คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เปิดตัวนางเอก
“เจ๊ลู่! เจ๊ลู่! เป็นอะไรน่ะ!”
“แม่ครับ! แม่! ตื่นสิครับ!”
เจ๊ลู่เบิกตาโผลงด้วยความตื่นตระหนก และเธอก็เห็นว่าตัวเองนั้นนอนอยู่บนเตียงแถมมีเพื่อนๆของเธอล้อมรอบเตียงกันครบไม่เว้นแม้กระทั่งผีฮุนนี่ สีหน้าแต่ละคนดูตื่นตกใจพอๆกับเธอเลยเหมือนกัน
“แม่ฝันร้ายหรอครับ ทำไมกรีดร้องซะลั่นเลย” อี้ชิงถามผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วง
“อี้ชิง!” เจ๊ลู่จับแขนลูกชายแน่น “แม่ฝันตั้งแต่ตอนไหน...หมายถึง แม่หลับไปตั้งแต่ตอนไหน? แล้วพวกเราทำอะไรกันมาก่อนหน้านี้...แล้วนี่กี่โมง?”
“ตีสี่ครับ” อี้ชิงตอบ “หลังจากที่พวกเราจัดของเสร็จแล้วแม่ก็บ่นว่าเหนื่อยๆๆๆจากนั้นล้มตัวลงนอนเลย ผมกับน้าหมินเลยตัดสินใจจะนอนตามแม่ไป นอนได้ไม่ทันไรแม่ก็หวีดร้องพวกผมเลยตื่นมาดูกันหมดนี่ไงครับ”
“ตายจริง” เจ๊ลู่ป้องปากด้วยความประหลาดใจ “แม่ฝันว่าแม่กับลูกสองคนเอาของฝากไปให้ข้างห้อง...ละ-แล้วก็เจอศพผู้หญิงผูกคอตายในนั้น!”
“กรี๊ดดดดดดดดดด” เทาหวีดร้องทันที
“อีนี่!” เจ๊แบครีบเข้าไปอุดปากกว้างๆของเทาไว้ “แค่ฝันย่ะจะกลัวอะไรนักหนา! เจ๊ก็ด้วยนะเค่อะ” แบคกี้หันไปว่าเจ๊ลู่ “จะฝันอะไรก็หัดเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเขาด้วยสิค่ะ นี่ดีนะที่ไม่ตื่นกันทั้งหอน่ะ ตื่นมากลางดึกแบบนี้หน้าตาฉันก็พังกันพอดี โอ้ย รมณ์เสีย” เจ๊แบคกี้พูดเสร็จก็เดินปึงปังกลับห้องไป...
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว” ชานยอลค่อยๆเอ่ย “ผมขอตัวกลับไปนอนต่อละกันนะครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย” ชานยอลเรียนมหาลัยอยู่ชั้นปีที่สองแล้ว เช่นเดียวกับอี้ชิง “นายก็ควรไปนอนนะอิ้ชิง เดี๋ยวตื่นสายกันพอดี”
“อื้อ” อี้ชิงเห็นด้วย “แม่ก็สวดมนต์ก่อนนอนสิครับ จะได้ไม่ฝันร้ายเหมือนเมื่อกี้อีก”
“จ๊ะๆ ลูกๆไปนอนเถอะแม่ไม่เป็นไร”
แล้วอี้ชิงกับชานยอลก็เดินกลับห้องไปเหลือไว้เพียงสามคนกับอีกหนึ่งตน เจ๊เทายังสะพรึงไม่หายเจ๊คนนี้เขาเป็นโรคกลัวผีขั้นรุนแรงอาจจะสติหลุดได้เวลาเจอผี แต่พอเป็นผีเซฮุนเขากลับนั่งคุยได้ทั้งวันทั้งคืน...
“อุ้ยตาย...” จู่ๆผีฮุนก็อุทานออกมา สีตัวของผีฮุนจากที่เข้มๆเหมือนคนตอนนี้ก็เริ่มจางและโปร่งใสเหมือนวิญญาณ “ตายๆๆๆๆๆ ตายแล้วๆๆๆ”
“ฮุนนี่ลื้อเป็งอะไล” เทาถามพลางจ้องดูร่างกายของฮุนนี่จางลงเรื่อยๆ “ลื้อกำลังจะตายหรอ!”
