คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แดนสอง
คืนเดียวกัน...
ลอดผ่านจากประตูรั้วโรงเรียนเข้ามาจะเจอกับกำแพงใหญ่หรือที่เรียกกันว่าป้อมปราการ ซึ่งเป็นของเขตแดนที่หนึ่งและเป็นที่เรียนของเหล่าอัศวิน ถัดไปจากแดนหนึ่งจะเป็นเขตวัง ที่ซึ่งมีเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชายอาศัยและเรียนอยู่...
แต่ถ้าเดินห่างออกไปหลายกิโลเมตรจะพบเข้ากับป่าอันหนาทึบ และถ้าตรงไปทางทิศเหนือเรื่อยๆจนพ้นเขตของป่าทึบจะพบกับทะเลอันกว้างขวาง...
ทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา...
แต่ถ้าไปทางทิศตะวันตก เมื่อเดินไปทางทิศตะวันตกจนพ้นเขตป่าทึบจะพบเข้ากับพื้นที่โล่งกว้างแทน...
มันเป็นพื้นที่ที่มีบรรยากาศขมุกขมัวหมองมน...ดูอันตรายและน่าขนลุกกว่าในป่าหลายเท่า... แถมพื้นที่ตรงนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างบดบังแสงแดดจากดวงอาทิตย์เลยทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูมืดทึบอยู่ตลอดทั้งวัน...
แต่สิ่งที่น่าตกใจไปมากกว่าบรรยากาศอันเย็นเยือกนั้นก็คือป้ายหลุมศพมากมายที่ปักไว้บนพื้นดิน...
สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นสุสานของคนตายนั่นเอง...
มีป้ายหลุมศพมากมายปักไว้ระเกะระกะเหมือนไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเท่าไหร่นัก... และบางป้ายเก่าเขรอะและหลุดลุ่ยหรือเอียงกระเทเร่ ดูแล้วชวนขนลุกขึ้นไปอีกหลายเท่า...
“แฮ่ก..แฮ่ก” เสียงของชายหนุ่มคนนึงหอบอยู่ในป่าและเขาเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปยังทิศตะวันตก มุ่งหน้าไปยังสุสานคนตาย...
เขาคนนั้นก็คือลู่หาน... เจ้าชายแห่งเลือดนั่นเอง
ลู่หานบาดเจ็ดหนัก...ทั้งหลังเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาถอดเสื้อทิ้งและนั่นยิ่งทำให้ตัวของเขาดูน่ากลัวขึ้นไปอีก เลือดทั้งที่สดและทั้งที่แห้งแล้วเกาะหลังเขาเต็มไปหมดและมันยังไหลลงมาเรื่อยๆอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย...
ลู่หานตาพร่าเลือนจากการเสียเลือดนิดหน่อยแต่สติเขายังปกติดี ระหว่างที่เขาวิ่งอยู่เขาก็ยิ้มและหัวเราะมาตลอดทาง...
ในหัวเขาตอนนี้มีมากหลากหลายเรื่องเหลือเกิน เขาแทบจะรอวันที่เขาจะลงมือทำอะไรบางอย่างไม่ไหว และเขาก็รู้สึกตื่นเต้น...ที่จะได้เจอเธอคนนั้น
เธอคนที่แตกต่างไปจากคนอื่น... เธอคนที่มีอัศวินแค่เพียงหนึ่งเดียว เธอคนที่มีดวงตาที่สามารถดึงดูดเขาได้มากขนาดนี้...
ความจริงเขาไม่ได้อยากจะจู่โจมเธอกะทันหันแบบนั้นเลย... แต่เขาห้ามใจตัวเองไม่อยู่จริงๆ... เขาเองยังแปลกใจเลยที่จู่ๆก็เข้าไปจูบเธอแบบนั้น... แถมยังรู้สึกอยากทำมากกว่านั้นอีกต่างหาก...
ลู่หานแสยะยิ้มเมื่อนึกภาพตามในหัว และในที่สุดเขาก็โผล่พ้นเขตป่าและมายืนอยู่ที่สุสานคนตาย...
ลู่หานมองไปรอบๆสุสานพลางยิ้มมุมปาก “เหอะ...บรรยากาศดีจริงๆ”
เขาลากร่างตัวเองไปตามสุสานและตาเริ่มพร่ามัวมากขึ้น ถ้าเขาไม่รีบตอนนี้ เขาอาจจะหมดแรงและอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป... เขาต้องเร่งฝีเท้าหน่อยล่ะ...
