คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คนน่าสงสัย
12.00 น.
รถลีมูซีนสีดำเงาแวววับสุดหรูชะลอความเร็วลงช้าๆและเลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าหอพักพอดิบพอดี...
ตามมาด้วยรถแลมโบกินี่สีส้มสดจอดอยู่ข้างหลังรถลีมูซีน...
ชายหนุ่มนามว่า คิม จงอิน ผู้ที่มีผิวสีคล้ำแดดและหน้าตาอันแสนจะมีเสน่ก้าวลงมาจากรถแลมโบกินี่ตรงตำแหน่งข้างคนขับ... ตามด้วยหนุ่มอีกคนที่มีนามว่า คิม จงแด ก้าวลงมาจากตำแหน่งคนขับรถ...
ทั้งสองรีบสาวเท้าไปข้างหน้า ตรงไปที่รถลีมูซีนและคิมจงอินเป็นคนเปิดประตูให้คนข้างในรถนั้นก้าวเท้าออกมา...
รองเท้าส้นเข็มสูงห้านิ้วสีแดงสดก้าวเท้าออกมาจากประตูรถแตะลงบนพื้นแข็งอย่างทรงตัว ชุดยาวสีแดงสุดหรูหราอลังการพร้อมผ้าพันคอขนสัตว์อันฟูฟ่องประดับอยู่ที่เรือนร่างขาวนวล ริมฝีปากแดงกับใบหน้าหวานที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว และเธอผู้ซึ่งมีอิทธิผลมากที่สุดในหอพักนี้ก็คือ คุณนายซูโฮ หรือ คุณนายโฮ นั่นเอง...
เธอเป็นเจ้าของหอพักหลังนี้และเธอเพิ่งกลับมาจากปารีสสดๆหมาดๆ แต่เมื่อมาถึงไทยสิ่งแรกที่เธอได้ยินนั่นก็คือเรื่องคอขาดบาดตายที่เกิดขึ้นภายในหอพักของเธอ
ไม่มีเวลาให้ได้เดินอวดถุงช้อปปิ้งจากต่างประเทศให้ใครเห็น ต้องรีบดิ่งมายังที่นี่ก่อนแล้ว
และที่สำคัญเธอได้ข่าวมาอีกว่า หลังจากที่มีกลุ่มคนแปลกประหลาด4คนย้ายเข้ามาใหม่เหตุการณ์ฆ่าตัวตายก็เกิดขึ้นทันที...
ไม่ต้องคิดและทบทวนให้มากความ กลุ่มคนพวกนั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน! และจะปล่อยให้ลอยนวลไปไม่ได้ด้วย! เธอต้องรีบไปจัดการ!
คิดได้ดังนั้นคุณนายโฮก็กระแทกส้นสูงเดินปึงปังมุ่งตรงไปยังที่หอพักทันที!
“อุ้ยเงินแม่ร่วง!!” แต่ทว่าเธอกระแทกแรงไปหน่อยส้นเลยหักคาที่ ร่างเธอเซเหมือนจะล้มแต่ได้จงอินมาช่วยพยุงไว้ทัน
“เป็นอะไรมั้ยครับท่าน?!” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกคุณนายน่ะจงอิน!!” คุณนายโฮหันไปตวาด “โอ้ย! อารมณ์เสีย! อุตส่าไปสวยตั้งปารีสพอกลับมาบ้านเจอแต่เรื่องซวยๆ! อีรองเท้าส้นตีน!” คุณนายโฮถอดส้นสูงออกและปาทิ้งไปไกลๆก่อนจะเดินฉับๆด้วยเท้าเปล่าด้วยความหงุดหงิด...
