คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 เฉินกับดีโอ
ผ่านไปสองวันเหตุการณ์อันน่าสะพรึงก็จบด้วยดี พ่อของคริสหรือพ่อมดเมอร์ลินอ้างว่าที่ปราสาทของมีกินเยอะดี ขออยู่ต่ออีกซักระยะนึง โดยภายนอกของเมอร์ลินในเรื่องหน้าตาส่วนสูงและรูปร่างนั้นเหมือนคริสเด๊ะแค่ดูมีอายุมากกว่านิดหน่อยเท่านั้น เขายังดูไม่เหมือนคนที่เจนโลกเลยทั้งๆที่อยู่มากกว่าสี่ร้อยปีแล้ว สีหน้าที่แทบจะตื่นเต้นและสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา เมื่อเอาไปเทียบกับซูโฮเห็นได้ชัดเจนเลยว่านิสัยไปในแนวตรงข้ามกันคนละโยชเลย
พูดถึงซูโฮ ตอนนี้อาการเขาหายดีจนเกือบจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ ดีโอก็รู้สึกตัวแล้วแต่ยังมึนงงต้องนอนพักต่ออีกสองสามวัน ส่วนซิ่วหมินยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าเขาก็ดูสดชื่นกว่าสองวันที่แล้วมาก ทุกคนล้วนพักอยู่ในปราสาท
ณ ห้องโถงใหญ่ เฉิน เลย์ เซมี และ ลู่หาน กำลังนั่งคุยพลางกินป๊อบคอนอย่างสบายอารมณ์ พวกเขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเพิ่งสู้กับแม่มดที่ชั่วร้ายที่สุดมา กลับจำได้แค่เรื่องตลกขบขันหรือไม่ก็ข้อผิดพลาดของคนอื่นมาล้อเล่นแทน
“จริงๆนะ! ตอนนั้นเนี่ย” เฉินเริ่มด้วยสีหน้าและท่าทางที่โอเว่อร์แอคติ้งเหมือนเคย เขากำลังเล่าเรื่องที่เขาล่องหนได้ครั้งแรก “ฉันจำไม่ได้จริงๆว่าทำยังไง รู้ตัวอีกทีก็มองไม่เห็นร่างตัวเองแล้ว โครตอึ้งเลย”
“ก็ยังดีที่ได้ทำอะไรบ้าง” ลู่เข้าร่วมสนทนา เขาเป็นคนถือถังป๊อปคอนให้เพื่อนๆ “ฉันนี่สิ ตกใจตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนั้น ได้แค่ยืนมองอึ้งๆ น่าอายจริงๆ”
“ไม่หรอกพี่ลู่” เซมีปลอบใจ “ไม่เห็นหรอว่าฉันทำอะไร”
“ทำอะไร?” ลู่หานหันไปถามเซมีที่นั่งข้างๆ
“หวีดร้องไงพี่ หวีดร้อง พี่ไม่ได้ยินเสียงฉันหรอ”
เฉินหัวเราะ “ใช่ๆ ฉันได้ยินเสียงเธอกรี๊ดกร๊าดอยู่ตลอดเวลา นั่นอาจจะเป็นประเด็นที่ฉันล่องหนไปเลยก็ได้”
“บ้าหรอ” เซมีว่า “พี่จะล่องหนได้เพราะฉันกรี๊ดเนี่ยนะ”
“ไม่แน่” ลู่หานยิ้มกวน “ไหนลองกรี๊ดดูสิ”
เซมีมองหน้าเลย์ที่อยู่ถัดจากเธอเพื่อขออนุญาตเล็กน้อยก่อนจะแผดเสียงดังสนั่นห้องโถงจนลู่หานที่นั่งติดกันต้องวางถังป็อปคอนเพื่อเอามือมาปิดหู เซมีหันไปมองร่างเฉิน
“ไม่เห็นหายไปเลย” เธอพูดอย่างเสียอารมณ์ “เห็นมั้ย ไม่ใช่เพราะเสียงกรี๊ดฉันหรอก...นี่พี่เลย์! ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ฉันหยุดแหกปากแล้ว” เซมีหันไปเหวใส่เลย์เมื่อเขาทำท่าเหมือนกำลังหลบลูกระเบิดปิดหูปิดตาแน่นปี๋
“แฮะๆ” เลย์หันไปยิ้มให้เซมี
จู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูเปิดผ่างออกมายังกะโดนพายุถล่ม ทุกคนหันขวับไปมอง
“เซมีเป็นอะไร!!” ชานยอลนั่นเอง เขาคงตกใจที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเซมีจึงรีบมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อเขาเห็นเธอยิ้มแห้งๆก็รู้ทันทีเลยว่ากำลังเล่นกันอยู่ ชานยอลหัวเสียเล็กน้อย เขาเดินมาเขกหัวเซมีกับเฉินซะแรง
“โอ้ย!!” เฉินร้อง “ทำไมกูต้องโดนด้วยละ! ไอหูแมมมอธ!”