ลู่หานเดินสะเปะสะปะ เขาออกตัววิ่งบ้างเมื่อมีแรง แต่จู่ๆขาของเขาก็ดันไปเหยียบเข้ากับหลุมศพนึงเข้า โดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ
“เชี่ยล่ะ...” ลู่หานอุทานพร้อมรอยยิ้ม “ซวยแล้วไงลู่หาน...”
ทันใดนั้นเองมือเน่าๆข้างนึงโผล่พ้นพื้นดินและจับเข้าที่ข้อเท้าของลู่หาน!
ลู่หานรีบสะบัดมือนั่นออกจากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งทันที
มือนั่นค่อยๆตะเกียจตะกายขึ้นมาจากหลุมและเผยให้เห็นร่างเน่าๆทั้งร่างที่กำลังโกรธเคือง...ร่างนั้นคำรามใส่ร่างคนที่มาเยือนในยามวิการอย่างลู่หานดังก้องทั่วสุสาน และมันก็ค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นก็เดินตามลู่หานด้วยขาเน่าๆและไม่เป็นทรงของมัน... ปัจจุบันร่างเน่านั้นถูกเข้าใจกันในนาม ซอมบี้...
ลู่หานเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ถึงแม้เขาจะรู้แล้วว่าซอมบี้นั้นอืดอาด แต่ถ้าโดนมันจับตัวได้ในสภาพแบบนี้ เขาเองก็คงไม่รอดและอาจจะลงไปนอนตายในหลุมเป็นเพื่อนเจ้าพวกนี้แน่ๆ
ลู่หานไม่ได้วิ่งไปมั่วแต่เขากำลังมุ่งไปทางตึกร้างแห่งหนึ่ง
ถัดไปจากสุสานของซอมบี้นี้จะมีตึกร้างแห่งหนึ่งเป็นรูปทรงกลมและมีกำแพงเหล็กเก่าๆล้อมรอบ ลู่หานกำลังวิ่งตรงไปทางนั้นและมุ่งไปที่ประตูของกำแพง
ซอมบี้ตัวนั้นไล่ตามเขามาเรื่อยๆ แต่ประเด็นคือมันเดินไม่ดูทางเลย มันเหยียบไปที่หลุมศพหลายหลุมและแต่ละหลุมก็จะมีซอมบี้ตัวใหม่โผล่ออกมาเรื่อยๆ...
ตอนนี้มีซอมบี้สิบๆตัวกำลังตามล่าลู่หานอยู่
แต่ลู่หานก็ยังพอมีแรง เขาวิ่งห่างออกมาไกลจากพวกมันพอสมควร และเขาก็ถึงหน้าประตูแล้วด้วย
“หวัดดีพวก!!” ลู่หานทุบประตูพร้อมตะโกนดังลั่น “เปิดประตูให้ฉันหน่อย!! เร็วเข้า!!”
ไม่นานประตูกำแพงก็เปิดออกและลู่หานก็ดันตัวเองเข้าไปทันทีจากนั้นเขาก็กดปุ่มปิดจากข้างใน
ลู่หานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาลืมเรื่องที่เลือดท่วมตัวไปซะสนิท กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนเข้ามาในตัวอาคารแล้ว...
ในอาคารดูเก่าเหมือนไม่ได้ถูกดูแล ชั้นล่างมีแต่ชั้นหนังสือและหนังสือหลายเล่มวางกองอยู่ที่พื้นเต็มไปหมด ลู่หานเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองและเจอเข้ากับเตียงคนไข้ที่มีคนตายนอนอยู่หลายเตียง... กลิ่นคละคลุ้งเต็มไปหมด เขาต้องกลั้นหายใจและเดินขึ้นไปชั้นสาม...
เมื่อมาถึงชั้นสามก็เจอเข้ากับประตูหนาที่อยู่ตรงหน้าทันที...เขาผลักประตูเข้าไปและพบกับแสงสว่างของหลอดไฟ ภายในห้องดูสะอาดกว่าชั้นอื่นๆแต่ที่สะดุดตากว่าความสะอาดก็คือ ตู้กระจกทรงกระบอกกลมที่มีน้ำเขียวๆลอยอยู่ในนั้นจนเต็มและมีร่างของทั้งผู้หญิงผู้ชายยืนอยู่ในกระจกนั้น แถมมันยังมีเป็นสิบกว่าอันอีกด้วย...
