คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : พี่ชายที่แสนดี 10
อี้ฟานเดินหางานมาหลายวันเกินไปแล้ว ถ้าเขาไม่ได้งานวันนี้เขาคงต้องไปเป็นขโมยแล้วละ วันนี้เขาก็เดินทอดน่องไปตามย่านการค้าต่างๆมากมายสุดท้ายเขาก็เดินออกมาแบบผิดหวังทุกรอบ ความจริงเขาควรจะหยุดได้แล้ว หยุดเลือกงานซักที ตอนนี้เขาต้องการเงิน เขาต้องเริ่มได้เงินตั้งนานแล้วด้วย ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ไม่วายต้องขายบ้านเพื่อจ่ายหนี้ให้พวกนั้นแน่
อี้ฟานเดินเหนื่อยๆมาถึงร้านกาแฟในห้างแห่งหนึ่ง เขาลากขาตัวเองเข้านั่งในร้านและสั่งกาแฟกินเพื่อเพิ่มหลัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงจะมืดค่ำดังนั้นเขาจะพักซักหน่อยก็ไม่เป็นไร
แต่ระหว่างที่เขากำลังจิบกาแฟอยู่นั้น จู่ๆก็มีผู้ชายร่างอ้วนท้วมที่แต่งตัวแฟนชั่นจัดจ้านเดินตรงมาที่โต๊ะเขา อี้ฟานมองงงๆและชายคนนั้นก็ส่งยิ้มอวดฟันขาวมาให้เขาก่อนจะยื่นนามบัตร
“ฉันเป็นแมวมองจากบริษัทฟรายเดย์จ๊ะ” ชายร่างท้วมบอก เหมือนเขาจะไม่ใช่ผู้ชายแท้ด้วย “เรียกฉันว่าบุ๊คโกะนะจ๊ะ”
“แล้ว?” อี้ฟานมองนามบัตรสลับกับบุ๊คโกะงงๆ
“อ้อ ก็...ขอนั่งได้มั้ยจ๊ะ” บุ๊คโกะถามแต่เขาก็นั่งไปก่อนที่อี้ฟานจะอนุญาตซะอีก “คือว่างี้นะ พี่เนี่ย...เรียกตัวเองว่าพี่ละกันเนอะ พี่เนี่ยเห็นน้องเดินเข้าห้างมาและสะดุดตามากเลยจ๊ะ น้องมีต้นสังกัดหรือยัง?”
“สังกัดอะไรครับ?”
“อ้อ...ตายจริง” บุ๊คโกะทำหน้าดีอกดีใจระคนแปลกใจ “น้องคงไม่รู้จักวงการบันเทิงเท่าไหร่สินะ งั้นเริ่มตั้งแต่แรกเลยละกัน พี่เห็นว่าน้องเนี่ยหน้าตาดีตัวสูงเหมาะกับการเป็นดารามาก อยากจะให้น้องไปแคสหน้ากล้องที่บริษัทพี่ดู น้องอยากไปมั้ย แต่หน้าตาระดับน้องเนี่ยผ่านฉลุยอยู่แล้วละ”
“เป็นดารา?” อี้ฟานทวน “ไม่ใช่แนวผมน่ะครับ” เขายื่นนามบัตรกลับไป “ผมคงไปไม่ได้”
“ตายจริง” บุ๊คโกะทำหน้าจะร้องไห้และไม่ยอมรับนามบัตรกลับ “พี่เสียดายหน้าตาอันหล่อเหลาของน้องมากเลยนะค่ะ ทำไมน้องไม่ลองไปแคสดูก่อน แปปเดียวเองนะ เดี๋ยวพี่พาไปก็ได้พี่มีรถ”
