คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1:ภารกิจของตระกูล คาลอนลอส
รถมาเลื่อนไปตามถนนดินขรุขระ เสียงล้อรถกระแทกดินสลับกับเสียง กุบกับ ที่ดังมาจากตัวม้านั้นทำให้ผมสีเพลิงของเธอมีอุณหภูมิสูงขึ้นแต่โชคยังดี ที่ตอนนี้ไม่มีใครมาสัมผัสผมเธอหรอก...เซเลเน่คิด ขณะที่หยิบกระดาษสีเทาหม่นออกมาจากซองกระดาษสีดำ เอกสารพวกนั้นมีข้อมูลของพวกนักฆ่าคนอื่น ๆ ที่มีความสามารถ แต่เธอคิดว่ามันไม่จำเป็นจึงเก็บมันเข้าไปในซองแล้วยัดมันเข้ากระเป๋าผ้าของเธอ
ระหว่างที่รถม้ากำลังขับไปที่เมืองแวมไพร์หญิงสาวนั่งจ้องขวดเลือด 2 ขวดในมืออย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมลุงคริสต์ต้องทำเพื่อเธอขนาดนี้ เขาไม่ใช่ญาติพี่น้องของเธอ แถมเธอยังเป็นเหมือนตัวภาระของเขาอีกต่างหาก แต่ในเมื่อยังไม่มีโอกาสได้ถาม เธอก็กลืนความสงสัยนี้ลงคอไป คิดว่าถ้ากลับไปที่เมืองนั้นอีกเมื่อไหร่ เธอจึงจะไปถาม
“อีหนู...จะไปที่ไหนในเมืองแวมไพร์นะ” คนขับรถม้าตะโกนถามเสียงดัง แข่งกับเสียงอื่น ๆ
“ไปที่ คฤหาสน์คาลอนลอส” เซเลเน่ตอบน้ำเสียงเรียบ เตรียมเก็บของใส่กระเป๋า เพราะ ตอนนี้เข้าเขตเมืองแวมไพร์เรียบร้อยแล้ว
เธอหันมองออกไปนอกหน้าต่าง มองทิวทัศน์ของเมืองแวมไพร์ที่ไม่ได้กลับมานานถึง 11 ปี เธอเห็นท้องฟ้าที่มืดครึ้มราวกับฝนจะตกได้ตลอกเวลา ดวงจันทร์ดวงใหญ่เหมือนมันจะร่วงลงมาที่ใจกลางเมืองแวมไพร์ ที่เมืองนี้ไม่มีกลางวัน ทุกคนจะอาศัยการมองนาฬิกาอย่างเดียว
เซเลเน่ยื่นมือออกไปสัมผัสม่านหมอกบาง ๆ ที่ครอบคลุมรถม้าของพวกเธออยู่ ทันใดนั้นค้างคาวตัวหนึ่งบินโฉบเข้ามาหาเธอ ร่างกายของมันซูบผอมใกล้แห้งการที่จะหาแรงบินเข้ามาหาเธอช่างเป็นไปได้ยาก มันคงหิวมากเพราะไม่ได้ทานอะไรมาเป็นเวลานาน แต่โชคร้ายที่ค้าคาวน้อยน่าสงสารบินมาสัมผัสกับปลายผมของเธอเข้าให้...สิ่งที่ตามมาคือ ร่างของค้างคาวที่เหลือแต่ขี้เถ้า กลิ่นไหม้เล็กน้อย และควันสีเทา
ราวกับมันพยายามย้ำเตือนอดีตอันเลวร้ายของเธอ...
