คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : miss korea | jisoo x hansol
ไม่ใช่คนทุกคนที่จะเกิดมาสมบูรณ์แบบ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบอยู่จริง
รอยยิ้มที่งดงาม
คำพูดที่แสนหวาน
เธอคนนั้นมีครบทุกอย่าง
หญิงสาวที่ยกยิ้มอยู่ในกระจกนั่น
ใช่แล้วล่ะ เธอคนนั้นก็คือฉันเอง..
ฉัน มิสเกาหลียังไงล่ะ
ผมมองรูปสะท้อนในกระจกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย เงานั่นที่สะท้อนใบหน้าที่งดงามยิ่งกว่าใครๆออกมา แม้เจ้าหญิงในเทพนิยายอย่างสโนว์ไวท์ก็ไม่อาจเทียบกับความสมบูรณ์แบบนี่ได้ ดวงหน้าขาวผุดผ่องยิ่งกว่าเกล็ดหิมะแรกแห่งเหมันต์ฤดู ดวงตาดำขลับดูลึกล้ำน่าค้นหาเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ใครก็ไม่อาจเลียนแบบได้ ทั้งจมูกที่โด่งเป็นสันอันมาจากเลือดฝรั่งยุโรปที่ผสมสานอย่างลงตัวกับโครงหน้าอย่างตะวันออก มองอย่างไรก็ไร้ที่ติ ริมฝีปากบางแดงอิ่มน่าสัมผัสถูกฉาบไว้ด้วยกลอสจางๆนั่น ทุกอย่างดูดีเสียจนไม่ว่าใครที่เห็นก็จะต้องอิจฉาในความงามของสตรีตรงหน้านี้
นั่นสินะ สตรีตรงหน้านี้.
ปากหยักของผมแสยะยิ้มอย่างที่คิดว่าดูใสสื่อและน่ารักที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้ แววตาที่บริสุทธิ์เหมือนสาวน้อยแรกแย้มนั่นคงทำให้ชายนับพันต้องหลงใหลกับรูปลักษณ์ที่ไม่อาจทัดทานได้ ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยใบหน้าบางๆในโทนนู้ดอย่างที่กำลังนิยม วิกผมยาวประบ่าถูกดัดให้เป็นลอนน้อยๆ คลอเคลียอยู่กับต้นคอระหง ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเซนติเมตรนี่ก็คงเป็นส่วนสูงในฝันของเหล่านางแบบ ใครจะรู้ล่ะว่าคนที่ได้รับความสมบูรณ์แบบนี่มาจากสวรรค์อยากจะโยนมันทิ้งลงทะเลไปแล้วขอไปเกิดเป็นคนธรรมดาๆเสียดีกว่า
ก็ผมเป็นผู้ชายน่ะสิ
ใช่แล้ว ผมเป็นผู้ชาย มีอะจูจู้อย่างที่คนอื่นมี ลูกกระเดือกที่ไม่ได้ออกมามากนักเข้ากับเสียงของผมที่ยังไม่แตกหนุ่มดี ไหล่ของผมไม่ได้กว้างนักและเอวของผมก็คอดกิ่ว หุ่นบางเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเท่าที่ควรนี่ยิ่งทำให้คนพากันเชื่อว่าผมเป็นผู้หญิงเสียจริงๆ ตอนนี้ก็ถูกใส่ทับด้วยชุดเดรสกำมะหยี่สีเข้มที่ค่อนข้างรัดกุม ส่วนหน้าอกถูกฟองน้ำยัดพันไว้อย่างดีให้พอเห็นเป็นส่วนโค้งเว้าได้ประมาณคัพซี แรกๆมันก็ไม่สบายนักหรอกต้องแต่งตัวอวดทรวดทรงปลอมๆแบบนี้แต่พอไปเรื่อยๆแล้วก็ชินไปเอง
มันค่อยชินชาไปเองหลังจากต้องทนอยู่กับอะไรบ้าๆแบบนี้มาปีกว่าๆ ถึงเป็นลูกครึ่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าบ้านผมจะมีฐานะ เมื่อก่อนอยู่ที่อเมริกากับแกรนนี่ แต่พอแกรนนี่เสียไปหนี้สินบ้าบอก็ผุดขึ้นมาอย่างกะดอกเห็ด แถมยังพ่วงมากับหนี้จากบริษัทของป๋าที่ล้มละลายลงอย่างไม่น่าเชื่อด้วย สุดท้ายก็เลยต้องระเห็จกลับมาที่เกาหลีนี่ ญาติมิตรของทั้งมาม่ากับคุณป๋าก็อยู่ที่นู่น พวกเราสี่คนพ่อแม่ลูกเลยมาที่นี่แบบเสื่อผืนหมอนใบประหนึ่งคนจีนอพยพสมัยก่อนสงครามโลกเพื่อมาลุ้นโชคเอาในแผ่นดินเกิดของแม่
