ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Exo x You) หอexoแตกแต๋วกระเจิง (ฟิคเกรียน) [ DO x you ]

    ลำดับตอนที่ #5 : คริสและเพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 57


     

     

    สองวันก่อน...

    คริสเป็นผีที่ตายแล้วมาอาศัยอยู่ที่หอพักหลังนี้นานมาแล้ว พูดได้อีกอย่างก็คือเป็นเจ้าที่นั่นเอง สาเหตุการตายของเขายังไม่มีใครทราบแต่ที่รู้ก็คือเขาชอบบนยอดหอคอยนี้และเขาก็ตัดสินใจใช้ห้องนั้นเป็นที่พักอาศัย เขาเป็นผีที่ค่อนข้างจะมีระดับหรือเลเวลมากกว่าผีตนอื่นๆ ดังนั้นเขาสามารถร่ายมนต์บางอย่างได้และยังสามารถเข้าสิงคนได้ทุกประเภทไม่ว่าคนๆนั้นจะจิตแข็งแค่ไหนก็ตาม

    และคืนนี้ก็เฉกเช่นกับคืนอื่นๆนั่นก็คือว่างเปล่าและอ้างว้าง บรรยากาศเดิมๆที่เขาได้รับตลอดเวลาที่ผ่านมาแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยซักวัน คล้ายกับติดอยู่ในห้วงเวลาที่ไม่มีสิ้นสุด...

    คริสมีสายตาที่กว้างไกลและสมองอันชาญฉลาดแต่เขาไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่นัก เขาไม่เคยเจอผีตนอื่นๆเพราะเขาคือผีตนแรกและเขาก็เข้าใจไปเองว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นผีที่ตายมานานและค่อนข้างจะ เฮี้ยนในภาษาชาวบ้านเลยไม่มีผีตนไหนกล้าเข้ามาอยู่กับเขาด้วย นอกซะจากว่าผีตัวนั้นตายที่นี่หรือมีความเกี่ยวข้องกับที่นี่...

    ค่ำคืนนี้ทำให้คริสแปลกใจเล็กน้อย(เล็กน้อยจริงๆนะ) เขากำลังนั่งเหม่อมองดวงจันทร์บนท้องฟ้าและดวงดาวที่ส่องประกายแต่จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งมาดึงความสนใจเดียวที่เขามีตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ไป...

    มันเป็นเสียงกรีดร้องของใครบางคน ความจริงเสียงร้องหรือเสียงพูดจาของคนที่พักอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คริสก็ประสบพบเจอมาเยอะแล้ว ทั้งร้องไห้เพราะทะเลาะกับแฟน กรีดร้องดีใจที่ถูกหวย หรือ ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ต่างๆนาๆเขาเจอจนชินแล้ว แต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องแบบนั้นน่ะสิ

    คริสตัดสินใจโฉบลงจากหน้าต่างห้องและร่อนไปหาต้นเสียง เขามองลอดหน้าต่างเข้าไปเห็นสาวประเภทสองสามสี่คนกำลังแตกตื่นกับเรื่องบางอย่างและมีเด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่ในวงด้วย... ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาเพิ่งรู้ ว่ามีผีตัวอื่นโผล่เข้ามาในหอพักหลังนี้เช่นกัน... ผีตัวนั้นกำลังทำหน้าตกอกตกใจใส่คนนอนอยู่และเหมือนพวกเขาจะเห็นกันและกัน...

    ในขณะที่คริสกำลังแปลกใจกับกลุ่มคนแปลกประหลาดเหล่านี้เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นห้องข้างๆแทน... หน้าต่างถูกปิดสนิทและทุกอย่างเงียบงันแต่คริสรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างในห้องหลังนั้น

    เขาเลิกสนใจกลุ่มคนแปลกประหลาดนั่นและทะลุผ่านเข้าไปในห้องที่ปิดตาย...

    เขาเจอกับร่างของหญิงสาวผูกคอตายห้อยลงมาจากพัดลมติดเพดาน...

    และเขาก็เห็นร่างวิญญาณของหญิงสาวกำลังร่ำไห้อยู่ใต้ร่างของเธอเอง...

    เสียงเธอเย็นเยือกและโศกเศร้าสุดหัวจิตหัวใจ...

    แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เผยตัวตนให้เธอเห็น ร่างวิญญาณของเธอก็จางหายไปพร้อมๆกับเสียงร่ำไห้และโหยหวนของเธอ...

    “อ่าว...ไปซะและ” คริสพูดกับตัวเอง “ยังไม่ทันได้ถามเลยว่าตายทำไม...แต่ช่างเถอะ”

    เขาทำท่าจะเดินทะลุกำแพงออกไปข้างนอกแล้วแต่กลับได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายกันหน้าประตูห้องซะก่อน

    โครม!!! เหมือนเสียงคนกระแทกประตูจากนั้นก็เงียบไป...

    คริสยืนรอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่นานก็มีเสียงคนเถียงกันไปมาหน้าห้องเสียงดังและเสียงดึงประตูที่ล็อคอยู่สองถึงสามครั้งจากนั้นก็เสียงดังเหมือนทะเลาะกันอีกครั้ง... คริสยืนจนจะเมื่อยแล้วนะช่วยทำอะไรนอกเหนือจากวี๊ดว๊ายนั่นหน่อยได้มั้ย

    ฟุบ!! ในที่สุดร่างของผีฮุนนี่ก็ทะลุผ่านประตูเข้ามา หน้าเธอเหวออย่างแรงเมื่อเห็นสภาพศพแต่เธอไม่เห็นคริสเพราะคริสอำพรางอยู่ จากนั้นเธอก็กรีดร้องเสียงดังจนคริสต้องเอามืออุดหูตัวเองไว้ทันที

     






     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปัจจุบัน...

    “กรี๊ดดดดดดดด!!!

    “เหี้ยยยยยยยย!!!

    “นะนะนะนะนะนะนะนายเป็นใคร!?” ผีฮุนนี่ตกอกตกใจสะดุ้งจนแทบจะหายใจได้อีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังแหกปากตะโกนโวยวายให้คนมาช่วยเธอออกไปจากยอดหอคอยนี้ จู่ๆเธอก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มหาศาลและเปล่งรัศมีมาแต่ไกล เมื่อเธอหันไปมองว่ามันอะไรเธอก็เห็นร่างของคริสร่อนเข้ามาจากทางหน้าต่างพอดี เธอจึงกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจเพราะนึกว่าเจอไอรอนแมน...

    ส่วนคริสก็ไม่คาดคิดว่าจะมีแขกมาหาที่ห้องเขาเร็วขนาดนี้...เขาเพิ่งชวนให้นักสืบหนุ่มดีโอมาแวะเวียนที่ห้องของเขาไปหมาดๆแต่ไม่คิดว่าจะได้ผีฮุนนี่มาแทน

    “เธอเข้ามาได้ยังไง!” คริสเองก็ตกใจ ตกใจกับเสียงกรี๊ดของฮุนนี่นั่นแหละ “ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาเลยนะ!

    “ฉัน-ฉันหลงเข้ามา!” ผีฮุนนี่เดินถอยไปติดประตูจนจะแนบเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว เธอยังทำหน้าสะพรึงไม่หาย “นะ-นายเป็นเจ้าที่ที่นี่ใช่มั้ย? ฉันสัมผัสได้ว่าพลังงานของนายมันมีเยอะกว่าปกติ...”

    “ใช่ ว่าแต่เธอแค่หลงเข้ามาเนี่ยนะ?”

    “อื้อ”

    “เป็นไปไม่ได้ฉันร่ายมนต์ไว้ที่ประตูกันคนเข้าออกแล้วนะ...” คริสกำลังเดินตรงไปประตูเพื่อจะตรวจเช็คซักหน่อย

    “อย่าเข้ามา!!” แต่ฮุนนี่รีบยกมือขึ้นห้าม คริสหยุดชะงักพร้อมกับทำหน้างง...

    “อะไร? มีอะไร?” เขาหันซ้ายขวาเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติ “หรือว่าเธอกลัวฉัน?...ทำไมใครๆก็กลัวฉันกันไปหมดนะ ฉันไม่ใช่เจ้าที่ใจแคบขนาดนั้นซะหน่อย”

    “เปล่า!” ฮุนนี่ปฏิเสธ “นายหล่อเกินไปต่างหาก...ฉันรับมันไม่ไหว...”

