คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แจ็คพอตตตตตต
ผ่านไปสามวัน ชีวิตยังดำเนินเหมือนเดิม ตื่นเช้าตรู่ทำกับข้าวกินข้าวคนเดียวไปเรียนและเซฮุนกับลุงก็ไปรับฉันทุกๆวันเหมือนเดิม หัวข้อสนทนาก็เดิมๆ เซฮุนก็ยังเงียบเหมือนเดิม
แต่เชื่อมั้ย ว่าฉันทำตัวเกือบจะปกติ(จริงๆ)กับเขาได้แล้ว ต้องขอบคุณวิธีการของยัยขนมไทยมาก เธอทำให้ฉันรักชานยอลมากขึ้นและทำให้ฉันใช้ชีวิตสงบๆขึ้นได้เยอะเลยจริงๆ
ถึงแม้บางครั้งฉันจะแอบมองเซฮุนอยู่บ้าง อยากรู้ว่าเขาทำอะไร อยากรู้ว่าเขากินข้าวยังไง แต่นั่นก็เรื่องปกติของติ่งปะ? มีความสุขที่ได้มองเขาและเล่าให้จีจี้ฟังก็พอแล้วละ
อย่างน้อยๆที่เห็นได้ชัดคือเวลาเซฮุนเดินผ่านหัวใจฉันไม่เต้นแรงเท่าวันแรกๆอีกต่อไปแล้ว มันแทบจะเต้นแบบเดียวกับตอนที่ลุงเดินผ่านเลยด้วยซ้ำ
วันนี้เพื่อนเซฮุนมาที่บ้านอีกแล้ว เพื่อนเขามาหาเขาทุกวันเลย...เป็นเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในexoนะ (ไม่งั้นฉันคงตายไปแล้ว) เพื่อนแต่ละครั้งที่มาก็ไม่ซ้ำหน้าเลยจริงๆ
วันนี้เป็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ดูท่าทางหยิ่งๆ ความจริงตอนแรกเซฮุนก็หยิ่งนะ รู้สึกได้เลยว่าเขาไว้ตัว แต่เขาก็เป็นไอดอลไง คงไม่แปลก แต่พอได้อยู่กับเขานานๆไปเริ่มรู้สึกว่าเซฮุนอาจจะไม่ได้หยิ่งแต่แค่ทำหยิ่งไปงั้นแหละ (มั้งนะ)
ฉันทำหน้าที่เป็นแม่บ้านที่ดีมากค่ะ ฉันจะเดินไปเสริฟคุกกี้กับน้ำให้เซฮุนและเพื่อนๆทุกครั้ง พวกเขามักจะหัวเราะและคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน
แต่วันนี้...ค่อนข้างเงียบ ฉันชำเลืองมองหน้าเซฮุนแวบนึงตอนกำลังวางน้ำส้มให้พวกเขา
ทำไมเขาทำหน้าเซงแบบนั้นละ...ทะเลาะกันอยู่หรอ...
ฉันวางน้ำส้มแก้วสุดท้ายและกำลังจะหันกลับไปแต่
“เซนา...” เซฮุนเรียกฉันค่ะ! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อฉันตรงๆแบบนี้!
“นี่เซนานูน่า” จู่ๆเขาก็แนะนำตัวฉันให้เพื่อนเขา ฉันจึงต้องหันกลับมาและยิ้มให้เพื่อนเซฮุน...
