ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในห้อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.94K
      20
      30 มี.ค. 57

     “คริส” ซูโฮเรียกหาเพื่อนสนิทพลางเดินหาไปตามห้องต่างๆของปราสาท เขาเดินไปหาห้องโถงก็แล้ว ห้องสมุดก็แล้ว ห้องครัวก็แล้ว ไม่เจอวี่แววของคริสเลย “คริส นายอยู่ไหนน่ะ” เขาเดินไปหาที่ห้องดูหนัง ปรากฏว่าเจอลูกชายของคริส ไค และ เซมีนั่งดูหนังอยู่  “เซมี”

    “ขา?” เธอหันมาตามคำเรียก “มีอะไรค่ะ”

    “เห็นคริสมั้ย”

    “ไม่เห็นค่ะ” เซมีส่ายหน้า

    “ผมเห็นครับ” เซฮุนบอก “เห็นอยู่กับ...เอ่อ...”

    “ปู่นายหรอ?” ซูโฮตอบแทน

    “ครับ” เซฮุนนึกรำคาญตัวเองเล็กน้อย ทำไมเขายังไม่กล้าพูดออกไปตรงๆอีกนะ “ผมเห็นพวกเขานั่งอยู่ที่สวนข้างนอก”

    “งั้นหรอ ขอบใจนะ” ซูโฮทำท่าจะเดินจากไปแต่เขาหันกลับมาคุยกับเซฮุนอีกประโยค “เซฮุน โอโตซัง นี่แปลว่าอะไรนายรู้หรือเปล่า?”

    “ครับ?” เซฮุนทำหน้างงอยู่แปปนึงก่อนตอบ “อ๋อ พ่อ ครับ”

    “งั้นหรอ ขอบใจนะ” ซูโฮยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    เซฮุนหันมาทำหน้าอึ้งๆกับไคและเซมี ในที่สุดเขาก็พูดคำว่าพ่อออกมา!

    ซูโฮเดินออกมานอกปราสาทและตรงไปยังสวนดอกไม้เจอคริสกับเมอร์ลินนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมล้อมรอบดอกไม้สีชมพู ซึ่งดูขัดกับชายหนุ่มมาดขรึมอย่างพวกเขาสองคนมาก เมอร์ลินกำลังอ่านหนังสืออยู่ ส่วนคริสนั่งหลับซะคอพับ ซูโฮเดินไปสะกิดเพื่อนให้ตื่น เขาสะลึมสะลือเล็กน้อย

    “อ่าว” คริสขยี้ตา “ว่าไง”

    “ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อยสิ” ซูโอยืนคุยกับเขา

    “ไปทำอะไรอ่ะ” คริสเงยหน้าตอบ

    “นายจำไม่ได้หรอ? เพิ่งพูดไปไม่นานนี้เอง”

    “หืม?” คริสนั่งคิดว่าเรื่องอะไร แต่เขาคิดไม่ออก “เออๆ ก็ได้ ตอนนี้เลยหรอ?”

    “ใช่ตอนนี้เลย”

    “โอเค” คริสดันตัวเองออกจากเก้าอี้พร้อมบิดซ้ายขวา เมอร์ลินที่เห็นคริสลุกเลยเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ

    “จะไปไหนกันหรอลูกๆ” เขาถามพลางมองซูโฮและคริสสลับกัน

    “จะออกไปซื้อของน่ะครับ” ซูโฮตอบพลางยิ้มให้ “พ่อต้องการอะไรมั้ย” ซูโฮก็เรียกเมอร์ลินว่าพ่อเช่นกัน คงเป็นเพราะเขาอยู่กับเมอร์ลินมาตั้งแต่เด็กๆ

    “นั่นแหละที่อยากให้ถาม” เมอร์ลินยิ้มแฉ่ง เขาชูหนังสือที่อ่านให้ซูโฮดู “ไปซื้อเล่ม สอง มาให้หน่อยนะ” ซูโฮเผลอหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าเขากำลังอ่านอะไรอยู่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ นั่นเอง

    “นายหัวเราะทำไม” เมอร์ลินสงสัยพลางทำหน้าจริงจังที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนัก “นี่คือเรื่องของมอตเตอร์พ่อมดผู้กล้าหาญนะ”

    “อะไรนะครับ?” ซูโฮไม่แน่ใจ คริสที่ดูรำคาญมากจึงอธิบายให้ฟัง

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นเรื่องจริงซูโฮ” คริสเล่าดด้วยน้ำเสียงที่เบื่อสุดๆ “แต่ความจริงเขาไม่ได้ชื่อ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาชื่อ แกร์รี่ มอตเตอร์”