“ฉันเป็นผีตั้งแต่แรกแล้วนะค่ะอีเจ๊เทา” ฮุนนี่ตอบ “แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่...” ฮุนทำเสียงเหมือนพูดกับตัวเอง “พลังของฉันโดนอะไรบางอย่างพี่มีพลังมากกว่ากลบจนแทบไม่เหลือเลย...แม้แต่พลังที่จะคงร่างกายให้เหมือนมนุษย์ก็โดนไปด้วย”
“ตายหองแล้ว” เจ๊เทาอุทานและเขยิบไปเกาะเจ๊หมิน “อะ-อะ-อะไรที่มันมีพลังมากกว่าเธอละฮุนนี่...”
“ไม่รู้เหมือนกัน” ฮุนนี่ทำหน้าไม่แน่ใจ “แต่รู้ว่ามัน...มันอยู่มาหลายยุคหลายสมัย...อยู่มานานจนมีพลังมากขนาดนี้ แต่เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆผีฮุนก็สัมผัสอะไรได้ “เดี๋ยวนะ! มีใครบางคน...ไม่ใช่สิมีผีอีกตัว...ที่กำลังโดนพลังงานบางอย่างกลบไปเหมือนฉันอยู่ด้วย...ฉันมีเพื่อนร่วมทุกข์ด้วย...เดี๋ยวนะ นังนั่นมันเป็นใคร ขอใช้จิตสัมผัสแปปนะ” แล้วฮุนนี่ก็หลับตาลงโดยที่มีเจ๊ๆทั้งสามคนจ้องมองด้วยสายตาสะพรึงกลัว...
“รู้แล้ว!” ฮุนนี่โพล่งออกมาพร้อมเปิดตา “เป็นชะนี...เป็นผีชะนี!!” ฮุนนี่หวีดร้อง “สวยซะด้วยเชอะ! เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว!!” จู่ๆฮุนนี่ก็สัมผัสอะไรได้อีกนางหลับตาอีกครั้ง “เดี๋ยวนะ...นี่มัน...ไม่จริง เดี๋ยว!! เดี๋ยวก่อน!!” เธอพูดโดยที่ไม่ลืมตาคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน “รู้แล้ว!! อ๋ออ แบบนี้นี่เอง เดี๋ยว!! เดี๋ยว!! อย่าเพิ่งไปอีชะนี!! เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!! กูบอกว่าเดี๋ยวก่อน!!”
ผั๊วะ!!
“มึงจะพูดคนเดียวอีกนานมั้ยอีผีบ้า!” เจ๊ลู่ลุกขึ้นไปตบหัวฮุนนี่จนหน้าคว่ำ “เอาแต่เดี๋ยวๆๆเดี๋ยวก่อนๆอยู่นั่นแหละ ชาติที่แล้วเกิดมาอยากจะเดี่ยวไมโครโฟนเหมือนโน๊ตอุดมหรือยังไงยะ ชาตินี้ถึงได้เดี๋ยวๆอยู่นั่นแหละ! ช่วยติดต่อกับอีผีชะนีนั่นเงียบๆแล้วรวบรวมข้อมูลทีเดียวจากนั้นก็เล่าให้พวกกูได้เข้าใจง่ายๆด้วย รำคาญ!!”
“เจ๊!” ฮุนนี่ลูบหัวตัวเอง “ฉันกำลังจะรู้แล้วเชียวว่ามันตายยังไง เจ๊มาตบหัวหนูแบบนี้ขาดการติดต่อเลยเห็นมั้ยเนี่ย!”
“งั้นมึงก็โทรไปหามันใหม่ดิ” เจ๊ลู่บอก
“เดี๋ยวรอแปป หยิบโทรศัพท์ก่อน ถุ้ย!!” ฮุนนี่สบถ “จิตสัมผัสของผีนะค่ะไม่ใช่สัญญาณเครื่อข่ายเอไอเอสวันทูคอลนั่นจะได้โทรติดแม้กระทั่งอยู่บนยอดดอย”
“แต่ดีแทคอยู่บนดอยไม่ติดนะ” เจ๊เทาแทรก
“โอ้ย ช่างมันเถอะค่ะ!” ฮุนนี่หมดความอดทน “ฟังนะค่ะพวกเจ๊ทั้งหลาย เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้ถึงผีชะนีหนึ่งตัว...และมันกำลังลำบากเพราะโดนพลังบางอย่างกลบพลังของมันอยู่...ซึ่งไอพลังนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร แต่ว่าผีชะนีตัวนั้นมันก็ไม่ใช่เล่นๆ...ที่สำคัญ...มันเพิ่งตาย!”
