คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : แจ็คพอต 3
ฉันจีจี้ค่ะ ต่อจากนี้ไปฉันจะรับบทเป็นตัวหลักซักพัก
เอาละมาเข้าเรื่องกันต่อ หลังจากที่ฉันแน่เสียยิ่งกว่าแน่ว่าเซฮุนกำลังชอบ...หรือสนใจยัยกรกตหลังจากวันนั้นฉันก็ได้แต่หวาดผวาทุกครั้งที่มีคนโทรเข้ามา และกระตุกทุกเวลาที่ไลน์เด้งขึ้นมา แม้กระทั่งตอนฉันนอนฉันยังเก็บไปฝันและยังสะดุ้งสุดตัวทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้า
แต่เรื่องนั้นคงต้องเก็บไว้คุยกันต่อทีหลัง เพราะฉันกำลังยุ่งกับการยัดเสื้อเข้ากระเป๋าใบโต แม่ก็ตะโกนเร่งทุกๆสองวินาที
“พาสปอร์ต! บัตรประจำตัว! ชุดชั้นใน!”
แม่แหกปากพร่ำบอกสิ่งของที่ฉันอาจจะลืมให้ฟังเป็นรอบที่สองร้อยสิบเก้า
และเมื่อทุกๆอย่างเรียบร้อยและเมื่อฉันกับแม่อยู่ที่สนามบินที่เช็คอินแล้วเรียบร้อย...เราสองคนถึงได้หายใจโล่งอกโล่งใจ...มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเราเดินทาง...แบบไม่คาดฝันแบบนี้
เรากำลังจะไปปักกิ่ง ณ เมืองจีนดินแดนมังกร สาเหตุที่ไปเพราะอาม่าหรือแม่ของแม่ที่นั่น กำลัง...เอ่อ...ขอใช้คำนี้นะค่ะ กำลังตอแลว่าป่วยหนักจะเป็นจะตายอยู่...ทั้งๆที่รู้ว่าอาม่าโกหกแต่พวกเราก็ยังไม่วายที่จะรีบและเป็นกังวลทุกครั้ง อาการใกล้ตายของอาม่าจะเกิดทุกๆสองหรือสามเดือน...บางครั้งพวกเราก็คาดการณ์ล่วงหน้าไปเยี่ยมอาม่าก่อนอาการจะกำเริบด้วย
หลังจากที่นั่งในเครื่องฉันก็หลับเป็นตายเพราะความเหนื่อยและความกังวลเรื่องราวต่างๆในชีวิตทันที...สาบานได้เลยว่าถึงเครื่องบินจะตกทะเลฉันก็ไม่ตื่น
ในที่สุดเราก็มาถึงปักกิ่ง มีรถมารับเราอย่างดี...มีอาหารให้เราทานระหว่างการนั่งรถอย่างหรู อาม่าของเราไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่องความสะดวกสบายของลูกหลานเลยจริงๆ...
เป็นไปตามคาด...ที่อาม่ายังสดใสร่าเริงและดูพออกพอใจทุกครั้งที่แผนของนางสำเร็จ อาม่าสบายดี! อาม่าแข็งแรง อาม่าไม่มีโรคประจำตัวด้วยซ้ำ! ฉันกับแม่ยิ้มให้ท่านแห้งๆเมื่อพบท่าน ทั้งที่รู้ว่าเป็นแผนของอาม่าแต่เราสองคนก็โล่งจริงๆนะ ที่เห็นอาม่าไม่เป็นอะไร
ฉันนั่งคุยกับอาม่าทั้งวันและเกือบจะทั้งคืนด้วย ขอบคุณสวรรค์ที่อาม่านอนเร็ว...นางนอนตั้งแต่สองทุ่มกว่าๆ ฉันจึงมีเวลาโทรไปหายัยขนมไทยบอกเรื่องราวอันฉุกละหุกนี้ให้เธอฟัง ก่อนจะกดเบอร์ยัยกรกต่อ...
ไม่รับ...
ลองโทรไปอีกทีสิ
ไม่รับอีก...
เอาละ ฉันไม่ได้มีความอดทนสูงถึงขนาดโทรไปสายที่สามหรอกนะ และก็มีคนมารอฉันอยู่นอกบ้านนั้นแล้วด้วย! เพื่อนๆฉันเองค่ะ เพื่อนๆที่อยู่ที่นี่..เป็นเพื่อนที่คบเอาไว้เที่ยวโดยเฉพาะ
ฉันแต่งตัวให้ดูเปรี๊ยวและเซ็กซี่หน่อยๆทิ้งคราบนังติ่งหน้าคอมออกไปจนหมดเปลือก เพื่อนเที่ยวของฉันโทรมาเร่งเครื่อง ฉันบอกแม่แบบผ่านๆ นางไม่อะไรมากเพราะฉันเองก็โตแล้ว
ดังนั้น เลทส์ เก็ท อะ พาร์เต้!!
