คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 ใครเป็นอะไร?
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เฉินระเบิดหัวเราะออกมาหลังจากที่เขาได้ฟังสิ่งที่ซูโฮเล่าเกี่ยวกับองค์กรและพลังวิเศษของเขาเอง
เช้าวันต่อมาเขาก็สร่างเมาและกลับมาเป็นจงแดคนปกติ ตอนแรกเขาก็งงอยู่หรอกว่ามาที่นี่ได้ยังไงแต่เขาดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ แถมยังขอโทษเซมีด้วยซ้ำที่ไปล่วงเกินเธอเมื่อคืน เฉินเป็นคนมองโลกในแง่ดี เขาไม่คิดร้ายกับคนที่นี่เลย เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่านี่คือการลักพาตัวมา หลังจากที่เขาขอบคุณทุกๆคนเสร็จแล้วเขาก็ขอตัวกลับบ้านในทันที แต่ซูโฮขอให้เขาอยู่ฟังเรื่องราวที่แท้จริงซะก่อน
เมื่อทุกอย่างถูกเล่าให้เฉินฟังหมดแล้ว เขาก็ระเบิดหัวเราะอย่างทีเห็นไป
“นี่มันเรื่องอะไรครับ? รายการอะไรหรอ? ซ่อนกล้องไว้ที่ไหนครับเนี่ย?” เขามองไปรอบๆและหัวเราะไม่หยุด เซมีไม่ขำ ดีโอที่นั่งฟังด้วยก็ไม่ขำ และชานยอลที่ไม่เคยขำก็เช่นกัน เฉินสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันมาคุเขาเลยกระแอมเสียงดังกลบเกลื่อน
ซูโฮกล่าวต่อไปอย่างใจเย็น
“นายล่องหนได้ นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ?”
เฉินมองหน้าซูโฮอย่างพิจารณา คนๆนี้ท่าจะไม่ได้พูดเล่น
“บางครั้ง” เฉินเริ่ม “ผมก็รู้สึกเหมือนคนอื่นมองไม่เห็นผม แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก เขาอาจจะไม่เห็นผมจริงๆก็ได้”
“บางครั้ง? บ่อยแค่ไหน?” ซูโฮถาม
“ก็...ไม่มากหรอก ไม่รู้สิผมไม่ได้นับ ฮ่าๆๆๆๆ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีและติดตลก
“จงแด” ซูโฮเริ่มจริงจังทำเสียงให้เบาลงเพื่อจะให้เขาเงียบและตั้งใจฟังดีๆ “นายมันไม่เหมือนคนอื่นๆนะ นายคงไม่รู้ตัวจริงๆหรือแกล้งไม่รู้ตัวกันแน่?”
เซมีจ้องเข้าไปในดวงตาของเฉิน และรอดูปฏิกิริยาเขา เฉินถอนหายใจเสียงดังนั่งพิงพนักเก้าอี้
“ผมบอกแล้ว” เขาบอกทุกๆคน “ผมไม่รู้จริงๆ เอาจริงๆนะ ผมว่าเรื่องนี้มันเกินจริงไปหน่อย ใครที่ไหนมันจะไปล่องหนได้ เฉลยผมมาเถอะ นี่มันเรื่องอะไร? แกล้งกันเพื่ออะ-”
ไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ เขาจับเก้าอี้แน่น
“เฮ้ย! นี่มันอะไร!!” เขาตกใจลุกลี้ลุกลน เก้าอี้ยังคงลอยไปเรื่อยๆ จนเกือบติดเพดาน ทุกๆสายตา(นอกจากเฉิน)มองไปที่ดีโอ เขากำลังใช้พลังจิตของเขาเพื่อแสดงให้เฉินดู
“ปล่อยผมลง!” เฉินโวยวายใหญ่ “นี่มันไม่ตลกนะครับ! ถ้าจะเล่นแบบนี้ควรจะบอกผมล่วงหน้าซักนิด! โหดเกินไปแล้ว! จะเรียกเรตติ้งให้พุ่งกระชูดเลยหรอยังไง!”
