คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : underneath the bed sheets | mingyu x wonwoo
หากนิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องของโรมิโอกับจูเลียต
ฉันก็คงจะเป็นจูเลียต และเธอก็คงจะเป็นโรมิโอ
แม้จุดจบจะไม่ได้สวยงามนัก
แต่ฉันก็คงจะรู้สึกดีกว่าในตอนนี้
ความสัมพันธ์ที่ครุมเครือและบางเบา
ราวกับจะหายไปได้ในทุกเช้าที่ตื่นขึ้น
มองเธอที่ตื่นขึ้นและเดินจากไป
ในบางทีเมื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็ไม่อยู่ข้างกันแล้ว
หัวใจของฉันแตกสลาย.
หยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมา
แม้ว่าจะรู้ดีว่าความรักของเรานั้นเป็นไปไม่ได้
แต่กระนั้น ฉันก็แค่อยากเป็นคนที่เธอรัก เพียงเท่านั้นเอง.
เหมือนกับทุกๆวัน เด็กหนุ่มลืมตาตื่นขึ้น แสงแดดสีนวลส่องสะท้อนปลุกเขาจากห้วงนิทราอันแสนหวาน ห้องที่มีกลิ่นอายของชายคนนั้นเหมือนกับทุกครา แม้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเสียเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวในทุกเช้าที่ตื่นขึ้น แต่ก็ยังดีกว่าตื่นขึ้นในห้องของตนเองเพราะไม่สามารถมาเจอคนคนนี้ได้อีก.
ไม่มีชายร่างใหญ่อยู่ข้างกาย..
เสียงอาบน้ำที่ดังขึ้นมาจากห้องน้ำนั่นบ่งบอกให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังอาบน้ำแต่งตัวอยู่เป็นแน่ ซึ่งแปลว่าเขาไม่ต้องรีบร้อนอะไร เสื้อตัวใหญ่สีขาวของอีกฝ่ายถูกใส่คลุมลงยาวปิดต้นขาที่ยังมีร่องรอยรักจากเมื่อคืนอยู่ ผิวสีขาวน้ำนมตัดกับสีผมเข้ม ใบหน้าคมที่ดูมีมิตินั่นดูดีแม้กระทั่งในยามเพิ่งตื่นแบบนี้ สมกับเป็นทายาทคนเดียวของเจ้าแห่งอสังหาริมทรัพย์ตระกูลควอน. เด็กหนุ่มที่มีกลิ่นกายตามธรรมชาติหอมละมุนเหมือนกับกลื่นของขนมหวานล้มตัวลงนอนลงกับเตียงอีกครั้ง เขาหลับตาลง แผ่แขนขาอย่างไร้เรี่ยวแรง เสียงน้ำที่หยุดลง ตามด้วยประตูที่ถูกเปิดออกบ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนคงจะออกมาจากห้องน้ำแล้ว
มินกยูไม่ชอบให้ออกไปโรงเรียนด้วยกัน
ไม่ชอบทำให้เหมือนกับว่าเป็นคนที่รู้จักกันด้วยซ้ำ
สายตาคมที่เหลือบมองมายังเขาเพียงแค่เสี้ยววินาทีไม่ปรากฎร่องรอยแห่งความรู้สึกใดๆให้เขาได้เห็น มันช่างเย็นเฉียบและเย็นชา ชุดนักเรียนที่ถูกใส่อย่างไม่รีบร้อน กลิ่นของขนมปังปิ้งที่มีเพียงแค่สำหรับคนคนเดียวพร้อมกับโกโก้ร้อนหนึ่งแก้ว มินกยูงับมันไว้ในปากก่อนจะดื่มโกโก้ร้อนอย่างใจเย็น และเดินออกไปจากห้องพักหรูนี่ในเวลาไม่ถึงสิบนาที มันเป็นเช่นนี้เสมอ ความสัมพันธ์ของเขากับเด็กคนนั้น
คิมมินกยู ลูกชายบริษัทออกแบบชื่อดังอย่างคระกูลคิม ที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งฐานะ หน้าตา การเรียน ชายหนุ่มคนนี้เป็นความสมบูรณ์แบบที่ใครๆก็ต่างพากันหลงใหลในตัวชายหนุ่มคนนี้ นิสัยที่ดูอ่อนโยนใจดี ทุกๆอย่างที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้ วอนอูก็คงเป็นเพียงแค่หนึ่งในคนพวกนั้นที่โชคดีกว่าใครๆเพราะได้อยู่ใกล้คนคนนั้นถึงขนาดนี้ แต่อาจเพราะได้ใกล้มากเกินไปกระมังเขาเลยเผลอใจไปหวังอะไรที่มันมากกว่ากับเด็กหนุ่มที่ใครๆก็ทำได้แต่มอง