เอี๊ยดดดด เสียงรถม้าจอดที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลคาลอนลอส
“ขอบคุณ..” เธอกล่าวเพียงเล็กน้อย ยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือปีศาจที่ขับรถ แล้วเดินเข้าไปยังคฤหาสน์กว้างใหญ่ตรงหน้า
หญิงสาวเดินเข้ามายังลานกว้างหน้าคฤหาสน์ ที่ตกแต่งด้วยต้นไม้หลายต้นจนแอบรกนิด ๆ แต่ความงดงามของสิ่งต่าง ๆ นั้นสามารถกลบความรกไปได้อย่างง่ายดาย เธอทอดสายตามองไปยังน้ำพุขนาดใหญ่ เป็นรูปเทพแห่งสงครามกำลังพ่นน้ำออกมา แต่น้ำที่ควรจะใสสะอาดนั้นกลับไหลออกมาเป็นของเหลวสีแดงข้นที่มีชื่อว่า เลือด
กลิ่นเลือดนั้นเตะจมูกเธอเป็นอย่างมาก เธอเดินเข้าไปยังน้ำพุขนาดใหญ่ใจกลางสวนหน้าบ้าน ราวกับว่าของเหลวพวกนั้นมีมนต์สะกดที่ทำให้เธออยากลิ้มลองรสชาติของเลือดตรงหน้า...เซเลเน่ มองลงไปยังเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ เธอยังคงคุมสติเอาไว้ไม่ให้ตักเลือดในนั้นมาดื่มกิน
“เจ้าเป็นใครกัน...จงบอกนามของเจ้ามาบัดเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงแหบพร่า ของปีศาจเพศชายตะโกน เมื่อหันไปก็พบกับปีศาจผมสีดำเงางามราบเรียบไปกับศีรษะ ใบหน้าของเขามีสีขาวซีดแต่ดูเกลี้ยงเกลาเขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมดูเป็นทางการ...เขามองมาทางเซเลเน่ นิ่งแววตาไม่แสดงถึงความรู้สึกใด ๆ
“ท่านคงเป็น ท่านอันเทอร์ คาลอนลอส....ข้า เซเลเน่ ทูวลูส มาพบ ท่านหญิงพีสทิลค่ะ” เธอย่อตัวเคารพชายตรงหน้า ซึ่งเป็นถึงเจ้าเมืองแวมไพร์ที่เธอจะได้รับตำแหน่งสืบทอดต่อ หากเธอทำภารกิจของ ท่านหญิง พีสทิล สำเร็จ
“อ่อ...เจ้าคือ เซเลเน่ มือสังหารอันดับ 2 สินะ...เชิญเข้าไปในคฤหาสน์คาลอนลอส ของข้าได้เลย พีสทิล ภรรยาของข้าอยู่ในห้องรับแขก” เขาผายมือเข้าไปทางประตูทางเข้าคฤหาสน์บานใหญ่ เซเลเน่ แอบหัวเราะกับภาษาที่ดูย้อนยุคของเขา
“ค่ะ...” เธอย่อตัวทำความเคารพอีกครั้ง แล้วเลิกสนใจเลือดในน้ำพุ เพราะ ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องเริ่มภารกิจใหม่แล้ว...
เซเลเน่ ยังคงเดินไปยังประตูคฤหาสน์ และเธอเพิ่งจะสังเกตว่ามันไกลอยู่เหมือนกัน ทางเดินทำจากหินอ่อนสลักลวดลายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสายเลือดแวมไพร์ ทั้งสองข้างทางถ้าไม่ใช่รูปปั้นของ ท่านหญิง พีสทิล กับ ท่านอันเทอร์ ที่เหลือก็จะเป็นต้นไม้รูปร่างแปลกตานานาชนิด มีอยู่ต้นหนึ่งที่เซเลเน่รู้สึกสนใจมันเป็นอย่างมาก มันมีใบที่ใหญ่มาก ใบของมันดัดโค้งเป็นเหมือนโดมปิดดอกไม้สีแดงเลือดเอาไว้ ทันทีที่เธอยื่นมือไปสัมผัสใบไม้พวกนั้นก็กางออก เผยให้เห็นดอกไม้ดอกเล็กสีแดงเลือดกลีบเรียงตัวสลับกันจนเป็นลายวิจิตร เธอรู้สึกถูกใจดอกไม้นั้นเป็นอย่างมากแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเด็ดออกมา
ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ทำจากไม้ดูมีราคาที่ประตูสลักรูปเทพเจ้าเอาไว้ สององค์ซึ่งเธอก็ไม่แน่ในว่า เทพเจ้าที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือเทพเจ้าตนใด แต่ที่เธอยืนนิ่งอยู่หน้าประตูแบบนั้นไม่ใช่ว่าเธอไม่สามารถเปิดประตูใหญ่บานนี้ได้ แต่เธอกำลังสงสัยกระเศษกระดาษที่ตกอยู่กับพื้น เธอมองมันแต่ยังไม่ได้หยิบขึ้นมา สิ่งที่เธอเห็นบนกระดาษคือรูปดอกกุหลาบดีแดงสดที่ผลิบานรับแสงจันทร์ และที่สำคัญที่ดอกกุหลาบนั้นมีเลือดหยดลงมา
เซเลเน่เม้มปากเป็นเส้นตรง เธอรู้ดีว่าสัญลักษณ์บนกระดาษนี่คืออะไร มันเป็นสิ่งที่เธอหวังจะพบเจอมาตลอด
“เจ้าเปิดประตูไม่ได้รึอย่างไร” เสียงแหบพร่าที่เพิ่งได้ยินไปก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหันหลังกลับไปมองหน้าของ ท่านอันเทอร์ อีก
“ไม่ใช่ค่ะ..คือ...ข้าพบสิ่งนี้อยู่หน้าประตู” เธอกล่าวเสียงเรียบเฉยถึงแม้จะอึกอักอยู่บ้าง เพราะ ไม่รู้ว่าควรจะบอกดีหรือเปล่า เธอก้มลงเก็บกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาส่งให้ชายตรงหน้า เขารับไปหลังจากที่เขาเห็นสัญลักษณ์ กุหลาบเลือดอาบแสงจันทร์ นัยน์ตาสีดำดูมีเสน่ห์ของเขาเบิกกว้างทันที
“เฮอะ! อีกแล้วรึ!” เขาสบถเสียงดังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ในแววตาที่ดูไร้อารมณ์นั้นเริ่มสั่นไหว แฝงไปด้วยความสับสน “ตามข้าเข้ามาได้เลย...เซเลเน่” เขาพูดพลางผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไปอย่างง่ายดาย
เมื่อแสงไฟจากภายในบ้านเล็ดลอดออกมาทางประตู เซเลเน่พบว่า ภายในบ้านสว่างกว่าข้างนอกมาก อากาศภายในดูอบอุ่น แต่คงไม่จำเป็นสำหรับเธอเพราะเธอมีผมเพลิงที่ยาวลากพื้นนี่อยู่แล้ว
เมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้านก้าวแรกเธอพบปีศาจ 4 ตนนั้นอยู่บนโซฟาสีทองขนาดใหญ่ เธอรีบปั้นสีหน้าเป็นเย็นชาทันทีเพราะ เธอไม่ถนัดยิ้มต่อหน้าผู้คนเยอะ ๆเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เธอเดินเข้ามาได้จนถึงโซฟาเธอก็ย่อตัวทำความเคารพหญิงสาวที่ดูมีอายุมากที่สุดภายในที่นี้
“ท่านหญิง พีสทิล ข้า เซเลเน่ ทูวลูส ที่ท่านต้องการพบค่ะ” เธอพยายามปั้นสีหน้าให้ดูนิ่งที่สุด ยังไม่อยากโมโหเพราะมี ปีศาจ 2 ตนที่นั่งอยู่ตรงหน้ากำลังซุบซินินทาเธออย่างสนุกปาก “ข้าจะตัดสินใจว่าจะรับภารกิจของท่านไหม หลังจากทราบแล้วว่าภารกิจคืออะไรนะคะ” เธอกล่าว รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ลอยออกมาจากผมสีเพลิง