ณ ผับหรูแห่งหนึ่ง
“ชนหน่อยที่อาม่ายังอยู่!” ฉันประกาศกลางวง ทุกคนร้องเฮเสียงดัง ฉันไม่ได้ประชดนะ ฉันหมายถึงฉันดีใจจริงๆที่อาม่ายังอยู่ แต่ไม่รู้ว่าพวกเพื่อนๆของฉันจะคิดยังไง
ฉันดื่มหมดไปสองสามแก้วและเริ่มกริ่มนิดๆ มีเพื่อนผู้ชายคนนึงที่หล่อสุดแล้วในวงเพื่อนของฉัน(มั้งนะ) ลากมือฉันไปเต้นที่แดนซ์ฟลอ
โอเค บายค่ะ ฉันชอบเต้นก็จริงแต่ไม่ใช่เต้นกับผู้ชายในท่ายั่วๆกับเพลงช้าๆแบบนี้แน่ๆ ฉันจึงปลีกตัวออกจากเขาไปทันที...ไม่ต้องห่วงเรื่องความรู้สึกหมอนั่นหรอก หล่อขนาดนั้นเดี๋ยวสาวๆก็เดินเข้ามายั่วมันเองแหละ...และฉันเดาถูก เมื่อหันหลังกลับไปดูก็เห็นเขาเต้นกระหนุงกระหนิงกันกับสาวสวยนางหนึ่งแล้ว
ฉันมองเขาและส่งยิ้มเก๋ๆไปให้ทีนึง ก่อนจะเดินถอยหลังกลับไปที่เดิม...
ปั้ก! ฉันเดินชนกับร่างของใครเข้า ฉันหันไปมองและอ้าปากจะบอกขอโทษ แต่ฉันก็ต้องอ้าปากค้างอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่มีเสียงไดๆเล็ดลอดออกมา...อ้าอยู่แบบนั้นเลยจริงๆ
ลู่หานยิ้มเขินๆให้ฉันเมื่อเห็นว่าฉันช็อคเมื่อเจอเขา เขาโบกมือให้เชิงทักทายและเดินจากไปในความมืด....
โอ้ มาย ก็อด! ฉะ-ฉันเพิ่งชนเข้ากับลุ่หาน! เขาดู...เขาดูหล่อมากแม้แสงจะสลัวขนาดนี้! ขะ-เขาดู...เขาดูหล่อ...หล่อแบบกระชากวิญญาณมาก! คือ...คือฉันรู้สึกเหมือนใจหยุดเต้นไปสองนาทีเต็มๆก่อนที่จะกลับมาเต้นโครมคราม
ฉันจับหน้าอกตัวเองแน่นและหายใจจนตัวโยน...
“ไม่เป็นไรนะ” เสียงนุ่มๆดังมาจากด้านหลัง
ฉันหันขวับกลับไป ลู่หาน! เจอลู่หานอีกคน! เอ้ย! คนเดียวกันสิ! เขา..เขาพูดกับฉันใช่มั้ย...เขาพูดกับฉันหรือเปล่า? ทำไม...ทำไมเขามองตาฉันละ? ทำไมเขาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันละ...ละ-แล้วทำไมเขาดู...ดูแบดบอยจัง รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั้นมันอะไร!
“ละ-ลู่หาน?!” ฉันหลุดปากเรียกเขาออกไปจนได้
“ครับ ผมเอง คุณเป็นแฟนคลับผมหรอ”
โอ้ มาย ก็อด! สมองฉันทำงานช้ากว่าปกติ กว่าฉันจะรู้ว่าเขาพูดอะไรมันก็ช้าไปจนเขาต้องหัวเราะออกมา... ฉันส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ใช่แฟนคลับเขา โกหกแบบเนียนมากเลยยัยจีจี้ แต่ฉันว่าเขาเชื่อนะ...
“เต้นกับผมหน่อยมั้ย?”
โอ้ มาย ก็อด! เขายื่นมือมาให้ฉัน...ทะ-ทำไมฉันโชคดีอะไรอย่างนี้! คนสวยๆอย่างฉันโอเคฉันยอมรับว่าฉันสวยรวยและนมโต...แต่ฉันไม่คิดว่าจะโชคดีอะไรขนาดนี้...ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายหล่อๆที่ห้วงท้ายคำว่าไอดอลชื่อดังมาขอฉันเต้น... เต้นเพลงช้าๆที่ต้องกอดคอกัน...
หืม?... ลู่หานยิ้มมุมปาก...
ฉันไม่ใช่สาวใสซื่อและโลกสวยหรือมองโลกในแง่ดีอะไรเทือกนั้นหรอกนะค่ะ ฉันรู้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่...ฉันรู้ทันทีว่าลู่หานคนนี้...ก็เหมือนผู้ชายในผับทั่วๆไป...