แต่ชานยอลไม่ตอบเขาเดินปึงปังออกไปและเตือนว่าอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นโดนหนักกว่านี้แน่
“เขาดูท่าทางรักเซมีมากเลยนะ” จู่ๆเลย์ก็พูดขึ้นมาเมื่อชานยอลออกจากห้องลับตาไป เฉินทำเสียงเห็นด้วยทันทีทันใด
“ใช่มั้ยๆๆ นายผู้มาจากดาวอื่นยังรู้สึกได้เลย ใช่ปะ!!” เขาพูดเสียงดัง
เซมีเขินเล็กน้อยเธอบิดไปบิดมาด้วยความอาย “แหม...ก็ฉันมันน่ารักนี่นา”
ได้ยินเสียงโก่งคอทำเหมือนจะอ้วกดังๆมาจากลู่หานและเฉินพร้อมๆกัน เซมีหันไปทำตาโตอย่างไม่อยากเชื่อใส่ลู่หาน พี่ลู่ก็เอาไปกับเขาด้วยหรอเนี่ย! แต่สุดท้ายลู่หานก็ลูบหัวง้อเซมีแทบจะทันทีและปล่อยให้เฉินโก่งคออยู่คนเดียว เลย์หัวเราะชอบใจ
“อะแฮ่ม!...ว่าแต่นายเลย์” เฉินหันไปสนใจคนไกล “มาที่โลกเพราะเมอร์ลินขอร้องอย่างเดียวเลยหรอ?”
“อื้อ ใช่และไม่ใช่” เลย์ทำให้เฉินที่กำลังจ้วงหยิบป็อบคอนหยุดชะงักและมองด้วยสีหน้างงๆ เลย์หัวเราะ “ใช่ คือฉันมาตามคำขอของพ่อมดเมอร์ลิน และไม่ใช่ คือฉันอยากจะมาที่โลกอยู่ด้วย”
“อ๋อ...” เฉินทำหน้าเข้าใจก่อนจะยัดป็อบคอนทั้งกำมือใส่ปากตัวเอง
“อยากมาที่โลกทำไมหรอเลย์” ลู่หานอยากรู้บ้าง เขายื่นป็อปคอนให้เลย์ด้วย เลย์หยิบมาเต็มกำมือก่อนจะตอบ
“มาตามหาเวนดี้ของฉัน”
“หือ?” สามเสียงผสานพร้อมกันด้วยความสนใจ
“เวนดี้?” เฉินทวน “อ๋อ...เวนดี้ของปีเตอร์แพน!”
เลย์ยัดป็อปคอนเข้าปากเหมือนเฉิน ก่อนจะชี้ว่าเฉินเข้าใจถูกแล้ว
“ยังไงอะ” ลู่หานไม่เข้าใจ “แต่ว่าเลย์ นั่นไม่ใช่วิธีการกินป็อปคอนที่ถูกต้องหรอกนะ อย่าไปทำตามเฉินสิ”
เลย์กลืนป็อปคอนลงคออย่างยากลำบากบอกจะเล่าให้ฟัง
“คนเฒ่าคนแก่เขาบอกฉันว่า ปีเตอร์แพนทุกคน จะมี เวนดี้เป็นสาวงามที่โลกนี้รออยู่ ต้องรีบๆมาหาด้วยนะ เพราะถ้าเวนดี้แต่งงาน เวนดี้ก็จะไม่ใช่เวนดี้ของปีเตอร์แพนอีกต่อไป”
“ว้าว” เซมีทำเสียงเพ้อฝัน “ดีจังเลย รีบๆหาให้เจอนะเลย์!” เธอเขย่าตัวเลย์อย่างตื่นเต้น
“อื้อ ความจริงฉันหาเจอแล้วละ”
“หา!” เฉินขึ้นเสียงสูง “จริงดิ! อะไรจะเร็วปานนั้นนายมาเหยียบโลกยังไม่ถึงสองสัปดาห์เลยนะ!”
“ใครหรอๆ” ลู่หานถามอย่างตื่นเต้น
“คนนี้ไง” เลย์ชี้ไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเขา เซมีหน้าแดงเป็นมะเขือเทศทันที
เฉินไม่แน่ใจว่าควรจะโก่งคอดีหรือไม่ เขาเลยได้แค่ไอแห้งๆกลบเกลื่อนไปก่อน ลู่หานตกใจจนสตั้นไปสองสามวิก่อนจะพยักหน้า งืมๆ แบบไร้เหตุผล ความเงียบโจมตีอยู่พักใหญ่
“เอ่อ...ฉัน...ฉันควรไปห้องน้ำดีมั้ยนะ” เฉินพูดพลางมองซ้ายมองขวาราวกับไม่รู้มาก่อนว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน “ลู่หาน...นายคงปวดเหมือนกันสินะ”
“หือ...อ่อ...เออใช่ ใช่ๆฉันปวดมากเลย ปวดขามากจริงๆ”
“ปวดฉี่สิ!” เฉินกระซิบใหญ่
“เอ้อ ปวดฉี่!! ใช่ๆ งั้นฉันขอตัวไปห้องน้ำกับเฉินก่อนละกัน ดะ-เดี๋ยวมา”
เลย์ระเบิดหัวเราะอย่างพอใจเมื่อเห็นเพื่อนสองคนโดนอำซะเชื่อสนิทเลย ลู่หานก็หัวเราะร่วมด้วยคนเมื่อรู้ว่าโดนแกล้ง ส่วนเฉินยิ่งกว่าหัวเราะอีก แต่เซมีคว้าป็อบคอนมาสองสามเม็ดแล้วปาใส่เลย์ด้วยความอายจากการหน้าแตก เลย์นี่บ้าจริงๆ
ณ ห้องพักผู้ป่วยในปราสาท
แบคคยอน ชานยอล กำลัง นั่งเฝ้าดูอาการของซิ่วหมินอย่างใกล้ชิด
“เขาน่าสงสารกว่าฉันอีก” แบคกล่าวพลางแกะส้มผู้ป่วยแล้วส่งต่อให้ชานยอลที่นั่งข้างๆกินแทน “เขาโดนหลอก โดนหักหลัง และ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แถมยังรู้ชะตาชีวิตตัวเองด้วยว่าต้องกลายเป็นอะไรไปในซักวัน เขาคงฝันร้ายทุกคืนแน่ๆเลย”
“อืม...”