“กรี๊ดดดดดดดดด” เจ๊เทาหวีดร้อง
“กรี๊ดหาฟาร์เตอร์มึงหรอ” เจ๊ลู่ด่า “ว่าแต่เจ๊หมินมึงไม่พูดอะไรเลยนะ ช่วยๆกูด่าบ้างสิยืนเงียบอยู่นั้นแหละ เอ้าต่อสิอีฮุนนี่”
“ฉันไม่รู้ว่ามันตายยังไง” ฮุนนี่เล่า “แต่มันพยายามจะสื่ออะไรบางอย่างกับพวกเรา...และ..” ฮุนนี่มองไปที่ลู่หาน “มันอาจจะสื่อไปให้เจ๊แล้วก็ได้...ศพในฝันของเจ๊...เป็นผู้หญิงใช่มั้ย?”
“ใช่”
“สวยมั้ย”
“สวยมั้ง”
“ผมยาวมั้ย?”
“ยาว”
“ตัวขาวมั้ย”
“ขาว”
“ปากซีดมั้ย?”
“ซีด”
“ใส่ชุดขาวมั้ย?”
“โอ้ยอีฮุน!!” เจ๊ลู่จะเข้าไปบีบคอผีฮุนแต่เจ๊เทาเข้าไปสกัดไว้ได้ เจ๊ลู่ด่ายาว “ผู้หญิงผมยาวผิวขาวปากซีดแม่งก็เป็นดาราดังในหนังผีเกือบทุกเรื่องไม่ใช่หรอยะ!! มึงเล่นถามกูแบบนี้มึงอยากให้กูเดามั้ยว่าเป็นหนังผีเรื่องไหน? จูออนมั้ย? เดอะริงมั้ยมึง?”
“เจ๊หยุดๆ” ฮุนนี่ยกมือห้าม “ถ้าเราอยากรู้ว่าฝันเจ๊เป็นจริงหรือไม่จริง ก็ไปดูสถานที่ในฝันของเจ๊กันให้จะๆไปเลย...ข้างห้องน่ะ...ไปดูตอนนี้เลย”
เจ๊หมินที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรในที่สุดก็ได้ออกโรง เธอเดินนำเพื่อนๆไปที่ห้องข้างขวาที่ติดกับห้องของพวกเขาเหมือนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งได เจ๊หมินเป็นคนเดียวในแก๊งที่ยังพอควบคุมสติเวลาเจอผีได้
เมื่อพวกนางมาถึงหน้าห้องต่างก็ผลักกันไปมาว่าใครจะเป็นคนไปเคาะประตู ระหว่างที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้นเจ๊หมินโดนเจ๊เทาถีบออกมาจากวงจนร่างกระแทกประตูเสียงดัง ทั้งหมดสะดุ้งโหยงทันที...แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้
เจ๊หมินรวบรวมความกล้าเคาะห้องไปสามที...แต่ก็ยังไม่มีใครมาเปิดให้เหมือนเดิม
“ฉันจะเปิดประตูแล้วนะ” เจ๊หมินบอกก่อนจะยื่นมือไปหาลูกบิดประตู...
“หนึ่ง...สอง...สาม!”
เจ๊หมินออกแรงบิดลูกบิดสุดแรงแต่ปรากฏว่ามันล็อค!
“อ่าว...” ผีฮุนถึงกับงง “ฉันสัมผัสได้ว่ามันอยู่ในนี้!” นางชี้ไปที่ประตู “จริงๆนะฉันรู้ลางฉันบอก จริงๆนะเจ๊!”
