คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : EP 27
ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ลู่หานขอร้องให้ซิ่วหมินสลับคู่อึนมีครั้งนั้น เขาก็ไม่ได้เจอหน้าเธออีกเลย ความจริงภารกิจของเขายังเหลืออีกสองอย่างที่ต้องให้รุ่นน้องทำจนสำเร็จ แต่เขาไม่มีอารมณ์นั้นเลย เขาไม่อยากจะแกล้งใครตอนนี้...
หลังจากที่เขาไม่ได้เจอหน้าเธอมาหลายวันเขาก็เริ่มซึมเศร้าและกินอะไรน้อยลงทุกวันๆจนแม่เริ่มเป็นห่วง ถึงลู่หานจะยืนยันว่าเขาสบายดีก็ตาม... เขาโทรหาเธอแต่เธอคุยได้แปปเดียว เขาโทรชวนเธอไปกินข้าวเธอก็บอกไม่ว่าง เขาขอไปหาเธอที่ห้องเธอก็ไม่อยู่ และเขาก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรดีๆที่มันดูไม่แปลกไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ลู่หานนั่งเหม่อลอยในห้องตัวเอง...สมองว่างเปล่าแต่จิตใจกลับอัดอั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แน่นหนาจนอยากจะระบายออกมา... เขาอยากจะระบายออกมาเหลือเกิน...
ความรู้แบบนี้มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่แฟนคนเก่าของเขากำลังจะตายจากเขาไป...ความรู้สึกกังวลและสับสนว่าไม่รู้จะต้องทำอะไรก่อนหลังแบบนี้เขาเคยเป็นมาแล้ว...
ลู่หานเป็นคนที่น่าสงสาร...เขารักใคร คนคนนั้นมักจะจากเขาไปเสมอ ถึงเขาทำใจได้...แต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยผ่านมาเขาจำมันได้ดี...จำได้แม่นเลยละ
คืนเดียวกันนั้น...
คริสกำลังนั่งคิดถึงอะไรบางอย่างที่ห้องนั่งเล่นกับเทาที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ไปเรื่อย...เขาไม่พูดไม่จาเทาถามอะไรเขา เขาก็ตอบมาแค่ อืม ออ สองอย่างจนเทาเลิกสนใจเขาไปแล้ว
และเช่นเดียวกัน...คริสก็กำลังคิดถึงเรื่องของเธอ ตั้งแต่ที่เขาได้สัมผัสมือบางของเธอวันนั้นใจเขาก็เริ่มแปลกไป มันดีใจทุกครั้งทุกเวลาที่เจอหน้าเธอจนบางครั้งจนต้องเผลอยิ้มออกมาแก้เขิน...
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร...เขายอมรับว่าเธอนั้นเป็นคนดีและเขาก็ชอบเธอพอสมควรไม่งั้นคงไม่คุยดีกับเธอหรอก...แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเอามากขนาดนี้ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขานึกถึงได้ตลอดเวลาแบบนี้... แถมความรู้สึกแปลกๆนี่มันก็ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนด้วย แต่คริสก็เดาได้ไม่ยากว่ามันหมายความว่าไง...
“เทา” คริสเรียก “ฉันรู้สึกไม่ดีเลยวะ”
“อืม” เทาแก้แค้นโดยการไม่สนใจเขาบ้าง
“เหมือนมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายฉัน...” คริสพูดต่อ “และจิตใจของฉันด้วย...” เขามองเทาที่ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์เหมือนขอความคิดเห็น “เทา...แกบอกได้มั้ยว่าฉันเป็นอะไร”
“ไม่รู้” เทายังไม่เลิกงอน
“งั้นหรอ...” คริสก็ไม่รู้ว่าเขาประชด “แต่ไอความรู้สึกนี้น่ะ...มันจะโลดโผนและเต้นดีใจทุกครั้งเวลาเจออึนมีวะ...มันคืออะไรวะ หรือว่ามันจะเป็น”
“ความรัก” เทาตอบส่งๆ “มันคงเป็นความรัก...ที่ทำให้ตัวฉันมันดูมีความหมาย~” เทาร้องเพลงแข็งๆล้อเลียน
“ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเทา” คริสหันไปดุและเทาก็เงียบทันที “ฉันจะรักใครง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง...อีกอย่างฉันไม่เชื่อในรักแรกพบหรือคำว่าตกหลุมรักในคราวเดียวหรอก งี่เง่าจะตายไป ความรักมันจะต้องเกิดจากความไว้ใจและเชื่อใจกันไปเรื่อยๆสิถึงจะถูกต้อง”
“นี่” เทาเงยหน้ามองเขาแบบจริงจัง เทาคงคิดว่างอนคริสไปก็ไม่ได้อะไร “ความรักบนโลกใบนี้ไม่ได้เหมือนความรักบนดาวกาแล็คซี่ของเฮียหรอกนะ” เทาถอนหายใจ “เอาเถอะ แล้วแต่เฮียละกัน แล้วแต่เลยว่าจะคิดยังไงกับความรัก แต่ว่าตอนนี้เฮียน่ะชอบอึนมีเข้าให้แล้วรู้ตัวไว้ซะด้วย”
“แล้วแกมั่นใจได้ยังไงวะ”
“โอ้ย!” เทาทำเสียงรำคาญ “ออกหน้าออกตาซะขนาดนั้นไม่รู้ก็บ้าแล้ว!”
