คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดตัวเหล่าเจ๊ทั้งหลาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงรูปงามจากหมู่บ้านเล็กๆได้พบรักกับเจ้าชายในราชวัง ทั้งสองแอบพบกันและเริ่มมีใจให้กันมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเจ้าชายไม่สามารถออกมาพบเธอได้อีกต่อไป...เพราะว่าเจ้าชายต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงเพื่อรักษาบัลลังค์ของราชาเอาไว้ หญิงงามเสียใจและเฝ้ารอคอยเจ้าชายอยู่ทุกวันๆ แต่เจ้าชายก็ไม่กลับออกมาหาเธอจนกระทั่งเขานั้นมีลูก...
หญิงงามเสียอกเสียใจมากเธอไม่สามารถทนเก็บความเศร้าโศกนี้อีกต่อไปได้ เธอจึงลอบเข้าพระราชวังเพื่อไปพบเจ้าชายแต่ปรากฏว่าเธอเจอเจ้าหญิง...ที่สวยและเลอค่ากว่าเธอยิ่งนัก เจ้าหญิงทรงแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวแต่นางก็ไม่ได้ใจร้าย เจ้าหญิงทรงให้เธอพบกับเจ้าชายด้วย...แต่เมื่อเธอพบกับเจ้าชาย เจ้าชายกลับทำเป็นไม่รู้จักเธอและขับไล่เธออกพระราชวัง...
จากที่เคยเป็นหญิงงามจิตใจโอบอ้อมอารีเธอก็กลายร่างเป็นแม่มดร้ายไปโดยที่ไม่รู้ตัว...
เธอเคียดแค้นและทรมาน เธอลอบเข้าพระราชวังอีกครั้งแต่เธอไม่ได้ไปพบเจ้าชายเธอไปที่ห้องของเด็กชายตัวน้อยๆที่กำลังหลับไหล... เธอสาปเด็กคนนั้น...
“จงกลายเป็นอีตุ๊ดที่ไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน และไม่มีคำสาปใดลบล้างได้”
หลายร้อยปีต่อมา...(ปัจจุบัน)
เวลา22.00
“โอ้ย! เจ๊เหนื่อยเหลือเกินค่ะ!” แบคคยอนหรือเจ๊แบคกี้เธอเป็นสาวประเภทสอง เธอร้องเสียงดังด้วยความอัดอั้นใจ เธอก้าวเท้าลงจากรถแท็กซี่อย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากที่ต้องเดินทางมาหลายชั่วโมง และตามด้วยเพื่อนๆ(เพศเดียวกัน)อีกสามคน นั่นก็คือ เจ๊เทา เจ๊ลูลู่ และ เจ๊หมิน ทั้งสี่คนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อถึงที่หมายซักที
“แล้วลูกฉันอยู่ไหนยะเนี่ย” เจ๊ลู่บ่นเสียงดังพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อตามหาลูกชายตัวเอง เธอเป็นสามประเภทสองที่หน้าหวานที่สุดแล้วในแก๊ง แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีสามี...แต่ที่เธอมีลูกนั่นก็เพราะว่าเธอไปรับเลี้ยงมาอีกที ไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของเธอ
“แม่ครับ! ผมอยู่นี่” อี้ชิงเด็กหนุ่มผิวขาวโบกไม้โบกมือให้แม่ตัวเองและแก๊งเพื่อนสาวของแม่ ข้างๆเขามีเด็กหนุ่มอีกคนชื่อชานยอล ทั้งเขาและชานยอลเป็นชายแท้มาดแมนและไม่ได้มีรสนิยมเพศเดียวกันเหมือนแม่ๆพวกเขา
“อีชานยอลก็มัวแต่ยืนตัวโย่งอยู่ได้นะแก!” เจ๊แบคกี้ตวาดใส่ลูกชายตัวเอง “มาช่วยขนกระเป๋าแม่ลงจากรถเร็วๆเข้า!”
