ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Exo x You] มาอยู่ด้วยกันนะ (เลือกพระเอกได้)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 0 Intro คุณเป็นใคร

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 57


     

    เซมี(หรือคุณนั่นเอง) เป็นเด็กที่แปลก ตั้งแต่เธอเกิดมาเธอไม่เคย นอนหลับ  ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา สมองเธอไม่เคยเหนื่อย ร่างกายไม่เคยต้องการพักผ่อน พ่อแม่เธอพยายามทุกวิธีทางเพื่อให้เธอได้เป็นคนปกติ ได้นอนหลับในยามค่ำคืนเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เป็นผล ทำยังไงเธอก็หลับไม่ลง ได้แค่นอนเฉยๆบนเตียง จนกระทั่งเธออายุ 13

    “เราจะรักษาเธอเองครับ” ชายหนุ่มผมดำในชุดสูทพูดกับแม่เธอ เซมีนั่งอยู่ข้างๆพ่อ เธอจ้องและสำรวจชายหนุ่มในชุดสูทอย่างระมัดระวัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอแบบนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่าจะมีพวกนักวิจัยไม่ก็นักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการตัวเธอไปศึกษาหรือสำรวจหาข้อเท็จจริงใหม่ๆ แต่ครั้งนี้แปลกไปจากเดิม

    “ไว้ใจองค์กรเราเถอะครับ” เขายื่นนามบัตรให้ทั้งพ่อและแม่เซมี

    เขาบอกให้พ่อกับแม่เซมีคิดดูก่อนแล้วเขาจะมาใหม่พรุ่งนี้ หลังจากที่เขากลับไปแล้ว พ่อและแม่ก็เข้าห้องนอนส่วนตัวไปปรึกษาโดยที่ปล่อยให้เซมีนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีแขกลักษณะนี้มาหา

    “พี่!” น้องชายวัย 10 ขวบเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กๆ เป็นสีหน้าที่เธอไม่ค่อยได้เห็นบ่อยมากนัก น้องชายคนนี้เกิดมาพร้อมสีผิวน้ำตาลอ่อนๆเหมือนสีน้ำผึงน้อยๆ เขากับเซมีค่อนข้างจะแตกต่าง

     ไค หรือน้องชายของเธอนั้น มักจะร่าเริงและชอบเล่นซนเป็นประจำ ไม่ค่อยร้องไห้แงงอเหมือนเด็กทั่วๆไปเท่าไหร่ ในความทรงจำของเซมี ไค คือรอยยิ้มอันสดใสดั่งดวงตะวัน ส่วนเธอ เซมี เธอมักจะร้องไห้คนเดียวในห้องประจำเปรียบเสมือนดวงจันทร์อันเศร้าสร้อย

    “ว่าไง” เซมียิ้มบางๆให้น้อง

    “พี่นอนหลับหรือยังฮะ?”

    น้ำตาเธอคลอทันทีที่ไคพูด ถึงจะเป็นคำพูดสั้นๆตรงๆแต่เต็มไปด้วยความห่วงใย ไม่มีใครเล่าให้เขาฟัง ไม่มีใครบอกว่าเซมีเป็นอะไร แต่น้องชายของเธอรู้ด้วยตัวเอง บางวันเขาจะมาเล่นกับเซมีทั้งคืน ทั้งๆที่เขาง่วงแทบตาย

    “เดี๋ยวก็จะหลับแล้วละ”

    “ดีจัง เราจะได้หลับไปพร้อมกันแล้วใช่มั้ยฮะ?”

    “อื้อ”

    เซมีนั่งคิด เธอคิดทุกๆคืนในยามที่คนอื่นหลับใหล สมองของเธอก็ยังทำงาน เธอต้องทำอะไรซักอย่าง เป็นอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องพ่อและแม่ ทั้งสองหยุดคุยเมื่อเห็นเซมีเดินเข้ามา

    “หนูจะไปค่ะ”

    พ่อและแม่หันมามองหน้ากัน

    “ลูกว่าอะไรนะ?” แม่ถามสีหน้าเป็นกังวล เบ้าตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ

    “หนูจะไปกับเขา”

    “เซมี” พ่อเดินเข้ามาจับไหล่เธอไว้  “ไม่ต้องไปหรอกลูก พ่อจะรักษาลูกเอง”

    “พ่อดูแลหนูมาเยอะแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้พ่อ “หนูโตพอจะดูแลตัวเองได้ อีกอย่างคนๆนั้นเขาก็ดูใจดีไม่เหมือนคนอื่นๆนะค่ะ”

    “ลูกแน่ใจแล้วหรอ” พ่อถามย้ำ

    “พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ โลกเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น”

