คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ความลับของคริส
“จำไว้นะซินเว อย่าไปสนใจอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้” ดีโอสั่งเด็ดขาดกับคู่หูตนเองระหว่างนั่งรออาหาร
มีร้านอาหารเล็กๆสองสามร้านอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ของหอพักนี้ สองสามวันมานี้ไม่ค่อยมีลูกค้าสักเข้าร้านซักเท่าไหร่เพราะเหตุการณ์ฆ่ากันตายนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วหอพักจนคนในหอหวาดหวั่นที่จะอาศัย พวกเขาไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ถ้าเกิดยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหอบผ้าหอบของไปนอนบ้านญาติหรือเพื่อนๆแก้ปัญหาไปก่อน...
“ทำไมละ?” ซินสงสัย “ถึงจะพิสูจน์ไม่ได้ ก็ใช่ว่าเราจะไม่ได้ยินหรือมองไม่เห็น...” เธอจ้องดีโอลึกเข้าไปในสายตาเขา “แล้วทำไมนายถึงต้องทำเหมือนว่าสิ่งเหล่านั้น...ไม่สิ ทำไมนายถึงคิดว่า ’พวกเขา’ เป็นตัวอันตรายด้วยล่ะ? ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาจะฆ่าใครเลย...มีแต่หลอกหลอนเท่านั้น คนต่างหากที่ฆ่าคนกันเอง...”
ดีโอมองตาซินเวกลับไปและไตร่ตรองอยู่นานว่าเขาจะพูดตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมกับเธอเลยดีไหม...
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ “ฉันเจอผีตัวนึง ผีตัวนั้นชื่อ คริส และดูท่าทางไม่น่าไว้ใจเลยซักนิด”
“นายเห็นด้วยหรอ!” ซินเวตื่นเต้นทันที ระหว่างนั้นก็เด็กหนุ่มที่ทำงานอยู่ในร้านนี้เดินมาเสิร์ฟอุด้งกับราเม็งให้ทั้งสองคน “ทำไมนายไม่บอกฉัน! หรือว่าเสียงที่ฉันได้ยินคือเสียงของเขา?! เสียงของคริสใช่มั้ย?!”
ดีโอถอนหายใจเพื่อคลายความหงุดหงิดที่จู่ๆถาโถมเข้ามาโดยไร้สาเหตุ เขาหักตะเกียบออกจากกันแล้วจ้วงลงไปในอุด้ง “ใช่! เสียงหมอนั่นแหละ แต่มันไม่ได้มาดีแน่ๆฉันสัมผัสได้!”
“ไม่จริง!” ซินเวยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก “นายไม่ใช่เจนยานทิพย์นะ นายสัมผัสไม่ได้หรอก! แต่นายเห็นเขาจริงๆใช่ไหม? เขาเป็นไง? ฉันหมายถึงเขาเป็นผีที่น่ากลัวหรือเปล่า? แบบเลือดอาบทั้งตัวหรือว่าแค่ตัวโปร่งๆ?”
“เลือดอาบทั้งตัวเลยล่ะ!” ดีโอใส่อารมณ์ “หน้าตานี่สยอสยองมีรอยไหม้เต็มไปหมด ครึ่งล่างขาก็ขาด แขนก็แหว่ง ตาข้างนึงก็โบ๋เหมือนโดนจ้วงน่ะ”
“ตายจริง...” ซินเวเริ่มกลัวและเริ่มเบี่ยงเบนความคิดที่ว่าดีแล้วที่เธอได้ยินแค่เสียงเขา “เขา...เขาไปโดนอะไรมาน่ะ...แบบว่าเป็นอะไรถึงตาย”
“ฉันจะไปรู้หรอ” ดีโอซดอุด้งเข้าปากด้วยความรู้สึกดีเล็กน้อย “เธออย่าไปสนใจให้มากเลย รีบๆกินเราจะได้ไปสืบคดีต่อ เอ้อ...เด็กหนุ่มสองคนที่ชื่อ แบมแบม กับ แจ็คสัน น่าจะมีเบาะแสอะไรอีกเราต้องสอบปากคำพวกเขาอีกครั้ง...ฉันรู้สึกแปลกๆกับเรื่องเล่นซ่อนหาของพวกเขาน่ะ”
“อย่าไปอะไรมากกับเด็กเลยดีโอ” ซินเวว่าพลางหันไปสนใจราเม็งตรงหน้าบ้าง “สองคนนั้นอาจจะเป็นเครื่องมือของคนร้ายก็ได้ และนั่นก็แปลว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนร้ายนะ นายอย่าเอาพวกเขาไปเชื่อมโยงด้วยเลย เป็นแค่ตัวแปรเฉยๆเท่านั้นเอง”
“เธอก็คิดแบบนี้ตลอด!” ดีโอขึ้นเสียงทั้งๆที่อุด้งเต็มปาก “คดีครั้งที่แล้วเธอก็สงสารหมา บอกว่าหมาเป็นแค่สัตว์เลี้ยงๆ สืบไปสืบมาเป็นไงละ! หมานี่แหละคือตัวที่ฆ่าคนตายน่ะ!”
“มันถูกฝึกโดยฆาตกรอีกทีต่างหาก!” ซินเวเถียงด้วยราเม็งเต็มปากเช่นกัน “หมามันไม่รู้หรอกว่ามันทำอะไรลงไป! มันแค่ทำตามคำสั่งเจ้านายของมันเท่านั้น! มันคิดว่ามันทำแล้วเจ้านายจะรักมัน! มันไม่ผิดนะ!”
