คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แจ็คพอต 2
ฉันขนมไทยค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าโอเซฮุนคนนั้น คนที่เต้นเก่งและคอยส่งวิ้งให้กล้องคนนั้น ฉันจะได้เห็นเต็มๆสองตา...แถมยังเห็นที่ฟาร์มไก่ที่บ้านของฉันด้วย
แต่เรื่องที่ฉันคิดวกไปวนมาอยู่หลายรอบยิ่งกว่านั้นก็คือการที่ยัยกรกตทำเหมือนเซฮุนไม่มีตัวตน! ยัยนั่นทำกับเซฮุน โอเซฮุน! เป็นแค่เด็กผู้ชายที่เดินตามหลังต้อยๆอย่างนั้นได้ยังไง! ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่ได้เคลียร์แน่ๆ ฉันจะไม่ยอมให้เซฮุนโดนเมินแบบนั้นจากใครเด็ดขาด! จากใครที่ไหนละ ก็จากแฟนคลับของเขาเองนั่นแหละ! ยัยนั่นเป็นแฟนคลับภาษาอะไรถึงได้มาเมินคนอย่างเซฮุนกัน? มันกล้าดียังไง? มึงคิดว่ามึงเป็นใคร!
ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้อยู่ในหัวฉันคนเดียวแน่ๆ คืนนั้นฉันรีบโทรไปฟ้องยัยจีจี้ทันทีว่ากรกตมันทำตัวกับเซฮุนยังไง ฉันฉวยโอกาสตอนยัยนั่นเดินไปส่งพี่จงแดกับเซฮุนที่หอพักโทรหาจีจี้ทันที
“คิดว่าเซฮุนเป็นเทรนนี่บริษัทกะโหลกกะลาหรือยังไง?” ฉันพูดใส่โทรศัพท์
“ด่ามัน ฆ่ามัน อย่าให้มันมีชีวิตรอด!” ยัยจีจี้เดือดกว่าฉันอีก “มักเน่ปีศาจของexoจะไม่โดนคนอย่างกรกตเมินอีกต่อไป มึงต้องไปบอกมัน มึงต้องไปเรียกสติมันกลับมา ขนมไทยเหลือมึงคนเดียวแล้วที่จะช่วยกรกตได้”
“แต่ที่มันสนิทกับเซฮุนได้ขนาดนี้ก็เพราะพวกกูป่าววะ?”
“ไม่ กูไม่เคยสนับสนุนให้มันไปสนิทกัน”
อ่าว งั้นก็ฉันคนเดียวสิ? แต่ที่ฉันบอกให้ทำตัวปกติกับเซฮุนไม่ได้หมายความว่าให้มันทำตัวเหินห่างกับเซฮุนนะ ฉันไม่ผิดนะ
“กูจะพยายามบอกมันละกัน รอให้มันกลับมาก่อน”
“แล้วทำไมมึงไม่ไปส่งพวกเขาด้วยวะ!!”
“โอ้ย กูลืมไปอีห่าน!! มัวแต่นึกอยากจะด่ากรกตจนลืมติ่งเลย!!!”
ผมร้องไห้ได้มั้ยเนี่ย? อากาศตอนกลางคืนดูน่าอยู่กว่าตอนกลางวันมาก แต่ที่บอกอยากร้องไห้ไม่ใช่เรื่องอากาศหรอกนะครับ...แต่เป็นเรื่องที่ผมเดินคั่นกลางระหว่างพี่เซนากับพี่จงแดแล้วสองคนนั้นก็คุยกันข้ามตัวผมไปมาอย่างสนุกสนาน...
พวกเขาเห็นผมบ้างมั้ยเนี่ย ผมไม่ใช่เสาเดินได้นะ…
“พี่ทำแบบนี้ฉันยิ่งชอบพี่มากขึ้นไปอีก”
ผมเลิกตกใจกับคำพูดตรงๆจากปากของพี่เซนาแล้วละ...เมื่อเธอเจอพี่จงแดคำแรกที่เธอบอกก็คือ ฉันชอบพี่มากเลย! พร้อมกับโผกอดพี่จงแดรอบที่สิบแปดได้มั้ง...เธอทำตัวเป็นแฟนคลับสบายๆกับพี่จงแดมาก แต่กับผมเธอไม่เคยแม้แต่จะชมซักคำ...
