คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 ศัตรูของซูโฮ
ไค ไค ไค ไค!
ชื่อของน้องชายดังก้องไปทั่วทั้งสมองและจิตใจ เซมีปาดน้ำตาออกแรงๆระหว่างที่กำลังนั่งรถแท็กซี่เพื่อมุ่งตรงไปยังบ้านเก่าของเธอ
เมื่อรถแท็กซี่หยุดจอดตรงหน้าหมู่บ้านทุกๆอย่างดูเหมือนจะช้าสำหรับเซมีไปหมด ผู้คนที่เดินผ่านไป ใบไม้ที่กำลังร่วงหล่น ลมเบาๆที่พัดผ่าน น้ำตาที่ไหลรินลงอาบแก้มทั้งสองข้าง ทุกอย่างเคลื่อนไหวช้า ช้าที่สุด... ที่นี่คือหมู่บ้านของเธอ หมู่บ้านที่เธอโตมา เป็นสถานที่ที่เธอเคยกินเล่นและล้มตัวลงบนเตียงเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิตของเธอ และเป็นสถานที่ที่เธอกับคนที่เธอรักที่สุดในชีวิตได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขถึงจะไม่มากพอก็ตาม
ไค!
เซมีก้าวเท้าเดินตรงไปยังบ้านตัวเอง หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ อดีตกำลังหวนคืนมา อดีตที่แสนจะคิดถึงอดีตที่แสนจะอยู่ยากลำบากอดีตที่แสนจะหอมหวานทุกๆอย่างกำลังใกล้เข้ามาหาเธอ เธอเร่งฝีเท้า ก้าวยาวขึ้น เร็วขึ้น จนเรียกได้ว่าวิ่ง เธอวิ่งสุดกำลัง น้ำตายังคงไหลรินอย่างไม่ขาดสาย แต่กลับมีเพียงเสียงลมหายใจของเธอเท่านั้นที่เล็ดลอดออกมา เธอมองเห็นบ้านหลังน้อยๆของเธอ แต่ทำไมมันดูเศร้าหมองจังเลยนะ ทำไมมันดูเจ็บปวดแบบนั้นละ เซมีพุ่งตรงไปอย่างไม่ลังเล เธอบิดประตูเข้าบ้านไปแทบจะไม่ได้หยุดวิ่งเลย เธอวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้านโดยสัญชาตญาณ วิ่งผ่านห้องเล็กๆของเธอไป และหยุดหายใจตรงหน้าห้องของไค ประตูเปิดค้าง เธอมองเข้าไปข้างใน เห็นพ่อกำลังกอดปลอบใจแม่
“พ่อ แม่...” เซมีเรียกพวกเขา “พ่อ...แม่...”
แม่หันมามองเธอทั้งน้ำตา เธอรีบเข้ามาโอบกอดเซมีไว้ด้วยความอบอุ่น อบอุ่นที่สุด อบอุ่นจนต้านน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เซมีกอดแม่แน่น เธอร้องไห้โฮทันที เป็นการร้องไห้ในรอบหลายปี ร้องไห้ที่เรียกกว่าร้องไห้จริงๆ
ความจริงยังไม่มีใครบอกอะไรเซมี ความจริงที่ทุกคนรู้
“ไม่เป็นไรนะลูก” แม่ลูบหลังเธอเบาๆ “ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ครบแล้ว”
“แม่...ไคเป็นอะไร” เซมีถามแม่ด้วยเสียงอันสั่นเทา แต่กลับได้คำตอบมาแค่เสียงสะอื้นจากแม่ แม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมเสียงสะอื้น แต่ก็ยังตอบเซมีไม่ได้ แม่คงยังไม่พร้อม พ่อเลยเข้ามากอดทั้งสองคนแล้วพูดความจริงออกมาในที่สุด
“ไค เขาหลับสบายแล้วลูก”
สิ้นเสียงของพ่อเซมีแทบจะล้มทั้งยืนในอ้อมกอดแม่ แต่เธอต้องเข้มแข็ง เธอต้องเข้มแข็งกว่าแม่สิ เธอต้องไม่ทำให้ใครเป็นห่วงเธออีก
แต่ว่าไค...ไคของเธอ น้องชายที่มีรอยยิ้มดั่งดวงตะวันคนนั้น...เธอจะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีกแล้วหรอ...ไม่มีวันที่เธอจะได้สัมผัสถึงความบริสุทธิ์จากรอยยิ้มนั้นอีกแล้วหรอ...ตอนนี้ไคคงจะโตขึ้นมาก แต่เธอยังไม่ได้เห็นเลย เธอยังไม่ได้เห็นเลยว่าเขาตัวโตมากแค่ไหน หน้าตาจะเปลี่ยนไปมั้ย เซมีปล่อยโฮใส่อ้อมอกแม่อีกครั้ง
“หนูขอโทษ...หนูน่าจะอยู่กับน้อง”
“ไม่เป็นไรลูก” แม่ปลอบทั้งน้ำตา “ลูกไม่ผิด ไม่มีใครผิด ไคเขาไม่โทษใครหรอกลูก”
ทั้งสามคนกอดกันแน่นด้วยความโศกเศร้า โดยที่มีแบคคยอนชานยอลและดีโอยืนรออยู่หน้าห้องเงียบๆ พวกเขาตามเซมีมาติดๆ และเหมือนเซมีจะไม่รู้ตัวและไม่รับรู้อะไรเลยว่าพวกเขาอยู่ด้วยตลอด
แบคคยอนคิด...