เขายังคงเชื่อว่านี้คือการจัดฉาก ดีโอถอนหายใจแต่สายตายังคงจ้องไปที่เก้าอี้ของเฉิน เขาค่อยๆลากเก้าอี้ให้เลื่อนไปทางประตูห้อง ซูโฮลุกขึ้นเดินตามไปและอธิบาย
“จงแดนี่ไม่ใช่การเล่นกล หรือ การจัดฉากไดๆทั้งนั้น มันคือพลังของดีโอล้วนๆ นายดูเขาสิ” ซูโฮบอก เฉินมองลงไปดูดีโอ แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ถึงแม้ตอนนี้เขาจะกลัวมากก็ตาม ดีโอถอนหายใจเป็นรอบที่สอง เขาคงจะหมดความอดทนเลยวางเฉินลงโครมตรงหน้าประตูพอดี เฉินเผลอร้องกรี๊ดออกมาเสียงดัง ดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เซมีก็ตกใจเหมือนกันเธอไม่คิดว่าดีโอจะกล้าทำแบบนี้ แต่ก็แอบสะใจเล็กน้อย
“อย่าให้ฉันแปลงร่างขอร้องละ” ชานยอลที่เงียบอยู่นานจู่ๆก็พูดประโยคที่ทำเอาซูโฮต้องหันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย “ถึงจะทำได้ก็เถอะ...”
“เอาเลย!” ดีโอยุ “แปลงร่างมันตอนนี้เลย ให้เขาดู!”
ดีโอคงจะรำคาญจริงๆนั้นแหละ หน้าเขาดูไม่สนุกแล้ว ชานยอลมองดีโอแล้วกลืนน้ำลายลงคอ จะให้เขาทำจริงๆหรอ? แปลงร่างมันตรงนี้เลย? ทุกคนรอสัญญาณจากซูโฮ
มาถึงตรงนี้เซมีก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอยังไม่เคยได้เห็นร่างหมาป่าของชานยอลเลย
“ไม่ได้” ซูโฮดับความตื่นเต้นของเซมีลงทันที “เขายังควบคุมมันไม่ได้”
“ลองดูมั้ยครับ?” ชานยอลเสนอ ทั้งห้องเงียบแต่รับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันแปลกไป “ผมอยากรู้เหมือนกัน”
“ไม่ได้นะ!!” ไม่ใช่เสียงของซูโฮ แต่เป็นเสียงของเซฮุน ที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาในห้องทางประตูที่เฉินกั้นอยู่ เขากระโดดข้ามเก้าอี้เข้ามาในห้อง “นายแปลงร่างไม่ได้เด็ดขาด”
ดีโอหันไปสนใจเซฮุน ความจริงแล้วเรื่องพลังของเซฮุนนี่ยังไม่มีใครแน่ใจเลยซักคนว่าเขาสามารถทำอะไรได้กันแน่ เซฮุนเดินไปหาชานยอล
“ถ้านายแปลงร่าง” เขาทำเสียงจริงจัง “แล้วพอนายกลายร่าง นายจะเปลือยทั้งตัวและเซมีก็จะกรี๊ดบ้านระเบิดสุดท้ายแก้วหูฉันก็แตกต้องพาเข้าโรงบาลอีกรอบ”
ดีโอเดินเข้ามาตบหัวเซฮุนเข้าอย่างจังด้วยความโกรธและบ่นอุบอิบ
“เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลานะแกนี่...”
“เดี๋ยวนะ” เฉินเริ่มเรียกร้องความสนใจ “ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน? เล่นอะไรกันอยู่?”
ทุกคนถอนหายใจพร้อมกัน...
“เฮ้อ....!!”
เวลาต่อมา ตัดฉากมาที่สนามบิน
ชานยอลดีโอและเซมีกำลังเตรียมตัวจะบินข้ามประเทศเพื่อออกตามหาแบคคยอน เป้าหมายคนต่อไป ซูโฮและเซฮุนก็มาส่งพวกเขาด้วย
“ซูโฮ” เซมีถามขึ้นในขณะที่กำลังรอเวลาขึ้นเครื่อง “เรื่องเฉินจะเอายังไงค่ะ?”
“ก็คงต้องกักตัวเขาไว้ก่อน จนกว่าเขาจะรู้ตัวและยอมรับละนะ”
ดีโอเสริม “ไอบ้านั่นจะหลอกตัวเองไปถึงไหน”
เซมีหันไปถามดีโอทันที “หลอกตัวเองยังไง?”
