คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เพื่อนของซูโฮและภารกิจ
ก่อนหน้าที่เซฮุนจะวาร์ป
ซูโฮกลับมายังบ้านของเซมีอีกครั้งเพื่อที่จะได้ปรับความเข้าใจและบอกรายละเอียดทุกๆอย่างให้พ่อกับแม่ของเซมีได้กระจ่าง
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ทำให้ท่านสองคนต้องตกใจ” ซูโฮโค้งขอภัยแสดงความเสียใจอย่างที่สุดที่มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับไคลูกชายของทั้งสองคน แต่พ่อกับแม่เซมีก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไร กลับยินดีด้วยซ้ำที่พวกเขาได้เจอเซมีอีกครั้ง และเป็นเซมีที่สดใสร่าเริงกว่าเมื่อก่อนมาก
และเมื่อเขาจัดการเรื่องราวที่บ้านของเซมีเสร็จ เขาก็รีบขึ้นรถสปอร์ตสีดำที่เขาขับมาเอง มุ่งตรงไปยังจุดหมายที่ต้องจัดการเป็นที่ต่อไป นั่นก็คือ โรงพยาบาลร้างนั่นเอง เขาจะต้องไปสะสางเรื่องของเซฮุนกับคริสให้กระจ่าง พ่อกับลูกควรจะได้ปรับความเข้าใจกันให้มากกว่านี้ เซฮุนเขาควรจะได้รับความเห็นใจจากพ่อของเขา ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเหมือนเด็กไร้ครอบครัวแบบนี้
ซูโฮกดโทรออกไปยังปราสาท
“เรียกเซฮุนมาคุยกับฉัน” เขากรอกเสียงลงไป ไม่นานเซฮุนก็ตอบกลับมา ซูโฮบอกสั้นๆแต่ได้ใจความ
“วาร์ปไปรอฉันที่หน้าโรงพยาบาลตอนนี้ได้เลย อีก5นาทีฉันถึง” แล้วเขาก็วางหูใส่เซฮุนทันที ดูเหมือนซูโฮจะทำตัวเหินห่างและแข็งกร้าวกับเซฮุนพอสมควร แต่ความจริงแล้วที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขาอยากให้เซฮุนโตและกลายเป็นผู้ใหญ่ได้ด้วยตัวเอง ซูโฮเขาไม่ได้คิดเหมือนคนอื่นๆ ที่ว่ามองเซฮุนเป็นเด็กพิเศษที่ต้องมีการดูแลมากกว่าปกติ เขากลับมองเซฮุนเป็นเด็กทั่วๆไปที่ยังทำตัวไม่โตพอ เขามองเซฮุนเหมือนเด็กที่ยังต้องการคำสั่ง ทั้งๆที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง มองลงไปลึกๆเซฮุนไม่ใช่เด็กที่ใสซื่อเลยนะ ดูภายนอกเหมือนเขายังไม่มีความคิดและคิดอะไรไม่ค่อยได้แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เขาฉลาด เขาฉลาดกว่าที่ซูโฮคิดไว้ซะอีก
ไม่นานรถของซูโฮก็จอดสนิทลงที่หน้าโรงพยาบาลและเห็นเซฮุนยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าเรียบร้อย เขาเหลือบมองเวลาในรถ
เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วสินะ
เขาลงจากรถและเดินนำเซฮุนเข้าไปอย่างไม่รอช้า เป้าหมายของเขามีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือคริส เซฮุนเดินตามหลังมาเงียบๆจนมาถึงห้องโล่งที่มีแค่เก้าอี้หนึ่งตัววางอยู่กลางห้องและบนเก้าอี้แน่นอนว่าคริสนั่งรอพวกเขาอยู่แล้ว เมื่อทั้งสองเดินเข้ามา เขาก็โบกมือยิ้มทักทายที่ดูขัดกับบรรยากาศมาก รอยยิ้มของเขาไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่เคยทำให้เซฮุนลูกชายคนเดียวของเขายิ้มตอบกลับไปได้เลยซักครั้ง
