คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แจ็คพอตแตก
ฉันรีบตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำข้าวเช้าล่วงเวลาซักหน่อย ก่อนนั่งลงกินข้าวคนเดียวและยัดมัน
แบบรีบๆ ป้าจีนฮีมองฉันแปลกๆฉันเลยแก้ตัวไปว่าวันนี้มีสอบย่อย แต่ความจริงฉันไม่อยากเจอเซฮุนต่างหากละ มันยากมากเลยนะที่ต้องทำตัวปกติต่อหน้าเขา มันยากมากที่ต้องทำตัวเป็นครอบครัวเดียวกับเขา ทั้งที่เราไม่ใช่...
ความคิดอยากจะกลับบ้านแวบเข้ามาในหัวทันที...
แกล้งป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายดีมั้ยนะ?...หรือแบบเป็นโรคติดต่อร้ายแรงซักสองสามโรคดี?...
แต่พอคิดไปคิดมาก็เสียดายแฮะ...ลองคิดดูสิ...ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เรามาเจอสถานการณ์แบบนี้ จะเป็นยังไง? ถ้าเป็นแฟนคลับคนอื่นที่จู่ๆได้มาอยู่บ้านหลังเดียวกับไอดอลแบบนี้จะเป็นยังไง?
ฉันคงต้องบุกมาฆ่ายัยนั่นถึงบ้านเซฮุนแน่ๆ...
เอะ? ยัยจีจี้กับขนมไทยอาจจะกำลังคิดแบบนั้นกับฉันอยู่ก็ได้...เมื่อคืนเผลอเล่าไปเพราะความตื่นเต้น แต่ฉันเชื่อใจสองคนนั้นยิ่งกว่าเชื่อใจน้องชายแท้ๆของตัวเองอีกว่าพวกมันจะไม่ไปบอกใครแน่ๆ
ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปทั้งฉันและเซฮุนต้องมองหน้ากันไม่ติดชัวร์...
เอะ...เราเคยมองหน้ากันแล้วหรอ?
นี่เป็นวันแรกที่ฉันอยากให้ชั่วโมงเรียนลากยาวไปถึงสี่โมงเย็นไม่ก็สองทุ่มไปเลยก็ดี แต่มันหมดแค่เที่ยงวันนี่สิ ฉันจะไปไหนต่อดีละ?
แต่ก่อนอื่นฉันต้องจัดการกับไลน์จากยัยจีจี้กับยัยขนมไทยที่มันเด้งๆๆตลอดชั่วโมงเรียนก่อน
อือหือร้อยกว่าแจ้งเตือน...อะไรนักหนาเนี่ย...แต่ก็เข้าใจพวกมัน
พอฉันเปิดไปดูก็เจอแต่คำถามๆๆๆๆ คำว่าฆ่าๆๆๆๆ และคำว่า...
ดูแลเซฮุนดีๆนะ จากยัยจีจี้ มันทำฉันขนลุกเลยละ ส่วนยัยขนมไทย
คิดว่าเขาไม่ใช่ไอดอล นี่ก็ขนลุกเหมือนกัน พวกมันสองคนพยายามหาทางช่วยฉันอยู่สินะ เพื่อนรัก
ไลน์จีจี้เด้งมาอีกครั้ง “ฆ่าตัวเองซะ”
นั่น...อีเพื่อนเวร เพิ่งจะบอกรักไปหยกๆ อิจฉามากใช่มั้ย อิจฉามากก็มาสลับที่แทนฉันเลยก็ได้
ฉันเริ่มกลัวแล้วจริงๆนะ อยู่ๆต้องมากลายเป็นคนในครอบครัวกะทันหันแบบนี้มัน...
ไลน์ขนมไทยเด้งมาเหมือนรู้ความในใจ
“พวกกูอิจฉามึงมากเลยนะ แต่ก็ดีใจมากที่เป็นมึงกรกต”
เพื่อนรัก
“เพราะงั้นทำตัวปกติกับเขา คิดว่าเขาไม่ใช่ไอดอลละกัน แต่อย่าลืมเล่าเรื่องเขาทุกๆคืนมาให้ฉันกับจีจี้ฟังด้วย!”