“ไม่หรอก...พี่ไม่ได้อยากจะเป็นคนดีอะไรขนาดนั้น”
พี่จงแดพูดไปยิ้มไป ผมรู้ครับว่าพวกเราได้รับคำชมและคำบอกรักจากแฟนๆมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่ใช่ฟีลนั้นอ่ะ ผมรู้สึกเหมือนพี่จงแด...กำลังโดนพี่เซนารุกจีบอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่คิดเลยว่าพี่เซนาจะมีความกล้ามากถึงขั้นลงไม้ลงมือเองแบบนี้...
ว่าแต่ทำไมหอพักพี่จงแดอยู่ไกลจัง...เดินมาตั้งนานแล้วนะ...
“แต่พี่ไม่โกรธฉันใช่มั้ย? ที่ว่าฉันมีชานยอลเป็นเมนหลัก”
“ปกติจะตายไป...อีกอย่างพี่มีสิทธิ์จะโกรธด้วยหรอ”
“มีสิ ก็พี่เป็นเมนรองของฉันนะ ฉันก็ชอบพี่มากๆเหมือนกัน”
“ขอบคุณครับ...”
โอ้ย ผมอยากจะมุดดินหนีและโผล่ไปอยู่กับไก่ที่ฟาร์มเมื่อตอนกลางวันจังเลยครับ...ผมเดินลากกระเป๋าตัวเองไปแบบตาละห้อย... พวกพี่ๆเขาจะเกรงใจผมบ้างมั้ย...พวกพี่ๆเห็นหัวผมมั้ย?
คืนนี้ผมต้องนอนกับพี่จงแด...ผมควรถามพี่เขาเลยดีมั้ยว่าชอบพี่เซนาหรือเปล่า? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่จงแดเขินมากเขินมายเหลือเกิน...เขินกว่าปกติที่โดนแฟนคลับชมแล้วนะ
“ขอโทษนะเซฮุน”
ประโยคแรกตั้งแต่ตอนกลางวันที่พี่เซนาพูดกับผม... เธอจับตัวผมแล้วย้ายตัวผมไปไว้ข้างๆเธอแทน... กลายเป็นผมกับพี่เซนาสลับที่เดินกัน
ผมเห็นพี่จงแดหน้าแดงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! พี่เซนา! พี่จะทำอะไรฮยองของผม!
“จับมือเดินกันไปได้มั้ยค่ะพี่จงแด”
เอาผมกลับเกาหลีที ใครก็ได้...โหดร้ายเกินไปแล้วนะ แล้วพี่จงแดจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปถึงไหน! แฟนคลับแค่ขอจับมือเท่านั้นเอง! งานแฟนไซน์น่ะไม่เคยจับหรอครับ?!
พี่จงแดไม่พูดอะไรแต่ก็ยื่นแขนมาจับมือพี่เซนาและเดินต่อไปข้างหน้า...
ผมจะร้องไห้แล้วนะ...
“มึงตาย!!” ฉันขนมไทยค่ะ ขอเป็นนางยักษ์วันนึงได้มั้ย ไม่ไหวแล้วจริงๆ กรกตเดินขึ้นมาในห้องแล้วเล่าเรื่องที่ได้เดินกลับหอจูงมือเหมือนคู่รักกับพี่จงแด ฉันจึงพุ่งเข้าไปบีบคอนังนั่นกะเอาให้ตายไปเลยจริงๆ (ล้อเล่น...)
“อะไรของมึง! มึงต้องดีใจกับกูสิ! กูได้โมเม้นกับพี่จงแดนะ!”
“ไม่กูจะฆ่ามึง!”
ฉันไม่ฟังอะไรจากมันแล้ว อะไรๆก็จงแด จงแด จงแด แล้วเซฮุนละ เซฮุนรองเมนของฉันละเอาไปเก็บตรงส้นติ่งที่ไหวแล้ว!
“อิจฉาที่กูได้จับมือกับพี่จงแดหรอ!”
“ไม่ใช่!”
“อิจฉาที่กูได้กอดพี่จงแดหรอ?!”
“ไม่ใช่เว้ย!”
“แล้วอิจฉาไก่ที่พี่จงแดให้อาหารงั้นหรอ!”
“โอ้ย มึงไปตายเถอะกูขอร้อง!”
“เอาดีๆสิ กูไม่รู้จริงๆว่ามึงหมายถึงอะไร”
“โอเค...” ฉันเลิกปล้ำกับมันก่อน ฉันสูดลมหายใจลึกๆพยายามควบคุมอารมณ์ในสงบนิ่ง
“มึงเล่าแต่เรื่องพี่จงแดๆๆทั้งวัน!...มึงทำเหมือนมึงเดินไปกับพี่เขากันแค่สองคนอย่างนั้นแหละ...หรือมึงเดินกันแค่สองคนจริงๆ?”