    “จริงหรอครับ!” ซูโฮดูสนใจขึ้นมาทันที

    “จริงสิ” เมอร์ลินพยักเพยิดไปทางหนังสือ “นี่คือเรื่องเล่าประวัติของพ่อมดแกร์รี่ได้ดีเลยละ ถึงจะดัดแปลงไปเยอะก็ตาม” เขาหัวเราะ “เรียกพวกมนุษย์ว่ามักเกิ้ล คิดได้ไง” จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมา

    “พ่อ” คริสแทรกเสียงหัวเราะนั่น “งั้นผมไปก่อนละ มีอะไรก็บอกแม่บ้านพ่อบ้านที่นี่ได้ แล้วก็ทีหลังไม่ต้องมาให้ผมพาไปนู่นไปนี่หรือนั่งเฝ้าพ่อทำอะไรอีกละ ผมหน่ายมากเลย” คริสพูดเบื่อๆก่อนจะหันหลังและลากซูโฮออกไป

    เมอร์ลินถอนหายใจดังๆ “ไอลูกคนนี้ไม่เข้าใจอะไรเลย ฉันก็แค่คิดถึงแกเท่านั้นละ แต่ช่างมันเถอะ” แล้วเขาก็ก้มอ่านเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ต่อไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขเหมือนเด็กๆ

     

     

    ขณะเดียวกันในปราสาท

    “นายคิดว่าพวกเขาจะกลับมาตอนไหน” เฉินกระซิบถามดีโอ ตอนนี้พวกเขาแอบดูคริสกับซูโฮเดินตรงไปที่ลานจอดรถผ่านหน้าต่างในปราสาท ดีโออาการดีขึ้นจนสามารถเดินเล่นได้แล้ว อาจจะเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นด้วยจึงทำให้เขามีพลังขึ้นมา

    “ไม่รู้สิ เราออกไปถามคุณเมอร์ลินดีมั้ย” ดีโอเสนอพลางจ้องตามไปที่ร่างของคริสกับซูโฮไม่ละไปไหน

    “ฉันว่าเขาไม่รู้หรอก...” เฉินตอบ “เท่าที่ฉันสังเกตเห็นมานะ ซูโฮกับคริสชอบออกไปโดยไม่ได้บอกใครล่วงหน้า แต่จะบอกทีหลังตอนกลับมาแล้วมากกว่า”

    “นายพูดถูก” ดีโอหันมาคุยกับเฉิน แววตาส่องประกายด้วยความตื่นเต้น “เราต้องรีบแล้วละ”

    เฉินยิ้มตอบกลับไปพร้อมสายตาที่ส่องประกายเช่นกัน “กลางวันแสกๆเลยหรอ”

    “อืม กลางวันแสกๆนี่แหละดี เห็นชัดไง” ดีโอแถบจะหุบยิ้มไม่อยู่ “ฉันไม่น่าทำแบบนี้เลย” ถึงจะรู้สึกผิดแต่ความตื่นเต้นมันก็มีมากกว่า

    พวกเขาสองคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องดูหนังเพื่อบอกเซมีว่าจะเริ่มแผนกันแล้ว แผนนั่นคือขึ้นไปชั้นบนของปราสาทที่มักไม่ค่อยมีใครเดินเพ่นพ่านเพื่อเข้าไปในห้องลับนั่น พวกเขาตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ดีโอยิ้มจนหน้าบานและเขาแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อจู่ๆชานยอลก็โผล่พรวดออกมาอยู่ตรงหน้า
    พวกเขา พวกเขาต้องปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ชานยอลรู้ เพราะชานยอลจะต้องห้ามและเอาไปฟ้องซูโฮแน่ๆ

    “พวกนายยิ้มอะไร” ชานยอลถามตรงประเด็นทันที สัญชาตญาณเขาไม่เคยพลาด

    “เปล่านี่” เฉินรีบตอบหน้าตาย “ก็ไม่มีอะไร แค่ยิ้ม...ยิ้มเฉยๆ” เฉินหันไปเหล่ดีโอ

    “ใช่” ดีโอพูดหน้าตายบ้าง “เราแค่ยิ้มเฉยๆน่ะ ไม่ได้หรอ”

    “นี่พวกนาย...” ชานยอลจับจ้องไปที่สายตาของทั้งสองคนอย่างจับผิด ทั้งเฉินและดีโอกลืนน้ำลายลงคอดังเอือกด้วยความกลัว “หรือสมองจะเลื่อนลงไปในไส้ติ่งกันหมดแล้ว มีด้วยหรอคนยิ้มเฉยๆน่ะ”

    เฉินแกล้งทำเป็นหัวเราะเสียงดังเขาสะกิดให้ดีโอหัวเราะด้วย ดีโอก็พยายามฉีกปากหัวเราะเต็มที่ ชานยอลมองหน้าพวกเขาประมาณ บ้าไปแล้วแน่ๆ แล้วก็เดินตรงไปห้องครัวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