    “หา?”

    “ไม่ต้องงง แต่ช่วยถอยออกไปห่างๆก่อนจะได้ไหม...หัวใจจะกลับมาเต้นได้อีกรอบแล้วเนี่ย” ฮุนนี่ใจหายใจคว่ำหมด “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ? ร่ายมนต์ที่ประตูกันคนเข้าและออกหรอ?” ฮุนนี่มองสำรวจประตู

    “ใช่” คริสยอมถอยไปสองก้าวตามคำขอ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาเจอฉันในห้องนี้น่ะ อารมณ์เหมือนคนกำลังนอนแล้วจู่ๆก็มีคนเข้ามาในห้องนั่นแหละ”

    “แล้วทำไมฉัน” ฮุนนี่จับหน้าอกตัวเอง “ทำไมฉันถึงเข้ามาได้ละ...” เธอเงยหน้ามองคริสด้วยสายตาค้นหาคำตอบและงุนงง “ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้...” ก่อนจะบ่นกับตัวเองเบาๆ...

    “สงสัย...” คริสทำหน้าครุ่นคิด “เป็นเพราะไอนั่นอีกแล้วหรอ...”

    “อะไรนะ? ไม่ได้ยิน?” ฮุนนี่เผลอเขยิบเข้าไปหาเขานิดนึง

    “อ้อ เปล่าหรอก” คริสบอก “เอ้อ...ถ้าจำไม่ผิดเพื่อนนายสองคนตอนนี้นอนสลบอยู่ที่ห้องพยาบาลแหนะ ฉันบังเอิญไปเจอมา นายควรจะรีบไปดูพวกเขานะ”

    “ตายจริง...” ฮุนนี่ตกใจและเดินเข้ามาใกล้คริสอีกหน่อย “ไม่ทราบว่าสองคนนั้นมันเป็นใครแล้วเป็นอะไรมากมั้ย?”

    “ฉันไม่รู้จัก...รู้แค่คนที่ชื่อลู่หานกับแบค...แต่สองคนนั้นสบายดี”

    “ถ้าอย่างนั้นคงจะเป็นเจ๊เทากับเจ๊หมิน” ฮุนนี่เขยิบเข้าใกล้จนเกือบชิดแล้ว... เธอเงยหน้ามองคริส “ช่างหัวพวกมันเถอะค่ะ เป็นกะเทยถึกไม่ตายง่ายๆหรอก...ว่าแต่เราไม่ลองมาทำความรู้จักกันหน่อยหรอค่ะ?” เธอส่งยิ้มหวานเยิ้มไปให้คริส

    “ฉันชื่อคริส” คริสตอบซื่อๆและเขายังสัมผัสอะไรไม่ได้ แถมเขายังยื่นมือออกมาด้วย

    ฮุนนี่มองมือหนาที่ยื่นออกมาในใจก็คิดว่าคริสคงไม่ใช่ประเภทชอบของแปลกเหมือนเธอแน่นอน เธอยื่นมือไปจับมือเขา

    “ฉันชื่อโอเซ- โอะ!” ทันทีที่ฮุนนี่จับมือหนาของคริส ไออุ่นแปลกประหลาดก็แผ่ซ่านเข้ามาในร่างเธอ มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอันอบอุ่นไหลอย่างรวดเร็วไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งดวงตาที่มันทำให้ตาของฮุนนี่เปล่งประกายกว่าปกติ...

    คริสเห็นอาการแบบนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา...

    “นายทำอะไรฉันค่ะ?!” ฮุนนี่ถามทันทีและจับมือเขาแน่นด้วย

    “ไม่ต้องตกใจ มันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายขนาดนั้น” คริสตอบพลางถอนมืออกมาจากมือฮุนนี่ที่ทำท่าเหมือนจะไม่ปล่อยออกมาง่ายๆ “ฉันให้พลังงานแก่เธอน่ะ ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือแล้วไม่ใช่หรอ แค่นิดๆหน่อยพอที่จะทำให้เธอคงร่างเหมือนมนุษย์ปกติได้อีกสี่ห้าวัน...”