“ฉันเสียใจ ที่ฉันเคยคิดว่าเขาบ้า ถ้าฉันรู้ว่าตอนนั้นเขาพูดความจริง ฉันกับเขาอาจจะได้อยู่ด้วยกันก็ได้” แบคคยอนแกะส้มลูกที่สองส่งต่อให้ชานยอลโดยที่สายตาจับจ้องที่ใบหน้าซิ่วหมินอย่างรู้สึกผิด “พี่...ผมขอโทษ ผมน่าจะเชื่อพี่”
“ไม่หรอกหน่า...”
“เขาคงจะถูกเก็บมาเลี้ยงเหมือนฉันสินะ...จะพูดว่าน่าสงสารก็ยังไงอยู่ เพราะฉันเองก็ถูกเก็บมาเลี้ยงเหมือนกัน ฉันอยากให้เขาฟื้นเร็วๆจังเราจะได้คุยกันซักที ทำความรู้จักกัน เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ย ชานยอล”
“อืม ไม่เป็นหรอก...”
“พี่จะชอบกินส้มมั้ยนะ” แบคคยอนปลอกเปลือกลูกที่สี่ให้ชานยอล “ผมจะแกะเปลือกให้พี่กินทั้งวันทั้งคืนเลยถ้าพี่ชอบ...ถึงเราจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ผมก็คิดว่าพี่เป็นพี่ชายผมนะ ผมมีแค่พี่คนเดียวแล้วตอนนี้ แต่ว่าทำไม...”
“หืม?” ชานยอลหันไปมองแบคคยอนเมื่อเขาหยุดพูด ในปากเต็มไปด้วยผลส้ม
“ทำไมพี่เขาตัวเล็กจังเลยชานยอล...” แบคหันไปสบตากับชานยอล ก่อนจะทำปากยี๋เมื่อเห็นปากของชานยอลเละเทะไปหมด เขาฉวยทิชชู่ข้างเตียงมาให้ชานยอลเช็ด
“ขอบใจ...ตัวเล็กหรอ...” ชานยอลมองร่างของซิ่วหมิน “อืม เล็กจริงๆด้วย เท่าดีโอเลย ฉันว่าน่ารักดีออก”
“ช่าย” แบคคยอนหันไปจ้องซิ่วหมินต่อ เขาดูเหมือนจะเห่อพี่ชายมาก มากจนชานยอลสัมผัสได้ เขาแทบพ่นส้มออกจากปากเมื่อได้ยินแบคพูดว่า
“ฉันอยากหอมแก้มนุ่มๆนั่นจังเลย”
“หือ!” ชานยอลถลึงตาใส่แบค “อะ-อะไรนะ!”
“ทำไมละ!” แบคหันมาถามด้วยสีหน้าตำหนิ “ทีไคกับเซมีเขายังหอมแก้มกันน่ารักเลย ฉันจะทำบ้างไม่ได้หรอไง เนอะพี่เนอะ” เขาหันไปยิ้มระรื่นใส่ร่างที่นอนไม่รู้สึกตัว
“แกจะบ้าหรอแบค! นี่มันผู้ชายนะ! นั่นมันพี่สาวน้องชาย! มัน--”
“ไม่เหมือนกันหรอ?”
“ไม่เหมือนสิเฮ้ย!”
“งั้นหรอ...” แบคทำหน้าเสียดาย “แล้วฉันหยิกแก้มเขาได้มั้ยอ่ะ” แบคยื่นมือออกไปเหมือนจะหยิกแก้มซิ่วหมิน ชานยอลรีบคว้ามันกลับมา
“เฮ้ย! ใจเย็นสิเพื่อน! สงบสติหน่อย นายชักจะเหมือนเซฮุนเข้าไปทุกทีๆแล้วนะ”
แบคหันมาทำตาโตใส่ชานยอล “นี่นายว่าสมองฉันเลื่อนลงไปในไส้ติ่งหรอ!!”
