คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : on a snowy day | doyoon x jihoon
เสียงเพลงทำนองคุ้นเคยที่ดังไปทั่วถนน
สีขาวของหิมะปกคลุมไปทั่วทางเดินนั้น
ปุยบางเบาเหล่านั้นยังคงโปรยลงมาไม่หยุด
ลมเย็นๆที่แล่นมาปะทะผิวกายที่ขาวและบอบบางเหมือนกับกระดาษ แม้ว่าจะใส่เสื้อผ้ามากมายซักกี่ชั้นแต่ความเย็นนั่นก็ยังทำให้รู้สึกหนาวจนถึงขั้วกระดูก และเช่นเคย ในวันที่แสนเดียวดายอย่างนี้ อี จีฮุนก็ยังคงยืนอยู่เพียงลำพัง ในสวนสาธารณะแห่งเก่าที่เขาแสนจะคุ้นเคย
ในวันนี้น้ำในแม่น้ำฮันได้กลายเป็นน้ำแข็ง แผ่นสีใสที่คงหนาหลายฟุตนั่นดูไม่คุ้นเคย เด็กหนุ่มมองมันพลางคิดว่าจะมีคนที่ตัดสินใจปลิดชีวิตลงและกระโดดลงในสายธารที่บัดนี้เป็นของแข็งนั่นซักกี่คน ภายใต้ความเย็นนั้นจะมีร่างของคนที่หลับใหลและไม่มีวันตื่นอยู่กี่คน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าคิดอยู่ดี แม้เสียใจแค่ไหน เขาก็ไม่คิดสั้นจบชีวิตลงแบบนั้นหรอก
แถมยังสัญญากับอีกคนเอาไว้แล้วด้วยว่าจะไม่เสียใจ
แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้อยู่ดีสินะ
นับจากวันนั้นตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่เขาก็ยังคิดถึงชายหนุ่มหน้าสวยคนนั้นอยู่เหมือนเดิม ภาพในวันวานก็ยังไม่จางหายไปไหน ยังคงเด่นชัดอยู่ในหัวเหมือนเคย วันแต่ละวันก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เขาก็เหมือนกับฟันเฟืองของเครื่องจักรที่ทำงานต่อไปโดยไร้จิตใจ มันช่างว่างเปล่า...
มือของเขาไม่ได้ใส่ถุงมือไว้ แต่ความเย็นนั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกทรมาณเท่ากับที่ว่างข้างใน ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ปฏิทินเท่านั้นที่บอกเวลาเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังเหมือนเดิม ห้องเดิม ซีเรียลยี่ห้อเดิม ครีมอาบน้ำก็อันเดิม เสื้อที่ใส่ก็ยังเป็นตัวที่ใส่ไปเล่นหิมะเมื่อวันนั้น ให้ตายสิ แม้แต่ส่วนสูงเขาก็ยังเท่าเดิมเลย จีฮุนเหม่อมองผู้คนน้อยนิดที่เดินผ่านไปผ่านมาในวันที่หนาวเหน็บเช่นนี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้เย็นเฉียบที่มีหิมะปกคลุมเพียงเบาบาง ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนกลับบ้านนักตอนนี้ กลับไปก็ไม่มีใครให้รอ ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี
เด็กประถมตัวเล็กวิ่งไล่กันตามประสาเด็ก จะว่าไปแล้วเด็กสมัยนี้ก็โตเร็วเหมือนกันนะ เขาจำเด็กตัวเล็กกว่านั่นได้ ‘อี ชาน’ ญาติห่างๆของเขาที่ปีนี้ก็กำลังจะจบชั้นปอหก ส่วนเด็กอีกคนที่วิ่งหลบนั่นเป็นเด็กข้างบ้านขี้อายที่ย้ายมาได้ไม่นานชื่อ ‘ชิน ดงจิน’ ทั้งๆที่ปกติชานเป็นเด็กดื้อแท้ๆ แต่ตั้งแต่มีเด็กตัวสูงนั่นอยู่ข้างๆก็กลับว่าง่ายไปเลย คิดแล้วก็ตลกดี แต่ที่ไม่ตลกก็คือไซส์ของเด็กพวกนั้นน่ะแหละ เขาเห็นเด็กพวกนี้มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แต่ตอนนี้ดงจินก็สูงเลยเขาไปแล้ว แถมชานก็ทำท่าว่าจะสูงขึ้นอีกเร็วๆนี้ คิดแล้วมันก็หงุดหงิด เมื่อพบว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
เด็กสองคนเหมือนจะไม่เห็นเขา วิ่งไล่เอาหิมะปากันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของดงจินที่ปกติไม่ค่อยจะมีให้เห็นนักกลับมีให้กับชานเพียงคนเดียว แบบนั้นก็ดีแล้ว เด็กนั่นจะได้มีเพื่อนเล่นซะบ้าง แต่เห็นแบบนั้นก็ทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา ภาพของเด็กสองคนที่ค่อยๆปั้นตุ๊กตาหิมะขึ้นนั่นซ้อนทับกับภาพของเขากับใครบางคนในอดีต รอยยิ้มนั่นก็เช่นกัน ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มละมุนเหมือนกับโกโก้ร้อนเพียงแค่จับมือของกันและกันยังทำให้ใจของเขาพองโตเหมือนในวันวาน แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะย้อนกลับไปรั้งคนคนนั้นให้กลับมาอีกแล้วล่ะ
ตอนนี้คนคนนั้นคงอยู่ที่ไหนซักแห่งที่ไกลออกไป
อาจจะมีความสุข หรืออาจจะกำลังโหมงานหนัก
อาจจะอยู่คนเดียว หรืออยู่กับใครซักคน
เป็นอย่างไร จีฮุนคนนี้ก็ไม่อาจรู้ได้เลย
มัวเหม่อมองอยู่นาน กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีเด็กซนทั้งสองคนก็ได้หายไปจากสวนสาธารณะเสียแล้ว อาทิตย์ที่เคยส่องแสงชัดเจนเมื่อครู่ก็ได้ลับฟ้าไป เหลือเพียงแค่แสงไฟจากเสาสูงเท่านั้นที่สาดลงมาบนหิมะสีขาวนี้ สงสัยว่าสองคนนั้นจะไม่เห็นเขาที่อยู่ตรงนี้กระมัง ต้นสนต้นใหญ่ที่ทอดเงามาทางนี้คงจะบังเขาอยู่ เด็กหนุ่มมองไปรอบกายก่อนจะพบว่าเหลือเพียงแค่เขา
หกโมงครึ่ง
ยังไม่ดึกเท่าไร แต่เป็นเพราะเป็นฤดูหนาว ตอนนี้ก็เลยมืดเหมือนกับกลางคืน เหมือนกับตอนนั้น วันที่เขากับคนรักเก่าเคยออกมาเที่ยวด้วยกัน กินต๊อกโบกีรสจัด เดินเล่นในงานเทศกาลวันคริสต์มาส แล้วก็จบลงที่มาเล่นหิมะด้วยกันที่นี่ ที่ที่เวลาได้หยุดไว้ในความทรงจำเสมอ
เท้าเล็กก้าวไปหยุดที่กองหิมะก่อนจะลงมือปั้นมันให้กลายเป็นรูปทรงที่คุ้นเคย ก้อนกลมๆก้อนใหญ่กลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อให้ขนาดใหญ่ขึ้น มันลำบากกว่าในวันนั้นที่มีคนตัวโตคอยช่วยมันจริงเป็นเรื่องง่าย แต่ในวันนี้มีเพียงจีฮุนร่างเล็ก การจะทำให้หิมะก้อนกลมนี่ใหญ่พอเป็นฐานก็ดูจะยากเสียเหลือเกิน แม้ใช้เวลามากกว่าในตอนนั้นแต่เขาก็ปั้นมันขึ้นมาด้วยตนเอง น้ำตาใสๆที่ไหลออกมาปะทะความเย็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความเย็นของคืนนี้ที่ไม่มีใครอยู่ข้างกายยิ่งขึ้น ความเดียวดายที่กัดกลืนหัวใจของเขาหยั่งรากลึกโดยไม่รู้ตัว
ตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่เสร็จออกมาหลังจากเวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง ลมหายใจอุ่นออกมาเป็นไอสีขาวเมื่อปะทะกับอากาศเย็นภายนอก จีฮุนยืนมองผลงานตัวเองนิ่งๆ ตุ๊กตาหิมะตัวนั้นเหมือนกับตัวนั้นในอดีตไม่มีผิดเพี้ยน มันมองมายังเขาด้วยรอยยิ้มเหมือนกับตอนนั้น กิ่งแขนข้างเดียวของมันก็ยังคงมีข้างเดียว เหมือนกับที่ตอนนั้นเขาไม่สามารถหาแขนอีกข้างให้กับเจ้าตุ๊กตาหิมะได้ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ถอดหมวกสีสดบนหัวออกไปประดับที่หัวของเจ้าวัตถุเย็นๆนั่น แม้ไม่มีอะไรปกคลุมหัวกลมๆ แต่เขากลับรู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าตอนที่มีหมวกไหมพรมอันนั้นอยู่เสียอีก อาจเป็นเพราะการได้เห็นมันอีกครั้ง เพียงเท่านั้นเขาก็อุ่นใจแล้ว
เด็กหนุ่มเดินไปยังตู้กดน้ำไม่ไกลนัก มืออวบกดเลือกโกโก้ร้อนมาดื่มดับความหนาว เพราะอะไรบางอย่างในใจของเขาร้องบอกไม่ให้รีบกลับไปยังบ้านที่เงียบสงบ เขาเดินกลับไปยังเก้าอี้ไม้ตัวเดิม แล้วนั่งลงเงียบๆ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ไม่ได้มืดสนิท แต่สว่างไปด้วยแสงไฟของกรุงโซล แม้จะเป็นย่านที่อยู่อาศัยก็ตาม รสชาติหวานปนขมของโกโก้ที่ไหลลงไปตามคอยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น
บรรยากาศในตอนนี้ช่างสมบูรณ์แบบ ขาดก็เพียงแต่คนคนนั้นที่เคยยืนอยู่ข้างกาย
“มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวตรงนี้”
ขณะที่กำลังเหม่อมองดวงจันทร์อยู่ เสียงไม่คุ้นเคยก็ทักขึ้น รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของร่างอีกคนที่ทิ้งลงบนเก้าอี้ข้างกาย เด็กหนุ่มตัวเล็กกะพริบตาด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมามองเจ้าของเสียงนั่นอย่างช้าๆ ตาตี่ๆกับใบหน้าของผู้มาใหม่ไม่ได้ทำให้เขานึกออกซักนิดว่าคนตรงหน้านี่เป็นใครกัน เสื้อผ้าที่ถูกใส่อย่างลวกๆบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงไม่ได้วางแผนออกมาเดินเล่นข้างนอกนี่เป็นแน่ แต่ที่น่าสงสัยนั่นก็คือโกโก้ร้อนในมือที่ดันมีอยู่ถึงสองกระป๋อง กำลังรอใครกันอยู่? แล้วมาคุยกับเขาทำไมกัน?
“อ่ะ อ๋ออ... ไอ้นี่น่ะหรอ ตอนแรกเห็นนายนั่งเหม่ออยู่คนเดียวก็เลยคิดว่าน่าจะหนาวเลยซื้อมาเผื่อน่ะ แต่ลืมมองไปว่าถืออยู่แล้วแก้วนึง ฮะ ฮะ” หัวเราะแบบแห้งๆแล้วเกาท้ายทอย รอยยิ้มสดใสนั่นก็ยังทำให้เขานึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยรู้จักกับไอตาตี่ตรงหน้านี่เมื่อไหร่กัน ทำไมจู่ๆถึงมาพูดจาเหมือนรู้จักกันมาเป็นปี แถมยังเป็นห่วงซื้อโกโก้อุ่นมาให้อีก...