มินกยูในวันนี้ที่ไม่เหลือเค้าโครงของคนที่เคยผูกพันธ์กันเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว พอนึกย้อนไปแล้ว ตอนนั้นทั้งสองสนิทกันมาก อาจเป็นเพราะเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ เด็กทั้งสองจึงโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาตั้งแต่เด็กพัฒนากลายเป็นความรักที่ค่อยๆเติบโตขึ้นในใจของเขาตามวันเวลา วอนอูได้แต่เก็บมันไว้ข้างในใจ ความทรงจำมากมายที่ได้สร้างไว้ในอดีต วันนึงก็ต้องแตกร้าวเมื่อเป็นพ่อของมินกยูที่ได้ทรยศผู้เป็นเพื่อนรักทางธุรกิจ
บริษัทตระกูลคิมได้โกงเงินของตระกูลวอนไปกว่าสิบสองล้านวอน เรียกว่าทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องสั่นคลอน แต่สุดท้ายด้วยความสามารถ บริษัทของตระกูลจอนก็สามารถกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตระกูลคิมก็ได้กลายมาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของตระกูลจอน. ความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองก็ต้องจืดจางไปเช่นเดียวกับทางบ้าน คำสั่งให้เลิกคบเป็นเพื่อน เลิกพบเจอพูดคุยก็ถูกสั่งมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
คำสารภาพรักหลุดออกมาจากปากเขาเมื่อปีที่แล้ว ในวันวาเลนไทน์ มินกยูที่จมหายไปในกลุ่มหญิงสาวที่มารอรับ มีเพียงวอนอูในชุดโค๊ตสีเขียวตัวบางเท่านั้นที่ดูโดดเด่นแม้ยืนไกลออกไป ข้อความสั้นๆที่ถูกส่งไปหาอีกฝ่ายที่ไม่ได้ติดต่อมานับแรมปีเรียกให้คนเด็กกว่าไปพบเขาที่ร้านกาแฟไม่ไกลออกไปนัก ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นมันเอ่อล้นขึ้นมา ยิ่งไม่ได้พูดคุย ไม่ได้ใกล้ชิด ช่องว่างระหว่างคนทั้งสองก็ได้เพิ่มขึ้น ความโหยหาในใจก็ทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัวจนเก็บมันไม่ไหวอีกแล้ว
คำพูดเรียบง่ายหลุดออกจากปากเขาไปในวันนั้น ขณะที่กำลังจิบมอคค่าร้อนและแครอทเค้กที่ทั้งสองเคยทานด้วยกัน สุดท้ายความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี่ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงัน แม้ว่าจะไม่ได้สนิทกันเหมือนเคย แต่ได้ใกล้ชิดแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาเฝ้าบอกกับตัวเอง
ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ทั้งเพื่อนสมัยเด็ก
ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้น หรือเพียงคนรู้จัก
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีจุดที่ชัดเจนมันช่างทรมาณเหลือเกิน
บางทีก็เหมือนกับไม่มีตัวตนในสายตา ทว่าก็กลับอยู่ด้วยกันทุกๆคืน
ในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นทุกอย่างก็เหมือนเป็นความฝัน
เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ
แม้เอื้อนเอ่ยคำถามไป แต่ก็รู้ดีว่าคงไม่ได้คำตอบกลับมา
แม้เอื้อมมือออกไปไขว่คว้า แต่ก็คงไม่ถึงดวงดาวดวงนั้นที่อยู่เพียงแค่เอื้อม
กระซิบบอกคำหวานกับเด็กหนุ่มร่างสูงทุกวัน ทว่าไม่เคยมีคำพูดตอบกลับมา ไม่มีแม้เพียงแค่สายตาเย็นชาที่จะบ่งบอกวว่าข้อความนั้นได้ส่งถึงอีกฝ่าย บางครั้งบางทีเขาก็รู้สึกเหมือนเป็นเพียงกระถางต้นไม้ที่ตั้งอยู่ในห้องนอนนั้น เป็นเพียงอะไรบางอย่างที่คนคนนั้นได้เพียงแค่มองผ่านไปแต่กลับไม่เคยจ้องมาโดยตรง ข้อความที่พูดไปคงไม่มีทางที่จะถึงอย่างแน่นอน...