รอยยิ้มของลู่หานจางหายไปเมื่อฉันส่ายหน้าปฏิเสธเขา...
ไม่อยากจะเชื่อเลยยัยจีจี้!! นี่แกปฏิเสธลู่หานคนแมนตรงหน้าแกได้อย่างไร!! แกหยิ่งในอะไรหา? ศักศรีอะไรของแก? ลู่หานยอมลดตัวลงมาเต้นกับคนอย่างแกเลยนะ! ทำไมแกปฏิเสธเขาไปละยัยจีจี้!
“ฉันเป็นแฟนคลับคุณค่ะ” อะไรที่ทำให้ฉันพูดแบบนั้นออกไป สมองส่วนไหนมันสั่งการ? “ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงในรายชื่อแบบนั้นของลู่หานอปป้าหรอกนะค่ะ” ความติ่งเข้าสมอง คราบสาวชอบเที่ยวสุดเซ็กซี่ของฉันหมดกันพอดี
ลู่หานดูสะพรึงและอึ้งมาก...อะไร? ฉันพูดอะไรผิดงั้นหรอ? หรือฉันไม่ได้พูดภาษาจีน? เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันพูดภาษาอะไร? ภาษาเอเลี่ยนหรอ? ทำไมลู่หานตกใจขนาดนั้นละ
“จีจี้!” เสียงของเพื่อนฉันมาจากไกลๆ “จีจี้โทรศัพท์!”
ลู่หานยังคงอึ้งทึ่งอยู่อย่างนั้น...ฉันควรจะจากเขาไปเลยดีมั้ยนะ?...เหมือนสติเขายังไม่กลับมา... ฉันควรบอกลาเขาซักหน่อยมั้ย...แต่ไม่ดีกว่า ฉัน...ฉันไปแล้วนะ
ฉันตัดสินใจเดินหันหลังจากเขาไปก่อนจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า
โอ้ มาย ก็อด! มีเรื่องให้ฉันต้องอ้าปากค้างอีกแล้ว! แต่ไม่ค้างนานเท่าตอนเจอลู่หาน ฉันรีบกดรับด้วยมือสั่นๆ
“เซฮุน!”
“กูเอง กูเอง”
ใจแป้วเลยจ้าเมื่อได้ยินเสียงนังเพื่อนตัวดีที่ชื่อกรกต
“นี่มึงเป็นแฟนเขาแล้วหรอถึงได้ใช้โทรศัพท์เขาน่ะ”
“ยังไม่เลิกคิดเรื่องนั้นอีก กูหาโทรศัพท์ไม่เจอ และกูมีลางว่ามึงต้องโทรมาแน่ๆ กูเลยยืมโทรศัพท์เซฮุนโทรหามึงเนี่ย”
“ลางมึงดีมากเลยค่ะ รอกูแปปนึงนะ”
ฉันรีบเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำหญิง
“มึงฟังกูนะ” คราวนี้จะเป็นตาฉันบ้างที่ได้เล่าเรื่องฟินๆให้เพื่อนฟัง ถึงสถานการณ์ของฉันกับยัยกรกตจะต่างกันมากก็เถอะ “ตอนนี้กูออกมาเที่ยวให้ทายว่ากูเจอใคร?”
ฉันเล่าให้มันฟังละเอียดยิบเลยว่าฉันบอกอะไรพี่ลู่ และสมองฉันก็กลับมาทำงานปกติแล้วด้วย ฉันคิดถูกจริงๆที่พูดออกไปแบบนั้น ถึงฉันจะ...จะเอ่อ..จะแรดนะ แต่ฉันก็ไม่ยอม...ตรงๆเลยละกัน ฉันไม่ยอมนอนกับผู้ชายคนไหนในที่แบบนี้แน่ๆ ฉันคิดว่าที่แห่งนี้คือที่ที่มอบความสุขให้ฉันและเพื่อนได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ความสุขแบบเคล้าโลกีอย่างนั้น ฉันไม่ชอบ ฉันค่อนข้างรักนวลสงวนตัวอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆนะ..ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นถึงอปป้าของฉัน แต่อปป้าที่ฉันรักคืออปป้าในแบบที่ฉันเห็นว่าเขาคือกระต่าย ไม่ใช่อปป้าที่รุกใส่ฉันยังกะเสือป่าแบบนี้
“กูไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ” ยัยกรกตส่งเสียงออกมา “นี่มึงไม่ได้ทำอะไรเขาเลยหรอ”
“นี่ๆ เขาสิจะทำอะไรกู อีหอยมึงมองกูเป็นตัวอะไรเนี่ย”
“อ๊าว! ก็มึงอ่ะชอบพุ่งใส่ผู้ชายอยู่เรื่อยเลยไม่ใช่หรอ!”