“ขนาดนั้นเลย?” หน้าคริสเริ่มเปลี่ยนสี “มันยังไงหรอวะ?”
“แหม...” เทาทำหน้าเบื่อหน่าย ทีเขาชวนคุยละไม่ยอมคุยพอคุยเรื่องเธอละสนใจขึ้นมาทันทีเลยนะ “เวลาเฮียเดินผ่านหน้าห้องเธอทำไมเฮียต้องหยุดมองทุกครั้งด้วยละ? แล้วตอนไปมหาลัยเฮียก็เอาแต่มองหาเธออยู่ตลอดเวลาพอหาเธอไม่เจอก็ทำหน้าเซงทั้งวัน ไหนจะตอนดึกๆดื่นๆที่แอบไปเดินหน้าห้องอีก”
“เฮ้ย! แกรู้ได้ไง”
“โอ้ย ผมก็ตื่นมาฉี่มาหาไรกินดึกๆบ้างไม่ได้หรอไง อีกอย่างเฮียไม่ได้ปิดประตูด้วย คนบ้าอะไรไม่รู้ เฮ้อ... แต่ว่านะเฮียผมขอเตือนอยู่อย่างนึง”
“อะไร”
“ระวังจะเสียใจนะครับ เผื่อใจไว้หน่อยก็ดี”
เช้าตรู่วันต่อมา...
อึนมียังไม่ตื่นชานยอลก็โทรมาหาเธอและชวนเธออกไปดูหนังด้วยกันตั้งแต่เช้า พอดีว่าเขาโดนแม่ปลุกให้ทำงานที่บ้านตั้งแต่ไก่โห่พอทำงานเสร็จเลยไม่รู้จะทำอะไร...จึงตัดสินใจชวนเธอไปดูหนัง
“ป่านนี้เนี่ยนะชานยอล?” อึนมีกรอกเสียงง่วงๆลงไป “โรงหนังเปิดหรือยังเนี่ย”
“เราไปถึงก็เปิดพอดีแหละ วันนี้เราว่างทั้งวันไม่ใช่หรอ...ขอโทษที่โทรมากวนเวลานอนแต่ว่าฉันไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ”
“อื้อๆ นายยังไม่เท่าไหร่หรอกชานยอล” อึนมีตัดสินใจลุก “แบคคยอนเคยปลุกฉันตอนตีสี่ตีห้าเพื่ออยู่เป็นเพื่อนมันรดน้ำต้นไม้เลย...นายยังถือว่าสุภาพกว่าเขามาก เดี๋ยวขอแต่งตัวแปปนะ”
ชานยอลมารอรับเธอหน้าหอความจริงเขานัดเจอกันที่ห้างเลยก็ได้แต่เขาก็ยืนยันว่าจะเดินทางไปพร้อมเธอ เขาอ้างว่าอาจจะสนุกกกว่าการเดินทางคนเดียวถึงจะลำบากเขานิดหน่อยก็ตาม เมื่อทั้งสองมาถึงโรงหนังและเถียงกันเรื่องซื้อตั๋วเรียบร้อยก็เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีกว่าหนังจะฉาย พวกเขาจึงตัดสินใจนั่งรอไปคุยไปหน้าโรงเลย
“ทำไมต้องเป็นหนังผีนะ!” อึนมีบ่นเป็นรอบที่แปด “ฉันอยากดูหนังตลก”
“แป้ก” ชานยอลตอบ “มีคนบอกว่ามันแป้กอย่าดูเลยไม่คุ้ม หนังผีนี่แหละคุ้มสุดแล้ว” ชานยอลยิ้มภูมิใจ
“แต่ฉันกลัวผีนะชานยอล” เธอทำหน้าสะพรึง “ถ้าคืนนี้ฉันนอนไม่หลับจะทำยังไงละ”
“ปลุกแบคคยอนสิ” ชานยอลหัวเราะ
“ก็คงต้องปลุกซักคนละนะ...”