ไม่รู้ว่านอนอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ แต่พอรู้ตัวอีกทีโทรศัพม์มือของเขาก็ดังขึ้น เวลาที่บอกไว้ในสมาร์ทโฟนเครื่องหรูคือเก้าโมงสิบนาที แต่ไม่เป็นไรหรอก แม้จะเป็นวันที่มีเรียน แต่เป็นเพราะครอบครัวของเขาได้บริจาคเงินให้กับทางโรงเรียนไว้มากต่อให้ขาดเรียนไปทั้งวันก็คงจะไม่มีใครกล้าลงโทษ มือเรียวเอื้อมไปหยิบเครื่องมือสื่อสารบางเฉียบที่ปรากฎใบหน้าของเพื่อนตาตี่คนสนิทขึ้นมารับ ถ้าไม่รับตอนนี้อีกฝ่ายคงเป็นห่วงจนโดนงอนเป็นแน่
“ฮัลโหล. ซูนยอง” ตอบไม่อย่างไม่ใส่ใจมาก เสียงโวยวายจากเพื่อนรักทางปลายสายก็ดังมาด้วยความเป็นห่วง เสียงวุ่นวายจากในห้องบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้คงเป็นช่วงระหว่างคาบเกี่ยวของคาบเรียนที่คุณครูคงยังไม่เข้า วอนอูลุกขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจ มองไปรอบๆห้องที่ไร้ซึ่งระเบียบนี้แล้วถอนหายใจออกมา เสียงจากคู่สนทนายังคงบ่นเหมือนป้าแก่ๆไม่ยอมหยุด เด็กหนุ่มเหนื่อยใจกับเพื่อนรักคนนี้เบาๆ ก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ ห่วงเรื่องของเขามากกว่าเรื่องของตัวเองเสียอีก
“อยู่ที่นั่นอีกแล้วใช่มั้ย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปเจอกับไอ้หมอนั่นอีกน่ะ แกไม่เข้าใจรึไงว่าแกกับมันเป็นอะไรกันไม่ได้ ถ้าพ่อแกรู้ขึ้นมาจะทำยังไง” ปิดท้ายด้วยประโยคคลาสสิค เด็กหนุ่มตาตี่จิบชาอิงลิชเบรคฟาสต์ที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจนัก ชินแล้วกับคำพูดพวกนี้ ใครๆก็ต่างพากันพูดแบบนี้. เพื่อนๆทุกคนที่โรงเรียนต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคิมมินกยูเป็นคนอันตรายที่เขาไม่ควรเข้าใกล้
ทุกๆคนเอาแต่พูดว่าเขาเป็นคนรักของคนคนนั้นไม่ได้
แต่เขาก็แค่อยากที่จะเป็นคนรักของคิมมินกยูจริงๆก็แค่นั้น
“แกเลิกไปหามินกยูเถอะนะ.....”
“คงไม่ได้หรอกซูนยอง แกก็รู้นี่ว่า...”
“แกรักมินกยู.. อื้อ รู้ แต่แค่ความรู้สึกของแกคนเดียวมันพออย่างงั้นหรอวอนอู? เปิดตาดูรอบตัวได้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้หรอก ผู้ชายคนนั้นคือคิมมินกยูนะ คิม!มิน!กยู! นะ แกรักกับมันไม่ได้ อย่าว่าอะไรเลย แค่ขนาดคำว่ารักซักคำมันเคยพูดให้แกได้ยินรึเปล่าห๊ะ?” ยิ่งพูดอีกก็ยิ่งแทงใจ. ควอนซูนยองเป็นเพื่อนสนิทที่คบกับเขามาตั้งแต่จำความได้ เรียกว่ารู้จักกันดีในทุกๆเรื่อง เมื่อก่อนสมัยที่มินกยูยังอยู่กลุ่มเดียวกัน ซูนยองเองก็เคยสนิทกับหมอนั่นมาก่อน เพียงแต่ว่าดูเหมือนว่าเพื่อนรักตาตี่ของเขาจะไม่ชอบชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ่งมาเป็นแบบนี้ก็ยิ่งไม่ชอบ.
