คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แดนห้าและแดนสี่
เวลาตีสี่... ณ เขตวัง
ซูโฮสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเขาฝันว่าฟีโอน่าโดนลักพาตัวไป
และความฝันของเขาก็กลายเป็นจริงในทันทีที่เขาตื่น
ร่างของฟีโอน่าที่นอนใกล้ๆอยู่ได้เขาหายไปแล้ว
มีแค่ร่องรอยเหมือนเคยมีคนนอนมาก่อนเท่านั้น แต่เจ้าของร่างไม่อยู่
ซูโฮตกใจมากแต่เขาไม่ได้ร้องแหกปากให้ใครมาช่วยในทันที
เขาออกไปหาอัศวินชานยอลหน้าห้องและบอกว่าเกิดอะไรขึ้น
ชานยอลได้ยินดังนั้นเขาแทบจะวิ่งออกไปในทันที แต่ซูโฮเยือกเย็นและคิดรอบคอบมาก
ถ้าเกิดเรื่องนี้มันเอิกเกริกขึ้นมาอาจจะทำให้พวกแดนอื่นๆรู้เรื่องเข้าได้ และนั่นอาจจะส่งผลให้มีการล้วงล้ำเขตแดนขึ้น...ที่สำคัญ
ถ้าลู่หานเป็นคนลักพาตัวเธอไป...ยังไงๆเธอก็ไม่ปลอดภัยแน่ๆ... ดังนั้น....
ซูโฮมองชานยอลด้วยสายตาที่แน่นิ่งแต่เด็ดขาด “ฆ่ามันได้เลย”
ทั้งสองตัดสินใจออกไปตามหาฟีโอน่ากันเงียบๆ
อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรืออาจจะผิดก็ได้
แต่ตอนนี้ความแค้นมันบังตาพวกเขาทั้งสอง ยังไงๆฟีโอน่าก็ไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว ถึงพวกเขาไม่ได้อยากให้เธอเป็นอะไร
แต่นั่นมันเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่สุด ดังนั้นเตรียมใจและพร้อมสู้กลับเลยจะดีกว่า....
ซูโฮคิดจะลงมือเอง...ถึงจะมีกฎห้ามเจ้าชายไปฆ่าใคร แต่ตอนนี้ไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้
เพราะงั้นถึงเขาทำ เขาก็ไม่ผิด
ยิ่งไปเขากว่านั้น...ชานยอลพร้อมจะฆ่าคนที่สุดแล้ว
แต่ชานยอลยังคิดในแง่ดีกว่าซูโฮ เขาหวังให้ฟีโอน่ายังไม่เป็นอะไร
และเขาหวังให้เธอสามารถหนีพ้นจากลู่หานได้ด้วยตัวเธอเอง ไม่ก็ถ่วงเวลามันไว้จนกว่าเขาจะเข้าไปช่วยเธอ...
เขามั่นใจว่าเขาจะช่วยเธอได้
แต่เขากลับไม่คิดว่าคนที่ลักพาตัวเธอไปจริงๆนั้น...อาจจะไม่ใช่ลู่หาน
คริสหรือนักล่าแม่มด
และเป็นคนจากแดนสองที่ซึ่งเป็นคนลักพาตัวเธอมาจริงๆกำลังแบกร่างของฟีโอน่าไว้บนบ่าและพาร่างเธอเดินเข้ามาลึกในป่าหน้าโรงเรียน
อย่างที่กล่าวไว้...โรงเรียนจะซ่อนอยู่ในป่าลึกที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปถึงได้ นอกซะจากว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าคนคนนั้นสามารถผ่านป่านี่ไปได้ก็จะเจอเข้ากับตัวโรงเรียน และ จะเห็นความสวยงามของเขตวังกับแดนหนึ่ง
แต่นั่นเป็นเพียงแค่เบื้องหน้าที่สวยหรูเท่านั้น ข้างหลังของแดนหนึ่งจะเป็นป่ารกร้างอีกทีแต่ป่านั่นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน
ถ้าเดินไปทางทิศตะวันตกจนพ้นขอบป่าไปจะเจอเข้ากับพื้นที่โล่งกว้างที่เต็มไปด้วยหลุมศพและเห็นตึกวิจัยร้างๆตึกหนึ่งอยู่ที่นั่น...
ซึ่งตรงนั้นจะเป็น"แดนห้า"และมีนักเรียนเหลือรอดอยู่เพียงคนเดียว นั่นก็คือ จงแด
คริสเป็นคนจากแดนสอง เขาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านในป่าที่ตั้งอยู่ระหว่างทางที่จะไปแดนห้า
ถ้าเดินไปตามเส้นทางเล็กๆไปดีๆจะสามารถมองหาหมู่บ้านของคริสได้อย่างง่ายดายแต่ถ้าจะไปแดนห้าจะต้องฝ่าป่าที่หนากว่าเดิมขึ้นอีกหลายเท่าจนกว่าจะเจอ
และเมื่อหลงเข้าไปในนั้นแล้วจะไม่สามารถหาทางกลับมายังหมู่บ้านได้อีก
ต้องเดินหน้าไปเท่านั้น...
พูดง่ายๆก็คือถ้าจะไปแดนสองให้เดินไปตามเส้นทางเล็กๆ
แต่ถ้าอยากไปแดนห้าให้เดินเข้าไปในป่าลึก ไม่นานก็จะหลงและทะลุไปจึงสุสนานเอง...
คริสเป็นนักเรียนจากแดนสอง และแดนสองเป็นเขตที่มีจำนวนคนมากพอๆกับแดนหนึ่งอย่างพวกอัศวิน
มีหมู่บ้านหย่อมๆหลายหมู่บ้านอยู่ตามป่าและที่นั่นจะเป็นที่อาศัยและที่ร่ำเรียนของเหล่านักล่าแม่มด
สาเหตุที่พวกเขาต้องมาอยู่ในป่าก็เพื่อจะได้คุ้นชินกับมันและฝึกฝนความสามารถเพื่อใช้ประโยชน์จากมันในเวลาต่อสู้กับพวกแม่มดให้ได้มากที่สุด
บทเรียนของพวกเขาไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เน้นเรื่องปฏิบัติมากกว่า ในสมัยที่คริสยังเป็นรุ่นน้อง เขาจะต้องตามรุ่นพี่ออกไปล่าแม่มดด้วยแต่ไปเป็นแค่คนการสังเกตการณ์เท่านั้น ยังไม่ได้ลงมือจริง
เขาจะได้ลงมือจริงๆก็ต่อเมื่อรุ่นพี่คนนั้นกำลังจะตายด้วยน้ำมือของแม่มด เขาจึงจำเป็นต้องออกไปช่วยและนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการได้เป็นรุ่นพี่
คริสได้เป็นรุ่นพี่และโดนเลื่อนขั้นมาจนถึงจะเกือบจุดสูงสุดของสายชั้นแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเป็นรุ่นพี่มีต้องฝึกรุ่นน้องอีกต่อไป
เขากลายมาเป็นนักล่าแม่มดเต็มตัวและสามารถออกล่าเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ เขาสามารถลุยเดี่ยวได้ด้วยตัวเองแล้ว...
คริสพาร่างของฟีโอน่ามาไกลพอสมควรแล้วเขาจึงตัดสินใจวางเธอลงบนหญ้ารกๆและแกะเชือกที่มือเธอออก
“อย่าเพิ่งร้องเสียงดังนะ พวกแม่มดมันอยู่แถวนี้แหละ รอให้ฉันส่งสัญญาณก่อนแล้วค่อยร้อง” เขาแกะเชือกที่มือเธอเสร็จจึงแกะเชือกที่ขาเธอต่อ
ฟีโอน่ามองไปรอบๆและเห็นแต่ความมืดมิดของป่า
แถมในป่านี้ยังมีแม่มดที่จ้องจะกินเธออีกต่างหาก ถ้าเธอลุกขึ้นหนีคริส
อาจจะทำให้เธอตายได้... สุดท้ายแล้วการอยู่ใกล้ๆคริสคือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด...
แต่เธอก็ยังกลัวจนน้ำตาไหลลงมา...
คริสกำลังจะแกะเทปกาวที่ปิดปากเธอออกแต่เขาเห็นน้ำตาเธอไหลลงมาจึงนึกสงสาร
“ขอโทษจริงๆที่ต้องลักพาตัวเธอมา...แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่จับแม่มดง่ายที่สุด...อย่าร้องเลยนะ
ฉันสัญญาว่าเธอจะปลอดภัย” เขาปัดน้ำตาเธอออกเบาๆแล้วค่อยๆฉีกเทปกาวออกมา
ฟีโอน่าไม่ได้ส่งเสียงเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่เสียงเดียว...