“แต่เราเข้าไปดูไม่ได้” เจ๊หมินตอบพลางทำหน้าเบื่อหน่าย “บางทีเรื่องผีๆพวกนี้ก็ควรหยุดอยู่แค่เธอตัวเดียวนะฮุนนี่...ฉันไม่อยากลบหลู่หรอกแต่มันจะเป๊ะเกินไปหรือเปล่า ผีเข้าฝันมาบอกว่าตัวเองผูกคอตายอยู่ข้างห้องนี้เนี่ยนะ?”
“จริงๆนะค่ะ!!” ผีฮุนยืนยัน “ฉันสัมผัสได้จริงๆ เราไปเรียกพี่ยามมาไขประตูออกกันเถอะ”
“จะลงทุนไปทำไม” เจ๊หมินเริ่มรำคาญ “อีกอย่างนี่ก็ตีห้า แล้วจะบอกอะไรให้นะประตูล็อคอยู่ไฟก็ไม่ติดสรุปง่ายๆเลยก็คือยังไม่มีใครเช่าห้องนี้อยู่ โอเคปะ? เข้าใจแล้วก็กลับไปนอนต่อ”
“เดี๋ยวสิเจ๊หมิน” ผีฮุนยังไม่ยอมแพ้ “แต่ฉันมั่นใจนะ...ฉันได้กลิ่นชะนีลอยมาจากห้องนี้จริงๆนะ เจ๊เชื่อฉันสิ!!”
“เชื่อก็ได้โว้ย!!” เจ๊หมินหมดความอดทน “แต่นี่มันตีห้า! รอให้แปดโมงเช้าก่อนดีมั้ยแล้วค่อยไปหาพี่ยามมาไขกุญแจให้ โอเคปะ!!”
“ก็ได้ค่ะ” ผีฮุนตกลง “งั้นเราแยกย้ายกันไปนอนแล้วค่อย—โอ้ย!!”
เจ๊ลู่ตบหัวผีฮุนอีกหนึ่งดอก
“ทำเชรี่ยไรของเจ๊ไม่ทราบ!! นี่หัวนะค่ะไม่ใช่ตูดผู้ชายจะได้ตบทุกเวลาที่อยากตบน่ะ!!”
“มึงเป็นผีที่โง่มาก มึงด้วยเจ๊หมินไปเถียงกับมันให้เปลืองน้ำลายทำไม” เจ๊ลู่ว่า “อีฮุนนี่ขา...มึงทะลุเข้าประตูไม่ได้หรอไงอีควาย!”
ทุกคนมองหน้ากันนิ่งๆ...เออ จริงด้วยวะ ผีฮุนไม่พูดอะไรมากเพราะเสียเซลฟ์อยู่ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพ่นออกมายาวๆก่อนจะลอยผ่านประตูเข้าไปและ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ผีฮุนกรีดร้องเหมือนลู่หานตอนเจอศพเป๊ะ...
ในนั้นมีจริงๆด้วย...มีศพของผู้หญิงผูกคอตายจริงๆด้วย...
“ฮุนนี่!!” เทาตะโกนส่งไปข้างใน “ฮุนนี่เป็นอะไรเจออะไรงั้นหรอ? ฮุนนี่! อย่าบอกนะว่าเจอผู้ชายในนั้น!! ตอบมานะ!! ตอบกูมานะอีแรด!!”
“ไม่ใช่ผู้ชายเว้ยเจ๊กังฟูแพนด้า!” ผีฮุนตะโกนกลับมา “เป็นศพผู้หญิงจริงๆ เหมือนที่เจ๊ลู่เล่าให้ฟังเด๊ะ บอกแล้ว...ฉันบอกแล้วไงว่าสัมผัสได้ กรี๊ดดดดดดดดดด สยองจุงเบย กรี๊ดดดดดดดด ลิ้นห้อยด้วยอ่ะ กรี๊ดดดดด”
“กรี๊ดหาป้ามึงหรอค่ะ!!” เจ๊ลู่ตะโกนด่ากลับไป “ส่องกระจกดูตัวเองยังไม่ชินอีกหรอไงยะ!!”
เช้าวันต่อมา...