เพราะไม่ชอบ ก็เลยรู้ดีว่าจุดไหนที่สะกิดรอยแผลในใจเขาได้มากที่สุด
ถอนหายใจยาวๆให้กับคำพูดเหล่านั้น วอนอูไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รสของชาที่จิบไปอีกรอบยังขมฝาดอยู่ในปาก วอนอูไม่ใส่น้ำตาล ชายี่ห้อหรูกับนมสดอย่างดีจากฟาร์มชื่อดังเท่านั้นที่ถูกใส่ลงไป แก้วลายดอกไม้ที่สลักไว้อย่างงดงาม ไม่ว่าใครที่ได้เห็นเด็กหนุ่มในตอนนี้คงต้องหลงใหลในความงามเบื้องหน้าเป็นแน่แท้ มีแค่เพียงคนที่มีมันอยู่ในกำมือเท่านั้นที่ไม่เคยคิดจะมองลงมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
‘มินกยูยา. รักนายนะ’ เสียงหวานเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใสเหมือนที่ทำเฃ่นเคยในทุกเช้า แต่ไม่มีคำตอบใดๆจากร่างสูง หากพูดให้ถูกแล้ว เหมือนกับว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้ส่งถึงอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังติดกระดุมเสื้อต่อไป ไม่สนใจคำทักทายจากร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย
‘นี่.... บางครั้งฉันก็คิดนะ ว่าถ้าเราแอบหนีไปกันสองคน ไปที่ไหนซักที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เราก็จะรักกันได้ใช่มั้ยมินกยู’ พูดเสียงเบา มือเรียวเล่นกับปอยผมสีดำ ลมอุ่นๆถูกเป่าเข้าที่ข้างหูเหมือนกับแมวขี้เล่น มือร้อนที่กอดเอวเขาอยู่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่บ่งบอกให้วอนอูรับรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงรับรู้ว่าเขามีตัวตนหลังสัมพันธ์รักแห่งยามราตรีเมื่อครู่ ไม่ใช่เพียงแค่ความฝันที่เขาคิดไปเอง
เด็กหนุ่มหวังให้อีกฝ่ายพูดตอบอะไรกลับมาบ้างแต่ก็มีเพียงความแน่นิ่ง มินกยูไม่ได้พูดอะไรออกมา ดวงตาคมนั้นไม่ได้มองมาที่เขา ร่างบางปล่อยให้หยดน้ำใสใสไหลรินออกมาอย่างช้าๆ.
“ผมต้องไปอเมริกา”นั่นคือคำพูดสั้นๆที่ร่างสูงเลือกจะใช้บอกกับวอนอู ที่จริงเขาก็รู้ดีอยู่แล้วถึงเรื่องนี้ มีหรือเรื่องไหนที่เกี่ยวกับคิมมินกยูแล้วเขาจะไม่รู้ เรื่องที่ชายหนุ่มถูกจับคู่กับเชว มินกิ ลูกชายที่มีใบหน้างดงามยิ่งกว่าสตรีใดของเชวคอเปอเรชั่น ทั้งสองถูกคลุมถุงชนและส่งให้ไปเรียนต่อทางด้านการออกแบบในสถาบันดังแห่งประเทศอเมริกา ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่ว แต่มินกยูก็เลือกที่จะเงียบนิ่งไม่พูดอะไรทั้งๆที่ได้พบเจอกันทุกวัน
คิดว่าจะไม่พูดเสียอีก แต่สุดท้ายก็มาบอกเอาในวันก่อนที่จะเดินทาง