ซูโฮเริ่มทันทีที่เข้ามาถึง
“นายควรจะเข้ามาคุยกับลูกนายอาทิตย์ละ1วันนะ” น้ำเสียงดูจริงจังแต่ผ่อนคลายเหมือนกำลังทำการเจรจาเรื่องธรุกิจ
คริสยิ้มก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย เขาหันไปสบตากับเซฮุนแปปนึง ทำให้เหงื่อบนหน้าผากของเซฮุนเริ่มผุดขึ้นมา จากนั้นคริสก็หันไปตอบคู่สนทนา
“แผนนี้ เพื่ออะไรอีกละ? เพิ่มความอบอุ่นให้ครอบครัว?” เขายิ้มให้ซูโฮและพยายามกลั้นขำไว้ “นายนี่คนดีเกินไปนะ ถามฉันหรือยังว่าฉันอยากทำมั้ย? มากี่รอบๆก็ออกแนวมัดมือชกตลอดเลย”
“นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ซูโฮก็หัวเราะบ้าง ทั้งสองกำลังสู้กันด้วยคำพูด “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยนาย คนอย่างนายมันไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือจากใครหรอกคริส ฉันทำเพื่อเซฮุนต่างหาก”
ประโยคนั้นของซูโฮทำเอาคริสหุบยิ้มและหน้าเสียไปเสี้ยววินาทีก่อนเขาจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาหัวเราะอย่างเยือกเย็นได้อย่างว่องไว
“งั้นหรอ ช่วงนี้พูดดีเหลือเกินนะ ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย?” เขายังคงทำเป็นเล่นแต่ในที่สุด “ก็ได้ ฉันจะไปหาลูกชายของฉันแต่”
ทุกคนตั้งใจฟัง
“แต่ปีละครั้งพอละ” เขาพูดเสร็จก็พิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย
ซูโฮแทบจะตะโกนออกไปในทันทีแต่เขาต้องกลั้นเอาไว้ ถึงแม้เซฮุนไม่ได้ต้องการให้พ่อมาแบ่งปันความรักให้เขา แต่การที่ได้ฟังประโยคนั้นมันก็โหดร้ายเกินไปสำหรับลูกชายคนนี้ มันทำให้อารมณ์ของเซฮุนเริ่มหวั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ซูโฮพยายามพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิมแต่มันก็สั่นนิดๆ
“ปีละครั้ง? นายจะบ้าหรอคริส” เขาเริ่มใช้คำไม่เป็นทางการ
“ทำไมละ?!” คริสขึ้นเสียงแหลมด้วยความสงสัย “ปีละหนสำหรับฉันมันบ่อยนะเว้ยซูโฮ นายเองก็ด้วยนี่ นายเคยบอกฉันว่าแค่ ‘ปีนึงครั้งนึงที่เราได้เจอกันมันก็มากพอแล้ว’น่ะ ฉันยังจำได้เลย!”
คริสขุดอดีตขึ้นมาทำให้ซูโฮกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ เขาเหลือบไปมองอาการของเซฮุนอย่างหวั่นๆ
นายจะมาพูดเรื่องอดีตทำไมตอนนี้
“ซูโฮ” คริสยังจะต่อ “นายก็รุ้สุดท้ายฉันก็ต้องยอมนาย...ฉันไม่เคยชนะอะไรนายเลยซักครั้ง แต่ครั้งขอครั้งนึงเถอะนะ ไหนๆฉันก็ยอมรับข้อตกลงแล้ว แค่ปีนึงครั้งนึงมันจะอะไรนักหนา”
“แต่เซฮุนเขาไม่ได้เหมือนพวกเรานะคริส” ในที่สุดซูโฮก็หมดความอดทน เขาพยายามปกป้องเซฮุน แต่เหมือนเขากำลังเอาเข็มแทงเข้าไปที่หัวใจของเซฮุนแทน
“หือ?” คริสเกิดความสงสัยขึ้นอีกครั้ง เขามองไปที่เซฮุน “ลูกชายฉัน มันก็ต้องเหมือนฉันสิ!”