“สวัสดีลู่หาน” เสียงคุ้นหูของชายหนุ่มลอยเข้ามา เจ้าของเสียงโผล่ออกมาจากหลังตู้กระจก เขาใส่แว่นและสวมเสื้อกราวด์สีขาวสะอาด ในมือเขาถือกรรไกรที่มีรอยเลือดแห้งๆติดอยู่... “นั่นนายไปโดนจระเข้ไล่งับมาอีกแล้วหรอ...บอกแล้วไงว่าอย่าเลี้ยงสัตว์อันตรายแบบนั้นไว้ ฉลามยังเลี้ยงง่ายกว่ามันเยอะ”
“อย่าเพิ่งบ่นตอนนี้ได้มั้ยจงแด” ลู่หานว่าพลางเดินไปหาแพทย์ประจำตัวที่ชื่อว่าจงแด... “ทำแผลให้ฉันหน่อยสิ”
“เข้ามานั่งนี่เลย” จงแดบอกให้ลู่หานเดินตามเขาไป เขาเดินไปหลังตู้กระจกและพบกับเตียงคนไข้สามเตียง มีอยู่เตียงเดียวที่ว่าง นอกนั้นมีทั้งหัวทั้งแขนและขาของมนุษย์วางระเกะระกะอยู่
ลู่หานเดินไปนั่งบนเตียงว่างและหันหลังให้จงแด...
จงแดยกอุปกรณ์ออกมาวางไว้บนเตียงและเริ่มล้างแผลให้ลู่หาน
“ไม่ต้องใช้ยาชานะ” ลู่หานบอก “ฉันชอบแบบธรรมชาติน่ะ...” แล้วเขาก็แสยะยิ้ม
“เออ” จงแดจัดการราดยาฆ่าเชื้อใส่หลังลู่หานไปเต็มๆ เขาสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมา “ฉันรู้ว่านายมันซาดิสแค่ไหน อยู่กันมาตั้งกี่ปีแล้ว...นายเคยขอให้ฉันใช้ยาชาครั้งเดียวเท่านั้นแหละ...ครั้งที่ต้องถอนฟันคุดน่ะ”
“แหม...” ลู่หานยิ้ม “อันนั้นมันวาดเสียวออกนี่นา แถมจะให้ฉันสลบไปมันก็ดูเว่อร์ไปหน่อยด้วย...”
“เออ...แล้วแต่นายเถอะ...อยู่นิ่งๆนะฉันกำลังจะเย็บละ...”
“นิ่งอยู่แล้ว...กำลังรอเลย”
คืนเดียวกัน...
ณ เขตวัง...
ซูโฮยืนยันว่าจะอยู่ด้วยกันกับฟีโอน่าทั้งคืน เขารู้สึกผิดมากที่จู่ๆก็วิ่งออกไปและปล่อยให้เธอเผชิญกับเรื่องราวที่โหดร้ายแบบนั้น เขาไม่ให้อภัยตัวเองพอๆกับชานยอลเลย
ชานยอลเองก็ยืนยันและบอกชัดเจนมากกว่าจะเฝ้าหน้าประตูห้องให้ทั้งคืน และเขาจะไม่ยอมให้ซูโฮออกไปจากห้องด้วย สุดท้ายแล้วฟีโอน่าก็ต้องยอมสองคนนี้ เพราะเธอมีแค่เสียงเดียว...
ระหว่างที่ซูโฮกำลังชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำชานยอลก็เข้ามาอยู่ในห้องเป็นเพื่อนฟีโอน่า เขาดูเป็นห่วงเธอมากจริงๆ...
“อย่าเว่อร์ได้มั้ย” ฟีโอน่าฝืนหัวเราะออกมาทั้งๆที่เธอเองก็ยังตกใจกับเหตุการณ์ในคืนนี้ไม่หาย “นายไม่ต้องทำหน้าเครียดตลอดเวลาแบบนั้นก็ได้ กับแค่เสียงลมนิดๆหน่อยๆจากหน้าต่างไม่ต้องสะดุ้งและจับดาบทุกครั้งไปหรอกนะชานยอล”
ชานยอลลดมือที่กำลังจับด้ามดาบไว้แต่สีหน้าเขายังคงตึงเครียดไม่หาย “ผม--”
“บอกว่าไม่ต้องพูดสุภาพกับฉันไง!” ฟีโอน่ารีบแทรก
“ครับ...เอ่อ...อืม...” ชานยอลเลิกลั่กสีหน้ายิ่งเครียดไปกว่าเดิม “...เหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจจะไม่เกิดเร็วๆนี้หรือคืนนี้ก็จริงอยู่...แต่...แต่ฉันก็อดห่วงไม่ได้...” เขามองเธอ “เรื่องเมื่อกี้มันทำให้ฉันระแวงไปหมด...”
“แล้วจะทำยังไงนายถึงจะเลิกระแวง?” ฟีโอน่าถาม “คิ้วของนายจะติดกับเป็นโบว์แบบนั้นตลอดทั้งคืนไม่ได้นะ...”