เวลาเดียวกัน ณ ห้องปิดตาย
ตอนนี้กองสืบสวนก็กลับมาทำงานตามปกติแล้ว ดีโอกับซินเวตัดสินใจค้นหาหลักฐานกันที่ห้องนี้ก่อนแล้วจากนั้นค่อยลงไปยังทะเลสาบตรงจุดที่ผู้ตายสิ้นลมหายใจ
“เธอโอเคนะ” ดีโอถามซินเวในขณะที่เธอค้นหารอยนิ้วมือที่ขอบหน้าต่างอยู่
“สบายมากเลยค่ะ” เธอบอกและยิ้มสดชื่นให้เขาเห็น “ว่าแต่นายละ โอเคหรือเปล่า? เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย?”
“ก็ดี...” ดีโอตอบแต่ยังทำหน้าเป็นห่วงเธอไม่หาย “ถ้ารู้สึกเหมือนเมื่อวานอีกรีบบอกฉันนะ อย่าฝืน เข้าใจมั้ย?”
“ค่า เข้าใจค่ะ”
“ดีมาก...ถ้าไม่มีไรแล้ว...งั้นฉันจะไปดูเบาะแสแถวเตียงนอนนะ”
ดีโอเดินจากซินเวมาก่อนจะสวมถุงมือพร้อมทำงานและหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องตามมุมเตียงต่างๆเผื่อเจออะไรที่ชี้ตัวไปถึงคนร้าย แต่ทว่าเขาลองสำรวจดูอยู่สามรอบแล้วกลับไม่เจออะไร เขายกเบาะเตียงขึ้นและสำรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไร เขาก้มลงมองใต้เตียงจนเกือบจะมุดเข้าไปอยู่แล้วก็ไม่เจอเหมือนกัน และการที่เขาต้องก้มๆเงยๆทำให้มีอาการปวดหลังเล็กน้อย เขาจึงทิ้งตัวเองนั่งลงบนเตียงเพื่อพักซักประเดี๋ยว แต่ทว่าเขากลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง...
ทันทีที่เขานั่งลงเสียงของขาเตียงกระทบกับพื้นไม้ของห้องมันดูแปลกไป...
ดีโอลองลุกขึ้นยืนและนั่งลงแรงๆอีกที ปรากฏว่าใช่ เสียงแปลกๆจริงๆด้วย...
“แทอึน...” ดีโอเรียกเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง “แทอึนนายมาดูตรงนี้หน่อยซิ”
แทอึนก้มลงดูพื้นไม้และเมื่อสังเกตดีๆแล้วมันไม่ได้ต่อกันสนิท มันแยกออกเหมือนไม้ตรงนี้สามารถยกขึ้นมาได้ แทอึนเรียกเจ้าหน้าที่มาอีกสามคนเพื่อช่วยกันเลื่อนเตียงออกไป และความสนใจของคนในห้องทั้งหมดก็หันไปที่จุดนั้นทันที
ดีโอก้มลงมองพื้นที่เคยอยู่ใต้เตียงให้ชัดๆและเห็นว่าไม้มันไม่ได้ต่อจริงๆด้วย เขาบอกให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องมือมาแงะไม้ออกดูผลปรากฏว่าเกิดคาดกว่าที่คิดไว้!
ไม่ใช่แค่แผ่นไม้แผ่นเดียวที่แงะและยกออกมาได้ ยกแค่แผ่นเดียวแต่กลับติดออกมากันเป็นพื้นที่กว้าง กว้างเกือบจะเท่ากับเตียงนอนสองคนเลยด้วยซ้ำ และเมื่อมันอยู่ใต้เตียงก็แทบจะไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีช่องแปลกๆแบบนี้ซ่อนอยู่!
ดีโอไม่รอช้าเขาหย่อนตัวเองลงไปในนั้นทันที มันค่อนข้างมืดแต่เขามีไฟฉาย มันเป็นห้องบนเพดานและค่อนข้างเตี้ย ดีโอต้องก้มสุดตัวเพื่อเดินสำรวจได้และเขาส่องไฟฉายไปรอบๆปรากฏว่าเจอลังกระดาษเก่าๆกับของที่ไม่ใช้แล้วอยู่บนนี้มากพอสมควรแถมมันเต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะ
เขาเดินสำรวจไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอฝาเพดานที่สามารถเปิดออกได้ เขาถือไฟฉายกับปากและใช้มืองัดฝาเพดานออก
“เฮ้ย!!” เสียงประหลาดใจของเด็กหนุ่มสองคนร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นร่างของดีโอชะเง้อมองลงมาจากข้างบน
เด็กหนุ่มคนนึงร้อง “นะ-นายเป็นใครน่ะ! แล้วขึ้นไปอยู่บนห้องเก็บของพวกเราได้ยังไง!”