    แม่เริ่มร้องไห้ พ่อนิ่งไปซักพัก เซมีเข้าใจดีว่าพวกเขารักและเป็นห่วงเซมีมากแค่ไหน แต่การที่เขาจะต้องทนทุกข์และไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนอกจากหาทางรักษาให้เซมีทั้งชีวิตแล้ว เซมีเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน  ถึงเธอจะไปเธอก็มั่นใจว่าไคจะเติมเต็มส่วนของเธอให้พวกเขาได้

     

    คืนนั้นพ่อกับแม่ไม่ยอมนอน พวกเขาเฝ้าเซมีจนเช้า และ รอส่งเธอไปกับซูโฮ ชายหนุ่มที่เซมีคิดว่าเขาไว้ใจได้ เธอมองครอบครัวที่อบอุ่นของเธอผ่านกระจกหลังรถ พวกเขาค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ จนเซมีไม่สามารถมองเห็นได้อีก เธอหันไปมองข้างหน้า ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเงียบๆออกไปและคิดในใจอย่างแน่วแน่

    หลังจากนี้ไปคือชีวิตของเราคนเดียวแล้วสินะ  เราต้องอยู่ให้ได้

     

    7 ปีผ่านไป

    “อายุป่านนี้แล้วยังจะมานั่งเล่นเกมอีกนะเซมี” ซูโฮที่จู่ๆเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของเซมีอย่างไม่บอกล่วงหน้า

     “ก็คนมันว่างตลอด24ชม.นี่นา” เธอตอบทั้งๆที่ยังเล่นเกมต่อไป

    ผ่านไป7ปี เซมีคนที่เอาแต่เหงาและซึมตลอดทั้งวันคนนั้นหายจากไปแล้ว เซมีคนใหม่ คนที่เต็มไปด้วยความเป็นตัวของตัวเอง และเริ่มจะรู้สึกดีกับทุกๆอย่างในชีวิต

    “ต่อจากนี้ไปไม่ว่างแล้วนะ” ซูโฮเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงข้างๆโต๊ะที่เธอกำลังเล่นเกม

    “หือ? หมายความว่าไง?”

    “หยุดเล่นก่อน นี่เรื่องซีเรียสนะ”

    เซมีเซฟเกมและปิดมันลง เมื่อเธอหันไปมองหน้าซูโฮเธอก็ต้องเป็นแปลกใจทุกครั้งทั้งๆที่มันไม่มีอะไรแปลกไปจากเดิมเลย ใช่แล้ว มันไม่มีอะไรแปลกไปจากเดิมจริงๆ ซูโฮเมื่อ7ปีที่แล้ว กับ ซูโฮที่นั่งทำหน้าจริงจังตอนนี้ไม่ต่างอะไรเลย หน้าเขายังหนุ่มและดูดีอยู่เสมอ ไม่มีรอยย่นเพิ่มขึ้นมาแม้แต่ขีดเดียว ไม่มีอะไรเปลี่ยน

     “มีอะไรค่ะ?” เซมีเริ่มเข้าประเด็น

    “ถึงเวลาที่เธอต้องตอบแทนองค์กรของเราแล้วนะเซมี”

    “ยังไงค่ะ?”

    “ตอนนี้เธอเองก็โตและพร้อมจะออกไปสู่โลกภายนอกคนเดียวได้” เขายิ้มให้เธอด้วยความภาคภูมิใจ “ถึงแม้เธอจะชอบหนีเที่ยวดึกๆคนเดียวบ่อยแล้วก็ตาม”

    เซมีถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนจับเรื่องหนีเที่ยว เป็นปกติที่เด็กสาวรุ่นเธอจะอยากทำอะไรแปลกๆเพิ่มสีสันให้ชีวิตบ้าง เพราะสมัยเธอเด็กๆเธอไม่เคยได้ไปไหนมาไหนคนเดียวเลย ได้แต่นั่งรถไปตึกสีขาวๆ ตึกที่เซมีเห็นแล้วอยากจะกรีดร้องด้วยความเกลียด

    โรงพยาบาล เป็นสถานที่เซมีฝังใจ  พ่อกับแม่มักจะจูงมือเธอเข้าไปด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลอยู่เสมอ เธอเกลียดที่นั่น เธอเกลียดที่มันทำให้พ่อแม่เธอไม่มีความสุข

    “เซมี”

    “คะ?”

    “ต่อไปนี้เธอไม่ใช่นักเรียนของเราแล้วนะ เธอจบและพร้อมจะทำงานให้องค์กรแล้ว”

    สถานที่เซมีอยู่นั้นไม่เชิงบ้านและไม่เชิงโรงเรียน เป็นสถาบันบำบัดก็ไม่ใช่ มันเหมือนเป็นโลกอีกโลกนึงที่เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่ต้องกังวลว่าสังคมจะมองเธอยังไง มันเป็นปราสาทที่มอบความสุขให้คนแบบเซมีอยู่จริงๆ ยังมีเด็กที่แปลกอีกหลายคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ช่วงหลังๆมานี้เด็กพวกนั้นที่โตแล้วและพอจะใช้ชีวิตเองได้ก็จะกลับไปหาครอบครัว ไม่ก็ออกไปสร้างครอบครัวซะเอง