“แต่ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนก็ได้” จู่ๆเขาก็พูดประโยคที่ทำให้ทั้งสองคนเงียบสนิท...
ย้อนกลับไปเมื่อวันนั้น...วันที่อึนมีต้องทำภารกิจบางอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าเธอพร้อมที่จะเป็นทิงเกอร์เบลเต็มตัวหรือยังนั้น... วันที่เธอต้องนอนกอดกับชานยอลแบบแนบเนื้อชิดใกล้กันครั้งนั้น...
พอนึกออกทั้งสองก็หน้าแดงก่ำและหลบตากันไปหลบตากันมาอยู่นาน
“เอ่อ...” ชานยอลกระแอมเสียงดัง “เธอ...เธอ...เอ่อ...ตัวเธอนุ่มดีนะ”
นั่นยิ่งทำให้เขาพวกเขาหน้าแดงขึ้นไปอีก ชานยอลไม่ทันได้ตั้งตัวเขาเผลอพูดออกไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปและพูดทำไม เขาเลิกลั่กทำตัวไม่ถูกและพยายามหาประเด็นใหม่มาคุยจนดูกระวนกระวายเกินเหตุ
“ขอบใจนะ” อึนมีที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้น “ขอบใจที่วันนั้นนาย...นายแค่กอดฉันเฉยๆ”
ชานยอลเก็บอาการไม่อยู่เขายิ้มจนแก้มปริหน้าก็แดงเรื่อ “แน่นอน...” เขาตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศได้ซะที “ฉันมันเป็นคนดี สุภาพบุรุษแถมหล่อมากด้วย”
“อื้อ” แต่อึนมีกลับพาเข้าบรรยากาศเดิม เธอยังคงก้มหน้าและไม่มองตาเขา “ฉันเองก็รู้สึกว่านายเป็นผู้ชายที่...ที่เพอร์เฟ็คอยู่เหมือนกัน”
“ระ-หรอ...ขอบใจ แฮะๆ” ชานยอลเกาหัวแก้เขิน “แต่ไม่ต้องเกร็งเวลาอยู่กับฉันก็ได้นะ ฉันไม่ได้อะไรมากมายขนาดนั้นหรอก...คือฉันหมายถึงฉันไม่ได้สุภาพและดีเสมอไปหรอก ด้านร้ายๆของฉันก็มี...”
“ไอที่ชอบแกล้งเพื่อนน่ะหรอ” อึนมีเงยหน้ามองเขาได้แล้ว
“ช่าย” แต่ชานยอลกลับมองตาเธอไม่ได้ “ฉันมันตัวป่วนกวนประสาทชาวบ้านเลยละ...”
“น่ารักดีออก” อึนมีบอก “ฉันว่านายน่ะดีไปหมดเลยจริงๆนะ...ฉันประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนายแล้วชานยอล”
ชานยอลตกใจเล็กน้อยเขาเผลอมองเข้าไปในตาของเธอและคิดอะไรบางอย่าง...นี่เธอกำลังจะสื่ออะไรกับเขาหรือเปล่า? เธอกำลังพยายามจะบอกอะไรเขาอยู่งั้นหรอ?
“อะ-เอ่อ...ฉันก็” ชานยอลอึกอัก “ฉันก็ชอบเธอตั้งแต่เห็นครั้งแรก....” แต่เขาพูดเบาเกินไปบวกกับประตูโรงหนังเปิดพอดี อึนมีเลยไม่ได้ยินเพราะมัวแต่สนใจเรื่องอื่นอยู่ ชานยอลจึงรีบกลบด้วยเสียงที่ดังพอให้เธอหันมา “เข้าไปในโรงกันเถอะ!”แล้วเขาก็จับมือเธอลากเข้าไปในโรงหนังทันที
“หายหัวไปไหนมา” แบคคยอนยืนเท้าสะเอวรอเธออยู่หน้าประตูห้อง “รู้มั้ยว่าฉันลำบากมากแค่ไหนน่ะหา? เธอจะออกไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกฉันก่อน ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยแถมออกไปเช้ามากจนฉันคิดว่าเธอโดนลักพาตัวไปซะอีก”
“พูดเกินไปละ” อึนมีตอบเพลียๆ “ฉันตื่นเช้าแบบนั้นประจำแต่นายสิตื่นสาย”
“เออไม่ต้องเถียง ไม่อยากเถียง” แบคคยอนปัด “ไปดูแลดีโอแทนฉันเลย! หมอนั่นอ้อนฉันทั้งวันแล้ว ฉันเหนื่อย! ตาเธอไปรับกรรมบ้างละ ฉันขอพักที่ห้องเธอเนี่ยแหละ” ว่าเสร็จเขาก็เดินดุ่ยๆลงไปนอนบนโซฟายาวที่ห้องรับแขก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดีโอเป็นอะไร... มีแค่อย่างเดียวที่ทำให้เขาอ้อนคนอื่นได้ทั้งวันแบบนี้... นั่นก็คือเวลาเขาป่วย ไม่สบาย หรือ ไข้ขึ้น... เขาจะเปลี่ยนเป็นดีโอขี้แงและอ้อนให้คนนู้นคนนี้ทำทุกๆอย่างให้เขาแทน...พูดอีกแบบก็คือใช้วิธีอ้อนเพื่อใช้งานเพื่อนนั่นไง
อึนมีเดินไปที่ห้องของดีโอและเข้าไปดูอาการเขา เขาทำหน้าจะร้องไห้ทันทีที่เห็นร่างของเธอ เขานอนอยู่และดูเหมือนอาการจะดีขึ้นแล้ อึนมีลงไปนั่งข้างๆบนเตียงก่อนจะแตะหน้าผากเขา...