“อ่า... ขอบใจนะ ว่าแต่... นายชื่ออะไรนะ” พูดด้วยเสียงนิ่งๆกับหน้ามึนนิดๆ คนตาตี่ก็เลยหลุดหัวเราะออกมา ก็นั่นสินะ เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา แอบผิดหวังน้อยๆที่จีฮุนจำตัวเองไม่ได้ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้หวังให้จำได้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะ มือใหญ่วางกระป๋องโกโก้อุ่นลงข้างๆก่อนจะเลื่อนมือไปลูบแก้มแดงๆนั่นเบาๆ ใบหน้าของคนตัวเล็กที่ถูกไอเย็นจับจนทั่วหน้าเมื่อได้สัมผัสกับมือใหญ่ที่ยังมีไออุ่นของเครื่องดื่มจากตู้กดอยู่
“ฮา.... ฉันซูนยองไง ควอนซูนยอง ที่นั่งอยู่หลังห้องน่ะ” เพียงเท่านั้นคนถูกจับแก้มก็ลืมตากว้างเมื่อนึกออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ท่าทางน่ารักแบบนั้นทำให้ซูนยองยิ้มออกมา จีฮุนไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าตัวเองน่ะน่ารักขนาดไหน วันๆก็เอาแต่นั่งคุยอยู่กับวอนอูนั่นแหละ ไม่เคยที่จะหันมาเห็นเขา เด็กผู้ชายเงียบๆที่นั่งอยู่หลังห้อง เพราะตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนที่นี่ เด็กหนุ่มที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาตั้งแต่ต้นปีจึงจงใจใส่แว่นหนาเตอะ พกตำราเรียนเล่มโตไปไหนมาไหน จนเพื่อนๆไม่ค่อยนึกอยากจะคบ เพราะสะพรึงในความเนิร์ดปลอมๆของซูนยอง ไอ้เมื่อก่อนสมัยอยู่โรงเรียนเก่าความกากเกรียนฮาของเขาก็ทำเอาจนป๊อปมีสาวๆติดตรึม พอกลายมาเป็นมนุษย์โลกที่สี่แบบนี่ก็เกือบจะอยู่ไม่ได้ แต่วันๆเขาก็เอาแต่เสพความน่ารักของจีฮุนจากที่ไกลๆเนี่ยแหละ ถึงเป็นกำลังใจอยู่เรียนได้ แต่ก็เหอะ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเขามีชีวิตอยู่ ดูได้จากเหตุการณ์วันนี้แล้ว...
“อ๋า! นายแว่นหนานี่เอง ไม่นึกเลยว่าถอดแว่นแล้วตาจะตี่ขนาดนี้ คิก” จีฮุนพูดไปขำไป เมื่อเปรียบเทียบภาพของเด็กเนิร์ดหลังห้องในโรงเรียน กับพ่อหนุ่มตี๋หล่อแฮนซั่มแต่ตาไม่มีตอนนี้ ดูๆแล้วก็ไม่เหมือนกับคนไม่น่าคบอะไร ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะจงใจเป็นมนุษย์ในมุมมืดเองเสียมากกว่า เมื่อกี้ความสปาร์คเกิ้ลมันบังตา เลยนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“โหยยยย นายอ่ะตาโตตายยยย ไอ้เตี้ยยยยยยย” พูดแล้วก็ขยี้หัวเย็นๆนั่นอย่างหมั่นไส้ ซูนยองขำออกไปตายิ่งปิด คนตัวเล็กเองก็กลั้นหัวเราะไม่ไหวเช่นกันเมื่อเห็นหน้าฮาๆของคนแก่กว่า บทสนทนาที่ไร้แก่นสารก็ดำเนินต่อไปพาให้เขาลืมถึงความว้าเหว่ที่มีอยู่ก่อนหน้า เพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งค้นพบคนนี้ดูจะเป็นที่สดใสเริงร่า เด็กหนุ่มเติมเต็มในสิ่งที่จีฮุนขาดไป