นี่มันอะไรกันน่ะ...ยังไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ตอนผมรับรู้อดีตของเธอแล้วด้วย โหดร้ายเกินไปแล้ว...
แบคคยอนปาดน้ำตาตัวเองที่กำลังจะไหลออกไป
ไค น้องชายของเซมี...เป็นคนเดียวที่เธอรักมากที่สุด ไคเป็นคนคนเดียวที่ทำให้เธอยอมทิ้งครอบครัวเพื่อที่จะให้เขาได้มีชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น มีครอบครัวที่ปกติ มีพ่อมีแม่ที่คอยเอาใจใส่เขา เธอยอมทิ้งความทรงจำของเธอกับไคให้หยุดอยู่แค่นั้น เพื่อแลกกับชีวิตที่เรียบง่ายและปกติของเขากลับมา แต่ตอนนี้มันอะไรกัน...ทุกๆอย่างมันดูไม่เข้าที่เข้าทางเอาซะเลย ผมควรจะทำยังไงดี ผม...ผมต้องทำอะไรซักอย่างสินะ...
ในเวลาเดียวกันที่ปราสาท ซูโฮกำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวและอาวุธพร้อมสู้ใส่กระเป๋าเป้ เขายัดทุกอย่างลงไปอย่างเร่งรีบและลุกลนเหมือนไม่ใช่ซูโฮ เหงื่อเขาผุดเต็มหน้าผาก ผมเผ้าดูกระเซิงกว่าปกติ ขอบตาที่ดูคล้ำเหมือนอดนอนมาสามคืน เขาพ่นลมหายใจยาวๆ ก่อนจะลากเป้อันหนักหน่วงนั้นไปให้เซฮุนที่กำลังแต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอก เซฮุนคนนี้ก็ดูไม่ใช่เซฮุนคนเดิมเช่นกัน เขาดูเหมือนคนปกติ...เกินไป ซูโฮโยนกระเป๋าให้เซฮุนและสั่งชัดเจน
“ระวังหลังให้ฉันด้วยละ” และเขาก็เดินนำเซฮุนออกไปขึ้นรถสปอร์ตสีดำ ซึ่งครั้งนี้เขาจะเป็นคนขับเอง เซฮุนโยนกระเป๋าลงข้างหลังและรีบลงไปนั่งหน้าคนขับแบบไม่พูดไม่จา
ทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าไปหาศัตรูรายใหญ่ของซูโฮ...ศัตรูที่ร้ายกาจดุจดั่งจอมมาร
การเดินทางครั้งนี้ซูโฮไปกับเซฮุนแค่สองคนเท่านั้น ตลอดเวลาที่ซูโฮเพิ่มสปีดและขับรถด้วยความเร็วเกินขีดมารตฐานนั้นเซฮุนก็ได้แต่นั่ง และขมวดคิ้วจริงจัง ซักพักน้ำตาของเขาไหล...เขาปาดมันออกไปแรงๆ ซูโฮเหลือบไปมองเขาแปปนึงแต่ทำไม่สนใจจะดีกว่า ความเงียบปกคลุมทั้งสองคนตลอดทาง จนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง...
มันดูคล้ายโรงพบาบาล แต่ไม่มีป้ายว่าคือโรงพยาบาล มันไม่มีป้ายบอกอะไรเลยด้วยซ้ำ เซฮุนมองไปรอบๆตึกอย่างระวังตัว ซูโฮเดินนำเข้าไปในตึกอย่างไม่ลังเล ก่อนจะได้เข้าไปในตัวตึกจริงๆ ก็มีการ์ดชุดดำสองคนโผล่มาสกัด
“ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ?” คำพูดที่ดูไม่เป็นมิตรของการ์ดพ่นใส่ทั้งสองคนทันที
“ส่งภาพฉันตอนนี้ไปให้บอสแกดูสิ” ซูโฮตอบเสียงแข็งและดูเหมือนเขาจะไม่กลัวเลยด้วย เซฮุนหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ เขาได้แค่เดินตามหลังซูโฮอย่างเดียว
การ์ดชุดดำยอมกดโทรศัพท์เพื่อปรึกษากัน ระหว่างที่เขากำลังหันหลังคุยอยู่นั้นเซฮุนก็ชักปืนไฟฟ้ายิงเข้าทันทีแบบไม่ทันได้ตั้งตัว การ์ดคนนั้นล้มทั้งๆที่ยังคุยค้างกันอยู่ส่วนการ์ดอีกคนเมื่อเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้ามาล็อคเซฮุนไว้แต่เขาประมาทเกินไป เซฮุนก้มตัวลงอย่างรวดเร็วและจับเขาทุ่มลงหัวกระแทกพื้นเข้าอย่างจังด้วยแรงอันมหาศาล ทางสะดวกซูโฮเดินนำเข้าไปในตึกอย่างไม่ลังเลทันที
“เซฮุน ความจริงไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้นะ แต่ช่างมันเถอะ”
ระหว่างที่เดินตามเส้นทางแคบๆนั้นก็มีการ์ดโผล่มาสกัดอยู่เป็นระยะๆแต่ไม่นานพวกเขาก็หายไปในพริบตาเมื่อได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน...ใครคนนั้นต้องอยู่ในระดับสูงพอสมควรเลยละ เซฮุนเดินมาเรื่อยๆจนหยุดอยู่ตรงห้องที่ดูคล้ายจะเป็นห้องผ่าตัดใหญ่ เขาถอนหายใจยาวก่อนจะผลักประตูเข้าไป...