เหมือนยัยนั่นจะนึกขึ้นได้..เฮอะ! รู้แล้วละสิว่ามีเซฮุนอยู่ตรงนั้น...อยากพุ่งเข้าไปบีบคอมันอีกรอบจริงๆ
“แล้ววันนี้ที่มึงเดินเข้ามาในฟาร์ม...ก็เพื่อมาหาจงแด...กูที่เห็นเซฮุน กูเห็นกับตาว่าเขาเหนื่อยและหอบเพราะแดดร้อน แต่มึง...มึงก็รีบวิ่งไปหาพี่จงแดโดยที่ไม่ได้หันมาเลียวแลเขาเลย มึงรู้มั้ยว่าเขาเดินตามมึงไปต้อยๆยังกะกลัวว่าจะหลงทาง? มึงรู้มั้ยว่าเขาตัวติดกับมึงตลอดทั้งวัน?”
ยัยกรกตตาโตเมื่อนึกขึ้นได้...สายไปแล้วนังโง่
“แล้วที่กินข้าวเมื่อตอนเย็น...มึงก็ระริกระรี้จะนั่งใกล้จงแดโดยไม่ได้นึกเลยว่าเซฮุนจะนั่งตรงไหน...มึงคิดว่าคนอย่างกูกล้าพอที่จะเข้าไปคุยกับเขาแล้วบอกให้เขานั่งใกล้กูมั้ย? ค่ะกูกล้า แต่กูไม่ได้บอกให้เขานั่งใกล้กู เพราะกูรู้ว่าจะทำให้ทั้งกูและเขาไม่สบายใจเดี๋ยวจะกินข้าวกันไม่ลงอีก กูเลยบอกให้เขานั่งข้างมึง! กูนี่แหละที่เป็นคนหาเก้าอี้มาให้เขานั่งข้างมึง! แล้วมึงน่ะ! ไม่รู้ตัวเลย! เอาแต่นั่งกระหนุงกระหนิงกับพี่จงแดของมึงคนเดียวนั้นแหละ! ถ้ากูไม่เกรงใจคนร่วมโต๊ะคนอื่นๆนะ เออ...พูดใหม่ ถ้ากูไม่เกรงใจเซฮุนละก็นะ กูตะคอกและตบหัวมึงคว่ำลงจานตัวเองแล้วค่ะนังกรกต!”
ฉันหายใจหอบจนตัวโยน...ความโกรธนี้ได้ระบายใส่กรกตจนหมดสิ้นและแทนที่ด้วยความโล่งใจทันที...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเซฮุนเขาจะคิดมากหรือเปล่า เขาอาจจะชินกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ...เพราะเขาก็ต้องเจอแฟนคลับที่ไม่ได้ชอบเขาอยู่บ้างแล้วละ... หรือฉันจะด่ายัยกรกตมากไป?
“นั่นมึงจะไปไหน!”
จู่ๆยัยกรกตก็ลุกพรวดพราดทำตาโตตกใจเหมือนลืมล็อคประตูบ้าน...
“ขนมไทย มึงปั่นจักรยานพากูไปหาเซฮุนที”
“สายไปแล้วมึง ป่านนี้เขาคงนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำแล้วละ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ กูรู้สึกผิด เร็วๆเข้า ปั่นจักรยานส่งกูที!”
วันต่อมาที่เกาหลี
ผมโทรไปหาเซฮุนไม่ติดมาเกือบจะสองวันแล้ว...ผมกังวลมากจริงๆครับ กังวลทั้งเรื่องของมันกังวลทั้งเรื่องของผม... ผมจึงรีบรุดมาถึงบ้านป้าของเซฮุน
ผมกดกริ่งหน้าบ้าน และเจอกับสาวห้าวคนนึงเดินมาประตูให้ผม...เธออาจจะเป็นลูกป้าจีนฮีที่เซฮุนเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นทอม...
“สวัสดีครับ ผมมาหาเซฮุน”
“อ๋อ เซฮุนไม่อยู่ตั้งแต่เช้าเมื่อวานละ”
เธอดูเป็นมิตรกว่าภายนอกครับ นึกว่าจะดุและพูดจาสามหาวซะอีก...
“แล้วเขาไปไหนหรอครับ? พอดีผมติดต่อไม่ได้เลย”
“อ๋อ ติดต่อไม่ได้หรอก นายต้องกดเลขของประเทศไทยไปด้วย”
“อะไรนะครับ?”