แต่ดีโอกลับปฏิเสธเขาบอกขี้เกียจอธิบาย
ไม่นานเวลาขึ้นเครื่องก็มาถึงซูโฮกอดบอกลาทุกๆคน และเซฮุนก็เช่นกันเขาซบอกชานยอลแน่นและนานมากกว่าจะปล่อย ดีโอเห็นแล้วขนลุกขนพอง เมื่อถึงตาเซฮุนจะกอดดีโอบ้าง ดีโอกลับตบไหล่เซฮุนรีบๆและหลวมๆแต่เซฮุนไม่ยอม พี่แกคว้าตัวดีโอซึ่งตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมอกแน่นก่อนจะบอกลาอย่างดราม่า
“ไปทางนู้นก็อย่าลืมหิ้วของฝากกลับมาให้แม่นะลูกนะ” เซฮุนรับบทเป็นแม่ที่หวงลูก “อย่าไปหลงระเริงกับสาวๆที่นั่นนะ ที่นี่ดีกว่าตั้งเยอะ”
“พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย” ดีโอผละออกจากอ้อมแขนเซฮุน แต่ก็แอบขำอยู่เหมือนกัน
มาถึงตาเซมี เซฮุนน้ำตาคลอ งอแงเหมือนเด็กติดแม่แทนซะงั้น เขากอดเซมีและทิ้งน้ำหนักตัวเองลงไปบนตัวเธออีกแล้ว
“พี่อ่า” เสียงเซฮุนสั่นเทา “ทำไมไม่พาผมไปด้วยอ่ะ ผมอยากไปกับพี่”
“เซฮุน แปปนะ หนักวะ” เซมีคลายกอดจากเขา หันไปจับไหล่เขาแทน “เดี๋ยวฉันก็กลับมา อีกอย่างนายต้องไปรักษาตัวกับซูโฮได้แล้วนะ อาการท่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆละ”
เซฮุนเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ แต่ดีโอมาสะกิดแขนเขาและบอกห้ามร้อง
“ผมคงคิดถึงพี่แย่เลย” เขาหันไปมองชานยอล “พี่ชานยอลต้องดูแลพี่เซมีดีๆนะ อย่าให้ใครมาแตะต้องพี่ผมนะ”
ชานยอลพยักหน้ารับแบบรีบๆ เขามองนาฬิกา เกือบได้เวลาต้องขึ้นเครื่องแล้ว ดีโอเร่งให้ทุกคนออกเดินทาง เซฮุนกอดเซมีอีกครั้งและเขายังหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆด้วย เซมีตกใจเล็กน้อยแต่ก็เออๆตามน้ำไป ไม่มีอะไรแค่โดนเด็กน้อยหอมแก้มเฉยๆ แต่ดีโอกับชานยอลที่เห็นเหตุการณ์ตกใจมากกว่าเธออีก ดีโอคว้าแขนเซมี
“ไปได้แล้ว! เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก!” ดีโอลากเธอออกไป เซมีโบกลาซูโฮและเซฮุนก่อนจะหันหลังและเดินไปตามแรงลากของดีโอ
ตัวเล็กแค่นี้ไปเอาแรงควายไบสันมาจากไหนยะดีโอ
เมื่อบินมาถึงที่หมายพวกเขาก็แทบจะไม่พักไม่แวะที่ไหนเลย พุ่งตรงไปยังหอสมุดประชาชนทันที ที่นั่นเป็นสถานที่ที่แบคยอนเป้าหมายของพวกเขาทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ในเอกสารเขียนไว้ว่าเขาจบมัธยมแล้วก็ไม่ยอมเรียนมหาลัยตัดขาดจากครอบครัวเริ่มอยู่ตัวคนเดียวและอยู่ได้ด้วยงานพาร์ทไทม์นี้ ความสามารถของเขาคือย้อนกลับไปในอดีตได้ ซึ่งเดาได้ยากอยู่ว่าเขาจะเป็นคนยังไง นิสัยแบบนไหน แถมในเอกสารยังเขียนว่าให้ระวังตัวด้วย เซมีแอบหวั่นๆเล็กน้อย แต่เธอก็อุ่นใจที่คราวนี้เธอไม่ได้มาคนเดียว
เมื่อมาถึงหอสมุดพวกเขาก็ออกตามหาแบคคยอนในนั้นทันที ตอนแรกดีโอเสนอให้แยกกันหาแต่เซมีไม่เอาด้วย เธอกลัวว่าจะมีเรื่องเกาะกลุ่มดีกว่าเยอะ
ทั้งสามเดินไปตามทางเดินที่มีชั้นวางหนังสือเรียงราย เดินไปเรื่อยๆจนถึงแผนกหนังสือประวัติศาสตร์เก่าๆ และเจอแบคคยอนกำลังจัดเรียงหนังสือพวกนั้นอยู่ ตัวเขาขาวกว่าที่เซมีคิดไว้ ร่างบางตัวเล็กกว่าชานยอลแต่โตกว่าดีโอ ภายใต้ใบหน้าที่ดูน่ารักน่าชังนั้นนิ่งเฉยซะจนไม่รู้สึกถึงอารมณ์ไดๆ
“ขอโทษนะค่ะ” เซมีเรียกเขา “ใช่แบคคยอน? หรือเปล่าค่ะ?”