รถตำรวจจำนวนสี่ถึงห้าคันจอดนิ่งอยู่หน้าหอพัก ตำรวจทั้งในชุดเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเดินวุ่นกันทั่วทั้งหอพัก ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่พักอาศัยก็ออกมาเดินเล่นเพื่อดูสถาการณ์สุดสยองนี้และมันยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก
สองนักสืบผู้เก่งกาจที่สุดในละแวกนี้ได้รับแจ้งข่าวว่ามีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นในช่วงเวลาหกโมงเช้าจึงรีบรุดมาทันที ตอนนี้นักสืบทั้งสองคนยืนอยู่หน้าประตูห้องของผู้ตายแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปเพราะพี่ยามหากุญแจไม่เจอ
กุญแจหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
นักสืบโด ดีโอ เป็นคนที่อารมณ์ร้อนและไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆแม้กระทั่งพี่ชายที่คลานออกมาติดๆกันจนป่านนี้เขาก็ยังไม่เชื่อใจพี่ชายเลย และตอนนี้เขาเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจใส่คนที่โทรไปแจ้งความอยู่...
“จริงๆนะค่ะ!” เจ๊ลู่(ที่โดนผีฮุนเข้าสิง)หวีดร้องอ้อนวอนให้เชื่อ “ฉันสาบานว่าฉันเข้าไปเห็นว่ามีศพผูกคอตาย!...ว่าแต่ทำไมคุณนักสืบน่ารักจังเลยค่ะ...”
“แล้วคุณเข้าไปยังไง” ดีโอสวนทันทีและไม่สนใจประโยคหลังของเจ๊ลู่เลยซักนิดเดียว “ประตูก็ล็อค กุญแจเดียวที่สามารถไขได้ก็หายไปแล้ว” ดีโอก็เริ่มสงสัยเจ๊ลู่แล้วด้วย...หรือว่าเขา...
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะค่ะ! ฉันไม่ได้วางแผนอะไรจริงๆนะค่ะ! คือว่า...คือๆ” เจ๊ลู่(ที่โดนผีฮุนเข้าสิง)พยายามหาตัวช่วย เจ๊เทากับเจ๊หมินยืนนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรจะพูด...แล้วจะให้บอกยังไงละ? มีผีทะลุประตูเข้าไปดูงั้นหรอ? เชื่อตายละ...
“ผมถามว่าคุณเข้าไปในนั้นได้ยังไง?” ดีโอจ้องเขม็ง “ถ้าไม่ตอบผม ผมจะขอกักตัวคุณในฐานะผู้ต้องสงสัย--”
“ใจเย็นก่อนดีโอ” นักสืบสาวที่เป็นคู่หูของดีโอและเป็นคนเดียวที่ดีโอไว้ใจมากที่สุดแย้งขึ้นมา “ไหนๆเราก็มาถึงนี่แล้ว ถ้าคำให้ความเท็จเราก็ค่อยดำเนินเรื่องขั้นต่อไป ยอมเชื่อที่เธอพูดก่อนแล้วเราพังประตูเข้าไปดูกันเถอะ”
นักสืบหญิงคนนี้ชื่อ ซินเวย์นีเยน อัลฟาเบทเจอโฟเลเททับบี้ หรือเรียกสั้นๆว่า ซินเว เธอเป็นนักสืบหญิงที่เก่งที่สุดและเป็นคู่หูคนแรกและคนเดียวที่ดีโอไว้ใจนักหนา เธอเป็นคนใจเย็นและฉลาดเป็นกรด เธอคอยห้ามความใจร้อนของดีโออยู่ประจำถึงแม้บางคดีเธอจะเดือดก่อนเขาบ้างแต่รวมๆแล้วเธอมักจะห้ามดีโอไม่ให้อารมณ์ขึ้นมากกว่า
เธอเชี่ยวด้านทั้งด้านเคมีวิเคราะห์และเทคนิคการสร้างระเบิดขั้นสูง ตอนเด็กๆเธอเคยระเบิดโถส้วมโทษฐานที่มันดูดก้นเธอ และวันนั้นแม่เธอวุ่นอยู่กับการเช็ดขี้ทั้งวัน
ซินเวเป็นคนมองโลกในแง่ดีและเป็นที่รักของตำรวจมากมายเพราะเธออารมณ์ดีอยู่เสมอ แต่เวลางานก็คือเวลางานเธอก็มีส่วนจริงส่วนจังกับเขาเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบเรื่องจริงจังกับดีโอแล้วเธอแพ้เขาตั้งแต่ยังไม่ได้แข่ง
รวมๆแล้วเธอเป็นคนที่น่าค้นหาและเป็นคนเก่งที่น่าจับตามอง...