    “ทำไมค่ะ?” ฮุนนี่ถามอีก “ทำไมนายถึงใจดีกับฉัน? อย่าบอกนะว่านายมีซัมติง?....”

    “หือ? พูดเรื่องอะไรน่ะ?” คริสตอบซื่อๆ “ว่าแต่ไม่อยากรู้หน่อยหรอว่าทำไมพลังงานเธอถึงขาดๆหายๆเหมือนสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้น่ะ”

    “อยากรู้...ก็ได้ค่ะ” ฮุนนี่ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย เสน่หาอันแรงกล้าที่เธอพยายามสื่อให้คริสรู้ เขากลับสัมผัสไม่ได้เลยซักแอะ...

    “แต่ยังไม่ถึงเวลาบอกครับ” คริสยิ้มเจ้าเล่ “ตอนนี้กลับไปหาเพื่อนเธอได้แล้ว ป่านนี้คงจะฟื้นแล้วกระมัง”


















     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ณ คอนโด ซินเว...

     “ครับ...” ดีโอกำลังคุยโทรศัพท์กับเจ๊ลู่ “พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยครับ...ครับขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ ครับ? คงจะไปอีกช่วงบ่ายๆของวันน่ะครับ...ครับ? อยากมาที่ห้องมั้ย? คงจะแวะไปไม่ได้ครับเพราะผมจะลงภาคสนาม...ครับ? เอ่อ...ยังไม่มีแฟนครับ ถ้าคุณลู่หานไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงาน ครับ? เอ่อ...ตอนนี้ผมโฟกัสแต่เรื่องงานครับยังไม่คิดเรื่องอื่น... ผมต้องไปแล้วครับ ครับ...ครับ สวัสดีครับ”

    ดีโอกดวางสายไปได้ซักที...เขาถอนหายใจยาว ปรากฏว่าเทากับซิ่วหมินไม่ได้โดนใครทำร้ายแต่เป็นการทำร้ายกันเองซะงั้น ตอนนี้ซินเวหลับสนิทอยู่บนเตียงของเธอ ดีโอกะจะนอนเฝ้าอาการของเธอที่นี่เช่นกันเพราะดูท่าทางเธอไม่ใช่แค่ง่วงอย่างเดียว เขาเดินไปลากเบาะนอนสำรองมาไว้ข้างเตียงก่อนจะหยิบหมอนบนเตียงและทิ้งตัวลงนอนพลางนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้...

    “ดีโอ...” จู่ๆซินเวก็ตื่น ดีโอรีบขึ้นไปดูเธอ

    “ซินเวฉันทำเธอตื่นหรอ?” เขาถามอย่างเป็นห่วง

    ซินเวกลับหัวเราะออกมา “ฉันยังไม่ตายนะดีโอ ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้...แล้วนี่จะนอนบนพื้นจริงๆหรอ?”

    “อืม ท่าทางเธอดูไม่ค่อยดีน่ะ” ดีโอตอบ “พรุ่งนี้เธอไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะ ฉันไปคนเดียวได้ส่วนเธอนอนพักเถอะ”

    “ก็บอกว่าแค่ง่วงเฉยๆไง” ซินเวยิ้มอ่อนๆ “อีกอย่างถ้าฉันไม่ไปด้วย งานมันจะเดินได้ยังไง? อย่าลืมสิว่าเราเป็นคู่หูที่ทำงานร่วมกันน่ะ...นายจะไปโดยไม่มีฉันไม่ได้นะ” เธอทำเสียงอ้อน “ถ้าฉันพักนายก็ต้องพัก ถ้านายทำงานฉันก็ต้องทำงานเนอะ”

    “โตๆกันแล้วนะ” ดีโอถอนหายใจ “ควรจะรู้ลิมิตของตัวเองได้แล้ว เธอฝืนไปก็พลอยทำให้ฉันเป็นห่วงเปล่าๆ แล้วถ้าทั้งฉันและเธอไม่ได้ไปทำงานพร้อมกันสองคน มีหวังงานไม่เดินเลยซักก้าวเดียวจริงๆแน่”

    “ก็ได้...” ซินเวทำหน้าบูดเล็กน้อย ถึงเธออยากจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากแค่แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าที่ดีโอพูดนั้นคือความจริง  “แต่ถ้าพรุ่งนี้ฉันหายดีแล้วนายต้องให้ฉันไปกับนายนะ” เธอจ้องตาดีโอเขม็งและพยายามสื่อให้ดีโอรู้ว่ายังไงๆเธอก็จะตื้อให้ได้อยู่ดี...