แน่นอนละว่าต้องเล่า เพราะฉันต้องหาที่ระบาย ไม่งั้นอกแตกตายคาบ้านหลังนั้นแน่ๆ หลังจากกดส่งสติ๊กเกอร์เหนื่อยๆไปให้พวกมันสองคนแล้ว ไลน์ก็สงบทันที
แล้วเอาไงต่อ? ไปเดินช้อปแถวๆฮงแดดีมั้ย? หรือจะไปดูหนังซักสองสามเรื่องแล้วค่อยกลับ?...ไม่ใช่เราว่าทำมันหมดแล้วหรอ?...แล้วจะมีหนังใหม่เข้ามาหรือยัง?
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นโทรศัพท์จากป้าจินฮีก็ดังขึ้นมา
“เซนาอยู่ไหนลูก?”
“ยังอยู่ที่เรียนเลยค่ะ ป้าจะฝากซื้ออะไรหรอคะ?”
“อ่อเปล่าจ๊ะ พอดีลุงเขาออกไปสวนสาธารณแต่เช้าน่ะเอารถไปด้วย เดี๋ยวลุงไปรับเซนานะจ๊ะ รออยู่ตรงนั้นแหละ”
“อ่อ...เอ่อ...ค่ะ” ไม่กล้าปฏิเสธแฮะ ทุกครั้งที่ลุงหรือป้าโทรมาบอกว่าจะมารับนั่นแสดงว่าเขาตั้งใจจะมาจริงๆ เคยปฏิเสธพวกเขาไปแล้วครั้งนึง...มันทำให้พวกเขาหงอยทั้งวันเลย เพราะพวกเขากะจะพาฉันไปเที่ยวซักหน่อยแต่พอฉันบอกปัดแผนที่วางไวจึงเสียหมดเลย มันเป็นเรื่องที่ฝังใจฉันมากเลยละ ไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
ฉันรอไม่นานเลยรถของลุงก็มาจอดรับฉันแล้ว
และพอฉันก้าวขาเข้าไปปุ๊ปต้องชะงักปั๊ป เพราะเห็นเซฮุนนั่งนิ่งอยู่บนเบาะหน้าข้างคนขับ!
ฉันนึกว่าเป็นเพื่อนลุงซะอีก...เพราะลุงมักจะไปส่งเพื่อนอยู่บ่อยๆ...
อยากจะกระโดดออกจากรถจริงๆ แต่ขามันก้าวเข้ามาแล้ว ก็ต้องก้าวเข้าไปให้สุดสินะ...
“วันนี้สอบย่อยเป็นไงบ้างเซนา” ลุงมองผ่านกระจกหลังมาถามฉัน
“เอ่อ...” นี่คือเสียงแรกที่ฉันพูดให้เซฮุนได้ยิน เขาจะสังเกตมั้ยนะว่าฉันทำตัวแปลกๆ เขาจะรู้มั้ยนะว่าฉันเป็นแฟนคลับเขา “ยากมากเลยค่ะ” ตอบไปตามปากแบบไม่ได้คิด
ลุงหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะถามฉันอีกสองสามเรื่อง
ในรถมีแต่ฉันกับลุงที่คุยกัน...เซฮุนไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นั่งนิ่งและก้มมองโทรศัพท์อย่างเดียว...แต่นั่นก็ถือว่าดีแล้วไม่ใช่หรอ? ถ้าเขาพูดด้วยนี่สิ ฉันคงช็อคจนลุงต้องแวะจอดที่โรงพยาบาลแน่ๆ
---------------------------------------------------------------------------
เมื่อไหร่ผมจะถึงบ้านซักทีเนี่ย! ผมกลั้นหัวเราะไม่เก่งนะ! ทำไมเธอถึงทำตัวแบบนั้นละ...
ดีนะที่ผมไม่ได้หันไปสบตากับเธอ ตอนเธอเห็นผมในรถนั่นเธอแทบจะกระโดดออกไปด้วยซ้ำ ผมรู้นะ
ผมเห็นหมดแหละ หึหึ
ผมไม่เคยคิดตลกกับแฟนคลับนะครับ ผมเข้าใจพวกเธอดีว่ารู้สึกยังไง
แต่สำหรับคนๆนี้แล้วมัน...แปลกๆ ผมว่าเธอตลกดี...ไม่ใช่หน้าเธอตลกนะ แต่แบบ...ไม่รู้สิ เหมือนเธอกำลังขัดแย้งกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมตลกอ่ะ ผมเดาถูกแน่ๆว่าเธอคงคิดว่าผมยังไม่รู้ตัวที่ว่าเธอเป็นแฟนคลับ...