จู่ๆดีโอก็หัวเราะซะงั้น
“ขำอะไรยะ!” ซินเวเหว “ฉันมันใจอ่อนกับพวกเด็กๆและหมาแล้วไง? ฉันผิดหรอ? ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครซะหน่อย!”
“นี่รู้อะไรไหม?” ดีโอยังยิ้มขำ “ที่เธอเป็นแบบนั้นแหละ ถึงทำให้ฉันมองเห็นปัจจัยหลายๆที่ไม่น่าจะเป็นไปได้... เธอน่ะเก่งและฉลาดในเรื่องวิเคราะข้อมูลและแยกแยะ แต่เธออ่อนแอในเรื่องอ่อนไหว เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปนั้นแหละ...ใจอ่อนกับพวกเด็กๆและสัตว์เลี้ยง กับของน่ารัก...”
“และกับนายด้วย” จู่ๆเธอก็แทรกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “เผื่อนายยังไม่รู้ ฉันเองก็ใจอ่อนกับนายนะดีโอ”
“หือ?...” ดีโอหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย หยิบน้ำมาดื่มแก้ร้อนซักหน่อย “หมายความว่าไง?”
“ช่างเถอะ” เธอเบี่ยงเบนกะทันหันและก้มไปซดราเม็งต่อ
“ยังไงเล่า?” ดีโออยากรู้แต่ก็ไม่กล้าถามเซ้าซี้เท่าไหร่ มันไม่ใช่แนวของเขา... “ไม่เล่าก็แล้วแต่เธอละกัน...”
“ไม่อยากรู้จริงๆหรอ?” ซินเวตอบกลับมาแบบที่หน้าไม่ได้เงยขึ้นมาจากถ้วยราเม็ง “นายมันก็เป็นไอซื่อบื้อเหมือนพวกผู้ชายทั่วๆไปนั่นแหละเนอะ...”
“หมายความว่าไง” ดีโอจ้องเธอซดเส้นราเม็งเขม็ง อารมณ์เหมือนโดนด่าแต่ทำไมรู้สึกดี เขาปิดรอยยิ้มบนในหน้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ... “โอเค ไม่เล่าก็ได้...งั้นก็รีบๆกินซะได้ไปทำงานต่อ”
“ค่า นักสืบดีโอ”
“อุ้ย นักสืบดีโอ” เสียงของสาวประเภทสองนางนึงแทรกเข้ามาเกือบๆจะพร้อมกับเสียงของซินเว... เจ๊แบคนั่นเอง เจ๊เทาก็มาด้วย “มาทานข้าวกันที่นี่หรอคะเนี่ย?”
“ถ้าเห็นแบบนั้นแล้วจะถามผมอีกทำไมครับ? จะให้ผมตอบว่า เปล่าฮะ กำลังกินกันที่ห้องส้วมฮะ แบบนี้หรอครับ?” ดีโอสวนกลับไปหน้าตายทันที ซินเวแอบเตะขาเขาใต้โต๊ะเพื่อตักเตือนเรื่องมารยาท
เจ๊เทาสพรึงกับประโยคแดกดันของดีโอจนหน้าเสียและเริ่มเธอไม่ชอบขี้หน้าหล่อๆของนักสืบคนนี้นิดหน่อยแล้ว แต่เจ๊แบคกลับหัวเราะคิกคักแก้เก้อและคิดว่านั่นคือประโยคหว่านเสน่ของคนหนุ่มสมัยนี้...
“ดีใจที่คุณนักสืบตอบฉันยาวๆกลับมาจริงๆค่ะ” เจ๊แบคว่าไปยิ้มไป “บังเอิญว่าพวกเราสองคนก็กำลังจะหาอะไรกิน ขอนั่งด้วยคนได้ไหมจ๊ะ” เธอหันไปถามซินเวเพราะรู้ว่าดีโอไม่ยอมให้นั่งด้วยแน่นอน...
“เชิญเลยค่ะๆ” ซินเวรีบตอบ “มีที่ว่างอีกเยอะแยะ โต๊ะออกจะใหญ่โต”
“ขอบใจจ๊ะ” เจ๊แบคนั่งลงตรงเก้าอี้ว่าง ส่วนเจ๊เทาเดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามข้ามเจ๊แบคและไม่ลืมที่จะลากเก้าอี้อีกตัวมาใกล้ๆด้วย...
ซินเวเห็นเก้าอี้ว่างๆนั้นก็เกิดอาการสงสัย “มากันกี่คนหรอคะ?” เธอถามซื่อๆ
เจ๊เทาจะตอบแล้วว่าคือผีฮุนนี่ แต่โดนเจ๊แบคสะกิดขาไว้ทันเจ๊เทาเลยเปลี่ยนประเด็นแถไปเป็นอีกเรื่อง “พอดีเป็นคนขี้เหงาน่ะค่ะ...แบบว่าอยากให้มีใครมาคอยหนุนหลังอยู่ตลอดเวลา มันติดมาตั้งแต่เด็กๆแล้วน่ะค่ะ ฮะๆๆๆ”
เจ๊แบคช่วยเจ๊เทาหัวเราะนิดหน่อยพลางส่งสายตาไปห้ามอีฮุนไม่ให้เผยตัวตนออกมาตอนนี้ ไม่อยากอธิบายอะไรยาวเหยียดตอนนี้
ซินเวทำหน้าเข้าใจถึงยังข้องใจไม่หายเธอเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกับเจ๊เทาเพื่อป้องกันความอึดอัด...
ซินเวเป็นคนอัธยาศัยดี เธอเปิดใจกว้างรับได้ทุกเรื่องและทุกเพศ เธอคิดว่าความแตกต่างบนโลกใบนี้คือสิ่งที่สวยงาม มันทำให้มนุษย์เรายอมรับซึ่งและกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขบนความหลากหลาย...