“ไม่ละครับ” อี้ฟานยื่นนามบัตรให้อีกครั้ง “ขอบคุณมาก แต่ยังไงผมก็ไม่-”
“คริส” จู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างหลังพร้อมกับมืออุ่นๆที่แตะไหล่ของอี้ฟาน
“บอส?” อี้ฟานแปลกใจเขารีบยืนให้เกียร์ติ์บอสอย่างรวดเร็วทันที “มาทำอะไรแถวนี้ครับ”
“นั่งเถอะ” บอสบอก “คริสช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง?” บอสถามพลางลงไปนั่งที่เก้าอี้ว่างอีกตัว เขาดูผ่อนคลายเวลาอยู่นอกสถานที่ทำงาน
“ผม..กำลังหางานทำเรื่อยๆน่ะครับ” อี้ฟานตอบ “แต่ยังไม่มีงานไหนถูกใจผมเลยซักอย่าง”
“นี่ไง” บอสหันไปมองบุ๊คโกะที่กำลังทำหน้าเสียอกเสียใจ “เธอคนนี้เป็นคนรู้จักของฉันเอง”
อี้ฟานยิ่งงงไปกันใหญ่ บอสพูดต่อ
“เธอชอบซูโฮมากเธอบอกว่าคนอย่างซูโฮเป็นดาราละก็ดังทะลุฟ้าแน่ๆ เธอก็เลยมาถามว่าฉันมีคนแบบซูโฮแนะนำมั้ย ฉันเลยนึกถึงนาย บังเอิญจริงๆว่าเจอนายที่นี่ปกตินายไม่ค่อยชอบเดินห้างเท่าไหร่ไม่ใช่หรอ? วันนี้มาแปลก บุ๊คโกะกับฉันเลยกะจะลองวางแผนเสนองานนี้ให้นายดู ไม่ได้วางแผนหรอก บุ๊คโกะเห็นนายแล้วก็แทบวิ่งออกมาหาเลยด้วยซ้ำ”
บุ๊คโกะพยักหน้ารัวๆ บอสเล่าต่อ
“ฉันลองดูนายอยู่ห่างๆ และรู้ด้วยว่านายจะปฏิเสธฉันเลยเข้ามาช่วย...ตามแผน” บอสหันไปสบตาบุ๊คโกะ “ไม่ลองงานนี้หน่อยหรอคริส ถึงมันจะดูเป็นไปไม่ได้สำหรับนายแต่เงินดีมากเลยนะ ยิ่งดังมากเท่าไหร่เงินก็ยิ่งมากเท่านั้น”
“ผมขอบคุณในความหวังดีของบอสนะครับ” อี้ฟานตอบอย่างสุภาพ “แต่ผมแสดงไม่เป็น อีกอย่างผมแทบไม่รู้จักวงการนี้เลย ผมไม่ถนัดผมทำไม่ได้หรอกครับ”
“ฝึกได้ค่ะ!” บุ๊คโกะรีบเสริม “เรื่องแบบนั้นมันฝึกกันได้ ไปลองแคสติ้งดูก่อนมั้ยค่ะ?”
“ไม่ละครับ” เขาตอบทันที
“คริส” บอสจับไหล่เขาแน่น “ตอนนี้ที่บ้านนายกำลังแย่สินะ” บอสใช้ไม้ตาย “ฉันจะให้เงินก้อนนึงกับนาย...พูดตรงๆเลยละกัน ฉันจ้างนายให้รับงานนี้”
“แต่ผม--”
“และนาย!” บอสขึ้นเสียง “ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้นด้วย” บอสกระซิบข้างหูเขา “แกจะขัดคำสั่งของฉันงั้นหรอ...คิดดีแล้วยัง?”