“บ้า!” นั่นแหละค่ะฉัน... ฉันชอบที่จะรุกมากกว่ารับ เอ่อ...เป็นผู้หญิงที่แปลกใช่มั้ยละ? “ถึงกูชอบพุ่งแต่ไม่ได้หมายความว่าชอบให้ใครพุ่งใส่นี่ยะ!”
พี่เซนายืนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนนานเหมือนกันนะครับ... ระหว่างที่เธอคุยไปเดินไปในห้องตัวเองอยู่นั้น ผมซึ่งอยู่ในห้องกับเธอด้วย(หมู่นี้ผมไม่ค่อยตื่นเต้นแล้วที่เข้ามาในห้องเธอ)ก็ช่วยเธอมองหาโทรศัพท์ที่หายไปเช่นกัน แรกๆพี่เขาคุยไปมองหาโทรศัพท์ตัวเองไปด้วย แต่สงสัยเรื่องที่เพื่อนเธอเล่าให้ฟังมันน่าสนใจกว่าโทรศัพท์เธอแล้วละมั้ง ถึงได้เลิกหาดื้อๆซะอย่างนั้น กลายเป็นผมคนเดียวที่กำลังก้มๆมองๆแถวๆเตียงเพื่อหาสิ่งนั้น
ผมลองเปลี่ยนจากที่ค้นเตียงไปค้นในลิ้นชักดูบ้าง...ผมตั้งใจจะหาของให้เธอจริงๆนะครับ ไม่ได้อยากรู้เลยว่าในนั้นมีอะไรถึงจะแอบสนใจอยู่เล็กๆก็เถอะ แหม...ผมไม่เคยค้นห้องผู้หญิงนี่นา... แต่เมื่อผมเปิดลิ้นชักยาวของเธอปุ๊ปผมก็ต้องชะงักปั๊บ
ในนั้นมีรูปชานยอลฮยองขนาดกล้องโพราลอยด์เต็มไปหมด... รูปชานยอลฮยองถือตุ๊กตา รูปชานยอลฮยองกินจาจังเมียน รูปชานยอลฮยองแอ๊บสองนิ้ว รูปชานยอลฮยองกับจงอินกอดกัน รูปชานยอลฮยองกับจงอินเล่นกัน... และผมเห็นรูปแบคคยอนฮยองด้วยรูปนึง...แต่ไม่มีรูปผมเลย ผมอยากเขี่ยหารูปตัวเองในนั้นจริงๆนะ...แต่ทำแบบนั้นเพื่ออะไร?
ผมปิดมันแต่เปิดดูใหม่...ยังกะทำแล้วผมจะหาโทรศัพท์ของเธอเจองั้นแหละ...
(ยังกะทำแล้วรูปชานยอลฮยองจะเป็นรูปคนอื่นงั้นแหละ...)
“เซฮุน”
เธอคุยเสร็จแล้ว กำลังเดินมาทำหน้าเสียใจใส่ผมอยู่
“พี่ขอโทษ พี่คุยนานไปหน่อย พี่ลืมไปเลยว่าใช้โทรศัพท์นายอยู่”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าพี่ ผมหาโทรศัพท์พี่ไม่เจอเลย”
“พี่นึกออกแล้วว่าอยู่ไหน”
“อยู่ไหนครับ?”
“ในตู้เย็น”
ผมกับเธอหัวเราะพร้อมกันทันที... มิล่าละถึงวางสายเธอจำได้แล้วว่าโทรศัพท์แบตเกลี้ยงของเธออยู่ที่ไหนนั่นเอง...
ผมเดินตามเธอลงไปในครัว เธอหัวยังหัวเราะตัวเองไม่หยุด...ผมก็ด้วย...แต่ผมไม่ได้หัวเราะเพราะเรื่องโทรศัพท์อยู่ในตู้เย็นอย่างเดียวหรอกนะครับ... ผมหัวเราะเพราะผมเห็นใบหน้าที่มีความสุขของเธอต่างหาก...
ฉันขนมไทยกำลังรู้สึกเซงกับชีวิตตัวเองมาก...ในขณะที่เพื่อนทั้งสองคนของฉันเจอแจ็คพอตกันแบบไม่เกรงใจแต่ฉันต้องกลับไปต่างจังหวัดและต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน! ฉันอยากจะพูดคำฮิตติดปากของยัยจีจี้มากเลยตอนนี้ นั่นคือ ฆ่าตัวเองซะขนมไทย
เพื่อนไปเกาหลี...เพื่อนอีกคนก็ไปจีน..นั่นไม่น่าอิจฉาเท่าพวกมันเจอexoนะ ล่าสุดมานี้ยัยจีจี้เจอเมนฉันทำตัวแบดบอยกลางผับแห่งหนึ่ง...ใจฉันหล่นวูบเลยเมื่อมันเล่าว่าพี่ลู่มองมันยังไง
ฉันแอบดีใจมากที่ยัยจีจี้ยังเป็นคนรักนวลสงวนตัว...และฉันคงรับไม่ได้จริงๆถ้ายัยนั่นเดินกลับบ้านไปกับพี่ลู่...