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของดีโอก็ดังขึ้นมา เขาจึงขอตัวออกไปคุยตรงพื้นที่ไกลๆมุมนึงของร้าน
ผีฮุนนี่คิดสนุกเลยเดินตามดีโอไป เจ๊แบคอารมณ์ขึ้นแต่ก็ตะโกนแหกปากบอกให้มันนั่งที่เดิมไม่ได้ ส่วนเจ๊เทาก็คุยกับซินเวไม่รู้เรื่องเลยว่าผีฮุนนี่มันจะไปเต๊าะนักสืบดีโอ... แต่ดีที่เด็กหนุ่มพนักงานเสิร์ฟมายื่นเมนูให้เธอซะก่อน ความหล่อของเด็กหนุ่มทำให้เธอสับสนเล็กน้อย ไม่รู้จะดูเมนูหรือดูอะไรดี...
“นายว่าอะไรนะ?” ดีโอพูดสายกับทีมงานสืบสวน “มีคนทิ้งข้อความลึกลับไว้ที่ทะเลสาบหลังหอพักหรอ? โอเค...รู้แล้ว ดีมาก นายจัดการให้ทีเดี๋ยวฉันจะรีบตามไป” ดีโอกดวางสายไปรีบๆก่อนจะหันกลับไปเพื่อเดินที่โต๊ะแต่ก็ต้องชะงักและสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอร่างผีฮุนนี่ดักไว้อยู่ข้างหลัง แถมใกล้ชิดซะเกือบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะคุณนักสืบ” เสียงเย็นๆลอยออกมาจากปากเธอ เธอยังฉีกยิ้มกว้างให้เขา “ฉันรู้ว่าคุณมองเห็นฉันตั้งแต่แรกแล้ว แปลกดีนะคะ ทั้งๆที่ฉันอำพรางตัวเองจากสายตาคนอื่นไว้แต่ดันใช้ไม่ได้กับคุณซะนี่... แบบนี้หมายความว่าไงคะ? คุณไม่อยากเป็น’คนอื่น’ของฉันหรือเปล่า?”
ดีโอถอยไปสองก้าวและรวบรวมสติ “อย่ามาแกล้งผมเลย คุณตั้งใจเผยตัวตนให้ผมเห็นตั้งแต่แรกต่างหาก”
“โอะ ไม่นะคะ” ฮุนนี่ตอบจริงๆ “ฉันอำพรางตัวเองจริงๆนะ...ไม่ได้ตั้งใจจะให้เห็นจริงๆ”
“ผมเคยโดนผีตัวอื่นอำคล้ายๆแบบนี้มาแล้ว” ดีโอตอบเสียงแข็ง “หลีกไปครับ ผมไม่มีเวลามาพูดคุยกับสิ่งที่ไม่มีตัวตนอย่างคุณ” เขาก้าวเท้าออกไปอีกด้านนึงเพื่อหลบร่างของฮุนนี่
“เดินผ่านตัวฉันไปก็ได้!” ฮุนนี่รู้สึกน้อยใจเล็กน้อยที่ดีโอพูดตรงๆแบบนั้นกับเธอ “ฉันมันไม่มีตัวตนนี่! เดินผ่านก็ทะลุอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”
ดีโอถอนหายใจและมองหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ของเธอ “คุณมีความรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ คุณตายไปแล้ว สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่คุณจำได้จากความทรงจำเท่านั้น ว่าเมื่อเศร้าต้องร้องไห้ เมื่อโกรธต้องทำลาย แต่คุณไม่รู้สึกจริงๆหรอกว่าเศร้ามันเป็นยังไง โกรธมันเป็นยังไง...คุณตายไปแล้ว”
ฮุนนี่น้ำตาไหลแล้ว ปากเธอสั่นริกๆ “นายไม่เคยตายนายไม่รู้หรอก! ผีก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์นั้นแหละ! ว่าแต่นายเถอะ...ใช่มนุษย์จริงๆหรือเปล่า? ทำไมถึงพูดจาโหดร้ายกับใครต่อใครแบบนี้ได้อย่างสบายใจเฉิบ? นายทำยังกะพูดเล่นกับแมวอย่างนั้นแหละ! เพราะอะไรมั้ย? แมวน่ะมันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ด่ามัน มันก็ไม่รู้สึก บอกรักมัน มันก็ยังไม่รู้! แต่ฉัน...ถึงฉันจะเป็นผีแต่ก็เข้าใจภาษาคนนะ! ฉันมั่นใจด้วยว่าฉันยังรู้เศร้าและโกรธได้ดี!”
“หยุดเถอะ” ดีโอถอนหายใจ “ผมมีเรื่องต้องสะสางอีกเยอะแยะ”
“และฉันมั่นใจด้วยว่า!” ฮุนนี่ยังไม่ยอม เธอจ้องตาดีโอเขม็ง “มั่นใจว่ารักมันเป็นยังไง...” เธอมองตาดีโอแปลกไป “คำว่ารักข้างเดียวฉันสัมผัสมันได้ตลอด...”