รอยยิ้ม และความห่วงใย อาจเป็นเพราะเพื่อนสนิทอย่างวอนอูก็เป็นคนเข้าใจยาก และตั้งแต่มีดงจินเข้ามาชานก็ไม่ค่อยมาเล่นกับเขาเสียเท่าไหร่ ทุกคนก็ดูมีคนต้องดูแล เหลือเพียงแค่เขานี่แหละที่อยู่ลำพังตลอดเวลา ก็ดีเหมือนกัน มีควอนซูนยองอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ไป ความอบอุ่นของเด็กหนุ่มคนนี้ดูจะค่อยละลายน้ำแข็งแห่งความเดียวดายได้ออกไปเร็วเสียเหลือเกิน
หิมะหยุดแล้ว แต่ความเย็นยังอยู่
บนทางเดินแห่งนี้ที่เราเคยจับมือเดินไปด้วยกัน
ในวันแบบนี้ที่เงียบสงัด
แม้จะไม่ใช่เธออยู่ข้างๆ
แม้ว่าในวันนี้เราคงไม่กลับมารักกัน
แต่เพียงแค่ได้เห็นภาพพวกนั้นลอยกลับมา
เพียงแค่นั้นตอนนี้ฉันก็ยิ้มได้แล้ว
ตุ๊กตาหิมะที่ดูคุ้นตาทำให้ชายหนุ่มหน้าหวานหยุดมองเมื่อเดินผ่านทางเดินที่คุ้นเคย ในวันนี้ที่หิมะโปรยปรายพาให้จางโดยูนต้องนึกถึงใครบางคนที่เคยมีความทรงจำที่งดงามด้วยกันในอดีต ความผูกพันธ์แบบเด็กๆ ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ลึกซึ้งแต่กลับมีความหมาย รอยยิ้มมากมายที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจ ยอมรับว่าตอนนั้นเขายังเด็กมาก ตอนที่เขาได้ผูกสัญญาไว้กับเด็กคนหนึ่ง จนตอนนี้สัญญาที่ให้ไว้ตอนนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในใจเสมอ แม้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาจะไม่ได้เป็นของเด็กตัวเล็กคนนั้นอีกแล้ว แต่ว่าสัมผัสที่เคยกุมไว้ในวันก่อนก็ยังคงอยู่
จนตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความรักที่มีในวันนั้นไม่ใช่รักแบบคนรัก แต่เป็นความรักแบบพี่น้อง
สิ่งที่เขาทำลงไปในตอนนั้นถูกต้องแล้ว การที่ได้ปล่อยให้เด็กคนนั้นเป็นอิสระไป แม้ว่าบางอย่างในใจเขาจะรู้สึกว่างเปล่าอย่างไม่คุ้นเคย คงเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้มีเด็กคนนั้นในชีวิตจนชินเสียแล้ว ในตอนนี้เขาถึงได้คิดถึงเด็กคนนั้นมากมายเสียขนาดนี้
เหมือนจะเลือนลาง แต่ก็ยังเด่นชัดในความทรงจำ
นั่นแหละคือเส้นใยบางๆที่ยังเชื่อมระหว่างเขากับอีจีฮุนคนนั้นไม่ให้ขาดจากกัน
โดยูนมองตุ๊กตาหิมะตัวนั้นไม่ไปไหน หมวกไหมพรมสีแดงที่มีขายทั่วไปแต่เขากลับจำมันได้ดี เหมือนกับอันที่จีฮุนเคยใส่ในวันที่ทั้งสองได้เจอกันครั้งแรก เหมือนกับคนหลายใจ ตอนนี้มือของเขาที่ใส่ถุงมือกำลังจับอยู่กับมือแกร่งของใครอีกคน แต่ว่าตอนนี้ภายในใจเขากลับเย็นเฉียบเมื่อลองคิดว่าตอนนี้เด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เด็กคนนั้นเป็นคนจริงใจและจริงจัง เหมือนจะเข้มแข็งแต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะบอบบาง นั่นแหละคือเหตุผลที่เขาเฝ้าโทษตัวเองซ้ำๆที่ทิ้งจีฮุนไปในตอนนั้น