แต่ว่าสองคนนั้นไม่ยิ้มตอบ พวกเขากลับมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแทน
“นูน่า” เซฮุนหันมาสบตาฉัน นี่คือครั้งแรกเหมือนกัน! ที่เขาเรียกฉันว่า นูน่า! “นั่งก่อนสิครับ”
แม่ฉันเป็นนักจิตวิทยา...ยายฉันเป็นหมอดู...และฉันได้พันธุกรรมนั้นมาเต็มๆ...บางครั้งฉันก็สามารถเดาได้ในทันทีเลยว่าคนๆนี้เป็นคนประเภทไหน...และตอนนี้ฉันรู้ทันทีเลยว่าเซฮุนต้องการอะไร
เขากำลังอยากให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนเขา...เพราะสองคนนั้นทำให้เขาลำบากใจอยู่
ฉันนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวและพยายามยิ้มให้เพื่อนหน้าบูดๆของเซฮุน
“นี่บอม...กับโบครับ” เซฮุนแนะนำ
กว่าสองคนนั้นจะยอมฉีกยิ้มทักทายให้ฉันก็เลยเวลาอันสมควรต้องยิ้มไปนานแล้วยะ
“มาเข้าเรื่องกันต่อ” โบเพื่อนผู้หญิงเริ่มพูดก่อน “นายได้เดบิ้วเมื่อปีที่แล้วใช่ปะ เนี่ยอีกไม่นานบริษัทฉันก็จะเดฉันเหมือนกัน พวกนายน่ะดังมาก...ฉันรู้”
“แต่ระวังนะ” บอมเพื่อนผู้ชายพูด “นี่ที่มาเพราะเห็นว่าเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน ระวังปีนี้ไว้ให้ดี เพราะบริษัทฉันจะปล่อยทั้งเกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์ออกมา...นายก็รู้นี่ว่าบริษัทฉันยิ่งใหญ่แค่ไหน แถมช่วงนี้การตลาดของค่อนไปทางแนวนี้...ไม่ใช่แนวของพวกนาย”
“เซฮุน” โบพูดพลางทำหน้าเศร้าที่ดูตอแหลมาก “ฉันเป็นห่วงวงนายจริงๆนะ ถ้ายังให้หยุดยาวและนานขนาดนี้กลับไปเดี๋ยวจะตามพวกฉันไม่ทันจริงๆนะ นายคงไม่อยากให้วงรุ่นน้องที่เกิดหลังมาแซงหน้านายหรอกใช่มั้ย แต่ทำใจไว้หน่อยก็ดี...”
บอมกับโบหัวเราะอย่างเลือดเย็น ฉันเริ่มปรี๊ดแล้วนะ อีสองตัวนี้มาบ้านเซฮุนเพื่อจะมาแดกดันเขาโดยเฉพาะเลยงั้นหรอ?
“แล้วบริษัทนายน่ะ” บอมพูดต่อ “น่าจะให้นายได้ร้องเพลงเยอะๆหน่อยนะ”
อีนังโบแอบหัวเราะคิกคัก บอมพูดต่อไป “ฉันว่าเสียงนายก็ดีออก ทำไมให้ร้องแค่เจ็ดแปดวิแบบนั้นละ ฉันเข้าใจนายนะเซฮุน แต่บริษัททำแบบนี้ก็เกินไปหน่อย ว่ามั้ย”
เซฮุนไม่ตอบ...แต่ฉันเห็นว่าเขาพยายามจะไม่กัดฟันและบังคับไม่ให้หน้าแดง...
“แล้วพวกน้องสองคน” นั่นเป็นเสียงของฉันเอง ปากไวยิ่งกว่าสมองจริงๆ “เป็นเทรนนี่อยู่หรอค่ะ?”
“ครับพี่” บอมตอบพลางวางมาด “แต่เทรนนี่บริษัทผมทุกคนน่ะ เทียบเท่าได้กับศิลปินหลายๆคนเลยละ...บางทีอาจจะมีความสามารถมากกว่าด้วยซ้ำ”
อีนังโบหัวเราะอีกแล้ว
“หรอค่ะ” เสียงฉันเองค่ะเสียงฉันเอง “แต่เทรนนี่ยังไงก็ยังไม่ได้ขึ้นเวทีแสดงเหมือนพี่เขาๆหรอก นั่นเพราะอะไรน้องรู้มั้ย? เพราะบริษัทของน้องรู้ดีไงว่าน้องยังขาดพฤติกรรมที่เหมาะสมของการเป็นไอดอลอยู่ ถ้าน้องยังจะมาคุยโวโม้พูดโกหกและถากถางคนอื่นแบบนี้ ไม่ว่าน้องจะหน้าตาดีขนาดไหน ร้องเพลงดียังไง และถึงจะได้เดบิ้วแล้ว พี่เชื่อว่าไม่นานก็ดับเพราะปากของน้องเองนั้นแหละค่ะ”
ทั้งบอมและโบดูตกใจและอึ้งกิมกี่ ฉันยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น “เซฮุนเขามีความสามารถของเขาอยู่แล้ว และเขารู้ดีว่าบริษัทต้องการอะไร เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดีมากเลยด้วย บริษัทถึงได้ผลักดันและสนับสนุนพวกเขาจนได้เดบิ้วและมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ ก่อนที่น้องจะพูดจาว่าใครดีไม่ดี น้องทำตัวเองให้ดีก่อนเถอะค่ะ พี่เป็นห่วงอนาคตน้องเหลือเกิน”
อ่าฮะ พูดเสร็จฉันก็ไม่นั่งให้สองคนนั้นด่ากลับหรอกนะ ลุกเดินหนีและไม่ได้ลุกมือเปล่า
ฉันเก็บน้ำส้มของสองคนนั้นกลับไปพร้อมทิ้งท้าย
“กลับไปซ้อมร้องเพลงได้แล้วค่ะน้อง เดี๋ยวเทรนนี่รุ่นร้องก็ได้เดบิ้วก่อนหรอก”
ผมอยากเดินไปกอดเธอจริงๆครับ! แต่ถ้าผมทำแบบนั้นเธอคงช็อคตายไปจริงๆ...