“เซฮุนไปเที่ยวที่ประเทศไทยน่ะ นายลองโทรหาเขาโดยใช้รหัสเลขที่ประเทศนั้นสิ เผื่อติด”
“อ๋อ ครับ ขอบคุณมาก”
“เอ้อ แล้วนาย...”
“อ๋อ ผมชื่อชานยอลครับ ปาร์คชานยอล”
ผมไม่อยากเชื่อเลยครับว่าเมื่อคืนพี่เซนาจะกลับมาง้อผมด้วย! พี่จงแดรับโทรศัพท์จากโรงแรมและบอกกับผมว่ามีคนรออยู่ข้างล่าง...ผมรู้ว่าพี่เซนามาครับ แต่ไม่นึกว่าเธอจะมาง้อผม
เมื่อผมลงไปหาเธอผมก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะเมื่อเธอเห็นร่างผมเธอก็โผเข้ามากอดและทำเสียงอ้อนน่ารักๆใส่ผมรัวและเร็วมาก....ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ...
พี่ขนมไทยที่มองอยู่ก็ดูช็อคพอๆกับผมเลย ถึงผมไม่แน่ใจว่าเธอช็อคเพราะอะไร...แต่เธอก็ยกนิ้วโป้งสั่นๆให้ผม...มันหมายความว่าอะไรอะ?
สมงสมองผมปลิวไปไหนก็ไม่รู้ครับ พี่เซนาคลายกอดจากผมต่อด้วยจับมือผมแล้วแกว่งไปมาเหมือนเด็ก...ผมจำไม่ได้เลยว่าเธอพูดอะไรกับผมบ้างมัวแต่อึ้งจนหูดับสมองไม่รับอะไรทั้งนั้น
ผมน้อยใจก็จริงอยู่...แต่ผมไม่ได้คิดเลยว่าผมได้รับการง้อที่น่ารักขนาดนี้กลับมา...
ผมกำลังจะทำใจได้อยู่แล้ว...ผมกำลังจะปลงอยู่แล้วเชียว...
“กลับไปพรุ่งนี้”
ในที่สุดสมองผมก็รับรู้แล้วว่าเธอกำลังพูดอะไร...ผมพยายามตั้งใจฟังเต็มที่...
โอ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้น...ผมมองหน้าอ้อนๆของพี่ตรงๆไม่ได้นะ...
“กลับไปเกาหลีพรุ่งนี้ฉันสัญญาฉันจะดูแลนายอย่างดีเลยเซฮุน...ฉันจะไม่ทิ้งนายให้ตามอยู่แต่ข้างหลังอีกแล้ว ฉันขอโทษ”
“เอ่อ...ครับ...ขอบคุณครับ”
ผมเดินตัวลอยเหมือนละเมอขึ้นไปบนห้องพักของพี่จงแด... เมื่อเข้าไปในห้องแล้วเห็นร่างพี่ของผมยืนกดรีโมทอย่างขะมักเขม้นอยู่นั้น ผมจึงปรี่เข้าไปกอดเขาแน่นอย่างไร้เหตุผล....ผมเขินอ่ะ
“เฮ้ย! เป็นห่าอะไร!”
“เปล่า...แค่คิดถึงพี่อ่ะ”
“ขนลุกเว้ย! ออกไปไกลๆ”
ผมล้มตัวไปนอนบนเตียงและกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนนั้นนานจนพี่จงแดเข้ามาทุบตีผมด้วยหมอน...อย่างหมั่นไส้...พี่เขาไม่รู้หรอกว่าผมเป็นอะไร...
ขนาดผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไร...
ฉันเสียดายมากจริงๆที่ต้องจากประเทศที่รักของฉันไปอีกแล้ว... ไม่มีใครมาส่งฉันที่สนามบินมีแค่ฉันกับเซฮุนสองคนเท่านั้น เราเดินทางมายังไงเราก็กลับไปแบบนั้น ฉันจองตั๋วไปกลับรวดทีเดียวเลย...เพราะจุดประสงค์ในการมาคือมาเจอพี่จงแดแล้วก็กลับ เกินคาดไปหน่อยที่ได้มีโมเม้นเดินจับมือกลับหอพักของพี่เขาด้วยกัน...คิดแล้วก็เขินเหมือนกันนะ อะไรเข้าสิงที่ทำให้ฉันกล้าทำแบบนั้นกับพี่เขาแบบนั้น...