บ้านที่ต่างจังหวัดของฉันเปิดฟาร์ม มีหมดเลยค่ะ ตั้งแต่ฟาร์มวัว ฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ เวลาฉันกลับบ้านหน้าที่ของฉันที่ทำก็คือดูแลฟาร์มไก่...ตื่นมาตั้งแต่ตีหน้าเพื่อเก็บไข่ไก่และทำความสะอาดเล้าไก่ไปเรื่อยๆแล้วแต่จะขยันหรือขี้เกียจตอนไหนก็พัก ฟาร์มไม่ใช่เล็กๆด้วยนะค่ะ แน่นอนว่าฉันไม่ได้ทำคนเดียว มีคนงานมาทำพร้อมๆกับฉันนี่แหละค่ะ แต่ก็นั่นแหละ ถึงลุงของฉันเองจะเป็นเจ้าของฟาร์มนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกหลานของลุงจะต้องไม่ทำงาน...
ฉันกลับไปทีไรเงินมากกมายก็เข้ามาหาฉันตลอด มันคือข้อดี...แต่แลกกับหยาดเหงื่อนะ...
และในที่สุดฉันก็มาถึงบ้านของลุง ลุงฉันชื่อโชคค่ะ ใครๆก็เรียกลุงโชค
ฉันกำลังกวาดห้องและถูห้องที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายเดือนนี้อยู่อย่างเหน็ดเหนื่อย บวกกับอากาศร้อนผ่าวนี่ยิ่งทำให้เหนื่อยกว่าเดิม ห้องนี้จะเป็นห้องที่ฉันนอน...และส่องอปป้าของฉัน (ดีที่บ้านลุงมีอินเตอร์เน็ตและค่อนข้างแรงด้วย)
“พี่ขนมไทย!”
เสียงลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยๆตะโกนมาแต่ไกล บ้านลุงของเราอยู่กันหลายคนค่ะ เป็นครอบครัวใหญ่เลย จึงมีทั้งเด็ก วัยรุ่น คนแก่ ครบทุกเพศทุกวัย...
“มีอะไรขนมหวาน?” ฉันหยุดถูพื้นและรอเจ้าตัวเล็กมาบอกข่าว ขนมหวานวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“มีฝรั่งมาบ้านลุงอีกแล้ว”
ทุกครั้งที่ชาวต่างชาติมาไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ลุงและคนในบ้านก็จะหันมาหาฉันคนนี้ตลอด...ฉันไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมากขนาดนั้น แต่ก็พอสื่อสารได้ ที่ฉันเก่งน่ะ เกาหลีต่างหาก...
ฉันเดินตามขนมไทยลงไปชั้นล่างทั้งสภาพที่ดูเหนื่อยๆอย่างนั้นแหละ แขกที่มาก็คงไม่ใช่หนุ่มหล่อหรอกค่ะ เป็นเพื่อนวัยเดียวกับลุงตามเคย...
แต่เมื่อฉันเห็นแขกคนนั้นจริงๆ...ฉันก็อยากฆ่าตัวเองทันทีเลยค่ะ...ทำไมไม่ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวหรือไม่ก็อาบน้ำไปเลยก่อนนะขนมไทย!...ไม่ใช่แค่ยัยกรกตกับจีจี้เท่านั้นที่เจอแจ็คพอต
ตรงหน้าฉันตอนนี้มีเฉินหรือจงแดนักร้องเสียงหลักวงexoยืนคุยกับลุงฉันอยู่!!
“พี่จงแดไปทำอะไรที่ไทยหรอเซฮุน” ฉันกรกตเองค่ะ เมื่อคืนได้รับโทรศัพท์เร่งด่วนจากยัยขนมไทยตอนดึกๆดื่นๆ แทบทำให้ฉันนอนไม่หลับเลยจริงๆนะ ทำไมพวกเราสามคน...ถึงโชคดีอย่างนี้? สวรรค์กำลังเป็นใจให้พวกเราใช่มั้ย? ฉันอดทนข่มตาหลับทั้งๆที่หัวใจเต้นแรงจนถึงเช้า ฉันตื่นมารอให้เซฮุนกินข้าวอาบน้ำและเดินมาดูทีวี ฉันจึงพุ่งเข้ามานั่งร่วมกับเขาและถามเรื่องนั้น
“เห็นพี่เขาบอกว่าอยากไป...อะไรนะ...สัมผัสชีวิตแบบพอเพียงครับ”
อะไรนะ! พี่จงแดจะอินดี้ไปไหน?! แล้วชีวิตแบบพอเพียงน่ะทำที่ไหนก็ได้! ไม่เห็นต้องแถกไปถึงประเทศไทยเลย! นี่เขาเข้าใจคำว่าพอเพียงจริงๆหรือเปล่า?
