใครทำอะไร ฉันก็จะมอง มองอยู่นั้นแหละ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม!

    “ใจเย็นนะเลย์” ลู่หานพูดเบาๆพลางลูบหลังเพื่อน “เราเชื่อนายแล้วละ”

    “ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนะ” เลย์ยังคงยืนยัน

    ดีโอเหลือบมองเซมีที่กำลังทำท่าครุ่นคิดแต่ก็ยังบดบังสีหน้าแดงๆนั่นไม่มิด เมื่อไม่นานมานี้เซมีเพิ่งมาปรึกษาดีโอเรื่องลู่หาน

    “ไหนๆก็ไหนแล้วนะ” ดีโอตัดสินใจพูด “พี่ลู่ครับ”

    “หือ?” ลู่หานหันไปมองดีโอ

    “ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนกับเซมี” ดีโอยืดตัวขึ้นเล็กน้อย “ผมไม่อยากให้เธอโดนหลอกจากผู้ชายคนไหนหรอกนะครับ”

    เซมีแทบจะพุ่งไปตบหน้าดีโอแต่ดีโอสะกิดและส่งสัญญาณให้เธอนิ่งและเงียบไว้ ชานยอลมองงงๆไปที่ดีโอกับลู่หานสลับกัน

    “พี่ก็เหมือนกัน” ลู่หานบอก ดีโอและเซมีแปลกใจเล็กน้อย...ไม่ได้อยากให้ตอบแบบนี้ “พี่ไม่ชอบเหมือนกัน ผู้ชายที่หลอกผู้หญิงน่ะ พี่โครตเกลียดเลย ยังเรียกว่าผู้ชายได้อีกหรอ” ดูลู่หานจะไม่ชอบจริงๆ สีหน้าเขาแดงด้วยความโกรธ “ถ้ามีใครมาทำแบบนั้นกับเซมีพี่คงตามไปช็อตมันให้ตาย”

    ดีโอเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุงงง เซมีเองก็เช่นกัน แต่ดีโอยังไม่ยอมแพ้ “พี่ลู่...ไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้นใช่มั้ยครับ?” อาจจะตรงประเด็นไปหน่อย ลู่หานคิดอยู่สองวิก่อนจะเก็ทว่าดีโอหมายถึงอะไร เขาส่ายหน้ารัวและสบตาเซมีอย่างจริงจัง

    “พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!” เขาพูดกับเซมี “พี่ไม่เคยคิดเลยเซมี พี่ไม่เลยจริงๆ...โธ่ เพราะฉายาบ้าๆนั่นแท้ๆ  พี่แค่เข้าใจเธอผิดในตอนแรกเท่านั้นเอง...พี่อาจจะมีผู้หญิงมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต แต่พี่ไม่เคยคิดกับเซมีแบบนั้นจริงๆนะ ไม่เคยเลยถึงจะเป็นครั้งแรกก็ตาม...ไม่ใช่ๆ” ลู่หานรีบบอกไม่ก่อนเลย เพราะเห็นเซมีทำหน้างงอีกครั้ง “พี่หมายถึง นี่คือครั้งแรกที่พี่ไม่ได้คิดจะ...จะ...เอ่อ...ล่อลวงผู้หญิง...พี่ไม่เคยใช้วิธีคิดแบบนั้นกับเซมีเลยซักครั้ง จริงๆนะเชื่อพี่สิ ความจริงหลังจากที่เซมีห้ามพี่ให้เลิกทำตัวแบบนั้น พี่ก็เลิกเลย”

    “ทำไมถึงเลิกง่ายจังครับ” ดีโอผู้กล้าหาญยังคงถามต่อ ลู่หานลุกลี้ลุกลนก่อนจะรีบตอบ

    “ก็เซมีบอกให้เลิกไง พี่ก็เลยเลิก”

    “แค่นั้น?”