“ไม่ใช่! เขาไม่เหมือนเรา!” ซูโฮเริ่มขึ้นเสียง “นี่คริส! ปีนึงครั้งนึงมันโหดร้ายเกินไปสำหรับเขานะ นายจะทำร้ายเขาไปถึงไหนกัน ตลอดเวลาที่นายเลี้ยงเขามานายก็ไม่เคยให้ความรักแก่เขาเลย มันถึงเวลาแล้วคริส ตอนนี้ยังไม่สายนะ เซฮุนเขาต้องการความรักมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษด้วย มีแต่นายที่ช่วยเขาได้”
มาถึงตรงนี้อารมณ์ของเซฮุนก็ถึงขีดสุด น้ำตาเขาไหลลงอาบแก้มเงียบๆ ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความผิดหวังในตัวของพ่อ
คริสเงียบไปพักนึงก่อนจะถอนหายใจและลุกขึ้นยืน ตอนนี้คริสไม่ยิ้มอีกแล้วเขาไม่เล่นแล้ว สีหน้าและท่าทางบ่งบอกได้ว่านี่คือบอสใหญ่ที่ครองตำแหน่งจอมมารของที่นี่ เซฮุนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเขาเดินถอยไปชิดประตูด้วยความกลัว
“จะต้องการความรักอะไรนักหนา” คริสพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นก่อนจะเดินเข้าไปหาเซฮุนช้าๆ แต่ซูโฮมาดักหน้าคริสไว้ก่อน คริสจ้องเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เขาพยายามบอกให้หลีกไปด้วยสายตาอันแข็งกร้าวคู่นั้น แต่ซูโฮไม่กลัวคริส เขาไม่เคยยอมคริส
“คริส” ซูโฮเริ่ม “หยุดเป็นแบบนี้เถอะนะ”
คริสไม่ตอบเขาพยายามจะเดินไปหาเซฮุน ซึ่งตอนนี้ยืนอุดหูไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว เซฮุนร้องไห้และมีเสียงสะอื้นเล็กน้อยด้วยความกลัว
“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายหลบไป ฉันจะไปให้ความรักกับลูกชายฉัน”
“ไม่คริส นายยังไม่รู้...ไม่ใช่สิ นายลืมความรักมันไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้นายยังให้ความรักกับใครไม่ได้หรอกนะ”
คริสจ้องตาซูโฮเขม็ง “ตกลงแกจะเอายังไงกับฉันกันแน่ซูโฮ ไม่ใช่ว่าเราคุยกันเมื่อหลายปีที่แล้วหรอ ว่าเราจะแยกทางกันน่ะแล้วทำไมนายถึงยังโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นบ่อยนักละ มากี่รอบๆก็มาเอาความสุขของฉันไปทุกครั้ง”
“คริส” ซูโฮจ้องกลับไป...แต่ไม่ได้จ้องด้วยสายตาของการเอาชนะ เขาพยายามเข้าไป ถึงข้างในตัวคริส “ฟังฉันนะคริส...”
คริสเริ่มรับรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรเลยตัดสินใจใช้กำลังโดยการผลักตัวซูโฮกระเด็นไปโดนเซฮุนข้างหลัง เซฮุนตกใจจนเผลอร้องออกมาเสียงดัง น้ำหูน้ำตาของเขาไหลลงมาไม่หยุดหย่อน
“ออกไป!” เขาตะโกนไล่ “เทา!! เทามาหาฉันเดี๋ยวนี้!!!”
เขาตะโกนเรียกคู่หูที่เขาไว้ใจที่สุดให้ออกมา ซูโฮค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างใจเย็น คริสจะสติแตกทุกครั้งที่เขาใช้วิธีจ้องตาเพื่อจะมองความรู้สึกข้างใน ซูโฮทำแบบนี้ได้ดีเสมอ และเขาใช้มันกับทุกๆคนในครอบครัวมาแล้วด้วย มันอาจจะเป็นพลังของเขาก็ได้
คริสสติแตกเขาเขวี้ยงเก้าอี้ลงพื้นอย่างป่าเถื่อนพร้อมส่งเสียงคำรามเหมือนคนบ้า เซฮุนยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เขาไม่เคยเห็นพ่อตัวเองแบบนี้ อยู่นิ่งๆก็น่ากลัวอยู่แล้ว
“คริส...” ซูโฮพยายามกล่อมให้เขาใจเย็น “คริสฟังฉันนะ...”