“พูดเรื่องอะไร” ดีโอชักขนลุก
“ก็พูดถึงเรื่องรักข้างเดียวไง ฉันสัมผัสได้...สัมผัสได้ตั้งแต่นายเดินเข้ามาในชี--”
“คุณไม่มีชีวิตแล้วนะ!” ดีโอพูดเสียงดังจนซินเวหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น “อย่ามาเล่นตลกกับผม!” แล้วเขาก็เดินผ่าตัวฮุนนี่ไป
ผีฮุนนี่ก็ดราม่ากระจาย อารมณ์นักแสดงเข้าสิง เมื่อดีโอเดินผ่านทะลุตัวเธอไป เธอก็กุมหน้าอกตัวเองข้างซ้ายไว้ด้วยความปวดร้าวเหมือนมีใครมาทะลวงหัวใจเธอและหยิบมันออกไปจากอก... เธอทำเหมือนหายใจไม่ออกทั้งๆที่ไม่ได้หายใจมานานแล้ว... เธอมองหน้าเจ๊แบคเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ได้แค่นิ้วกลางกลับมา ส่วนเจ๊เทานั่นก็ตกใจในช่วงแรกแต่พอคิดไปคิดมา อีนี่คงจะเป็นเอามากไปเอง...
สิ่งที่ดีโอพูดกับผีฮุนนี่ออกมานั้นมันก็จริงนะ แต่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นเสมอไป
ผียังมีความรู้สึก ทั้งรัก แค้น โกรธ และ อิจฉา ผีมีแต่ผีไม่ได้มีชีวิตแล้ว... บางอย่างที่ผีรู้สึกอาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป...
ณ ทะเลสาบหลังหอพัก
ทันทีที่ซินเวมาถึงเธอก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกเล็กน้อย เหมือนมีอะไรบางอย่างบล็อกท่อหายใจของเธอทำให้หายใจลำบาก... ดีโอไม่ทันได้สังเกตอาการของเพื่อน เขาสนใจหลักฐานที่เพิ่งโผล่ขึ้นมามากกว่า
มีใบไม้แห้งๆหลายใบลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำของทะเลสาบและมันลอยไปลอยมาเคลื่อนไหวไปตามแรงลม...แต่มันเคลื่อนกันไปเป็นกลุ่ม มันเกาะกลุ่มและมันสามารถอ่านออกมาได้ ใบไม้เหล่านั้นถูกใครซักคนวางเรียงมันเป็นตัวอักษรที่แปลเป็นภาษามนุษย์ได้ว่า
คืนนี้...ฉันจะมา...
ตุ้บ!
ร่างของซินเวล้มลงไปบนพื้นและเธอนอนหายใจถี่เหมือนคนเป็นโรคหอบอยู่บนพื้น
ดีโอถลาเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างเธอด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด “ซินเว! เธอเป็นอะไร!” เขาไม่รอช้าที่จะช่วยเธอหรือไม่รอให้เธอตอบ เขาช้อนร่างเธอขึ้นมาในอ้อมแขนและกระชับให้เธอมั่นคงในอ้อมกอดของเขาก่อนจะออกตัววิ่งออกไปจากป่านี้ คิดได้อย่างเดียวคือพาเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
แต่ยิ่งวิ่งทางออกกลับยิ่งไกล และเมื่อวิ่งไปเรื่อยๆดีโอกลับเจอร่างตัวเองอยู่ท่ามกลางป่าที่ไม่คุ้นตา
เขาโกรธและโมโหมาก “นี่เล่นตลกอะไรกับฉันอีก!! เธอกำลังแย่นะ!!”
เขารู้ว่าไม่ได้พูดคนเดียวและเขารู้ว่าเขาไม่ได้บ้า... ต้องเป็นฝีมือของเขาคนนั้นแน่นอน...
“ออกมาสิวะ!! ออกมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง!!”
วูบ... เสียงอะไรบางอย่างลอยผ่านหูดีโอไป
เขาหันหลังไปมองทันทีและปรากฏว่าใช่ คริส ยืนเผชิญหน้ากับเขาอยู่ แถมทำท่าเหมือนกำลังขอร่างของซินเวจากอ้อมแขนเขาอีกต่างหาก
“ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ฉันต้องรีบพาเธอส่งโรงพยาบาล!”
ซินเวยังหายใจถี่ไม่หายและเดาได้เลยว่าเธอไม่รู้สถานกาณ์ในตอนนี้...
“หมอช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก” คริสอธิบายด้วยสีหน้านิ่งและดูใจเย็น “นอกจากว่านายจะไปหาหมอผี...ส่งเธอมาให้ฉัน ฉันช่วยเธอได้”
“ไม่!!” ดีโอตะคอกกลับไปแทบจะกลบเสียงหลังของคริสหมด “แกทำให้เธอเป็นแบบนี้ใช่มั้ย! เพราะงั้นแกถึงมั่นใจว่าแกแก้มันได้น่ะ! ไออีสารเลว!!”
“ฉันไม่ได้ทำ!” คริสเสียงดัง “ส่งเธอมาให้ฉัน ไม่งั้นเธอจะแย่กว่านี้นะ!” คริสสะบัดแขนตัวเองที่ยื่นออกมาพร้อมจะรับตัวเธอ
“แล้วทำไมฉันต้องเชื่อแก!” ดีโอรู้สึกสับสน ทั้งโมโหคริสและก็โกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ตอนนี้... ใจนึงก็อยากให้ซินเวปลอดภัยอีกใจนึงก็กลัวว่าคริสมันจะเป็นผีสารเลวอย่างที่เขาคิดไว้...
“สิ่งคำสัญตอนนี้คือช่วยเธอนะ!” คริสเหมือนจะเดาใจดีโอได้ “ใช่ ฉันอาจจะทำให้เธอเป็นแบบนั้นและใช่! ฉันสามารถทำให้เธอหายได้ เพราะงั้นส่งเธอมาให้ฉันซะ ฉันเลวหรือยังไงก็ไว้คิดทีหลัง ตอนนี้คือช่วยเธอก่อนเข้าใจมั้ย!!”