เธอกลัวจนไม่กล้าจะหายใจเลยด้วยซ้ำ... น้ำตาเธอไหลลงมาไม่หยุดและหวาดผวากับทุกๆการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งแม้กระทั่งของสายลม
“ไม่เป็นไร...จะกลัวก็ไม่แปลก” คริสพยายามปลอบใจเธอ
เขาถอดเสื้อนอกตัวเองออกและนำมันไปคลุมให้กับร่างเธอเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
“แต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ...อดทนหน่อยนะ แผนก็คือ...ฉันจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้และรอสังเกตการณ์พวกแม่มดที่มันจะมาหาเธอจากตรงนั้น...ขั้นแรก...เธอรอให้ฉันเดินหายไปก่อน
พอฉันหายไปเกินห้านาทีเธอก็ค่อยๆทำเสียงร้องไห้ออกมานะ... แม่มดมันจะชอบเสียงร้องไห้มากโดยเฉพาะของเจ้าหญิง
มันจะรีบพุ่งมาหาเลยล่ะ”
ฟีโอน่าสะดุ้งตกใจและน้ำตาไหลเพิ่มลงมาเป็นสายทันที...
เธอกลัวเหลือเกิน
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็ผ่านไป” คริสจับไหล่สั่นๆของเธอไว้และส่งสายตาให้ความมั่นใจแก่เธออย่างเต็มที่
“ฉันไม่รู้ว่าพวกมันจะมากี่ตัวนะ...แต่รู้ข่าวมาว่ามีมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ราวๆห้าตัว...ไม่ต้องห่วง
ไม่ต้องกลัว
มีนักล่าแม่มดคนอื่นๆออกมาตามล่าบ้างแล้วล่ะ...คงจะเหลือให้ฉันล่าเพียงแค่สองตัวเท่านั้นแหละ...ไม่เป็นไรนะ”
คริสลูบแขนเธอและนั่งปลอบใจเธออยู่นาน สุดท้ายเขาก็บอกให้เธอตั้งสติและได้เวลาเริ่มแผนจริงๆแล้ว
“หน้าพวกแม่มดมันค่อนข้างน่าเกลียดหน่อยนะ...เธออย่าตกใจล่ะ
เอาละ...ฉันต้องไปแล้ว ช่วยทำตามแผนที่บอกไว้ด้วยนะ”
คริสทำท่าจะลุกขึ้นไปแล้วแต่ฟีโอน่าจับแขนเขาไว้ก่อนและส่ายหน้าทั้งน้ำตาเพื่อบอกไม่ให้เขาไป...
“ฉันจะกลับมา” คริสดึงมือเธอออกไปจากแขนเขา
“ฉันสัญญา...ฉันไม่ปล่อยให้มันทำอะไรเธอหรอก เชื่อฉันสิ”
และแล้วเขาก็ทิ้งให้ฟีโอน่าอยู่ตรงนั้นคนเดียว...
ฟีโอน่ากุมเข่าและเริ่มนั่งร้องไห้
เธอไม่รู้หรอกว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ห้านาทีหรือยัง แต่เธอกลัวจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว
คริสบอกให้เธอทำเสียงร้องไห้แต่เธอร้องไห้ออกมาจริงๆ
ทั้งน้ำตาและทั้งเสียงออกมาจากใจของเธอจริงๆ
ออกมาจากความกลัวที่เธอมีให้กับป่าอันมืดมิดแห่งนี้...และความกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะมาหาเธอ...
เธอเริ่มร้องหนักขึ้นเรื่อยๆและแทบรอให้แม่มดโผล่มาไม่ไหว... ถ้าจะกินเธอก็รีบๆกินเลย
จะกระชากแขนหรือขาก็รีบๆทำเลย ปล่อยให้หวาดกลัวอยู่แบบนี้มันทรมานกว่าอีก... มาสิ
เธอเตรียมใจไว้แล้ว
ชีวิตเธอไม่เหลืออะไรแล้ว...หลังจากที่โดนคริสลักพาตัวออกมาจากห้องนอน...ชีวิตเธอก็จบลงตรงนั้นแล้ว...
“มาร้องไห้อยู่ตรงนี้ทำไมจ๊ะสาวน้อย...”
เสียงอันแหบแห้งเหมือนคนแก่ดังขึ้นมาใกล้ๆเธอ... มันมาแล้ว...
พวกแม่มดมาแล้ว...
ฟีโอน่าค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองทั้งน้ำตาและเธอต้องร้องกรี๊ดออกมาในทันทีที่เธอเห็นร่างของมัน
ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นประหลาด ดวงตาแดงก่ำเหมือนเลือด จมูกคดงอจนน่ากลัว
รอยยิ้มที่ฉีกไปจนถึงใบหูกับฟันแหลมๆเป็นซี่ๆที่เรียงกันไม่เป็นระเบียบชวนให้ขนลุก
เล็บยาวสีดำอันแสนสกปรกทื่อๆยื่นออกมาจากปลายนิ้ว
ทันทีที่ฟีโอน่ากรีดร้องมันก็ฉีกปากกว้างด้วยความสุข
ปากมันอ้ากว้างจนแหวกให้เห็นฟันที่น่าสยดสยองข้างใน
มันหัวเราะเสียงแหลมและน่าเกลียดที่สุด “มาให้ฉันกินซะดีๆ!!!”
และแล้วมันก็จับไหล่ไว้เธอก่อนจะกระชากร่างของเธอให้ขึ้นมาเหนือพื้นและยกตัวเธอขึ้นเหนือศรีษะ
ฟีโอน่ากรีดร้องลั่นป่าพร้อมๆกับเสียงหัวเราะแหลมๆด้วยความพึงพอใจของแม่มดแผดดังลั่น
ฟีโอน่ามองลงไปดูหน้าของมันและเห็นว่าปากของแม่มดฉีกจนไปถึงหูและมีเลือดไหลออกมาแล้ว
ลิ้นที่แลบออกมากับน้ำลายที่หิวโหยของมันยิ่งทำให้ดูน่าสยดสยองขึ้นไปอีก...
ฟีโอน่าหลับตาและรอให้มันฉีกร่างของเธอ
แม่มดอ้าปากกว้างขึ้นไปอีกและนั่นทำให้ปากมันฉีกจนดูเหมือนทั้งหน้าของมันเป็นปากไปแล้ว
มันกำลังจะกัดไหล่และฉีกร่างของเธอออกไปเป็นชิ้นๆด้วยฟันของมันแล้ว
ฟีโอน่าหลับตาปี๋
ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงแตกดัง โพล๊ะ!!
พร้อมๆกับมีน้ำเหนียวๆกระเซ็นใส่ร่างเธอและหน้าเธอเต็มไปหมด เธอลืมตาขึ้นมาและต้องตกใจเป็นรอบที่สอง หัวของแม่มดระเบิดเป็นจุลไปแล้ว เหลือแค่คอและเศษของหัวที่ติดไว้อยู่กับร่าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังถูกแม่มดจับตัวเอาไว้และยังชูร่างขึ้นเหนือพื้นเหมือนเดิม... ทว่าร่างกายของแม่มดหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว มันแข็งไปแล้ว
ฟีโอน่าได้ยินเสียงหญ้าถูกแหวกออกอย่างรวดเร็วมาจากไกลๆ
เธอพยายามดิ้นให้หล่นลงพื้นแต่แรงของแม่มดไร้หัวนี่มีมากเกินไป
มันเหมือนแม่มดตัวนี้ได้กลายเป็นหินไปแล้ว และฟีโอน่าโดนหินจับตัวไว้อยู่
และแล้วเธอก็ได้รู้ว่าอะไรแหวกหญ้ามาหาเธอ
มันคือแม่มดอีกตัวที่มีรูปร่างคล้ายๆกัน พุ่งมาหาเธอพร้อมกับอ้าปากกว้างและ
โพล๊ะ!!
หัวแตกกระจายเหมือนโดนอะไรยิงเข้าใส่ ต้องเป็นฝีมือของคริสแน่ๆ ว่าแต่ทำไมเขาไม่โผล่หน้าออกมา
จู่ๆมีแม่มดตัวที่สามกระโดดลงมาจากข้างบนและพร้อมจู่โจมใส่ร่างฟีโอน่าก่อนที่ร่างของมันจะแตกระจายและทำให้เลือดเหนียวๆข้นๆของมันสาดใส่ทั่วทั้งร่างของเธอ...
เธอพยายามแกะมือของแม่มดตัวแรกออกแต่มันก็ทำไม่ได้
แม่มดตัวที่สี่โผล่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะแหลมๆ
แต่ไม่ทันจะได้อ้าปากมันก็โดนใครบางคนจากข้างหลังตัดหัวไปเสียแล้ว
ร่างของมันหล่นตุบไปอยู่บนพื้นและทำให้ฟีโอน่ามองเห็นว่าใครเป็นคนตัดหัวของมัน
“คริส!!” ฟีโอน่าตะเกียกตะกาย “ช่วยด้วย!!”
“ได้เลยครับผม” คริสตอบรับด้วยความยินดีและเดินมาหาเธอด้วยท่าทางที่มีความสุข “มีสี่ตัวแหนะ เยอะกว่าที่คิดไว้ซะอีก สงสัยช่วงนี้นักล่าแม่มดมันออกไปจัดการนอกสังคมนั่นซะส่วนใหญ่...แถวนี้ไม่มีใครคุมเลยหรือยังไงเนี่ย...” เขาพูดก่อนจะเดินอ้อมมาข้างหลังฟีโอน่าและโอบเอวเธอเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็ใช้มีดยาวใบเดิมฟันเข้าที่แขนทั้งสองข้างของแม่มด ร่างของฟีโอน่าหล่นลงไปอยู่ในแขนอันแข็งแรงของคริสที่รอรับเธอไว้อยู่ทันที...