คริสหายใจแรงและหอบอย่างหนักเหมือนกำลังสู้กับตัวเองเช่นกัน ซูโฮพูดต่อ
“คริส นายเป็นเพื่อนฉันเสมอนะ ฉันขอโทษที่ทิ้งนายไป ที่ฉันมาหานายนี่ไม่ใช่อะไรเลยคริส นอกจากมาง้อและขอคืนดีกับนาย...แต่ฉัน ฉันมันหยิ่งในศักศรีเกินไป เลยไม่ได้กล้าพูดออกไปตรงๆ คริสฉันขอโทษ นายกลับมาเป็นคริสคนเดิมเถอะนะ”
คริสปล่อยเสียงคำรามออกมาก่อนจะนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง...ซูโฮไม่แน่ใจว่าที่เขาพล่ามไปเมื่อกี้คริสจะได้ยินมัน ไม่นานเขาก็เริ่มหายใจปกติและใจเย็นลง เป็นเวลาเดียวกับที่เทาก็เปิดประตูเข้ามาดูสถานการณ์อย่างตกตะลึง เทารีบไปดูอาการบอสตัวเองอย่างใกล้ชิด เขาเรียกชื่อคริสอยู่สองสามครั้งเพื่อเรียกสติอีกที เทาดูเหมือนจะเข้าใจนิสัยของคริสดีพอสมควร
“คริส” ซูโฮแน่ใจแล้วว่าสถานการณ์สงบลงเขาจึงพูดต่อ “คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะ”
“หยุด” คริสยกมือห้ามให้เขาเงียบ “นายพูดมากวะ ฉันเริ่มรำคาญ”
ซูโฮได้แต่เงียบและรอให้เขาพูดอะไรซักอย่างออกมา
“โอเค” ในที่สุดคริสก็ยอมและปลงกับทุกๆอย่าง “ฉันจะไปเยี่ยมเซฮุนอาทิตย์ละครั้ง ตามที่นายต้องการละกัน”
ซูโฮยิ้มบางๆออกมาอย่างดีใจ นี่แหละคริส ความใจอ่อนของเขายังคงอยู่และไม่เลือนหายไปไหน
“เฮ้ย” จู่ๆคริสก็ทำเสียงแปลกใจเหมือนเห็นอะไรผิดปกติจากด้านหลังซูโฮ เทาก็เหมือนกันเขาทำตาโตด้วยความตื่นตระหนกปนสับสน ซูโฮหันไปมองข้างหลังเขาปรากฏว่าเซฮุน! ตัวของเซฮุนแดงจี๋เลยและเหมือนจะมีรังสีของความร้อนแผ่ออกมาจากตัวเขาจนสังเกตุเห็นเป็นแสงสีส้มที่เหมือนไฟได้ชัด ซูโฮรีบเข้าไปดูเซฮุนและสัมผัสตัวเขาแต่เขาต้องดึงมือกลับออกมาอย่างรวดเร็วเพราะมันร้อนมาก แสงเริ่มจ้าขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะไม่เห็นตัวเซฮุนข้างใน ทุกคนตื่นกระหนกทำอะไรไม่ถูก คริสลุกขึ้นยืนมองด้วยสีหน้างงงวยที่สุด อยู่มาหลายปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ซูโฮเองก็เช่นกัน เขาพยายามเรียกเซฮุน
“เซฮุน!! นายเป็นอะไรหรือเปล่า!!”
ทุกคนพยายามฟังเสียงตอบจากเขา
“ผม...”
“อะไรนะ?!”
“ผมกำลัง...”
“กำลัง?”
“ผมกำลังจะระเบิดแล้ว!!”
“หา!!!” ทุกคนตะโกนพร้อมกัน เทารีบมองหาทางออกแต่ประตูทางออกเดียวกลับโดนเซฮุนบังซะมิด แถมตอนนี้ความร้อนของเขาก็ทวีคูนขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว เทาตัดสินใจเตะหน้าต่างออก แต่นี่มันชั้นเก้า...จะให้ลงไปยังไง
“รีบๆ!!” เซฮุนตะโกนออกมาอีกครั้ง “รีบๆหนีไปเร็วเข้า!!!”
ซูโฮลุกลี้ลุกลนกระวนกระวายจนไปเดินชนคริสเซไปมา ตอนนี้ไม่มีเวลามาทะเลาะกันแล้ว พวกเขาต้องรีบออกไปจากตึกนี้! คริสยื่นมือไปคว้าแขนของซูโฮแน่นก่อนจะลากเขาเดินไปหาเทา เทารีบคว้าตัวซูโฮและอุ้มเขาขึ้นมาตามที่บอสส่งสัญญาณ
“โดดลงไปเลย!” คริสสั่งเทา
“เฮีย! แล้วเฮียละ!” เทาตอบกลับไป
“เดี๋ยวนายก็ขึ้นมารับฉันต่อไง! รีบๆไปสิ!”
“แล้วถ้าไม่ทัน!”
“รีบๆไป!!!” คริสตะคอกใส่เทา เทาเลยต้องยอมทำตามคำสั่ง เขาตัดสินใจโดดจากชั้นเก้าลงไปโดยที่อุ้มซูโฮไว้ในอ้อมแขนด้วย ซูโฮตกใจทำอะไรไม่ถูก เรื่องราวเกิดรวดเร็วจนเขารับรู้ไม่ทัน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เทาโดดลงมาจากชั้นเก้าลงพื้นดังโครม!เหมือนแผ่นดินไหวจนเกิดรอยร้าวบนพื้นกว้างเกือบสมองเมตร หรือว่านี่จะเป็นพลังของเทา!? เทาวางซูโฮลงและกำลังจะวิ่งเข้าไปในตึกอีกครั้ง แต่ผลปรากฏว่า!!