ณ ห้องพักผู้ป่วยห้องถัดไป
เซฮุน ไค เทา มาเยี่ยมดีโอที่กำลังนอนลืมตาและพูดคุยเพื่อรื้อฟื้นความจำเบาๆ ความทรงจำของดีโอยังกลับมาไม่หมด เขายังมึนและงุงงนกับเรื่องราวเมื่อสองสามวันก่อน จะต้องมีใครมากระตุ้นสมองเขาหรือชวนเขาคุยเรื่อยๆ จะทำให้เขาช่วยจำได้เร็วขึ้น
เซฮุนกำลังบังคับให้เทาแกะส้มให้ตัวเอง ส่วนไคกำลังเล่นกับที่ปรับความสูงของเตียงอย่างสนุกสนาน ดีโอหลับตาลงเพื่อสงบสติที่กำลังโกรธเมื่อถูกรบกวนจากเด็กๆพวกนี้
“เออพี่” ในที่สุดเซฮุนก็บังคับให้เทาแกะเปลือกส้มให้เขาสำเร็จและหันมาพูดกับดีโอ “พี่จำอะไรได้บ้างอ่ะ” เหมือนเขาจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ สนใจแต่ส้มที่เทากำลังแกะมากกว่า ไคเห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยหยุดเล่นและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซฮุนและเทา
“จำอะไรไม่ได้เลย” ดีโอบอกเสียงเคืองๆด้วยความหงุดหงิด ไอพวกนี้จะมาช่วยหรือจะมาเล่นกันแน่
“จำผมได้มั้ยพี่?” เซฮุนถามพลางชี้ตัวเอง
“นายถามฉันเป็นรอบที่14ละ จำได้สิเซฮุน”
“เอ่าหรอครับ” เซฮุนยิ้มเขินให้ดีโอก่อนจะฉวยส้มจากมือเทาและยัดเข้าปากอย่างมีความสุข
เทาที่ก้มหน้าก้มตาแกะเปลือกส้มพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “นายน่าจะเหลือให้ฉันกินบ้างนะ เซฮุน”
“ลูกต่อไปละกันพี่ เดี๋ยวเหลือให้ครึ่งนึง”
“เฮ้ยๆ” ไคเห็นว่าส้มน่าสนใจดี “กินบ้างสิ พี่เทาขอผมมั่งนะ”
“แกะเองสิวะ!” เทาโยนส้มข้ามเตียงไปให้ไค ไคทำหน้าบูดใส่ก่อนก้มหน้าแกะส้มตัวเองพร้อมบ่นงึมงำ “แกะเองก็ได้เชอะ...ไอพี่ตัวเขียวเหมือนพิกโกโร่”
“ขอโทษนะไค” เทาได้ยิน “นายว่าใครตัวเขียวเป็นพิกโกโร่สหายสนิทของโงกุนไม่ทราบ?”
เซฮุนหัวเราะชอบใจ
“เอ่อ เปล่าครับ...ผมแค่” ไคมองซ้ายมองขวา หาขออ้าง “ผมแค่บอกว่า...ส้มนี่กลมเหมือนลูกดราก้อนบอลเลย... พิกโกโร่น่าจะอยากได้น่ะครับ ไม่ได้พูดอะไรเขียวๆเลย”
“งั้นหรอ อย่าให้รู้อีกนะว่า--”
“ขอโทษ” ดีโอแทรก “ออกไปทะเลาะกันข้างนอกเถอะนะ พวกนายไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยเนี่ย แล้วไอพิกโกโร่ที่ว่ามันคือใคร? ฉันไม่เห็นรู้จักเลย...หรือฉันจำไม่ได้”
“โธ่ๆ พี่ดีโอ” เซฮุนทำเสียงอ้อน “อย่างอนสิ พวกผมแค่เล่นกันสนุกๆเท่านั้นเอง พิกโกโร่ก็คือตัวละครในเรื่องโคนันยอดนักสืบไงครับ ที่เป็นพ่อของนางเอกน่ะ”
ไคกับเทามองหน้ากัน นั่นมัน โมริ โคโกโร่
“งั้นหรอ” เหมือนดีโอจะรู้สึกว่าไม่ใช่ แต่ก็จะพยายามเชื่อนะเซฮุน
“เดี๋ยวฉันไปตามเซมีมาละกัน” เทาพูด “นายจะได้อารมณ์ดีกว่านี้”
ดีโอหันไปมองที่เทางงๆ “ทำไมต้องเป็นเซมี”
“เอ่า” เทาทำหน้างงใส่บ้าง “พวกนายสองคนสนิทกันไม่ใช่หรอ เอ๊ะ หรือไม่ใช่...”
“ใช่ๆ” เซฮุนเห็นด้วย “ไปตามพี่เซมีมานั้นแหละดีแล้ว เพราะพี่ดีโอชอบอยู่กับพี่เซมี”
ดีโอไม่เข้าใจแต่หน้าเขาก็เปลี่ยนสีนิดหน่อย “พวกนายไปรู้ได้ไงว่าฉันชอบอยู่กับเธอ”
“อ่าว” เซฮุนทำหน้างงอีกคน “ไม่ใช่หรอกหรอ...”
“ใช่สิ ไม่ใช่ได้ไง” ไคยืนยันอีกคน “พี่เซมีไว้ใจพี่ดีโอมาก พวกพี่เคยทำภารกิจด้วยกันมาหลายครั้งใช่มั้ย? พี่ดีโอจะรู้สึกดีทุกครั้งเวลาได้คุยกับพี่เซมีใช่ปะครับ?”
หน้าดีโอเริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด “พวกนายไปรู้มาจากไหน?”
“อ่าว” ไคงงตามกันไปเป็นคนที่สาม “ไม่ใช่หรอ...”
“โอ้ย! หยุดทำหน้างงก่อนได้มั้ยพวกนาย!” ดีโอพูดเสียงดังจนส้มในมือเซฮุนร่วง “ฉันแค่อยากรู้ว่าพวกนายไปเอาเรื่องแบบนี้มาพูดจากไหนก็แค่นั้นเอง!”
ไม่ทันที่พวกเขาได้งงกันต่อ เมอร์ลินกับคริสก็เดินเข้ามาเยี่ยม ทำให้พวกเขาสนใจทั้งสองคนที่เพิ่งเข้ามาแทน
“ว่าไงพ่อหนุ่มพลังจิต!” เมอร์ลินทักทายด้วยเสียงร่าเริง “จำอะไรได้บ้างหรือยัง?”