ดีโอจ้องตาคริสอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาต้องรู้สึกผิดมากแน่ๆถ้าคริสมันฉวยโอกาสครั้งนี้ทำร้ายเธออีก แต่เขาจะเสียใจมากกว่านี้ถ้าบังเอิญว่าเธอเป็นอะไรไปเพียงเพราะเขาไม่ยอมเชื่อใจคนที่สามารถช่วยเธอได้ตอนนี้...
“เร็วๆสิ!!” คริสเร่ง
“ก็ได้!!” ในที่สุดเขาก็ยอมกัดฟันมอบร่างของซินเวไปอยู่ในอ้อมแขนของคริส
คริสไม่รอช้าเขารับเธอมาอย่างนุ่มนวลก่อนจะวางร่างที่หอบหนักของเธอไว้บนพื้นอย่างแผ่วเบา “ไม่เป็นไรนะ...ฉันจะช่วยเธอเอง” คริสลูบผมเธอเชิงปลอบโยนก่อนจะคว้ามือเธอไว้และหลับตาลง...
ดีโอจ้องพวกเขาสองคนไม่วางตา...
สิ่งที่ซินเวรับรู้ตอนนี้ก็คือ...
เธอกำลังจมน้ำอีกแล้ว... เหมือนที่เธอฝันครั้งนั้น น้ำเข้าปอดและเธอหายใจไม่ออก ตาเบิกโพลงด้วยความทรมานและหวาดกลัว...เธอสัมผัสได้ถึงคำว่าตายที่ใกล้เข้ามาหาเธอเรื่อยๆ...
เธอพยายามว่ายน้ำขึ้นไปแต่ดูเหมือนมันไม่ได้ผล... นั่นก็เพราะผีสาวร่างซีดตัวนั้นกำลังจับขาเธออยู่เบื้องล่าง
เธอทั้งกลัวและต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ... เธอสัมผัสได้ถึงมืออันเย็นเฉียบที่กำลังจับข้อเท้าเปล่าของเธอไว้แน่น ซินเวมองลงไปที่ร่างของผีตนนั้นเบื้องล่างปรากฏว่ามันคล้ายกับศพของบุษบาเพียงแต่ว่าซีดกว่าและหน้าตาดูอิดโรยกว่า...
เธอทำใจกล้าสะบัดขาออกแรงๆแต่น้ำทำให้ร่างกายเธอขยับไม่สะดวก แรงที่เธอสะบัดทำอะไรไม่ได้กับมือของผีตัวนี้เลย...
เธอเงยหน้ามองข้างบนมองเห็นแสงอาทิตย์อยู่ไกลๆ
น้ำเข้าปอดเธอมากขึ้นเรื่อยๆ...ตาเริ่มเบลอและสติเลือนลาง...
ทุกๆอย่างดำมืด...
และเธอรู้สึกเหมือนร่างกำลังดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเล...
แต่แล้วเธอก็รู้สึกถึงความหวัง... แต่แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนปอดเริ่มมีพื้นหายใจ... เธอหายใจได้แล้ว เธอรู้สึกถึงชีวิต สติกลับมาอีกครั้งและเธอสามารถลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้งเช่นกัน...
ร่างของเธอยังดำดิ่งลงไปใต้มหาสมุทร...แต่ไม่ใช่แค่ร่างของเธอคนเดียว
ใครคนนึงกำลังดิ่งไปเป็นเพื่อนเธอ...เขาคนนั้นกำลังส่งออกซิเจนในร่างกายของเขาให้กับร่างกายของเธอโดยการส่งผ่านปากและริมฝีปาก เขาหลับตาพริ้มและซินเวมองเห็นขนตาที่สง่างามนั้นได้อย่างชัดเจน เธอพยายามมองใบหน้าเขาแต่มันทำไม่ได้เพราะหน้าเธอกับเขาแนบชิดจนตาเธอมองเห็นแค่เปลือกตาเรียวยาวของเขา...
เธอเริ่มสัมผัสถึงชีวิตมากขึ้นและอุณหภูมิในตัวเริ่มกลับมาปกติ สมองแล่นเร็วแบบเดิมสายตามองเห็นชัดแจ๋ว ความรู้สึกกลับมาเกือบจะครบแล้ว
ทันในนั้นเองเธอก็สะดุ้งสุดตัวและสำลักอย่างหนักออกมา...
เธอกลับมาอยู่ตรงลานจอดรถหลังหอพัก... เธอมองเห็นทะเลสาบอยู่ไกลออกไปตรงหน้า และเธอสัมผัสได้ถึงมือที่กำลังหนุนหลังเธออย่างเป็นห่วง...
ดีโอประคองร่างเธออยู่และสีหน้าเขาดูคลายกังวลมาก
“ดีโอ...” ซินเวพยายามพูด “ฉัน...ฉันเป็นอะไร”
ดีโอลังเลอยู่แปปนึงก่อนจะเล่าสั้นๆ “เธอคงจะเหนื่อยจนหมดสติไปน่ะสิ...แต่ฟื้นแล้วคงไม่เป็นไร”
คืนนั้นเอง...
เจ๊ลู่ก็โดนผีบุษบาอำ
หลังจากที่ร่างของบุษบากระโดดลงไปจากหน้าต่างห้อง เจ๊ลู่ก็มองเห็นตัวอักษรที่เขียนด้วยน้ำบนเพดานห้องว่า
ฉันฆ่าตัวเอง...