ชัดซะขนาดนั้น ไม่รู้ได้ยังไง เอะ...หรือเธอจะเมนผม? อันนี้ท่าจะหลงตัวเองไปหน่อยนะเซฮุน ฮะๆๆๆๆ ผมหัวเราะในใจนะครับ
ผมได้ยินลุงถามเธอว่าสอบเป็นไง...ผมแอบมองผ่านกระจกหลังไปดูเธอ...โอ้ยยยย ดูหน้าเธอสิ!
ผมได้ยินเธอตอบลุงหนักแน่นมาก เหมือนจะหนักแน่นเกินไปนะ ดูเกร็งๆเหมือนแกล้งตอบเลย ฮะๆๆๆๆ ผมจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วจริงๆนะ ช่วยผมด้วย
แต่ว่าผมแปลกใจเล็กน้อยครับ ที่เสียงเธอออกมาใสแจ๋วน่าฟังกว่าที่คิดไว้ซะอีก
ผมได้ยินลุงถามเธออีก เธอก็ตอบเกร็งๆทุกครั้งอ่ะ ผมทนไม่ไหวจนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยคาคาโอกับเทาฮยอง ความฮานี้ต้องแบ่งปัน
ผมพิมพ์รัวเลย “ฮยองเจอเรื่องสนุกในวันหยุดแล้วครับ! มีแฟนคลับน่ารักๆคนนึงมาอยู่บ้านเดียวกับผม แล้วเธอกำลังแสดงละครว่าเธอไม่ใช่แฟนคลับผมอยู่! เธอยังไม่รู้ด้วยว่าผมรู้แล้ว ฮยองมันตลกมากจริงๆครับ ถ้าฮยองมาอยู่กับผมนะ ผมหัวเราะตายห่าไปแล้วแน่ๆ ตอนนี้ผมต้องกลั้นขำสุดชีวิต ผมจะตายแล้วมฮยอง!”
เทาฮยองไม่ตอบไรมาก แต่มันทำให้ผมต้องหยิกตัวเองแรงๆเพื่อไม่ให้หลุดขำออกไป
เทาฮยองพิมพ์มาว่า “หัวเราะสิ หัวเราะสิ หัวเราะสิ หัวเราะเลย หัวเราะเลยพวก เนี่ยกูหัวเราะอยู่ มึงหัวเราะสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” พิมพ์ซ้ำๆอยู่หลายอันมาก...
ไอกังฟูแพนด้าหยุดนะ....ผมเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย! น้ำตาไหลแล้ว!
---------------------------------------------------------------------------
เมื่อถึงที่หมายฉันรีบลงจากรถและจ้ำเข้าบ้านพุ่งเข้าห้องนอนโดยที่ไม่ได้หันมามองลุงกับเซฮุนเลย พวกเขาสองคนอาจจะคิดว่าฉันปวดฉี่หรืออะไรแน่ๆ น่าอายชะมัด
แต่ช่างมันเถอะ ฉันทนไม่ไหวจริงๆนะ เซฮุนนั่งใกล้แค่นั้นเอง แค่เอื้อมมือไปนิดเดียวก็ถึงตัวเขาแล้ว ฉันเห็นซอกคอขาวๆจากเบาะหลังนานเกือบครึ่งชั่วโมงเลยนะ แค่นี้ฉันก็คิดว่ามากพอสำหรับฉันแล้วด้วยซ้ำไม่อยากได้อะไรเพิ่มแล้ว ช่วยเอาฉันกลับบ้านที...