มีร่างใครบางคนที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ยืนหันหลังให้พวกเขาอยู่ตรงใกล้ๆเตียงผ่าตัด และเขากำลังเล่นกับมีดสำหรับกรีดผิวหนังมนุษย์อยู่อย่างเพลิดเพลินด้วย ผมสีทองกับแจ็คเก็ตสีแดงลายมังกรของเขาดูเข้ากันอย่างลงตัว ซูโฮไม่มีความรู้สึกไดๆแผ่ออกมาให้เซฮุนได้สัมผัส ทั้งๆที่ตัวเซฮุนเองนั้นสั่นเทาจนแทบควบคุมไม่อยู่เหงื่อมากมายไหลย้อยตามตัวของเขา ถ้าเขาไม่ได้รู้จักคนๆนี้มาก่อน เขาคงจะไม่กลัวมากขนาดนี้หรอก...
ซูโฮก้าวเท้าเข้าไปหาคู่กรณีอย่างไม่เกรงกลัวและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างโกรธเคือง
“ไหนนายบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีกไง คริส!”
คริสชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่อันน่าสะพรึงกลัวค่อยๆหันหน้ามามองพวกเขา...ความจริงต้องบอกว่าเขาหันหน้ามาให้เซฮุนกับซูโฮดูมากกว่า เพราะสายตาของเขานั้นแทบจะไม่ได้เหลือบมองใครเลย เอาแต่จ้องเตียงผ่าตัดไม่ก็เหลือบไปมองมีดที่อยู่ในมือตัวเอง เขาไม่ตอบ ซูโฮเลยย้ำ
“นายมันไม่มีจิตใจของความเป็นมนุษย์เหลืออยู่แล้วสินะ”
คริสลากสายตาช้าๆมาสบตากับซูโฮและยิ้มมุมปากก่อนจะตอบด้วยความเบื่อหน่าย
“โกรธอีกแล้วหรอ?”
“อย่ามาเล่นลิ้น”
“แล้วนี่ พาลูกชายฉันมาจริงๆด้วยแฮะ” คริสยิ้มให้เซฮุน
เซฮุนหลบตาเขา...และถอยไปสองก้าวอัตโนมัติด้วยความกลัว
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ คริสคนนี้คือพ่อแท้ๆของเซฮุน แต่อายุของเขาไม่ได้ดูแตกต่างไปจากลูกชายเท่าไหร่เลย
“คริส” ซูโฮลากเข้าประเด็น “นายเอาตัวไคไปแล้วกุเรื่องว่าเขาประสบอุบัติเหตุแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำไมอีกละ? คนนี้สำคัญอีกแล้วหรอ? คราวนี้กับใคร?”
“กับทุกๆคน”
“เฮ้ยๆ อย่ามาเล่นปากกับฉันนะ” คริสย้อน “ถ้าเหตุผลนายไม่เพียงพอฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้ คนบนโลกนี้ก็ไม่ได้เป็นของนายหมดใช่ปะซูโฮ?”
ซูโฮกลืนน้ำลายเขากำหมัดแน่น คงพยายามควบคุมอารมณ์อยู่
“เธอเป็นน้องชายเซมี ปล่อยเขาไปเถอะ” ซูโฮกัดฟันขอร้อง
“เซมี? อ่า เด็กที่ไม่เคยหลับคนนั้นน่ะหรอ? บ๊ะ!”
“คริส ฉันจริงจังนะ”
“นายเคยเล่นๆกับอะไรบ้างซูโฮ? ปล่อยวางเถอะนะ เด็กนั่นอยากมาอยู่กับฉันเองด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปลากตัวมาเลย”
“หมายความว่าไง?”