ก็ตลกดีนะ ผมพูดเกาหลีได้แบบงูๆปลาๆ แบบที่เพื่อนสนิทที่เป็นคนเกาหลีเต็มตัวที่นู่นเคยสอน กับเปิดลุงทูปดูเพื่อเรียนตามกระแสเคป๊อป แต่กลับเป็นคนที่พูดเกาหลีได้มากที่สุดในบ้าน มาม่าถือพาสปอร์ตเกาหลีซะเปล่า เกิดและโตที่นู่นเลยพูดเกาหลีไม่ได้ซักคำ คุณป๋ากับน้องสาวของผมยิ่งไม่ต้องพูดถึง... การมาที่นี่ถือเป็นเรื่องเสี่ยงดวงแบบสุโค่ย !!!! คุณป๋าของผมเข้าทำงานในโรงเรียนมัธยมในฐานะครูสอนภาษาอังกฤษ สอนเด็กเกาหลีพูดแคทๆด๊อกๆกันอย่างฮา ส่วนแม่ของผมจากที่เคยเป็นดีไซน์เนอร์ ตอนนี้ก็เป็นได้แค่ลูกจ้างร้านขายเสื้อผ้า เราใช้ชีวิตกันแบบกินแกลบไปวันๆ แค่ตังค์จ่ายค่าเทอมยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ มาม่าของผมเป็นพวกหลงใหลในแฟชั่น ถึงจะตกอับแบบตอนนี้ก็ยังไม่ทิ้งลาย อยากจะให้ผมกับน้องได้ใส่เสื้อดีๆ (?) มีโรงเรียนเครื่องแบบสวยๆใส่(?) จู่ๆไปเจอใบปลิวมรณะใบหนึ่งก็เลยเกิดไอเดียบรรเจิดที่จะทำให้ครอบครัวตระกูลเชวพ้นจากชีวิตอันแสนรันทดนี่ได้
นั่นคือจับผมไปประกวดมิสเกาหลี!
นั่นแหละคุณอ่านไม่ผิดหรอก มาม่ามิติที่สี่ของผมเกิดอารมณ์สาววายกำเริบหรือไงก็ไม่รู้ แต่จู่ๆมองหน้าผมก็เกิดอารมณ์ติสต์แตก พาไปแต่งหน้านุนิให้ดูมุ้งมิ้งแล้วก็พาไปประกวดซะงั้น... เพราะว่ารางวัลที่หนึ่งเงินอย่างงาม บวกกับตอนแรกผมนึกว่าเป็นเรื่องโจ๊ก ออกจะเป็นผู้ชายเต็มตัวขนาดนี้ใครจะไปเชื่อว่าผมเป็นผู้หญิง แต่แล้วเรื่องมันก็เลยเถิดมาเรื่อยๆ แม่ก็เริ่มสร้างลุคให้ผม ตั้งแต่ใช้ชื่อย่อ HVC ที่มาจากชื่อ ฮันโซล เวอร์นอน เชว เป็นชื่อในการประกวด ไม่เปิดเผยชื่อจริงคนก็เลยพากันเดาชื่อไปต่างๆนานา กลายเป็นชื่อสาวๆแบบที่ผมเองต้องสะพรึง ..... มาม่าบอกว่าเรื่องแบบนี้จะทำให้ผู้คนอยากค้นหา พากันสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของสาวน้อยลูกครึ่งที่แม่อุตส่าห์สร้างขึ้นมานี่ให้ดูลึกลับยิ่งขึ้น แม้แต่อายุก็ยังต้องใช้อายุปลอม เพราะว่าปีนี้ผมเพิ่งจะย่างสิบเจ็ดเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณท์ที่ได้กำหนดไว้ จึงต้องเพิ่มอายุเข้าไปอีกปีสองปี ฉายาเบบี้เฟสก็เลยเพิ่มขึ้นมาอีกในลิสต์ ส่วนสูงรูปร่างที่เหมือนนางแบบนั่นดูสมบูรณ์แบบสำหรับหลายๆคน แต่ในความเป็นจริงแล้วส่วนสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบกว่าเซนต์นี่ถือว่าเตี้ยกว่าที่ผมในฐานะผู้ชายคาดหวังไว้เยอะ หุ่นบางๆนี่ก็ด้วย อยากจะมีกล้ามแบบเรนแต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ..