    “ใช่ ก็เท่านั้นแหละ”

    “เพราะแค่เซมีสั่ง?”

    “ใช่ เพราะเซมี”

    “โอเค...ผมเข้าใจแล้วครับ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ถามตรงไปนะพี่ลู่”

    “ไม่เป็นไรๆ ดีแล้วละ เซมีจะได้ไม่กลัวพี่ด้วย...” ลู่หานชำเลืองเซมีและเห็นเธอยิ้มตอบกลับมาค่อยสบายใจหน่อย

    จู่ๆเลย์ก็หันไปสนใจดีโอ เขาพูดกับดีโอว่า “นายก็รักเซมีหรอดีโอ”

    เซมีสะดุ้งเล็กน้อยกับคำถาม เลย์คงยังไม่เข้าใจคำของมนุษย์โลกเท่าไหร่สินะ ดีโอมองหน้าเซมีแปลกๆก่อนจะหันไปตอบเลย์

    “ฉันไม่แน่ใจว่ารักของนายคืออะไรนะเลย์ แต่เซมีเป็นคนสำคัญของฉันน่ะ ฉันก็เป็นห่วงเธอเป็นธรรมดาอยู่แล้วละ”

    เลย์ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานพร้อมบ่นกับตัวเอง “อะไรวะนั่น...”

    เกิดความเงียบที่น่าอึดอัดอยู่นานเชียว...เซมีเองก็ทำตัวไม่ถูก เธอหันไปมองชานยอลที่นั่งเงียบอยู่นานเพื่อจะหาประเด็นใหม่มาคุยและต้องสะพรึงเมื่อเห็นชานยอลจ้องมาที่เธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้ และเมื่อเขาห็นเซมีรู้ตัวแล้วเขาก็รีบละสายตาจากเธอทันที

    จู่ๆก็เกิดเสียงโครมครามขึ้นนอกห้อง ประตู้ห้องเปิดออก แบคคยอนหายใจหอบถี่ก่อนจะแหกปากบอกทุกคน

    “พี่ซิ่วหมินฟื้นแล้วววววววววววววววววววววว!!



    เช้าวันต่อมา

    พวกเขาทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องของพักของซิ่วหมิน ตอนนี้เขาสามารถพูดคุยและส่งรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเด็กไร้เดียงสานั้นให้ทุกคนได้แล้ว ถึงเมอร์ลินยังห้ามไม่ให้เขาลุกจากเตียงแต่เขาก็ยืนยันกับทุกคนว่าเขาหายดีแล้วจริงๆ แบคคยอนดูดีใจปลาบปลื้มจนไม่สามารถเก็บอาการให้อยู่เงียบๆได้

    “ไหนลองยกแขนขึ้นหน่อยสิ” เมอร์ลินบอกซิ่วหมิน ซิวหมินยกแขนทั้งสองข้างขึ้นลงสบายๆพร้อมยิ้มน่ารักๆให้เมอร์ลิน “ก็น่าจะหายดีแล้ว” เมอร์ลินว่าพลางจับหน้าซิ่วหมินหันไปหันมาเพื่อดูใบหู “ใช่...น่าจะหายดีจริงๆ” เขางึมงำ “แต่ฉันยังไม่แน่ใจเท่าไหร่...ไค”

    “ครับ?” ไคเดินมาข้างหน้าตามคำเรียก

    “นายจุมพิตเขาอีกซักรอบสิ”

    ไคทำหน้า อีกแล้วหรอ? แต่ซิ่วหมินตกใจจนทำตาโต เขารีบถาม “อะไรนะครับ? จุมพิตใครครับ?”