แบคหยุดจัดเรียงหนังสือนิ่งไปพักนึงก่อนจะหันมาหาเซมีช้าๆด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการไดๆ
“มีอะไรให้ช่วยหรอครับ?”
“เอ่อ...ช่วยมากับเราหน่อยได้มั้ยค่ะ มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบค่ะ”
“แจ้งตรงนี้เลยก็ได้ครับ พอดีติดงานอยู่” เขาหันไปมองกองหนังสือที่วางไม่เรียบร้อยตรงหน้า
“อ่อ คือ...” เซมีไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ถ้าเธอบอกไปตรงๆเลยว่าเธอรู้ว่าเขามีพลังเขาจะตกใจและทำอะไรพวกเราหรือเปล่า? หรือจะวิ่งหนีพวกเธอไปเลยหรือเปล่า? เธอหันไปมองชานยอลกับดีโอเพื่อขอความช่วยเหลือ แบคคยอนมองพวกเขาอย่างพิจารณาก่อนจะปัดออกไปอย่างไร้เยื่อใย
“พวกคุณคงไม่มีอะไรจะคุยกับผมหรอก ขอผมทำงานต่อได้หรือเปล่า”
“มีสิๆๆ” เซมีตื้อ
“ไม่มี”
“ฉันมีเรื่องจะคุย”
“แต่ฉันไม่มี!” เขาปฏิเสธเสียงแข็งใส่ รังสีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา เซมีเดินถอยหลังไปหลบข้างหลังชานยอลเงียบๆ ชานยอลเลยสานต่อ
“ถ้านายไม่ได้ทำงานแล้วนายพอจะมีเวลาคุยกับพวกฉันมั้ย”
“ไม่แน่ใจ” เขายังตอบเสียงแข็ง แต่ลดรังสีนั้นลงแล้ว “อาจจะ”
แบคคยอนกระแทกหนังสือเล่มหนาลงบนชั้นเสียงดัง เซมีสะดุ้งโหยงเธอเกาะหลังชานยอลอยู่เงียบๆ ดีโอสะกิดแขนชานยอลส่งสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะบอกขอบคุณแบคคยอนที่สละเวลาคุยด้วย ดีโอลากชานยอลกับเซมีออกมาปรึกษา
“ฉันมีแผน” ดีโอบอก
“ยังไง?” เซมีถาม “ฉันว่าคนนี้ยากอ่ะ”
“ติดสินบนผู้จัดการที่นี่ ซื้อเวลาแบคคยอน ให้เขามานั่งคุยกับเรา”
“เจ๋ง! แผนนี้น่าจะได้นะ เพราะแบคคยอนก็อยู่ได้ด้วยงานพาร์ทไทม์นี่เนอะ”
“เอาเลยมั้ย”
“เอาเลยๆ”
และพวกเขาก็ตามหาผู้จัดการ ปรึกษาเจรจาตกลงเรื่องเงินเสร็จก็เป็นอันตกลง ผู้จัดการบอกให้ไปนั่งรอแบคคยอนที่ร้านกาแฟข้างๆหอสมุดได้เลย
เมื่อพวกเขานั่งรอในร้านกาแฟระหว่างนั้นชานยอลก็สั่งเครื่องดื่มและขนมนมเนยมาเยอะมากทั้งๆที่ก่อนมานี่ก็หาอะไรกินกันแล้วแท้ๆ ดีโอมองขนมบนโต๊ะแล้วถอนหายใจพร้อมบ่น
“หมาป่านี่มีหลุมดำในช่องท้องหรอไง?”