ฉันส่งไลน์ไปให้ยัยขนมไทยแบบสุดจะกลั้น
“มึงนี่ไม่ตลกเลยนะ กูทำตัวไม่ถูกจริงๆ มึงช่วยหาทางให้กูออกจากบ้านนี้ที ขอร้อง”
มันอ่านแล้วแต่ยังไม่ตอบ สงสัยพิมพ์ยาว...หรือกำลังคิดอยู่
“ใจเย็นๆนะมึง กูเข้าใจดีเว้ยว่ามึงรู้สึกยังไง แต่มึงยังเรียนไม่จบนะ พ่อแม่มึงอุตส่าส่งมึงไปเรียนแต่มึงกลับทิ้งการเรียนเพราะทนอยู่กับผู้ชายหล่อๆอย่างเซฮุนไม่ได้เนี่ยนะ? อย่าสิ้นคิดแบบนั้นสิกรกต ทนเพื่อน ทนต่อไป มึงคิดในแง่ดีสิ นี่เป็นโอกาสทองแล้วที่มึงจะได้สูบความหอมจากร่างนั้นเวลาเขาเดินผ่าน มึงก็แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา ไม่รู้จักวงการบันเทิงบ้านเขา ทำเป็นเด็กใสซื่อที่ตั้งใจจะมาเรียนเกาหลีอย่างเดียวก็พอ เชื่อกู และกูก็เชื่อว่ามึงทำได้กรกต สู้ๆ”
ฉันหยิบหมอนมาอุดหน้าตัวเองแล้วกรี๊ดเบาๆ ไม่มีวิธีอื่นแล้วใช่มั้ย
ลองไลน์ไปหาจีจี้ดูดีกว่า เผื่อเธอจะมีวิธีที่แตกต่างออกไป
“ยั่วเซฮุนซะ”
นั่นคือวิธีที่แตกต่างออกไปจริงๆนั้นแหละ เฮ้อ โอเคขนมไทย! ฉันจะทำตามวิธีที่เธอแนะนำมานะเพื่อน...ขอบใจมากจริงๆ
ว่าแต่นี่กี่โมง? เฮ้ย จะบ่ายโมงแล้วหรอ! ตายๆคนที่บ้านเขากินอะไรหรือยังเนี่ย?
ฉันรีบลงไปดูในห้องครัวปรากฏว่าเห็นป้าจินฮีกำลังล้างจาน
“ป้าคะ” ฉันเดินไปช่วยทันที
“ไม่ต้องๆ” ป้ารีบดันตัวฉันออกไป
ปกติฉันจะกินข้าวเที่ยงคนเดียวแถวๆที่เรียนแต่จะกลับมาช่วยป้าจินฮีทำกับข้าวบางครั้งที่กลับมาเร็ว
และวันนี้กลับมาเร็ว...แต่มัวไปกรี๊ดอยู่ในห้องไง นี่ฉันทำตัวแย่มากเลยสินะมาอยู่บ้านเขาแล้วยังจะทำตัวไร้ประโยชน์อีก ฉันควรออกไปจากบ้านนี้จริงๆ
“เมื่อวันก่อนที่พวกเราสองคนทำคุกกี้ด้วยกันน่ะ” ป้าบอก “มันยังเหลืออีกเยอะเลยนะเซนา ลูกช่วยเอาไปให้เซฮุนกินให้หมดทีสิ”
เฮือก! ช่วยเอาไปให้เซฮุนกิน...ช่วยเอาไปให้เซฮุนกิน...เอาไปให้เซฮุนกิน..ให้เซฮุนกิน..ให้เซฮุน!!
“ได้ค่ะป้า” ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับแผนของยัยขนมไทย
ฉันตอบรับป้าจีนฮีเหมือนไม่ได้คิดอะไรอยู่ แต่ความจริงแล้วไม่เลย
ระหว่างที่หยิบคุกกี้ใส่จานอยู่มือก็สั่นงกๆจนต้องตีมันไปหลายทีถึงจะหยุด
เซฮุนนั่งดูทีวีอยู่คนเดียวด้วย...ฉันต้องทำตัวปกติสินะ...
แล้วไอ้ปกตินี่ ถ้าเอาคุกกี้ไปวางแล้ว...แล้วเดินกลับมาแบบไม่พูดอะไรเลย...มันปกติปะวะ?
ปกติแหละเนอะ
ฉันเดินถือจานใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยคุกกี้ซะแน่นมือเลย...เหมือนกลัวมันว่ามันจะดิ้นหลุดจากมือฉันไป ฉันเดินค่อนข้างช้าเพราะหัวใจฉันเต้นเร็วเกินไป ฉันพยายามหายใจปกติและทำหน้าเหมือนไม่มีอะไร
เซฮุนนั่งยกขาพาดโต๊ะและขกแขนพาดโซฟาอย่างสบายใจ...