เขาวางเธอลงบนพื้นเบาๆ... “โทษทีนะ ไม่คิดว่าจะเละเทะขนาดนี้” คริสพยายามปัดเลือดที่สกปรกออกไปจากใบหน้าของเธอ แต่มันมีมากเกินไปต้องอาบน้ำเท่านั้นถึงจะกำจัดมันได้ เขาจึงเลิกปัดมันไป
“เมื่อก่อนแม่มดเป็นหญิงสาวที่สวยจนต้องหันไปมองจนคอแทบหัก”
คริสอธิบายไปพร้อมๆกับที่หยิบเอาเสื้อนอกของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดออกไปจากร่างของฟีโอน่าและทิ้งมันลงพื้นด้วยท่าทางที่รังเกียจ
“พวกมันเคยอาศัยอยู่ในโรงเรียนด้วยนะ แต่แผลงฤทธิ์เยอะไป
ทำยาเสน่ใส่คนนู้นคนนี้จนเป็นเรื่องไปหมด
เลยถูกไล่ออกจากโรงเรียนต้องระเห็จไปหาที่อยู่กันข้างนอก นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมันเกลียดแค้นโรงเรียนจนต้องแอบมาสร้างความเสียหาย
แรกๆมันก็ยังทำลายแค่ข้าวของกับฆ่าคนเล่นๆ แต่พักหลังๆพวกมันเริ่มเป็นบ้ากันไปหมด
ดูหน้าตาสิ ไม่ใช่คนแล้วล่ะ สัตว์ประหลาดแล้ว
มันหลงใหลในการฆ่าและทำลายความสุขเสียจนกลายเป็นปีศาจ...แถมโง่ด้วย
รู้ทั้งรู้ว่าฉันซุ่มอยู่ก็ยังโผล่หัวออกมาจะกินเธออยู่นั้นแหละ”
คริสทำเสียงรำคาญก่อนจะหันไปมองฟีโอน่าว่าเธอโอเคหรือเปล่า
แต่ดูท่าทางเธอน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ถึงแม้สายตายังเลิกลั่กอยู่บ้างก็ตาม
“แดนที่สองแต่เดิมมีไว้ปราบพวกปีศาจ”
คริสอธิบายต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้เธอสบายใจขึ้น “แต่ปีศาจมันปราบง่าย
ไม่เหมือนแม่มดที่ค่อนข้างซับซ้อนขึ้นมานิดหน่อย และหลังจากที่พวกมันเริ่มกลายเป็นปีศาจพวกเราก็เริ่มกลายเป็นนักล่าแม่มดไปด้วยเหมือนกัน...
ว่าแต่เธอโอเคนะ” คริสถาม “ไม่มีเหลือแล้วล่ะ หายห่วงได้”
“อื้อ...” เธอไม่ได้กลัวว่าจะมีโผล่มาแล้วแต่เธอกลัวไอสิ่งที่อยู่ใต้พื้นเธอตอนนี้มากกว่า...
มันน่าสยดสยองเกินไป... ฟีโอน่าพยายามไม่มองเศษเนื้อของพวกแม่มดเบื้องล่างและตั้งใจฟังเรื่องที่คริสเล่าเพื่อเบี่ยงเบนความคิดตัวเอง
“อ้อ...โทษที เราน่าจะไปคุยกันที่อื่น” คริสเพิ่งนึกได้เขาจึงจับมือเธอและนำเธอเดินกลับไปทางโรงรียนทันที
“เอ้อ..ฉันพกน้ำดื่มมาด้วยนิดหน่อย เดี๋ยวล้างหน้าเธอให้”
เขาหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋าและเทมันใส่ผ้าก่อนจะเช็ดหน้าให้เธอเบาๆ
“แย่เลยเนอะ หน้าสวยๆของเจ้าหญิงเลอะไปหมดแล้วเนี่ย...” เขาหัวเราะ
“นี่นาย...” ฟีโอน่าเริ่มพูดออกมาได้อย่างปกติ “นายลักพาตัวเจ้าหญิงเพื่อล่อพวกมันทุกครั้งเลยหรอ...ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมันมาก่อน...”
“อ้อ...”
คริสว่าพลางบิดน้ำสีแดงออกจากผ้าเช็ดหน้าก่อนจะเทน้ำใหม่ใส่ผ้าและเช็ดให้เธอต่อ “เธอเป็นรายแรกเลยล่ะ”
ฟีโอน่าเบิกตากว้างและรู้สึกโกรธทันที เธอปัดมือเขาออกไปจากหน้าเธอ “แล้วนายไปรู้ได้ยังไงว่ามันชอบกินเนื้อเจ้าหญิง! อย่าบอกนะนายคิดไปเอง!”
“เปล่าๆ” คริสรีบตอบ “พวกเธอคงจะไม่รู้เพราะโดนผอ.ปิดเรื่อง
แต่พวกฉันที่เป็นคนทำงานโดยตรงกับแม่มดรู้เรื่องนี้ดี
มีเจ้าหญิงหลายคนถูกฆ่าระหว่างทางที่กำลังออกไปข้างนอก เจ้าหญิงที่จบจากโรงเรียนแล้วกำลังจะกลับไปยังบ้านตัวเองน่ะ
โดนฆ่าไปหลายรายเลย...โอะ พูดผิดแฮะไม่ใช่โดนฆ่าโดนกินน่ะ ไส้นี่ไม่เหลือเลยล่ะ”
ฟีโอน่านึกภาพแล้วรู้สึกอยากจะคายอะไรออกมาจากท้องทันที
“แต่เธอเป็นคนแรกที่ฉันทดลอง” คริสว่าต่อ “รู้แล้วว่าต้องโกรธ
ให้ฉันเช็ดหน้าต่อมั้ย?”
เขาถามอย่างระมัดระวังและฟีโอน่าไม่ได้ตอบ เขาจึงยึกยือและยืนไม่แน่ใจอยู่นานกว่าที่จะตัดสินใจเช็ดหน้าให้เธอต่อ
ฟีโอน่าโกรธจนหน้าแดงและกำหมัดแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง...
ทำไมคริสถึงเป็นคนที่ไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้
เขารู้หรือเปล่าว่าการทดลองครั้งแรกของเขาเกือบทำให้เธอต้องตายไป
แล้วเขายังมีหน้ามาบอกให้ไว้ใจเขา และยังสัญญากับเธออีกว่าเธอจะปลอดภัย...
เขารู้ได้ยังไง ในเมื่อเขาทำมันครั้งแรก?
เขาค่อยๆเช็ดให้เธออย่างเบามือและดูหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา
เขากลัวว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะตะคอกใส่ร่างเขา และเมื่อไหร่ที่จะเข้าตบหน้าเขา
แต่เธอไม่ทำ... เธอกลับเก็บความโกรธอยู่ในใจเพียงคนเดียว
“เสร็จแล้ว” คริสว่าพลางโลกอกที่ได้ออกห่างจากตัวเธอ “โอะ เดี๋ยวๆ”
เขายื่นมือออกไปปัดเศษเลือดที่ติดอยู่ข้างแก้มของเธอ... “หมดละ...” เขาบอก
ฟีโอน่าเดินนำเขากลับไปโรงเรียนและไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย
เพราะเธอเองก็กลัวว่าถ้าเปิดปากตัวเองเมื่อไหร่อาจจะเผลอด่าเขาไปเมื่อนั้น...
เธอต้องสำรวม...และคริสเองก็ทำไปเพราะหน้าที่...
และเมื่อถึงเวลาต้องปีนกำแพงกลับเข้าไป คริสจึงต้องเอ่ยปากก่อน
“...เชิญขี่หลังครับเจ้าหญิง” เขาย่อตัวลงมาให้เธอขึ้นไป
ฟีโอน่าตั้งใจตบไหล่เขาไปแรงๆหนึ่งทีตอนที่จับไหล่เขาเพื่อพยุงตัวให้ขึ้นไปบนหลัง...
คริสสะดุ้งเล็กน้อยเพราะนึกว่าจะโดนตีหัวต่อ
ทั้งสองปีนกำแพงขึ้นมาและกระโดดลงมาจากกำแพงเรียบร้อย ทันใดนั้นเอง...
เมื่อลงมายังแดนหนึ่งทันใดนั้น...สายตาของทั้งสองคนเบิกกว้างด้วยความตกใจ
แต่ก็หนีไม่ทันแล้ว...
“พบเจ้าหญิงแล้วครับ!!” อัศวินคนนึงกล่าวขึ้นเสียงดัง
“อยู่กับนักล่าแม่มดครับเจ้าชาย!!”
ฟีโอน่ากลัวความผิดแทนคริสทันที... เธอเผลอแอบไปหลบอยู่หลังเขาเงียบๆโดยที่ไม่มีเหตุผล...