บางทีเด็กคนนั้นอาจจะเป็นคนปั้นตุ๊กตาตัวนั้นเองก็เป็นได้ หรือบางทีอาจจะเป็นแค่ความคิดที่เขาคิดไปเอง.. ความคิดหลายๆอย่างพรั่งพรูเข้ามาในหัว แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งใดเป็นเรื่องจริง และสิ่งใดเป็นเพียงความคิดเรื่อยเปื่อยกันแน่ สีหน้าที่เรียบเฉยอยากจะเข้าใจทำให้ชายหนุ่มที่มาด้วยกันเริ่มรู้สึกแปลกใจ
จางโดยูนเป็นเพื่อนสนิทของเขามาตั้งแต่เด็ก เป็นเพื่อนที่สนิทกันชนิดว่าตายแทนกันได้ คนทั้งสองอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ไปไหนมาไหนก็ต้องไปด้วยกัน มีอะไรก็บอกกันเป็นอันดับแรก จนกระทั่งขึ้นชั้นมอต้นนี่แหละ เพราะต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปเรียนกันคนละที่ วันเวลาที่แยกทั้งสองออกจากกันทำให้เด็กหนุ่มหน้าหวานรู้สึกเดียวดาย เมื่อวันเวลาผ่านไป คนทั้งสองได้มาพบเจอกันอีกครั้ง และก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงซ่อนอยู่ภายในจิตใจมาตลอดหลายปี สุดท้ายจริงได้พัฒนาความสัมพันธ์กลายมาเป็นคนรักกันในที่สุด
เขารู้ดีว่าในช่วงเวลาที่หายไประหว่างคนทั้งสองคนไม่อาจทดแทนด้วยอะไรก็ตาม ทั้งสองไม่ได้กลับมาเป็นเพื่อนสนิท ช่องว่างระหว่างชายหนุ่มสองคนก็เพิ่มขึ้นด้วยหลายๆอย่าง จากจางโดยูนที่เชวซึงชอลเคยคิดว่ารู้จักดีทุกอย่างก็กลับมีบางมุมที่เขาไม่อาจเข้าใจ เช่นในตอนนี้ ตอนที่เด็กหนุ่มเหม่อมองตุ๊กตาหิมะในความเย็นแบบนี้ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
หวังเพียงแค่ว่า ตอนนี้ในใจของโดยูนยังจะมีเพียงแค่เขา
พระจันทร์คืนนี้ไม่ได้สวยที่สุด ปุยเมฆสีขาวบดบังมันอยู่ แต่วันนี้จีฮุนไม่ได้อยู่ลำพัง มือของเขาจับกับมือของซูนยองไว้แน่น คนทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปยังถนนใหญ่ สรุปว่าวันนี้ซูนยองตั้งใจจะแค่ออกมาซื้อของชำแต่ดันเห็นเขานั่งอยู่คนเดียวเสียก่อนเลยแวะมาแล้วยาวแบบนี้นั่นเอง นอกจากนี้เขายังได้รู้ว่าบ้านของเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เคยสนิทคนนี้อยู่ห่างจากบ้านของเขาไปแค่สองบล็อกเท่านั้นเอง น่าแปลกใจที่ทั้งสองสามารถเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว
แต่ก็ดีแล้ว บางทีอาจถึงเวลาที่เขาต้องเลิกอยู่คนเดียวเสียที
มือของจีฮุนที่จับอยู่กับมือของซูนยอง มือของโดยูนที่จับอยู่กับมือของซึงชอล
ตอนนั้นเองที่สายตาของทั้งสองได้ประสานกันอีกครั้ง