    ดีโอกับเฉินยังคงเดินหัวเราะไปและเมื่อไกลจากห้องครัวแล้วพวกเขาก็

    “เฮ้อออออออออออออออออออ” เฉินจับหน้าอกและหายใจหอบจนตัวโยน “ชานยอลนี่น่ากลัวเป็นบ้าเลย ฉันยังสงสัยเลยว่าเมื่อกี้เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจหรือไม่สนใจจริงๆกันแน่”

    “เราต้องระวังชานยอลให้มาก” ดีโอพูดพลางหันหลังไปมองเผื่อชานยอลวกกลับมาอีก  “อย่าให้เขารู้เด็ดขาด”

    “แล้วนี่อะไร” เฉินที่เดินมาจนไม่รู้ว่าเดินไปไหนเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าใต้พื้นที่เขายืนอยู่นั่นมีพรมที่พลิกหงายไปครึ่งนึงและใต้พรมนั่นก็มีประตูเหมือนหน้าต่างอยู่ด้วย

    ดีโอกับเฉินก้มลงมองและกำลังจะเปิดออก แต่จู่ๆเทาก็โผล่พรวด!มาจากหน้าต่างนั่นพร้อมเสียง แบร่! เฉินเผลอกรีดร้องโหยหวนและตกใจจนหงายหลัง ดีโอนั่นรีบถอยหลังชิดกำแพงด้วยความสะพรึง เทาหัวเราะเสียงแหลมใส่ท่าทางของเพื่อนทั้งสอง

    “เทา!!” เฉินตะคอกใส่ครึ่งตัวของเทาที่โผล่มาจากพื้นห้อง “ทำบ้าอะไรของแก๊!!

    “ฮ่าๆๆๆๆ” เทาหัวเราะก่อนจะดันตัวเองออกจากหลุมนั่น “ข้างใต้นี่มีไวน์เต็มไปหมดเลยละพี่เฉิน” เขาชี้ไปที่พื้น “ปราสาทนี่เจ๋งมากเลยอ่ะ”

    “งะ-งั้นหรอ” เฉินพยายามหายใจปกติ “เออ...นั่นสิปราสาทนี่เจ๋งดีจริงๆนั้นแหละ”

    “ว่าแต่” เทาหันไปมองดีโอกับเฉินสลับกัน “ทำไมพี่ต้องระวังชานยอลขนาดนั้นด้วย” และส่งสายตาน่าสงสัยสุดๆไปให้

     “ไม่มีๆ” ดีโอรีบปฏิเสธ “นายฟังผิดแล้วละ ไม่มีอะไรทั้งนั้นเทา”

    “ชานยอล!!!” จู่ๆเทาก็แหกปากตะโกนซะเสียงดัง เฉินรีบเข้าไปอุดปากเขาไว้ดีโอเข้ารวบตัวเทาแน่น “อื้อ!!!” เทาพยายามดิ้นให้หลุด

    เฉินกับดีโอลากเทาเข้าไปในห้องว่างๆห้องนึงก่อนจะล็อคสนิท เฉินยังอุดปากเทาอยู่

    “นายจะบ้าหรอ!!” ดีโอตกใจสุดขีด ตาเขาโตจนแทบจะเท่าลูกปิงปอง

    “โอเคเทา เราจะบอกนาย” เฉินตัดสินใจ “แต่นายต้องไม่บอกชานยอล โอเค๊!

    เทาพยักหน้าพร้อมทำเสียงอู้อี้ว่าเข้าใจแล้ว

    “นายต้องไม่บอกใครเลยด้วย” ดีโอชี้หน้าเตือนเทา เทาพยักหน้า

    เฉินปล่อยเทาออกและเทาก็ยิ้มอย่างผู้ชนะให้ทันที

    “ฟังนะ” ดีโอเริ่มเล่า “พวกเราจะงัดเข้าห้องลับที่ถูกปิดตายตรงชั้นบนปราสาท”

    เห็นได้ชัดว่าเทาตื่นเต้นเขาเผลอเอามือป้องปากเหมือนผู้หญิงเพื่อปกปิดเสียงที่จะเล็ดอดออกมา ดีโอเล่าต่อ “ห้องนั้นมีใครบางคนนอกจากพวกเรา...หรืออาจจะไม่มี แต่มันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ เพราะซูโฮสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปแต่เขากลับเข้าไปได้” เทาพยักหน้าหงึกๆ ดีโอถาม “และ...นี่คือการขัดคำสั่งของซูโฮ นายอยากจะไปกับเราหรือจะรอให้เรามาเล่าให้ฟัง?”