อัศวินนับๆสิบคนถือโคมไฟกันวุ่นวายและกำลังออกตามหาตัวเธออย่างแข่งขัน
พวกเขากระจายกันไปตามพื้นที่ต่างๆโดยที่มีชานยอลเป็นคนควบคุมและมีซูโฮสั่งการอีกที
ซูโฮเปลี่ยนใจ... เขาคิดว่าทางที่ดีควรจะออกตามหาตัวเธอให้พบก่อน
แล้วเรื่องล้างแค้นค่อยว่ากันอีกที
อีกอย่างเขาก็เดาไปว่าอาจจะไม่ใช่ลู่หานและเธออาจจะไม่ได้ออกไปแดนอื่น เธออาจจะโดนคนอื่นคนลักพาตัวเธอไป
ลู่หานเพิ่งจะก่อเรื่องไปหมาดๆและโดนชานยอลฟันเข้าที่หลังไปเต็มๆ
โอกาสที่เขาจะหวนกลับมาอีกเป็นไปได้น้อยมาก...ดังนั้นซูโฮจึงเปลี่ยนแผนในทันทีที่นึกเรื่องนี้ออก
เขาตัดสินใจระดมพลเหล่าอัศวินและออกตามหาเจ้าหญิง เรื่องราวได้เอิกเกริกและลามไปจนถึงผอ.ใหญ่ของโรงเรียน
เจ้าหญิงและเจ้าชายที่เหลือไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาจากห้องของตัวเอง
อัศวินประจำตัวสองคนต้องอยู่กับเจ้าหญิงและเจ้าชายส่วนอีกสองคนจะออกมาตามตัวฟีโอน่า...
ที่ดีพวกเขาเพิ่งกระจายกำลังไปได้แค่แดนหนึ่งและแดนสอง และซูโฮยังวนเวียนอยู่แถวๆแดนหนึ่งเขาจึงได้ยินเสียงตะโกนของอัศวินที่เจอตัวฟีโอน่าทันที...
เขาวิ่งตรงมาหาเธอด้วยความเร็วและสีหน้าเป็นกังวลมาก
ฟีโอน่าเกาะหลังคริสแน่นด้วยความกลัวในความผิด...แต่ทว่าคริสกลับยืนอึ้งอยู่เฉยๆ...
ทันทีที่ซูโฮมาถึง อัศวินทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ข้างหลังเขาแล้ว รวมถึงชานยอลที่เพิ่งแทรกเข้ามาข้างหน้าด้วย...
ทุกคนกำลังล้อมหน้าฟีโอน่ากับคริสและมีกำแพงโรงเรียนล้อมหลังพวกเขาอีกที...
“โอ้ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว...” คริสเป็นคนเปิดฉาก “ซ้อมรบกันกลางดึกหรอเนี่ย?
ไม่ยักกะรู้แฮะ...บทเรียนใหม่หรอ?”
ซูโฮก้าวเท้ายาวๆตรงมาหาคริสและต่อยหน้าเขาจนหงายลงไปกองกับพื้น ไม่มีใครเข้ามาห้ามเลยซักคน...
ชานยอลดูสะใจมากเลยด้วยซ้ำ ฟีโอน่าตกใจแต่เธอก็เข้าไปช่วยคริสพยุงตัวขึ้นมา
“เรื่องนี้ถึงผอ.หญิงแล้ว” ซูโฮยืนชี้หน้าคริสอย่างโกรธแค้น “นายอาจจะโดนไล่ออก!”
คริสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขามองหน้าฟีโอน่าที่ตกใจพอๆกับเขาสลับกับซูโฮไปมา
“บ้าหน่า...ฉันแค่ทำตามหน้าที่ของฉันนะ...อีกอย่างเธอก็ปลอดภัยด้วย”
“ฟีโอน่าออกมานี่!!” ซูโฮตะโกนลั่นเมื่อเห็นเธอยังเกาะแขนเขาอยู่
ฟีโอน่าเลิกลั่กและไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ซูโฮจึงเดินเข้าไปกระชากแขนเธอออกมาแทน
“นายลักพาตัวเธอไปทำอะไรไม่ทราบ!!”
“ไปล่อแม่มด” คริสตอบทันที
“เป็นวิธีการใหม่ของฉันน่ะ...ไม่ได้ขออนุญาตก่อนเพราะรู้ว่าไงๆก็ไม่ผ่าน...”
เขาเกาหัว “โทษทีละกันที่ทำให้ลำบาก แต่ช่วยไปคุยกับผอ.ให้ใหม่ได้มั้ย ฉันปราบแม่มดไปได้สี่ตัวเลยนะวันนี้
ยังไงก็ช่วย--”
ผั๊วะ!!
ชานยอลพุ่งเข้าไปต่อยหน้าคริสอีกคน
คราวนี้เขาหงายลงไปกองกับพื้นแรงกว่าเดิม ฟีโอน่ากำลังจะเข้าไปช่วยเขาแต่ซูโฮจับแขนเธอไว้แน่น
“ไอสัมพเวสี!!”
ชานยอลขึ้นคร่อมไปบนร่างของคริสและดึงคอเสื้อเขาขึ้นเพื่อบังคับให้เขาฟังจากระยะใกล้
“ทำอะไรก็หัดคิดหน้าคิดหน้าหลังบ้างสิวะ
รู้มั้ยว่าคนอื่นเขาแตกตื่นกันขนาดไหนน่ะห๊า!! ไอบ้าห้าร้อย!!
มีเพื่อนอย่างนายนี่น่าปวดหัวชะมัด จับปาดคอเลยดีมั้ยเนี่ย!!”
ฟีโอน่ายืนอึ้งอยู่ตรงนั้นกับซูโฮ...
“ใจเย็นๆนะอัศวินรูปหล่อ” คริสพยายามแกะมือชานยอลออก “...ฉันเป็นเพื่อนฝูงนายนะชานยอล
แถมยังเป็นเพื่อนสนิทเลยด้วยไม่ใช่หรอ...แหม...ใจคอจะปาดคอฉันลงเลยหรือ?
ถ้าจะปาดคอใครเข้าแนะนำให้ปาดคอแม่มดดีกว่าเยอะเลย...เนอะรูปหล่อ”
“นายมันก็บ้าแต่ล่าแม่มดๆๆๆอยู่นั่นแหละ!!”
ชานยอลตะเบ็งเสียงกลับไป “เห็นมั้ยว่าความบ้าของนายมันพาคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยน่ะห๊า!!”
“รู้แล้ว!” คริสว่า “ผิดแล้ว เข้าใจแล้ว
เพราะงั้นให้อภัยฉันเถอะ!”
“นายนี่มัน!” ชานยอลง้างมือจะต่อยเขาอีกรอบแต่
“ทำอะไรกันน่ะ” เสียงอันสงบนิ่งของคนที่มีอำนาจสูงสุดดังขึ้นมา...
ผอ.หญิงแหวกความชุลมุนวุ่นวายเข้ามาและมีองค์รักประจำตัวติดตามาด้วยสองคน
สีหน้าท่านดูสงบแต่แฝงความเยือกเย็นและเด็ดขาดไว้ข้างใน
ท่านหันมามองหน้าฟีโอน่าและใช้สายตาติเตียนเธอแทนคำพูด...
ฟีโอน่ารู้สึกผิดขึ้นไปอีก ทั้งๆที่เธอไม่ได้เป็นคนทำอะไรเลย...
แต่เธอกลับรู้สึกผิด...
“นักล่าแม่มดสินะ” ท่านผอ.หญิงเอ่ย คริสลุกขึ้นมายืนแล้วและชานยอลก็ดูสงบลงแล้วด้วย
“ครับ” คริสตอบ
“ตามฉันมา” ท่านว่าและหันหลังกลับไป
“ที่เหลือกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อได้แล้ว
และห้ามบอกเรื่องนี้กับแดนอื่นเด็ดขาด”
ฟีโอน่ามองตามร่างของคริสที่เดินตามร่างของผอ.หญิงไปอีกที
ใจก็นึกสงสารเขา... เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เขาแค่เป็นคนไม่คิดหน้าคิดหลัง...
ความจริงการล่าแม่มดของเขาก็ทำเพื่อปกป้องโรงเรียน ปกป้องพวกเรา...
ถ้าเขาโดนไล่ออก...มันไม่มากไปหน่อยหรอ...
แล้วฟีโอน่าที่ไม่โดนอะไรแบบนี้...มันถูกต้องแล้วหรอ...
จู่ๆเธอก็วิ่งฝ่าวงล้อมของอัศวินออกไป ซูโฮจับตัวเธอไม่ทัน
เธอวิ่งตามหลังผอ.หญิงและวิ่งฝ่าไปขวางข้างหน้าของท่านไว้
เธอกลัวในอำนาจของท่านมากแต่เธอก็ไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกผิด...อย่างน้อยๆเธอต้องทำอะไรซักอย่าง
“คริสเขาช่วยดิฉันไว้ค่ะท่าน!” ฟีโอน่าโกหก
คริสจ้องเธอด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“ลู่หานเขากลับมาจับตัวดิฉันและจะปล่อยให้ดิฉันโดนแม่มดกินแต่ว่าคริสเขาอยู่แถวนั้นพอดี...เขาจึงมาช่วยดิฉันไว้
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ
เขาไม่ได้ลักพาตัวดิฉันแต่เขาช่วยดิฉันออกมาต่างหาก... คนที่ผิดจริงๆคือลู่หานค่ะท่าน!”