“นิดหน่อยครับ...สามคนนี้ช่วยได้มากเลยทีเดียว”
“งั้นหรอๆ” เมอร์ลินหัวเราะชอบใจ “ดีแล้วละ รีบๆหายไวๆนะ นายยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะแยะเลย”
“เอ๋?” ดีโอแปลกใจเล็กน้อย หรือว่าเขากำลังจะบอกว่ามีงาน...
“ไม่ใช่แบบที่เธอคิดหรอกพ่อหนุ่มพลังจิต” เมอร์ลินตอบเหมือนอ่านใจดีโอได้ “ฉันหมายถึง...อายุอย่างเธอน่ะ ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ รีบๆหายซะ ก็เท่านั้นแหละ”
ทุกคนหัวเราะ เมอร์ลินหันไปหาเซฮุน “นี่หลานฉันเร่อะ!” เขาเดินไปตบบ่าเซฮุนหนักๆสองที “หล่อเหมือนปู่มันเลยเว้ย” เทาปล่อยพรืดออกมาอย่างสุดจะกลั้น ดีโอยิ้มน้อยๆให้ ส่วนเซฮุนอมยิ้มเขินและไม่สบตาใครเลยเขาเอาแต่มองพื้น
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะที่ลูกชายฉันไม่เอาไหนเลย” เมอร์ลินพูดกับเซฮุน ทั้งๆที่คริสยืนอยู่ตรงนั้นด้วย “ฉันจะตามหาแม่ให้นะไม่ต้องห่วง...นายอยากไปอยู่กับแม่มั้ยเซฮุน”
เกิดความเงียบชั่วขณะกว่าเซฮุนจะตอบ “อะ..เอ่อ...ผมคิดว่า”
“ไม่เป็นไรๆ” เมอร์ลินตบบ่าให้สองที “ค่อยๆคิดละกัน ฉันยังมีเวลาให้นายอีกหลายสิบปีเลย” แล้วเขาก็หัวเราะชอบใจ คริสไอแห้งๆออกมาก่อนจะเอ่ย
“พ่อครับ ไหนพ่อจะไปดูอาการของซิ่วหมินไง”
“เอ้อ!” เมอร์ลินนึกขึ้นได้ “งั้นฉันขอตัวก่อนละกันนะเด็กๆ เซฮุนมีปัญหาอะไรกับพ่อฟ้องปู่คนนี้ได้เสมอเลยนะ ฉันเลี้ยงลูกชายมาไม่ดีเท่าไหร่หรอก แต่ฉันจะพยายามเลี้ยงหลานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ละกัน”
“พ่อ” คริสเรียกจากนอกห้อง
“เออๆ ไปละๆ แล้วก็นะเด็กหนุ่มพลังม้า” เขาหมายถึงเทา “พละกำลังของนายจำเป็นสำหรับทุกๆคน เพราะฉะนั้นสำคัญตัวเองให้มากเข้าไว้”
“พ่อ!”
“ไปแล้วๆ ส่วนไค เธอมีพลังรักษาบาดแผลและคำสาป ช่วยสำคัญตัวเองให้มากๆด้วยเช่นกัน ฉันไปหาซิ่วหมินก่อนละ เดี๋ยวจะแวะมาบอกเรื่องสนุกๆให้ฟังทีหลัง”
และเมื่อเขามาถึงห้องของซิ่วหมิน
แบคคยอน กับ ชานยอล ยืนขึ้นตามมารยาททันที
“ไม่เป็นไร นั่งเถอะเด็กๆ” เมอร์ลินว่า “ไหนฉันขอดูพี่ชายเธอหน่อยสิแบคคยอน”
เขาเดินไปข้างๆเตียงจ้องมองซิ่วหมินก่อนจะบีบหน้าพลิกไปพลิกมาเพื่อดูใบหูทั้งสองข้าง แบคกับชานยอลมองตามและสงสัยว่าเมอร์ลินกำลังทำอะไร ซักพักเขาก็ยกแขนซิ่วหมินขึ้นและเอาลง ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างและเปาใส่ซิ่วหมิน บางครั้งเขาก็ดูเหมือนหมอผีเหมือนกันนะ
“เขาดีขึ้นเยอะ” เมอร์ลินหันมาตอบทุกๆคน “แต่ว่าคงต้องนอนพักอีกซักหน่อย ให้ดีนะ...พวกนายควรจะไปบอกไคให้เข้ามาจุมพิตซิ่มหมินทุกๆคืน เขาจะได้ตื่นเร็วๆ” เมอร์ลินหัวเราะชอบ
“ทำไมต้องจุมพิตด้วยละครับ” แบคคยอนถามขึ้นมา
“อ่อ” เมอร์ลินทำหน้าเสียใจ “มันเป็นความผิดของฉันเองแหละ ฉันนึกว่ายัยแม่มดจะใส่เลือดชั่วไปในตัวหญิงสาวน่ะสิ การจุมพิตมันก็ดูปกติใช่มั้ยละ ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง ฉันเลยทำให้ไคใช้วิธีนั้นรักษา แต่ก็นะ...ดันไปเจอแม่มดโง่ๆเข้าให้”
แบคคยอนเข้าใจทันที
“เสร็จธุระของฉันแล้วนะ ขอตัวไปหาอะไรกินในครัวก่อนละ” เมอร์ลินพูดเสร็จก็ก้าวเท้าออกจากห้องไป
เวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสองกว่าๆ เซมีผู้ไม่เลยหลับใหลแอบย่องเข้าห้องพักดีโอเบาๆ เธอแง้มประตูดูว่าดีโดหลับอยู่หรือเปล่าก่อนจะสะดุ้ง
“ใครน่ะ” เสียงดีโอนั่นเอง เสียงใสซะด้วย แสดงว่ายังไม่หลับ และไม่ได้ตื่นมาเพราะเสียงแง้มประตูแน่ๆ
“ฉันเอง” เซมีเปิดประตูกว้างให้เขาเห็น และเดินเข้าไปนั่งข้างเตียง
“เธอมาทำอะไรน่ะ” ดีโอถามพลางพยายามลุกขึ้นมานั่ง
“ฉันหรอ...พอดีฉันไม่มีอะไรทำ กะจะมาเฝ้านายน่ะ นายก็รู้ว่าฉันนอนไม่ได้...” เซมีพูดไปเกาหัวไปและพยายามหลบตาดีโอ
“หือ?” ดีโอจับท่าทางแปลกๆนั่นได้ “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเธออยากจะบอกอะไรกับฉัน”
“เอ่อ...” เซมีพยายามปัดหน้าแดงๆนั่นออกไป “เปล่าหรอก เรื่องไร้สาระน่ะ”
“ฉันจะไม่เซ้าซี้ถามเธอหลายๆรอบนะเซมี ถ้าจะเล่าก็เล่ามาเลย เดี๋ยวนี้” ดีโอทำเสียงให้มันดุเล็กน้อยเพื่อให้เซมีรีบๆเล่า และเธอก็ดูเหมือนอยากเล่าจริงๆนั้นแหละ เลยทำให้ดีโอรำคาญขึ้นไปอีก “ชักช้าทำไม เร็วๆสิ”
“ก็ได้ๆ” ในที่สุดเธอก็ยอม “คือฉัน...ฉันรู้สึกว่า”
“อืม”
“รู้สึกว่า...เอ่อ...พี่ลู่หานแปลกๆไปน่ะ”
“หือ? ทำไมละ”
“นายก็รู้” เซมีเริ่มตะกุกตะกัก “เอ่อ...พี่เขาเป็นเพลบอยนี่...คือฉันหมายถึง เขาต้องดูเจ้าชู้และ...เอ่อ...พาผู้หญิงเข้าบ้านอะไรประมาณนั้นอ่ะ คือฉันก็ไม่ชอบหรอกนะ ฉันเลยบอกกับพี่เขาไป และหลังจากนั้น พี่เขาก็ไม่ทำอีกเลย ฉันเลยรู้สึกว่าแปลกๆน่ะ”
“เธอกำลังจะบอกอะไรฉันกันแน่ พี่ลู่หานเขาก็ทำถูกแล้วนี่”
“ใช่” เซมีพยายามอธิบายด้วยสีหน้าแดงๆนั่น “ตะ-แต่ว่ามันแปลกไง! ผู้ชายเพลบอยที่ไหนเขายอมทำตามคำขอร้องของฉันแบบนั้นกันละ นายเข้าใจมั้ย คือฉันกำลังสงสัยไงว่า...พี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ เอ่อ...คือฉัน”
“เดี๋ยว” ดีโอยกมือห้ามขึ้นมาเมื่อรู้สึกปวดจี๊ดๆที่หัว “ช่วยเอาประโยคสุดท้ายที่เธอจะพูด พูดมาตอนนี้เลยได้มั้ย”
“คือว่า!” เซมีเริ่มหงุดหงิดบ้าง “ฉันจะบอกว่า พี่ลู่หานกำลังคิดอะไรกับฉันกันแน่!!” สุดท้ายเธอก็หน้าแดง ดีโอทำตาโตเล็กน้อย
“นี่เธอกำลังจะบอกว่า” ดีโอชี้ไปที่เซมี “พี่ลู่หานชอบเธอหรอ?”
เห็นได้ชัดเลยว่าเซมีลุกลี้ลุกลนทันที เธอส่ายหน้ารัวแรง พร้อมรีบตอบ “ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนั้น!”
“แล้วยังไง” ดีโอขมวดคิ้ว “ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันกำลังสงสัยน่ะ...” เซมีเล่าเหมือนกำลังเล่าเรื่องสยองขวัญ แต่หน้าอมแดง “สงสัยว่าพี่ลู่เขากำลังจะเอ่อ...นายก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
“อะไร?” ดีโอขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
“ก็แบบนั้นไง...คือฉันคิดว่าพี่เขากำลังทำให้ตายใจ...เอ่อ...ให้คิดว่าเขาเป็นคนดีไรแบบเนี่ย แล้วจากนั้นก็...”
“จากนั้นก็ฉวยโอกาสจากเธอใช่มั้ย” ไม่ใช่เสียงดีโอแต่เสียงของเฉินที่ดังมาจากเก้าอี้ว่างๆอีกฝั่งของเตียง เซมีสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นเก้าอี้ว่างๆนั่นก็ค่อยๆกลายมาเป็นตัวเฉินนั่งยิ้มกว้างพร้อมหรี่ตาให้เธอ
“พี่เฉิน!” เซมีกุมหน้าอกตัวเอง หน้าแดงขึ้นไปอีก “อยู่ตรงนั้นก็ไม่บอก! แล้วนี่ล่องหนได้เองแล้วหรอ!”