หลังจากที่เพื่อนสุดที่รักของผมกลับไปพร้อมทำหน้าไม่พอใจแล้ว ผมก็แทบจะหัวเราะลั่นบ้านเลยจริงๆนะ ผมมั่นใจเลยว่าพวกมันต้องหน้าเสียและไม่กล้ามาหาผมอีกแน่ๆ พี่เซนา...(ผมเรียกเธอว่าพี่เซนาแล้ว หลังจากสับสนว่าจะแทนว่าอะไรดีอยู่หลายวัน) พี่เขาแกร่งมาก! เด็ดกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย...นึกว่าจะเป็นคนขี้อายเอาแต่หลบซ่อนซะอีก คงต้องมองพี่เขาใหม่แล้วละ...ผมซาบซึ้งในบุญคุณจริงๆนะ
ผมตอบโต้พวกมันไม่ได้เลย เพราะผมมีคำว่าไอดอลค้ำคออยู่...ต้องไม่มีเรื่องกับใครเด็ดขาดแม้ว่าจะเป็นทางวาจาก็ตาม...ผมอยากจะด่าพวกมันกลับจริงๆนะ ถ้าผมไม่เรียกให้เธอนั่งละก็ผมคงต้องมีเรื่องกับพวกมัน...ไม่ก็ร้องไห้เพราะเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้แน่ๆ...
ผมเดินไปหาเธอในครัว...เห็นเธอกำลังฟัดกำลังเหวี่ยงใส่แก้วและจานชามอยู่ครับ...
เธอทำให้ผมรู้สึกสงสารแก้วน้ำได้ยังไงเนี่ย...
เธอกำลังเดือดแทนผมสินะ...นี่แหละว่าทำไม...ผมถึงได้รักแฟนคลับของผมมาก
ผมไม่กวนเธอดีกว่า
“ทำไมมึงไม่ด่าให้มันหน้าหงายตกเก้าอี้ตายไปเลยวะ!” ฉันเองค่ะจีจี้ ฉันกำลังโมโหและโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องที่ยัยกรกตเล่าให้ฟัง
“กูด่าต่ำๆใส่พวกมันไม่ได้หรอก พวกมันไม่รู้สึก ต้องด่าแบบผู้ดีพวกมันจะได้ไม่เถียงไง ไข่มุกก็มองฉันอยู่ด้วย ไม่อยากให้เขามองฉันเป็นพี่สาวที่แสนหยาบคายหรอกนะ”
“ถุ้ย! ถ้ากูเป็นมึงนะกรกต คราบนางฟ้าที่กูสร้างมาทั้งชีวิตพังแน่ๆ พังในวันนั้นวันเดียวแน่ๆเลยค่ะ”
“มึงเคยสร้างคราบนางฟ้าด้วยหรอวะ”
“ว้ายย” อีนี่หาเรื่อง อย่างฉันน่ะนางฟ้าอยู่แล้วย่ะ! “กูทั้งสวยทั้งรวยนมโตขนาดนี้ไม่เรียกนางฟ้าแล้วเรียกอะไร”
“นางมารไงค่ะ”
“อีเพื่อนเวร”
“แปปนะ มีใครเคาะห้องอีกแล้ว”
“อย่าวางสาย!” นี่คือสิ่งที่ฉันมโนได้สิ่งแรก คือเซฮุนมาเคาะห้องยัยกรกต และเขาต้องมาคุยกับหล่อนแน่ๆ ทีนี้ฉันก็จะได้ยินเสียงเซฮุน!! สมองสั่งการให้กดปุ่มบันทึกเสียงทันที
ฉันได้ยินเสียงยัยกรกตเปิดประตู...เงียบอยู่สองวิได้...ก่อนจะ
“เซนานูน่า”
เสียงเซฮุนจริงๆด้วยอีหอยหลอดปากเป็ด!!!