ตูม!!!!!!!
เทาเบรกฝีเท้าตนเองทันที ในที่สุดก็ระเบิดควันลอยโคมงจากชั้นเก้าห้องที่เซฮุนกับคริสอยู่ ซูโฮได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด
คริส!! เซฮุน!!
เทาเริ่มร้องโหยหวนเขาตะโกนเรียกเฮีย บอสของเขาไปสุดเสียง ก่อนจะทำท่าเหมือนจะวิ่งเข้าไปในตัวตึกที่กำลังจะพังลงมา ซูโฮรีบเข้าไปกระชากตัวเขาแต่ไม่สำเร็จ เทาสะบัดซูโฮหลุดกระเด็นไปไกล แรงของเขามหาศาลเหลือเกิน เทาพุ่งเข้าไปในตัวตึกอย่างไม่ลังเล ซูโฮรีบวิ่งเข้าไปในรถตัวเองเพื่อควานหาโทรศัพท์และเรียกให้ทุกหน่วยงานมาที่นี่ให้เร็วที่สุด
และเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเขาเห็นร่างของคริสที่โดนเซฮุนอุ้มเป็นเจ้าหญิงโผล่มาตรงหน้ารถของเขาพอดี!! เขารีบกระโจนออกจากรถไปดูทั้งสองคน เหมือนจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย มีแค่รอยควันดำๆติดตามตัวและเสื้อของทั้งสองเท่านั้น เซฮุนค่อยๆวางคริสลงและคริสก็ค่อยๆยืนด้วยขาตัวเอง สีหน้าเขาเห็นได้ชัดเลยว่ายังช็อคไม่หาย
“เกิดอะไรขึ้น!” ซูโฮปาคำถามใส่ทันทีเมื่อเห็นทุกคนปลอดภัย และเมื่อคริสได้สติเขาก็ถามถึงเทาก่อนจะตอบคำถามซูโฮ ซูโฮบอกว่าเทาเขาเข้าไปในตัวตึก และคริสก็ทำหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไร
“ไม่ต้องห่วงหมอนั่น” คริสบอก “ไม่มีอะไรทับมันแบนได้นอกจากโลกทั้งใบ” เหมือนจะเว่อแต่จริง ไม่นานเทาก็โผล่มาหาพวกเขาแบบไร้รอยขีดข่วน เขารีบเข้ามาหาคริสอย่างเป็นห่วงและโล่งใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น” ซูโฮย้ำอีกครั้ง
“ให้ลูกชายฉันเล่าสิ” คริสปัดหน้าที่
เซฮุนลังเลเล็กน้อยก่อนจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดยิบ
“ตอนที่ซูโฮกำลังคุยกับ...” เขาคงไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรแทนคริสดี แต่ทุกคนเข้าใจเลยปล่อยให้มันว่างไว้อย่างนั้น เซฮุนเล่าต่อ “ผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนมันแน่นๆที่หน้าอก ผมหายใจไม่สะดวกบวกกับเรื่องราวที่ผมไม่อยากฟังทำให้ผมทนไม่ไหว ก็เลยร้องไห้ออกมา...สุดท้ายมันยิ่งทำให้ผมหายใจไม่ออก พอผมพยายามหายใจแรงขึ้น ผมหายใจทั้งจมูกและปาก ถ้า...ถ้าหายใจทางหูได้ผมคงทำไปแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงผมแน่นหน้าอกมาก ผมเลยลงไปนอนและร้องไห้ไม่หยุดตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ได้เลย แต่ไม่นานอาการนี้มันก็หายไป หายไปแวบเดียวเลย ผมทั้งงงและตกใจ ตอนนั้นผมคิดได้อย่างเดียวว่าผมผีเข้าหรือเปล่า? ตอนนั้นเองผมก็หายใจสะดวกและผมก็หยุดร้องไห้แล้วด้วย แต่ว่าร่างกายของผมกลับเปล่งแสงออกมาแทนและเหมือนจะทำให้ทุกๆคนร้อน...แต่กับผมแล้วมันไม่รู้สึกอะไรเลย ผมงงมาก แต่ผมรู้ได้อย่างเดียวว่าอีกไม่นานมันจะระเบิด ผมเลยบอกให้ทุกคนหนีไป แต่ว่า...” เขาหยุดอีกครั้งเมื่อต้องพูดชื่อคริส “มีคนหนีไม่ทัน ผมกลัวมาก...ผมกลัวว่าผมจะทำให้เขาตาย ผมเลยรีบเข้าไปคว้าตัว...ไว้แล้วก็วาร์ปไปดาดฟ้าเพื่อส่งเขา ก่อนจะวาร์ปกลับมาระเบิดที่เดิม...ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก ผมไม่รู้ว่าจะไปวาร์ปที่ไหน ก็เลย...”