ใช่แล้ว ชานยอลก็เป็นลูกที่เจ๊แบคกี้รับมาเลี้ยงอีกทีเหมือนเจ๊ลูลู่กับอี้ชิง ส่วนเจ๊เทากับเจ๊หมินนั้นยังไม่มีลูก
ชานยอลกับอี้ชิงเดินไปขนกระเป๋าของแม่ๆลงจากรถ ส่วนพวกนางทั้งสี่ก็ยืนสำรวจที่พักใหม่ของพวกเธอ
“ถึงบรรยากากจะลูน่ากลัวไปหน่อยน่อ” เจ๊เทากล่าวขึ้นอย่างหวาดๆ เธอเป็นสาวประเภทสองที่พูดสำเนียงจีน “แต่ก็ถือว่าเป็งหอพักที่ใหญ่โตพอสมควรละน่อ”
“ไม่เห็นจะดูน่ากลัวตรงไหนเลยอาเทาๆ” เจ๊หมินตอบพลางมองดูหอพักสุดใหญ่โตตรงหน้าด้วยความตระกาลตา “น่าอยู่กว่าหอพักที่ผ่านๆมาของพวกเรามากเลยละเค่อะ”
“อย่ามัวแต่ยืนพ่นน้ำลายเลยค่ะ” เจ๊แบคกกล่าว “รีบๆเข้าหอเถอะค่ะ ฉันต้องรีบนอนเดี๋ยวร่างกายอันบอบบางของฉันเสียสมดุลไปจะแย่เอาได้นะเค่อะ”
“ต๊าย!” เจ๊ลู่ส่งเสียง “หล่อนเป็นห่วงหนังหน้าตัวเองก่อนจะดีมั้ยเค่อะแบคกี้”
“ต๊ายยอีเจ๊ลู่! นี่มึงกัดกูตั้งแต่ตอนแรกเลยนะยะ! ใช่ซี๊!ใครมันจะหน้าสวยเหมือนนางฟ้าอย่างเจ๊ละค่ะ”
“นี่ๆ หยุดทะเลาะกันก่อนทั้งสองคน” เจ๊หมินเข้ามาห้าม “ชานยอลกับอี้ชิงยืนถือกระเป๋าจนแขนจะหลุดออกจากบ่าแล้วแหนะ ใช้แรงงานผู้ชายมากๆไม่ดีนะเค่อะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทำอย่างอื่น คิคิคิ” เจ๊เทากับเจ๊หมินหัวเราะชอบอกชอบใจ
แต่เจ๊แบครีบสวนทันที
“นั่นลูกกูนะค่ะ บอกเป็นรอบที่สองร้อยล้านแปดแล้วช่วยเลิกคิดแบบนั้นซะทีเถอะยะ ตุ๊ดขอร้อง”
อี้ชิงกับชานยอลพักอยู่ห้องเดียวกันและทั้งสองคนมาล่วงหน้าสามวันเพื่อมาจัดการเรื่องห้องให้พวกแม่ๆได้เข้ามาพักอย่างสะดวกสบายที่สุด ชานยอลกับอี้ชิงเป็นคนจัดการเรื่องเช็คอินเข้าห้องพักของพวกนางและพาพวกนางขึ้นไปบนห้อง โดยที่แต่ละห้องจะพักกันสองคน เจ๊ลู่นอนห้องเดียวกับเจ๊หมิน ส่วนเจ๊เทาห้องเดียวกันเจ๊แบคกี้
“นี่เทาๆ” เจ๊แบคชวนคุยระหว่างจัดแจงเสื้อผ้าเข้าตู้ โดยที่มีชานยอลคอยช่วยเหลือและทำตามคำสั่งของแม่เงียบๆ “อีเซฮุนมันตามมาอยู่มั้ยอ่ะ? ฉันสงสัยจังเลยว่ามันจะเหนื่อยกลางทางจนต้องเข้าไปสิงในต้นไม้เพื่อพักซักแปปน่ะ”
“ยังสัมผัสล่ายน่อเจ๊แบคกี้” เจ๊เทาตอบ “สัมผัสล่ายว่ามังอยู่แถวๆนี้แหละ”
“จริงหรอ?”