กระเป๋าเดินทางใบโตถูกแพ็คไว้อย่างเรียบร้อย แต่ในคืนนี้เขาก็ยังได้รับเชิญให้มาที่คอนโดหรูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มินกยูไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่รอคอยอยู่ในมุมมืดมาตลอด คำลาเพียงแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับวอนอู ชายหนุ่มที่เดินหันหลังให้กับเขาไป.. ไหล่หนาที่เคยโอบกอดเขาด้วยความอบอุ่นเมื่อนานมาแล้ว แววตาคู่นั้นที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขในวันวาน ทุกอย่างที่ค่อยๆเลือนหายไปในความจริงแต่ยังคงเด่นชัดในความทรงจำ เขาคงทนไม่ได้จริงๆ หากไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว
วอนอูพุ่งเข้ากอดที่เอวหนา ใบหน้าวางซบลงจากด้านหลัง ปล่อยให้น้ำตาเปียกไปบนเสื้อเชิร์ตตัวเก่งของอีกฝ่าย ... ไม่อยากให้ไป.. นั่นเป็นเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของจอนวอนอูในตอนนั้น แม้เหมือนคนบ้า แต่เขาก็มีความสุขมากกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนควันหมอก แม้มีตัวตนอยู่แต่ก็จับต้องไม่ได้ มันก็ยังดีกว่าตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบกับอะไรเลยไม่ใช่หรือ
“อย่าไปได้มั้ย... อย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้ได้มั้ย”
และคำขอร้องนั่นก็ส่งไปไม่ถึงคนตัวสูงอีกเช่นเคย มือหนาปัดมือบางที่รั้งเขาไว้ ไม่แม้แต่จะเหลียวมองกลับมา สัมพันธ์ที่เฉยชาเหมือนกับทุกทีเหมือนกับมีดที่กรีดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้ง แต่ในวันนี้มันคงจะไม่เหมือนกับในทุกคราว เพราะเขารู้ดีว่าหากตื่นขึ้นในยามเช้าแล้ว ก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับคิมมินกยูอีก ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำ ในห้องแต่งตัว หรือว่าที่โรงเรียน
จะไม่มีคิมมินกยูอีกแล้ว ในชีวิตของเขา
แม้อยากรั้งไว้เท่าใดแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะความรักครั้งนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จับต้องไม่ได้ วอนอูไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไรใดๆเลยไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ได้แต่ยิ้มสมเพชให้กับตัวเองทั้งน้ำตาให้กับความรักที่ไม่มีวันส่งถึงชายหนุ่มร่างใหญ่ และภาพแห่งความสุขที่เคยเบ่งบานเหมือนกับดอกไม้แรกแย้มในความทรงจำ.
แสงแดดยามเช้าสาดลงมาปลุกเขาเช่นทุกที ไม่มีเสียงใดๆที่รบกวนการนอนในวันนี้เหมือนที่เขารู้อยู่แล้ว คิมมินกยูได้จากไปแล้ว และคงจะไม่ย้อนกลับมา ไม่มีประโยชน์อะไรให้รีบตื่น นอกจากจะทำให้เพื่อนรักที่เป็นห่วงอยู่นั่นสบายใจ วอนอูไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว เพราะเขารู้ดีว่ามินกยูก็คงจะไม่สนใจ มินกิเป็นผู้ชายที่ไร้ที่ติและเหมาะสมกับชายหนุ่มคนนั้นทุกอย่าง เห็นแบบนั้นแล้วเขาก็ควรจะยินดีใช่มั้ย?