ทุกคนเข้าใจและกระจ่างแจ้งทันที ยังดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ ถึงแม้สุดท้ายมันจะจบแบบงงๆและน่าสะพรึงก็ตาม สรุปแล้วบ้านของคริสก็โดนทำลายด้วยลูกชายของเขาเอง...
เพราะเหตุนั้นพวกเขาถึงต้องมาอาศัยอยู่ที่ปราสาทของซูโฮชั่วคราว...
ณ บัดนาว
ตอนนี้เซมีกับเฉิน(ที่ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหน)กำลังแอบดู คริส เทา ซูโฮ และ เซฮุน นั่งกินข้าวบนโต๊ะยาวสุดหรูพร้อมหน้าพร้อมตา เซมีรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างอึดอัด
“นั่นพ่อเซฮุนแน่หรอพี่จงแด้” เซมีกระซิบถามเฉิน
“ไม่รู้สิ” เฉินกระซิบตอบ “แต่ว่าจงแดนะไม่ใช่จงแด้ ให้ดีเรียกเฉินเถอะ”
“ทำไมหน้าเด็กจัง แถมหล่อจนน้ำหมากกระเด็นเลยอ่ะพี่จงแด้”
“แดครับไม่ใช่แด้ นั่นสิ สงสัยเหมือนกันเนี่ย มีลูกไวไปป่าว”
“หล่อทั้งพ่อทั้งลูกเลยอ่ะพี่แด้”
“อืมเห็นด้วย แต่ว่าใครกันละพี่แด้เนี่ย” เฉินหันไปมองเซมีอย่างหมดความอดทน เซมียิ้มแห้งๆให้เฉินเขินๆ
“ขอโทษค่ะ พี่จงแด”
“อ่าฮะ” แล้วเซมีกับเฉินก็หันไปส่องพวกเขากินข้าวต่อ
“นี่” อยู่ๆชานยอลก็เข้ามาทักข้างหลังพวกเขาจนสะดุ้งโหยงเฉินเผลอร้องกรี๊ดออกมาแต่ดีที่เซมีหุบปากเขาทันก่อนที่จะมีใครรู้ตัว
“ชานยอล! ตกใจหมดเลย!” เซมีดุชานยอลด้วยเสียงกระซิบ
“เออนั่นดิ อายุหดไปสิบปีเลยเนี่ย” เฉินเสริม
“แล้วนี่มาแอบดูอะไรใครตรงนี้” ชานยอลทำท่าจะมองเข้าไปในห้อง แต่เซมีกับเฉินช่วยกันดันเขาออกไปก่อนจะรู้ว่าใครกำลังกินข้าวอยู่ ชานยอลเขาเป็นคนที่เคารพและบูชาซูโฮมาก ถ้ารู้เรื่องนี้คงไม่วายฟ้องชัวร์ๆเลย เซมีลากเขาเข้ามาในห้องของเธอเอง เฉินเริ่มเปิดประเด็น
“ฉันว่าแปลกๆ พ่อหน้าเด็กเกิน เขาชื่ออะไรแล้วนะ?” เฉินหันไปถามเซมี
“คริส”
“เออ คริส เขาน่าจะซัก24-25ได้มั้งเนี่ย ถ้าจะมีลูกอายุ19-20 อย่างเซฮุนได้นี่ต้อง...เฮ้ย!!!” เฉินเผลอตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ ทั้งชานยอลและเซมีที่ฟังอยู่ก็ตกใจจนเผลออ้าปากค้างกันทั้งสองคนเหมือนกัน
“5ขวบ!!” เฉินยังคงคาดเดาต่อ “มีลูกตั้งแต่5ชวบเนี่ยนะ!!”
“บ้าหน่า” ชานยอลเริ่มแสดงความคิดเห็นบ้าง “5ขวบเนี่ยนะ? ไข่ยังไม่ทันได้...”
เซมีจ้องชานยอลเขม็ง
นายกำลังจะพูดอะไรน่ะ ฉันอยู่ด้วยทั้งคนนะยะ!