ชานยอลถอนหายใจและคิ้วเขายิ่งติดขึ้นไปอีก “เธอไม่ต้องมาเครียดเรื่องของฉันหรอก...ทำใจให้สบายแล้วนอนหลับซะ”
“ไม่ได้!” ฟีโอน่าตอบ “ถ้าคิ้วนายยังไม่ยอมห่างกัน ฉันก็นอนหลับไม่ได้หรอก!”
“แต่ว่า--”
“นี่แหนะ!” ฟีโอน่าจิ้มไปที่หน้าผากตรงกลางระหว่างคิ้วของชานยอลพอดี “ห่างกันซะ...ห่างออกไปหน่อย ห่างออกไปอีกนิด... ห่างกันซักพัก ห่างกันซักพัก...มันคงจะดีซะกว่า ไม่ได้ถือสา...” เธอเริ่มร้องเพลง...
ชานยอลเกือบเผลอยิ้มออกแล้วมาแต่ยังเก็บอาการไว้ทันคิ้วเขายังติดกันเหมือนเดิม “ไม่เอาหน่า...ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาเครียดเลยนะฟีโอน่า...” เขาจับข้อมือเธอและเอามันออกไปจากหน้าผากเขา “เจ้าชายอาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่ เธอต้องรีบเข้าไปอาบน้ำต่อและทำให้เร็วๆออกมาให้ไวที่สุดด้วย...”
“ฉันอาบน้ำเร็วไม่เป็นหรอก” ฟีโอน่าดึงมือตัวเองกลับมา “แต่ถ้านายอยากให้ฉันอาบเร็วๆ...” เธอส่งสายตาแบบมีเลศนัยให้ชานยอล “นายก็เข้าไปอาบให้ฉันสิ...” เธออยากแกล้งให้ชานยอลหายเครียดด้วยการทำให้เขาเขินแทน
ชานยอลหน้าแดงทันทีแต่เขาพยามตีหน้าเครียดต่อไป “พูดอะไรของเธอน่ะ...”
“ก็เข้าไปอาบให้ฉันไง” เธอเขยิบเข้าไปใกล้เขา “เข้าไปสระผมให้ฉัน...”
ชานยอลหน้าแดงกว่าเดิมแต่คิ้วยังไม่ยอมห่างกัน
ฟีโอน่าพูดต่อ “เข้าไปบีบสบู่ใส่ฟองน้ำ...” เธอฉวยมือชานยอลขึ้นมาและทำท่าบีบสบู่ใส่ฝ่ามือเขา “หรือจะบีบใส่มือเปล่าๆ...แล้วก็ถูหลังให้ฉัน...”
ชานยอลเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ ในหัวเขามีแต่ภาพที่เธอกำลังบอกให้เขาจินตนาการ... เขารู้ว่าเธอล้อเล่นแต่มันก็อดนึกภาพตามไม่ได้...
ฟีโอน่าหันหลังให้ชานยอล “นี่ไง ลองถูดูสิชานยอล...”
ชานยอลกลืนน้ำลายคงคอและมองแผ่นหลังบางของเธอตรงหน้า...
“รออะไรอยู่ล่ะ...” ฟีโอน่าเขยิบเข้าไปใกล้อีก “รีบๆถูสิ...หรือจะให้ฉันถอดเสื้อออกก่อน?” แล้วเธอก็ทำท่าเหมือนจะถอดจริงๆ
“บ้าหรอ!” ชานยอลร้องเสียงดัง “หยุดแกล้งฉันได้แล้วหน่า...กับแค่อาบน้ำเร็วๆไม่เห็นต้องให้ใครไปช่วยอาบให้เลยนี่นา...ฉันยังอาบน้ำเร็วๆได้ด้วยตัวเองเลย...”
“หรอ?” ฟีโอน่าหันหน้ามาให้เขาและยิ้มกว้าง “ถามจริงๆ...ถ้าฉันบอกว่านี่คือคำสั่งของเจ้าหญิงนายจะทำไหม?”
ชานยอลมองหน้าเธอและเขาคิดว่าเธอคงกำลังล้อเล่นอีกตามเคย “ถ้าเป็นคำสั่ง...ฉันก็ขัดไม่ได้...คงต้องทำตามอย่างเดียวน่ะ...” พูดไปแบบนั้นเขาเองก็อดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้
ฟีโอน่าตีเขาไปที่แขนทันที “นายมันก็เหมือนพวกผู้ชายทั่วๆไป เชอะ” แล้วเธอก็สะบัดหน้าหนี
“เอ้า” ชานยอลยิ้มขำ “ก็เธอบอกว่ามันเป็นคำสั่งของเจ้าหญิงนี่...อัศวินอย่างฉันต้องทำตามสิ มีที่ไหนที่อัศวินขัดคำสั่งของเจ้าหญิงน่ะ...โทษประหารเลยนะนั่น”
“ไม่ต้องเอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาอ้างเลย” ฟีโอน่าว่า “จะเป็นอัศวิน เจ้าชาย หรือ จอมมาร ผู้ชายก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ...”