“เซเลเน่นั่นเอง...” ท่านพีสทิลพูดขึ้น เธอมีเรือนผมสีครามยาวตัดกับสีชุดกระโปรงสีส้มสด ฟูฟ่อง ประดับด้วยระบายลูกไม้มีริบบิ้นสีเหลืองพันเป็นโบว์อยู่รอบเอว เธอเดินเข้ามาหาเซเลเน่ยกมือของปีศาจสาวขึ้นกุมอย่างมีความหวัง “หวังว่าเจ้าจะยอมรับภารกิจครั้งนี้” ท่านพีสทิลพูด
“อะแฮ่ม” ท่านอันเทอร์กระแอม “แนะนำตัวกันก่อนเถิด จะได้รู้นามของแต่ละตน” เขาพูดพลางผายมือไปยังปีศาจที่ดูอายุมากกว่าเธอไม่กี่ปีและยังนั่งอยู่ที่โซฟา
“จ้ะ...ข้าจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะจ้ะ” ท่านพีสทิลกล่าวเว้นจังหวะให้ เซเลเน่ พยักหน้า
“ข้ามีนามว่า พีสทิล คาลอนลอส” ท่านพีสทิลเอามือทาบอก “คนนี้คือสามีของข้า อันเทอร์ คาลอนลอส” เธอยังคงแนะนำชื่อแต่ละคนต่อไป “นี่...คือลูก ๆ ทั้ง 3 ของข้า แนะนำตัวสิลูก” ท่านพีสทิลส่งสายตาคาดหวังไปให้ลูก ๆ
“ข้าเป็นลูกคนโต ชื่อ เฟอร์ทิล คาลอนลอส” คนแรกแนะนำตัว เขามีผมสีครามตัดสั้นคลอเคลียต้นคอ เขาอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวที่ดูมีราคา...เมื่อแนะนำตัวเสร็จเขาเบ้ปากอย่างไม่พอใจ กระแทกตัวลงนั่งที่เดิมโดยไม่หันกลับมามองหน้าเธออีก
“ชิ! ข้ามีนามว่า ฟีล่า คาลอนลอส เป็นพี่กลาง” คนนี้เป็นปีศาจเพศเมียที่มีเรือนผมยาวสีฟ้าอ่อนดัดเป็นลอน คราวนี้เมื่อพูดจบเธอนั่งลงช้า ๆ แต่กรีดร้องเสียงดังอย่างไม่พอใจ จนเซเลน่าต้องยกมือขึ้นลูบผมเบา ๆ เผื่อมันจะเย็นลงบ้าง
“ผม โพลเลน คาลอนลอส เป็นน้องคนเล็ก” เขายิ้มระหว่างแนะนำตัว และดูไม่อคติกับเซเลน่าซักเท่าไหร่ เขามีผมสั้นสีดำหยักศก แววตากลมโตสีดำฉายแววไร้เดียงสา เขาอยู่ในชุดธรรมดา ๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กับ กางเกงขายาวสีดำ ซึ่งไม่ต่างจาก เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกระกระโปรงสั้นสีดำของเธอ ซักเท่าไหร่ ที่ต่างที่สุดคงเพราะ เธอใส่ผ้าคลุมยาวสีดำด้วย
“เฟอร์ทิล ฟีล่า ไร้มารยาท!” ท่านอันเทอร์ตะโกนพลางเดินไปกระชากเสื้อของลูก ๆ ทั้งสองคนลอยขึ้นเหนือพื้น “เจ้าทำกับนางแบบนี้ได้อย่างไร...ในอนาคตนางอาจจะเป็นผู้มีพระคุณของเจ้า” เขายังดุลูกของเขาต่อไป
“ท่านอันเทอร์คะ...ไม่เป็นไรค่ะ ข้าไม่ถือ”เซเลเน่ พยายามปรามไม่ให้เพวกเขาทะเลาะกัน เธอรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของเส้นผมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนมันจะปะทุออกมา...เมื่อสิ้นสุดประโยค ท่านอันเทอร์ วางร่างของลูก ๆ ลงที่โซฟาเหมือนเดิม
“ขอโทษด้วยนะ...เซเลเน่” ท่านพีสทิลกล่าว แววตาฉ่ยแววรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ...ดูท่าตระกูลของพวกท่าน จะชื่นชอบ ดอกไม้” เธอเลิกคิ้ว พูดอย่างกวน ๆ แต่ที่เธอทำก็เพื่อให้บรรยากาศมือมนตรงหน้าดีขึ้น ถึงแม้จะทำไม่ได้เลยก็ตาม...