ความหวังดีของบอสเป็นเรื่องที่ทำให้อี้ฟานแปลกใจและรู้สึกติดหนี้ชีวิตเขาอีกครั้ง กี่รอบแล้วที่เขาโดนบอสช่วยชีวิตเอาไว้ บอสของเขาถึงจะทำงานผิดกฎหมายและร้ายแรงถึงขนาดต้องติดคุกตลอดชีวิตได้ แต่เขาก็ทำให้ชีวิตของใครหลายๆคนสบายขึ้น ดีขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตาม... อี้ฟานอยากจะปฏิเสธงานนี้มาก เป็นงานที่เขาไม่ถนัดและไม่อยากทำงานแสดงนั่นก็แปลว่าเขาต้องสวมบทบาทเป็นอีกคน... และนั่นคือสิ่งที่อี้ฟานไม่อยากทำ
แต่เขาก็มาแคสหน้ากล้องกับบุ๊คโกะจนได้ เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของบอสได้ไม่ว่าเขาจะไม่ได้เป็นลูกน้องของบอสแล้วแต่คริสก็ยังเป็นคริสเหมือนเดิม
ทันทีที่เขาปรากฏตัวเข้าในสตูดิโอทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาและบุ๊คโกะทันที... บุ๊คโกะเดินนำเขาและยิ้มแฉ่งจนหน้าบานอารมร์เหมือนพาของสวยๆงามๆมาอวดเพื่อน เมื่ออี้ฟานไปยืนหน้ากล้องตากล้องถึงกับค้างไปสามวิด้วยความตะลึงในความหล่อของเขาผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ และกดถ่ายรูปเขา รูปหน้าตายๆของเขาก็ยังดูหล่อจนต้องมองแล้งมองอื่น
“บุ๊คโกะ” ผู้จัดการที่ยืนมองอี้ฟานอยู่ห่างๆกับบุ๊คโกะพูดขึ้น “หล่อนไปเจอผู้ชายคนนี้มาจากไหน...หล่อนไปขุดเทพบุตรแบบนี้มาจากสวรรค์ไหนไม่ทราบยะ”
ทางด้านหลงฟาน
เธอกำลังนั่งทานข้าวเที่ยงในห้องกับเลย์แต่ไม่ได้มีแค่เธอกับเขาหรอกนะ เกือบครึ่งห้องก็นั่งกินตามโต๊ะตัวเองและอีกครึ่งนึงก็ลงไปกินข้าวที่โรงอาหาร เลย์กับหลงฟานจับโต๊ะมาชนกันและหันหน้าทานข้าวด้วยกัน พวกเขาทำแบบนี้มานานจนเพื่อนๆเลิกล้อพวกเขาไปแล้ว...
“จัสตินเป็นยังไงบ้าง” เลย์ถาม
“สบายดี กินเยอะด้วยนะรู้สึกจะน้ำหนักขึ้น” หลงฟานตอบพลางนึกถึงจัสติน “ฉันยกมือมันเดียวไม่ไหวแล้วละ ต้องยกสองมือน่ะ”
“จริงหรอ! เมื่อก่อนยังตัวเล็กเท่านี้อีกอยู่เลย” เลย์ทำท่าประกอบที่บ่งบอกได้ว่าเล็กเท่ากล่องข้าวของพวกเขา “ทำไมหมามันโตเร็วจังเลยอะ...ฉันอยากไปหามันจังไม่รู้มันจะจำฉันได้มั้ย เจอแค่ครั้งเดียวด้วย”
“น่าจะจำได้นะ เพราะมันกัดนายซะแรงเลย”
“เออนั่นสิ” เลย์ทำหน้าโมโห “ดีที่มันยังเล็กเลยกัดไม่เข้าไม่งั้นฉันต้องไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าไปแล้ว...”
“นายก็ไปบ้านฉันสิ จะได้เจอมัน”
เลย์มองหน้าหลงฟานประมาณ “เอาจริงหรอ?”