“อาจจะกินแล้วไปโผล่ที่มิติอื่นก็ได้นะดีโอ” เซมีเสริม แต่ชานยอลก็ได้แค่ยิ้มเขินๆและยัดของกินเข้าปากต่อไป
พวกเขารอ...รอ รอนานมาก นานจนชานยอลอิ่ม คิดดูแล้วกัน ตอนแรกนึกว่าแบคจะเบี้ยวซะอีก แต่สุดท้ายเขาก็มา ดีโอเห็นเขาเดินตรงมาที่ร้านกาแฟ เขามองผ่านกระจกและเห็นชานยอลดีโอเซมีสามคนเดิมที่ไปหาเขามาเมื่อกี้ เขาหยุดเดินทันที ดีโอเริ่มจ้องไปที่แบคคยอน เซมีโบกไม้โบกมือให้เขาเข้ามาเร็วๆ แต่แบคคยอนกลับเดินถอยหลัง เขาทำหน้าไม่พอใจ เขาไม่อยากเจอคนพวกนี้ เขาไม่ชอบเลย เขาไม่ชอบคุยกับใครทั้งนั้น เขาเดินถอยหลังไป หันหลัง และวิ่ง! วิ่งหนีพวกเขา!!
“เฮ้ย!!” ดีโอลุกขึ้นยืนพรวดพราด “นั่นเขาจะทำอะไร!!”
“เห็นชัดๆเลย” ชานยอลก็ลุก “วิ่งหนีไง หึ” ชานยอลแสยะยิ้มและเป็นรอยยิ้มดิบๆที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน เซมีเริ่มลน
“ทำยังไง! เขากำลังจะหนีเราไปนะ!” เธอโวยวาย “น้องค่ะ! โต๊ะนี้รวมๆแล้วเท่าไหร่! ไม่ทันละ เอานี่ไปไม่ต้องทอนค่ะ!!”
เซมีทิ้งก้อนเงินลงบนโต๊ะและจัดการพาตัวเองออกจากร้านกาแฟวิ่งตามแบคคยอนไปทันที
“แบคคยอน!” เธอตะโกนตามไปแต่คงไม่ได้ยินหรอก เพราะเขาวิ่งไปไกลมากจนมองแทบไม่เห็น
เป็นนักวิ่งระดับชาติมาก่อนหรอไงยะ!!
“เซมี” ชานยอลวิ่งมาเทียบเธอและบนหลังชานยอลคือมีดีโอเกาะอยู่?
“ดีโอ! นายไปขี่หลังชานยอลทำไม!?”
“ไม่รู้! อยู่ๆเขาก็บอกให้ฉันโดดขึ้นหลัง!”
“หา? ทำไม!” ไม่ทันที่ได้ยินคำตอบจากชานยอล เซมีก็โดนเขาฉวยมาอุ้มไว้ในแขน เธอตกใจจนเผลอร้องออกมานิดนึง แต่ตั้งสติทันก็เลยเกาะแขนดีโอที่ห้อยลงมาจากคอชานยอล ดูประหลาดน่าดู อีกคนขี่หลังอีกคนก็โดนอุ้มอยู่ แต่ชานยอลดูไม่หนักไม่เหนื่อยไม่มีผลอะไรต่อเขาเลยสักนิด
“จับแน่นๆละ” ชานยอลบอกทุกคน “ฉันจะวิ่งไล่ให้ทันหมอนั่น หึ”
ชานยอลแสยะยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาคงคิดว่ากำลังเล่นไล่จับกระต่ายน้อยอยู่สินะ ดีโอรัดคอเขาแน่นเซมีจิกแขนดีโอเธออยากจะหลับตาอยู่หรอกแต่ยิ่งหลับตายิ่งหวาดเสียว เมื่อทุกคนพร้อมชานยอลก็ไม่รอช้า เขาถีบตัวเองกับพื้นกระโดดข้ามถนนไปยาวมาก! และออกวิ่งด้วยความเร็วที่คนปกติไม่มีแน่ๆ
นี่มัน! ยิ่งกว่าระดับชาติอีกนะ!!!
เขาพุ่งตรงไปยังเป้าหมายเล็กๆตรงหน้าพร้อมหัวเราะในลำคอเป็นระยะๆ ทำเอาเซมีสะพรึงไม่น้อย สัญชาติหมาป่าของชานยอลกำลังตื่นตัว!