เขาคงไม่ได้นั่งแบบนี้มานานแล้วสินะ...ทำแต่งานเวลาพักคงไม่ค่อยมี น่าสงสารจัง เชิญตามสบายเลยเซฮุน นั่งให้สบายใจไปเลยนะ ไม่ต้องทำเป็นเกรงใจฉันหรืออะไรก็ได้ ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่ก็ได้ ฉันจะขอบคุณมากเลยด้วยซ้ำ
ขุ่นพระ! นี่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินมาถึงจนจะชนกับโซฟาที่เซฮุนนั่งอยู่แล้ว! ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ว่า
ฉันเดินเข้ามา
ขั้นตอนต่อไปคือต้องเอาถาดคุกกี้นี้ไปวาง...บนโต๊ะ ที่มีขายาวๆนั่นพาดอยู่
เอิ่ม...เอาไงดี ก็แค่วางๆไปเท่านั้นแหละหน่ากรกต!
ฉันเดินอ้อมโซฟาไปที่โต๊ะ เมื่อเซฮุนเห็นว่าฉันเข้ามาเขาจึงรีบยกแขนยกขาลงทั้งหมดทันที เขากำลังทำตัวมีมารยาทกับฉันอยู่สินะ โอ้ย รู้จักกาลเทศะดีมากเลยเซฮุน SMสอนมาดีมาก...
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินถอยออกจากโต๊ะเขาก็หยิบรีโมทมาเปลี่ยนช่องและฉันก็ต้องชะงักค่ะ เพราะช่องที่เขาเปิดคือกำลัง “คือเรวูฟ เนกาวูฟ” เปิดเอ็มวีเพลงwolfของexoอยู่จ้า
ฉันนิ่งทำอะไรไม่ถูกเลย...
นี่ฉันเห็นเซฮุนที่เป็นไอดอลกำลังนั่งดูตัวเองที่เป็นไอดอลเต้นในทีวีอยู่ใช่มั้ย...
และที่สำคัญฉันกำลังดูอยู่กับเขาด้วย...
---------------------------------------------------------------------------
ผมควรจะลุกขึ้นเต้นตามเพลงดีมั้ยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
บังเอิญจริงๆครับผมกำลังเบื่อรายการนั่นแล้วมีอารมณ์อยากจะเปลี่ยนช่องขึ้นมา ผมไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเธอจริงๆนะ แล้วผมก็ตกใจมากเลยด้วยที่เธอเดินย่องมาวางคุกกี้บนโต๊ะผมแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมอาจจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกไปก็ได้ ดีที่เมื่อกี้ยังตั้งสติทัน
ผมต้องเปลี่ยนช่องอีกมั้ย? ไม่ล่ะ...ผมวางรีโมทลงและดูเอ็มวีตัวเองดีกว่า
ผมอยากหันไปมองหน้าเธอมากเลยครับ แต่ก็ต้องแข็งใจไว้ เทาฮยองบอกผมมาว่าอย่าไปพูดอย่าไปสนใจเธอให้มาก หยิ่งเข้าไว้เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด เอะ? ผมว่าผมงงนะ ยิ่งผมทำตัวเหินห่างเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งอึดอัดไม่ใช่หรอ? แต่ผมเป็นไอดอลนะ เอ๊ะ? ยังไงหว่า...
ผมลืมตัวคิดหนักจนเผลอนั่งขมวดคิ้วออกมา
ผมหันไปมองเธอดีกว่า....ผมอยากรู้ว่าเธอ...
แต่ผมไม่ได้หันไปมองเฉยๆหรอกนะครับ ผมหยิบคุกกี้มากินและทำเป็นหันซ้ายหันขวาเนียนๆ และเมื่อเห็นหน้าเธอ
“อุ๊บ แค่กๆๆ โขลกๆๆ” ผมทำเป็นสำลักคุกกี้แทนที่จะให้เธอรู้ว่าผมกำลังขำเธอแทบตาย
เธอหน้าเหวอมากครับ เหมือนเธอเจอผีเลย เอ๊ะ? หรือผมในเอ็มวีกับตัวจริงดูแตกต่างกันมากจนหน้าตกใจเหมือนเจอผี? แหม...คนเราพอไม่แต่งหน้ามันก็เป็นแบบนี้กันทุกคนนั้นแหละ
ผมเห็นเธอได้สติเมื่อได้ยินเสียงผมไอ เธอจึงรีบเดินลับเข้าไปในห้องครัวต่อ
ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากจะหัวเราะเยาะนะ...ผมคิดว่าเธอน่ารักด้วยซ้ำ
แต่แค่...แค่มันขำเท่านั้นเองอ่ะ...