“อะไรเนี่ย” ชานยอลเดินไปข้างหน้าเธอ หน้าเขาบานไปด้วยรอยยิ้ม “นี่งอนหรอ? ฉันก็ตอบตามความเป็นจริงไปนะนั่น เธอถามมาเองนี่นาว่าเป็นคำสั่งแล้วจะทำยังไง... แถมมันมีอยู่ในข้อสอบด้วยนะ...ระหว่างความเป็นสุภาพบุรุษกับคำสั่งของเจ้าหญิง คำตอบที่ถูกต้องคือเลือกคำสั่งของเจ้าหญิง ฉันผิดเต็มๆเลยเพราะดันไปตอบข้อสุภาพบุรุษ...”
“นั่นคือประโยคง้อของนายหรอ?” ฟีโอน่ามองหน้าเขาโกรธๆ “อัศวินที่ฉันต้องการคืออัศวินที่เป็นทั้งสุภาพบุรุษและเป็นคนดี!”
“เฮ้ย” ชานยอลจะหัวเราะแล้ว “ไอเรื่องสุภาพบุรุษฉันก็เป็นนะแต่มันไม่ได้อยู่ในหลักสูตรการเรียนไง...แล้วที่ฉันตอบไปเมื่อกี้คือฉันตอบไปตามที่เรียนมา...แล้วฉันก็เป็นคนดีด้วยนะฟีโอน่า..ฉันว่าเธอกำลังงอนเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว”
ระหว่างนั้นซูโฮออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาออกมาในสภาพที่มีชุดคลุมอาบน้ำและกำลังเช็ดผมให้แห้ง ฟีโอน่าวิ่งไปหาเขาและหลบหลังเขาทันที เธอฟ้องซูโฮ “ชานยอลทะลึ่งอ่ะซูโฮ! เขาบอกจะเข้าไปช่วยฉันอาบน้ำด้วย!”
ชานยอลถึงกับตาโตและอ้าปากกว้างทันที แต่สีหน้าเขายังอมยิ้มอยู่ “ผมไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะครับเจ้าชาย!”
“โกหก!” ฟีโอน่าเกาะหลังซูโฮและโต้ตอบชานยอลกลับไป “นายเพิ่งจะบอกว่าอยากให้ฉันอาบน้ำเร็วๆและออกมาไวๆ อย่ามาเฉไฉไปเรื่องอื่นด้วย!”
ชานยอลมองหน้าซูโฮและส่ายหน้าอย่างแรง “ผมไม่ได้พูด...เอ่อ...ผมพูดก็จริงแต่ไม่ได้จะเข้าไปช่วยอาบน้ำให้จริงๆนะครับ! ความจริงแล้วเธอเป็นคนสั่งให้ผมเข้าไปเองต่างหาก!”
“นั่นไง!” ฟีโอน่าเถียงทันควัน “นายกำลังโยนความผิดในฉัน! นายกำลังจะเฉไฉแล้ว!”
“ไม่นะครับ!” ชานยอลโบกมือปฏิเสธ “ผมไม่ได้โกหกจริงๆนะครับ”
“อย่าไปเชื่อเขานะซูโฮ!” ฟีโอน่าพูด “เขามันโกหก ฉันเป็นผู้หญิงนะ ฉันเสีย--”
“พอได้แล้วฟีโอน่า” ซูโฮหันไปทำหน้ารู้ทันใส่เธอ “เลิกเล่นแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้นอนกันซักที นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย เอ้อ...ถ้าให้ดีก็อาบน้ำให้มันเร็วๆเหมือนที่ชานยอลเขาบอกด้วยละกัน”
ชานยอลหันไปหัวเราะคนเดียวเหมือนคนชนะ ฟีโอน่าหมั่นไส้ เธอจึงฉวยผ้าเช็ดผมของซูโฮไปและปามันใส่หัวชานยอล ก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่และเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟีโอน่าเข้าไปในห้องน้ำชานยอลจึงขอตัวออกไปเฝ้าหน้าประตูทันที เขาคงไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องอีกต่อไปเพราะซูโฮได้อยู่ในนั้นแล้ว
ระหว่างที่ฟีโอน่าอาบน้ำอยู่ซูโฮก็เอาแต่ตะโกนถามเธอว่าถึงไหนแล้ว สระผมหรือยัง ถูตัวเสร็จหรือยัง แปรงฟันล้างหน้าหรือยัง...