    ดีโอถอนหายใจยอมแพ้ที่จะเถียง...

    “โอเค ตกลง...ถ้าเธอกลับมาเป็นปกติภายในพรุ่งนี้ฉันจะยอมให้เธอไป แต่ถ้าเธอมีอาการเหมือนจะเป็นลมอีกครั้ง คราวหน้าฉันจะไม่ยอมแบบนี้แล้วนะ”

    “ใจร้ายจัง” ซินเวยิ้มให้เขาและรู้สึกดีที่ชนะ “ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้นมากว่าเดิมมากแล้วละ พรุ่งนี้หายชัวร์ๆเลย”

    “ก็ดี...”

    “แต่จะหายเร็วกว่านี้ถ้านายไม่นอนบนพื้นแล้วกลับไปนอนห้องตัวเองแบบดีๆ...”

    “ฉันไม่เป็นไรหน่า แค่นี้เอง”

    “ไม่ได้สิ นายลำบากเพราะฉันหลายเรื่องเกินไปแล้ว”

    “ลำบากตรงไหนเนี่ย มันก็นอนได้เหมือนกัน”

    “ไม่เหมือน!

    “ทำไมต้องดื้อตลอดเลยฮะ!” ดีโอหยิกแก้มเธอแรงๆไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

    “โอ้ย!” เธอหันหน้าหนีเขา “ถ้านายไม่ไปนอนบนเตียงฉันก็จะไม่นอนทั้งคืนเลยคอยดู”

    “ก็ดีนะ เธอจะได้ไม่ต้องไปทำงานพรุ่งนี้ด้วย...”

    “ใช่! ฉันจะไม่นอนพักเลยด้วย ฉันจะเป็นลมและเป็นลม จากนั้นก็เป็นลม!

    “โอ้ย! จะดื้อไปถึงไหนครับ!” ดีโอพยายามหยิกแก้มเธออีกครั้งแต่เธอหลบทัน “โอเคได้! ฉันกลับไปนอนบนเตียงก็ได้! แบบนี้น่ะ พอใจมั้ย?!

    เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆเธอและบนหมอนใบเดียวกันด้วย

    ซินเวหัวเราะทันทีที่เห็นเขาหงุดหงิดมากขนาดนั้น เวลาดีโอโกรธเขาจะดูตลกและน่ารักมากเลยละ และนั่นทำให้ซินเวหายดื้อไปได้สนิท...

    “ขอบคุณนะ...” เธอบอกพลางหลับตาลงและพิงไหล่เขาเบาๆ

    ไม่ว่าสิ่งที่ดีโอจะพูดออกมามันดูโหดร้ายและไม่ว่าเขาจะทำหน้าไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน แต่เธอมักจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและจริงใจจากเขาได้เสมอ หลายต่อหลายคนมักจะมองเขาจากภายนอก ใบหน้าที่ไม่ค่อยได้ยิ้มของเขาผลักดันบุคคลิกเงียบขรึมและน่ากลัวออกมาให้คนอื่นเข้าใจแบบนั้น แต่เธอกลับมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปอย่างง่ายดาย...

    ครั้งแรกที่เธอเจอดีโอก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นคิด เขาไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิดเดียว เขาน่ารักมากต่างหากละ...

    ไม่พอแค่นั้น เขายังเป็นที่มีจิตใจดีและคิดถึงคนอื่นเสมอ เขาไม่เคยเอาเปรียบใคร และที่สำคัญกว่านั้นเขาคอยปกป้องเธอเสมอ... และเธอก็รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆดีโอ...

    “รีบๆนอนเถอะหน่า จะเช้าแล้วเนี่ย...” ดีโอกลับหันหน้าหนีเธอ เขาไม่อยากให้เธอเห็นว่าหน้าเขาแดงแค่ไหนไหนจะรอยยิ้มที่หุบไม่ได้อีก... เวลาเธออ่อนแอแล้วอ้อนเขาแบบนี้มันทำให้เขามีความสุขอยู่ไม่น้อยเลยละ...
