ผมต้องสำลักคุกกี้อีกรอบครับ เพราะเธอกลับมาพร้อมน้ำส้มแก้วโต คราวนี้ผมสำลักจริงๆไม่ได้ขำเลย
“เอ่อ...ขอบคุณครับ” ผมหันไปจะพูดกับเธอ แต่ว่าเธอเดินหายไปแล้ว...
ว้า.... นึกว่าจะได้คุยกันซะและ
---------------------------------------------------------------------------
“วันนี้เป็นไงบ้างมึง” ฉันจีจี้ค่ะ ลงทุนโทรข้ามประเทศไปหากรกตเพื่อรับข้อมูลข่าวสารของโอเซฮุนเต็มที่
คือไม่ได้อยากจะล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเขานะ แต่โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีกันง่ายๆ และฉันก็ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไปเด็ดขาดด้วย!
ฉันไม่พลาดเลยแม้กระทั่งจะอัดเสียงค่ะ เผื่อบังเอิญว่าเซฮุนจะหัวเราะหรือร้องลั่นดังๆพอที่มันจะเข้ามาในสาย ฉันอยากได้ยินเสียงเขาใจแทบขาด ถึงเขาจะไม่ใช่เมนฉันก็เถอะ
“เรามาตกลงกันก่อน”
“ตกลงว่า?”
“ตกลงเรื่องจะเรียก...เซฮุน ว่าอะไรดี ฉันไม่สะดวกที่จะคุยเรื่องเขาแล้วใช้ชื่อเขาตรงๆแบบนี้น่ะ ฉันไม่สบายใจเลย”
“โอเค งั้นเอาเป็นฉายาของเขาที่เราสามคนเรียกกันดีมั้ย?”
“เออดีงั้นต่อไปนี้ฉันจะเรียกเขาว่าไข่มุกนะ”
“อ่าฮะ วันนี้ไข่มุกเป็นไงบ้าง? หล่อเหมือนเดิมปะ?”
“วันนี้ฉันอยากจะกรี๊ดลั่นบ้านจริงๆ เรื่องคุกกี้นั่นเห็นในไลน์แล้วใช่มั้ย?”
“อ่าฮะ”
“แต่เมื่อกี้สดๆร้อนๆเลย พอดีวันนี้ฉันทำกับข้าวแล้วเป็นอาหารไทยด้วย ป้าจินฮีตื่นเต้นมาก มากจนเกินเหตุ...โอเคไม่เล่ายาวนะสั้นๆ เดี๋ยวค่าโทรบาน...คือพอทุกคนได้กินก็บอกว่าอร่อยและหันมาชมฉันกันหมด...คือฉันหมายถึง คือกูหมายถึง! ทุกคนอ่ะมึง!! รวมทั้งไข่มุกด้วย!!”
“เกร้ดดดดดดดด!!!!” ฉันกรี๊ดแทนมันค่ะ ฉันรู้ว่ามันกรี๊ดไม่ได้
โอ้ย อยากจะเป็นลมแทนมันด้วย อะไรจะโชคดีขนาดนี้
“คนแรกคือป้าชมฉันยาวมาก บอกว่าอร่อยเลิศเพอร์เฟ็ค บลาๆ คนที่สองพี่ชังมิน...เอ่อ พี่ชอนซาอะ พี่เขาบอกให้กูเรียกพี่เขาว่าชังมินอ่ะมึง นั่นแหละพี่เขายกนิ้วโป้งให้กูเต็มๆ คนที่สามก็คือลุง ลุงไม่ได้ชมยาวแต่เขากินเกลี้ยงเลย คนสุดท้าย...”
“โอ้ยยยยย ขอกูทำใจก่อนนะ”
“พร้อมยัง”
“เกร้ดดดดดดดดดดด”
“ยังไม่เล่า!”