มือฉันสั่นแล้วค่ะ เท้าก็สั่นปากก็สั่น แม่จ๋าช่วยลูกด้วย...ลูกได้ยินเสียงเซฮุนแล้ว...
จะดีมากถ้าได้ยินเสียงน้องแบคคยอนของกูวววววววว โฮววว อยากร้องไห้
ยัยกรกตดูอึกอักเล็กน้อย แหม...มีผู้ชายหล่อๆมาเคาะถึงห้องเลยนะยะ!! มึงกลับไทยแล้วมึงต้องโดนกูฆ่าตายแน่ๆอ่ะยัยกรกต!!
“เซฮุน มีอะไรหรอ”
เสียงชัดขนาดนี้แสดงว่ามันต้องเอาโทรศัพท์จ่ออยู่แถวๆปากแน่ๆ โฮวว เพื่อนรัก มึงทำเพื่อกูสินะ กูสาบานว่ากูจะฆ่ามึงด้วยวิธีที่ไม่ทรมาน
“ขอบคุณพี่มากครับ วันนี้ที่...”
“ไม่เป็นไร”
ขัดหาพระแสงหรอยะ!!! ฉันอยากได้ยินเสียงเซฮุนอีกนานๆ อย่าขัดสิยะ!!
“...ครับ”
โอ้ย เสียงหล่อมาก มากๆอ่ะ ขุ่นพระ
“พี่ทนไม่ได้จริงๆ เด็กอะไรพูดจาแบบนั้นกัน”
“ฮะๆ”
เกร้ดดดดดด!!!! เซฮุนหัวเราะ โอ้ยยยยยยย มีดอยู่ไหนมาปักอกกูที!!!
“งั้นผม...ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”
ไม่นะ อย่าปายยยยยยยยยยยยยยยยย
“อื้อ...”
“เอ่อ...ฝันดีครับพี่เซนา”
บอกฉันมั่งสิเซฮุน ฮือ ใครก็ได้ ฆ่ายัยกรกตแทนฉันที...เพราะฉันจะตายแล้ว
ได้ยินเสียงปิดประตูหัวใจฉันแทบสลาย...
วันนี้เป็นวันเสาร์หลังจากทานข้าวกันพร้อมหน้าเสร็จแล้วป้าจินฮีและลุงก็ออกไปทำธุระข้างนอก ส่วนพี่ชังมินก็...พาสาวมาที่บ้านและหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ฉันละอยากรู้จริงๆว่าถ้าป้าจินฮีมาเห็นเข้าจะเป็นยังไง อุตส่าเตือนด้วยสายตาแล้วนะ ไม่รู้ด้วยแล้ว!