และเธอคนนั้นก็คือคุณ...คุณนั่นเองที่เป็นนางเอก
สวัสดี ซินเว ต่อจากนี้ไปคุณคือนางเอกของเราและคุณคือตัวหลักที่จะแก้ไขคดีต่างๆให้คลีคลายไปได้ด้วยดี...
ขอต้อนรับเข้าสู่บทบาทนางเอก ณ บัดนี้...
“พังประตูเลยสินะ” ดีโอทวน “งั้นนายจัดการเลย” ดีโอโยนงานหนักให้ตำรวจหนุ่มที่ตัวโตกว่าเขาจัดการแทน ซินเวแอบหัวเราะเล็กน้อยที่เห็นเขาทำหน้าเหมือนขัดใจตัวเอง...
ตึง!! เสียงร่างของตำรวจหนุ่มกระแทกบานประตู
ตึง!!
ตึง!!!
โครม!!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงหวีดร้องมาจากเจ๊เทา ทันทีที่ประตูล้มลง ศพที่ห้องโตงเตงอยู่บนเพดานก็ตกลงพื้นพร้อมๆกับประตู มีเสียงกระดูกดังกร็อปมาจากร่างของศพด้วย
ดีโอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ... ทำไม... ทำไมเจ๊ลู่ถึงรู้ได้ว่ามีศพผูกคอตายอยู่ในนี้...
ซินเวไม่รอช้าเธอสั่งให้ทุกคนออกไปข้างนอกให้หมดและสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามานอกจากเจ้าหน้าที่...เหมือนคดีนี้จะมีกลิ่นแปลกๆซะแล้ว...
ประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิท...ซินเวเดินไปสำรวจหน้าต่างปรากฏว่ามันล็อคจากข้างในหมดทุกบาน ที่สำคัญประตูห้องเองก็ยังถูกล็อคด้วยแม่กุญแจจากข้างใน...แต่ตอนนี้มันพังเพราะแรงกระแทกไปแล้ว
ดีโอเองก็จับสิ่งผิดปกตินี้ได้เช่นกัน เขาสวมถุงมือและเดินสำรวจรอบห้อง...ปรากฏว่าห้องนี้มีตู้ มีเตียง มีโต๊ะ แต่ไม่มีสิ่งของที่บ่งบอกได้ว่าคนเคยอาศัยอยู่ในนี้...ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า แก้วชาม หรือ หนังสือ....มีแต่เฟอร์นิเจอร์ที่ว่างเปล่า แถมยังไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวของคนหรืออะไรไดๆเลยด้วย...
ซินเวเดินมาดูสภาพของศพ มีรอยช้ำจากการถูกเชือกรัดรอบคอเกิดเป็นรอยสีม่วงที่แทบจะกลายเป็นสีดำ...
ใบหน้าที่ซีดขาวของศพหญิงสาวนั้นเทียบจากประสบณ์การณ์ของซินเวแล้วบอกได้ว่าเธอขาดหายใจตายแน่นอน...
ดีโอเดินมาดูศพใกล้ๆซินเวและพึมพำกับเธอ... “ถูกล็อคจากข้างในหมด ไม่มีทางเข้าออกทางอื่นนอกจากประตูกับหน้าต่าง ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยการต่อสู้ แบบนี้ก็สรุปได้อย่างเดียวว่า”
“ฆ่าตัวตาย” ซินเวตอบ “แต่มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ...มันเพอร์เฟ็คเกินไป...มันแนบเนียนเกินไป...”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน...”