ไอ้เรื่องบ้าๆนี่ยิ่งเลยเถิด นึกว่าสตาฟจะขอเอกสารยืนยันอะไรซักอย่างที่ทำให้รู้ว่าผมเป็นสาวเทียม แต่แค่เห็นหน้าตาที่ถูกแม่แต่งซะจนจำไม่ได้นี่สตาฟพวกนั้นก็อ้าปากค้างแล้วปล่อยให้ ‘สาวน้อยปริศนา’ คนนี้เข้ารอบไปเฉย .... รอบต่อไปต้องใส่บิกินี่ แต่ขืนให้ใส่บิกินี่ทุกคนก็จะได้เห็นว่าหน่มน๊มของผมมันเป็นของปลอมที่ยัดนุ่นไว้กลมๆเฉยๆ แล้วไอ้ฮันโซลน้อยนั่นก็คงจะโทงเทง.. เอ่อ.. นั่นแหละ มาม่าจอมเจ้าเล่ห์ก็เลยให้การว่าบ้านของผมเป็นพวกเคร่งศาสนา จะไม่แต่งตัวที่วาบหวามให้ใครดู เคร่งบ้าอะไรล่ะครับ เกิดมาผมไปโบสถ์นับครั้งได้เลย... แต่คนพวกนั้นก็ยังเชื่อ เชื่อคาแรคเตอร์จอมปลอมกับอิมเมจสีขาวใสเหมือนดอกไวท์ลิลลี่นั่น จนสุดท้ายผมก็ได้มาถึงฝั่งฝันของแม่ คว้ารางวัลมิสเกาหลีมาได้แบบมึนๆ..
ผมได้เงินรางวัลอย่างที่แม่ต้องการ น้องสาวของผมได้เรียนในโรงเรียนดีๆ ผมเองก็มีชื่ออยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แต่ว่ากลับไม่ได้ไปเรียนอย่างที่อยากจะไป หาข้ออ้างเรื่อง ‘สุขภาพ’ ออกมารับงานให้แม่ ทั้งงานในฐานะมิสเกาหลี และงานในฐานะนางแบบ แค่เพียงไม่นานสาวน้อยHVCก็กลายเป็นนางแบบชั้นแนวหน้าในเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็เป็นเรื่องดี เพราะผมก็ไม่ได้คิดจะเป็นสาวน้อยแบบนี้ตลอดไปหรอกนะ การโกหกแบบนี้มันไม่ได้มีความสุขหรอก
เชื่อสิ การเป็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองสุดๆแบบนี้มันน่าโมโหมากกว่าดีใจเยอะแยะเลย ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบปิดบังความจริงแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้านี้มันไม่ใช่ความสุขเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงแค่สิ่งที่ประดับให้ดูงดงามเหมือนกับเครื่องสำอางค์ ยิ่งวันเวลาผ่านไปเท่าไหร่ผมยิ่งอยากจะหลีกหนีออกจากโลกใบนี้ที่ไม่ใช่ที่ของผม
ผมเองก็เป็นคน มีความฝัน
ที่เลือกมาที่นี่ในตอนนั้นก็เป็นเพราะมาตามล่าฝัน
ทั้งๆที่ตอนนั้นมันดูไกลเหลือเกินแต่ในวันนี้ที่อยู่แค่เพียงเอื้อมมือผมกลับยิ่งรู้สึกว่ามันไกลออกไปทุกที ถึงแม้สิ่งที่ผมทำอยู่ในตอนนี้จะทำให้ผมอยู่ห่างจากมัน แต่ผมก็จะไม่ยอมแพ้หรอก อีกไม่นานหนี้ของครอบครัวผมก็จะหมดลงแล้ว และแม่ก็คงจะคืนอิสระให้กับผมอีกครั้ง มันอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยที่จะทำลายตัวละครที่แม่สร้างขึ้นมาจนกลายเป็นคนโด่งดังระดับประเทศแถมยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงมิสเกาหลีอีกต่างหาก ... แต่ก็นะ
แค่อีกไม่นานเท่านั้น
รอต่อไปอีกไม่นาน...