“เป็นไข้นิดหน่อย นอนพักซะนะ” อึนมีขยับผ้าห่มให้เขา “กินยาหรือยัง”
“กินแล้ว...” ดีโอทำเสียงอ้อนทันที “เธอหายไปไหนมา...ทำไมไม่ดูแลฉันเลย เธอจะทิ้งฉันไปแล้วงั้นหรอ...ทำไมเธอทำแบบนี้ฉันเสียใจนะ” น้ำตาเขาคลอเบ้า...
“โอ๋ๆ” อึนมีลูบผมเขาเบาๆเชิงปลอบโยน “ฉันไม่รู้นินาว่านายจะป่วย อีกอย่างแบคคยอนก็ดูแลนายได้อยู่แล้ว...ว่าแต่เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยนะดีโอ... น้ำตาไหลง่ายทุกครั้งที่ป่วยเลยนะ”
“ฉันงอนเธอแล้ว” เขากระซิกน้อยๆอย่างน่าสงสาร หน้าก็แดงเพราะไข้ “เธอใจร้าย เธอทิ้งฉันลงได้ยังไง...”
“ไม่ทิ้งซะหน่อย” อึนมีลงไปนอนกอดเขาเชิงง้อ “นายอยากให้ฉันหอมแก้มอีกมั้ย?”
“อยาก” เขาตอบแทบจะทันที “แต่ไม่จูบนะเดี๋ยวเธอติดไข้ฉัน”
“บ้าหรอ” อึนมียิ้มให้เขาก่อนจะทำตามที่เขาหอไปหนึ่งที... และ สองทีที่เห็นเขาทำหน้าอ้อนใส่เธอเหมือนอยากได้อีกและเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการเขาก็หยุดทำหน้างอแงและยิ้มหน้าบานทันที...
“ฉันคิดถึงเธออ่ะ” ดีโอพลิกตัวไปกอดเธอบ้าง ตัวของเขาร้อนจนอึนมีสัมผัสได้ “คืนนี้นอนด้วยกันนะ...นอนเฝ้าฉันนะ”
“นายนี่มันอ้อนได้น่ารักจนฉันปฏิเสธไม่ลงทุกรอบเลยนะ” อึนมีตอบ “แบคคยอนเองก็คงจะเป็นอย่างนั้น มันบ่นใหญ่เลยว่านายทำให้มันลำบาก”
“แบคคยอนปากร้าย” ดีโอพูด “แต่เขาก็ใจดี....เขายอมทำการบ้านแทนฉันยอมซักผ้าให้ฉันด้วย”
“นี่นาย” อึนมีตีเขาเบาๆ “นี่ใช้โอกาสแบบนี้แกล้งเพื่อนงั้นหรอดีโอ!”
“ช่าย” ดีโอยอมรับหน้าบานเขากอดเธอแน่นขึ้น “และฉันก็จะใช้กับเธอด้วย...เธอต้องนอนกับฉันคืนนี้ เข้าใจมั้ย”
“แล้วถ้าไม่ละ”
“ฉันจะร้องไห้...” เขาพูดเสียงสั่นๆและทำเหมือนจะร้องจริงๆ อึนมีรีบตอบตกลงก่อนน้ำตาเขาจะไหลอีกรอบ เธอขอเวลาไปอาบน้ำแต่งตัวซักแปปก่อนจะกลับมานอนกับเขาแต่เขาชิงหลับไปก่อนเธอซะแล้ว สงสัยคงเป็นเพราะยาแก้ไข้ อึนมีค่อยๆคลานขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เขาตื่นก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนหมอน...