    “ไปด้วย” เทาตอบชัดเจน เฉินกะไว้อยู่แล้ว “ผมไปด้วย! แต่ถ้าไปตอนกลางคืนผมไม่เอานะ”

    “ทำไมละ” เฉินสงสัย

    “อาจจะเป็นผีก็ได้” เทาทำท่าขนลุก “แต่กลางวันโอเค” ก่อนจะผ่อนคลายในทันที

    เฉินกับดีโอมองหน้ากัน อาจจะเป็นอย่างที่เทาพูดก็ได้ แต่พวกเขาจะรอจนถึงกลางคืนไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวซูโฮกลับมาแล้วไม่ได้ทำอะไรกันพอดี

    เทา เฉิน ดีโอ มองหน้ากันและพยักหน้า ก่อนจะเดินดั่งนายแบบสโลโมชั่นเข้าไปห้องดูหนังอย่างสง่าผ่าเผย เซมี ไค และ เซฮุน ที่อยู่ในห้องนั้นหันมามองช้าๆตามภาพสโลโมชั่น เซมีอ้าปากกว้างเมื่อเห็นดีโอพยักเพยิดให้เธอไปหา เธอรีบกระโจนข้ามหัวเซฮุนไปหาพวกเขา ก่อนจะรีบลากทั้งสามคนออกจากห้องไป

    “ฉันเกือบลืมไปเลย” เธอว่าพลางเดินจูงมือดีโอนำไปอย่างรีบร้อน “ซูโฮเพิ่งออกไปกับคริสใช่มั้ย”

    “ใช่” ดีโอตอบเสียงสั่นไปตามแรงลาก “เธอรู้มั้ยว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”

    “ไม่รู้” เซมีตอบ “เราต้องรีบแล้วละ” ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นกว่าทุกๆคนจากที่เดินอยู่เฉยๆก็กลายมาเป็นวิ่งปรู๊ดขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วและหยุดกึกตรงหน้าประตูห้องปิดตาย

    ประตูใหญ่กว่าประตูธรรมดาถึงสองเท่า ทั่วทั้งประตูมีแผ่นไม้ตอกไว้แน่นหนาจนแทบจะมองเนื้อประตูจริงๆไม่เห็น มีกระดาษแปะไว้ตรงกลางประตูว่า ห้ามเข้า กำลังปรับปรุง

    เทากวาดสายตามองประตูอย่างสะพรึงก่อนจะอุทาน

    “ขุ่นพระขุ่นเจ้า” เทาจ้องไปยังกระดาษสีแดงๆที่ติดบนประตูเหนือหัวพวกเขา “นั่นมันอะไร...”

    ทุกคนมองตาม ถ้าจำไม่ผิด...นั่นมันยันกันผีไม่ใช่หรอ ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากเสียงร้องหงิงๆของเทาให้ได้ยิน เทาส่ายหน้าทำเหมือนจะล้มเลิกภารกิจนี้ให้ได้ แต่เซมีเข้าไปขว้ามือเทาไว้แน่น

    “นายห้ามไปไหนทั้งนั้น เทา” เธอบอกเสียงหนักแน่น “ฉันเพิ่งนึกได้ เราต้องการนาย”

    “ไม่นะ...ฉันไม่อยากเข้าไป” เทาส่ายหน้า “แล้ว ทะ-ทำไมถึงต้องการฉัน”

    “ถ้าจะพูดให้ถูก” เซมีตอบ “เราต้องการพลังของนาย”

    “หะ-หา?” เทาไม่แน่ใจว่าเธอหมายถึงอะไร สีหน้าเทาไม่ค่อยดีนัก เพราะเขากลัวทุกอย่างที่ตายไปแล้วแต่เคลื่อนไหวได้

    เหมือนดีโอจะนึกออกว่าเซมีคิดอะไรอยู่ เขาเลยพูด “แงะประตูไงเทา นายคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้”

    “หะ-หา?” เทาหันไปมองดีโอหวาดๆ “ฉันสะเดาะกลอนประตูไม่เป็นหรอกนะ”

    “ไม่ใช่” ดีโออธิบาย “ใช้แรงของนายสิ ใช้แรงข้อมือของนายบิดประตูให้เปิด”

    ทั้งเทาและเฉินอ้าปากอ้าแสดงให้เข้าใจว่าเก็ทแล้ว แต่ไม่เหมือนตรงที่เทามีเหงื่อออกตามหน้าผาก ส่วนเฉินยิ่งทำหน้าตื่นเต้นมากขึ้น

    “เอาเล้ย!” เฉินเร่ง “เทาพังประตูเลย!