‘ช็อกวงการ!! เชวเอสเอชประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังจากดำรงตำแหน่งมิสเกาหลีได้เพียงแค่หกเดือน’
‘เจ้าหญิงของประชาชนได้หายไปแล้ว เหล่าชายเกาหลีต่างพากันร่ำไห้’
‘อุบัติเหตุหรือฆาตกรรม : คดีของเชวเอสเอชผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งเกาหลี’
ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์รอบบ่ายต่างพากันพาดหัวข่าวด้วยเรื่องเดียวกัน รูปภาพของรถยนต์สีเงินยี่ห้อหรูที่ถูกชนจนยับเยินกับส่วนที่เซนเซอร์จนมองเห็นแค่เพียงร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวรางๆพาให้ผู้พบเห็นต้องใจหายเมื่อนึกถึงความงามของเธอในช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ เหตุการณ์ที่พาให้นึกถึงเหตุการณ์น่าสลดใจเมื่อหลายสิบปีก่อน หัวใจของชายหนุ่มก็เต้นรัวเร็วด้วยความหวาดกลัว ขาทั้งสองพาลไม่มีแรงไปเสียดื้อๆจนล้มพับลงกับพื้น
อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องนี้
ข่าวฆาตกรรมฆ่าหั่นศพ ระเบิดพลีชีพในบอสตัน หรือแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา นักการเมืองขี้โมโหที่ชกหน้ากันกลางสภา อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เจ้าหญิงของเขาต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ฮงจีซูยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก รู้สึกได้ถึงน้ำใสใสที่ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง วันนี้ไม่ใช่วันดีของเขาเลยจริงๆ ตั้งแต่ออดิชั่นเมื่อครู่นี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถทำได้ดีอย่างที่ควรเพราะความประหม่าที่เอ่อล้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นโบอาในระยะประชิด ชายหนุ่มเป็นเพียงเด็กหนุ่มสัญชาติอเมริกาธรรมดาๆคนนึงที่มาตามฝันที่กรุงโซลแห่งนี้ก็เท่านั้น
จะบอกว่ามาตามฝันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เรียกว่ามาตามหานางฟ้าดีกว่า โจชัวฮง หรือฮงจีซูคนนี้เกิดและโตที่อเมริกามากว่าสิบปี ไม่เคยมีความคิดจะมาเหยียบแผ่นดินของบรรพบุรุษแห่งนี้มาก่อนเพราะอยู่ที่เมืองห้าสิบดาวนั่นก็ดีอยู่แล้ว จนกระทั่งได้เห็นใบหน้าของมิสโคเรียคนนั้น หญิงสาวงดงามที่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างตะวันตกและตะวันออก ทุกอย่างของเธอช่างน่าหลงใหลเสียจนเขาได้ตัดสินใจหอบผ้าหอบกระเป๋ามาที่ประเทศนี้ และคิดจะเริ่มความฝันในการเดินทางสายดนตรีที่นี่เสียเลย