“เป็นไปได้มั้ยว่ามันคือการฆาตกรรม” ซินเวมองหน้าดีโอ “ฆาตกรรมในห้องปิดตาย”
ทางด้านเจ๊ลู่(ที่ไม่มีผีฮุนเข้าสิงแล้ว)ก็ยืนชะเง้อมองนักสืบสองคนจากนอกห้อง เจ๊เทาลากเจ๊หมินลงไปข้างล่างตั้งนานแล้วเพราะทนอยู่ใกล้ๆศพไม่ได้ เทาบอกว่าเหมือนจะกลายเป็นศพไปด้วย
“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ!” เจ๊แบคกี้ตกใจใหญ่เมื่อเห็นสภาพเหตุการณ์ทั้งหมด... เธอเดินมาหาเจ๊ลู่งงๆตอนแรกกะจะมาเม้ามอยด์ด้วยกันแต่กลับเจอเรื่องสยองเข้าซะก่อน...
“อือหืออีแบคกี้” เจ๊ลู่แบะปากใส่ “นี่มึงนอนหลับสบายเลยสินะ ดูหน้ามึงสิอิ่มเอมเหลือเกิน สวยค่ะสวย ระวังจะโดนกูตบหน้าสวยๆของมึงเข้าซักวัน นี่ดูสิ” เจ๊ลู่ดันเจ๊แบคมาข้างหน้า “มีคนตายจริงๆด้วย เหมือนในฝันฉันเป๊ะเลย ฮุนนี่บอกว่าผีชะนีตัวนั้นมันพยายามสื่อให้ฉันรู้น่ะ สยองชิบหายเลยแกเอ้ย ดูคอนั่นสิ เขียวปี๋เลย...”
“ขุ่นพระขุ่นเจ้า ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้นะ” แบคกี้สงสัย “ทำไมพอเรามาพักที่นี่ก็เกิดเหตุฆ่าตัวตายขึ้นเลยละ นี่เราเป็นโคนันหรือเปล่าเนี่ย ไปที่ไหนๆก็มีคนตาย”
“บ้าหน่า” เจ๊ลู่ทำท่าตีไหล่แบคกี้เบาๆ “มันต้องมีสาเหตุที่เธอตายไม่ใช่เพราะพวกเราหรอก แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ อย่าได้มาเข้าฝันฉันอีกเลยนะผีชะนี...ฉันช่วยเธอแล้วนี่ไง ฉันช่วยเอาศพเธอลงมาจากเพดานแล้วนะ เพราะงั้นเราขาดกันได้แล้วนะ”
“สองคนนั้นคือนักสืบหรอ? ดูท่าทางจะเชี่ยวชาญน่าดู...” เจ๊แบคกระซิบข้างหูเจ๊ลู่ “โดยเฉพาะผู้ชายน่ะ น่าจะเคี้ยวอร่อยน่าดูเลอ...”
“ต๊าย...” เจ๊ลู่กระซิบตอบ “ยิ่งมองจากใกล้ๆนะหน้าตาโครตน่ารักเลยละเค่อะ แม้แต่ผีอีฮุนยังอดใจไม่ไหว...แต่ว่าฉันจองก่อนนะเค่อะ หล่อนมาทีหลัง”
“ต๊าย...” เจ๊แบคกี้กระซิบอีก “ไม่เกี่ยวกับมาก่อนมาหลังย่ะ...มันเกี่ยวกับที่ใครใช่หรือไม่ใช่...”
“มึงสิไม่ใช่”
“กูน่ะใช่ มึงสิไม่ใช่”
“มึงไม่ใช่”
“กูใช่ มึงไม่ใช่”
“มึงไม่ใช่ แต่กูใช่”
“มึงไม่ใช่ กูน่ะสิที่ใช่!”
“ใช่สิกูน่ะใช่!”
“ไม่! มึงไม่ใช่--”
“แม่!!” อี้ชิงตะโกนมาแต่ไกล เขากับชานยอลกำลังจะไปมหาลัยแต่ต้องหยุดแผนการเรียนไว้เมื่อเห็นสถาการณ์ภายในหอพัก “แม่นี่มันอะไร! พระเจ้า!” อี้ชิงตกใจเมื่อเห็นศพนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น รอบคอมีเชือกหนารัดแน่น...
“ฮึก! ฮือออออ” จู่ๆชานยอลก็ร้องไห้โฮ เขาตกใจและเขาก็กลัวมากด้วย...
ดูภายนอกเหมือนชานยอลจะแข็งแกร่งแต่เอาเข้าจริงแล้วเขาเป็นคนที่เซนซิทิมาก...เป็นมากๆถึงมากที่สุดด้วย ผิดกับแม่ของเขา...