    “ไม่ได้นะ!” เซมีรีบค้าน “เราจะพังเข้าไปไม่ได้ เราต้องแอบเข้าไปแล้วแอบออกมาอย่างเนียนที่สุด!” เธอพูดพร้อมทำเสียงเป็นนักสืบ “เราต้องทิ้งร่อยรอยให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

    “ไม่พังเข้าไปแล้วจะเปิดยังไง เราไม่มีกุญแจนะ” เฉินบอก

    “เทา” เซมีหันไปบีบข้อมือเทาอีกครั้ง “นายทำได้ใช่มั้ย เอาแบบไม่ต้องให้มันพังกระจุยแต่ขอแค่เปิดเข้าไปได้ก็พอ”

    “ฉัน...” เหมือนเขาจะโกหกไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เห็นได้ชัดเลยว่าเคยใช้วิธีนี้มาแล้ว เมื่อก่อนเทาอยู่กับคริส และตอนนั้นคริสยังมีความสุขบนความทุข์ของคนอื่นอยู่ มีหรือจะไม่เคยพังประตูเข้าบ้านใคร “ฉันไม่อยากทำ!” ในที่สุดเขาก็ยอมบอกว่าทำได้ เทาแกะมือเซมีออกอย่างง่ายดาย “ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครนะ ขอให้พวกนายโชคดี” แล้วเขาหันขวับกลับไป แต่เซมีเดินตัดหน้าเขาไว้ทัน

    “ขอร้องละ!” เซมีพยายามอ้อน “นายคือความหวังเดียวของเรานะ”

    “ถ้าพวกเราโดนจับ” ดีโอเอาบ้าง “ซึ่งเป็นไปได้สูง...เราจะไม่บอกว่านายมาร่วมด้วย” และเป็นประโยคที่ฉลาดมาก เทากำลังคิดและกำลังสับสนในเวลาเดียวกัน

    สุดท้ายเขาก็เดินไปด้วยสีหน้าที่ขัดกับพฤติกรรม มือสั่นๆของเทาค่อยๆยื่นไปแตะลูกบิดที่ล็อคอย่างแน่นแต่ดูชำนาญ เขาจับลูกบิดด้วยมือทั้งสองข้างและทำอีท่าไหนไม่รู้ซึ่งเซมีมองไม่ทันจู่ๆเสียงปลดล็อคก็ดัง ตึง!ซึ่งอาจจะไม่ใช่การปลดล็อคที่ดีนัก ข้างในลูกบิดประตูอาจจะพังไปแล้วก็ได้ เมื่อเทาทำเสร็จเขาก็รีบเข้าไปหลบหลังเซมี แต่ยังไม่หนีไปไหน..

    ไหนๆก็ไหนๆละ เอาให้มันได้รู้กับตาไปเลยว่าข้างในมันมีอะไรซ่อนนักหนา!

    ในขณะนั้นเซมีซึ่งเป็นผู้ที่กล้าที่สุดและอยากรู้ที่สุดด้วยเดินนำเข้าไป เธอผลักประตูช้าๆมันดังแอดเหมือนไม่ได้เปิดมานับสิบๆปี เธอค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปข้างในโดยที่มีลูกๆอีกสามย่องตามหลังมา และเธอก็เห็นข้างในห้อง

    ถือว่าเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้างและโล่งมาก ไม่มีอะไรเลยนอกจากหน้าต่างบานใหญ่ติดผนังกับเตียงสีขาวเตียงนึง มันวางอยู่ชิดกับมุมห้องและติดหน้าต่างบานแรก แต่สิ่งที่ดูสะดุดตามากกว่านั้นก็คือ มีโน้ตบุ๊คสีขาวเปิดอ้าและมันวางอยู่บนเตียง ห้องที่ดูเก่าแต่กลับสะอาดสะอ้านผิดหูผิดตา

    “ดูนั่น...” ดีโอกระซิบบอกเซมีเบาๆ เขาพยักเพยิดไปทางมุมห้องมุมนึงที่อยู่ไกลออกไปจากประตู เซมีมองแวบแรกเธอนึกว่ามีผ้าสีขาวกองอยู่ตรงนั้น แต่ดูดีๆแล้ว...นั่นมันร่างของผู้หญิงในชุดสีขาวต่างหาก ไม่แปลกหรอกที่อะไรๆจะดูขาวไปหมดจนตาเซมีมองเห็นเป็นผ้าขาวๆแบบนั้น ขนาดมองจากที่ไกลยังรู้เลยว่าผิวเธอขาวและผ่องขนาดไหน รวมทั้งผมที่ยาวของเธอด้วยมันขาวโพลน...ไม่ใช่สิต้องบอกว่ามันเป็นสีเงินมากกว่า เซมีสังเกตได้จากความแวววาวจากผมของเธอ เธอนั่งขุดคู้มือทั้งมือข้างปิดใบหน้าสนิท เท่านั้นยังไม่พอเธอยังก้มหน้าลงไปซุกกับเข่าอีก แทบดูไม่รู้เลยว่าเป็นคนนั่งอยู่ตรงนั้น

    เทาที่สติกำลังปลิวก็รีบคว้าเอวเซมีไว้แน่น ไม่มีใครรู้ว่าต้องทำยังไงต่อดี...จนกระทั่งเซมี

    “ขะ-ขอโทษค่ะ” เซมีพูดเสียงดังพอสมควรเพื่อให้เธอได้ยิน “เราบังเอิญ เดินเข้ามา...เอ่อ...ไม่บังเอิญหรอกค่ะ คือเราแค่...เอ่อ”