“ช่าย” เฉินยิ้มภูมิใจ “ฉันรู้วิธีแล้วละว่าทำยังไง”
“ยังไง?”
“กลั้นหายใจแล้วนึกให้ตัวเองหายไปน่ะ ง่ายๆเนอะ” เขาพูดไปยิ้มไป “อย่ามาเปลี่ยนประเด็นเซมี” เขาหันไปเหล่แปลกๆให้เธออีกครั้ง “เธอกำลังคิดว่าลู่หานกำลังหลอกเธอเพื่อฉวยโอกาสใช่มั้ยละ”
“ก็...” เซมีกะจะเล่าให้ดีโอฟังคนเดียวนะเรื่องนี้ แต่นั่นแหละ...”ประมาณนั้น...”
“ขอโทษนะที่บังเอิญมานั่งตรงนี้” เฉินกล่าว
“บังเอิญหรอ?” ดีโอแทรก “นายนั้นแหละ บอกให้ฉันปิดปากเงียบว่านายอยู่ตรงนี้ มันจะแกล้งเธอน่ะ เซมี กะจะทำให้ตกใจ”
“อ๋อ หรอค่ะ ช่างมันเถอะนะ” เซมีทำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“อย่าเพิ่งโกรธสิ ว่าแต่เธอน่ะ มาปรึกษาผิดคนแล้วละเซมี เรื่องแบบนี้ต้องถามฉันสิ ฉันรู้ดี”
ดีโอหันไปมองด้วยสายตาแหลมเฉียบไปให้เฉิน แต่เฉินไม่สนใจเขากล่าวต่อ
“ฉันเองก็เป็นเพลบอยเหมือนกันนะ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม “เธอไม่รู้หรอ?”
“ไม่อยากรู้” เซมีสวน ทำเอาดีโอหลุดขำออกมา
“ใจร้ายอะ เออ...แต่ว่าเซมี เธอกำลังเข้าใจผิดนะ เรื่องลุ่หานอ่ะ”
“หือ? ยังไง”
“เขาไม่ได้เป็นเพลบอยซะหน่อย เขาแค่ทำตามที่ผู้หญิงต้องการเท่านั้นแหละ และเขาก็ไม่คิดจะหลอกเธอด้วย ฉันว่าเขาชอบเธอด้วยซ้ำเซมี”
ทั้งดีโอและเซมีทำตาโตพร้อมกันด้วยความไม่อยากเชื่อเท่าไหร่
“ไม่หรอกพี่เฉิน” และเซมีก็คิดได้ “พี่ลู่หานเขาจะมาชอบคนอย่างฉันได้ยังไง”
“เข้าใจผิดอีกแล้ว” เฉินส่ายหน้าเบาๆ “ฉันไม่ได้หมายถึงชอบเธอแบบนั้น ฉันหมายถึง ชอบเธอที่ว่าชอบที่จะคุยชอบที่จะเล่นด้วยน่ะ” จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังจนลืมตัวไปว่านี่มันตีสองกว่าแล้ว เซมีหน้าแดงด้วยความโกรธเธอปาส้มใส่เฉินเต็มแรง แต่เขารับไว้ทัน
“ดีโอ!” เซมีหันไปขอความช่วยเหลือ “นายคิดว่าคนอย่างฉันมันจะมีใครมาชอบมั้ย?”
“ไม่มี” เฉินตอบแทนในทันที
“ไม่เล่นด้วยแล้วพี่เฉิน!” เซมีปาส้มลูกที่สองไปแต่เขาก็รับได้ “ฉันถามจริงๆ ดีโอ” เธอหันไปสบตาดีโออย่างจริงจัง “คิดว่าคนอย่างฉันจะมีโอกาสมั้ย ที่จะมีใครซักคนมาชอบน่ะ ฉันหมายถึง ชอบแบบอยากจะคบเป็นแฟนน่ะ! ชัดมั้ย!” เธอหันไปเหวใส่เฉินที่ทำตาโตล้อเลียนเธออยู่
“มีสิ” คำตอบของดีโอทำให้หัวใจเซมีพองโตด้วยความดีใจ ส่วนเฉินทำหน้าตื่นตกใจเหมือนดีโอเพิ่งพูดว่าเขาสอบตกทุกวิชาและกำลังจะโดนไล่ออกจากมหาลัย
“จริงหรอ!” เซมีตื่นเต้นจนเผลอกระโดดสองสามที
“ใครหรอดีโอ” เฉินถามสีหน้ายังคงตื่นตระหนก “ใช่ไอคนที่สมองเลื่อนลงไปในไส้ติ่งที่แบคคยอนชอบพูดหรือเปล่า?!”