“เกร้ดดดดดดดดดดดดด” เธอกรีดร้องสุดเสียงเมื่อหายจากการโดนอำ “อ๊ากกกกกกกกกกก” แหกปากให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อีเจ๊ลู่!!” เจ๊หมินที่นอนอยู่เตียงข้างๆสะดุ้งตื่นขึ้นมาและรีบถลาไปดูอาการเพื่อนที่นอนคลุมโปงและสั่นริกๆอยู่ใต้ผ่าห่มทันที “มึงเป็นอะไร! เมนมึงมาหรอ! หรือว่าแท้งลูก?! เลือดละ! ไหนเลือด!!”
“อีบ้า!!” เจ๊ลู่โผล่หน้าออกมา “ใจกูเป็นหญิก็จริงแต่ร่างกูเป็นผู้ชายนะเว้ย!! อีบ้า!”
“แล้วมึงกรีดร้องหาป้ามึงหรอ!” เจ๊หมินไม่เข้าใจ “มึงเป็นอะไรล่ะ?”
“เออใช่!” เมื่อนึกได้ว่าเจออะไร เจ๊ลู่ก็ลุกขึ้นนั่งและเกาะเขาเจ๊หมินแน่น “อีผีบุษบา...มันบอกฉันว่ามันฆ่าตัวเอง...แล้วมันก็โดดลงไปทางหน้าต่างห้องเรา...” เจ๊ลู่เอียงไปมองหน้าต่างที่ปิดสนิท...
“ฆ่าตัวเอง?” เจ๊หมินทวน “ฆ่าตัวเองนี่เท่ากับฆ่าตัวตายหรือเปล่า?...ทำไมต้องใช้ภาษากำกวมด้วยวะ?”
“ความหมายเดียวกันนั่นแหละอย่าโง่เลย!” เจ๊ลู่ว่า “นี่สรุปแล้วอีผีบุษบามันฆ่าตัวตายจริงๆใช่มั้ย?...เราควรไปบอกตำรวจได้แล้วนะว่าไม่ใช่การฆาตกรรม...”
“หือ?” เจ็หมินยิ่งงงไปกันใหญ่ “ถ้าไม่ใช่การฆาตกรรม...เดี๋ยวนะฉันงง...ตำรวจบอกว่าบุษบาตายเพราะจมน้ำ? แล้วก็สรุปว่าเป็นการฆาตกรรมที่อำพรางว่าเป็นการฆ่าตัวตาย...แต่จู่ๆบุษบามาบอกว่าฆ่าตัวตาย? แล้ว...มันตายยังไง?”
“ก็แบบนี้ไง” เจ๊ลู่ตีแขนเจ๊หมินเบาๆเชิงปัดความโง่ออกไป “บุษบามันฆ่าตัวตายด้วยการโดดลงน้ำแล้วหลังจากนั้นก็มีคนเอาศพบุษบามาแขวนคอที่ห้องเพื่ออำพรางว่าเป็นการฆาตกรรมโดยการตลบแตลงจากการคาดเดาว่าเป็นการฆาตกรรมในห้องปิดตายไง...”
“ขอโทษนะ...กูงง”
“โอ้ย อีโง่! ง่ายๆนะ คือบุษบามันฆ่าตัวตายจริงๆ แต่คนร้ายมันไม่ยอมให้คนอื่นรู้ว่าบุษบามันฆ่าตัวตาย คนร้ายเลยเอาศพนังนั่นไปแขวนคอในห้องปิดตายทำเป็นเหมือนโดนฆาตกรรมในห้องปิด แต่จริงๆแล้วบุษบาน่ะฆ่าตัวตายจริงๆแต่ไม่ได้ตายเพราะถูกแขวนคอ ตายเพราะจมน้ำ! เข้าใจยัง!”
“อ๋อ...” เจ๊หมินเข้าใจส่วนนั้นแล้วแต่งงส่วนอื่นต่อ “ทำไมคนร้ายต้องลำบาก ตลบตะแลงพวกเราขนาดนั้นด้วยละเจ๊...ไหนๆบุษบามันก็ฆ่าตัวตายแล้ว จะพยายามกลบเกลื่อนให้เป็นการฆ่าตัวตายอีกทีทำไม...”
“คนร้ายไม่ได้พยายามกลบเกลื่อนการฆ่าตัวตายให้เป็นการฆ่าตัวตาย ไม่ได้ยินที่อธิบายหรือยังไงยะ! คนร้ายเบี่ยงเบนการฆ่าตัวตายของบุษบาเป็นการฆาตกรรมแทน!”
“โฮ!” เจ๊หมินเพิ่งเก็ท “แสดงว่าคนร้ายมันทำแผนซ้อนแผนอ่ะดิ...มันรู้ว่าตำรวจะมองออกว่านี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย และตำรวจก็จะสรุปว่าเป็นการฆาตกรรมโดยที่แท้จริงแล้วเป็นการฆ่าตัวตาย!”
“เออนั่นแหละ ว่าแต่วกไปวนมาจนกูจะฆ่าตัวตายตามอีบุษบาไปแล้วเนี่ย มึนหัวชิบหาย! มีแต่เรื่องตายกับตาย”
“โอเค ฉันหายงงละ” เจ๊หมินทำท่าจะลุกไปที่เตียงตัวเอง “งั้นขอนอนต่อเลยนะ ฝันดีเจ๊ลู่”
“อีหมิน!” เจ๊ลู่ดึงผมเจ๊หมินไว้แน่นจนหน้าเธอหงายหลัง “มึงจะนอนไม่ได้ค่ะ! รีบโทรหานักสืบดีโอเดี๋ยวนี้และฉันจะไปกระจายข่าวให้เจ๊แบคเจ๊เทาและลูกๆของเรา”
ขณะเดียวกัน...