“อึนมี” เลย์ที่จู่ๆก็บินผ่านเข้ามาทางหน้าตาแบบไร้ซุ่มไร้เสียงเขาทำให้เธอแทบจะกรี๊ดออกมาเพราะกลัวว่าจะเป็นผี “ตกใจอะไรฉันเองเนี่ย ผีที่ไหนจะหล่อขนาดนี้ละ” เลย์เดินเข้ามาหาเธอ “ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย “ลู่หานกำลังแย่...เธอต้องเข้าไปดูในฝันเขาว่าเขาเป็นอะไร วันนี้ฉันไปหาเขาเพื่อขอดูปานว่ามันชัดขึ้นมั้ย เขาก็ดูเหม่อลอยและเหมือนคนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว”
“จริงหรอค่ะ?”
“อื้อ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นผลข้างเคียงของการเป็นปีเตอร์แพนหรืออะไรหรือเปล่าน่ะสิ ลู่หานเป็นคนแรกด้วยที่รับรู้เรื่องทิงเกอร์เบลเพราะงั้นอาจจะเป็นไปได้สูงว่าเขาอาจจะไม่สบายเพราะเรื่องนี้”
“ได้ค่ะ ฉันจะลงไปในฝันเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
“พยายามหาสาเหตุให้ได้นะ”
“ค่ะ”
“ว่าแต่ทำไมต้องมานอนตรงนี้เนี่ย ฉันหาตัวเธออยู่นานเลยนะ” เลย์มองไปที่ร่างของดีโอ “เขาเป็นอะไรหรอ”
“แค่ไม่สบายน่ะค่ะฉันกะจะนอนเฝ้าเข้าเผื่อไข้ขึ้นอีก” อึนมีตอบ “ทำไมหรอค่ะ?”
“เปล่า” เลย์ปัดความไม่พอใจออกไป “งั้นขอให้เธอโชคดีนะ ฉันไปก่อนละมีธุระ”
ว่าเสร็จเขาก็บินออกทางหน้าต่างไปเงียบๆเหมือนที่เขามาทันที... อึนมีรีบลงไปนอนและขอพรให้เข้าไปในฝันชของลู่หานทันที... เมื่อลงไปในฝันของเขานั้นความรู้สึกหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้ามา
ฉากเดิมกับฝันครั้งที่แล้วของเขา เป็นฉากแม่น้ำยามค่ำคืนดูสงบและดูเงียบเหงาในเวลาเดียวกันดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่กำลังฉายแสงเด่นอยู่บนฟ้าทำให้ทั่วทั้งบริเวณนี้สว่างจนมองเห็นอะไรได้ชัดเจน ลู่หานนั่งอยู่ที่เดิม ใต้ต้นไม้ใหญ่และกำลังเหม่อลอยมองออกไปที่แม่น้ำเหมือนคนไร้วิญญานอย่างที่เลย์ว่า
อึนมีเดินเข้าไปหาเขาและเรียกสติเขา...
“พี่ลู่ค่ะ” แต่แค่ครั้งเดียวเขาก็หันมา...
จากนั้นน้ำตาเขาก็ไหลลงอาบแก้ม... ไหลลงมาเงียบๆ อึนมีตกใจเธอรีบลงไปนั่งข้างๆเขาและแตะไหล่เขาเบาๆด้วยความเป็นห่วง อาการเขาท่าจะหนักมาก...
“พี่เป็นอะไรค่ะ” อึนมีถาม “พี่ไม่สบายตรงไหนหรอ...พี่บอกฉันได้นะ”
“อึนมีหรอ...” ลู่หานถามทั้งๆที่เขาก็รู้จักเธอ “อึนมีจริงๆใช่มั้ย...ใช่เธอจริงๆใช่มั้ย”
“ค่ะฉันเอง...”
“อย่าบอกนะว่าฉันกำลังฝันอยู่” จู่ๆเขาก็พูดกับตัวเอง “...เจอกันในโลกความจริงไม่ได้ก็เลยเก็บมาฝันแบบนี้สินะ ทำไมฉันมันน่าสมเพชแบบนี้”
“พี่ลู่เป็นอะไร” อึนมีถามย้ำ “พี่ไม่สบายตรงไหนค่ะ?”
“พี่หรอ...” ลู่หานมองไปที่แม่น้ำอีกครั้ง “พี่สบายดี” น้ำตาเขายังไหล “พี่สบายดีทุกอย่างเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...”
อึนมีใจหายทันที...ลู่หานที่อึนมีรู้จักไม่ใช่ลู่หานคนนี้ เขาไม่เคยแสดงท่าทีที่อ่อนแอหรือด้านที่เจ็บปวดให้อึนมีได้เห็นแบบนี้มาก่อน และใช่ นี่คือความฝันถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่ลู่คานคนนี้ก็คือลู่หานคนเดียวกับที่กำลังนอนอยู่ในห้องของเขา... อึนมีแปลกใจเหลือเกินที่เขาร้องไห้และทำหน้าเหมือนไม่อยากจะทำอะไรนอกจากนั่งมองแม่น้ำ...