มีเพียงแค่กระเป๋าเดินทางที่บรรจุเสื้อผ้าไม่กี่ชุด กีตาร์ตัวใหญ่คู่ใจ และโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดเท่านั้นที่ติดตัวมา ชายหนุ่มแทบไม่คิดหน้าคิดหลัง เพียงแค่ได้เห็นนางในฝันที่เขาหลงใหลเพียงซักครั้งก็ยินดี แต่กว่าจะทำเรื่องติดต่อย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ก็กินเวลาเสียครึ่งปี พอเดินทางมาถึงก็ต้องติดต่อเรื่องที่เรียนต่างๆนานาอีก สุดท้ายก็เลยกลายเป็นแบบนี้ ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าของความงามนั่นเพียงซักครั้งหญิงสาวคนนั้นก็ได้จบชีวิตลงเสียแล้ว
แก้วน้ำส้มในมือของชายหนุ่มที่หล่อเหลาก็ถูกปล่อยหลุดจากมือจนหกลงกับพื้นไม้ ผู้คนรอบข้างต่างหันมามองแต่เด็กหนุ่มก็มิได้สนใจแต่อย่างไร เสียงผู้คนที่พูดคุยโดยรอบได้เลือนหายไปจากระบบประสาท เพียงแค่ได้เห็นข่าวนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ได้พบกับภาพข่าวในทีวี พยายามจะไม่รับรู้แต่ก็ทำไม่ได้เสียทีเดียว
พลันเสียงประกาศเรียกชื่อของตนก็ดังขึ้น จีซูหยิบกีตาร์คู่ใจขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องออดิชั่นเพื่อรับฟังผลหลังจากได้ทำการโชว์ไปเมื่อเช้า ใบหน้าของกรรมการที่มีชื่อเสียงไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อยในตอนนี้ ไม่ว่าอะไรก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น คำพูดชมเชยจากผู้คนเหล่านั้นกับคำปฏิเสธอย่างแสนหวานตามแบบฉบับเอเชียที่ว่าเขานั้นมีความสามารถ แต่ใบหน้าของเขาดันละม้ายคล้ายกับศิลปินในค่ายอีกกลุ่มมากเกินไป ไม่เข้าใจซักเท่าไหร่หรอกนะว่ากับแค่การที่มีใบหน้าคล้ายกันนี่จะเป็นเหตุผลที่ไม่ผ่านเข้ารอบได้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เด็กหนุ่มเดินเหม่อลอยออกมาจากห้องอย่างไร้เรี่ยวแรง สภาพที่เหมือนซอมบี้ทรุดลงที่หน้าจอทีวีของร้านขายโทรทัศน์ที่ไม่ไกลจากตึกที่ทำการออดิชั่นเมื่อครู่นัก
กอดกีตาร์ไว้แน่นก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น หมดแล้ว ความฝันที่ว่าจะได้พบกับนางฟ้าคนนั้น ความฝันที่จะได้พูดคุย ได้ยืนเคียงข้าง ความพยายามที่จะเป็นไอดอลที่เหมาะสมกับมิสโคเรียได้ และบ้านเกิดที่ได้จากมา ตอนนี้ทุกอย่างก็ไม่มีคุณค่าอะไรแล้ว
จริงๆก็รู้มาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะว่าคงทำได้แค่เป็นหมามองเครื่องบิน
ได้แต่ฝันลมๆแล้ง
แต่ก็ยังดึงดันที่จะทิ้งทุกอย่างมาที่นี่เพื่อคนคนเดียว
ตอนนี้มันพังทะลายลงแล้ว จะให้เดินย้อนกลับไปก็ไม่ได้
ไร้ค่าสิ้นดี ...
ถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน
น้ำตาที่ไหลลงมาก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี
เมฆฝนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหมือนกำลังยิ้มเย้ยหยัน
เหมือนกับร่วงลงในหุบเหวที่ลึกจนไม่อาจจะปีนขึ้นกลับไปได้
อันที่จริงแล้วแรงแค่จะลุกขึ้นก็ยังไม่มี
ไร้ค่าสิ้นดี..