“หลังจากที่นายมาขอร้องฉันล่าสุด ไอเรื่อง...เรื่องอะไรแล้วนะ? อ๋อ เรื่องลูกชายที่นายพามาด้วยนี่ไง” คริสหันไปมองเซฮุนและทักทายเขาด้วยประโยคเรียบง่ายแต่มันไม่ง่ายสำหรับเซฮุนเลย “นายโตขึ้นเยอะเลยนี่”
เซฮุนได้แค่เงียบ เซฮุนคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของคริส เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเซฮุนเป็นใครกันแน่ แต่ที่รู้คือตอนที่มีเด็กทารกคนนึงวางอยู่หน้าบ้านพร้อมจดหมายบอกว่านี่คือลูกชายเขา คริสเห็นเด็กคนนี้ครั้งแรกเขาแทบจะปาไปให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในทันที แต่มีอะไรบางอย่างทำให้เขาอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมาและนำไปตรวจDNAเรียบร้อยเพื่อพิสูจน์ความจริง เมื่อผลตรวจออกมาตรง 99% เขาแทบไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ นี่คือลูกชายของเขาจริงๆ ในขณะนั้นเองคริสคิดได้อย่างเดียวคือความสนุก เขาจ้างคนมาเลี้ยงเด็กคนนี้และคอยสังเกตการเจริญเติบโตของเซฮุนอยู่ห่างๆ จนกระทั่งได้รับรู้ว่าเซฮุนเป็นเด็กผิดปกติตอนอายุได้3ขวบ เขาเลยส่งตัวเซฮุนไปอยู่โรงพบาบาลจิตเวชแต่ก็ไม่ลืมทำหน้าที่พ่อโดยการไปเยี่ยมขู่เขาบ่อยๆ และคริสสนใจเซฮุนมากขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าเขาสามารถมองเห็นอนาคตและทำอย่างอื่นได้ตอนอายุ11ขวบ คริสตัดสินใจลักพาตัวลูกชายตัวเองออกจากโรงพยาบาลและใช้ลูกชายหาผลประโยชน์ในทางที่ผิดต่างๆนาๆจนซูโฮไม่อาจทนอยู่นิ่งๆได้ เขาเลยเข้ามาเจรจาต่อรองด้วยราคากับคริสให้ปล่อยเซฮุนไป จากนั้นเป็นต้นมาเซฮุนก็ได้รับการบำบัดจากโรงพยาบาลที่ซูโฮไว้ใจจนสามารถออกมาใช้ชีวิตแบบทุกวันนี้ได้
“นายกำลังจะบอกอะไรกันแน่คริส?” ซูโฮลากเข้าประเด็น
“อ๋อ อะไรแล้วนะ ฉัน..อ๋อ ฉันจะบอกว่าตั้งแต่นายมาทำข้อตกลงกันวันนั้นฉันก็ไม่ได้ไปลักพาตัวใครหรือเด็กที่ไหนอีกเลยนะ คนดีมั้ยละ?” เขายิ้มและยักไหล่ “แต่คนพวกนี้มันอยากเข้ามาทำงานกับฉันเองต่างหาก บางคนก็มาเพื่ออยากได้เงิน บางคนก็มาเพราะอยากจะหนีโลกสวยๆนี่ไปให้พ้นๆ และสำหรับเด็กคนนั้น คงจะทนอยู่กับสังคมหลอกหลวงนั่นต่อไม่ไหวเลยขอมาอยู่ฝั่งอธรรมที่ไม่ต้องไปแคร์อะไรในโลกนี้อย่างฉันไงละซูโฮ นี่ฉันพล่ามเยอะนะเนี่ย ขอเริ่มแห้งวะ นายเองก็พอเถอะนะไออุทิศตนเพื่อรับเลี้ยงเด็กแปลกๆอย่างลูกชายฉันไม่ก็เด็กอย่างเซมีนั่นน่ะ ฉันไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหน เป็นคนดีน่ะยากจะตายคนเลวง่ายกว่าเยอะ”
“นายเอาไคไปไว้ที่ไหน ขอฉันพบเขาหน่อยสิ”
“นายก็ไม่เคยเชื่ออะไรฉันเลย คบมากันตั้งกี่...” เขาไม่พูดต่อแต่กลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “เราคบกันอยู่หรือเปล่าวะ?”
“พาฉันไปพบไคเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ใจเย็นๆ ขอฉันได้พูดได้คุยกับลูกชายคนเดียวของฉันก่อนสิ” คริสหันไปสนใจเซฮุนอีกครั้ง “ได้มั้ยซูโฮ? ขอเวลาแค่แปปเดียว”
“ได้ แต่ฉันไม่ออกไปไหนนะ”
“อะไรกันโตป่านนี้แล้วยังจะมากลัวอะไรอีก?” คริสเดินเข้าไปใกล้ๆเซฮุน “อย่ากลัวพ่อสิลูก”
เซฮุนถอยหลัง เขาก้มหน้าไม่อยากสบตากับคริสหรือใครทั้งนั้น เขาไม่เคยได้รับความรักจากชายคนนี้เลย เขายังคิดด้วยซ้ำว่าการที่เขาเป็นเด็กไม่ปกตินั้นถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก เพราะมันทำให้เขาไม่เจ็บปวดเท่าไหร่
คริสยื่นมือมาจับหัวเซฮุน เซฮุนหลับตาปี๋ แต่กลับสัมผัสได้แค่ฝ่ามือใหญ่ๆเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรนอกเหนือจากฝ่ามือแข็งๆสัมผัสไปที่หัวของเขา
“สุดท้ายแล้ว แม่แกคือใครกันแน่วะ” เขาบ่นใส่เซฮุน “แต่ช่างเถอะ มาๆเดี๋ยวฉันจะพาไปเจอไอเด็กตัวดำคนนั้น”
ซูโฮมองคริสอย่างไม่น่าใว้ใจก่อนจะยอมเดินตามหลังเขาไปในห้องที่ดูเหมือนเป็นห้องเก็บยา เซฮุนเดินตามอย่างห่างๆ เหงื่อเขาผุดขึ้นอย่างไม่หงุดหย่อน
เด็กหนุ่มผิวสีแทนกำลังนั่งเล่นอยู่บนโต๊ะว่างๆโต๊ะนึง เมื่อเขาเห็นซูโฮเดินเข้ามา เขารีบกุลีกุจอพุ่งตรงไปหาทันที โดยที่ไม่ได้สนใจคาริสม่าอันน่าสะพรึงกลัวของคริสเลย
เขาแทบจะสิงเข้าไปในตัวซูโฮ แต่ก็ได้แค่ตะโกนถาม
“พี่ผมละ! พี่ผมอยู่ไหน!!”