“พี่บอกฉันได้นะ” อึนมียังยืนยัน “ไม่ใช่สิ พี่ต้องบอกฉันนะ”
“บอกอะไร...” ลู่หานตอบเสียงเบา “ไม่มีอะไรต้องบอก...”
“ที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้ไง” อึนมีต่อ “พี่ร้องไห้เพราะอะไรค่ะ?”
“เพราะสงสารตัวเอง...” ลู่หานหันมามองเธอทั้งน้ำตา “พี่สงสารตัวเองที่เกิดมาโชคร้าย รักใครก็รักไม่ได้ อยากอยู่กับใครก็อยู่ไม่ได้ แถมยังอ่อนแอและทำใจไม่ได้อีก....”
“พี่ลู่...”
“เธอ...” จู่ๆเขาก็เหม่อลอยอีกครั้ง “เธอคืออึนมีใช่มั้ย...”
คราวนี้อึนมีเริ่มกังวลมากกว่าขึ้นกว่าเดิมแล้ว เหมือนสติของลู่หานจะเพี้ยนไป... เขาเหมือนคนที่มีสองบุคคลิกที่กำลังสับสนกับตัวเองสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนอึนมีปรับสภาพไม่ทัน แต่น้ำตาเขายังไหลลงเรื่อยๆ...
“เธอใช่อึนมีสินะ” ลู่หานจับแขนเธอแน่น “อึนมีพี่มีอะไรจะบอก” อยู่ๆเขาก็ทำหน้าจริงจังใส่เธอ “พี่ชอบเธอ ชอบเธอมากและอยากรักจะเธอด้วย” ซักพักเขาก็ร้องไห้และควบคุมตัวเองไม่ได้ “พี่...พี่สงสารตัวเอง” เขาสะอึกสะอื้น “พี่ไม่เคยสมหวังในความรักเลย...พี่รักเขาแต่เขาก็ทิ้งพี่ไป พี่รักเธอแต่เธอก็ไม่ตอบรับพี่” เขาร้องไห้และก้มหน้าหนีเธอ “อย่ามองพี่ตอนนี้...พี่มันอ่อนแอ...พี่มันปกป้องใครไม่ได้ พี่มันน่าสมเพช”
“ไม่หรอกพี่ลู่” อึนมีพยายามทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมา “คนเราก็มีด้านที่อ่อนแอกันทั้งนั้นแหละค่ะ...” เธอเลี่ยงประเด็นที่ลู่หานบอกรักเธอ...นี่คือความฝันไม่ใช่ความจริง
“แต่พี่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ” เขาเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง “พี่จะรักเธอจนกว่าเธอจะรับรักของพี่...ถึงพี่ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนถึงพี่จะต้องแลกด้วยอะไรพี่ก็จะยอม อย่างน้อยพี่ก็ได้สู้สุดกำลังของพี่” แล้วเขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น “แต่พี่...แต่พี่ก็กลัวเหลือเกิน...กลัวความเจ็บปวดที่ต้องเจอข้างหน้าเหลือเกิน...พี่รู้ดี...พี่เข้าใจทุกอย่างดีแต่พี่อยากลอง...อยากลองรักเธอซักครั้งถึงแม้มันจะเจ็บปวดในภายหลังก็ตาม” ลู่หานพูดออกมาหมด...ความในใจที่เขาอัดอั้นมานานเขาพูดมันออกมาหมดแล้ว แต่...แต่เขาพูดในความฝัน...
“ที่พี่ลู่เป็นแบบนี้เพราะฉันหรอค่ะ” อึนมีใจหายอีกครั้ง... และเธอเหมือนหายใจไม่ออก “ไม่เอานะค่ะ...อย่าเป็นแบบนี้ขอร้องได้โปรด” อึนมีจะร้องไห้ตามเขาไปแล้ว... “ฉันรู้ว่านี่คือความฝัน ฉันรู้ว่าฉันอาจจะเข้าใจผิดได้แต่ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริงฉันก็ไม่อยากให้พี่ลู่เป็นแบบนี้”
“เธอห้าม...” ลู่หานประคองหน้าเธอไว้ทั้งน้ำตา “เธอห้ามร้องไห้เด็ดขาด...ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองถ้าเธอร้องไห้เพราฉัน”
อึนมีกลั้นน้ำตาไว้และมองเข้าไปในดวงตาของเขา...ดวงตาที่โศกเศร้าแต่ลึกๆนั้นมีความหวัง...