ฉันเห็นเซฮุนเดินไปหน้าทีวีและเปิดหนังดูอีกแล้ว เขาชอบดูหนังมากโดยเฉพาะหนังพวกไอรอนแมนเทือกเนี่ย สมแล้วกับที่เป็นเด็กผู้ชาย การใช้ชีวิตกับเซฮุนเริ่มง่ายขึ้นเมื่อเขาทำตัวสบายๆปล่อยเนื้อปล่อยตัวเหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆไป
บางครั้งเขาก็หลับที่โซฟาและตื่นมาหน้าตาดูไม่ได้เลยจริงๆ ฉันอยากจะถ่ายไปให้ยัยจีจี้ดูนะ แต่ฉันสงสารเซฮุนมากกว่าสงสารยัยจีจี้ที่ไม่ได้ดู... หรืออาจจะเป็นเพราะเซฮุนมีนิสัยคล้ายๆน้องชายฉันด้วยแหละมั้ง...เลยทำให้ความอึดอัดค่อยๆลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
ฉันเดินไปวางขนมชั้น ขนมไทยที่ป้าจีนฮีชื่นชอบให้เขา…
“พี่มานั่งดูกับผมสิ” เขาหันมาชวนฉัน
ฉันเป็นโรคจิตหรือเปล่านะ ฉันอิจฉาตัวเองด้วยอ่ะ รู้สึกเหมือนมีสองบุคลิกในคนๆเดียวกัน
ฉันเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนออกและเดินมาดูหนังกับเขาพร้อมโค้กสองกระป๋องในมือ
การดูหนังกับเซฮุนไม่ได้ยากอีกต่อไปแล้ว...ความจริงการคุยกับเขาการหัวเราะและการเห็นเขาแกล้งป้าจินฮี มันก็เหมือนเห็นน้องชายตัวเองพูดคุยและเล่นกับแม่นั้นแหละ...ฉันแทบไม่รู้สึกแล้วว่าเขาเป็นไอดอลชื่อดังที่อยู่ในวงexo อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ค่อยพูดถึงด้วยเท่าไหร่...
และอาจจะเป็นเพราะฉันสิงแต่เรื่องของชานยอลด้วยเหมือนกัน
“นั่นโอเซฮุนวงexo” เสียงพี่ชังมินดังมาจากในครัว
เขากำลังอวดแฟนสาวของเขา เซฮุนหันไปยิ้มให้แฟนพี่ชังมิน แต่พี่คนนั้นกลับยิ้มตอบ...
แค่ยิ้มตอบ! ไม่เขินไม่ตกใจไม่มีอาการอะไรไดๆทั้งสิ้น เมื่อพวกเขาสองคนหาของกินได้แล้วก็กลับขึ้นห้องกันต่อ...สงสัยจริงๆว่าทำอะไรกัน...
“ไม่ได้มีแต่คนรู้จักและชอบexoเท่านั้นหรอกนะครับ”
จู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้นมา...นั่นเขาพูดกับฉันใช่มั้ย? ใช่สิ แล้วจะพูดกับรีโมทหรอ?
“อื้อ...พี่รู้” ตีเนียนๆไป
“แอนตี้แฟนยังเคยมาด่าถึงแฟนไซน์เลย”
ฉันถลึงตาใส่เขาทันที เมื่อเขาเห็นหน้าฉันเขาก็หัวเราะเลยละ
“แล้ว...แล้วทำยังไง?” ฉันถามเพราะอยากรู้จริงๆว่าเขาจะรับมือกับแอนตี้แฟนที่บุกไปด่าถึงงานได้ยังไงจริงๆนะ
“ผมก็ยิ้มสิ ยิ้มรับคำด่า...แบบหล่อๆ”
อยากจะถุ้ยรับมุกจริงๆนะ แต่ไม่สมควร...เรายังไม่สนิทถึงขั้นนั้น
“เอ็กซ์โซเราน่ะ” เขาเล่าต่อพลางดูหนังไปด้วย “ไม่ได้มีแต่เรื่องน่ายินดีและราบรื่นตลอดหรอกนะครับ บางครั้งพวกเราก็เจ็บมากๆ แต่ก็ต้องยิ้ม...ยิ้มให้แฟนๆที่รักพวกเรา...และที่พวกเรารักครับ ถึงแม้เราจะเจ็บปวดเพราะพวกเขาก็ตาม”
เซฮุน...อย่าดราม่าขอร้อง...เจ้ไม่ค่อยชอบเลย
ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ถึงได้เล่าความในใจให้เธอฟังแบบนี้...เธอเป็นแฟนคลับของผมนะ...ผมไม่ควรจะเล่าให้แฟนคลับได้รับรู้เบื้องหลังสิ...แต่...