ไม่นานเป้าหมายก็เริ่มชัดขึ้นและเริ่มเห็นเป็นตัวเป็นตน จนตอนนี้ชานยอลเทียบท่าแบคคยอนได้แล้ว เขาระเบิดหัวเราะใส่แบคคยอนอย่างลืมตัว
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เป็นไงละหมาน้อย! คิดจะสู้กับหมาป่าอย่างฉันหรอ! หือ!!”
“ชานยอล!” เซมีเรียกสติเขา ดูเหมือนแบคคยอนเองก็ตกใจ เขาเพิ่มความเร็วขึ้นและวิ่งต่อไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเขาจะเหลือไม่มากแล้ว ชานยอลเหมือนจะได้สติเขาหยุดหัวเราะและปรับเข้าสู่โหมดเดิม
“แบคคยอน! เรารู้ว่านายซ่อนอะไรอยู่!” เซมีเริ่มเจาะประเด็นในขณะที่กำลังวิ่งกันอยู่ “เราต้องเล่าเรื่องสำคัญให้นายฟังนะ!! ได้โปรด!! ฟังฉันหน่อย!!!”
จู่ๆแบคคยอนก็ล้มลงไป สงสัยเขาคงจะหมดแรงกะทันหัน ชานยอลรีบเบรกฝีเท้าตัวเองปล่อยเซมีลงไปดูอาการแบคคยอน
“แบคคยอน! เป็นอะไรหรือเปล่า?!” เธอหงายตัวเขาขึ้นให้หายใจสะดวก
“...ฮะ..อะ..ออกไป”
“นายจะดื้อไปถึงไหน! เรารู้ว่านายย้อนอดีตได้นะ!!”
แบคคยอยหายใจหอบเขาจ้องเซมี
“แล้ว...ไง”
“บ้าจริง” เซมีคงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อให้เขาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วละ “ชานยอล แบกเขาไป”
“ไปไหน?”
“ไปอพาร์ทเม้นของเขานี่แหละ”
ชานยอลไม่พร่ำเพรื่อเขาแบกแบคคยอนขึ้นบ่าได้สบายๆ ถึงแบคคยอนจะดิ้นและขัดขืนชานยอลแต่เรี่ยวแรงเขาแทบไม่เหลือ ได้แค่ร้องเสียงแผ่วเหมือนหมาน้อย
เมื่อถึงอพาร์ทเม้นของเขาเซมีก็จัดการมัดตัวแบคคยอนไว้กับเก้าอี้ก่อนจะหาน้ำให้เขาดื่มเพื่อดับความเหนื่อย ดีโอก็หาพัดมาพัดให้แบคคยอนเพื่อดับความร้อนในตัวเขา เมื่อทุกอย่างสงบ เซมีก็เริ่มอธิบายและเล่าเรื่องราวต่างๆรวมถึงบอกความลับทั้งของชานยอลดีโอและของเธอให้แบคคยอนฟัง เขาเริ่มดีขึ้น และเริ่มจะสนใจเรื่องที่เซมีเล่า แต่เขายังไม่เชื่อสนิทใจ เขาบอกว่ามีข้อแม้
“ข้อแม้อะไร” ดีโอถาม
แบคคยอนหันไปสบตาดีโอ “ต้องมีใครซักคนยอมให้ฉันเข้าไปดูอดีต ไม่งั้นฉันไม่ไปกับพวกนาย”
ดีโอหันไปมองเซมีสลับชานยอล จะเป็นใครที่ยอมให้เขาคนนี้ได้ดูอดีต...ซึ่งเป็นอดีตที่แสนจะทรมาน เป็นอดีตที่ไม่อยากให้ใครได้รับรู้...เป็นอดีตที่ไม่อยากย้อนกลับไป...