“มันคืออะไรหรอครับ ชีวิตแบบพอเพียงเนี่ย?”
“อ๋อ...มันก็คือการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไม่โลภมาก พอใจในที่สิ่งที่ตัวเองมีน่ะ”
ฉันตอบตามที่ตัวเองเข้าใจไปให้เซฮุน...มันก็จริงอยู่ที่ว่าถ้าได้ไปสัมผัสกับกลิ่นอายพื้นหญ้ามันจะรู้สึกได้เยอะกว่า...แต่การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่ใช่การไปอยู่ในฟาร์มเลี้ยงวัวเลี้ยงไก่แบบนั้นอย่างเดียวซะหน่อย... เออ ช่างพี่จงแดเขาเถอะ...เขาคงมีความสุขกับการได้อยู่ที่นั่น
เฮ้ย! ช่างพี่จงแดได้ยังไง!! พี่จงแดคือเมนรองของฉันนะ!! ฉันอยากไปดูกล้ามเนื้อของพี่เขากับตาของฉันจริงๆนะ! ฉันควรจองตั๋วกลับประเทศตอนนี้เลยดีมั้ย? ให้ตายเถอะ อุตส่ามาถึงเกาหลีแต่พี่จงแดกลับไปอยู่ที่ไทยซะงั้น...
ยัยขนมไทยอาจจะโชคดีแต่นังนั่นไม่สติแตกหรือทำอะไรไม่ถูกเหมือนฉันแน่ๆ ก็พี่จงแดสำหรับมันเป็นแค่คนที่ร้องเพลงเก่งเท่านั้นนี่นา...ฉันเกลียดยัยขนมไทย ทำไมมันต้องมองพี่จงแดของฉันด้วยสายตาที่ไร้ความตื่นเต้นไดๆอย่างนั้นด้วย! ฉันรักของฉันหล่อนไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!
“พี่...พี่ครับ”
เพิ่งรู้ตัวว่าฉันกำลังยืนและทำเสียงฟึดฟัดอยู่หน้าทีวี... ดีนะที่เซฮุนเขย่าแขนเรียกสติฉันไว้ ไม่งั้นฉันชี้หน้าด่าทีวีไปแล้วแน่ๆ... เจ็บใจจริงๆนะ ยัยขนมไทยมันทำเหมือนพี่จงแดของฉันเป็นคนธรรมดาๆแบบนั้นได้ยังไง ไม่ยอมนะ
“ฉันจะไปหาพี่จงแด”
“อะไรนะครับ?”
“.....ฉันจะกลับไทย พรุ่งนี้เลย”
ฉันเป็นคนแบบนี้แหละค่ะ ไม่ค่อยมีแผนล่วงหน้าเท่าไหร่มีแต่แผนกะทันหันแบบนี้ตลอด และฉันรู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่รีบจัดการเรื่องจะกลับบ้านนี้ในทันทีละก็มันจะหายไปและก็ต้องมานั่งเสียดายที่หลังแน่ๆ เมื่อฉันตกลงกับตัวเองแน่วแน่แล้วว่าจะกลับ ขั้นตอนที่ต้องทำทุกอย่างก็โผล่เข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ
ฝากเพื่อนเล็คเชอร์
เอาเงินเก็บออกมา
จองตั๋วเครื่องบิน
จัดกระเป๋า
และห้ามให้ที่บ้านรู้
เพื่อพี่จงแดของเรา! กรกตยอมทุกอย่าง!
“ผมไปด้วย”
วันต่อมา ผมตื่นเต้นมากที่จู่ๆก็ได้ไปประเทศไทยแบบไม่คาดฝันแบบนี้ ผมไม่ได้บอกใครเลยเพราะไม่มีเวลาจะโทรศัพท์ ผมต้องรีบควานหาชุดที่ดูไม่แฟชั่นจ๋าหยิบหมวกและครีมกันแดด ที่พี่เซนาพร่ำบอกให้ผมพกไปด้วยเสร็จแล้วก็คุ้ยหาพาสปอร์ตและบัตรเครดิต...