แต่ผมรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนนอกอีกต่อไป ผมรู้สึกเหมือนเธอเป็นพี่สาวของผม...เป็นพี่ในครอบครัวผมจริงๆน่ะ และ...เมื่อวันนั้นที่เธอช่วยปกป้องผมจากเพื่อนสองคนนั้น ผมก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้ปกป้องในฐานะแฟนคลับ แต่เธอปกป้องผมเหมือนที่ผมเป็นครอบครัวและเพื่อนมนุษย์ของเธอมากกว่า...มันตราตรึงผมมากจริงๆนะ
“ผมกับพี่ๆในวงร้องไห้กันมากกว่าที่เห็นผ่านจออีกนะครับ”
ไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมอยากเล่าให้เธอฟัง
“บนเวทีพวกเราสนุกและเล่นกันเหมือนเด็กๆ แต่หลังเวทีเราเหนื่อยและหอบฮักๆจนบางครั้งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ...ผมเหนื่อยจนร้องไห้ก็เคยมาแล้วครับ แต่พี่เชื่อมั้ย...แค่ผมได้ยินเสียงและเห็นแฟนคลับ ความเหนื่อยนั้นก็หายวับไปเลยครับ มันดูเหมือนพูดเว่อร์เนอะ...ไม่มาเป็นผมก็ไม่รู้หรอกครับ”
“แต่พวกนั้น...”
เธอพูดแล้วครับ เธอแทรกผมพูดแล้ว แต่ผมไม่ได้หันไปมองเธอหรอก
“เอ่อ...พี่ว่าบางครั้ง...แฟนคลับexoก็มากเกินไป...มากจนมีแฟนแย่ๆมากกว่าปกติ...เอ่อไม่รู้สิ...พี่ไม่อยากให้คนมากมายมารุมพวกนายแบบนั้นหรอกนะ”
พี่พูดแบบนี้แสดงว่าพี่ยอมรับแล้วว่าพี่เป็น...
“รู้มั้ยอะไรที่ทำให้พี่รู้จักexo”
ผมหันไปมองเธอ...และเห็นว่าน้ำตาเธอคลอครับ ใจผมเต้นเร็วทันทีเลย
“วันนั้นพี่ไปเที่ยวเกาหลีกับครอบครัวและบังเอิญว่าไปไฟท์เดียวกับพวกนาย...รู้มั้ยเจออะไร? พอถึงสนามบินอินชอนปุ๊ปพี่ถึงกับเดินไม่ถูก คนมากมาย มากเหลือเกิน...พี่เห็นนายนะ...”
เธอหัวเราะ
“แต่พี่ยังไม่รู้จักหรอกว่านายชื่ออะไร พี่รอให้พวกนายเดินไปก่อน และพี่ถึงได้เห็นว่าแฟนๆเขาทำอะไรกับพวกนาย...ตอนที่เห็นพี่ร้องไห้เลยนะ”
ผมตกใจครับ เธอร้องไห้ทำไม...ใช่ ตอนนี้น้ำตาเธอก็ไหล
“พี่สงสารพวกนายมาก...ทำไมต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวแบบนั้นด้วย แต่หลังจากกลับไปไทยแล้วพี่ก็เริ่มรู้จักและชอบพวกนายมากขึ้น มากจนกลายเป็นหนึ่งในคลื่นยักษ์ของเหล่าแฟนๆที่ไทย”
เธอยอมรับแล้วสินะ...
“แล้วพี่ก็ร้องอีกครั้ง”
หยุดร้องเถอะครับ ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว
“เพราะพี่เห็นแฟนๆเข้าไปรุมอีกแล้ว...พี่ก็โดน พี่โดนผลักจนล้มและร้องไห้จ้าเลย...ตอนร้องพี่แหกปากตะโกนด้วยนะ ว่าอย่ารุมได้มั้ยสงสารพวกเขา...มีหลายคนเลยที่ไม่ได้เข้าไปรุมเพราะเสียงพี่ ตลกเนอะ”
ตลกก็หัวเราะสิครับ อย่าร้อง
“และเมื่อพี่ได้เห็นรูปที่แฟนๆถ่าย เรื่องที่แฟนๆรู้เกี่ยวกับพวกนาย พี่ก็ยิ่งสงสาร บางครั้งก็ร้องไห้กับเพื่อน...อะไรจะรู้เยอะขนาดนั้น พวกนายจะได้พักและมีเวลาส่วนตัวบ้างมั้ย? พวกนายจะได้เป็นคนปกติๆกับเขาบ้างหรือเปล่า? พี่คิดแบบนี้อยู่ตลอดเลย พี่...พี่ไม่ชอบดราม่านะ”
เธอปาดน้ำตาทิ้งไปและเงียบอยู่นาน...ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ...