“ถ้านี่คือความฝันจริง” ลู่หานเริ่มตั้งสติได้ “ฉันก็ขอทำอะไรที่ฉันอยากจะทำ พูดอะไรที่ฉันอยากพูด...จะได้มั้ย?”
อึนมีไม่ตอบเธอรอดูว่าลู่หานจะพูดอะไร....แต่เขาไม่พูด
เขาโน้มตัวลงจูบเธออย่างแผ่วเบาน้ำตาของเขาสัมผัสกับใบหน้าเนียนของเธอความโศกเศร้าเสียใจของถูกส่งผ่านรอยจูบจากเขาไปจนหมด...อึนมีรับรู้ได้ถึงความรักที่ลู่หานมีให้เธอ เธอกอดเขาแน่นและยอมให้ลู่หานทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ...ทำทุกอย่างที่เขาอยากทำในความฝันของเขาแห่งนี้...
ลู่หานคลายริมฝีปากออกช้าๆก่อนจะปัดน้ำตาเขาที่เลอะหน้าเธอออกเบาๆ... เขาหยุดร้องไห้แล้วน้ำตาของเขาหายไปหมดแล้ว รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและอ่อนโยนของลู่หานกลับมาแทนที่แล้ว อึนมีดีใจจนยิ้มแก้มป่องก่อนจะซุกเข้าไปที่อกของเขาด้วยความโล่งอก ลู่หานกอดเธอแน่นขึ้นและจูบผมเธอด้วยความรัก...
“พี่รักเธอได้ยินมั้ย” ลู่หานกระซิบข้างหูเธอ “ไม่ว่าเธอจะรักพี่หรือไม่รักนั่นก็เรื่องของเธอ...แต่เรื่องของพี่คือพี่รักเธอแล้ว และจะถอนตัวออกไปไม่ได้ด้วย”
อึนมีไม่มีคำตอบให้เขา... เธอได้แค่ฟังและคิดเงียบๆ เงียบจนเผลอหลับไปในอ้อมกอดเของเขา...
เธอตื่นมาอีกทีในโลกความจริง ตอนนี้เช้าแล้วดีโอยังไม่ตื่นอึนมีแตะหน้าผากเขาปรากฏว่าไข้หายสนิท เธอค่อยโล่งไปอีกหนึ่งเรื่อง อึนมีรีบลุกออกจากเตียงและเดินกลับไปที่ห้องตัวเองก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวและกดโทรหาลู่หาน...
ความฝันกับความจริงมันละโลกแต่เรื่องลู่หานเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกว่าเขา...ว่าเขานั่นรักเธอจริงๆ... บางทีเขาอาจจะต้องการคำตอบจากเธอ บางทีเขาอาจจะกำลังร้องไห้เหมือนที่เขาเป็นในความฝัน... อึนมีใจร้อนจนต้องออกเดินทางไปหาเขาถึงที่บ้านเพราะเราไม่รับโทรศัพท์ในสายแรก...
เมื่อไปถึงบ้านแม่ของลู่หานก็เดินสวนออกมาพอดี เธอบอกว่าลู่หานอยู่ในห้องเป็นอะไรไม่รู้หลายวันแล้วแม่เขาฝากให้เธอดูแลแทนด้วย จากนั้นแม่ลู่หานก็เดินจากเธอไป...
อึนมีเดินขึ้นไปบนห้องลู่หานและเคาะเรียกเขา...
“พี่ลู่...ฉันอึนมีค่ะ”
ลู่หานแง้มประตูนิดนึงและลอดสายตาส่องเธอผ่านออกมาก่อนจะยิ้มให้เธออย่างสดใส...
“มีอะไรถึงได้มาหาพี่ถึงบ้านเนี่ย” ลู่หานเปิดประตูกว้างและบอกให้เธอเข้ามา... “เรื่องภารกิจที่มหาลัยหรือเปล่า?”
อึนมีแปลกใจมาก...มากๆที่ลู่หานไม่ได้จะเป็นจะตายเพราะเธอเหมือนในความฝัน ลู่หานในโลกความจริงก็คือลู่หานลุงรหัสของเธอคนเดิม...ไม่เหมือนลุ่หานในความฝันเลยซักนิด...แน่ละ ความฝันกับความจริงมันใช่เรื่องเดียวกันทีไหน... อึนมีแอบโล่งใจที่เห็นเขาร่าเริงดีแต่เธอก็ผิดหวังเล็กน้อยเพราะเธอแอบคิดไปไกลแล้ว...