“จะเป็งห่วงเรื่องนั้งทำไมเจ๊? อยากพบมังก็เลียกมังซี่! ฮุนนี่!! ฮุนนี่ออกมาหาอั๊วหน่อย!! ฮุนนี่จ๋า!”
เงียบ...ไม่ได้ยินเสียงตอบรับไดๆ ฮุนนี่ที่ว่าก็คือผีที่คอยเกาะตามเจ๊เทามาตั้งแต่เล็กๆ เธอเป็นผีตุ๊ดเช่นเดียวกับพวกนางแต่เธอเป็นผีที่ดีคอยช่วยเหลือพวกนางมาโดยตลอด
“นั่นไง” เจ๊แบคพูด “เรียกดีๆละไม่เคยออกมาเลยค่ะ อย่าบอกนะว่าตายอีกรอบไปแล้วน่ะรู้ว่าเดินทางมาเหนื่อยๆแต่เป็นผีจะเหนื่อยเหมือนคนได้ยังไงวะ พูดอะไรของกูเนี่ย ช่างมันเถอะ... ออกมาสิอีฮุน! อีฮุนเอ้ย!! อีนังฮุนเอ้ยยย!! เจ๊เรียกเนี่ยหูหนวกหรอไงยะ!! เดี๋ยวแม่ก็ให้แดกหัวหมูแทนไข่มุกหรอกอีนี่!! ออกมา!!”
ทันใดนั้นเองความหนาวเย็นแทรกซึมผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำเอาชานยอลขนลุกขนพอง
“ไปห้องน้ำ” เจ๊แบคบอกลูกชาย “ปวดขี้ก็ไปห้องน้ำสิ”
“ไม่ได้ปวดแม่!” ชานยอลตอบ “ผมขนลุกเพราะอย่างอื่นต่างหาก”
“งั้นหรอ...เอ้านั่น มาละอีฮุน” เจ๊แบคมองออกไปที่หน้าต่างและเห็นร่างวิญญาณขาวโปร่งใสของเซฮุนลอยอยู่ข้างนอก “ไม่ต้องมาทำเป็นผีหลอกพวกกูเลยอีนี่ เข้ามาในห้องดีๆและทำสีตัวมึงเข้มๆให้เหมือนคนหน่อย”
“โธ่เจ๊!” ฮุนนี่หมดอารมณ์เล่น นางทำหน้าบูดๆก่อนจะลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องและปรับสีตัวจางๆของนางเป็นสีที่ดูเหมือนคนปกติ และเมื่อนางเห็นชานยอลนางก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นดี๊ด๊าระริกระรี้ทันที “ต๊ายยยชานยอลลลลล ไม่ได้เจอกันสามวันหล่อขึ้นจนไม่อาจทนได้เลยนะเนี่ยะ!! มาๆ มาให้เดี้ยนกอดซักที!!”
“ข้ามศพกูไปก่อนนะอีฮุน” เจ๊แบคเข้ามาขวางไว้ “เป็นผีก็อยู่ส่วนผีอย่ามายุ่งกับคนเลย โดยเฉพาะคนอย่างลูกกู”
“อ่าวอีเจ๊นี่” ฮุนทำหน้าไม่พอใจ “เรียกมาถึงก็ด่าเลยนะค่ะ ขอกอดลูกชายนิดหน่อยก็ไม่ได้หวงจังเลยนะยะ เออว่าแต่เรียกมาทำไม?”
“คิกถึงลื้อเฉยๆน่ะฮุน” เจ๊เทาตอบ “เลี๋ยวนี้ม่ายมีธุระละเรียกม่ายล่ายแล้วหรอ? หยิ่งนะหยิ่ง”
“แหม ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเค่อะ” ฮุนนี่เดินไปง้อเจ๊เทา “พอดีว่ารู้สึกแปลกๆกับหอใหม่...เหมือนมันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่”
“อะไรวะ” เจ๊แบคกี้สนใจทันที “หรือว่าจะมีผีเหมือนมึงอยู่ที่นี่ด้วย?”