“ว่าไง?” แบคคยอนรบเร้า
“ฉันเอง” ชานยอลอาสา เขาลุกขึ้นยืน “ฉันจะให้นายเข้าไปดูอดีตของฉันเอง”
“ไม่” เซมีขัด เธอจับแขนชานยอลให้เขานั่งลงเหมือนเดิม “ฉันเอง”
“เซมี” ชานยอลขัด
“ฉันนี่แหละฉันมีอดีตที่แสนปวดร้าวน้อยกว่าพวกนายที่สุดแล้ว” เธอบอกด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา “ให้ฉันเถอะนะ”
ดีโอนั่งเงียบ...มันพูดยากจริงๆเรื่องนี้
“ต้องทำยังไง?” เซมีถามแบคยอน
“ต้องอื่นก็แกะฉันออกก่อน ”
ทุกคนหันมาสบตาอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า” เขาพูดต่อ “ฉันไม่หนีไปไหนหรอก ถึงหนีไปก็โดนหมาป่าตาโตคนนั้นตามฉันทันอยู่ดี”
สุดท้ายพวกเขาก็ยอมแกะเชือกแบคคยอนออก เขายืนขึ้นและบอกให้เซมีเข้าไปใกล้ๆเขา
“ฉันจะเข้าไปในอดีตของคนอื่นไม่ได้ ถ้าคนนั้นไม่ยอมให้ฉันเข้าไป” แบคเริ่มอธิบาย “แต่บางครั้ง...ฉันก็เข้าไปในอดีตของคนอื่นได้อย่างไม่รู้ตัวเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันไม่ชอบคุยกับคนอื่น ช่างเถอะมันไม่เกี่ยว”
ดีโอสังเกตเขาอยู่ใกล้ๆ แบคคยอนพูดต่อไป
“เธอต้องสบตาฉัน5วินาที อย่าละสายตาจากฉันเด็ดขาด อย่ากระพริบตา ที่สำคัญเปิดใจให้ฉันได้เข้าไปด้วย” แบคคยอนเริ่มอธิบาย มาถึงตรงนี้เซมีคิดว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก ถ้าเขารู้อดีตของเซมี นั่นแสดงว่าเขาจะยอมรับเธอและยอมกลับไปพร้อมเธอ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร...กับแค่อดีต...อดีตแค่นั้นเอง
“พวกนายสองคน” แบคบอกดีโอกับชานยอล “ระหว่างที่ฉันเข้าไปในอดีตของเธอ ฉันจะไม่กระดิกเลยและพวกนายก็ห้ามมาแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด ฉันจะหยุดก็เมื่อฉันต้องการ ไม่ต้องมาสะกิด โอเคมั้ย?”
ชานยอลพยักหน้า ดีโอได้แต่ปล่อยสีหน้ากังวลออกมา
“เดี๋ยว” จู่ๆดีโอก็ขัดขึ้นมา “เซมีจะเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เป็น” แบคตอบทันที “เธอจะไม่รู้ว่าฉันเข้าไปลึกแค่ไหน เธอจะไม่รู้ด้วยว่าฉันกำลังรับรู้เรื่องอะไร”
เซมีถอนหายใจ เธอเริ่มกังวลนิดๆ
“พร้อมนะ” แบคคยอนบอกเซมี “จ้องตาฉัน”
เซมีหลับตาทำใจก่อนจะจ้องเข้าไปในตาแบคคยอน
หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้า!
แบคคยอนนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวไดๆ ตอนนี้เขาดูเหมือนหุ่นที่ยืนทื่อเฉยๆ เซมีคลายสายตาจากเขาได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ขยับไปไหน ได้แต่รอและคิดว่าเขาจะรับรู้เรื่องราวในอดีตของเธอได้มากน้อยแค่ไหนกัน
ความเงียบเข้าปกคลุมเวลาล่วงเลยไปนานถึงครึ่งชม.กว่า ในที่สุดแบคคยอนก็กลับมาขยับอีกครั้ง เขากระพริบตาถี่ๆเหมือนกำลังปัดน้ำตาออกไป ทุกคนสังเกตทุกๆพฤติกรรมของเขาอย่างตั้งใจ แบคคยอนค่อยๆเงยหน้าขึ้นและมองเซมีด้วยสายตาที่แตกต่างจากเดิม เป็นสายตาที่เซมีเห็นแล้วสามารถบอกเรื่องราวทุกๆอย่างของเธอให้คนๆนี้รับรู้ได้
“เธอ” แบคคยอนพูดเสียงเบาและเขายิ้มให้เซมีอย่างสดใส ใบหน้าที่น่ารักของเขาเวลาเขายิ้มมันยิ่งทำให้ความน่ารักเพิ่มขึ้นไปอีกเขาทำให้เซมีต้องยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว “เธอมีครอบครัวที่ดีมากเลยนะ”
เขาฉีกยิ้มอีกครั้งก่อนจะเข้ามากอดเซมีด้วยความอ่อนโยน แบคคยอนลูบหลังเซมีเบาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่น
“การเข้าไปในอดีต” แบคคยอนเริ่มอธิบายอีกครั้ง “มันจะทำให้ฉันเข้าใจคนๆนั้นได้ เกือบจะทั้งหมดในชีวิตของเขา”
เขาคลายกอดจากเซมี และ บอกกับทุกๆคนอีกว่า
“แต่สำหรับบางคน ฉันอาจจะไม่เข้าใจเขาและอาจจะเกลียดเขาหรือผิดหวังในตัวเขาไปตลอดชีวิตได้เลยเหมือนกัน”
ชานยอลกับดีโอเดินมาดูอาการเซมี พวกเขาคงแปลกใจมาก การที่แบคเข้าไปดูอดีตของเซมีทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอ?