ซูโฮมองไคอย่างพิจารณาสลับกับมองคริสและคิดคำนวณถึงเหตุการณ์ต่างๆ
“หมายความว่าไง..ไค?” ซูโฮหรี่ตามองไค
คริสยืนกอดอกอย่างผ่อนคลายแต่คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย ไคจับไหล่ซูโฮแน่นตาของเขาคลอไปด้วยน้ำใสๆ เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา
“ผมคิดถึงพี่มาก ให้ผมได้พบพี่เถอะนะ”
จู่ๆเซฮุนก็ขัดขึ้นมา “ตอนนี้เซมีอยู่ที่ไหน”
ซูโฮหันหลังไปมองเจ้าของเสียง สีหน้าเซฮุนดูจริงจังมาก เหงื่อมากมายผุดขึ้นมาเต็มทั้งหน้าผาก
“รีบบอกผมมาสิครับ!” เขาเร่ง
“บ้านเก่าเธอน่ะ”
เมื่อซูโฮพูดจบเซฮุนก็กระโจนเข้าไปคว้าไคและหายไปทันที เหลือไว้เพียงคริสกับซูโฮที่ยืนมองร่องรอยของทั้งสองด้วยความตกใจ คริสอ้าปากค้าง ซูโฮเบิกตากว้าง
พลังนี่มันอะไรกัน?!
จู่ๆคริสก็ระเบิดหัวเราะเหมือนคนบ้าออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่ลูกฉัน ลูกฉันทำได้ขนาดนี้เลยหรอ!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เซฮุนและไคโผล่มาที่บ้านและโผล่มาในห้องของไคด้วยซึ่งตอนนั้นเองครอบครัวของเขาก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แม่เผลอจับหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเมื่อเห็นลูกชายงที่คิดว่าตายไปแล้วผุดขึ้นมาในอากาศ พ่อได้แต่มองนิ่งๆ เซมีปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง เธอมองไปที่เซฮุนสลับกับมองไปที่ไค
“นี่มันเรื่องอะไร” เซมีถามเซฮุนและกลับไปพูดกับน้องชาย “ไค...นั่นนายหรอ”
เธอเดินไปหาน้องชายช้าๆ น้ำตาที่ปาดออกไปเริ่มไหลอีกครั้ง
ไคโผเข้าไปกอดเซมีทันที เขาเริ่มร้องไห้เสียงดังพร้อมคร่ำครวญ
“ผมคิดถึงพี่เหลือเกิน ผมคิดถึงพี่มาก ผมขอโทษ ผมไม่รู้จะทำยังไงถึงจะเจอพี่ ผมเลย..ผมเลย...”
“ไม่เป็นไรๆ” เซมีลูบหลังน้องชายด้วยความอ่อนโยน หลังจากที่เขาพยายามจะเล่าความจริงทั้งหมดพร้อมเสียงสะอื้นด้วยความยากลำบาก
ทั้งสองกอดกันอยู่นาน ไคร้องไห้ไม่หยุด แม่กับพ่อก็ทนดูภาพนั้นเฉยๆไม่ไหว ทั้งสองเข้าไปกอดลูกๆของตนด้วยความดีใจปลื้มใจและโล่งใจไปพร้อมๆกัน ตอนนี้ครอบครัวเขาไม่มีใครแยกจากกันแล้ว พวกเขาอยู่กันครบ อยู่ในห้องเดียว ที่เดียว บ้านเดียวกัน
แบคคยอนก็ไม่อาจจะต้านน้ำตาแห่งความสุขไว้อยู่เหมือนกัน เขาปล่อยมันออกมาเงียบๆ เขาเป็นคนใหม่สำหรับทุกๆคน แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่รู้จักอดีตของเซมี
หลังจากที่สถาการณ์สงบลงแล้วไคก็เล่าให้ฟังทุกๆคนฟังว่า