“นั่นสิ” เฉินเสริม “ไข่ยังโด่งไม่เป็นเลย”
ชานยอลรีบอุดปากเฉินแต่ไม่ทันละ เซมีได้ยินหมดและ
จ้า คุณผู้ชาย....
เหมือนเฉินเพิ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“โทษที...” เขาเกาหัวเขินๆ “ฉันไม่ทันได้ระวังน่ะ”
“ช่างมันเถอะ...” เซมีถอนหายใจ เธอก็ไม่อยากจะใส่ใจเท่าไหร่หรอก
จู่ๆไคก็เปิดประตูห้องเข้ามา หลังจากที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาก็กลับมาเป็นไคคนเดิมทันที แต่ไคไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคนเท่าไหร่ เขาชอบไปเล่นกับหมาและแมวที่ซูโฮเลี้ยงไว้มากกว่า จนตอนนี้สนิทกับหมามากกว่าพี่สาวตัวเองแล้วมั้ง
“พี่” เขาเดินมาถามเซมี “ผมกับเซฮุนจะออกไปเล่นข้างนอกน่ะ”
“หือ?” เซมีทำหน้าสงสัย “เซฮุนกินข้าวเสร็จแล้วหรอ?”
“เพิ่งเสร็จเมื่อกี้เอง นะๆขอผมไปหน่อยนะ”
“อื้อ ไปสิ”
“เย้! รักพี่จังเลย” ไคเดินมาหอมแก้มเซมีทีนึงก่อนจะวิ่งดี๊ด๊าออกไปเล่นข้างนอก
เฉินถอนหายใจพร้อมทำเสียงจิ๊จ๊ะ
“ทำไมพี่จงแด” เซมีถาม
“โตแล้วยังจะมาเล่นหอมกงหอมแก้มอะไรอีก”
“หือ? ไม่ได้หรอ?”
“ก็ได้อยู่หรอก แต่ถ้าคนที่ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันมาเห็นเข้าเขาจะเข้าใจว่ายังไงละ?”
“ไม่เห็นต้องแคร์เลย”
“งั้นหรอ”
“อื้อ แค่หอมแก้มเอง ฉันยังหอมซูโฮบ่อยๆเลย”
ชานยอลถึงกับทำตาโตเมื่อได้ยินแบบนั้น
“จริงหรอ!!” เฉินขึ้นเสียงสูง “เธอหอมแก้มซูโฮด้วยหรอ?!”
“อื้อ ทำไมอ่ะ เขาดูแลฉันดีเหมือนพ่อแท้ๆของฉันเลยนะ”
“ให้ตายเถอะ...เออว่าแต่” จู่ๆเฉินก็เปลี่ยนเรื่องเฉย “เธอไม่เคยหลับจริงหรอ?”
ถ้าเป็นคนอื่นถามเซมีจะลังเลและสะดุดเล็กน้อยนะ แต่นี่เป็นเฉินเธอตอบแทบไม่ต้อง
คิดหรือรู้สึกอะไรไดๆ
“ใช่ ไม่เคยฝันด้วย”
“สุดยอด” เขาทำเสียงตื่นเต้น “แล้วถ้าไม่นอนเธอทำอะไรอ่ะ?”
ชานยอลมองเฉินแล้วส่ายหน้าเบาๆ ประมาณว่า หมอนี่พูดมากถามมากจริงๆ
“ก็อ่านหนังสือ ไม่ก็เล่นเกม ส่วนใหญ่ก็นอนนิ่งๆคิดอะไรๆไปเรื่อยๆ”
“โห ฟังแล้วน่าเบื่อเหมือนกันนะ”
“ใช่ แต่มันจะสนุกมากตอนฉันได้หนีเที่ยวกลางคืน”
“อ่า!” เฉินตื่นเต้นอีกครั้ง “แบบนี้เธอก็เที่ยวได้ทุกวันน่ะสิ โห น่าอิจฉาอ่ะ!”