“กรี๊ดล่วงหน้าไง TT TT”
“เออนั่นแหละ...คนสุดท้ายไข่มุก เขาพูดสั้นมาก...สั้นและสบตากูด้วย นี่คือครั้งแรกที่เขาคุยกับกู มึงเขาบอกกูว่า”
“ว่า?”
“ทำให้ผมกินอีกนะครับ”
“เกร้ดดดดดดดดด!!!!” กรี๊ดล่วงหน้าแล้วยังจะกรี๊ดล่วงหลังอีกนะฉันเนี่ย
“อยากจะกรี๊ดได้เหมือนมึง”
“แล้วๆๆมึงตอบเขาว่าไร?”
“ไม่ตอบห่าไรทั้งนั้นแหละ แค่เห็นเขาสบตากูก็เบลอไปหมดแล้ว ดีที่กูยังมีสติพอที่จะกินข้าวต่อไปได้...มึงในที่สุดไข่มุกคุยกับกูแล้ว”
“เยี่ยมมากเพื่อน ต่อไปก็เคาะห้องเลย”
“อีห่าน มึงสิเคาะ”
“แน่นอนถ้ากูเป็นมึงกูเคาะตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะ”
“อีแรด”
“ขอบคุณที่ชม”
หลังจากที่ฉันคุยกับยัยโครตโชคดีกรกตเสร็จแล้วก็ต้องรีบต่อสายยัยขนมไทยต่อทันที ฉันเล่าทุกอย่างและแอบใส่อารมณ์ไปหลายอย่างให้ขนมไทยฟัง ยัยนั่นไม่กรี๊ดมันเงียบและตั้งใจฟังมาก ฉันจึงต้องกรี๊ดแทนมันอีกรอบ สุดท้ายกลายเป็นฉันกรี๊ดแทนเพื่อนฉันหมดเลย โอ้ย กว่าจะเล่าทุกอย่างเสร็จก็ปาไปเกือบๆสองชั่วโมง ตอนนี้หอแห้งมาก ขอลงไปหาน้ำกินในครัวก่อนนะ
---------------------------------------------------------------------------
ผมไม่ได้จะแอบฟังเธอนะครับ ฮิฮิฮิ
ผมแค่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าห้องเธอหลายๆรอบเท่านั้นเอง ผมได้ยินเบาๆแต่ฟังไม่รู้เรื่องครับ เธอคงคุยภาษาไทยกับเพื่อนแน่ๆ ต้องเป็นเรื่องผมแน่ๆอะ (หลงตัวเองอีกแล้ว...)
แต่ก็ไม่น่าจะเดาผิดหรอกครับ แฟนๆผมมักจะเป็นแบบนี้ประจำแหละ
จู่ๆคาคาโอ(คาท๊ก)จงอินก็เด้งมา
“ทำห่าอะไรอยู่วะ”
ผมยืนพิมพ์ตอบไปตรงนี้แหละ “กำลังเป็นหน่วยสอดแนม” และผมก็หัวเราะออกมา
ผมเล่าให้จงอินฟังหมดแล้วครับว่าผมเจออะไรมาบ้าง จงอินไม่เหมือนเทาฮยองครับ
หมอนี่แนะนำได้เกรียนพอๆกับผมเลย
“กูเหงาวะ พรุ่งนี้ไปดูหนังกัน” มันพิมพ์มา
“ไม่ได้”
“WHYYYYYYYYYYYY”
“พรุ่งนี้จะมีเพื่อนมาหา กูต้องอยู่บ้านทั้งวันเพราะพวกมันไม่ได้บอกเวลาที่แน่นอน”
“เพื่อนมึง? คนไหนวะ? มึงมีเพื่อนคนอื่นด้วยหรอ?”