หลังจากที่พี่สาวจากไปวันนั้น เขาก็พยายามทำตัวร่าเริงและสดใสให้เหมือนปกติเหมือนทุกๆวัน เขาพยามฝืนยิ้มออกมาอยู่แบบนั้นถึง7ปี จนเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป การที่เขาต้องเข้มแข้งและร่าเริงอยู่ตลอดเวลาแต่ปราศจากเงาของพี่สาวที่บ้านนั้นมันโหดร้ายเกินไป เขารักพี่สาวมาก มากเกินจะมีใครเข้าใจได้ การที่พี่สาวเขามีอาการนอนไม่หลับนั้นยิ่งทำให้เขารักและเป็นหวงแหนพี่สาวมากขึ้นไปอีก ความฝันสูงสุดของเขาคือการที่ทำให้พี่สาวมีความสุขได้แม้พี่จะไม่ได้นอนก็ตาม เขาคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงพี่ถึงจะยิ้มออกมาจากใจได้ซักที แต่สุดท้ายพี่สาวเขาก็จากไปหาความสุขด้วยตัวเอง เขาเข้าใจดีว่าการที่พี่สาวจากไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่เห็นแก่ตัวแต่เป็นเรื่องของเขาเอง เพราะเขาเองที่ทำให้พี่สาวต้องลำบากใจที่จะทนอยู่กับครอบครัวต่อไป เพราะการที่พี่สาวอยู่ในบ้านนั้นคือภาระของคนในครอบครัว ที่จะต้องพยายามรักษาโรคนอนไม่หลับให้เธอ ทั้งๆที่ไคไม่เคยคิดว่านั้นคือภาระเลย ไครักพี่สาวมากเขายอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งให้เขาตายไปเพื่อจะได้เจอเธออีกครั้ง
เมื่อทุกๆอย่างเริ่มรับไม่ไหว ไคซึ่งหมดสิ้นกำลังใจเขาเดินไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมายจนมาถึงตรอกซอยที่ไม่คุ้นเคย เป็นซอยที่ทั้งมืดทั้งชื้นและทรุดโทรมมาก แต่เขาหาได้สนใจไม่ ไคเดินต่อไป เหม่อลอยจนเขาพบกับใครคนนึง เป็นชายผิวสีแทนร่างสูงโปร่งยืนพิงกำแพงเก่าๆอย่างสบายใจ
“หลงทางหรอน้อง?” เขาทักไค แต่ไคได้แค่มองด้วยสายตาเหมือนไร้วิญญาณ “ให้พี่ช่วยอะไรมั้ย?”
“ผม...ผมอยากหนีไป”
“หนีไปไหน?” เขาเริ่มสนใจไคขึ้นมา ผมสีทองของเขาขัดกันกับซอกซอยสีหม่นหมองนี้มาก “หนีจากโลกที่มันตอแหลนี้หรือเปล่า?”
สิ้นประโยคนั้นไคก็หันไปมองไปที่หน้าของชายคนนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่แสนจะมีเลศนัย ดวงตาเรียวขอบตาคล้ำหมองนั้นทำให้เขายิ่งดูไม่น่าไว้ใจขึ้นไปอีก แต่ไคหาสนใจไม่ เขาสนแต่ประโยคเมื่อกี้
“พาผมไปที่ไหนก็ได้”
“หึ” เขาแสยะยิ้มออกมาเหมือนพบสมบัติอันล้ำค่า “ตามมาสิ แล้วจะพาไปพบกับความสุขในแบบไม่คาดคิดให้ดู”
จากนั้นไคก็เดินตามชายผู้น่าสงสัยนั้นไปถึงโรงพยาบาลเก่าๆ และในนั้นไคก็ได้พบกับคริสบอสใหญ่ในที่แห่งนี้
“นายต้องการอะไรเด็กน้อย” คริสถามไค
“ผม...ผมอยากเจอพี่”
คริสขมวดคิ้ว “เหยๆ ฉันไม่ใช่พ่อนายนะ อย่ามาพูดจาเหมือนเด็กงอแงที่นี่ แล้วนี่แกไปเก็บมาทำไมเนี่ยเทา” เขาหันไปดุใส่ชายที่มากับไค เทาหัวเราะเสียงแหลมตอบกลับไป
“ก็เห็นมันน่ารักดีเลย แถมว่างไม่มีอะไรทำด้วย”
“ไอ้เวรนี่ก็นะ...” คริสบ่นกับตัวเอก่อนจะหันไปคุยกับไคต่อ “พี่นาย? พี่นายคนไหนละ? อยู่ในองค์กรฉันหรอ? เหยๆ ถ้าตายไปแล้วฉันไม่รู้ด้วยนะ”
น้ำตาของไคไหล เขาคิดถึงพี่มาก เขาอยากเจอพี่ เขาอยากกอดพี่
“อย่าร้องสิเฮ้ย!” คริสตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นน้ำตาไค “งอแงเป็นบ้าเลยเด็กนี้ เออๆ ตกลงพี่นายเป็นใคร? เผื่อฉันรู้จัก”
“พี่ผม...พี่ผมชื่อเซมี”
“เซมี? หือ?...คุ้นๆนะชื่อนี้” เขาเท้าคางทำท่าครุ่นคิด “เทานายรู้จักปะคนที่ชื่อเซมี?”