     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทางด้านเจ๊ลู่และเจ๊แบคที่นั่งเฝ้าคนป่วยอยู่ที่ห้องพยาบาล...

    และหลังจากที่เจ๊ลู่วางสายโทรศัพท์จากนักสืบหนุ่มดีโอไปปุ๊บ ไฟก็ดับพรึ่บ!พร้อมกันทั้งหอทันที

    “เจ๊หมิน!” เจ๊เทาที่นอนอยู่เตียงข้างๆรีบตะเกียกตะกายข้ามเตียงไปหาเพื่อนทันที “เจ๊หมินมันจะมาอีกแล้วหรอ...”

    “มันจะมาไม่มามึงก็อย่าโขกหัวกูกับกำแพงอีกเข้าใจมั้ย?” เจ๊หมินว่าพลางเขยิบให้เพื่อนได้นอนบนเตียงเดียวกัน “แรงยังกะควายไบสันรวมกันสิบตัวอย่างมึงกูไม่ตายก็บุญแค่ไหนแล้ว...”

    “แหม...ก็ตอนนั้นฉันตกใจนี่นา” เจ๊เทาว่าพลางอิงแอบไหล่บางของเจ๊หมินด้วยความกลัว ในห้องตอนนี้มีแค่แสงไฟอ่อนๆจากโทรศัพท์เจ๊ลู่เท่านั้น...

    “กูละงงกับมึงจริงๆอีเทา” เจ๊แบคพูดพลางควานหาไฟฉายในลิ้นชักแถวๆนั้น “ผีฮุนนี่มันตามหลอกมึงตั้งแต่สมัยเด็กๆละไม่ยักจะชินซักที แถมยังกลัวผีปลอมมากกว่าผีจริงอีก แล้วอีฮุนนี่แม่งก็เป็นผีที่ห่ารากมากค่ะ ดันไปกลัวผีปลอมในบ้านผีสิงเหมือนมึงอีกต่างหาก กูละเพลีย ในลิ้นชักนี่แม่งก็ไม่มีห่าอะไรซักอย่าง!” เจ๊แบคดันลิ้นชักกลับไปสุดแรงด้วยความหงุดหงิด

    “หวังว่านี่คงจะเป็นแค่การไฟดับเฉยๆนะ” เจ๊ลู่บอก “ไม่ใช่การละเล่นหลอกคนของผีตัวไหนๆหรอกนะ...” เธอกวาดสายตามองไปรอบๆห้องด้วยความหวาดกลัว...

    และใช่...สิ่งที่เจ๊ลู่เพิ่งพูดไปหยกๆกำลังจะเกิดขึ้น เจ๊เทาร้องครางและเกาะร่างเจ๊หมินแน่น มีไอเย็นๆผ่านเข้ามาทางรูใต้ประตูคล้ายหมอกควันและเย็นเยือกจนขนลุก...

    “อีบุษบา” เจ๊แบคลุกขึ้นเท้าสะเอวและหันหน้าไปทางประตูด้วยความท้าทาย “มึงจะมาก็มาดีๆค่ะ ไม่ต้องมีเอฟเฟ็คก็ได้พวกกูไม่ได้อยากดูหนัง4Dขนาดนั้น...”

    กุ๊ก...กุ๊ก...กู๋วว...

    เสียงแปลกประหลาดดังมาจากนอกห้อง...เจ๊เทาเริ่มร้องไห้และเงียบไปเมื่อโดนเจ๊หมินตีหัวเข้าอย่างแรงด้วยความรำคาญ

    “คราวนี้มาแปลกนะ” เจ๊ลู่มองไปที่ประตูด้วยสายตาหวาดหวั่น “ไอเสียงกุ๊กๆกู๋นี่ฉันไม่เคยจะเจอ...”