    เมอร์ลินหันไปทำหน้างงใส่ซิ่วหมิน “อ๋อ” และเขาก็เข้าใจ “นายยังไม่รู้สินะ ไค เขามีพลังของอัศวินที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยหรือช่วยบรรเทาคำสาปได้ แต่วิธีที่ต้องทำคือจุมพิต...” เขาทำหน้าเศร้าเล็กน้อย “ฉันเสียใจจริงๆที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้มากกว่านี้นะซิ่วหมิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนั้น อ่ะ ไครีบๆเข้า”

    ไคที่เริ่มรู้สึกชินชากับเรื่องแบบนี้เขาเอื้อมมือไปประคองหน้าซิ่วหมินที่กำลังตื่นตระหนกเต็มที่ ซิ่วหมินรีบคว้ามือไคไว้

    “ดะ-เดี๋ยวสิครับ!” ซิ่วหมินหันไปมองทุกๆคนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “นี่ทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว!

    “ร้อยรอบแล้วพี่” ไคที่อยู่ใกล้หน้าเขาตอบหน้าตาย “นี่จะเป็นรอบที่หนึ่งร้อยหนึ่งครั้ง”

    ไคไม่รอช้าเขาโน้มตัวลงไปประกบปากซิ่วหมินทันที ซิ่วหมินหลับตาปี๋และกลั้นหายใจ ไออุ่นจากไคส่งต่อมาให้เขาและมันค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่ดูนวลละมุนและแผ่ความเย็นสบายทั่วร่างกายเหมือนได้ลอยอยู่ในปุยเมฆ เมื่อไคถอนปากออก ซิ่วหมินถึงได้สติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เขาหายใจหอบเล็กน้อย แต่ไคทำท่าผ่อนคลายมาก

    “ไหนดูสิ” เมอร์ลินเข้ามายกแขนซิ่วหมินทันทีที่ไคถอยออกไป “อืม...” แล้วก็ดูใบหูของซิ่วหมินทั้งสองข้าง “นายเป็นปกติแล้วพ่อมดน้อย” เมอร์ลินยิ้มให้เขา

    “คะ-ครับ” ซิ่วหมินตอบรับยังคงอึ้งกับวิธีการรักษา

    “พี่หิวมั้ย” แบคคยอนที่ถือตะกร้าใส่ส้มแน่นเอียดถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงสดใส

    “เอ่อ...นิดหน่อย ขอบใจนะ” ซิ่วหมินตอบพลางหยิบส้มมาลูกนึง แบคคยอนคว้าส้มในมือซิ่วหมินกลับ

    “เดี๋ยวผมแกะเปลือกให้นะ” แบคคยอนบอกซิ่วหมินพร้อมรอยยิ้มที่สดใสกว่าเดิม ชานยอลเห็นแล้วแทบจะเบือนหน้าหนีจริงๆ

    “เออเด็กๆ” เมอร์ลินพูดอีกครั้ง “ไหนๆก็มารวมตัวกันครบแล้วนะ ซูโฮเขามีอะไรจะพูดกับพวกเธอทุกคนน่ะ” เมอร์ลินมองไปที่ซูโฮก่อนจะยกหน้าที่ต่อให้ ซูโฮก้าวมาข้างหน้าแล้วกระแอมเสียงดังก่อนจะพูดเป็นทางการที่ไม่ได้ฟังมานาน