“ที่ไหนๆเขาก็มีเจ้าที่เจ้าทางกันทั้งนั้นแหละเค่อะเจ๊” ฮุนตอบ “แต่ว่าที่นี่มันแปลกออกไปน่ะ...มันเหมือน...มันเหมือนซ่อนอะไรไว้อยู่...อะไรที่ลึกลับอะไรที่มีความเป็นมาหลายต่อหลายยุค...”
“อย่าทำให้อั๊วขนลุกล่ายมั้ย!” เจ๊เทาเกาะฮุนแน่นด้วยความสะพรึง “ลื้อน่ะเป็นผีตัวเดียวที่อั๋วไม่กลัวนะฮุนนี่ อย่าให้ตัวอื่นๆมาหลอกอั๊วเลย อั๊วขอละ”
ทางด้านเจ๊ลูลู่กับเจ๊หมิน...
“นี่อี้ชิงจ๊ะ” เจ๊ลู่ที่จัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปสนทนากับลูกชาย “ข้างห้องเราเขาจะนอนกันหรือยังเนี่ย?”
“ทำไมหรอครับ?”
“แม่กะจะเอาไอนี่ไปให้เขา” เจ๊ลู่โชว์กล่องของฝากเล็กๆน้อยๆจากบ้านเกิดเป็นขนมหวาน “เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านไง เขาจะนอนหรือยังนะ?”
“ยังหรอกค่ะ” เจ๊หมินตอบ “เมื่อกี้ฉันเพิ่งออกไปดูข้างนอกมาห้องฝั่งซ้ายยังเปิดไฟอยู่นะ เอาไปให้ห้องนั้นสิ”
“ดีเลย งั้นอี้ชิงไปกับแม่นะ”
ว่าเสร็จสองแม่ลูกก็ออกจากห้องไปและเลี้ยวขวา? เจ๊ลู่สับสนซ้ายขวาเล็กน้อยนางจึงไปผิดห้อง นางเคาะห้องไปสามครั้งและไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน อี้ชิงลองเคาะดูบ้างก็ไม่มีเสียงตอบกลับอีกเช่นกัน
พวกเขาคงคิดว่าคนข้างในนอนแล้วเลยตัดสินใจจะเดินกลับไปแต่ทว่าจู่ๆประตูห้องนั้นก็แง้มเปิดเข้าไปข้างในเบาๆช้าๆ...
เจ๊ลู่ถึงกับสะพรึงเพราะทั้งเขาและอี้ชิงก็ไม่มีใครแตะประตูเลย ที่สำคัญไม่มีใครออกมาจากประตูด้วย...มีแต่ประตูที่เปิดของมันเอง อี้ชิงใจกล้าตัดสินใจเดินไปดูสภาพห้องจากข้างนอก...ปรากฏว่ามันมืดตื๋อ...
“อย่าเข้าไปเลยลูก” เจ๊ลู่ห้ามลูกชายที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องด้วยความสนใจ “แม่ว่ามันแปลกๆ...ระ-เรากลับห้องเรากันเถอะลูก”
“เดี๋ยวแม่...” อี้ชิงไม่ฟังเขาอยากรู้อยากเห็นมากกว่า “ผมจะเปิดไฟดูข้างในก่อน...”
“ไม่นะอี้ชิง” เจ๊ลู่ดึงแขนลูกชายไว้แต่เขาก็เดินเข้าไปในห้องจนได้ เจ๊ลู่ที่เกาะลูกอยู่ก็พลอยเข้าไปในนั้นด้วย มันมืดตื๋อและมองอะไรไม่เห็นเลย... อี้ชิงจึงคลำหาสวิสต์เพื่อจะเปิดไฟและพอเขากดเปิดปุ๊ป!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงเจ๊ลู่กรีดร้องลั่นห้องและอาจจะลั่นหอด้วย
พวกเขาร่างของหญิงสาวคนนึง...เป็นร่างที่ไร้วิญญาณของเธอ ถูกห้อยลงมาจากพัดลมติดเพดาน...
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า เจ๊ลู่กับอิ้ชิงเจอผู้หญิงผูกคอตายนั่นเอง...
ความคิดเห็น