ถึงจะโยนความผิดให้ลู่หานยังไง
บทลงโทษของเขาก็คงไม่เหลืออะไรนอกจากการฆ่าเขาในลานประลองเท่านั้น จะไล่ลู่หานออกไม่ได้
เขาเป็นตัวอันตรายเกินไปสำหรับข้างนอกนั่น... และบทเรียนจากการไล่แม่มดออกไปก็มากพอที่จะนำกลับมาคิดเรื่องไล่ออกใหม่...
ผอ.หญิงจ้องตาฟีโอน่าและสายตาของท่านเหมือนทะลุไปจนถึงข้างในหัวใจของเธอ
ฟีโอน่ารู้สึกเหมือนผอ.รู้ว่าเธอโกหก เธอต้องโดนผอ.จับได้แน่ๆ...
คริสคงจะโดนไล่ออกจริงๆ...
“ถ้าเป็นเช่นนั้น” ผอ.หญิงกล่าว “เราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
ท่านหันไปชายตามองคริสและพูดกับเขา “เธอกลับไปทำหน้าที่ของเธอได้แล้ว”
ฟีโอน่าดีใจจนน้ำตาซึมออกมา
เธออยากเข้าไปกระโดดกอดผอ.มากแต่ต้องระงับอาการไว้ ฟีโอน่ามั่นใจว่าท่านรู้ว่าเธอโกหกแต่ท่านยอมทำเป็นเชื่อและปล่อยให้มันเลยไปตามเลย
ท่านใจดีมากๆ!
ผอ.หญิงเดินจากไปพร้อมๆกับองค์รักประจำตัวทั้งสอง...
ฟีโอน่ายืนมองแผ่นหลังอันทรงพลังของท่านไปจนลับสายตา...
แต่สายตาของคริสกลับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ... เขานึกสงสัย
ทำไมเธอจึงช่วยเขาทั้งๆที่เขาทำเรื่องไม่ดีกับเธอ แถมยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดด้วย
เมื่อกี้เธอยังทำท่าเหมือนเกลียดเขาอยู่เลย ทำไมเธอจึงยอมเข้ามาช่วยเขา...ทำไมเธอจึงยอมโกหกท่านผอ.หญิงเพื่อเขาด้วย?
และเมื่อเธอหันมาสบตากับคริส...สายตาทั้งคู่ของเธอมองตรงมายังดวงตาของคริสและสื่อให้เขารับรู้ว่าเธอโล่งใจแค่ไหนที่เขาไม่ได้โดนไล่ออก...
คริสรับรู้ได้ว่าเธออยากช่วยเขาจากใจของเธอจริงๆ...
และนับจากนั้นมา คริสก็ไม่เคยลักพาตัวใครอีกเลย...
นับจากนั้นมาเขาก็อยากมีชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนมากกว่าการเสี่ยงออกไปข้างนอกนั่น...
เขาอยากมองเห็นดวงตาที่งดงามของเธอ
และอยากให้เธอใช้มันมองมาที่เขาด้วยเช่นกัน...
สามวันผ่านไป...
บรรยากาศภายในเขตวังเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
สงบสุขและไร้สิ่งอันตราย
เหล่าอัศวินได้รับอนุญาตให้ติดตามเจ้าหญิงและเจ้าชายไปทั่วทุกพื้นของเขตวัง
ไม่เว้นแม้แต่ในห้องเรียน
ถึงแม้กฎใหม่ที่ท่านผอ.หญิงได้กำหนดขึ้นจะถูกประกาศใช้แล้ว
แต่ซูโฮก็ยังเดินกับฟีโอน่าไม่ห่าง ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงเจ้าชายไม่จำเป็นต้องคู่เดิมเสมอไปแล้วแต่ซูโฮก็ยังยืนยันที่ใช้กฏเก่ามาเป็นข้อบังคับในการชีวิตของเขา
ฟีโอน่าเองก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ เพราะที่เขาทำไปก็เพราะเขาอยากอยู่กับเธอ
และเธอเองก็อยากเป็นเพื่อนกับซูโฮ...อยากอยู่กับเขาเช่นกัน
ความสงบสุขมาเยือนแก่เขตวังอีกครั้ง
แต่เขตแดนอื่นๆยังคงเหมือนเดิม ยังคงดำเนินชีวิตเฉกเช่นเดิมอยู่ทุกวัน
มีเขตแดนอยู่หนึ่งเขตที่จะเงียบสงัดกว่าปกติในช่วงกลางวัน
นั่นก็คือแดนห้า แดนที่มีนักเรียนเพียงคนเดียวในนั้นซึ่งก็คือจงแด
เขาอยู่ที่เดิมไม่เคยไปไหน เขาไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกเพราะข้างนอกนั่นเขารู้เรื่องราวมามากพอแล้ว
เขาชอบอยู่ข้างในและชอบดูอะไรที่ซ่อนอยู่ภายในมากกว่า มันดูน่าค้นหายิ่งกว่าข้างนอกนั่นอีก...
และสิ่งที่เขาหลใหลเป็นที่สุดก็คือสิ่งที่อยู่ข้างในเนื้อหนังของมนุษย์ สิ่งที่ถูกปกคลุมด้วยผิวหนังเป็นอะไรที่น่าหลงใหลสำหรับเขา...
จะกี่คน
กี่ศพก็ยังไม่พอใจ ทุกๆร่างกายย่อมมีความแตกต่าง
และความแตกต่างนั่นทำให้เขาตื่นเต้นแทบจะลุกขึ้นเต้นจริงๆ...
วันนี้เองเขาก็ยังทำงานของเขา เขายืนอยู่ข้างเตียงที่มีท่อนบนของมนุษย์วางอยู่
ไม่ใช่มนุษย์สิ... ต้องบอกว่าร่างของแม่มดต่างหาก
ร่างท่อนบนที่ไร้หัวของแม่มดตัวนึงวางอยู่บนเตียงที่จงแดกำลังทำงานอยู่
เขากำลังชำแหละของภายในท้องและนำมันออกมาวางกองอยู่ข้างนอก...
ลู่หานนอนคว่ำอยู่บนโซฟาไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นัก เขาถอดเสื้อนอน...ทำให้มองเห็นแผ่นหลังของลู่หานได้อย่างชัดเจน...แต่ที่ประหลาดก็คือแผ่นหลังของเขากลับมาเป็นแผ่นหลังที่ไร้รอยขีดข่วนไปเสียแล้ว...รอยแผลยาวบนหลังของเขาหายไปแล้ว...
“จงแด...” ลู่หานไม่ได้หลับด้วย
เขาแค่นอนนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรทำมากกว่า “ทำอะไรอยู่น่ะ”
“ก็ดูเองสิวะ” จงแดตอบพลางใช้กรรไกรตัดเนื้อที่เอวออก “ว่าแต่แกจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงตอนไหนไม่ทราบ
กลับไปได้แล้ว ฉ้นเบื่อ...แผลบนหลังนั่นก็หายดีแล้วไม่ใช่หรอ นายไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ
รีบๆกลับไปเถอะ”
“ไล่กันเลยนะ” ลู่หานพลิกตัวขึ้นมาและหันไปมองแผ่นหลังของเพื่อนที่กำลังยุ่งอยู่กับร่างบนเตียง
“ฉันเพิ่งไปเอาร่างแม่มดนั่นมาให้นายมานะ ตอบแทนบุญคุณกันด้วยการไล่กลับไปเนี่ยนะ?”
“เออ พอพูดเรื่องนี้แล้วฉันถึงนึกขึ้นได้” จงแดหันมามองเพื่อน หน้าเขาเปื้อนเลือดสีดำตรงข้างแก้มนิดหน่อย “แกไปป้วนเปี้ยนอะไรแถวๆเขตวังอีกวะ
เดี๋ยวก็ได้มีเรื่องขึ้นมาอีกหรอก อยู่นิ่งๆจนกว่างานประลองจะเริ่มไม่ได้หรือยังไง”
“ฉันไปแอบดูเธอน่ะ” ลู่หานยิ้มมุมปากให้เพื่อน พลางนึกถึงใบหน้าของเธอ
“อยากได้เธอมาไว้ข้างกายใจจะขาดเลยล่ะจงแด... นี่ฉันพยายามควบคุมตัวเองอยู่นะเนี่ย
ไม่งั้นฉันลักพาตัวเธอมาให้นายดูแล้ว....ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ...”
“ฟีโอน่า” จงแดบอก “เธอชื่อฟีโอน่า หัดจำชื่อคนที่ชอบด้วยสิวะแกนี่
แล้วนั่นจะทำอะไรอีก ฆ่าเธอแล้วให้ฉันดองร่างกายไว้อีกหรือเปล่า?”
“ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกหน่า” ลู่หานว่า “ตอนนี้ฉันอยากดูเธออยู่ห่างๆไว้ก่อน
เอาไว้ถึงเวลาแล้วฉันจะลงมือ..ทำอะไรซักอย่าง”
“เวลาไหน?” จงแดเริ่มไม่พอใจการกระทำของลู่หานอีกแล้ว “บอกตามตรงนะลู่หาน
ฉันรู้สึกขอบคุณนายมากที่อุตส่ายอมออกไปฆ่าคนนู้นคนนี้และเอาร่างมาให้ฉันเล่น ฉันซาบซึ้งในบุญคุณนั่นมาก
แต่เลิกฆ่าพวกเจ้าหญิงเจ้าชายนั่นได้แล้ว มันไม่ได้มีผลอะไรต่องานวิจัยฉันเลย”
สรุปแล้วที่จงแดเป็นห่วงก็คืองานวิจัยของเขา...
เขาไม่ได้เป็นห่วงว่าลู่หานจะไปกระทำผิดซักหน่อย...
“อีกอย่าง” จงแดเปลี่ยนใจ “ตอนนี้การกลายเป็นคนดีก็ดูน่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว...”
เขากระตุกรอยยิ้ม “ฉันแนะนำให้นายไปฆ่าไอพวกที่มันทำเรื่องเลวๆดีกว่า
ดูน่าชำแหละกว่าด้วย อยากรู้ว่าสมองเจ้าพวกนั้นมันคิดอะไรอยู่”
“นายนี่แม่งปากมากจริงๆ” ลู่หานหัวเราะ “จะอ้อมโลกทำไมครับท่าน?
บอกมาเลยว่าต้องการร่างไอสัตว์ประหลาดตัวไหน ฉันจะไปจัดการมาให้...แลกกับการที่ฉันได้มานอนอยู่บนโซฟานี่นานๆ”
เขาเหยียดขาออกพลางบิดขี้เกียจด้วยความสบายใจ
“อืม...” จงแดมองขึ้นไปข้างบนพลางนึก “ถึงเห็นฉันโรคจิตแบบนี้แต่จริงๆแล้วฉันก็เคยเป็นคนดีมาก่อนนะลู่หาน...ส่วนไอเรื่องอยากได้ร่างไหนมากที่สุดนั้น...”
เขามองไปที่ลู่หานและยิ้มมุมปาก “ก็ร่างนายไง...”
“โวๆๆๆ” ลู่หานลุกมานั่งทันทีด้วยความประหลาดใจ เขานั่งบนโซฟาพลางยิ้มเหมือนคนโรคจิต
“อะไรในตัวฉันถึงทำให้นายสนใจที่จะชำแหละกันหือ?”
“ทุกอย่าง” จงแดมองร่างตรงหน้า พยายามเก็บสีหน้าที่ปลาบปลื้มนั่นให้มิดที่สุดแล้วแต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
“เผ่าพันธุ์นักรบที่เก่าแก่ที่สุด...เผ่าพันธุ์ดัสช์...มันไหลเวียนอยู่ในเลือดของนาย และมีเพียงแค่นายคนเดียวเท่านั้นที่เหลือรอดอยู่ในโลกนี้...นอกนั้นโดนกวาดล้างเผ่าพันธุ์ตายไปหมดแล้ว...ไม่แปลกที่นายเป็นนักเรียนคนเดียวในแดนสี่...เพราะมันไม่มีใครเหมือนนายอีกแล้ว...”
“แกก็นักเรียนคนเดียวในแดนห้าไม่ใช่หรอ” ลู่หานจ้องเพื่อนตรงหน้า “ไม่เห็นจะมีใครเหมือนนายหลงเหลืออยู่นี่...”
“มีสิ” จงแดตอบ “ร่างที่นอนเกลื่อนอยู่ชั้นสองน่ะ...นั่นคือเพื่อนๆในชั้นเรียนของฉันเอง...พอดีช่วงนั้นขัดสนเรื่องศพวิจัย
ฉันก็เลยตัดสินใจฆ่าไปหนึ่งคนแต่ปรากฏว่าสมองของเพื่อนฉันคนนั้นมันน่าทึ่งมาก...
ฉันเลยเผลอฆ่าเพื่อนๆที่เหลือเพื่อเอาสมองออกมาเปรียบเทียบดู
ฆ่าไปฆ่ามาก็เห็นตัวเองยืนอยู่คนเดียวซะแล้วน่ะ...”
ลู่หานหัวเราะถูกใจในตัวเพื่อนคนนี้ “ดีที่แกยังไม่ฆ่าตัวเองเพื่อเอาสมองออกมาดูนะเนี่ย...”
“เคยคิด” จงแดหัวเราะบ้าง “แต่ทำแบบนั้นฉันก็ตายสิวะ
ยังไม่อยากตายตอนนี้หรอกนะ...รอให้นายตายก่อนดีกว่า”
ลู่หานยิ่งหัวเราะลั่นห้อง “ถ้าอยากได้ศพฉันสวยๆนายต้องไปบอกคนที่ฆ่าฉันนะเพื่อนเอ๋ย...”
จงแดขมวดคิ้วและสีหน้าตึงเครียดทันที “ฉันต้องการร่างกายแบบไม่เละเทะ...ใครกันที่จะฆ่านาย”
“ดูทำหน้าเขา...”
ลู่หานรู้สึกสนุกที่เห็นเพื่อนตัวเองเลือดเย็นขนาดนี้ “คนที่อยากจะฆ่าฉันมากที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นหมอนั่นน่ะ
ไออัศวินตัวสูงๆที่เป็นอัศวินคนเดียวในกับฟีโอน่าน่ะ...หูกางๆหน่อยอ่ะ”
“ชานยอล?” จงแดถาม “นั่นนักรบมือหนึ่งของโรงเรียนเลยนี่...”
เขาเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก “ทำไมนายต้องไปมีเรื่องกับคนแบบนั้นด้วย...เวลาสู้กันก็ยืดยื้อกันพอดี...อย่าบอกนะว่าแผลคราวก่อนหมอนี่เป็นคนทำ?”
“ถูกต้อง...” ลู่หานว่า “ดาบหมอนั่นคมน่าดูเลยล่ะ...ฟันหลังฉันแทบขาดแหนะ”
เขากำลังยั่วให้จงแดเครียดเล่น “ดีไม่ดีถ้าเราสู้กัน...ถ้ามันชนะร่างฉันอาจจะไม่อยู่กับที่กับทางแล้วก็ได้...แขนอาจจะไปทางนึง
ขาอาจจะขาดไปข้างนึง...หัวอาจจะ”
“ไม่ได้นะ!!” จงแดไมเกรนขึ้นสมอง “เขาจะทำให้ร่างของนายเสียหายขนาดนั้นไม่ได้!” เขาร้อนรนและถอดถุงมือทิ้งไปบนพื้นก่อนจะถอดเสื้อกราวน์ที่เปื้อนเลือดทิ้งไปเช่นกัน
“นั่นจะทำอะไร” ลู่หานอดยิ้มให้กับความสนุกตรงหน้าไม่ได้ “อย่าบอกนะว่าจะไปขอให้ชานยอลฆ่าฉันแบบศพสวยๆน่ะ”
“ก็เออน่ะสิ!!” จงแดตะคอกกลับมา
เขาหยิบเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนมาสวมทับไว้และพร้อมจะออกไปข้างนอก “ข้างนอกนั่นคงจะตกใจน่าดูที่จู่ๆก็เห็นฉันออกไปเดินเพ่นพ่าน...แต่เรื่องนี้จะปล่อยให้เลยตามเลยไม่ได้
ฉันไปละ อ้อ! แล้วก็อย่าแตะต้องงานอะไรของฉันทั้งนั้นนะลู่หาน!”
แล้วเขาก็เดินออกไปข้างนอกอย่างเร่งรีบ...
“ใครจะไปอยากแตะไอศพเน่าๆพวกนี้กัน...”
ลู่หานบ่นกับตัวเองพลางลงไปนอนบนโซฟา “หมอนั่นแม่งห่วงเรื่องศพฉันจะไม่สวยกว่าเรื่องที่ฉันจะตายอีก...สมกับเพื่อนของฉันจริงๆ...”
เขาหัวเราะ...
ในช่วงเย็นของวันนั้น ฟีโอน่ากลับมาจากโรงเรียนจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปอาบน้ำและออกมาพักผ่อนในห้องทันที
หลายวันที่ผ่านมานี้ทำเธอตกใจจนสติกระเจิงไปมากโข เธอเพิ่งจะรู้สึกสงบๆจริงก็วันนี้แหละ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเธอหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มนึงและเตรียมนอนอ่านมันบนเตียง
แต่ทว่า
“ว้าย!” จู่เธอก็เห็นใครคนนึงปีนเข้ามาทางหน้าต่าง
เธอเกือบแหกปากร้องขอความช่วยเหลือแล้ว
คริสรีบปีนขึ้นมาข้างในและพุ่งมาปิดปากเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะส่งเสียงไปมากกว่านี้
ฟีโอน่าโล่งอกที่เป็นคริสถึงการกระทำของเขาจะไม่ถูกต้องแต่เขาไม่ใช่คนเลวอะไร...