    “เธอเป็นใคร” จู่ๆเธอคนนั้นก็ตอบกลับมาแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ น้ำเสียงของเธอดูนุ่มนวลและน่าฟังมากถึงจะได้ยินจากที่ไกลก็ตาม เทาสบายใจขึ้นทันทีเมื่อแน่ใจว่าเป็นคนตัวเป็นๆ

    “ฉะ-ฉันชื่อเซมีค่ะ ฉันอยู่ที่นี่มา13ปีแล้ว คือฉันไม่เคยรู้--

    “เซมีหรอ...เธอมาที่นี่ทำไม ซูโฮสั่งหรอ” เสียงนุ่มนวลนั่นแทรกเข้ามา ไม่รู้ว่าทำไมเสียงนั่นถึงดูน่าฟังมากสำหรับเฉิน ดีโอ และ เทา

    “ซูโฮสั่งห้ามไม่ให้เข้าเลยต่างหาก” เซมีบอกความจริง “ขอโทษนะ คือฉัน--

    “ไม่เป็นไร” เสียงนั่นตอบกลับมาและแฝงความใจดีอยู่ด้วย “ฉันเข้าใจ เธอมาเพราะเธออยากรู้ ใครๆก็อยากรู้กันทั้งนั้น” จู่ๆเธอเงยหน้าขึ้นมาแต่ยังปิดด้วยมือทั้งสองข้างแน่น ก่อนจะยืนขึ้นอย่างสง่างาม โอ้...ร่างอันเปราะบางของเธองดงามจริงๆผิวขาวผ่องสีผมที่ดูเข้ากับสีผิวอย่างแปลกประหลาด...เธอเหมือนม้ายูนิคอร์นที่งดงามแม้ในขณะที่เธอยังคงปิดใบหน้าเรียวนั่นไว้ “เธออยากรู้จักฉันใช่มั้ย...มีคำถามมากมายใช่มั้ย”

    “ใช่ค่ะ” เซมีรีบตอบเสียงดัง “กรุณาให้เราได้แก้ข้อข้องใจนี้ด้วยเถอะนะค่ะ” เธอพูดทางการซะไม่เหมือนตัวเองเลย

    “ได้สิ...” หญิงสาวร่างบางค่อยๆลดมือลงเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามและนุ่มนวลละมุนละไมจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ให้พวกเขาเห็น เซมีถึงกับต้องพยายามเก็บอาการชอบอย่างหนักจนถึงต้องกำมือแน่น

    แต่จู่ๆเธอก็เอามือปิดหน้าและร้องออกมา “เซมี! เธอมากับเพื่อนผู้ชายด้วยหรอ!

    “หะ-หะ?” เซมีที่กำลังตื่นตกใจกับใบหน้านั้นไม่ทันได้สังเกตว่าเฉินเทาและดีโอเดินจ้ำอย่างไวตรงไปที่หญิงสาวร่างบางคนนั้นยืนอยู่และสายตาดูเลื่อนลอยเพ้อฝันแปลกๆกันทั้งสามคนเลย เซมีรีบวิ่งตามไปดักหน้าพวกเขาและเมื่อพวกเขายืนอยู่ใกล้ๆร่างบางแล้วจู่ๆก็

    “ได้โปรด” เฉินคุกเข่าลงข้างนึง “แต่งงานกับผมเถอะนะครับ” แล้วก็เงยหน้าเพ้อฝันนั่นขึ้นมามองร่างบาง

    “กระผม” เสียงดีโอดังขึ้นอย่างห้าวหาญ “จะค่อยอยู่ดูแลให้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้าคุณต้องการ”

    “คุณคือนางฟ้า” เทาก็ด้วย “นางฟ้าที่เกิดจากนางฟ้ากับเทวดาลงมาเกิดอีกที”

    ทั้งสามคนพร่ำเพ้อถึงประโยคเน่าๆออกมาไม่หยุดเหมือนคนสมองเลื่อนลงไปในไส้ติ่ง เซมียืนงงกับสถานการณ์จนกระทั่ง

    “พาพวกเขาออกไป” ร่างบางสั่งแต่ไม่น้ำเสียงไม่ได้โกรธเคือง “พวกเขาต้องมนต์สะกดแล้ว ต้องพาพวกเขาออกไปห่างๆ ห่างกว่าที่ประตูนั่น”

    เซมีที่ไม่ถามต่อให้มากความเธอจัดการลากดีโอคนแรก พยายามผลักดีโอออกไปแต่เขาก็พยายามเดินเข้ามาใกล้ๆ

    “ปิดตาพวกเขา” ร่างบางบอกอีกครั้ง “ปิดให้แน่นๆแล้วพาออกไป”