และฉันได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยมากๆนั่นก็คือการที่ลืมเซฮุน...ฉันไม่ได้ลืมเขานะค่ะ! ฉันแค่หน้ามืดตามัวสนใจแต่พี่จงแดมากเกินไปเท่านั้น ฉันไม่ลืมเขาหรอก...จริงๆนะ
วันนี้ฉันจึงใส่ใจเขามากเป็นพิเศษ บอกให้เขาทาครีมกันแดดสองชั้นบอกให้เขากินเยอะๆบอกให้เขาสวมหมวกใส่แขนยาวและแต่งตัวให้ธรรมดาที่สุด...ฉันจู้จี้มากไปมั้ย? แต่เขาก็ยอมทำตามที่บอกทุกอย่างเลยจริงๆนะ...แขนนี่เหนียวปืดเพราะโลชั่นเลยละ...ฉันไม่ยอมให้เซฮุนต้องมาดำแดดที่นี่หรอก...ฉันชอบเขาขาวๆมากกว่า...
ตอนนั่งรถแท็กซี่ยาวไปสนามบินฉันเสียสละให้เขานั่งเบาะหลังยาวเลย...เขาจะได้สบายและนั่งกินที่ให้เต็มที่ ส่วนฉันที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็นั่งเบาะหน้าได้สบายๆ ไม่สบายตรงที่ลุงคนขับแท็กซี่ดันชวนฉันคุยน่ะสิ...หลับไม่ได้เลย แต่ถ้าหลับฉันก็กลัวว่าลุงแกจะหลับในตามฉันไปเหมือนกัน ดังนั้นความปลอดภัยจึงมาก่อนความสบาย ฉันไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาดถ้าเซฮุนมาเป็นอะไรที่ประเทศไทยแบบนี้...
เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองฉันก็บอกให้เซฮุนนั่งรอสบายๆตรงที่นั่ง ส่วนฉันเดินดุ่ยๆไปเช็คอินและส่งกระเป๋าลงท้องเครื่องอย่างรวดเร็วก่อนจะแวะซื้อของกินให้ทั้งฉันและเซฮุน
พวกเรามาตรงเวลาพอดี เพราะงั้นไม่ต้องรีรอ จึงเข้าไปในเกทและขึ้นไปนั่งเครื่องได้เลย...
ได้เวลาที่ฉันจะงีบหลับบ้างแล้วละนะ... เฮ้อ... เดินทางแบบนี้ก็เหนื่อยสุดๆเหมือนกันแฮะ
ผมค่อยๆเอียงหัวเธอมาพิงไหล่ของผม...
ผมสงสารเธอจังเลยครับ...ผมทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากฟังที่พี่เขาบอกและทำตามที่พี่เขาสั่ง...มันทำให้ผมดูเป็นผู้ชายที่พึ่งพาไม่ได้เลยจริงๆนะ...เอาไว้เจอเรื่องอื่นที่ผมแสดงความสามารถออกมาให้พี่ดูได้ ผมจะทำมันเต็มที่เพื่อตอบแทนพี่เลยครับ
ตอนนี้พี่หลับให้สบายบนไหล่ของผมไปก่อนละกัน...
การไปประเทศไทยครั้งนี้ถึงจะเหนื่อยและร้อนแต่ผมก็ชอบและมันก็ตราตรึงใจผมมากเลยละ...
แต่เมื่อกลับไปถึงสนามบินอินชอน...ผมก็ต้องเจ็บปวดมากครับ เพราะจู่ๆก็มีแฟนๆมารอผมที่สนามบินกันพรึ่บพรับเลย...ผมจำแฟนๆของผมได้ครับ จำได้แม่นเลยด้วย...อย่าบอกนะว่าพวกเธอมารอผมตั้งแต่เมื่อวาน?...
แต่เมื่อวานผมเพิ่งไปประเทศไทยเองนะ...และวันนี้ผมก็กลับมาเกาหลี...โอ้ พวกเธอไมได้มารอผมตั้งแต่เมื่อวาน พวกเธอต้องเดาได้แน่ๆเลยว่าผมต้องกลับเกาหลีวันนี้...แฟนๆไม่เคยพลาดเลยจริงๆ พวกเธอรู้ดีและคาดการณ์ล่วงหน้าถูกเสมอ
ถึงแฟนๆจะไม่เยอะเท่าตอนผมไปโปรโมทอัลบั้ม...แต่มันก็มากพอที่จะเป็นคลื่นลูกน้อยๆได้เลยทีเดียว...ผมยืนนิ่งมองแฟนๆจากในเกท...ทำยังไงดี พี่เมเนก็ไม่อยู่ พี่ในวงก็ไม่มี...