ความรักมากกมายที่เธอมีให้ผม...พวกผม...ผมรับมันมาเต็มๆ...ผมต้องทำยังไงดี ไม่เคยมีแฟนคลับคนไหนมาเปิดใจกับผมและผมเปิดใจกับเขาขนาดนี้...
“ขอโทษนะเซฮุน ที่พี่บังเอิญมาอยู่บ้านหลังนี้ ขอโทษนะเซฮุนที่พี่ทำตัวเป็นแฟนคลับโง่ๆ..ขอโทษจริงๆที่ทำให้ลำบากใจ”
“พี่อย่าคิดมากเลย พวกผมยังไม่คิดเท่าพี่เลยนะ” ผมทำได้แค่นี้แหละ “เวลาเห็นแฟนๆเราก็คิดอย่างเดียวเท่านั้นครับ พวกเขามาเพราะรักเรา...ผมไม่เคยโกรธแฟนๆเลยจริงๆนะ ผมลำบากมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่เคยเกลียดและนึกอยากให้แฟนเปลี่ยนวิธีหรือเปลี่ยนความคิดอะไรทั้งนั้นครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำผมรับได้หมดเลยจริงๆนะ พี่ไม่ต้องเสียใจหรอกครับ ผมไม่ยักกะรู้ว่ามีแฟนคลับที่สงสารพวกผมเวลาโดนรุมแบบนี้ด้วย...ผมขอบคุณมากจริงๆครับ”
เธอเงียบและหยุดร้องแล้ว
“เวลาส่วนตัวใครว่าผมไม่มี” ผมเริ่มเปลี่ยนบรรยากาศ “พี่รู้หรอว่าผมทำอะไรอยู่ในห้อง?”
เธอหัวเราะแล้ว
“พี่รู้หรอว่าผมกับพี่ลู่หานใครรุกใครรับกันแน่?”
เธอช็อคครับ ผมเลยระเบิดหัวเราะทันที
“ผมล้อเล่น! ผมเห็นแฟนๆชอบพูดกันเยอะในเน็ต ถึงขั้นแต่งนิยายเลยก็มี ผมเคยเข้าไปอ่าน...อย่ามองแบบนั้นสิ”
เธอเหมือนจะเชื่อในที่สิ่งผมเพิ่งพูดว่าล้อเล่นไป “ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ โธ่”
ฉันขนมไทยค่ะ ฉันเริ่มรู้สึกว่าเรื่องที่ยัยกรกตเล่ามันน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเธอเอาแต่บอกว่า “เหมือนคนทั่วๆไป เหมือนคนทั่วๆไป” เธออาจจะชินกับเซฮุนไปแล้ว แต่พวกเราที่อยู่ปลายทาง ณ ประเทศไทยยังอีกยาวไกลมากเลยนะ ถึงจะได้ยินเสียงเซฮุนแล้วแต่พวกเราก็ยังไม่ได้สัมผัสและคุยเหมือนยัยกรกต ฉันไม่ได้อิจฉาเธอนะ แต่ฉันแค่อยากให้เธอเล่าแบบตื่นเต้นๆเหมือนครั้งก่อนๆ มันทำให้ฉันกระชุ่มกระชวยเยอะกว่าน้ำเสียงง่วงเหงาหาวนอนของเธอตอนนี้เยอะ
“ฉันร้องไห้ต่อหน้าเขาไปได้ยังไง” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ถึงแม้เรื่องที่เธอเจอมาวันนี้มันจะน่าตกใจและตื่นเต้นมากจนฉันแทบจะทะลุโทรศัพท์ไปเขย่าคอมัน
“ขนมไทย มึงเปลี่ยนเมนเถอะ”
“ทำไม”
“เปลี่ยนไปเป็นเซฮุน เขาดีมากเลยนะ เขาดีมากจริงๆ เปลี่ยนจากลู่หานมาเป็นเซฮุนเถอะขนมไทย ขอร้อง...”