“ต๊าย” แบคกี้ตกใจเมื่อเห็นน้ำมูกน้ำตาลูกชายตัวเอง “นี่แกเป็นอะไรน่ะ กลัวศพงั้นหรอ? โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลูกนะ” เจ๊แบคเข้าไปกอดลูกชายที่ตัวโตกว่าและปลอบ “เขาไปดีแล้วไม่ต้องร้องลูก...ไม่มีอะไรน่ากลัว ก็แค่ศพผูกคอตาย ก็แค่ผู้หญิงคนนึงขาดหายใจตายเพราะโดนเชือกรัดลูกกระเดือกคอจนหายใจไม่ออกปอดไม่ทำงานและสุดท้ายก็ตายอย่างทรมาน”
ชานยอลร้องไห้ใส่อกแบนๆของแม่และเขาร้องเหมือนจะขาดใจตาย
“อีนี่!” แบคกี้เริ่มรับไม่ได้ “เป็นผู้ชายมีแท่งที่หว่างขาทั้งทีทำไมร้องไห้ยังกะเด็กเพิ่งคลอดไข่ยังไม่ทันโด่งแบบนี้ยะ!! หยุดนะชานยอล หยุดร้องนะ! นังนั่งก็แค่ชะนีแปลกหน้า! ร้องไห้ยังกะพ่อมึงตายงั้นแหละ เดี๋ยวนะ...มึงไม่มีพ่อ เพราะงั้นไม่ต้องร้อง กูยังหาพ่อให้มึงไม่ได้เพราะงั้นหยุด! หยุด!! อีนี่!”
“อี้ชิง!” เจ๊ลู่เพิ่งสังเกตเห็นลูกชายตัวเอง เขาก็ร้องไห้เหมือนกัน น้ำมูกน้ำตาไหลเลยด้วย “นี่ลูกก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ!” เจ๊ลู่เป็นห่วงลูกชายทันที “อย่าร้องไห้สิ คนเรามันก็ต้องเกิดแก่เจ็บตายทั้งนั้นแหละ...นี่ฉันไม่เคยสอนให้แกอ่อนแอแบบนี้นะอี้ชิง ไม่เอาไม่ร้อง โอ๋ๆ อย่าร้องๆ ปาไปยี่สิบกว่าแล้วยังทำตัวเหมือนเด็กเลยลูกเนี่ย”
“ชานยอลหยุดนะ!” แบคกี้เริ่มตีก้นลูกชายตัวเอง “กูบอกให้หยุดร้อง!! เดี๋ยวกูจะรีบหาพ่อให้มึง แล้วมึงค่อยร้องไห้แบบนี้ตอนพ่อตาย! โอเคมั้ย?! ตอนนี้หยุดก่อน หยุดนะหยุด! เสียภาพลักษ์แมนๆหมด!”
“อี้ชิงก็อย่าร้องสิลูก...ทำไมพวกผู้ชายแท้ๆนี่มันอ่อนแอจังเลยนะเค่อะ...สู้พวกตุ๊ดอย่างเราไม่ได้เลย...เฮ้อ...”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ศพนอนนิ่งอยู่กับพื้น มีแสงแฟลชจากกล้องของกองสืบสวนสาดทั่วใบหน้าซีดขาวและสาดทั่วทุกส่วนของร่างกาย.. เชือกหนารัดรอบคอขาวซีดนั่นแน่น มีรอยม่วงเกือบดำที่เกิดจากการช้ำตามรอยของเชือกปรากฏบนคอขาวของศพที่เห็นแล้วนขนลุกขนพอง...
หน้าอันซีดเซียวหลับใหลไปตลอดกาล...
เหลือไว้เพียงร่างกายที่ไร้ลมหายใจ...
และวิญญาณที่ยืนมองร่างตัวเองอยู่ใกล้ๆ...
วิญญาณของหญิงสาวที่ไม่มีใครมองเห็นเธอกำลังยืนมองศพตัวเองด้วยใบหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ใดๆ...
แต่ดวงตาที่ไร้แววของเธอกลับฝังเรื่องราวบางอย่างในนั้น...บางอย่างที่ไม่มีใครรับรู้...
ความคิดเห็น