ณ หอคอยบนหอพัก...
คริสนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างโดยที่ขาห้อยออกไปข้างนอก... สายตาเขาเหม่อลอยมองไปยังดวงจันทร์เหมือนต้องการคำตอบบางอย่าง...คำตอบที่รอคอยมานานเนิ่นนาน...
“ตกลงกล่องนี่มันคืออะไร” เสียงผีที่คุ้นหูดังลอยมาข้างหลัง
คริสถอนหายใจเขารู้โดยไม่ต้องหันไปมองว่านั่นคือผีฮุนนี่ “หลังจากประตูที่ฉันร่ายมนต์ใส่มันเสื่อมเธอก็เข้าๆออกๆเป็นว่าเล่นเลยนะ...”
“นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่ดี” ผีฮุนนี่ว่าพลางเดินไปใกล้ๆกล่องหรือหีบสมบัติเก่าแก่ตรงมุมห้อง “นายจะได้ไม่เหงาไง...บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างอยากให้นายคบหาสมาคมกับคนอื่นหรือผีตัวอื่นก็ได้นะ...ได้ข่าวว่าเหงามานานไม่ใช่หรอ”
คริสหัวเราะในลำคอเบา “ฉันจะคบหรือไม่คบมันก็เรื่องของฉันสิ...ใครจะมากำหนดให้กันล่ะ แต่เธอเข้ามาฉันก็ยอมรับว่าเบี่ยงเบนความคิดเศร้าๆของฉันได้ออกไปเหมือนกัน...” เขาเลิกมองดวงจันทร์และตัดสินใจหันไปคุยกับฮุนนี่เป็นเรื่องเป็นราว
“เห็นมั้ยละ” ฮุนนี่ยักไหล่พลางยิ้มภูมิใจ “ฉันเป็นผีที่ดีนะเนี่ย อุตส่าเข้าหานายก่อน...นายจะเป็นเพื่อนกับฉันก็ได้นะ ถ้านายต้องการ...”
“แน่นอน” คริสว่า “ฉันเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว เพียงแค่เป็นเพื่อนที่แก่กว่าหลายๆปี...” เขาหัวเราะ
“นั่นสินะ” ฮุนนี่เองก็สัมผัสได้ว่าคริสอยู่มานานมาก “นั่นคือเหตุผลที่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนาย...ไหนลองบอกเพื่อนคนนี้สิว่ากล่องที่อยู่ในห้องนายอันนี้” เขามองมัน “คืออะไรและมันหมายความว่าไงที่ว่าฉันกับนายโดนคำสาป...”
“โว...” คริสทำหน้าอึดอัดเล็กน้อย “มันเยอะและยาวมาก...ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”
“งั้นฉันจะบอกให้ว่าเริ่มจากไหน” ฮุนนี่เขยิบเข้าไปใกล้หีบนั่นอีกก้าว “บอกมาก่อนว่าไอนี่มันมีอะไรอยู่ข้างใน”
“จดหมาย” คริสตอบสั้นๆและได้ใจความ “จดหมายของฉันเอง”
“แล้วมันสำคัญหรือเกี่ยวอะไรกับที่นายไปเกิดไม่ได้?”
“ก็...” คริสมองซ้าย “อืม...ฉันอาจจะรอให้ใครซักคนมาอ่านมัน...”
“ใคร?”
“ไม่รู้สิ” คริสมองฮุนนี่และยิ้ม “ฉันเองก็รอมานานมากแล้วเหมือนกันยังไม่มีใครมาเปิดมันและอ่านมันเลยซักคนเดียว”
ความคิดนึงแวบเข้ามาในหัวฮุนนี่ “ฉันอ่านได้มั้ย?” เธอไม่แน่ใจว่าจะยิ้มออกมาแบบไหนดี... แต่แล้วไม่ยิ้มดีกว่า
“ได้สิ เอาเลย” คริสกลับไม่รู้สึกอึดอัดถึงเรื่องนี้ซะงั้น
ฮุนนี่ไม่รอช้าและไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ความจริงก่อนหน้านี้เธอตั้งใจและตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเปิดมันมาก่อนแล้วล่ะ ประเด็นแรกๆที่เธอคุยกับคริสก็เพื่อหลอกล่อให้เขาใจอ่อนและมันก็สำเร็จ เธอสามารถเปิดกล่องหีบตรงนี้ได้โดยที่ไม่ต้องแอบมาเปิดครั้งหน้า เปิดต่อหน้าเจ้าตัวมันเลย!
“แค่กๆ...” มีฝุ่นลอยออกมาจากหีบเมื่อเธอเปิดฝามันออก “นายไม่ได้เปิดมันกี่ล้านชาติแล้วเนี่ย...”
“สามสิบปีได้มั้ง...” คริสตอบสบายๆพลางนึก “เอ๊ะ หรือ สิบสามปีหว่า?”
ฮุนนี่ไม่ได้สนใจไอตัวเลขที่คริสพล่ามออกมาเรื่อยๆเท่าไหร่ เธอเห็นซองจดหมายสีน้ำตาลเข้มที่ทำจากหนังแกะอย่างดีและมีรอยแกะซองจดหมายนี้แล้วอย่างน้อยหนึ่งถึงสองครั้ง...ไหนบอกว่ายังไม่มีใครอ่าน? หรือว่าแอบอ่านจดหมายตัวเอง?
ฮุนนี่หยิบซองออกมาและล้วงมือไปหยิบกระดาษสีน้าตาลที่เกิดจากความเก่าแก่และรอยฝุ่นออกมาจากซอง... เธอคลี่มันออกด้วยความเบามือเพราะกลัวมันขาด เธอได้ยินเสียงคริสแอบหัวเราะและยิ้มอยู่ข้างหลัง...