“คงจะใช่” ท่านพีสทิลตอบ...จากนั้นท่านอันเทอร์ ก็เอากระดาษที่มี สัญลักษณ์กุหลาบเลือดอาบแสงจันทร์ มาให้กับท่าน พีสทิล ทันทีที่ท่านพีสทิลเห็นสัญลักษณ์ ใบหน้าที่งดงาม สงบนิ่งนั้น ก็ผันแปรเป็นความตกใจ แล้วจริง ๆ เซเลเน่แอบเห็นน้ำตาของ ท่านพีสทิล ไหลคลอเบ้า
“เซเลเน่...ตามข้ามา” ท่านพีสทิลแอบปาดน้ำตา แล้วกวักมือเรียกเซเลเน่ไป เซเลเน่กำดาบในมือแน่นจนมันเกือบหัก รู้สึกได้ถึงความกดดันที่ถูกส่งมาจากสายตาของ ท่านพีสทิล และท่านอันเทอร์ เธอเม้มปากเป็นเส้นตรง รู้ได้ทันทีว่า ภารกิจที่ต้องทำต้องเกี่ยวกับสัญลักษณ์นั่นแน่ ๆ แล้วถ้าหากเกี่ยวขึ้นมาจริง ๆ มันก็คงไม่ใช่ภารกิจง่าย ๆ แน่นอน!
ท่านพีสทิล กับ ท่านอันเทอร์ เดินนำฉันมาจนถึงห้อง ๆ หนึ่ง ประตูห้องมีขนาดไม่สูง และ ไม่ใหญ่มาก แต่ประตูทำขึ้นมาจากเหล็กกล้าอย่างหนา มีคบเพลิงจุดอยู่ขนาบประตูทั้งสองข้าง เซเลเน่จ้องมองประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่
เมื่อประตูถูกเปิดโดยท่านอันเทอร์ ระหว่างที่เขาเปิดสีหน้าเขาดูเกร็งมาก แสดงว่าประตูนี้ต้องมีน้ำหนัก มากแน่นอน...ภายในห้องนั้นเหมือนเป็นห้องทำงาน ผนังทำจากไม้ธรรมดาแต่มันกลับดู เงาวับ เหมือนไม่ใช่ไม้ ระหว่างทางจากประตูไปยัง โต๊ะทำงานกลางห้อง มีพรมสีแดงปูอยู่เป็นทางยาว เมื่อเธอเดินเข้ามา เธอเห็นชั้นหนังสือหลายชั้นตั้งอยู่รอบห้อง หนังสือในนั้นทั้งหนา ทั้งเก่า แต่มีร่องรอยการอ่านจนมันดูยับเยิน...สงสัยว่าคงอ่านไปหมดแล้ว
“เซเลเน่...เชิญนั่งนี่” ท่านพีสทิล ผายมือไปทางเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับ เก้าอี้ของ ท่านอันเทอร์...เธอพยักหน้า แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่รีรอ...สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือ ภารกิจ คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ เจ้าของสัญลักษณ์กุหลาบเลือดอย่างไร...
“ภารกิจที่พวกข้าจะให้เจ้าทำมิใช่การสังหารผู้ใดเลย” ท่านอันเทอร์พูดด้วยภาษาที่ดูย้อนยุคของตัวเอง “ข้าอย่างเจ้าคอยคุ้มครองบุตรทั้ง 3 ของข้าให้พ้นจากอันตรายทั้งปวง”ท่านอันเทอร์เท้าคางลงกับโต๊ะทำงานหลังจากพูดจบ
“แต่...ถ้าพูดถึงอันตรายปกติ พวกท่านก็จ้างคนอื่นที่ไม่ใช่ข้าก็ได้นี่ แล้วค่าตอบแทนที่เยอะขนาดนั้นมันมาสมกันเลยนะคะ” เซเลเน่ร้องถาม เธอไม่คิดว่ากับการมาคอยดูแลลูก ๆ ของพวกเขาจะต้องได้ค่าตอบแทนเยอะขนาดนี้