เทายักไหล่และส่ายหน้าบ่งบอกว่าเขาเพิ่งได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก คริสคิดหนักมันติดอยู่ในหัว...มันติดอยู่ที่ปาก
“เอ....คุ้นๆจริงๆนะ...เอ....อืม....บ๊ะ! ใครกันวะ!” เขาหมดความอดทนจนเผลอเตะเตียงผู้ป่วยกระเด็น “โอ้ย!” เขาร้องออกมาเพราะเตียงมันหนักและแข็งเกินไป เทาระเบิดหัวเราะกับท่าทางตลกๆของบอสตัวเอง
“เงียบเลยนะไอกังฟูแพนด้า” คริสหันไปดุเทา แต่เทาก็ยังแอบคิกคักอยู่อีก “เซมี...เซมี เซมีๆๆๆๆ เซ...เซ...เซ......เซฮุน?....หือ?...เซมี เซฮุน? เซฮุนนี่ใครวะ?” เขาเหมือนจะขุดเจออะไรบางอย่างในสมอง “เฮ้ยๆ ชื่อลูกฉันเองนี่หว่า ตั้งเองลืมเองได้ไงวะเนี่ย”
เทาส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจด้วยความหมดอาลัยตายอยากกับความจำของบอสตัวเอง
“พี่ผม” ไคเริ่มพูดไปเรื่อยอย่างล่องลอย “เธอไม่เคยนอนหลับ เธอไป เธอจากผมไปอยู่กับผู้ชายคนนึง”
“ไม่เคยนอนหลับ?” คริสทวนเขาเริ่มจะจำได้รางๆ
“ตั้งแต่เกิดมาไม่มีคำว่านอนสำหรับเธอ”
“เดี๋ยวนะ...พูดอีกสิ เหมือนจะคิดออกละ”
“ผู้ชายคนนั้นเขามาที่บ้าน เขาบอกจะดูแลพี่ผม...แล้วเขาก็พาพี่ผมไป...เขาบอกจะพาไปอยู่ที่ปราสาทและรักษาเธออย่างดี”
“นึกออกละ!!!” คริสดีดนิ้วขึ้นอย่างดีใจ “เซมีเด็กคนนั้นไง! เด็กที่ร่างกายไม่เคยต้องการพักผ่อน! ซูโฮเคยมาเล่าให้ฉันฟังด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ นึกแล้วตลกวะ เออนั่นพี่นายหรอ?”
“ได้โปรด ให้ผมเจอพี่สาวผมด้วยนะ” ไคเริ่มร้องไห้อีกครั้ง คราวนี้ร้องไห้อย่างมีความหวัง
“เฮ้ยๆ นั่นมันคนของซูโฮ ฉันจะไป...เดี๋ยวนะ” คริสทำท่าเหมือนคิดอะไรออกอีกครั้ง “พักนี้ก็ไม่ได้เจอซูโฮนานแล้วด้วย” เขายิ้มมุมปาก “เข้าทางละ”
จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันกุเรื่องที่ว่าไคหายตัวไปและประสบอุบัติเหตุอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเรื่องถึงหูของซูโฮเขาก็สงสัยทันที ถ้าอยู่ๆมีคนใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับคนในองค์กรของเขาแล้ว มันก็มีอยู่คนเดียวที่จะทำแบบนี้ คริสคนเดียวเท่านั้น เขาจึงมาหาคริสและไม่ลืมที่จะนำเซฮุนลูกชายของคริสมาด้วย เพราะเขาเองก็อยากให้คริสได้เห็น ว่าลูกชายตนเองโตขึ้นมากแค่ไหนแล้ว เผื่อเขาจะมีความมนุษย์เพิ่มขึ้นมาไม่มากก็น้อย และเหมือนคริสเองก็หวังจะเจอลูกชายตัวเองเหมือนกันเลยใช้แผนนี่เป็นประโยชน์
เมือไคเล่าทุกๆอย่างให้ทุกคนได้ฟังและขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เป็นห่วง เซมีก็ไม่ได้โกรธและว่าอะไรน้องเลย การที่น้องทำไปแบบนั้นก็เพราะน้องอยากเจอเธอมากจนไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง แต่บทเรียนนี้ก็สอนให้ไคได้เข้าใจว่าไม่ควรทำอีก
“ปิดเทอมหกเดือนนี้” แม่เอ่ยขึ้นในขณะที่เอาขนมหวานมาให้เด็กๆกิน ในที่สุดบรรยากาศก็กลับมาเป็นปกติ “ลูกไปอยู่กับพี่สิ ไค”
ดวงตาของไคฉายแสงวิบวับทันที เขาหันไปมองเซมี
“ได้หรอพี่!”
เซมียิ้มให้น้อง
“ได้สิไค”
ตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วละ ที่จะให้เขารับรู้เรื่องต่างๆของเธอและเพื่อนๆเธอ
ไคร้องเยสด้วยความดีใจ
“แล้วพ่อกับแม่ละครับ?” ไคหันไปถามทั้งสอง “ไปอยู่ด้วยกันสิครับ”
มาถึงตรงนี้พ่อกับแม่ถึงกับทำหน้าไม่ถูก เหมือนอึดอัดเล็กน้อย พ่อกระแอมเสียงดังก่อนจะพูด
“เอ่อ...ตอนแรกพ่อก็ไม่อยากไปหรอกนะ เพราะถ้าไปไคก็ต้องอยู่คนเดียว” พ่อลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “พ่อกับแม่ได้ทริป...เอ่อ...ทริปยาวน่ะ อะแฮ่ม...บริษัทพ่อจัดให้เป็นโบนัส...พ่อก็คิดว่าไหนๆลูกๆก็อยู่กันได้แล้วพ่อเลย...”
“อ่า!” ไคโพล่งออกมา “อ่า! พ่อไม่เห็นบอกผมเลย!!”
“ก็บอกอยู่นี่ไง”
“ผมไม่ไปกับพี่ละ ผมอยากไปกับพ่อ”
พ่อกับแม่มองหน้ากันตาโต จะไปยังไงละได้ตั๋วมาแค่สองใบเอง!