มันดูเหมือนเขาเป็นคนจู้จี้จุกจิกก็จริงแต่เขาอยากได้ยินเสียงเธอเป็นระยะๆ เขากลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีก...
เหตุการณ์ในคืนนี้มันยังส่งผลให้เขาช็อคไม่หาย... ถ้าร่างของเจ้าหญิงที่ไปติดบนเพดานนั้นไม่ใช่ร่างของเจ้าหญิงเบลล์แต่เป็นฟีโอน่าแทน เขาต้องรู้สึกผิดจนต้องลาออกไปจากโรงเรียนนี้ไปแน่ๆ... เขาไม่สามารถทนอยู่ได้หรอกถ้าไม่มีฟีโอน่าอยู่ด้วย...
ไม่นานฟีโอน่าก็ออกมาจากห้องน้ำอย่างปลอดภัย ชานยอลแอบตะโกนเข้ามาถามเหตุการณ์จากหน้าห้องด้วยอีกคน ...
ในที่สุดก็ถึงเวลานอน
“นายนอนข้างล่างนะซูโฮ” ฟีโอน่าบอกระหว่างคลานขึ้นไปบนเตียงที่มีซูโฮนอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ “นายนอนบนพื้น”
“อะไรกัน” เขาลดหนังสือลงและทำหน้าไม่พอใจนิดหน่อย “เตียงก็ออกจะกว้างขวาง จะไล่ฉันลงไปนอนพื้นทำไม”
“นี่ก็ไม่เข้าใจคำว่าสุภาพบุรุษอีกคน...” ฟีโอน่าบ่น “นายไม่เคยดูละครหรอไง เวลานางเอกกับพระเอกต้องนอนด้วยกัน พระเอกมักจะออกไปนอนบนโซฟาหรือไม่ก็บนพื้นนะ”
“หา?” ซูโฮทำหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมต้องลำบากตรากตรำขนาดนั้นด้วย? แถมนอนบนโซฟามันเสียสุขภาพมากๆเลยด้วย ละครสมัยนี้ดูไม่สมจริงเลยนะ เธอเลิกดูไอของแบบนั้นได้แล้วฟีโอน่า”
“จะบ้าหรอ!” ฟีโอน่าใช้หมอนตีเขาเบาๆ “นายลงไปเลยนะซูโฮ ฉันไม่ยอมให้นายนอนด้วย!”
“ก็บอกเหตุผลมาสิว่าทำไม!” เขายิ่งทำหน้างงขึ้นไปอีก
ฟีโอน่าถอนหายใจยาวก่อนตอบ “เผื่อนายลุกขึ้นมาทำอะไรไม่ดีกับฉันไงยะ!”
ซูโฮหน้านิ่งไปซักพักเหมือนกำลังใช้ความคิดแล้วพอเขาคิดออก เขาก็หัวเราะลั่นห้องทันที ชานยอลที่อยู่หน้าห้องถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เขาพูดใส่เธอ “ฉันเนี่ยนะจะทำอะไรเธอ?! ฉันเป็นเจ้าชายนะฟีโอน่า! ฉันไม่ล่วงเกินผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วยกันแน่นอน! ฉันเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผู้ชายทั่วโลกรวมกันอีก!”
“มั่นใจมากกกกก” ฟีโอน่าลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้ “นายน่ะหล่อที่สุด เป็นคนดีที่สุด แมนที่สุดแล้วซูโฮ!”
“แน่นอน” เขาคิดว่านั่นคือคำชมจริงๆ “เพราะงั้นนอนเถอะ...” แล้วเขาก็กางหนังสือขึ้นมาใหม่ด้วยความสบายใจ
ฟีโอน่าเชอะใส่เขาก่อนจะล้มตัวลงนอนแบบหันหลังให้เขา เธอยื่นมือไปปิดโคมไฟฝั่งตัวเองและหลับตาลง...