“ขอโทษจริงๆวะ กูให้ใจไปกับคนแมนอย่างพี่ลู่ไปหมดแล้ว มึงก็เปลี่ยนสิ”
“ไม่ได้วะ...ชานยอลแม่งดึงหัวใจกูไปหมดเลย...แล้วจะให้มองเซฮุนเป็นไอดอลตอนนี้คงจะลำบากซักหน่อย... แม่ง ไปร้องไห้ต่อหน้าเขาแบบนั้นได้ไงวะกูเนี่ย เซฮุนดูตกใจมากเลยนะ ตอนเล่าอะ...รู้มั้ยว่าไม่ได้นึกถึงเซฮุนเลย...ฉันนึกถึงหน้าชานยอลตลอด เลวมั้ยวะมึง”
“เลวอะไรละ ตอนนี้มึงกับเซฮุนน่ะเป็นเพื่อนกันไปแล้วจะให้มองเพื่อนเป็นไอดอลที่แตะต้องไม่ได้แบบนั้นคงไม่ไหวหรอก”
“นั่นสิ ถ้ากูลองนึกภาพยัยจีจี้เป็นไอดอล...โอ้ยยย กูก็ยังมองมันเป็นไอดอลไม่ได้จริงๆอ่ะ มันแรดเกินจะเป็นไอดอลได้”
“นั่นแหละ ก็เหมือนมึงกับเซฮุนตอนนี้”
“อื้อ แต่ปุปปับมันเร็วมากเลยนะที่กูสนิทกับเซฮุนเนี่ย ต้องขอบใจเพื่อนเลวๆของเซฮุนจริงๆ”
“ว่าแต่...ไม่แทนเขาว่าไข่มุกแล้วหรอ”
“เออ กูลืม...แต่เซฮุน...ไข่มุกคงไม่โกรธกูหรอก”
“แล้วมีโมเม้นอะไรอีกบ้าง?”
“วันนี้ก็...แค่นั้นแหละ นั่งดูหนังด้วยกัน”
“เล่าได้ห่อเหี่ยวมากเลยค่ะเพื่อน ทั้งๆที่มันน่าตื่นเต้นจนแทบดิ้นไปกับพื้น”
“อื้อใช่ กูก็รู้สึกแบบนั้นวะ กูได้นั่งดูหนังกับไอดอล...แต่กูกลับรู้สึกเหมือนนั่งดูหนังกับน้องชายที่บ้านเลย...”
“มึงอย่าเอาเซฮุนไปเทียบกับน้องเกรียนๆของมึงเด็ดขาดยัยกรกต”
“เอ่อะ! กูขอโทษ กูลืมไปวะ ถ้าเจอน้องกูฝากบอกว่าพี่มันคิดถึงด้วยนะเว้ย”
ผมนอนเล่นคาคาโอกับจงอินเล่าเรื่องที่ผมกับพี่เซนาเปิดใจกันให้มันฟังด้วย มันได้แค่ส่งสติ๊กเกอร์มาแทน ผมรู้ว่ามันไม่ถนัดเรื่องดราม่า ผมแอบขำเล็กน้อย แล้วจู่ๆมันก็เปลี่ยนเรื่องชวนผมไปดูหนังในวันพรุ่งนี้แทน
“ไปๆ” ผมพิมพ์ตอบกลับไป “แต่ว่ากูชวนพี่เซนาไปด้วยนะ พรุ่งนี้เธอไม่มีเรียนพอดี”
“เฮ้ย! มึงจะชวนแฟนคลับไปดูหนังกับพวกเราเนี่ยนะ?”
“แต่กูคิดว่าพี่เขาไม่มองพวกเราเป็นไอดอลหรอก...อาจจะเห็นแค่เด็กผู้ชายด้วยซ้ำ”
“กับมึงแค่คนเดียวสิ! เธอยังไม่เคยเจอกูเลยนะเว้ย”
“แต่พี่เขาเป็นพี่กูนะจงอิน อีกอย่าง...พี่เขาไม่เมนมึงหรอก”
พูดไปเหมือนจะมั่น...แต่จริงๆแล้วผมไม่แน่ใจ...ว่าใครเป็นเมนพี่เขากันแน่...
“........โอเค ได้ๆ แล้วแต่มึงละกัน กูเองก็อยากรู้จักเธอเหมือนกัน”
“อ่าฮะ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”
“เออ”
ความคิดเห็น