    “มันคงจะหมดมุขแล้วละ” เจ๊แบคตอบ “ร้องขอ ช่วยด้วยยย...มันโหลแล้ว ต้องเล่นด้วยเสียงแปลกๆจะได้อินเทรน กูพูดถูกใช่มั้ยอีบุษบา? มีอะไรก็รีบๆว่ามาเลยค่ะไม่ต้องลีลาเจ๊ไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น”

    “อย่าไปท้าสิเจ๊แบค” เจ๊ลู่ดึงแขนเพื่อนให้นั่งลง

    “กลัวอะไรเจ๊ลู่!” เธอสะบัดแขนเจ๊ลู่ออกและยืนต่อไป “อีบุษบามึงจะให้กูรอไปถึงไหน! เดี๋ยะกูตายตามไปตบหน้ามึงเลยนี่!

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

    เสียงคนเคาะประตูช้าๆสามครั้งพร้อมด้วยไอเย็นที่ถาโถมเข้ามาไม่หาย...ห้องก็มืดสนิทบรรยากาศก็เงียบงันยังกะหอพักนี้ร้างผู้คนมานับสิบๆปี...

    เจ๊เทาทำท่าจะร้องไห้อีกรอบแต่โดนเจ๊หมินสกัดดาวรุ่งโดยการหยิกแขนแรงๆซะก่อน...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

    ก๊อก...

    ก๊อก...

    ตึง!!

    ทุกคนสะดุ้งโหยงยกเว้นเจ๊แบคที่ยืนกระดิกเท้าด้วยความรำคาญ เหมือนเป็นเสียงคนทุบประตูและมันก็แรงและดังแถมยังสัมได้ถึงรังสีอำมหิตที่หาจากคนไม่ได้...

    ตึง!!!

    เจ๊ลู่พยายามดึงเจ๊แบคให้นั่งลงอีกครั้ง ตอนนี้เธอกลัวแล้ว...กลัวมากเลยด้วยไม่แปลกถ้าเจ๊เทาจะสลบไปอีกรอบ...

    แต่เจ๊แบคก็ไม่ยอมนั่งเธอจ้องประตูไม่วางตา...

    ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

    เสียงดังต่อเนื่องจนเจ๊ลู่ถอยกรูดไปอยู่กับเจ๊หมินและเจ๊เทาบนเตียง...

    แต่เจ๊แบคเธอกลับพุ่งตรงไปที่ประตูอย่างหาญกล้าก่อนจะกระชากลูกบิดและเปิดประตูอย่างแรง!!

    คนในห้องกลั้นหายใจพลางคิดว่าถึงวันตายของเจ๊แบคแล้ว แต่ว่า...

    “อีฮุน!!!” ทุกคนประสานเสียงพร้อมกัน

    “โอ้ย!” ฮุนนี่โดนเจ๊แบคตบหัวเข้าให้ทันที

    “เล่นห่าอะไรของมึงค่ะ!!??” เจ๊แบคถลึงตาเหมือนอยากจะฆ่าให้ผีฮุนตายอีกรอบ “ทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะอีนี่ รู้มั้ยว่าเปลืองกระดาษไปกี่หน้ากับไอเอฟเฟ็คกากๆของมึงเนี่ย! แล้วอีนี่แม่-งคิดจะหายตัวไปไหนก็หายเนอะ! พอจะโผล่มาก็โผล่เลยเนอะ! แรดจริงๆ! ไม่รู้หรอกว่าเกี่ยวกับคำว่าแรดตรงไหน แต่กูขอด่ามึงว่าแรดจริงๆ ว่าแต่ทำไมมึงต้องทำเอฟเฟ็คบ้าบอเหมือในหนังผีด้วยยะ! เดี๋ยวกูกบกบาลหลุดจริงๆหรอก!

    “แหมเจ๊...” ฮุนนี่ยิ้มแห้งๆก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะและไฟก็ติดทั้งหอทันที... ใช่จริงๆด้วย...มันเป็นฝีมือของผีฮุนนี่นั่นเอง “ฉันเพิ่งได้พลังมาขอใช้หน่อยไม่ได้หรอไง ทนอยู่เหมือนผีไร้ญาติมานานละขอเป็นผีเต็มตัวเปิดตัวแบบเริ่ดๆหน่อยไม่ได้หรอไง แหม...อย่าบ่นมากนักสิค่ะ ว่าแต่เจ๊เทากับเจ๊หมินเป็นไงบ้างค่ะ” ฮุนนี่เดินเข้าไปดูในห้องและโดนเจ๊ลู่หยิกหัวนมไปเต็มแรงด้วยความรักโทษฐานที่แกล้งให้ทุกคนกลัว