ก่อนออกจากบ้านผมก็ไม่ลืมที่จะปลอมตัวปิดหน้าปิดตาให้มิดชิด...ค่อนข้างยากมากเลยครับที่ผม โอเซฮุน จะไม่โดนแฟนๆสังเกตได้ ไม่นานหลังจากลงแท็กซี่ผมก็รีบเดินไปเช็คอินตามหลังพี่เซนาไปติดๆ และไม่นานเลยจริงๆที่ แชะ! แฟนๆจะถ่ายรูปผมทัน ผมภาวนาไม่อยากให้พี่เซนาต้องลำบาก...แต่ผมว่าแฟนๆคงไม่ได้สนใจเธอหรอก หรือเพราะสนใจไม่ทันมากกว่า เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แล้วแต่พี่เขาคล่องมากเลยนะครับ เดินก็ไว แบกกระเป๋าหนักๆก็ได้ แถมตั๋วพาสปอร์ตหรืออะไรที่จำเป็นพี่เขาก็มีครบทุกอย่าง... เธอยังไม่ลืมแม้กระทั่งจะสั่งเบอร์เกอร์และน้ำให้ผมในระยะเวลากระชั้นชิดแบบนี้...
ผมแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเครื่องที่ผมจะขึ้นมันดูค่อนข้างเล็กกว่าปกติ...ที่นั่งก็ค่อนข้างจะเบียดกันด้วยแต่ก็ถือว่าสบายในระดับหนึ่ง
พี่เซนาไม่คุยอะไรกับผมเลยครับ สงสัยใจจะอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว ผมไปประเทศไทยมาหลายครั้งแล้วครับ...แต่ทุกครั้งก็จะมีพี่ๆและสตาร์ฟเป็นสิบตามมาด้วยเสมอ...ครั้งนี้คือครั้งแรกที่ผมมากับพี่เซนาแค่สองคน...และแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้าด้วย กะลุยดาบหน้าอย่างเดียว ถึงใจผมแอบหวั่นๆแต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
ผมไม่รู้ว่าพี่เซนาเขาจัดการเรื่องตั๋วยังไงถึงได้ลงในสนามบินรองของประเทศแบบนี้...มันเรียกว่าท่าอากาศยานดอนเมืองหรือเปล่า? นั่นแหละครับ มันเล็กกว่าสนามบินที่ผมเคยลงอยู่มากแต่มันก็ดีมากเหมือนกันเพราะคนไม่พลุกพล่าน
เมื่อเดินออกจากเกทผมก็ปิดหน้าปิดตาทันที แต่
“ถอดออกซะเซฮุน เหลือไว้แค่หมวกก็พอ”
ผมหันไปมองหน้าเธอแปลกๆ แต่ก็ยอมถอดแว่นและที่ปิดหน้าดใส่กระเป๋าอย่างว่าง่าย...
โอะโอ...อาจจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเท่าไหร่นะ เพราะคนเริ่มมองผมแล้ว...
แต่พวกเขาแค่มอง...มองเฉยๆแบบไม่ได้ยกมือถือหรืออะไรมาถ่ายหน้าผมเลย
“นายหล่อน่ะ และเชื่อมั้ยว่าพวกเขาคงไม่คิดหรอกว่าเซฮุนexoคนนั้นจะมาที่นี่” พี่เซนากระซิบบอกผมขณะที่เธอโบกแท็กซี่แบบรีบๆ
ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยครับ แม้กระทั่งสนามบินที่เกาหลีประเทศบ้านเกิดของผม ผมก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย...ผมได้แต่เดินตามหลังต้อยๆเหมือนหมาเดินตามเจ้านาย...
นี่แหละข้อเสียของไอดอลอย่างผม...เดินทางคนเดียวไม่เป็น
ผ่านไปประมาณหกชั่วโมงมั้งครับ...ที่ผมนั่งๆนอนๆบนรถแท็กซี่คันเดียวกับที่ออกมาจากสนามบินและพุ่งตรงไปยังจุดหมายทันที พี่เซนาบอกว่าเธอเหมาจ่ายข้ามจังหวัด...ผมไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า แต่มันก็น่าจะเป็นทางที่สะดวกที่สุดแล้วละ...
พี่เซนาแวะซื้อของกินอยู่สองครั้งแวะเข้าห้องน้ำอยู่หนึ่งครั้ง...และทุกครั้งที่แวะก็เพื่อผมทั้งนั้นครับ เธอไม่ถามว่าผมหิวมั้ย เธอไม่ถามว่าผมต้องการอะไรปวดห้องน้ำหรือเปล่า แต่เธอเดาใจผมถูกหมดเลยครับ เธอใจดีซื้อของกินให้ลุงคนขับแท็กซี่ให้อีกด้วย...
ผมไม่รู้ว่าเธอทำทั้งหมดนี่ได้ยังไง...
โอะโอ...เมื่อถึงที่หมาย...ผมเห็นทุ่งหญ้าอันกว้างขวางและผมเห็นฟาร์มมากมายอยู่ข้างหน้านั่น ผมแทบช็อคเพราะความร้อนของอากาศของเมืองไทย ผมต้องดึงฮูดขึ้นมาปิดหน้าทันที
ผมช่วยพี่เซนายกกระเป๋าออกจากรถและเดินจ้ำตรงไปยังบ้านหลังใหญ่... ขนาดผมยังเหนื่อยและหอบเพราะความร้อนมากขนาดนี้...พี่เซนาที่ตัวเล็กกว่าผมมากเธอทนได้ยังไง?