พลันคำพูดสบประมาทที่พ่อแม่ที่อเมริกาได้กล่าวไว้ก็ลอยเข้ามาในหัว
ท่าทางรังเกียจของเพื่อนๆในโรงเรียนเพียงเพราะเขาเป็นคนต่างชาติ
ทุกๆอย่างที่พยายามมองข้ามมันเข้ามาตอกย้ำเขาในเวลานี้
ไอ้ห่วยแตก
ไอ้ขี้แพ้.
“นี่นาย..” เสียงหวานเอ่ยเรียกทักชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งรำพึงรำพันในใจอยู่ เพราะความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างทำให้จีซูค่อยเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าช้าๆ มือเล็กที่สะกิดหลังเขาเมื่อครู่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเสียจนอยากมองใบหน้าเจ้าของสัมผัสนั้น เพราะสายตาพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาภาพของร่างตรงหน้าจึงไม่ชัดเจนนัก แต่ใบหน้าสวยที่มองมานั้นทำให้ใจของเขาเต้นแรง ใบหน้าที่ดูเป็นห่วงนั่นก็ด้วย เด็กหนุ่มที่น่าจะตัวเล็กกว่าเขาเกือบสิบเซนต์ได้ มีเค้าโครงของชาวตะวันตกที่เตือนให้เขานึกถึงนางฟ้าคนนั้นไม่น้อย มือเล็กฉุดเขาให้ลุกยืนขึ้นด้วยแรงที่ไม่มากนัก
“ทำไมมาร้องไห้อยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ” พูดถามอีก ราวกับเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนซักแห่ง จีซูปาดน้ำตาออก มันน่าขายหน้าที่จะต้องมาร้องไห้ต่อหน้าเด็กหนุ่มที่เหมือนจะเด็กและอ่อนแอกว่าเขา น่าแปลกที่เมื่ออยู่ข้างๆเด็กหนุ่มคนนี้แล้วความว้าเหว่ในใจเมื่อครู่ก็ได้เลือนหายไปจนหมด ชายหนุ่มในเสื้อเชิร์ตสีขาวมองร่างเล็กกว่าในเสื้อโค้ตสีฟ้าตัวใหญ่ให้เต็มตาอีกครั้งก่อนจะพบกับคำตอบที่เขาสงสัยเมื่อครู่
ก็เด็กคนนี้เหมือนกับนางฟ้าคนนั้นไม่มีผิด ใบหน้าที่หวานสวย ริมฝีปากบาง ดวงตาคม ทุกอย่างเหมือนกับมิสโคเรียที่เขายอมข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเพียงแต่ว่าคนตรงหน้านี้หาใช่สตรีเพศไม่ เป็นเพียงแค่เด็กชายที่ไร้เครื่องสำอางค์แต่งแต้ม เด็กชายที่เขาไม่รู้จักชื่อ เป็นใครซักคนที่คงเดินผ่านมา มิใช่มิสโคเรียที่มีเกียรติและชื่อเสียงคนนั้น บางทีอาจเป็นแค่เขาที่คิดมากจนเผลอมองเป็นอย่างนั้นก็เป็นได้ แต่รอยยิ้มหวานแบบนั้นที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะมันเหมือนกับรอยยิ้มที่เขาเคยเห็นผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ไม่มีผิดเพี้ยน ฟ้าสวรรค์อาจเห็นใจเขาก็เป็นได้ เลยส่งเทวทูตตัวน้อยนี่มาคอยดูแลงั้นหรือ?