    “ตอนนี้เราก็กระจ่างกันแล้วใช่มั้ยว่าทำไมพวกเราถึงได้มีพลังพิเศษไม่เหมือนคนทั่วไป” เขายิ้มรอบๆให้ทุกคนตามสไตล์ของเขา “นั่นก็เป็นเพราะเราคืออัศวินที่เกิดมาเพื่อปกป้องพ่อมดและช่วยผู้คนจากคำสาปของแม่มดชั่วร้ายนั่นเอง” ซูโฮหันไปมองเมอร์ลินแวบนึงก่อนจะกล่าวต่อ “และ สิ่งที่เราเพิ่งได้ทำไปนั่นก็คือการถอนคำสาปให้วิเวียนได้กลับมาเป็นคนปกติ...ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้” เขากวาดรอยยิ้มให้ทุกคนอีกครั้ง “ประเด็นที่ฉันอยากจะพูดจริงๆก็คือ ฉันอยากให้พวกเธอทุกคนทำสิ่งเดียวกันนั้นกับคนที่ได้รับคำสาปของแม่มด...หรือง่ายๆก็...ฉันอยากให้พวกเธอทุกคนออกตามหาคนที่มีคำสาปร้ายแรงที่แม่มดได้สาปเขาไว้และทำให้เขากลับมาเป็นปกติ...แน่นอนว่าด้วยความสมัครใจนะ ฉันจะไม่บังคับให้พวกเธอทำ ใครที่ไม่อยากทำภารกิจนี้ ฉันเข้าใจนะ และไม่ได้ว่าอะไรเลยด้วย พวกนายยังสามารถอยู่ต่อที่ปราสาทนี้ได้ตลอดเวลา” เขายิ้มรอบที่ล้านแปดให้ “และเร็วๆมานี้...ฉันเพิ่งได้รับแจ้งเจอคนแปลกๆใกล้บ้านเรานี้เอง เขาน่าจะโดนคำสาปของแม่มด สิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือพาเขากลับมาที่นี่ แล้ว...”

    “แล้วพ่อมดซิ่วหมินน้อยๆคนนี้ ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องปรุงยาจะเป็นคนรักษาเขาเอง” เมอร์ลินต่อ ทุกคนต่างมองไปที่เขา “ส่วนฉัน...” เขาลังเลเล็กน้อย “ฉันคงต้องทำอย่างอื่น” เขายิ้มเลียนแบบซูโฮ “ฉันไม่ได้ปัดภาระนะ!” เขารีบบอกเมื่อเห็นคริสมองหน้า “ฉันมีเรื่องอย่างอื่นต้องทำจริงๆ ไม่ว่างมาถอนคำสาปให้คนบนโลกนี้ทุกคนหรอกนะ ว่าแต่ซิ่วหมิน” เขารีบหันไปมองซิ่วหมิน “นายจะทำหน้าที่นี้ได้หรือเปล่า”

    ซิ่วหมินยิ้มให้ “ได้อยู่แล้วครับ เพราะผมทำมันตั้งนานแล้ว ผมดีใจด้วยซ้ำที่ได้คนมาช่วยด้วย”

    “ดีๆ” เมอร์ลินยิ้มอย่างดีใจ “งั้นเราก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่มั้ย?”

    “น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ” ซูโฮตอบ “ฉันจะส่งข้อมูลนี้” เขาเอาแฟ้มสีชมพูที่ไม่ได้เห็นมานานออกมาโชว์กับทุกๆคน “ให้กับชานยอล” แล้วเขาก็ส่งให้ชานยอลตรงนั้นเลย “ใครที่อยากจะไปกับเขา ก็มาหาเขาเองนะ เราจะเริ่มภารกิจกันเร็วๆนี้”

    เมื่อการปราศรัยของซูโฮจบแล้วพวกอาวุโส(เมอร์ลิน ซูโฮ คริส) ก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้เด็กๆยืนเงียบอยู่ในห้องก่อนที่ชานยอลจะทำลายมันด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ

    “มันเป็นภารกิจที่ไม่อันตรายเท่าไหร่ แต่ก็ต้องระวัง” น้ำเสียงชานยอลแอบเหมือนซูโฮ เฉินไอแห้งๆที่ดูคล้ายคำว่า ซูโฮน้อย ออกมา แต่ชานยอลไม่สนใจ เขายังคงพูดต่อ “เซมีจะไปกับฉันมั้ย”

    ทุกคนหันมาจ้องเธอ แน่นอนคำตอบของเธอต้อง “ไปอยู่แล้วสิ ความฝันเดียวของฉันคือเป็นคนดีแบบที่ซูโฮเป็น” เธอยิ้มให้ชานยอล “ฉันจะไปกับนาย”