“แน่นอน”
ชานยอลที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันก็เริ่มเบื่อ เขาเดินไปรอบๆห้องหาหนังสือแล้วเปิดผ่านๆไปเล่มแล้วเล่มเล่า จนความเบื่อดับลงเมื่อซูโฮเดินเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้มสีชมพูสดใส ชานยอลยิ้มอย่างดีใจทันทีเขารีบเข้าไปหาซูโฮ แต่เซมีทำกลับกัน เธอยี๋ใส่แฟ้มสีขมพูนั่น เริ่มไม่อยากออกไปไหน เริ่มขี้เกียจ เฉินถึงจะเป็นมือใหม่แต่เขาก็พอรู้อะไรมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“เอานี่ไป” ซูโฮยื่นแฟ้มสีชมพูให้ชานยอล ชานยอลรับมาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข “ครั้งนี้ง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรมากมาย”
ชานยอลเปิดแฟ้มเพื่อดูข้อมูลข้างใน เขาอ่านให้ทุกคนได้ยิน
“ลู่หาน มนุษย์ไฟฟ้า ไม่อันตราย”
เซมีมองหน้าเฉินเหมือนหาที่ระบายว่า ไม่อยากไปเลยอ่ะ
“ครั้งนี้” ซูโฮพูดต่อ “ฉันจะให้พวกเธอทั้งสามคนไปทำภารกิจร่วมกัน”
“หา?” ชานยอลทำหน้าเซงเล็กน้อย “ไม่มีดีโอหรอครับ?”
“ให้ดีโอเขาพักบ้าง”
“แต่มันต้องไปไกลถึงเมืองจีนเลยนะครับ” ชานยอลยังถามต่อ เขาคงจะไว้ใจดีโอมากเลยสินะ ถึงได้อยากให้ไปด้วยขนาดนั้น
ซูโฮได้แต่ยิ้มกลับมาก่อนจะบอกโชคดีและเดินจากพวกเขาไป
ชานยอลถอนหายใจเหมือนคนหมดหวังทันที เฉินเห็นแบบนั้นก็เลยถามแนวประชดไป
“ทำไม? พวกฉันมันไม่ดีเท่าดีโอหรอไง? มีดีต้องดีโอปะ?”
“ใช่!” ชานยอลโต้กลับทันที “มีร้ายต้องมีเฉิน”
“อะไรนะ!” เฉินขึ้นเสียงสูงอีกครั้ง “มีดีต้องดีโอ มีร้ายต้องมีเฉินหรอ! งั้นมีพาลต้องมีชานยอลแล้วละ!” เฉินรุกเข้าใส่ชานยอลทันที ชานยอลปัดป้องกันตัวเองจากเฉินอัตโนมัติ เซมีรีบเข้าไปห้าม
“พอๆ พอเลยทั้งสองคน!” แต่เธอเข้าไปผิดจังหวะเล็กน้อยทำให้มือเฉินป้าบ!เข้าไปที่หน้าเธอเต็มแรงเหวี่ยง เซมีร้องโอ้ยเสียงดัง ชานยอลนิ่ง เฉินนิ่งก่อนรีบขอโทษ
“ขอโทษ!! ไม่ได้ใจตั้งใจอ่า” เฉินรีบเข้ามาดูแก้มเธอ มันแดงก่ำเลย “ฮือ ขอโทษนะเซมี เจ็บมั้ยอ่า” เฉินเข้าไปกอดเธอด้วยความรู้สึกผิด
ชานยอลเห็นแบบนั้นละรีบเข้าไปแกะเฉินให้ออกห่างเซมี ก่อนจะซ้ำเติม
“เห็นมั้ยเพราะนายเลยเซมีถึงได้เจ็บแบบนี้ ไม่รู้กรามหักหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็นายมายั่วโมโหฉันก่อนทำไม!” เฉินเถียง
“แล้วใครลงมือก่อน!” ชานยอลเถียงกลับ
“พอๆ” เซมีรีบห้ามก่อนจะมีศึกที่สอง “ฉันไม่เป็นไรๆ และที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะทั้งสองคนนั้นแหละ”
ทั้งสองเงียบลงทันทีและก้มหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย เซมีเปลี่ยนเรื่องหันไปสนใจแฟ้มสีชมพูที่ตกอยู่ เธอหยิบขึ้นมาดูข้อมูลข้างในบ้าง
“เรารีบไปหาเขากันเถอะ!!” จู่ๆเธอก็รีบพูดซะจนต้องไอตามออกมา
“อะไร?” เฉินสงสัย เขาฉวยแฟ้มมาดูบ้าง “เมื่อกี้ยังบอกว่าขี้เกียจอยู่เลย โอ๊ะ! มิน่าละ!”
“ทำไมๆ” ชานยอลอยากรู้บ้าง “มีอะไร?”
“ก็ดูรูปสิ” เฉินชี้ไปที่รูปของลู่หาน “หล่อซะขนาดนี้ มิน่าละ”
เซมียิ้มอายๆให้เพื่อนทั้งสอง
แหม...ก็หล่อจริงๆอ่ะ
ภารกิจต่อไปกำลังจะเริ่ม
ความคิดเห็น