“นายไม่อยากเจอพี่ชายฉันใช่มั้ย?” หลงฟานเดาถูก “เดี๋ยวนี้เขาดีขึ้นเยอะแล้วนะ จัสตินเนี่ยเขาก็ดูแลอย่างดีเลย...ดีกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาไม่ตะคอกฉันและไม่ว่าฉันแรงๆแล้วด้วย ที่สำคัญเรานั่งกินข้าวบนโต๊ะเดียวกันมาสามวันละ” หลงฟานยิ้มแก้มปริ “ถึงเขาจะทำหน้าเหมือนเหม็นอาหารที่ฉันทำก็ตามเถอะ”
“บ้า” เลย์บอก “กับข้าวที่เธอทำ” เลย์ชี้ไปที่กล่องข้าวของหลงฟาน “อร่อยจนจะเหาะไปอยู่กลางอากาศแล้ว ถ้าพี่เธอทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าเขาแกล้งเธอแล้วละ... นี่หลงฟานฉันไม่รู้ว่าเธอทนอยู่กับเขาได้ยังไง ดูเขาทำกับฉันวันนั้นสิ” เลย์ยื่นหน้าโชว์รอยแผลจางๆให้หลงฟานดู “ที่เขาทำแบบนี้กับฉันก็เพราะฉันจะเข้าไปหาเธอและคุยกับเธอ เขาไม่พอใจ ไม่พอใจตั้งแต่เห็นฉันหน้าบ้านแล้วด้วย ละเธอน่ะอยู่กับเขาในบ้าน...อยู่มาเป็นเดือนๆแล้วด้วยเธอทนได้ยังไง เขามันโหดร้ายมากนะ”
“ไม่โหด” หลงฟานเถียงและเลย์ก็ทำหน้าไม่อยากเชื่อ “เขาใจดีจริงๆนะเลย์ นายต้องไปอยู่กับเขานานๆแบบฉันแล้วนายจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาน่ะอ่อนโยนและอ่อนไหวมาก”
“ไม่ใช่เธอคิดไปเองนะ”
“ก็....” หลงฟานเริ่มลังเล.. “ไม่หรอกหน่า...เขาต้องเป็นคนดีสิฉันเชื่อว่าซักวันพี่ชายของฉันต้องกลับมายิ้มแย้มได้แน่นอน”
“แล้วแต่เธอละกัน” เลย์เปลี่ยนประเด็น “ส่วนฉันนี่จะแย่เอา...เฮ้อ”
“หืม? แย่อะไร?”
“ก็ดูพี่เธอสิ โหดซะขนาดนั้นใครจะเข้าไปจีบเธอก็ต้องผวากันทุกรายนั่นแหละ...” เลย์ก้มลงมองข้าวตัวเองและบ่นพึมพำที่หลงฟานจับใจความไม่ได้ “อย่างฉันคนนึงละ...”
“อย่างอะไรนะ?”
“เปล่า” เลย์รีบตอบ “ฉันบอกว่าพรุ่งนี้จะย่างตำลึงกินน่ะ...”
“ย่างตำลึง?”
“อื้อ” เลย์แถ “มันเป็นสูตรแผนโบราณของคนจีนน่ะ ย่างตำลึงให้ไหม้จนดำและก็เอาไปต้มจากนั้นก็กินกับข้าวอร่อยดี”
หนึ่งทุ่มตรง อี้ฟานกับหลงฟานนั่งทานข้าวด้วยกันเงียบๆเป็นวันที่สี่... วันนี้อี้ฟานไม่ได้ทำหน้าเหม็นกับข้าวเธอแล้ว เขากำลังคิดถึงเรื่องงานและอะไรหลายๆอย่างที่เขาจะต้องเจอในวันต่อไป...
“ฉันได้งานทำแล้ว” อี้ฟานบอกเบาๆ “แต่เป็นแค่เด็กฝึกยังไม่ได้แสดงจริง”
“พี่ได้เป็นดาราหรอ!” หลงฟานเผลอร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “จริงๆหรอค่ะ! พี่จะได้ออกทีวีใช่มั้ย! พี่จะได้เล่นหนังด้วยใช่มั้ยค่ะ?”
“หนวกหูหน่า” แปลกนะที่อี้ฟานเกลียดงานนี้แทบตายแต่น้องสาวเขากลับดีใจออกนอกหน้าจนเขาเองก็เริ่มภูมิใจในงานนี้ขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันจะลองทำดูว่ามันได้เงินเยอะเท่าที่คนอื่นบอกมาหรือเปล่า เออพูดถึงเรื่องเงิน” อี้ฟานมองหน้าหลงฟานแวบนึงก่อนจะหลบตาไปมองกับข้าวแทน “พรุ่งนี้กลับบ้านให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้...สามทุ่มเลยก็ดี ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันด้วย เข้าใจมั้ย?”
“ทำไมละค่ะ?”