“อา... ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรนะ ฉันชื่อเชวฮันโซล ยินดีทีได้รู้จัก” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยื่นมือออกมาและโค้งน้อยๆอย่างน่ารัก ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเชคแฮนด์เด็กหนุ่มคนนี้อย่างงงๆ จริงๆแล้วตอนแรกฮันโซลก็แค่เดินผ่านมา อันที่จริงแล้ววันนี้เป็นวันที่เด็กหนุ่มมีความสุขมากที่สุดในชีวิต การที่ได้เป็นอิสระจากสิ่งที่แม่ของเขาได้สร้างไว้ โซ่ตรวนของภาพลวงตาในวงการมายาของเขาได้ถูกถอดออกไปแล้วทันทีที่เขาได้ตกลงกับแม่ ด้วยอำนาจของเงินจำนวนน้อยๆที่ได้มาจากการทำงานของเขานั้นก็กำจัดหญิงสาวที่เป็นนางในฝันของใครหลายๆคนไปได้อย่างไม่มีวันกลับ มันเป็นเรื่องน่าดีใจที่จากนี้เขาจะได้ออกเดินตามความฝันที่เขาได้รอคอย
อยากเป็นนักร้อง... อยากจะร้องเพลงให้ผู้คนที่มองดูอยู่ข้างล่างในอย่างที่เขาชอบ
ตอนแรกที่มาถึงเกาหลี เขาเคยไปออดิชั่นที่รายการหนึ่งพร้อมกับกีตาร์คู่ใจ แต่สุดท้ายก็กลับบ้านมาพร้อมกับน้ำตาและคำดูถูกจากกรรมการที่เป็นถึงอดีตไอดอลชื่อดังของเกาหลี แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ได้ล้มเลิกความฝัน แม้จะเป็นมิสโคเรีย แต่เด็กหนุ่มก็ได้ค้นพบสิ่งที่ตนถนัดแล้ว เขาได้ฝึกแร็พและเต้น ได้ลองหลายๆอย่างที่ไม่เคยทำเพื่อจะไปออดิชั่นในค่ายดังเหมือนที่ฝันไว้ เมื่อเช้านี้เขาได้ไปออดิชั่นที่เอสเอ็มเอนเทอร์เทนเมนท์เป็นที่แรก เด็กหนุ่มพกความมั่นใจไปเต็มร้อยแต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธกลับมาด้วยเหตุผลแปลกๆแค่ ‘หน้าตาเหมือนมิสโคเรียเกินไป’
ตลกดีที่เมื่อเช้านี้เขาได้เห็นชายหนุ่มคนที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้านี่ขณะกำลังออดิชั่น แววตาของคนคนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ทุกท่วงท่าขณะที่กำลังเล่นกีตาร์ทำให้เขาต้องประทับใจ ทั้งเสียงนุ่มและทักษะที่เรียกได้ว่าขั้นสุดยอดยังทำให้ฮันโซลแอบมั่นใจว่ายังไงคนคนนั้นก็ต้องผ่านเข้ารอบเป็นแน่ พอเห็นคนที่เล่นกีตาร์ก็พาลนึกถึงตนเองเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขายังเด็กนัก คิดว่าตัวเองมีความสามารถและพาลไปโกรธนักร้องชื่อดังที่เป็นถึงกรรมการ แต่พอมานึกๆดูตอนนี้แล้วเขาช่างโง่เขลาสิ้นดี ที่เขาไปเล่นให้ฟังวันนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่เพิ่งหัดเรียนเต้น ฝีมือด้านดนตรีเขาช่างอ่อนหัดยิ่งนัก ให้เปรียบเทียบกับชายหนุ่มที่มีเพียงกีตาร์ตัวเดียวก็สะกดใจคนทั่วทั้งฮอลอย่างผู้ชายในเสื้อขาวคนนั้นไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
พอคิดได้ดังนั้นแล้วถูกปฏิเสธมาก็พาให้ใจแป้วนิดๆ แต่เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องมีซักที่ที่พอจะเห็นอะไรในตัวเขาบ้างก็เลยตัดสินใจเดินออกมาจากตึกเอสเอ็มเพื่อไปยังเป้าหมายที่สองตอนบ่ายนี่ล่ะ แต่ก็ดันหันมาเห็นผู้ชายร่างใหญ่เสื้อขาวนั่งร้องไห้เหมือนเด็กๆอยู่ตรงนี้ซะก่อน ท่าทางจะโดนปฏิเสธมาเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนแล้ว ถ้าได้เป็นเพื่อนกับคนเก่งๆแบบนั้นซักหน่อยก็คงดีเหมือนกันนั่นแหละ...