“เออสิ กูเพื่อนเยอะเว้ย ดูหนังกับมึงไว้วันหลังละกัน”
“เออได้ๆ ว่าแต่มึงสอดแนมอะไร”
“สอดแนมเรื่องแฟนคลับตัวเอง”
“เฮ้ย เล่ากูมั่งสิวะ เป็นไงบ้าง”
ผมหัวเราะไปพิมพ์ไป “วันนี้กูได้คุยกับเธอแล้ว ไม่ใช่สิ เธอได้ยินกูพูดกับเธอแล้ว แต่เธอยังไม่ได้คุยกับกูเว้ย อึ้งอยู่ โอ้ย กูทำบาปมากอ่ะ แกล้งแฟนคลับแบบนี้ได้ยังไง”
“บาปอะไรละ มึงก็ปกตินี่ ฝ่ายนั้นต่างหากละที่จะเป็นจะตาย”
“มันก็ใช่...กูเห็นเธอแล้วแล้วอดแกล้งไม่ได้เลยอะ”
“เธอน่ารักปะ”
“น่ารักมาก ไม่รู้ดิ กูว่าน่ารักอ่ะ”
“มึงไม่ลองไปเคาะห้องเธอหน่อยหรอ เข้าไปทักทายหรือวิ่งอะไรเทือกนั้น ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
เป็นความคิดที่เก๋กู้ดมาเลยจงอิน กูรักมึงมากเลย
ผมเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องตรงหน้าผม...ผมสามารถยื่นแขนออกไปเคาะมันและรีบกลับเข้าห้องตัวเองได้อย่างแนบเนียน...
ผมไม่รอช้าครับ เคาะห้องเธอซักหน่อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
จากนั้นก็กระโจนเข้าห้องตัวเองปิดประตูให้เบาที่สุด
โอ้ย ท้องแข็งครับ ผมขำตัวงอเลยตอนนี้ ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้ารีบๆของเธอถลาไปเปิดประตูห้อง...และเงียบ โอ้ย ขำ
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเธอปิดประตูไป...
โอ้ย จงอินแผนมึงเลิศมาก กูปวดท้องเลยเนี่ย
---------------------------------------------------------------------------
“อาจจะเป็นเซฮุน” ไลน์ยัยจีจี้เด้งมาหลังจากที่เล่าเรื่องมีคนมาเคาะห้อง
เคาะสามครั้งและสามรอบ...พอออกไปดูก็ไม่มีใคร
“หูฝาด” ไลน์ยัยขนมไทยเด้ง ต่างกับจีจี้มาก “หรืออาจจะเป็นพี่ชังมินก็ได้”
“อื้อ พี่ชังมินก็ชอบเข้ามาแกล้งฉันบ่อยๆ...อาจจะเป็นเธอ” ฉันตอบขนมไทย “แต่ขนมไทย ฉันเริ่มกังวลอีกแล้วว่ะ พรุ่งนี้ฉันก็ต้องเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆใช่มั้ย? ต้องทนและเก็บอาการไว้ตลอดเลยใช่มั้ย?”
มันพิมพ์ยาวอีกแน่ๆเลย...เวลามีเรื่อง ขนมไทยช่วยได้เสมอ
“ฟังนะกรกต เมนเธอคือชานยอล ไม่ใช่เซฮุน เพราะงั้นจะเขินจะอายเขาทำไม? เธอน่ะไม่เคยมองเซฮุนเป็นผู้ชายในสายตาด้วยซ้ำ ทำไมพอเจอจริงๆจะต้องทำเหมือนว่าชอบเขาด้วยละ? เซฮุนไม่ใช่สเป็กเธอซะหน่อย คิดแบบนี้สิกรกต คิดแบบตอนที่เธอมองเขาผ่านyoutubeมองผ่านtwitterมองผ่านเว็บแฟนไซต์ต่างๆ คิดแบบเหมือนตอนที่เธอยังไม่ได้เจอตัวเขาจริงๆ”
ถ้าคิดแบบเมื่อตอนนั้นได้ละก็...เซฮุนก็เป็นเพียงเด็กผู้ชายที่สามารถเข้าใกล้ชานยอลได้เท่านั้นแหละ...
แต่จะทำได้ซะที่ไหนละ เซฮุนน่ะเขาเป็นไอดอลนะ! เขายังหล่อ ยังสูงอีกด้วย จะไม่ให้เขินได้ยังไง
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“ลองดู ท่องไว้ว่าเมนชานยอล เมนชานยอล เมนชานยอล”
เมนชานยอล เมนชานยอล เมนชานยอล...
เฮ้ย สบายใจขึ้นเยอะเลยอ่ะ รู้สึกเหมือนเซฮุนกลายเป็นคนธรรมดาๆที่เต้นเก่งไปแล้วจริงๆนะ...
แต่เวลาเจอหน้าเขาตรงๆจะทำได้อย่างนี้หรือเปล่านี่สิ...
ความคิดเห็น