    เซมีแทบจะควักลูกตาดีโอออกมาเธอปิดแน่นซะจนรับรู้ได้ว่าดีโอต้องเจ็บมากแน่ๆ และเมื่อปิดตาอะไรๆก็ง่ายขึ้น ดีโอสะดุ้งเหมือนได้สติกลับมาในขณะที่กำลังลากเขาออกห่าง และได้สติกลับมาเต็มๆตอนเซมีเปิดตาเขาและเขาอยู่ห่างจากร่างบาง

    เซมีรีบไปลากอีกสองคนที่กำลังพร่ำเรื่องโง่ๆออกไปไม่หยุดหย่อนออกมาเช่นกัน ทุกคนเมื่อได้สติดูงุนงงและหน้าแดงมาก ขนาดเทาที่หน้าคล้ำกว่าคนอื่นยังมองออกเลยว่าแดงแจ๋

    “นะ-นี่มันเรื่องอะไร?” เซมีแทบหายใจไม่ทัน “เกิดอะไรขึ้นค่ะ?”

    ร่างบางค่อยๆเปิดหน้าออกมาอีกครั้งและหนุ่มมีปฏิกิริยาเกร็งเล็กน้อยแต่สติยังคงอยู่ เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนเกือบทำให้เฉินพุ่งเข้าหาอีกหนแต่เซมีกันเข้าไว้ได้ก่อน

    “เซมีเธอมาใกล้ๆฉันสิ” ร่างบางบอก “ฉันจะได้ไม่ต้องพูดเสียงดัง”

    เซมีเดินไปใกล้ๆพอที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมๆชวนฝันจากตัวเธอ

    ให้ตายเถอะ นี่มันนางฟ้าส่งมาสยบทั้งชายและหญิงบนโลกชัดๆ

    “ฉันชื่อวิเวียน” เธอยิ้มให้จนเซมีเองก็แทบจะล้มพับลงไปเหมือนหนุ่มๆ “ฉันต้องคำสาปจากแม่มด ให้กลายเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายโหยหามากที่สุด” เธอทำหน้าเศร้าแต่ก็ยังดูสวยงามตระการตา “ฉันอยู่ที่นี่มาได้หกปีแล้ว...หลังจากต้องทนทุกข์กับโลกภายนอกที่คอยจ้องจะจับฉันเหมือนฉันไม่ใช่คน” เธอเล่าต่อเมื่อเห็นเซมีไม่ได้ถามอะไร “ซูโฮช่วยฉันไว้ เขาเจอฉันตอนที่กำลังจะโดนขายตัวให้กับชายเศรษฐี” เป็นเรื่องที่น่าตกใจและเธอกลับเล่าได้อย่างสง่างามมาก ”เขาพาฉันมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ และฉันชอบอยู่ด้วย..มันปกป้องฉันจากสายตาคนอื่น เมื่อก่อนฉันก็ออกไปนอกปราสาทบ้างนะเวลาทุกคนนอนหมดแล้ว...ใช่ทุกคนยกเว้นเธอเซมี” วิเวียนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอ มันดูคล้ายรอยยิ้มอันอบอุ่นของแม่เลยก็ว่าได้ ”ซูโฮเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังบ่อยๆ”

    “หะ-หรอค่ะ” เซมียิ้มเขินๆให้เธอ “ละ-แล้วทำไมถึงต้องปกปิดขนาดขนาดนี้ด้วยค่ะ”

    “อันนี้ฉันคงตอบไม่ได้” วิเวียนยิ้ม “เธอต้องถามซูโฮ แต่ฉันไม่เคยสงสัยหรอกนะ ฉันคิดว่ามันดีด้วยซ้ำไปเพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาเลยยกเว้นพวกเธอ”  

    “แล้วทำไม...แม่มดถึงต้องสาป...ถามได้มั้ยค่ะ”

    “ได้สิ” วิเวียนยิ้มอย่างใจดี “โดยปกติแล้วฉันเกิดมาก็โดนมองว่าสวยกว่าใครๆและใช่ บังเอิญว่าสวยกว่าแม่มดคนนั้น เธอก็เลยสาปฉันให้ความสวยนี้เป็นภัยกับตัวฉันเอง”

    เซมีอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แม่มดนี่มันไร้เหตผลจริงๆ

    “อยู่ในนี้คนเดียว...ไม่เหงาหรอค่ะ” เซมีหันไปถามเรื่องทั่วๆไปบ้าง

    “ฉันมีเพื่อนออนไลน์เยอะ” วิเวียนหัวเราะเล็กน้อย และเสียงหัวเราะเธอช่างไพเราะเสียยิ่งกว่าเสียงหัวเราะของเฉินสิบล้านแปดแสนเท่า “แถมซูโฮก็เข้ามาเยี่ยมฉันบ่อยๆ”

    “หือ?” เซมีสงสัย “แล้วซูโฮไม่โดนมนต์สะกดหรอค่ะ?”