ไม่นานหลังจากที่เธอหลับตาลง ซูโฮก็ปิดหนังสือวางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียงและปิดโคมไฟตัวเองลงเช่นกัน “เธอรู้ใช่มั้ย...” เขาพูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง...ฟีโอน่าที่กำลังจะหลับได้ยินชัดเจนดี “เธอไม่ต้องตั้งใจฟังก็ได้......ฉันจะพูดไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะหลับ เธอจะได้ไม่เหงา...คิดซะว่าฉันกำลังเล่านิทานให้ฟังละกัน” เขาเว้นช่วงไปแปปนึง “ทันทีที่พ่อกับแม่ฉันส่งให้ฉันมาเรียนที่นี่คนเดียว ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทิ้งทันที...ตอนนั้นฉันก็คิดนะว่าทำไมพี่ชายของฉันถึงไม่ต้องจากพ่อแม่มาเหมือนฉัน...ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องแยกตัวออกมาด้วย...ทำไมต้องเป็นฉันที่พิเศษไปกว่าคนอื่นๆ...ฉันไม่ได้ต้องการมันเลยด้วยซ้ำ...วันแรกที่เข้ามาเรียนฉันก็อยากกลับบ้านทันที ยิ่งตอนพ่อกับแม่กลับบ้านไปฉันยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้...ฉันเคว้งคว้างเหมือนคนไร้ญาติ...แต่พอมาถึงวันประกาศคู่เจ้าหญิงและเจ้าชายที่จะได้คู่กันไปจนจบภาคเรียน ฉันก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นบ้าง...ฉันเริ่มอยากรู้ว่าเจ้าหญิงของฉันเป็นใคร” ซูโฮหัวเราะเล็กน้อย “ปรากฏว่าเจ้าหญิงของฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่กำลังถือขนมปังเต็มไม้เต็มมือ...เต็มปากด้วย...ฮ่าๆๆ ตอนนั้นฉันผิดหวังในตัวเธอมากเลยนะ...แต่ใจฉันกลับรู้สึกพองโตอย่างบอกไม่ถูก...หลังจากที่ได้รู้จักกับเธอมากขึ้น ฉันก็เริ่มกล้าที่จะตักเตือนเธอในเรื่องต่างๆ...อย่างพวกมารยาท...การวางตัว ท่าเต้นรำ...ฉันมัวแต่ตักเตือนเธอจนกระทั่งฉันลืมเรื่องเศร้าไปจนหมด...ทุกๆวันที่ฉันอยู่กับเธอฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีความหมาย...และยิ่งนานไปฉันก็เริ่มมีความฝัน...ฉันอยากเดินจับมือเธอไปจนสุดท้าย...ฉันอยากให้ตัวเองทำอะไรเพื่อเธอได้บ้าง...และแล้วการคัดเลือกตัวแทนเปิดพิธีงานประลองก็ลอยเข้ามาในหัวของฉัน...ฉันไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหลงไปกับความฝันนั้นไปมากเกินไป... ลืมไปเลยว่าความฝันนั้นมันเกิดมาจากอะไร... ลืมไปสนิทเลยว่าฉันทำเพื่อใคร” ซูโฮหันไปมองแผ่นหลังของเธอด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก “ฉันขอโทษนะ...แต่หลังจากนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะอยู่ข้างกายเธอเสมอ และความฝันของฉันจะไม่มีวันเป็นจริง...ถ้าไม่มีเธอ...”
ซูโฮคิดว่าฟีโอน่าหลับแล้ว... เขายื่นมือออกไปสัมผัสผมอันเนียนนุ่มของเธอแล้วยิ้มให้แผ่นหลังบาง “ฉันคงจะอยากให้เธอมาเป็นเจ้าหญิงของฉันจริงๆซะแล้วล่ะฟีโอน่า...เจ้าหญิงที่พร้อมจะเป็นควีนของฉันด้วย”
ไม่นานเขาก็หลับตามเธอไป...
ตีสาม...ของคืนเดียวกัน...
“ใจเย็นๆ...ฉันไม่ได้มาทำร้ายเธอ” เสียงอันทุ้มต่ำของชายหนุ่มร่างสูงบอกกับร่างบางอย่างฟีโอน่าที่กำลังตื่นตกใจ
จู่ๆก็มีคนมาปลุกเธอให้ตื่นและเมื่อเธอตื่นก็เห็นสภาพตัวเองโดนมัดมือมัดเท้าและโดนปิดปากด้วยเทปกาวเรียบร้อยแล้ว มีเพียงตาอันเบิกกว้างของเธอเท่านั้นที่เป็นอิสระ
ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มให้เธอและเหมือนพยายามปลอบประโลมให้เธอหายตกใจ “ฉันเป็นคนจากแดนสอง...ไม่ต้องกลัวฉันเป็นฝ่ายดีน่ะ ไม่ได้มาร้าย แต่เธอช่วยเงียบๆแล้วมากับฉันหน่อยนะ...แปปเดียวจริงๆ”
ชายหนุ่มจัดการยกร่างเธอขึ้นมาและแบกไว้บนบ่าอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำและเปิดหน้าต่างจากนั้นก็กระโดดลงจากหน้าต่าง ฟีโอน่ากรีดร้องในใจและหลับตาปี๋ด้วยความตกใจเพราะเขาเล่นโดดจากความสูงหลายเมตร
ฟีโอน่าพยายามดิ้นให้ร่วงจากบ่าของเขาแต่มันแทบไม่ส่งผลอะไรเลย เขาร่างใหญ่เกินกว่าที่คนอย่างเธอจะต่อกรได้ เขาวิ่งแบกเธอไปเรื่อยๆและคอยหลบซ่อนอัศวินที่เข้าเวรยามเฝ้าสถานที่ไว้ เขาหลบเก่งด้วย แถมฝีเท้าเขาเบาจนเหลือเชื่อ...