สรุปแล้วช่องทางที่คนร้ายหลบหนีออกมาจากห้องปิดตายก็คือช่องลึกลับใต้เตียงที่เชื่อมต่อกับห้องเพดานของเด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่นั่นเอง...
ลูกกุญแจดอกหนึ่งหล่นออกมาจากกระเป๋าเกางเกงของอี้ชิง...
เขาก้มเก็บและยัดมันเข้าไปในกระเป๋าเป้แทน...
“กุญแจอะไรน่ะ” ชานยอลที่เดินมากับเขาถามด้วยความสงสัยทันที...
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” อี้ชิงตอบสบายๆ “แค่กุญแจไขกล่องเก็บของธรรมดาๆน่ะ สงสัยฉันลืมไว้ในกระเป๋ากางเกงดีนะที่หล่นลงมานึกว่าจะหายไปแล้วซะอีก”
“งั้นหรอ...” ชานยอลพยายามไม่คิดอะไรมาก
สองสามวันที่ผ่านมานี้อี้ชิงทำตัวแปลกไปจากเดิม ปกติแล้วเขาเป็นที่ชอบฉายเดี่ยวหรือไปไหนมาไหนคนเดียวและไม่เคยแคร์สายตาของใคร แต่พักหลังๆมานี้เขาตามติดชานยอลตลอดและยังขอช่วยชานยอลไปไหนมาไหนกับเขาทุกครั้ง ที่สำคัญสายตาของเขาก็ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนไม่ใช่สายตาของอี้ชิง เจอคนแปลกหน้ามองตานิดเดียวเขาก็สะดุ้งโหยงทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน มันแปลกจริงๆ...
และไม่วันนี้ก็วันหน้า...ที่ชานยอลจะถามเขาตรงประเด็นไปเลยว่าเป็นอะไร หรือไปทำอะไรมากันแน่...
จู่ๆโทรศัพท์ของอี้ชิงก็ดังขึ้นมา... เขามองหน้าจอโทรศัพท์แปปนึงก่อนจะปลีกตัวเดินออกห่างจากชานยอลเพื่อไปคุยโทรศัพท์ลับๆ... ชานยอลมองแผ่นหลังของอี้ชิงอย่างสงสัย เขาต้องปิดบังอะไรอยู่แน่ๆ... ที่สำคัญทำไมถึงมองเห็นไดชัดขนาดนี้นะ...
และจู่ๆเสียงโทรศัพท์ของชานยอลก็ดังด้วย เขาหยิบออกมาและกดรับทันที
“ชานยอล!” เป็นเสียงของแม่เขาเอง เจ๊แบค “ตอนนี้ลูกอยู่ไหนน่ะ!” น้ำเสียงของเธอร้อนรนผิดปกติ
“กำลังจะกลับบ้านครับแม่ แต่ยังอยู่มหาลัยครับ”
“เรียนเสร็จแล้วใช่มั้ย? งั้นรีบกลับมาเลยนะ!” เจ๊แบคร้อง “พาอี้ชิงกลับมาด้วย! บอกแท็กซี่ให้ใส่ตีนผีเลยนะลูกเข้าใจมั้ย?”