คริสปล่อยเธอออกเมื่อแน่ใจว่าเธอจะไม่ร้อง
“โทษที...” เขาก้มหน้าอายและเกาหัวแก้เก้อ “ฉัน...เอ่อ..จะมาขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนนะ
ความจริงจะพูดอยู่หลายรอบแล้วล่ะแต่เห็นเธอยังดูตื่นๆเลยไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย...กลัวจะโดนตีหัวเอาน่ะ”
เขาหัวเราะ
ฟีโอน่าเข้าไปตีเขาจริงๆ “คนบ้าที่ไหนเขาปีนหน้าต่างห้องเข้ามาขอโทษกันยะ! ตกใจหมดเลย”
คริสลูบแขนที่โดนตีพลางทำหน้ายอมรับผิด “ขอโทษที...ฉันไม่เคย...เอ่อ...ไม่เคยคุยกับเจ้าหญิงมาก่อน
ก็เลยไม่รู้วิธีเข้าหาพวกเธอน่ะ...แล้วก็กลัวว่าจะเข้าทางประตูตรงๆไม่ได้ด้วย
เห็นหน้าพวกอัศวินแล้วนึกถึงชานยอล”
“เอ้อใช่” ฟีโอน่านึกขึ้นได้ “นายเป็นเพื่อนกับชานยอลหรอ?”
“อือ” คริสตอบ “เราเป็นเพื่อนกันก่อนที่จะเข้าโรงเรียนนี้ด้วยซ้ำ”
ฟีโอน่าประหลาดใจ “จริงหรอ? งั้นนายสองคนก็สนิทกันมากๆเลยสิ”
“อือ” คริสตอบ “ความจริงฉันแก่กว่าหมอนั่นหลายปี แต่มันไม่เคยเรียกฉันพี่เลยซักครั้งเดียว...”
“จริงหรอ?” เธอหัวเราะ “คงจะสนิทกันมากจริงๆ...ว่าแต่นายมาแค่ขอโทษฉันใช่มั้ย?...คือตอนนี้ฉันไม่สะดวกจะคุยกับนายตรงนี้...ซูโฮชอบเข้ามาในห้องฉันด้วย
ถ้าเขาเห็นว่าฉันอยู่กับนายเขาต้องเอาเรื่องนายอีกแน่ๆ...เพราะงั้น”
“ซูโฮนี่เจ้าชายของเธอใช่ปะ?” คริสถาม
“อือ” เธอตอบ “เพราะงั้นนายช่วยออกไปก่อนได้ไหม...เอาไว้เราหาที่เหมาะๆคุยกันครั้งหน้าดีกว่าเนอะ”
“ดีจัง...” คริสพูด “ฉันเองก็อยากมีเจ้าชายเป็นของตัวเองบ้าง”
“พูดอะไรของนายเนี่ย” ฟีโอน่าเข้าไปดันร่างเขาไปทางหน้าต่าง “ขอร้องละ
ลงไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปหานายเอง”
“อย่ามาพูดเล่นหน่า” คริสหัวเราะ
“เจ้าหญิงอย่างเธอจะออกไปไหนได้...ห้ามไปหาฉันที่หมู่บ้านเด็ดขาด
ระหว่างทางมันอันตราย”
“เข้าใจแล้วๆ” ฟีโอน่าดันจนร่างเขาติดหน้าต่างแล้ว “แต่นายรีบๆลงไปก่อนเถอะ”
“เอ้อ...” คริสเหมือนนึกอะไรได้ “ฉันมาที่นี่เพราะเหตุผลอีกอย่าง”
“อะไร?”
“อาบน้ำน่ะ...” เขาตอบพลางยิ้มให้เธอ “ฉันขออาบน้ำหน่อยสิ
พอดีไม่ได้อาบมาสามวันแล้วหลังจากไปฆ่าแม่มดในป่า”
ฟีโอน่าถอยกรูดออกไปให้ห่างจากเขาทันที “แล้วทำไมนายถึงไม่อาบ!!”
“แหม...ที่หมู่บ้านฉันมันมีแค่ที่อาบน้ำรวมนี่นา วันนี้ฉันก็กะจะไปอาบแล้วล่ะแต่น้ำดันมาไม่ไหลซะได้...ความจริงกะจะซักแห้งอีกวันแต่กลิ่นตัวมันเริ่มรุนแรงจนนอนไม่หลับน่ะ”
เขาว่าพลางดมตัวเอง
ฟีโอน่ารีบชี้ไปที่ห้องน้ำ “เข้าไปเดี๋ยวนี้! เข้าไปเลย!!”
คริสบอกขอบคุณก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำที่แสนสะอาดของเจ้าหญิง “อลังการงานสร้างมาก! ห้องน้ำเธอน่าอยู่กว่าห้องนอนฉันอีก!”
“รีบๆอาบน้ำแล้วก็รีบๆไปซะคริส” ฟีโอน่าตะโกนเข้าไปก่อนที่เธอจะวิ่งไปล็อคประตูห้องไว้อย่างแน่นหนา...
ซูโฮอย่าเพิ่งมาตอนนี้เลยนะ...
คริสนอนแช่อยู่ในอ่างนานจนฟีโอน่าคิดว่าเขาตายในห้องน้ำซะแล้ว ซูโฮมาเคาะห้องเธอสองรอบแล้วด้วยและถ้ารอบที่สามเธอยังไม่เปิดให้เขา
เขาอาจจะใช้กุญสำรองไขเข้ามาก็ได้
“คริสเร็วๆเข้า” เธอเร่งเขาอยู่ตรงประตูห้องน้ำ “ออกมาได้แล้ว”
“เสร็จแล้วๆ” คริสเปิดประตูออกมาและปลดปล่อยให้ความหอมของสบู่ลอยออกมาจากห้องน้ำ...
เขาอยู่ในร่างที่เปลือยท่อนบนและพันผ้าเช็ดตัวไว้ข้างล่าง...
เขาสะอาดหมดจด... สีหน้าที่ดูเนือยๆของเขาเมื่อกี้หายไปแล้ว
ความหมองคล้ำและเศษดินออกไปจากใบหน้า ซอกคอ และ ตามตัวเขาหมดแล้ว... เขาสะอาดและตัวหอมมากเลยด้วย...
ที่สำคัญ...ผมเปียกของเขาทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นดูเซ็กซี่ขึ้นจนน่าใจหาย...
ฟีโอน่ากระพริบตาสามรอบตอนเห็นเขาครั้งแรก... ไม่คิดว่าเขาจะดูดีได้แบบนี้เหมือนกัน...
ปกติก็หน้าตาเขานั้นดีแบบคลุกดินอยู่แล้ว แต่หล่อแบบสะอาดอย่างนี้ก็ยิ่งดูดีขึ้นไปอีก...
“ฉันขอผ้าเช็ดตัวนี่ไปล่ะ”
เขาบอกก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าสกปรกของตัวเองขึ้นมา “แล้วเจอกันใหม่นะฟีโอน่า”
เขากำลังจะกระโดดลงไปจากหน้าต่างทั้งอย่างนั้น...
“เดี๋ยว...นายยังไม่ได้ใส่อะไรเลยนะ มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว..”
“หือ?” เขาทำหน้างง “แล้วทำไมอ่ะ?”
ฟีโอน่าคงจะคิดมากไปเอง
นั่นสินะ...เขาเป็นผู้ชายที่อาศัยอยู่ในป่านี่นา... เขาต้องมีความเป็นธรรมชาติมากๆอยู่แล้ว...
“ไม่มีอะไร...นายไปเถอะ” เธอบอก
“โอเค...งั้นไปละ”
เขาทำท่าจะโดดลงไปแล้วแต่เหมือนลืมอะไรบางอย่าง “ฟีโอน่า...มานี่หน่อยสิ”
เธอเดินไปหาเขาที่หน้าต่าง “มีอะไรหรอ?”
“ไม่มีอะไร” เขายิ้มก่อนจะยื่นมือออกมายีหัวเธอเบาๆเหมือนเด็ก “ขอบคุณสำหรับที่อาบน้ำสะอาดๆนะครับ
แล้วก็ฝันดีครับ”
แล้วเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตเธอที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา...
ฟีโอน่าเผลอหลับตาและหดคอตัวเองลงไปด้วยความตกใจแต่เธอก็หลบไม่พ้นริมฝีปากของเขา...
“น่ารักจัง” คริสว่าพลางยีผมเธออีกรอบ "ฝันมานานแล้วว่าวันนึงต้องได้พูดคุยกับเจ้าหญิง...วันหลังฉันจะมาหาใหม่...มาอาบน้ำน่ะ
ไปละ”
แล้วเขาก็กระโดดลงไปจริงๆ พอดีกับที่เสียงเคาะห้องจากซูโฮดังมาเป็นรอบที่สาม
ฟีโอน่าจึงรีบไปเปิดประตูให้ซูโฮ...
แต่สมองเธอกลับวนเวียนอยู่กับการกระทำของคริสเมื่อกี้...