เมื่อพ้นจากสายตาอัศวินเขาก็วิ่งตรงไปทางประตูโรงเรียน
ฟีโอน่ามองเขตวังที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ
ชายหนุ่มวิ่งมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงกำแพงของแดนหนึ่ง เขาอ้อมไปค่อนข้างไกลเพื่อหลบสายตาของอัศวินแถวนี้ เมื่อไกลได้ที่แล้วเขาก็วางร่างของฟีโอน่าลงบนพื้นเบาๆก่อนจะหยิบตะขอเกี่ยวเพื่อใช้ปีนกำแพงออกมาจากกระเป๋า
เขาเหวี่ยงตะขอขึ้นไปและมันติดตรึงกับกำแพงพอดี
“เราจะออกไปจากโรงเรียนกัน ไม่ต้องห่วงนะเธอจะปลอดภัย...” เขาบอกฟีโอน่าและกำลังจะแบกเธอขึ้นบ่าอีกรอบ ฟีโอน่าเขยิบห่างออกไปและทำหน้าไม่ไว้ใจเขาสุดกำลัง ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะบอกให้ชัดเจนกว่านี้ว่าเขาไม่ได้มาร้ายจริงๆ “ฉันชื่อคริส เป็นคนจากแดนสอง เธอก็รู้นี่ว่าคนแดนสองไม่ได้เป็นคนเลวแต่แค่กวนส้นนิดๆ” เขายิ้มให้เธอและเป็นรอยยิ้มที่ดูหล่อเหลาขัดกับบรรยากาศตอนนี้มาก “ที่สำคัญถ้าไม่มีคนแดนสองอย่างฉันอยู่ โรงเรียนนี้ก็อยู่ในความสงบสุขแบบนี้ไม่ได้หรอกจริงไหม?”
แล้วเขาก็ช้อนร่างเธอขึ้นมาแบกไว้บนบ่าเหมือนเดิม ฟีโอน่าก็พยายามขัดขืนให้ได้มากที่สุด
“อย่าดื้อเลยหน่า” คริสว่าพลางจับเชือกตะขอพร้อมปีนข้ามกำแพงรั้วโรงเรียนที่สูงลิ่ว “ฉันจำเป็นต้องใช้เธอจริงๆ...ก็แม่มดมันชอบกินเนื้อพวกเจ้าหญิงเจ้าชายกันนี่นา...”
ฟีโอน่าตกใจจนเกือบช็อคไปแล้ว เธอดิ้นแรงกว่าเดิม
“ใจเย็น ใจเย็น...” คริสต้องรีบปลอบเธอ “ฉันจับตัวเธอมาล่อแม่มดเฉยๆ ไม่ได้จะให้พวกมันกินเธอจริงๆหรอก...ทีนี้ก็อยู่นิ่งๆนะ ฉันจะปีนขึ้นไปแล้ว ถ้าเธอตกลงไปฉันไม่รับผิดชอบด้วยนะเออ...”
คริสว่าเสร็จเขาก็ปีนขึ้นไปด้วยท่าทางที่ชำนาญและเชี่ยวชาญเหมือนเคยทำแบบนี้มานับไม่ถ้วน เขาใช้เวลาไม่นานเลยที่จะปีนมาถึงยอดของกำแพง...
ฟีโอน่ามองลงไปข้างในตัวโรงเรียน เห็นเขตวังอยู่ไกลลิบๆ น้ำตาเธอไหล...
วังอันแสนอบอุ่นของเธอ... ห้องนอนอันปลอดภัยของเธอ...
ตอนนี้เธอได้จากมันไปแล้ว...
และเธอกำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด...สิ่งที่ชั่วร้ายและดิบเถื่อนที่สุด
และสิ่งนั้นก็คือพวกแม่มด...
เธอกำลังจะไปเป็นเหยื่อล่อให้พวกแม่มด...
และเมื่อเธอเป็นเหยื่อล่อแม่มดแล้ว...งั้นแสดงว่าคริสเขาก็เป็น...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
นักล่าแม่มด
ความคิดเห็น