เมื่อชานยอลและอี้ชิงกลับมาถึงหอพักพวกเขาก็รีบตรงไปที่ล็อบบี้ที่ตอนนี้มีคนกลุ่มย่อยกำลังทำหน้าเคร่งเครียดใส่กันอยู่ ซึ่งคนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยชายหนุ่มชุดสูทสองคน(จงอินและจงแด) หญิงสาวประเภทสองชุดราตรียาวสีแดงสด(คุณนายโฮ)หนึ่งคน และที่เหลือก็คือพวกแม่ๆของพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่?” ชานยอลรุดเข้าไปสมทบกับคนในครอบครัวทันที อี้ชิงเองก็เดินไปหาแม่ตัวเองเหมือนกัน
“นี่ใช่มั้ยลูกชายของพวกเธอ!” แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นของคุณนายโฮที่ตอนนี้กำลังเดือดปุดๆอย่างแรง เธอชี้หน้ามาที่ชานยอลและพูดเสียงดัง “หล่อมาก!”
ทุกคนเงียบเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรดี ชานยอลอึกอักแต่ก็พยักหน้าช้าๆเหมือนเป็นเชิงขอบคุณ
“แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น!” เธอสะบัดแขนตัวเองลงอย่างแรง “ประเด็นก็คือหลังจากที่นายหน้าหล่อคนนี้มาขอเช่าห้องก็เกิดเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นมาทันที มันน่าสงสัยมาก! ไหนจะพวกคนแปลกหน้าเหล่านี้อีก!(เธอหมายถึงพวกแม่ๆของชานยอล) และฉันต้องการทราบรายละเอียดขั้นเจาะลึกลงไปถึงชั้นในของนายและของพวกหล่อนด้วย” คุณนายโฮมองพวกแม่ๆของชานยอลและอี้ชิงด้วยหางตา
เจ๊หมินกับเจ๊เทาแอบสะกิดกันอย่างลับๆไม่ให้ใครเห็น ประมาณว่าไม่ชอบหน้าขี้หน้าคุณนายโฮเท่าไหร่
“พวกผมอธิบายทั้งหมดได้นะครับ” อี้ชิงแทรกเข้ามาหลังจากหลบอยู่หลังแม่ตนเองอยู่นาน
“นาย!” คุณนายโฮชี้ไปที่อี้ชิงด้วยสายตาอันเฉียบแหลมอีกครั้ง ทุกคนต่างกลั้นหายใจ “หล่อมาก!” ก่อนจะสะบัดแขนตัวเองลงอีกครั้ง
“เอ่อ...ครับ” อี้ชิงกระแอมเล็กน้อย “คือ..พวกผมเล่าเรื่องทั้งหมดนี่ได้ แต่ถ้าจะให้ดีผมว่าท่านไปถามนักสืบที่กำลังทำคดีนี้อยู่จะเป็นการดีกว่าครับ แล้วท่านจะรู้ว่าพวกผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคดีเลย”
“ก็ดี” คุณนายโฮท่าทางพอใจกับสีหน้าและคำพูดของอี้ชิง “นายอธิบายได้ใจเย็นจนฉันยอมใจอ่อน แต่ฉันไม่ยอมเสียเวลาอันมีค่าของฉันไปแม้แต่วินาทีเดียวหรอกนะ และนี่ก็ไม่ใช่ว่าฉันเลิกสงสัยในตัวพวกเธอด้วยเช่นกัน! ดังนั้นพวกเธอทุกคนจะต้องพาฉันไปหาพวกนักสืบเหล่านั้นเดี๋ยวนี้”
คุณนายโฮจ้ำเท้าเปล่าเดินสวนทุกคนไปทางเดินด้วยสีหน้าและท่าทางที่หยิ่งยโส มีจงอินและจงแดตามหลังไปติดๆเหมือนเป็นบอดี้การ์ด
เจ๊แบคกับเจ๊ลู่ถึงกับต้องจับหน้าอกตัวเองด้วยความสะพรึงในความดุเดือดและร้อนแรงของคุณนายโฮ เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งกล้าและไม่เกรงกลัวอะไรใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าอะไรที่เธออยากได้เธอก็ต้องได้ ไม่ว่าอะไรที่เธออยากรู้เธอก็ต้องรู้
“ท่านครับ...” จงอินที่เดินตามหลังคุณนายโฮเร่งฝีเท้าขึ้นไปเพื่อกระซิบข้างหูเธอ
“บอกว่าให้เรียกคุณนาย!” คุณนายโฮหันมาตวาดกลับทันที “อยากกลายเป็นลูกชิ้นไม่มีไส้กรอกหรอไงจงอิน!”