เขาบอกขอบคุณเธอก่อนที่จะเขาจูบหน้าผากเธอ...งั้นแสดงว่าการจูบหน้าผากเป็นการตอบแทนคำขอบคุณจากเขางั้นหรอ?
ทำไมเขาถึงคิดว่าการทำแบบนั้นถึงเป็นรางวัลที่ฟีโอน่าต้องการ?
หรือว่าเขา...คิดว่าฟีโอน่าชอบเขาไปแล้ว?
หลังจากที่เธอได้ช่วยเขาเรื่องไล่ออกนั่น...เขาอาจจะคิดว่าเธอชอบเขาก็ได้...
แล้วถ้าบวกกับเรื่องที่เขาให้รางวัลเธอเป็นการจุมพิตที่หน้าผากแล้วก็เหมาะเจาะกันพอดีเลยด้วย! เขาต้องคิดว่าเธอชอบเขาแน่ๆ...
ไม่นะ... ไม่ได้
แต่ถึงยังงั้นใจของเธอก็เต้นแรงไม่ใช่เล่นๆ...
จงแดเดินลัดเลาะไปข้างหลังของตึก ซึ่งมันเป็นทางตรงกันข้ามกับทางเข้าของแดนห้า
เขากำลังออกไปจากแดนห้าโดยที่ใช้เส้นทางตรงข้าม... และทางนั้นมันจะนำพาเขาไปเจอเข้ากับป่าวงกตและหมู่บ้านต้องห้าม...
ซึ่งเป็นที่อาศัยของเขตแดนต้องห้าม...
แดนต้องห้ามเป็นแหล่งอาศัยของพวกสัตว์ในตำนาน หมาป่า ก็อปลิน เอลฟ์ พญานาค
อสูรกาย และ อีกมากมาย ซึ่งสัตว์ในตำนานเหล่านั้น...จะแฝงอยู่ในร่างของมนุษย์และสามารถแปลงร่างจริงออกมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ...
จงแดใช้ทางลัดและด้วยมันสมองระดับอัจฉริยะอย่างเขา
ทำให้เขาทะลุป่าเขาวงกตนี่ไปได้อย่างง่ายดาย เขาเดินทะลุป่าไปและเจอเข้ากับหมู่บ้านเล็กๆ
หมู่บ้านที่มีตัวบ้านสร้างมาจากหินอ่อน ผิดจากหมู่บ้านแม่มดที่สร้างบ้านด้วยไม้
แดนต้องห้ามไม่ได้เป็นแดนที่อันตรายแต่ก็ไม่ได้เป็นแดนที่ปลอดภัย...
สัตว์ร้ายมากมายอาศัยอยู่ที่นี่แต่พวกเขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง
ที่สำคัญพวกสัตว์เหล่านี้ฉลาดและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด...
ในการประลองในแต่ละครั้ง ผู้เข้าประลองสามารถนำสัตว์ในตำนานเข้าไปเป็นตัวช่วยในการต่อสู้ได้คนละหนึ่งตัว
เพราะงั้นไม่แปลกที่จะมีอัศวินหรือนักล่าแม่มดมาเดินป้วนเปี้ยนแถวแดนต้องห้ามเป็นประจำ
เพราะเขากำลังมองหาสัตว์เลี้ยงโหดๆอยู่นั่นเอง...
จงแดรีบจนไม่ได้มองอะไรรอบข้างเลย เขาเดินฝ่าหมู่บ้านต้องห้ามไปแบบรีบๆ
เป้าหมายเดียวของเขาคือเขตวังหรือแดนหนึ่งและต้องตามหาตัวฟีโอน่าให้เจอ ...
ถ้าเขาต่อรองกับชานยอลดีๆไม่ได้ เขาต้องใช้วิธีขู่ให้เขาแทนและถ้าจับฟีโอน่ามาเป็นตัวประกัน
ยังไงๆชานยอลก็ต้องทำตามที่เขาสั่งแน่นอน...ยิ่งชานยอลเป็นอัศวินด้วยแล้ว
คำมั่นสัญญาจึงสำคัญที่สุด...
“ไม่แวะดื่มชาบ้านฉันก่อนหรอจงแด”
เสียงคุ้นหูดังผ่านเขามา...แต่มันเป็นเสียงที่เขาต้องหยุดก้าวเดินไปข้างหน้าและกันมาเสวนาด้วยอย่างทันที...
“อ้าว...ว่าไงดีดราก้อน” จงแดทักทายคนรู้จักพลางฉีกยิ้มให้เขา
“บอกแล้วไงว่าให้เรียก ดีโอ” เขาตอบกลับมาพลางยิ้มจางๆให้จงแดกลับ “จะรีบไปไหนงั้นหรอ...นึกว่าจะมาหาสัตว์เลี้ยงไปลงแข่งในงานประลองซะอีก”
“เหอะ” จงแดพ่นลม “ไองานเห่ยๆแบบนั้นมีดีกันตรงที่คนตายเท่านั้นแหละ”
ดีโอกระตุกยิ้ม “ยังส่องเครื่องในอยู่อีกงั้นหรอ...ไม่เบื่อหรือไง”
“ถ้าผ่าร่างเดียวก็เบื่อสิ” จงแดตอบ “มีหลายๆร่างหลายๆแบบ
ยังไงก็ไม่เบื่อ...เออว่าแต่ฉันรีบน่ะดีโอ โทษทีไม่ว่างเสวนาด้วย...”
จงแดหันหลังให้เพื่อนและกำลังจะเดินจากไป
“ฉันอยากลงแข่ง” แต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินดีโอพูดดังนั้นออกมา...
“อะไรนะ?” เขาหันมาถามด้วยความไม่มั่นใจ... เป็นไปไม่ได้...
ถ้าดีโอลงแข่งละก็...
“นายช่วยหาคนดีๆให้ฉันหน่อย” ดีโอว่า “ไม่เอาลู่หานด้วย...ขอฝั่งสีขาว
ไม่เอาฝั่งตัวร้าย...”
“นายจะบ้าหรอดีโอ” จงแดตกใจและชานยอลโผล่เข้ามาในหัวเขาทันที “...ฉันก็พอจะมีคนแนะนำให้นายอยู่...แต่สัญญากับฉันได้มั้ยว่าถ้าสู้กับลู่หาน
นายต้องฆ่าเขาให้ศพสวยที่สุด”
ดีโอหัวเราะ “หน้าที่ฆ่าไม่ใช่หน้าที่ฉัน ลืมไปแล้วหรือยังไง”
“จริงด้วย...สัตว์เลี้ยงฆ่าได้แค่สัตว์เลี้ยงด้วยกันเองสินะ..." จงแดเพิ่งนึกออก “ยังไงๆฉันก็ต้องไปขอร้องชานยอลสินะ...ว่าแต่นายจะลงแข่งจริงๆหรอ?”
“อืม” ดีโอตอบ “ฉันเบื่อ...และฉันอยากได้เจ้าหญิงแล้วด้วย”
จงแดตกใจไปกันใหญ่เมื่อได้ยินดีโอพูดแบบนั้น...
“แต่ถ้านายได้เจ้าหญิง...” จงแดค่อยๆเรียบเรียงความคิด “นายก็ต้องตายน่ะสิ?”
“อืม...” ดีโอตอบหน้านิ่ง “ฉันเบื่อ...พร้อมตายแล้ว”
จงแดจับไหล่ดีโอทันที “ถ้าตาย...ฉันขอร่างนายได้มั้ย...”
“ฉันไม่แน่ใจ” ดีโอตอบกลับมา “ถ้าฉันตาย...ฉันไม่แน่ใจว่าจะตายในร่างของมนุษย์หรือร่างของมังกร”
โด ดีโอ มีเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่ในตัวเขา... เขาเป็นสัตว์ในตำนานที่เก่าแก่และแข็งแกร่งที่สุด
มีกฏสั่งห้ามไม่ให้เขาลงแข่งงานประลองอยู่หลายปี
เพราะเมื่อใดที่มังกรคำราม...เมื่อนั้นทุกคนจะพ่ายแพ้...
มันจึงดูไม่ยุติธรรมสำหรับคู่ต่อสู้ แต่เมื่อเร็วๆมานี้ผอ.ได้เปลี่ยนกฎใหม่ด้วยเหตุผลบางอย่าง...จึงทำให้ดีโอสามารถลงแข่งได้...
แต่เขากลับไม่สนใจที่จะแข่ง...เขาไม่เคยเข้าแข่งขัน ถึงจะมีคนมากมายมาขอตัวเขา...
แม้กระทั่งลู่หาน... ก็ต้องการเขา เขาปฏิเสธมาโดยตลอด...
แต่ว่าครั้งนี้เขากลับอยากลงแข่ง...และเขาบอกเขาพร้อมที่จะตาย...
การที่มังกรจะตายได้นั้น...เขาจะตายก็ต่อเมื่อได้รับความรักจากเจ้าหญิง...และต้องเป็นเจ้าหญิงที่เขารักเช่นกัน...
ความรักจะทำให้เขาตาย...
ความคิดเห็น