“นายน่ะคือคนที่ไปออดิชั่นที่เอสเอ็มเมื่อเช้าใช่มั้ย?” เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งเอ่ยถามหลังจากยืนจ้องหน้าอยู่นาน จะว่าไปพ่อหนุ่มเสื้อขาวนี่ก็แอบหน้าคล้ายเทาเทาเมนเอ็กโซ่ของเขาเหมือนกันนะ.. พอเห็นจ้องนานๆแล้วก็แอบเขินเบาๆ.. อ่า ไม่ใช่สิ....
“หืม เมื่อเช้านายก็อยู่ที่นั่นงั้นหรอ” จีซูถาม กะพริบตาน้อยๆ พลางนึกโทษตัวเองว่ามีคนหน้าตาน่ารักขนาดนี้อยู่ในห้องเมื่อเช้าทำไมเขาไม่สังเกตบ้างนะ ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบเชิงว่าใช่ คนตัวเล็กกว่าเห็นดังนั้นยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มที่จริงใจนั่นพาให้ใจของอีกฝ่ายเต้นรัวเร็วแค่ไหน
“เมื่อเช้านายน่ะสุดยอดไปเลยล่ะ” พูดแล้วยิ้มตาหยีชูสองนิ้วให้อย่างน่ารัก ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทีแบบนั้น เด็กคนนี้แค่อยู่ใกล้ๆก็ลืมความกดดันเมื่อครู่ไปหมดแล้ว
“ฮงจีซูนะ เพิ่งมาจากอเมริกา ยินดีที่ได้รู้จัก” ฮันโซลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินชื่อของประเทศบ้านเกิด จากที่ยิ้มอยู่แล้วยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมจนหน้าบานเป็นจานกระด้งในความคิด แต่ในสายตาของคนที่มองแล้วมันชวนให้ใจละลายไปกับรอยยิ้มหวานๆนั่นเสียจริง
“ว้าววว! นายก็มาจากอเมริกางั้นหรอ ฉันมาจากนิวยอร์กกกกกกกกกกกกกกกซิตี้ล่ะ” พูดลากเสียงยาวแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กๆ จีซูลูบกลุ่มผมหยักนั่นด้วยความเอ็นดู ฮันโซลทำแก้มป่องน้อยๆอย่างน่าหมั่นเขี้ยว
“ฮา อย่าเล่นผมสิ มันเซตยากรู้มั้ย... เออนี่ นายจะไปไหนต่อรึเปล่า? ฉันกำลังจะไปออดิชั่นอีกที่นึง สนใจไปด้วยกันรึเปล่า” ร่างเล็กพูดออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มขอบตาดำลังเลเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า จริงๆก็แอบกลัวไปโชว์ห่วยให้คนน่ารักดู แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขนาดร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นเด็กสามขวบเมื่อกี้ยังไม่อาย จะไปโชว์กีตาร์กากอีกนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง
“งั้นดีเลย!!! เป้าหมายต่อไปเพลดิสเอนเทอร์เทนเมนต์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งพูดปนหัวเราะออกมา ก่อนจะวิ่งนำหน้าอีกคนไปอย่างรวดเร็ว จีซูที่ยืนอยู่งงๆก็ออกตัววิ่งไล่ตามอีกฝ่ายไปเหมือนกับเด็กเล็กๆที่เล่นกัน ทั้งสองวิ่งแข่งกันไปจนถึงตึกสูงอันเป็นที่ตั้งแห่งห้องซ้อมสีเขียวในเวลาบ่ายแก่ๆ แม้จะไม่มีผู้คนมารอออดิชั่นจำนวนมากเหมือนกับเมื่อเช้า แต่สำหรับคนทั้งสองนี้มันกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาทั้งสองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความทรงจำมากมายที่คอยอยู่
ไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งบนโลกใบนี้
อาจไม่ต้องดูดีในสายตาของทุกๆคน
แค่เพียงเท่านี้ ก็พอ
เธอเองก็เช่นกัน มีความพิเศษที่ซ่อนอยู่
ไม่เป็นไรนะ จากนี้เราจะก้าวเดินไปด้วยกันบนเส้นทางฝัน
ที่มีเพียงแค่เราสองคน.
ความคิดเห็น