    แต่เซมีไม่ได้คิดเหมือนเด็กพวกนั้น

    “ค่ะ”

    “ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไรอยู่” ซูโฮยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอ

    ใช่แล้ว สิ่งที่เธออยากจะทำในอนาคตคือ เป็นแบบซูโฮ เป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือและมอบความสุขให้คนแบบเธอ

    “ฉันจะได้เป็นแบบคุณแล้วหรอค่ะ!” เซมีทำตาโตด้วยความตื่นเต้น

    “ก็ไม่เชิงแบบเต็มตัวหรอกนะ”

    “ค่ะ ฉันพร้อมค่ะ!

    “ในเมื่อเธอเองก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว และปรารถนาที่ทำแบบนั้น ฉันก็ดีใจนะ”

    “ค่ะ”

    “ถือว่านี่คือการฝึกงานละกัน”

    “มาเลยค่ะ พร้อมเสมอ”

    เขายิ้มอย่างภูมิใจให้เธอก่อนจะแจกแจงภารกิจแรกให้ทันทีแบบไม่อ้อมค้อม เซมีอยู่กับซูโฮมานานจนเธอเรียนรู้กระบวนการในองค์กรเกือบจะหมดทุกอย่างแล้ว

    “ภารกิจแรกของเธอคือ ตามหาคนที่มีลักษณะพิเศษเหมือนกับเธอให้พบและทำยังไงก็ได้ให้เขามาที่นี่ด้วยความเต็มใจ เข้าใจที่พูดมั้ย?”

    “เข้าใจค่ะ เหมือนที่คุณพาฉันมาที่นี่?”

    “ใช่แล้ว เธอเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดที่ฉันเคยเจอมา เธอรักครอบครัวเธอมาก จนยอมทิ้งพวกเขามา” ซูโฮเริ่มย้อนอดีต “เธอมีคุณสมบัติเต็มเปี่ยมตามที่องค์กรของเราต้องการ เธอเรียนรู้หลายอย่าง ถึงบางอย่างอาจจะไม่จำเป็น” เขาหัวเราะ “เซมี เธอรู้สินะ ว่านักเรียนของเราลดน้อยลงเรื่อยๆ นั่นก็เพราะสังคมภายนอกเขาเริ่มจะยอมรับคนพวกนั้นได้แล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ”

    “ค่ะ”

    “แต่ก็มีบางคน บางกลุ่ม” ซูโฮเริ่มทำเสียงจริงจัง “ที่หลบซ่อนตัว และกลัวภัยจากการไม่ยอมรับของสังคม คนแบบนั้นละ ที่เธอจะต้องไปช่วย”

    “ค่ะ ฉันเข้าใจดี”

    “เธอจะเริ่มทำงานตอนไหนดี? ฉันจะได้เตรียมอะไรๆให้”

    “ได้ทุกเวลาเลยค่ะ ฉันมันคนไม่มีเวลาพักอยู่แล้ว” เธอยิ้มให้ซูโฮ

     “งั้นตอนนี้เลยละกัน อ่ะ เอาข้อมูลนี้ไปเลย” เขายื่นซองเอกสารมาให้เหมือนจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเซมีต้องทำงานนี้แน่ๆ “เริ่มเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น มีปัญหาก็แค่โทรหาฉัน โทรศัพท์ฉันเองก็24ชม.เหมือนกัน”

    แล้วเขาก็เดินออกจากห้องเซมีไป เธอเปิดซองออกดูทันทีและเห็นข้อความโตๆว่า

    พลังจิต โด ดีโอ อายุ 20 ปี

    มีรูปของดีโอแปะอยู่กลางกระดาษ ใบหน้าอันได้รูปและตากลมโตนั้นมีอะไรซ่อนอยู่

    ข้างล่างใต้รูปเขียนไว้ว่า ไม่อันตราย แต่ควรระวัง

    “จะไปหาเขาที่ไหนเนี่ย” เธอพลิกไปดูรายละเอียดอีกหน้า

    “หมู่บ้านK จังหวัดP โหย! โคตรไกลเลยนี่หว่า แถมยังกันดารสุดๆ”

    เธอบ่นไปด้วยและจัดกระเป๋าไปด้วย ระหว่างนั้นเธอก็โทรไปจองตั๋วเครื่องบินไฟท์ที่เร็วที่สุดและลงไปหน้าปราสาท ก็เจอคนขับรถรออยู่แล้ว ซูโฮคงเตรียมไว้ให้แน่ๆ

     

    เวลาตี2.30นาที เซมีออกเดินทางไปยัง หมู่บ้านK จังหวัดP เพื่อออกตามหา โด ดีโอ ผู้ที่มีพลังจิต ภารกิจคือ “พาเขามาที่องค์กรให้ได้ด้วยความเต็มใจ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×