ที่สำคัญ...ผมต้องแยกกับพี่เซนากลับบ้านแล้วละ...
เธอหันมามองหน้าผมและพยักหน้าเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร...เธอจึงเดินทิ้งผมไว้ในเกทคนเดียว... ผมมองตามหลังเธอไปจนลับสายตา สูดลมหายใจ พร้อมจะฝ่าวงแฟนคลับแล้ว!
ผมสวมแว่นสวมฮูดทับหมวกอีกทีและเดินก้าวขายาวๆออกไปข้างนอก...
แชะๆๆๆๆ
เสียงชัตเตอร์มาเป็นสิบตามคาด...พวกเธอเป็นแฟนของผมจริงๆด้วย...อย่าถ่ายเยอะนะครับ วันนี้ไม่ได้แต่งหน้าไม่ได้ทาครีมไม่ได้อะไรเลยทั้งสิ้น...โธ่ สงสารตัวเองวะ
“เซฮุน!”
จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังมาข้างๆ ผมจึงเงยหน้ามองเขา... ชานยอลฮยอง!
“ฉันเข้าไปดูทวิตเตอร์ของแฟนๆ พวกเธอบอกว่านายจะกลับวันนี้”
“ฮยองมารอผมตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”
“เมื่อกี้นี่เอง....แฟนๆพวกนี้มารอกันก่อนหน้าฉัน...และมันเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยพอฉันมา”
อ๋อ...เป็นอย่างนี้นี่เอง ว่าละทำไมผมเห็นแฟนๆที่ไม่คุ้นตาอยู่ด้วย
ผมโชคดีมากที่ชานยอลฮยองมาหา...เพราะผมไม่ต้องโบกรถแท็กซี่กลับคนเดียว...ผมเดินตามชานยอลฮยองไปขึ้นรถ...เอ่อ...รถของลุงผมเองครับ แต่คนขับคือพี่ชังมิน...มันยังไงกันละเนี่ย แล้วผมก็ต้องตกใจ เพราะพี่เซนานั่งอยู่ในรถด้วย...ผมรีบลงไปนั่งเบาะหลังข้างๆเธอทันที
ชานยอลฮยองนั่งหน้าคนขับเถอะนะ...
ฉันจีจี้ค่ะ ฉันอยากบินไปตบหน้ายัยกรกตถึงที่เกาหลีจริงๆนะ...ตอนนี้ฉันก็ยังอยู่ที่ประเทศจีน หลังจากที่เจอกันลู่หานโดยบังเอิญใยผับครั้งนั้น...ฉันก็ไม่ได้เจอใครที่หล่อไปกว่าเขาอีกเลย...
ฉันเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ได้แต่คอยรับฟังเรื่องบรรพบุรุษที่อาม่ายกทั้งรากและต้นตระกูลมาเล่าให้ฟังจนละเอียดถี่ยิบ... ถ้าฉันเรียบงเรียงเป็นคำพูดแล้วพิมพ์เป็นหนังสือคงพอๆกับสามก๊กเลยละ
ลู่หานเป็นเมนหลักของยัยขนมไทย ฉันคิดถูกแล้วจริงๆที่ปฏิเสธเขาไปแบบนั้น...แหมๆ ถึงเรื่องนี้จะผ่านไปนานและผ่านไปเร็วก็เถอะ แต่ฉันขอเล่าซ้ำๆหลายๆรอบไม่ได้หรอไง? นั่นน่ะ! ลู่หานเชียวนะ! เล่าเป็นพันๆรอบก็ยังได้เลย!
ไม่แปลกที่ขนมไทยจะส่งไลน์มาถามรายละเอียดปลีกย่อยเรื่องการแต่งตัวผมเผ้าหน้าตาของพี่ลู่หานครั้งนั้น...ฉันจัดแจงลงทุนนั่งนึกและพิมพ์ยาวไปให้มันจินตนาการให้เห็นภาพจะๆกันไปเลย...