“ไม่ใช่จ้ะ...อันตรายที่เจ้าต้องคอยป้องกันลูกข้า ไม่ได้มีแต่อันตรายปกติเพียงอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์นี่” ท่านพีสทิลชี้แจง พลางวางกระดาษที่มีสัญลักษณ์กุหลาบเลือดอาบแสงจันทร์ลงบนโต๊ะ ในขณะเดียวกัน ท่านอันเทอร์ก็ล้วงกระดาษแบบเดียวกันอีก 2 แผ่นขึ้นมาจากลิ้นชัก
“สัญลักษณ์นี่ หรือว่า...เอเลน่า...เซนฟิส” เธอถามกับปีศาจทั้ง 2 ตรงหน้า และพวกเขาก็พยักหน้าตอบเบา ๆ
“ทุก ๆ ครั้งก่อนจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างจะมีกระดาษแบบนี้ตกอยู่ที่ไหนซักแห่งในบ้าน...ครั้งแรกเป็นประตูไปสวนหลังบ้าน...ครั้งที่ 2 เป็นห้องครัว และ ครั้งนี้ เป็นหน้าประตูบ้าน...เราคาดว่าคนที่ทำคงจะเป็น เอเลน่า นักฆ่าอันดับ 1 นั่นแหล่ะ” ท่านพีสทิลพูดพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในขณะเดียวกันนัยน์ตาสีดำที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใด ๆ ก็ฉายแววหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน “เจ้าจะรับภารกิจนี้ไหม เซเลเน่” ท่านพีสทิลถามเสียง สั่น เธอคงคิดว่า ภารกิจอันตรายแบบนี้ใครจะไปทำได้
แต่ขณะนั้นในหัวของเธอกลับจินตนาการถึงความหน้ากลัวในหน้ากากไร้เดียงสาของเอเลน่า เธอมีเรือนผมยาวสีส้มอมน้ำตาล ดวงตากลมโตสีฟ้าเข้ม รูปร่างเพรียวบางน่ารักน่าปกป้อง แต่กลับกันตัวของ เซเลเน่เอง ก็เคยพบกับตัวตนที่แท้จริงของ เอเลน่า มาแล้ว และตอนนั้นเธอฆ่า เอเลน่าไม่สำเร็จ...เซเลเน่จึงมีอคติกับเอเลน่าอยู่มากพอควร เธอกำมือแน่นอย่างไม่รู้จะระบายที่ไหน
“รับค่ะ” เธอตอบชัดถ้อยชัดคำ มันใจว่าไม่ได้ทำเพราะ ฆ่าตอบแทน แต่ทำเพราะความโกรธแค้น เอเลน่าทำเธอไว้เยอะเหลือเกิน
เมื่อ เซเลเน่ ตอบตกลงว่าจะทำภารกิจ ทั้งท่านพีสทิล และ ท่านอันเทอร์ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉับพลันขณะที่เซเลเน่ กำลังมองใบหน้านั้นอยู่ เธอเห็นปลายผมสีส้มอมน้ำตาลปลิวมาหยุดอยู่ตรงบริเวณหน้าต่าง ราวกับเจ้าของเส้นผมนั้นมานั่งอยู่ตรงจุดนั้น เซเลเน่เบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ไม่นานผมนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าของตัวไปเริ่มงานเลยแล้วกันนะคะ” เซเลเน่พูดเธอคว้าดาบมากำไว้ ใช้มือเดียวดันประตูเหล็กกล้าออกได้อย่างง่ายดาย แล้ววิ่งออกไปทันที
“อันเทอร์ เห็นไหมคะ” พีสทิลยืนตัวแข็งถาม เธอตกใจที่ เซเลเน่ สามารถดันประตูนั้นออกได้ โดยไม่ต้องใช้แรงมาก แถมที่ประตูบานนั้นได้มีการลงอาคมเอาไว้ว่า หากผู้ใดที่ไม่ใช่คนในตระกูลคาลอนลอส จะไม่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ ยกเว้นแต่เพียง ปีศาจที่ความสามารถมากพอที่จะ ทำลายล้างโลกนี้ได้!