เมื่อถึงในบ้านผมแทบอยากจะล้มลงไปนอนกับพื้น แต่ไม่ได้ทำเลยครับ ไม่ได้แม้จะจิบน้ำซักแก้ว มีคนในบ้านออกมาต้อนรับพวกเราครับ แต่พี่เซนา
“ขนมไทยอยู่ไหนขนมจีน?”
เธอพูดอะไรผมฟังไม่รู้เรื่อง...แต่ผมเดาได้เลยว่าไม่ใช่คำว่าพักแน่ๆ
เมื่อเธอได้คำตอบแล้วเธอก็พุ่งออกจากบ้านและตรงไปยังฟาร์มที่อยู่ไกลลิบๆนั่นแทน ผมอยากจะบ้าตายครับ ผมเดินตามเธอท่ามกลางแดดจ้านี่ได้ยังไง ผมกำลังทำอะไร? แล้วผมเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่ พี่เซนา...หันมาสนใจผมหน่อยสิ
และเมื่อถึงฟาร์มไก่ เธอก็แหกปากร้องครับ
“ขนมไทย!!! แกอยู่หนายยยย!!!”
เหล่าไก่น้อยไก่ใหญ่ที่อยู่ในฟาร์มต่างก็กระพือปีกบินพับๆขนฟุ้งกระจายเพราะเสียงของพี่เซนา แต่คนงานในนั้นกลับหันมายิ้มแล้วขำให้เธอแทน...
ไม่นานก็มีผู้หญิงที่น่าจะเป็นเพื่อนของพี่เซนาวิ่งถลาออกมาจากฝูงไก่ เธอช็อคเมื่อเห็นผมครับ เหมือนที่พี่เซนาช็อคตอนเห็นผมครั้งแรก...แต่เธอยังมีสติพอที่จะเดินเข้ามาหาเพื่อนของเธอโดยสายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผม...ผมทำเป็นสนใจไก่แถวๆนั้นแทนจะสบตากับเพื่อนของพี่เซนา
พี่เซนาเข้าไปเขย่าตัวเพื่อนของเธอแรงๆ
“พี่จงแด...พี่จงแดอยู่ไหน!!”
ผมได้ยินคำว่าจงแด...ไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าพี่เซนายังไม่ลืมที่จงแด ถ้าเป็นผมนะถึงมีทองรออยู่ข้างหน้าผมก็ทิ้งมันไปเพราะความร้อนของแดดได้ง่ายๆเลยจริงๆนะ...ผมยืนปาดเหงื่อและมองร่างที่สั่นไปตามแรงเขย่าของพี่เซนาอย่างนึกสงสาร...
“อยู่ที่นี่แหละ! แต่ฉันไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหน!”
“มึงปล่อยให้พี่จงแดอยู่คลาดสายตาไปได้ยังไง!”
“กูก็มีงานของกู พี่เขาก็มีงานของพี่เขา”
“มึงต้องตาย!!”
“มึงก็ไม่ควรจะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวพี่เขานะ!”
“ไม่! ไม่ใช่ตอนนี้!”
ผมไม่รู้ว่าพวกพี่เขาคุยอะไรกันแต่จู่ๆพี่เซนาก็เดินดุ่ยๆฝ่าวงไก่เข้าไปข้างในฟาร์ม...ผมมองเพื่อนพี่เซนาสลับกับหลังของพี่เซนาที่ไกลออกไปเรื่อยๆ...และผมก็ตัดสินใจเดินตามพี่เซนาไป เพราะผมเห็นเพื่อนพี่เขาช็อคอีกแล้วเมื่อเธอมองมาที่ผม...
ผมเดินตามพี่เซนาไปติดๆ เธอทำท่าเหมือนมองหาใครซักคนและผมรู้ว่าใคร ผมจึงมองหาพี่จงแดช่วยเธอด้วยอีกแรง...และผมก็หาพี่เขาเจอไม่ยากเลยครับ เพราะผมตัวสูง พี่จงแดเขากำลังให้อาหารไก่อยู่ หน้าเขาดูมีความสุขมาก แต่ทำไมผมจึงหัวเราะออกมาเนี่ย
พี่เซนายังไม่เห็นครับ ผมจึง
“พี่ครับ จงแดฮยองอยู่ตรงนั้น”
ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ พี่เซนาวิ่งถลาเข้าไปกอดพี่จงแดแน่นเหมือนไม่ได้เจอกันสิบปี!
ทำไมเธอไม่เขินไม่อายไม่ช็อคเหมือนที่เจอผมเลยละ... ไม่ยุติธรรมเลย...
ความคิดเห็น