ก่อนที่ฉันจะเล่าว่าทำไมฉันอยากบินไปตบหน้ากรกตที่เกาหลี ฉันขอเล่าเรื่องพี่จงแดที่ยัยขนมไทยครอบครอง? ก่อนนะค่ะ
ยัยนั่นโทรมาบอกเรื่องพี่จงแดอย่างสองอย่างแล้วแบบสั้นมาก...มากกกกกก จนฉันโมโห ยัยนั่นไม่ได้สังเกตหรือสนใจพี่จงแดเท่าที่ฉันต้องการเลย ฉันรู้ละว่าทำไมยัยกรกตถึงรีบบินกลับไปเพื่อจะเจอพี่จงแดขนาดนั้น เพราะยัยขนมไทยมันทำตัวเหินห่างกับเขานี่เอง ไม่พอแค่นั้นทีเรื่องเซฮุนน่ะ เป็นเดือดเป็นร้อนเชียว ไม่ได้ดูตัวเองเลยซักนิด ฉันสาบานเลยถ้าฉันกลับไทยปุ๊บฉันจะไปหายัยขนมไทย...ไม่สิ ฉันจะไปหาพี่จงแดทันที...ข่าวที่พี่จงแดอยู่ไทยยังไม่หลุด แสดงว่ามีแค่พวกเราสามคนที่รู้... โอ้ย พูดละคันปีก อยากบินไปตอนนี้เลยจริงๆนะ
“ฉันไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของเขา!” นี่คือประโยคเถียงสุดฮิตของยัยขนมไทยเวลาฉันวีนแตกเรื่องพี่จงแด...ก็เข้าใจมันละนะ...มันเป็นคนรักษามารยาทมากสุดในกลุ่มเราแล้ว...
และแน่นอนว่าฉันเป็นคนรักษามารยาทน้อยที่สุด...ขอบคุณที่ชม...
มาเข้าเรื่องที่ฉันอยากจะตบนังกรกตต่อนะ มันเพิ่งส่งไลน์มาเมื่อตอนฉันอาบน้ำว่า
“นั่งรถคันเดียวกับชานยอล”
สั้นๆได้ใจความแต่ความอิจฉาพุ่งยาวมากกกกกกกกกก ฉันรัวไลน์ไปหามันด้วยมืออันสั่นเทาและตาที่เต็มไปด้วยไฟแค้น... ว่าแต่ฉันจะอิจฉาอะไรนักหนาเนี่ย..ไม่ใช่น้องแบคฉันซะหน่อย
“เล่ารายละเอียดให้กูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูฆ่ามึงแน่”
มันอ่านแล้ว...แต่คงกำลังพิมพ์มายาวๆ...ฉันขอทำใจแปปนะ
มันส่งมาแล้ว! ยาวเป็นหางว่าว!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
ชานยอลเฟรนลี่!
อีห่า! ถ้าจะพิมพ์มาแค่คำว่า ชานยอลเฟรนลี่! ละก็นะ! กูขอบินไปตบมึงเดี๋ยวเลยได้มั้ย! ได้มั้ย!
มันส่งมาอีกแล้ว!
ฆ่ากู
โอ้ย รำคาญมาก! ฉันอ่านแต่ไม่ตอบ พยายามทำใจให้สงบและนั่งรอมันพิมพ์มาเรื่อยๆ
ชานยอลเฟรนลี่มาก! ตอนอยู่ในรถกูตัวแข็งเป็นหินเลย กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูกำลังจะไปไหน กูไม่รู้เลยว่าพี่ชังมินเรียกกูเป็นรอบที่สองร้อยเก้าสิบสามแล้ว...จนกระทั่งเซฮุนสะกิด และชานยอลหัวเราะ...
ชานยอลหัวเราะกูไม่พอ...เขายังหันมามองหน้ากูแล้วยิ้มให้กำลังใจกู...เหมือน...กูเป็นคนที่กำลังโดนนักข่าวสัมภาษณ์ข่าวฉาวอ่ะมึง...
แต่พี่ชังมินทำกูอายมาก พี่ชังมินเรียกกูและถามกูว่า โซฟี กับ ลอริเอะ อันไหนดีกว่า?
มึงคิดว่ากูตอบว่าอะไร? กูตอบว่าดูเร็กซ์ใช้ง่ายกว่าค่ะ...
มึงสมองกูอยู่ไหน ใครกินสมองกูไป
ทั้งรถหัวเราะกูหมดเลย...
แต่กูโฟกัสแค่เสียงๆเดียว...กูโฟกัสแค่เสียงของเขาคนนั้น...เขาคนเดียวเท่านั้น
หลังจากที่ถึงบ้านแล้ว...ชานยอลเขาก็...เขาก็เฟรนลี่และมีน้ำใจมาก...
พี่ชังมินไม่ช่วยกูเลย พี่ชังมินทิ้งกูให้แบกกระเป๋าคนเดียวทั้งๆที่กูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ให้ทายว่าใครช่วยกูแบก...ชะ-ชานยอล...ชานยอลเดินมาแล้วบอกกูว่า
“ผมช่วยนะ” แล้วก็ดึงกระเป๋าออกจากมือกูไป... มึงคิดว่ากูเสียสติเพราะใคร? แล้วมึงคิดว่าสติกูจะกลับมามั้ย?