“เอ่อ... เปล่าค่ะ” อึนมีตอบ “ฉันรู้สึกว่าพี่เป็นอะไรก็เลย...ก็เลยมาหา”
“อื้อพี่เป็น” ลู่หานยิ้ม “แต่พอเห็นเธอมาหาก็หายแล้วละ”
“แล้วพี่...เป็นอะไรหรอค่ะ”
“อกหักน่ะ” ลู่หานตอบสบายๆ “อกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกรัก” เขาหัวเราะ “อย่าเครียดเลย ว่าแต่มาหาพี่เพราะเรื่องแค่นี้หรอ?”
“...เอ่อ...มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้สิค่ะ” อึนมีลังเล... “ฉัน...ฉันขะ-เข้าไป...เข้าไปใน—อ๊ะ!”
ไม่ทันที่เธอจะบอกเขาจบประโยค เขาก็จู่โจมเธอด้วยการเข้าไปกอดแบบรุนแรงจนทั้งสองล้มลงไปบนเตียงนุ่มทันที ลู่หานหัวเราะอย่างสนุกสนานและคลานไปคร่อมตัวเธอห่างๆไว้...
“พี่มีอะไรจะบอกเธอ...แต่ไม่ใช่วันนี้เพราะงั้นเรื่องที่เธอจะบอกพี่...ก็ไม่ใช่วันนี้เช่นกัน” ลู่หานบอก “แต่ตอนนี้” เขายิ้ม “พี่อยากทำอะไรสนุกๆกับเธอก่อน”
“พี่ลู่!” อึนมีร้องตกใจ
ลู่หานหัวเราะลั่นก่อนจะช่วยเธอลุกขึ้นออกจากเตียง “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย คิดลึกนะเราเนี่ย”
“ละ-แล้วอะไรละ!”
“ไปเล่นเกมกัน...เพิ่งไปซื้อเกมใหม่มา ไปเล่นกับพี่นะ...พี่อยากอยู่คุยกับเธอนานๆ”
“แต่วันนี้มีกิจกรรม--”
“ไม่ต้องไป” ลู่หานควงแขนเธอไว้แน่น “บอกว่ามีรุ่นพี่ปีสามสุดหล่อสั่งไม่ให้เธอไป...ใครหน้าไหนก็ว่าไม่ได้หรอก กิจกรรมอะไรนั่นขาดเธอไปซักคนก็ไม่มีไรเกิดขึ้นหรอกเชื่อพี่เถอะ วันเดียวเองนะ”
“ทำไมพี่ลู่สอนน้องแบบนี้ละ”
“ก็พี่ลู่อยากอยู่กับน้องมากนี่นา” ลู่หานพิงไหล่เธออ้อนๆ “ก็พี่คิดถึงเธอจนหายใจไม่ออก...” น้ำเสียงเขาดูอึกอักเล็กน้อยเมื่อเขาต้องย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา...
ช่วงเวลาที่เขามัวแต่คิดและทบทวนเรื่องของเธอ ช่วงเวลาที่เขาคิดว่าเขานั่นอาจจะแพ้...แต่พอได้เห็นหน้าเธอวันนี้เมื่อกี้และตอนนี้ คำว่าอยากอยู่กับเธอให้มากที่สุดเท่าจะทำได้สำคัญกว่าคำว่าแพ้ของเขาอีก...
(โบนัส)
ช่วงเวลาที่กำลังเล่นเกม...
“ใครแพ้ต้องโดนคนชนะหอมแก้ม” ลู่หานตั้งกติกาที่ดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เขายิ้มเจ้าเล่ให้เธอ “และเจ้าของเกมมีสิทธิ์หอมแก้มผู้เล่นคนอื่นได้หนึ่งครั้ง...พี่ขอใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”
แล้วเขาก็โน้มไปจูบแก้มเธอเบาๆก่อนจะหัวเราะชอบอกชอบใจ ยิ่งเห็นหน้าเธอไม่พอใจเขาก็ยิ่งอยากจะชนะเกมนี้ให้ได้ทุกตา... สุดท้ายแล้วลู่หานก็ชนะเธอจริงๆ เขาชนะไปสิบสองตา...
แก้มเธอข้างละหกครั้ง...
“ไม่เล่นด้วยแล้ว!” เธอบอกงอนๆ “ถึงฉันชนะฉันก็ไม่หอมพี่หรอก เชอะ คนอะไรขี้โกงเดี๋ยวแก้มฉันก็ย้วยก่อนวัยพอดี”
“เอ่าหน่า” ลู่หานบอก “อีกตาละกันนะ...นะจ๊ะ”
“ไม่เล่นแล้ว!”
ช่วยเรียงลำดับความชอบของหนุ่มๆจากมากไปน้อยด้วยค่ะ
ตัวอย่าง เลย์>ชานยอล>ดีโอ>ลู่หาน>คริส
ความคิดเห็น