“ผมล้อเล่นน่ะ เชิญไปสวีทกันสองคนเถอะนะ” ไคหัวเราะ “ผมจะอยู่กับพี่สาวผม” แล้วเขาพิงไหล่เซมีเหมือนเด็กน้อย ทั้งๆที่ตัวเองตัวใหญ่กว่าเซมี
ไคตอนนี้เขาก็โตเป็นหนุ่มแล้ว รูปร่างกำยำไม่ผอมไม่บางและค่อนข้างสูง ใบหน้าที่ดูเด็กตลอดกาลกับรอยยิ้มที่สดใสดังดวงตะวันของเขากลับมาแล้ว เซมีมองน้องชายตนแล้วนึกคิด อดีตก็คืออดีตจะกลับไปแก้ไขอะไรมันก็ไม่ได้อยู่แล้ว อยู่กับปัจจุบันและอนาคตละกัน
สามวันผ่านไป
ณ ปราสาทอันยิ่งใหญ่กำลังวุ่นวายไปด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวกของสมาชิกใหม่กับมาชิกเก่า นั่นก็คือเฉินและชานยอล พวกเขากำลังเถียงกันในห้องโถงสำหรับต้อนรับแขกแต่ตอนนี้กลายเป็นสนามรบของพวกเขาไปแล้ว ในห้องมีเซมีและดีโอเป็นกรรมการคอยควบคุมสถาการณ์อยู่
“นายก็แปลงร่างมันตอนนี้สิ โธ่!!” เฉินท้าอีกคน “ไหนนายบอกควบคุมได้แล้วไง!”
“รอซูโฮกลับมาก่อนไม่ได้ยินหรอไงไอหน้าอูฐ” ชานยอลโต้กลับไปพร้อมปาป็อปคอร์นที่อยู่ในมือใส่หน้าอีกคน เมื่อชานยอลมาเจอกับเฉินพวกเขาดูสนิทกันเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ชานยอลดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากป่าเลยด้วยซ้ำ
“แกว่าใครหน้าอูฐไอหูช้าง” เฉินปาหมอนหนุนใส่ชานยอล แบคคยอนกำลังนั่งกดโทรศัพท์สบายใจเฉิบส่วนเซมีนั่งทำหน้ารำคาญใส่ทั้งสองคน เฉินเดินมาจ้วงป็อปคอร์นในมือชานยอลก่อนโต้กลับไป “มาอยู่ก็เกือบจะสัปดาห์นึงละ พลังของคนอื่นฉันก็เห็นหมดแล้ว เหลือแต่นายเนี่ย เก๊กอยู่ได้ คิดว่าของนายเจ๋งสุดหรอไง?! ถึงต้องเก็บไว้โชว์เป็นคนสุดท้ายน่ะ”
ชานยอลถลึงตาใส่เฉิน “ใครให้กิน!” เขากระชากป็อปคอนในมือกลับอย่างแรงจนกระเด็นตกไปหลายชิ้น “ฉันแค่อยากจะฟังคำอนุญาตจากซูโฮก่อน ไม่ได้หรอไง! รีบหรอ! รีบไปไหนหาอูฐ? ว่าแต่พลังของนายน่ะเมื่อไหร่จะเอาออกมาใช้ อยู่ตั้งสัปดาห์นึงละ ยังใช้พลังตัวเองไม่เป็นอีก”
“ก็ฉันไม่รู้จะเรียกมันออกมาไช้ยังไง!” เฉินปาป็อปคอนใส่ชานยอล
“พยายามสิพยายาม!!” ชานยอลเขวี้ยงทั้งถังที่ใส่ป็อปคอนใส่เฉิน
“เจ็บนะเว้ย!!” เฉินลุกไปเอาหมอนแล้วใช้มันทุบหัวชานยอล
“ไออ่อนเอ้ย!!” ชานยอลก็ฉวยหมอนมาป้องกันเฉิน ทั้งสองเริ่มทำสงครามปาหมอนใส่กันจนกระทั่ง ซูโฮเซฮุนและบุคคลที่ไม่คิดว่าจะปรากฏตัวอีกสองก็ผุดขึ้นมากลางห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว เซมีสะดุ้งโหยงแบคคยอนเงยหน้าขึ้นไปมอง ชานยอลกับเฉินหยุดทำสงครามกัน เซฮุนทำหน้าเครียดเขาปาดเหงื่อออกแรงๆ ซูโฮก้าวออกมาจากวงและกล่าวอย่างเป็นทางการ
“...สองคนนี้...จะมาเป็นสมาชิกของครอบครัวเรา”
“เหยๆ” คริสหันไปติซูโฮ “พูดให้มันเต็มใจหน่อยสิเฮ้ย ใครกันน่ะที่ทำให้ตึกฉันระเบิดเป็นจุลกลายเป็นโมเลกุลแบบนั้นน่ะ? รับผิดชอบให้มันเต็มใจหน่อยสิเฮ้ย”
“ที่นี่น่าอยู่กว่าที่เราตั้งเยอะเลยเฮีย” เทาเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆห้อง
เซมีอ้าปากค้าง คนพวกนี้...เป็นใครกัน?
ความคิดเห็น