ไม่...
กูล่องลอยเดินขึ้นไปบนห้องเหมือนคนโดนสะกดจิต...กูไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น...กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระเป๋ากูขึ้นมาอยู่ในห้องกูได้ยังไง... ที่บ้านนี้มีเอลฟ์ประจำบ้านเหมือนในแฮร์ พอตเตอร์ด้วยหรอ?
กูว่าสติกูยังไม่กลับมานะ...
ชานยอลกลับไปแล้ว...กลับไปนานแล้วด้วย...
ดีที่เขาไม่กินข้าวกับพวกกู...ไม่งั้น...กูต้องเอาแต่มองเหม่อเหมือนคนบ้าแน่ๆ...
ชานยอลต้องคิดว่ากูบ้าแน่ๆ...เขาต้องคิดว่ากูสติไม่ดีแน่ๆอ่ะมึง...
แต่กูก็รู้สึกว่าสติกูไม่ดีเหมือนกัน...
ตกลงกูบ้าจริงๆใช่มั้ย? มึงเอากูส่งโรงพยาบาลที...
ปล.ชานยอลหล่อมาก
ปล.ชานยอลเมนหลักของกู TT TT
ผมโกรธพี่เซนาแล้ว! ผมถามอะไรก็ไม่ตอบ คุยด้วยก็ไม่คุย พอตอบก็ตอบเรื่องอะไรไม่รู้ไม่ตรงคำถาม! ผมโมโหจริงๆนะ!
ผมอยากให้เธอทำตัวเหมือนตอนเจอพี่จงแดที่ประเทศไทยดีกว่าทำตัวเหมือนคนสติล่องลอยแบบนี้! เพราะผมสื่อสารกับเธอไม่รู้เรื่อง!
ชานยอลฮยองหัวเราะพี่เซนาจนท้องผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกไปแล้วมั้ง! ผมอยากหัวเราะเหมือนกันนะถ้าผมไม่เหนื่อยกับการที่ต้องเรียกชื่อพี่เขาหลายๆรอบ
ผมไล่พี่ชานยอลกลับบ้านเองแหละ ผมทนให้พี่เซนาเป็นแบบนั้นอยู่ไม่ได้หรอกนะครับ เพราะผมต้องและพี่ชังมินต้องการคนทำอาหารต้องการคนทำความสะอาดบ้าน ป้าจินฮีกับลุงก็ดันลางานหนีไปพักร้อนอีก...ผมมาที่บ้านนี้เพื่อเจอพวกท่านแท้ๆแต่กลับหนีผมไปซะงั้นอ่ะ
ผมเหนื่อยมาก ผมจัดการเรื่องกระเป๋าของพี่เซนาและของผมเองด้วยตัวคนเดียวเลย...
ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จและไม่อยากใส่อะไรทั้งนั้น...ผมอยากแก้ผ้านอนมากเลยครับ เฮ้อ
หิวน้ำแฮะ...เมื่อกี้ตอนกินข้าวมัวแต่โกรธพี่เซนาจนลืมกินน้ำกินท่าแน่ๆเลยเรา...
ผมเดินลงไปในครัวทั้งๆที่ใส่แค่ผ้าขนหนูอย่างนั้นแหละ...ผมไม่อายหรอก คนที่บ้านทั้งนั้น
ผมเห็นพี่ชังมินนั่งคุยโทรศัพท์ไม่สนใจโลกภายนอกอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอไม่สนใจผมเลย
ผมเดินไปเปิดตู้เย็นและดื่มน้ำไปหลายอึกแก้กระหาย...ผมปิดตู้เย็นแรงๆก่อนจะหันกลับไป
และเจอพี่เซนาเอามือปิดหน้าตัวเองอยู่...
ผมรู้ครับว่าเธอเขินเพราะเห็นร่างเปลือยท่อนบนของผม...แต่ผมไม่สนใจ ผมโกรธเธออยู่ ผมเดินผ่านตัวเธอไปและกลับขึ้นห้องทันที...
(สอบถามนักอ่านหน่อยค่ะ ชอบที่จะอ่านตัวอักษรขนาดเท่าไหร่ค่ะ?
แบบตอนนี้ หรือแบบตอนที่แล้ว หรือแบบตอนที่แล้วๆค่ะ?)
ความคิดเห็น