      ชานยอลยิ้มตอบกลับมาก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ “แล้วพวกนาย...ขอพูดตรงๆเลยนะ ใครไม่อยากทำภารกิจเหล่านี้บ้าง ฉันขอรู้ตอนนี้เลยได้มั้ย? กล้าๆหน่อยสิ ความคิดของคนเรามันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ฉันเข้าใจดี เพราะฉันนั้น...ใครไม่อยากไปขอให้ยก--”

    “พอเลยไอหูช้าง” เฉินขัดขึ้นมา เขาทนไม่ไหวแล้วกับการที่ต้องฟังชานยอลพูดแบบนี้ “เพื่อนกันไม่ต้องขู่กันขนาดนั้นก็ได้”

    “ฉันไม่ได้ขู่” ชานยอลพูดเสียงต่ำ

    “เออๆ” เฉินทำท่ารำคาญเต็มที่ “แล้วนายยังไม่รู้อีกหรอไงว่าใครไม่อยากทำภารกิจน่ะ ไม่ต้องถามก็รู้ๆกันอยู่”

    “หือ?” ชานยอลทำหน้างง ใครกันที่ไม่อยากทำภารกิจโดยที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว?

    “จะบอกให้นะ” เฉินพูด “ไม่มี”

    “หา?” ชานยอลงงไปกันใหญ่ เซมีหัวเราะ

    “ไม่มีใครเขาปฏิเสธหรอกชานยอล” เฉินอมยิ้ม “นายก็รู้ซูโฮเขาเป็นจริงใจแค่ไหน นายก็เห็นว่าเขาโดนแม่มดนั่นหลอกได้ง่ายๆเพราะการมองโลกในแง่ดีของเขา แต่นั่นแหละสิ่งที่เขาชนะใจพวกเราทุกๆคนได้ เราจะตอบแทนเขาชานยอล พวกเราทุกคนเลย”

    เหล่าอัศวินต่างก็ยิ้มให้ชานยอลที่ดูงุนงงและทำหน้าไม่อยากเชื่อและดีใจพร้อมๆกัน

    “ฉะ-ฉัน” ชานยอลไม่รู้จะพูดอะไร “ฉันไม่รู้เลยว่า

    “โอ๋ๆ” จู่ๆเซฮุนเข้าไปกอดชานยอลด้วยความอบอุ่นพลางลูบหัวเบาๆ ทุกคนหัวเราะทันที เซฮุนว่า “ไม่ร้องนะหมาน้อย พวกเราทุกคนรักซูโฮเหมือนที่หมาน้อยรักนั้นแหละ ถึงพวกเราจะซนไปหน่อย แต่ใช่ว่าพวกเราจะไม่เห็นหัวซูโฮเลย ไม่ร้องนะๆ โอ๋ๆ”

    ชานยอลยิ้มด้วยความเขินอายแต่ทุกคนระเบิดหัวเราะจนท้องแข็ง จู่ๆชานยอลก็เล่นกับเซฮุนด้วย เขาทำเสียงร้องไห้ฮือๆแต่ไม่มีน้ำตาก่อนจะกอดเซฮุนแน่น

    “เซฮุน ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีนาย นายอย่าทิ้งฉันไปนะ” ชานยอลพูด ทุกคนต่างหัวเราะกับการแสดงของทั้งสองคนอย่างสนุกสนานรวมไปถึงซิ่วหมินด้วยเช่นกัน

     

     

    ภารกิจของพวกเขาจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง  การผจญภัยยังไม่หมดเพียงเท่านี้

    ยังมีคนอีกมากมายที่พวกเขาต้องได้เจอ...

    และที่สำคัญกว่านั้นคือมิตรภาพและความเข้าใจกันของพวกเขานั้นได้เบ่งบานจนไม่สามารถตัดขาดจากกันได้อีกต่อไป.....


     

     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×