“ไม่ต้องถาม ไม่ใช่เรื่องของเธอ” อี้ฟานตอบ “ละก็กับข้าวนี่น่ะทีหลังทำให้มันพอดีๆหน่อยได้มั้ย รำคาญมากเวลาเห็นมันเหลือ อร่อยก็ไม่อร่อยยังจะทำมาเกินคนกินอีก”
“แต่บางอันก็หมดเกลี้ยงนี่ค่ะ”
“ใครให้เธอพูด” อี้ฟานถลึงตาใส่น้องสาว “เดี๋ยวนี้ไปกันใหญ่แล้วนะ”
บอกได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ไปกันใหญ่จริงๆ หลงฟานแทบจะไม่กลัวอี้ฟานเลยแม้แต่น้อยเธอแค่ไม่อยากเถียงพี่ชายให้มันกลายเป็นเรื่องวุ่นวายก็เท่านั้นเอง ความกลัวของเธอหดหายไปกับกาลเวลา ยิ่งเขาได้อยู่ใกล้ชิดและสนิทกับพี่ชายเธอก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ และวันนี้เขากลับมาพร้อมกับบอกว่าจะได้เป็นดารา...มีหรือคนเป็นน้องสาวจะไม่ดีใจ
วันต่อมาหลงฟานไปโรงเรียนและอารมณ์ดีกว่าวันไหนๆเธอเอาเรื่องพี่ชายไปอวดและเล่าให้เลย์ฟังจนเลย์ต้องอุดหูด้วยความรำคาญเพราะเธอเล่าซ้ำๆไปมาอยู่หลายรอบ
และเมื่อเข้าชมรมวันนี้ก็เลิกเร็วเหมือนครั้งก่อนๆเพราะรุ่นพี่มีซ้อมแข่งระดับเขตเลยไม่มีเวลามาซ้อมให้รุ่นน้องมากนัก ดังนั้นเด็กๆปีหนึ่งจึงเล่นกันตามประสาเด็กๆก่อนจะทยอยกันกลับบ้านไป
เลย์เดินกับหลงฟานเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวันแล้ว...เหมือนเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำไปแล้วด้วย ถ้าใครคนใดคนนึงยังไม่กลับอีกคนก็จะกลับไม่ได้ พูดอีกอย่างก็คือพวกเขาสนิทกันมากจนไม่อยากจะจากไปไหน...
“อย่าลืมทำการบ้านวิชาคณิตนะเลย์” หลงฟานตะโกนไล่หลังเลย์ไป “ข้อสี่น่ะทำให้ได้นะ! ฉันไม่ให้นายลอกด้วย!”
เลย์โบกมือให้เธอแทนคำตอบก่อนจะเดินตรงไปที่รอรถบัสเพื่อกลับบ้านของเขา หลงฟานเดินกลับบ้านต่อและเธอลืมไปเลยว่าพี่ชายสั่งให้เธอกลับมาดึกๆ...ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็นเอง ขนาดเขากับเลย์เดินเล่นทอดน่องเอื่อยๆแล้วนะ
ไม่เป็นไรหรอก...มันคงไม่ได้มีอะไรมาก อี้ฟานคงอยากให้เธอกลับบ้านพร้อมเขา วันนี้เขาต้องทำงานจนดึกนี่นา เพิ่งได้งานใหม่ก็ต้องตั้งใจทำสุดกำลังอยู่แล้วมันเรื่องปกติ หลงฟานไม่ได้คิดอะไรเธอก็เดินขึ้นไปบนตึกและกดเปิดประตูบ้านตัวเอง
อี้ฟานเตือนเธอแล้ว เขาบอกเธอแล้วว่าให้กลับหลังสามทุ่มได้ก็ดี... แต่เธอก็ไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับอะไรแบบนี้
ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้าไปปรากฏว่าเธอเจอกับสภาพห้องที่เละเทะและเสียงเห่าของจัสตินดังลั่นบ้าน...
ที่สำคัญกว่านั้นมีผู้ชายหน้าตาโหดๆสองคนยืนมองหน้าเธออยู่ข้างในบ้าน... สองคนนี้เป็นนี้เจ้าหนี้
ความคิดเห็น