“ดูเหมือนว่าในร่างกายของ เซเลเน่ จะมีพลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่” อันเทอร์วิเคาระห์ ก่อนที่ทั้งสองจะหันมาสบตากัน
ระหว่างทางเดินจากห้องทำงานของ ท่านอันเทอร์ มาจนถึงห้องรับแขก
ระหว่างที่เซเลเน่วิ่งไปอยู่นั้นดูมืดสลัวไม่เหมือนกับตอนมา แต่ตอนนี้เธอไม่คิดสนใจ สิ่งเดียวที่เธอคิดก็คือ ตอนนี้เอเลน่า อยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้แล้ว! เธอท่องอยู่ในใจว่าตั้งสติให้ดี ไม่งั้นผมสีเพลิงของเธออาจจะเผาคฤหาสน์นี้ก็ได้
ทันทีที่ร่างบางของ เซเลเน่ วิ่งมาจนถึงห้องรับแขก เธอสังเกตบริเวณห้องรอบ ๆ ตัวบุตรทั้งสามของ ตระกูล คาลอนลอส พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เธอก็ยังรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของใครบางคน
“เธอเป็นใครกันแน่” ฟีล่า ลูกสาวคนกลางร้องถามขึ้นพลางแยกเขี้ยวขู่ เธอกระโดดกอดแขนพี่คนโตแน่น
“ข้าขอแนะนำตัว...ข้า เซเลเน่ ทูวลูส จะมาคอยดูแลพวกเจ้านับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป” เธอประกาศตัวเอง แต่ทันทีที่พูดจบ ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกเสียงดัง แวบแรกเธอคิดว่า เอเลน่า ต้องโผล่มาแน่ แต่จริง ๆ แล้วลมพายุข้างนอกต่างหากที่พัดประตูนี้จนเปิดออก
เซเลเน่ เดินไปปิดอย่างรู้หน้าที่ เมื่อประตูไม้บานใหญ่ถูกปิดลง จิตสังหารอันแรงกล้าของใครบางคนแผ่ซ่าน ไปทั่วทุกอณูของอากาศ ร่างกายบังคับให้ เซเลเน่ หันกลับไปมองร่างของบุตรแห่งตระกูล คาคอนลอสทั้ง 3 สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาของเซเลเน่คือ มีดอันเล็กอันน้อยที่ร่วงลงจากด้านบน
เซเลเน่คว้าปืน 2 กระบอกที่พกมา สาดกระสุนใส่มีดพวกนั้นอย่างแม่นยำเพื่อให้มันเปลี่ยนทิศทาง
“กรี๊ดดดดดดดด” ฟีล่ากรีดร้อง กระโดดกอดคอ เฟอร์ทิล อย่างหวาดกลัว ทันใดนั้น ท่านพีสทิล กับ อันเทอร์ ก็วิ่งมาสมทบ
“เกิดอะไรขึ้น เซเลเน่” ท่านพีสทิลถาม แต่ยังไม่ทันที่เซเลเน่จะพูดความจริง ก็มีบางเสียงสอดแทรกเข้ามาก่อน
“เมื่อกี้ อยู่ ๆ ประตูก็เปิดได้เอง แล้วเมื่อ เซเลเน่ เดินไปปิด ก็มีมีดสั้นร่วงลงมา เธอเลยใส่ปืนยิงใส่มันเพื่อให้มันเปลี่ยนทิศทางครับ” โพลเลนตอบแทนเซเลเน่ ราวกับเขาอ่านใจเธอออก
“โอ้ พระเจ้า...ขอบคุณ เจ้าเหลือเกินเซเลเน่” ท่านพีสทิลร้อง พลางโผเข้าไปโอบกอดร่างของ ฟีล่า ผู้ดูหวาดกลัวที่สุดไว้ในอ้อมแขน
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่างานแรกสำเร็จสินะคะ” เซเลเน่เหยียดยิ้มโชว์เขี้ยวสีขาวบริสุทธิ์ของเธอ
“ดีมาก เซเลเน่” คราวนี้ผู้ตอบคือ ท่านอันเทอร์ ผู้ยังยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง และ กำลังพินิจพิจารณา มีดสั้นที่ร่วงลงมาจากเพดาน
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวไม่คิดสนใจฟีล่า เลย แต่ที่เธอสงสัยคือ ลูกชายคยเล็กที่ชื่อ โพลเลน นั้นต้องหันมามองหน้าและยิ้มให้เธอเหมือนกับเด็ก ๆ ที่ได้รับของเล่นชิ้นใหม่ด้วย
แต่ในขณะนี้สิ่งที่เธอสนใจที่สุด คงมีอย่างเดียวเท่านั้น...
หึ...เอเลน่า เมื่อ 9 ปีก่อน เจ้าทำฉันไว้แสบมาก...ตอนนี้แหล่ะ...ที่ เซเลเน่ คนนี้ จะเอาคืน เตรียมซื้อโรงศพรอไว้ได้เลย!
ความคิดเห็น