ดีโอหัวเราะ เซมีปาส้มลูกที่สามไปให้เฉิน แต่อันนี้เขาหลบได้
“ฉันเดาว่าต้องมีซักคนนั้นแหละ” ดีโอพูดต่อ “อย่าคิดมากเลยเซมี สำหรับฉันแล้วเธอน่ะน่ารักพอสมควรเลยละ”
เซมีหน้าแดงและบิดไปบิดมาเมื่อโดนดีโอชม นานๆครั้งเขาจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงจริงๆแบบนี้ ส่วนเฉินทำท่าโก่งคอเหมือนจะอ้วกอีกครั้ง
“เออ ว่าแต่” เซมีนั่งลงเมื่อสงบได้เองแล้ว “ทำไมถึงไม่นอนกันเนี่ย ดึกมากแล้วนะ”
เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาอึกอักที่จะตอบและหลบตาเซมี เฉินทำเหมือนจะแกะส้มเพื่อเลี่ยงตอบส่วนดีโอเขาตบหมอนเปาะแปะเพื่ออะไรไม่รู้ ทั้งสองกำลังคิดหาข้อแก้ตัวอยู่
“กำลังคุยกันเรื่องอะไรอยู่น่ะ” เซมีมองดีโอกับเฉินสลับไปมาอย่างจับผิด
“เอ่อ...” ดีโอหยิบหมอนมากอดไว้ ซักพักก็วางที่เดิม ซักพักก็ตบหมอน
“เอ่อ...” เฉินก้มหน้าก้มตาแกะเปลือกส้มจนเกินเหตุ “กำลัง...”
“บอกมานะ ไม่งั้นฉันจะให้แบคคยอนมาย้อนดูอดีตพวกนาย” เธอขู่
ดีโอกระแอมดังๆก่อนจะสบตากับเฉินและตอบ “มันก็ไม่มีอะไรหรอกนะ แต่เรื่องนี้ห้ามไปบอกซูโฮเด็ดขาด ห้ามบอกชานยอลด้วย” ดีโอพูดเสียงกระซิบ
“ได้เลย...” เซมีเผลอกระซิบตอบ
“เมื่อกี้ เฉินเขาเดินไปเดินมาอยู่แถวชั้นบนปราสาท...แล้วเขาบอกว่าเขาเจอ”
“เจอห้องปิดตายห้องนึงน่ะ” เฉินเสริม “มันแงะไม่ออกเลยละ ฉันพยายามแล้ว”
“ใช่” ดีโอต่อ “แล้วซูโฮก็มาเจอเขาพอดี และบอกว่าเป็นห้องที่พังแล้ว พื้นทรุดถ้ามีใครเข้าไปจะเกิดอันตรายได้น่ะ”
“เขาโกหก” เฉินรีบต่อ “ฉันทำเป็นเชื่อที่เขาพูดแล้วเดินจากไป เธอรู้มั้ย ฉันย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่ล่องหนเอาไว้ด้วย”
“เฉินเห็นซูโฮเข้าไปในห้องนั้นได้ เขามีกุญแจ!” ดีโอแทรก ตอนนี้เซมีต้องหันไปหันมา
“ฉันน่าจะตามเขาเข้าไป” เฉินว่าพร้อมทำหน้าเสียดาย “เขาปิดประตูซะก่อน ฉันเลยไม่เห็นว่าข้างในเป็นยังไง แต่ว่านะ...” เขาทำเสียงตื่นเต้น “ฉันเดินไปแนบหูที่ประตู แล้วฉันก็ได้ยินเสียงซูโฮคุยกับใครไม่รู้ข้างในนั้นด้วย!!”
“คุณพระ” เซมีปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ
“ฉันตกใจเลยรีบมาเล่าให้ดีโอฟัง แล้วพวกเราก็นั่งเดาว่าใครอยู่ในนั้นยาวจนถึงตีสองเนี่ยแหละ” เฉินกล่าวต่อไป “นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีใครที่อยู่ในนั้นอีกคนนึงด้วย”
“ฉันว่าต้องไม่ใช่แม่บ้านแน่ๆ” ดีโอรีบเสนอ “จะขยันทำความสะอาดอะไรนักหนา ใช่มั้ยเฉิน”
“ใช่ พวกเราลองหาทางความเป็นไปได้หลายอย่างแล้ว มันก็ไม่น่าจะมีใครอยู่ในนั้น...”
“อาจจะเป็นเซฮุนก็ได้ แอบไปเล่นซนในนั้น” เซมีพูด
“ไม่ใช่หรอก” เฉินบอก “มันเป็นเสียงผู้หญิง ไม่ใช่เสียงผู้ชาย”
“คุณพระ” เซมียกมือขึ้นปิดปากอีกครั้ง นอกจากเธอแล้วในปราสาทนี้ก็ไม่น่าจะมีผู้หญิงที่ไหนอีก
“ฉันว่า” ดีโอเอ่ย “ซูโฮน่ะ มีความลับหลายอย่างที่พวกเราไม่รู้ เขาไม่เหมือนคริส คริสดูภายนอกแล้วเหมือนจะซับซ้อนแต่เอาเข้าจริงเขาก็เป็นคนตรงๆ”
“ใช่” เซมีเสริม “ฉันอยู่กับซูโฮมานานยังรู้สึกได้เลยว่าชีวิตของเขามีเรื่องมากมาย”
“ฉันว่านะ” เฉินพูด “ปราสาทหลังนี้ต้องซ่อนอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะแน่ๆ”
“แต่ที่รู้คือ” ดีโอพูดต่อ “ในห้องนั้นมีอะไรบางอย่าง ที่ซูโฮไม่อยากให้พวกเราเข้าไป...”
“แต่ว่า” เซมีเอ่ย “คิดหรอว่าความลับจะเป็นความลับอีกต่อไป...” จากนั้นก็ยิ้มมีเลศนัยให้เพื่อนทั้งสองคนที่กำลังยิ้มตอบกลับมาอย่างชั่วร้ายเช่นกัน
ห้องที่ปิดตายนั้น มีอะไรกันแน่นะ...
ความคิดเห็น