เธอมองตั้งแต่ต้นจนจบประโยคลวกๆก่อนจะตัดสินใจอ่านทีละตัว...
ฮุนนี่ใช้เวลาอ่านประมาณห้านาที... เธออย่างละเอียดและอินไปกับตัวหนังสือหวัดๆของลายมือคริส...
น้ำตาเธอไหลเมื่ออ่านจบ...และเธอรู้เรื่องทุกอย่างของคริสโดยที่ไม่ต้องตั้งคำถามอะไรกับเขาอีกแล้ว...
เธอเก็บซองจดหมายไว้ตามเติมปิดฝาหีบและสุดหายใจลึกๆก่อนจะเดินไปหาคริสใกล้ๆ...
“ซักวันนายจะเจอเธอคนนั้น...”
คริสกลับหัวเราะกับท่าทางดราม่าของฮุนนี่ “ไม่ต้องห่วงหน่า...ฉันเจอเธอแล้ว”
“จริงหรอ!” ฮุนนี่ดีใจกว่าเจ้าตัวซะอีก “ใครละ!!”
“ฉันเจอเธอแล้วก็จริง...แต่เธอยังไม่เจอฉันนี่สิ...ก็เลยยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าใช่คนที่ตามหาอยู่หรือเปล่า”
ฮุนนี่ทำหน้าเสียใจสุดหัวใจของเธอ “เดี๋ยวเธอก็เจอนายเอง...อีกไม่นานหรอกคริส นายสมควรจะได้รับการปลดปล่อย... คงอีกไม่นานหรอก...ฉันสัมผัสได้ ฉันเป็นผีฉันสัมผัสได้ดีกว่าเจนยานทิพย์อีก”
“ขอบใจนะ” คริสยิ้มให้เธอและสัมผัสได้ถึงความเป็นเพื่อนจากเธอแล้ว...ส่วนก่อนหน้านี้มันเป็นความรู้สึกแปลกๆมากกว่าคำว่าเพื่อนน่ะ…
“ขุ่นช้างขุ่นแผน!” เจ๊แบคจับหน้าอกตัวเองเมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากเจ๊ลู่ เจ๊เทาที่อุดหูอยุ่นานเพราะไม่ได้อยากได้ยินเรื่องที่บุษบาโดดหน้าต่างออกไปก็ยังตกใจไปกับเขาเมื่อรู้ว่าคนร้ายมันวางแผนซ้อนแผนไว้ดีขนาดไหน...
“อะไรถึงทำให้คนร้ายอยากปิดบังมากขนาดนั้นนะ” เจ๊เทาทำเหมือนพูดกับตัวเอง “นังบุษบามันไปทำอะไรให้ใคร คนถึงได้อยากจะฆ่ามันทั้งๆที่มันฆ่าตัวเองไปก่อนแล้ว”
“บางที...” เจ๊ลู่ผู้ชาญฉลาดคิดได้ “คนร้ายอาจจะไม่ได้อยากจะฆ่าบุษบาก็ได้...บางทีอาจจะเป็นการปกป้องเธอมากกว่า”
“ยังไงกันล่ะเจ๊ลู่” เจ๊แบคยิ่งสะพรึงในแผนการ “ปกป้องนังผีบ้านั่นด้วยการบอกว่าโดนฆ่าเนี่ยนะ?”
“ใช่ไง” เจ๊ลู่ตอบ “แบบว่าถ้าคนอื่นๆรู้ว่าบุษบาฆ่าตัวตายและมันอาจจะส่งผลถึงบุษบาในทางที่เลวร้ายและนั่นอาจจะทำให้คนร้ายไม่สบายใจก็เลยอำพรางว่าบุษบาฆ่าตัว เพื่อไม่ให้คนมองว่าบุษบาเป็นคนสิ้นคิดที่คิดสั้นอะไรทำนองนั้นมั้ง”
“ฉันจะงงแล้วเนี่ย” เจ๊แบคกุมหัวตัวเองพลางใช้สติ “แล้วนี่เจ๊หมินไปอยุ่ไหนซะละ?”
“อยู่ที่ห้องน่ะ ฉันบอกให้มันโทรไปเล่าดีโอน่ะ เดี๋ยวคงตามมา” เจ๊ลู่บอก
“เออ ดีๆ ให้พวกตำรวจนักสืบพวกนั้นเขาจัดการเถอะ พวกเราคงได้แค่คาดเดามั่วๆ” เจ๊แบคว่า “แถมหลักฐานที่เราได้มานี่มาจากพวกผีๆทั้งนั้น เปลี่ยนอาชีพเป็นหมอผีตอนนี้ทันมั้ยเนี่ย เฮ้อ...เอ้อ” เจ๊แบคเหมือนนึกอะไรออก เธอมองซ้ายมองขวา “อี้ชิง กับ ชานยอลหายไปไหนแล้วน่ะ เมื่อกี้ยังนั่งฟังอยู่ด้วยกันแท้ๆ”
“นายพาฉันออกมาทำไมเนี่ย!!” ชานยอลที่อยู่ในสภาพรองเท้าสลิปเปอร์กับชุดนอนวิ่งตามแรงลากของเพื่อนที่สภาพไม่ต่างอะไรจากเขาเหมือนกัน “อี้ชิง!! นายกำลังจะทำอะไรน่ะ!!”
“ไม่น่าถามเลยชานยอล” อี้ชิงออกตัววิ่งและลากเพื่อนลงจากหอให้เร็วที่สุด “ก็ช่วยนายไง”
ความคิดเห็น