“ฉันจะไปกับพวกนาย” แบคคยอนพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ปกปิดตัวเองจากพวกนาย ฉันเองก็มีอดีตที่ไม่อยากย้อนกลับไปเหมือนกัน”
ดีโอเริ่มเปิดใจให้แบคบ้าง เขายิ้มและพูดอย่างเป็นมิตร
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวเรานะแบคคยอน”
ชานยอลเดินไปกอดแบคคยอนเพื่อเสริมสร้างไมตรีต่อกันและเขาถามแบคว่า
“นายเกิดปีไหน?”
“1992น่ะ”
“เฮ้ย! เหมือนกันเลย!”
“เฮ้ย จริงดิ!” แล้วพวกเขาก็กระแทกไหล่ใส่กันอย่างสนิทสนม ตัวจริงของแบคคยอนไม่ใช่คนที่หยิ่งและเดาใจยากเลย เห็นขัดๆว่าเขาชอบเข้าสังคมมากแค่ไหน รอยยิ้มที่เก็บมานานนั้นในที่สุดก็ได้เปิดเผยมันออกมา
“แล้วนายละ” แบคคยอนหันไปถามคนตัวเล็กกว่า “เกิดปีไหน”
“1993...”
“โอะ! เด็กกว่าปีนึงแหนะ! ไงน้องชาย!” แล้วเขาก็เดินมาขยี้หัวดีโอเล่น เซมีเห็นแล้วเผลอหัวเราะออกมาจนได้ เธอเริ่มชอบแบคคยอนคนนี้ซะแล้ว ความจริงเธอชอบทุกคนที่เข้ามาแกล้งดีโอ มันดูตลกดี
ดีโอและชานยอลเริ่มเล่าเรื่องปราสาทให้แบคคยอนฟังระหว่างที่เขากำลังเก็บกระเป๋าเพื่อออกเดินทาง เซมีไม่คิดเลยว่าคนอย่างดีโอและชานยอลจะสามารถเข้ากับใครได้ง่ายแบบนี้มาก่อน เหมือนพวกเขาเจอกันมาเป็นปียังไงยังงั้นเลย เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของพวกเขาสามคนทำให้เซมีรู้สึกดีไปด้วย ภารกิจนี้ก็ดูไม่เลวร้ายเท่าไหร่ มันทำให้พวกเขาสนิทกันเข้าใจกันและเชื่อใจกันมากขึ้น ถึงช่วงเวลามันจะสั้นและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่รวดเร็วไปหน่อยก็ตาม ถึงอย่างนั้นทุกๆคนก็สามารถปรับสภาพให้ตามทันเหตุการณ์ในแต่ละเรื่องได้อยู่
เมื่อมาถึงสนามบินขากลับ เสียงหัวเราะของชายหนุ่มวัยใกล้เคียงก็หยุดลงและเซมีก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้รับโทรศัพท์จากซูโฮ
“เซมี!” เสียงของเขาดูแตกตื่นผิดปกติ “ไม่ต้องบินกลับมาที่ปราสาทนะ!”
“เกิดอะไรขึ้น...”
“ไคหายตัวไป! น้องชายของเธอหายตัวไปสามวันแล้ว ไม่มีร่องรอยไดๆเลยด้วย ฉันสังหรณ์ใจแปลกๆ รีบบินตรงไปที่บ้านเธอเลยนะ!”
สิ้นเสียงของซูโฮสมองของเซมีตัดขาดจากโลกภายนอกทันที เธอคิดคำนวณด้วยเวลาอันรวดเร็วไม่พูดกับใครไม่สนใจใครทั้งนั้น ตัดสินใจด้วยตัวของเธอและด้วยหัวใจของเธอเพียงคนเดียว เธอคิดได้แค่
ไค ไค!!...
ความคิดเห็น