“เอ่อ..ขอโทษครับ” จงอินก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะเงยขึ้นมากระซิบเธออีกครั้ง “แต่เราเดินนำไม่ได้นะครับ เพราะเราไม่รู้ทาง”
จงแดที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้ยินเข้าก็กลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ คุณนายโฮเหวสายตาดุๆใส่จงแดก่อนจะตะเบงเสียงสั่งให้พวกเจ๊แบคเดินนำเธอไป...
“ผมชื่อแจ็คสัน” เด็กหนุ่มคนแรกแนะนำตัว
“ผมชื่อแบมๆครับ” เด็กหนุ่มคนที่สองแนะนำบ้าง
ตอนนี้ทีมสืบสวนลงมายังที่ห้องของเด็กหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกำลังสอบปากคำทั้งสองคนอยู่โดยที่มีดีโอเป็นคนตั้งคำถามต่างๆนาๆอย่างคล่องแคล่วและชำนาญการ ทีมงานบางส่วนยังสำรวจช่องลับบนเพดานและบางส่วนก็สำรวจในห้องของเด็กหนุ่ม ส่วนซินเวยืนมองหน้าเด็กๆทั้งสองอย่างพิจารณาอยู่ข้างๆดีโอ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจฟังปากคำจากเด็กสองคนนี้มากนักแต่เธอก็พอเดาได้ว่า สองคนนี้ไม่ใช่คนที่สามารถจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นลงได้ อย่างมากก็อาจจะเป็นได้แค่เด็กที่โดนคนร้ายหลอกใช้มาอีกที
“รู้จักครับ” แจ็คสันตอบคำถามนึงของดีโอและซินเวสนใจเล็กน้อย เขากล่าวต่อว่า “ผมรู้จักพี่ชานยอลกับพี่อี้ชิงครับ พวกเขาสองคนใจดีและตลกมากครับ”
“อ้อ ใช่ครับใช่” แบมๆเพิ่มเติม “มีครั้งนึงที่พวกพี่เขาเข้ามาเล่นซ่อนแอบกับพวกผม...” แบมๆมองหน้าแจ็คสันแบบไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าดีมั้ยเพราะมันเหมือนเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก...
“เล่าต่อเลย” ซินเวพูด
“ครับ” แบมๆมองตาเธอและตัดสินใจเล่า “พวกผมก็นึกสนุกอยากเล่นด้วย ไหนๆก็ไม่ได้เล่นอะไรเด็กๆแบบนี้มานานหลายปีแล้ว เลยตกลงเล่นกันแต่กลับเป็นว่าผมหาพี่ชานยอลไม่เจอครับ เพราะเขาหายตัวไปกลางคัน...”
“หมายความว่าไง?” ดีโอถาม “พวกนายเล่นซ่อนแอบกันวันไหน?”
“ก็ไม่นานนี้เองครับ” แบมๆตอบ “จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ ขอโทษจริงๆครับพวกผมเป็นพวกที่ไม่ค่อยจำรายละเอียด แต่วันนั้นเกมจบโดยการที่เจอพี่อี้ชิงแอบอยู่บนเพดานห้องของผมนี่แหละครับ จบแบบหาพี่ชานยอลไม่เจอ มาเจอพี่เขาก็วันรุ่งขึ้นแล้วครับ”
“พวกนายนี่ทำตัวแปลกประหลาด” ดีโอพูดตรงๆ “โตกันป่านนี้แล้วใครยังจะมาเล่นซ่อนแอบกันอีก แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าการหายตัวไปของชานยอลจะเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างมากน่ะ ไม่คิดจะหาคำตอบหรืออะไรบ้างหรอไง?”