    วิเวียนกำลังจะอ้าปากอันบอบบางนั้นตอบแต่

    “เพราะฉันเป็นผู้ชายคนเดียวที่จ้องหน้าเธอแล้วไม่เป็นอะไรยังไงละ เซมี”

    เซมีหันไปมองต้นเสียง ซูโฮ คริส และ เมอร์ลิน ยืนอยู่หน้าประตู ในมือพวกเขาเต็มไปด้วยถุงใส่ของมากมาย ที่สำคัญคือซูโฮกำลังทำหน้าบึ้งตึงอีกด้วย มันเป็นใบหน้าที่เซมีไม่อยากเห็นมากที่สุดในชีวิต

    “ฉันบอกแล้วไงว่าที่นี่ห้ามเข้า” เขาตรงมาที่เซมีอย่างกับพ่อจับลูกได้ว่าแอบจิกเงินไปใช้ “ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วด้วยว่าห้ามพาใครมาที่นี่”

    หา? นี่เขาบอกฉันตอนไหนนะ? เอ๋? จะว่าไปก็คุ้นๆนะ...เอ่อ...ถ้าจำได้คงไม่มาอยู่ที่ห้องนี้หรอก

    “ขอโทษค่ะ” เซมีก้มหน้ารับผิด

    “อย่าว่าเธอเลยซูโฮ” วิเวียนช่วย “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก เด็กๆเขาก็อยากรู้ไปหมดแบบนี้แหละ”

    “แต่ว่า--

    “อาวละๆ” เสียงเมอร์ลิขัดขึ้นมา “อย่าเพิ่งเถียงกันก่อน เราอย่าลืมสิว่าเรามาทำอะไรที่นี่....” เขาหยุดไปพักนึงก่อนจะหันไปถามลูกชาย “แล้วเรามาทำอะไรกันวะ คริส?”

    “ถอนคำสาปไงครับพ่อมดผู้สูงส่งแต่ดันเป็นโรคอัลไซเมอร์” คริสตอบเคืองๆ

    “เออใช่!” เมอร์ลินจำได้ละ “ถอนคำสาปๆ ตายไปแล้วยังจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกนะยังแม่มดนั่น” เมอร์ลินบ่นไปพลางก้าวฉับๆไปที่วิเวียน “ไหนดูสิ...อ้อ คำสาปนี้ต้องแก้เมื่อเธออายุ30นะวิเวียน มันเป็นช่วงที่กำลังจะหมดความสาวพอดี” เขาบอกพลางจ้องไปที่ร่างบาง

    “พ่อบอกเรื่องนี้แล้ว” คริสกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

    “งั้นหรอ” เมอร์ลินไม่สนใจเท่าไหร่เขาคงจ้องมองร่างบางอยู่ “เธอช่างงดงามจริงๆ...น่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ดีมั้ยนะ”

    “ไม่ละครับ” ซูโฮตอบแทน

    “งั้นหรอ... ” เมอร์ลินทำเสียงเหมือนเสียดาย “แล้วนี่เธออายุเท่าไหร่แล้วละวิเวียน?”

    29แล้วค่ะท่านพ่อมด” วิเวียนตอบเสียงนุ่มนวล

    “อ๋อๆ มิล่าละพวกนี้ถึงออกไปซื้ออุปกรณ์รอตั้งไว้ละ” เมอร์ลินบอก “แล้วเมื่อไหร่จะ 30 พอดี?”

    “อีกสองสัปดาห์ค่ะท่าน”

    “งั้นหรอ...เราคงต้องเริ่มเตรียมอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนนี้ซะแล้ว”

    “ทำอะไรบ้างครับพ่อ” ซูโฮถาม

    “อ๋อ หลายอย่างเลยละ ต้องให้เหล่าอัศวินช่วยด้วยนะ ฉันต้านมนต์สะกดนี้ได้ไม่นานเท่าไหร่ สาวๆสวยๆละทำให้ชายแก่ๆสั่นได้ตลอด”

    “ต้องทำยังไงครับ” ซูโฮถามต่อ

    “ก็ทำเหมือนตอนที่ทำกับซิ่วหมินนั้นละ อาจจะต่างตรงที่ไม่ได้ให้ไคลงไปจุมพิตแต่จะเป็นอย่างอื่นที่คนอื่นทำแทน”

    “ใครครับ? ทำอะไรครับ?” ซูโฮยังคงถามต่อไป

    “บ๊ะ ก็นายไงซูโฮ! พลังแห่งความรักจะช่วยให้คลายคำสาปได้ทุกอย่าง!

    เมอร์ลินพูดเสียงดังซะจนเทาที่อยู่ไกลออกไปต้องได้ยินเต็มสองรูหูแน่ๆ มันทำให้ซูโฮหน้าแดงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทันที

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×