มือเรียวดันพยุงตัวให้ลุกขึ้นจากเตียงที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความทรงจำตั้งแต่ครั้งที่ทั้งสองยังเคยเป็นเพื่อนกัน ทุกๆความทรงจำที่ยังคงงดงามเสมอเพียงแค่นึกถึง รอยยิ้มจางๆก็ปรากฎขึ้นซ้ำทับความขมขื่นในจิตใจ เขามองไปรอบๆห้องโดยไม่พูดอะไรออกมา ไม่มีทั้งน้ำตา หรือท่าทีแห่งความเสียใจใดๆ เพราะวอนอูเป็นคนเข้มแข็ง เรื่องนั้นใครๆก็รู้ดี แม้ในวันที่อ่อนล้าที่สุดก็ยังเลือกที่จะไม่แสดงอะไรออกมา
เด็กหนุ่มเอื้อมไปดึงผ้าห่มที่กองร่นอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาพับให้เรียบร้อยเพราะรู้ดีว่าจากนี้คงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว หมอนที่วางระเกะระกะ ตุ๊กตาที่ได้มอบให้ในวันวาเลนไทน์ที่มินกยูไม่คิดจะมองดูมันแม้แต่นิด ทุกอย่างถูกจัดกลับที่วางเรียงให้อย่างดี เพราะเขาอยากให้ในอีกสิบปีข้างหน้าที่ชายหนุ่มกลับมาที่นี่ จะยิ้มได้เมื่อนึกถึงมัน
แต่แล้วก็ต้องสะดุดขณะที่กำลังดึงผ้าปูที่นอนอยู่ มือของเขาได้สัมผัสกับอะไรบางอย่างที่แข็งๆ สัมผัสเหมือนกับกระดาษนั่นทำให้ร่างบางต้องละความสนใจจากสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ มือเรียวยกที่ปูรองออกช้าๆ ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อได้พบกับกองกระดาษนับพันที่สอดซ่อนอยู่ใต้เตียงที่เขานอนอยู่ทุกวัน. ภาพความทรงจำมากมายตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย จนกระทั่งไดอารี่ที่ทำหายไปทั้งเล่มของเขา ทุกอย่างล้วนถูกซ่อนอยู่ที่ใต้ช่องว่างนี่นั่นเอง
รูปโพลารอยด์ของเขาที่ถูกแอบถ่ายโดยไม่รู้ตัว จดหมายฉบับเล็กที่เคยเขียนให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ทุกอย่างล้วนยังคงอยู่ที่นี่เหมือนเดิมไม่เปลื่ยนแปลง มือเรียวเอื้อมไปจับกระดาษเล็กๆเหล่านั้นขึ้นมาดู ลายมือของมินกยูพวกนั้นเป็นสิ่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อเขา. ทั้งคำพูดให้กำลังใจ คำพูดบอกรัก คำขอโทษ ทุกๆอย่างที่ชายหนุ่มไม่ได้บอกให้เขารู้มันถูกซ่อนอยู่ที่นี่เสมอ..
ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากสนใจ
แต่ที่ทำไปทุกอย่าง เป็นเพราะเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ต่างหาก
เพราะยิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด ยิ่งตัดใจยากเท่านั้น
หากจะยิ้ม หากจะพูดคุย ก็กลัวว่าความผูกพันธ์จะเพิ่มขึ้นมากไป
และในวันที่ต้องจากไปแล้ว วอนอูจะอยู่ไม่ได้
เพราะรู้จักวอนอูดีที่สุด. มินกยูจึงเลือกที่จะทำแบบนี้
เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเลยที่จะหลีกหนีโลกของความเป็นจริงไปได้
เพราะอย่างนั้น เขาจึงเลือกที่จะไม่ให้ความหวัง
เลือกที่จะไม่โอบกอดไว้
ขอแค่เพียงตักตวงความหอมหวาน
โอบกอดความรู้สึก เท่าที่เขาจะขอทำได้
แค่แบบนี้ จะเรียกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวมั้ย?
เป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่า ที่เลือกที่จะซ่อนทุกอย่างไว้
เก็บรอยยิ้ม เก็บความทรงจำ
เก็บมันไว้ให้เปล่งประกายในใจเสมอ ยามใดที่เขาอ่อนล้า.
นี่อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้.
แต่เป็นเพียงวิธีเดียว ที่เขาเลือกที่จะไม่ทำร้ายใคร
ทั้งคนที่เขารัก ทั้งคู่หมั้นหมายที่ไม่เคยรู้จัก
รวมทั้งครอบครัว ที่เขาไม่อาจทรยศได้เช่นกัน..
จากนี้ไปทั้งสองก็คงต้องแยกกันไปคนละทาง
ต้องหายใจอยู่ไกลกันในอีกฝั่งของโลก
แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเพียงใด จากนี้อีกสิบปีหรือร้อยปี
เขาก็ยังคงมั่นใจ ว่าในใจดวงนี้ก็จะยังมีเพียงแค่ผู้ชายที่รักเขาที่สุดที่ชื่อจอนวอนอูแบบนี้...
ตลอดไป.
ความคิดเห็น