ที่หน้าตุ๊กตาหิมะตัวนั้นราวกับในอดีต ภาพความทรงจำ คำพูด บทเพลงและความคิดต่างๆนานาเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่อง รอยแผลในหัวใจที่วันนี้เหลือเพียงแค่รอยแผลเป็นจางๆ มีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆเท่านั้นที่ทั้งสองต่างมอบให้กัน ไม่มีคำทักทายหรือคำพูดใดๆ เพียงแค่สายตาที่มีความหมายคู่นั้นก็มากเกินพอ ในวันนี้ที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างกันอีกแล้ว ต่างคนต่างเลือกเดินไปบนทางที่ปราศจากอีกฝ่าย
ไม่รู้ว่าจะเดินมาพบกันอีกเมื่อไหร่
ไม่รู้ว่าจากนี้จะได้เจอกันอีกมั้ย
แต่บางทีเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
เก็บภาพพวกนั้นไว้ลึกสุดในใจ
ใส่ลิ้นชักล็อกกุญแจไว้
ภาพที่งดงามพวกนั้นจะไม่ไปไหน
รักแรกของวันวาน
‘ผมรักพี่ที่สุดนะพี่โดยูน คิก’
‘พี่ก็รักตัวเล็กเหมือนกันนั่นแหละ’
‘นี่..... พี่สัญญาอะไรกับผมซักอย่างสิ’
‘หืม? อะไรหรอ?’
‘ถ้าสมมติว่าซักวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ผมขออะไรพี่ซักอย่างได้มั้ย’
‘เห ทำไมพูดแบบนั้นกันล่ะ’
‘เถอะน่า สัญญากับผมนะ’
‘จะให้สัญญาว่าอะไรล่ะ’
‘ถ้าซักวัน ในอนาคต พี่รักใครซักคนมากๆๆๆๆๆ มากซะยิ่งกว่าที่พี่รักผม พี่ได้อยู่กับเขาสองคน มีความสุข มีทุกอย่างที่พี่ต้องการ ผมอยากจะขออะไรซักอย่าง’
‘อย่าลืมผมได้มั้ย ผมขอแค่นั้น ขอแค่พื้นที่เล็กๆในใจ ให้ความทรงจำของพวกเราในวันนี้ไม่หายไปไหน’
‘เพราะว่าความทรงจำพวกนี้น่ะ สำหรับผมแล้ว เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดเลยล่ะ’
อีจีฮุนกลับมายังบ้านที่เงียบเหงาของตัวเองเหมือนเคยโดยมีเด็กหนุ่มตาตี่เป็นคนมาส่ง จากนี้ต่อไปอีกสิบปีเขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต วอนอูกับมินกยูจะยังคบกันอยู่รึเปล่า เด็กข้างบ้านสองคนนั้นจะยังเล่นกันเป็นเด็กแบบนี้อยู่มั้ย และควอนซูนยองคนนั้นจะเลิกเป็นเด็กเนิร์ดแล้วหันมาเป็นคนปกติหรือเปล่าเขาก็ไม่อาจรู้ได้เลย แม้กระทั่งหัวใจดวงนี้เอง ที่ตอนนี้มันได้ถูกลบให้กลายเป็นสีขาวที่ว่างเปล่า รอให้ใครซักคนเข้ามาเติมเต็ม
จางโดยูนไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่ได้ผูกรั้งเขาให้ยึดอยู่กับอดีตเหมือนวันวาน คราบน้ำตาที่เคยไหลลงมาตอนนี้ก็ได้แห้งเหือด เช่นเดียวกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ค่อยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เด็กหนุ่มยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานที่คุ้นเคย กุญแจดอกสวยถูกไขเข้าไป ก่อนลิ้นชักไม้จะถูกเปิดได้อย่างง่ายดาย สิ่งของที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบด้านในทำให้เขายิ้มออกมาแม้มองเห็นเพียงแค่แวบเดียว
ไดอารี่เล่มเก่าของเขายังอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับความทรงจำงดงาม ที่เขาไม่อาจลืม
ความคิดเห็น