    และเจ๊เทานอนสลบคาอกเจ๊หมินไปแล้ว

    “เฮ้อ อีเจ๊เทานี่ก็ยังไม่ชินกับกูซักที” ฮุนนี่บ่นกับตัวเอง “ตื่นมาแม่-งกูต้องง้ออีก แต่ช่างมันเถอะ...ทุกคนค่ะฉันมีเรื่องจะมาเม้ามอยค่า!” ผีฮุนทำเสียงตื่นเต้นใส่เพื่อนและมันได้รับปฏิกิริยาตอบรับอย่างล้นหลาม

    “ว้ายยยตายยย” เจ๊แบคร้อง “เสียงแบบนี้แสดงว่าเป็นเรื่องผู้ชายใช่มั้ยละยะอีแรด?”

    “ว้ายตายยย เดาถูกเผงเลยเค่อะเจ๊ แรดพอๆกันเลยนะค่ะ!!” ฮุนนี่ถูกใจ “มาค่ะๆ นั่งๆ สุมหัวกันก่อนเดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังแบบละเอียดถี่ยิบเลยนะค่ะ...คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     
















     

    ในฝันของซินเว...

    “ช่วยด้วย!” เธอกำลังจมน้ำและสถานที่ที่เธอจมก็คือทะเลสาบใกล้หอพักนั่นเอง... “ช่วยด้วย!!” เธอกลืนน้ำลงปอดไปหลายอึกแล้ว “ฉัน-ฉันว่ายน้ำเป็นนะ! ทำไม...ทำไมกันละ!” นั่นเป็นเพราะเธอกำลังฝันยังไงละ...

    ซินเวดิ้นรุนทุรนทุรายและพยายามถีบตัวเองให้ลอยขึ้นมาสุดกำลังแต่มันไม่เป็นไปตามใจต้องการเลย น้ำเข้าปอดเธอเรื่อยๆและเรี่ยมแรงก็เริ่มหมดลงเรื่อยๆ ตาก็พร่ามัวเพราะน้ำเข้าตาขึ้นๆลงๆ

    “ช่วยด้วย!” เธอร้องสุดเสียง “ใครก็ได้! ช่วยด้วย! อ๊อค!

    ในที่สุดเธอก็จมลงไปในน้ำ...แต่ที่จมไม่ใช่เพราะหมดแรง มันเป็นเพราะผีบุษบาดึงขาเธอลงไปต่างหาก!

    ซินเวก้มมองลงไปใต้น้ำลึกและเห็นผีบุษายื่นแขนขาวซีดจับขาเธอไว้และจ้องมองเธอด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว ซินเวเผลอกรีดร้องด้วยความตดใจออกมาทั้งๆที่อยู่ใต้น้ำดังนั้นน้ำจึงเข้าปอดจนเต็มและนั่นทำให้เธอหมดสติไป...

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    .

    .


    .

    .


    .


    .


    .

    .


    “เฮ้...” เสียงดังเข้ามาในหัวของซินเวแต่เลือนลางมาก...

    “เฮ้ ตื่นสิ...เฮ้” เธอสัมผัสได้ถึงมือหนาที่ตบหน้าเธอเบาๆเพื่อเรียกสติ...

    “เป็นอะไรมั้ย...เธอ...โอเคนะ” เสียงเริ่มชัดเจนและซินเวค่อยๆลืมตาขึ้นมา...

    “...กะ-เกิดอะไรขึ้น...” เธอเห็นตัวเองเปียกโชกและนอนหงายอยู่ริมขอบทะเลสาบ โดยที่มีชายหนุ่มตัวเปียกพอๆกันนั่งคุกเข่าข้างๆร่างของเธอ...

    “เธอจมน้ำน่ะ...ถึงจะแค่ฝันก็เถอะ”

    “หมายความว่าไง? แล้ว...นายเป็นใคร?”

     “ไม่มีอะไรมากแค่ฝันร้าย...ส่วนฉันชื่อคริสน่ะ...ฉันมาช่วยเธอ”







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×