“ใจเย็นหน่าดีโอ” ซินเวเข้าไปจับแขนดีโอไว้ “เด็กพวกนี้เขายังเป็นเด็ก คิดอะไรซับซ้อนแบบนายไม่ได้หรอก พวกเขาเห็นแบบไหนก็คิดแบบนั้นไม่เอากลับไปคิดให้ปวดสมองหรอก ใช่มั้ย?”
ทั้งสองพยักหน้าแบบกล้าๆกลัวๆ...
ดีโอถอนหายใจยาวก่อนจะรัวคำถามต่อไปใส่เด็กทั้งสองคน...
ซินเวยืนมองเด็กๆตอบดีโอและคอยให้กำลังใจพวกเขาเป็นระยะๆ
ในขณะนั้นเองเธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าไม่ได้มีแต่คนเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้...
วิญญาณตนนึงได้ลอยเข้ามาในห้องอย่างเงียบงันและไม่มีใครรู้สึกได้ยกเว้นเจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่อยู่หน้าประตูห้องเกิดอากาศหนาววูบวาบชั่วคราว...
วิญญาณตนนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวไปหาร่างของซินเวและเผยอยิ้มออกมาจางๆ...
“หวัดดี...”
ซินเวหันขวับไปมองต้นเสียงแต่กลับไม่เจออะไร... เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงผู้ชายคนนึงพูดกับเธอจริงๆนะ
“ในที่สุด...”
เธอได้ยินอีกแล้ว! แต่พอหันไปก็ไม่เจออะไรเหมือนเดิม
“ฉันก็เจอเธอ...”
คราวนี้ซินเวถึงกับหันหลังไปมอง...มองอากาศ
แต่อีกด้านนึง...ด้านที่มองเห็นวิญญาณ
เป็นร่างวิญญาณชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาและเป็นผีที่ผีฮุนนี่โปรดปรานเป็นที่สุด...
คริสนั่นเอง
เขากำลังยืนหันหน้าไปหาเธอและใกล้กันเพียงก้าวเดียว เขามองเห็นเธอและเขายิ้มให้เธอ...ถึงเธอจะมองไม่เห็นเขา
“ฉันคิดว่าฉันเจอคนที่ฉันรอมานานแล้วละ...” คริสพูดกับเธอในขณะที่เธอมองหาเจ้าของเสียงกันวุ่นวาย
“ฉันอยู่นี่...” แล้วคริสก็ยื่นแขนออกไปโอบกอดร่างของเธอไว้...
ซินเวสะดุ้งโหยงเมื่อเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่จู่ๆก็แผ่ซ่านผ่านตัวเธอมา แถมเธอยังรู้สึกเหมือนกำลังโดนใครกอดอยู่เพียงแค่เธอมองไม่เห็น...
และไม่มีใครในห้องนี้มองเห็น...
จนกระทั่ง...
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!” ซินเวกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเธอมองไปยังทางประตูทางเข้าห้อง
คริสปล่อยร่างเธอออกและหันไปมองว่าเธอเห็นอะไร
ปรากฏว่าเป็นผีฮุนนี่ ยืนทำหน้าทำตาเป็นผีเฮี้ยนเหมือนโดนฆ่าหั่นศพแล้วโยนชิ้นส่วนลงแม่น้ำไนล์ในป่าอเมซอนให้ปลาปีรันย่ากัดกินจนไม่เหลือซาก
“กล้าดียังไง!!” ผีฮุนนี่กรีดร้อง “กล้าดียังไงมากอดผีผู้ชายยะ!! คนก็อยู่ส่วนคนสิยะมายุ่งไรกับผี!!!”
ทุกคนในห้องยกเว้นดีโอกับคริสต่างก็หวีดร้องด้วยความกลัวในอำนาจของผีฮุนนี่
ยิ่งไปกว่านั้นแบมๆกับแจ็คสันถึงกับตาเบิกกว้างและล้มตึงลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว...
ความคิดเห็น