คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : part of me | soonyoung x jihoon - 3/3
‘เพี๊ยะ’ เสียงตบฉาดใหญ่ดังมาจากห้องนั่งเล่นหรูของบ้านหลังนี้ที่เคยมีเพียงแต่รอยยิ้ม แต่บัดนี้บรรยากาศของบ้านที่แสนอบอุ่นกลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเย็นเฉียบ ใบหน้าของหญิงสาวที่สวยบริสุทธิ์มีรอยแดงของมือใหญ่จากผู้เป็นสามีด้วยแรงตบเมื่อครู่ น้ำตาหยดใสใหลลงมาอีก แม้คนนับพันอาจรู้สึกหวั่นไหวกับแววตาที่ปวดร้าวนั่นแต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่รู้สึกสงสารอะไรทั้งสิ้น ผู้หญิงแบบนี้ที่ไม่คู่ควรกับความเห็นใจจากใครทั้งนั้น
“ที่แท้ก็เป็นแกเองสินะ เป็นแกเองที่ทำให้อายองต้องเป็นแบบนั้น” เสียงใหญ่ของชายหนุ่มสั่นเครือด้วยโทสะ เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ทั้งโกรธ ผิดหวัง และเสียใจ น้ำเสียงนั่นที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ แม้เธออยากจะย้อนกลับไปแก้เรื่องราวเลวร้ายที่เธอได้ก่อไว้ในอดีตมันก็คงกลับย้อนไปไม่ได้หรอก ที่ทำไปทั้งหมดก็เพียงแค่เพราะว่าเธอแค่ต้องการให้เขามองเพียงแค่เธอเท่านั้น เพียงเธอเท่านั้น
ร่างของหญิงสาวที่ถูกผลักลงกับพื้นด้วยฝีมือของผู้เป็นสามีสั่นระริก แววตาที่จ้องมาทำให้ชายวัยกลางคนต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย แววตาแบบนั้น แววตาที่โกรธเกรี้ยวและน่ากลัวเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่ามาจากดวงตาที่เคยมีแต่ความอ่อนโยนยามที่ทำหน้าที่แม่คอยเลี้ยงดูลูกๆของเขา ทั้งๆที่ที่ตรงนี้ควรจะเป็นที่ของอายอง แต่ก็คือหญิงคนนี้ไม่ใช่หรือที่กระทำกับคนรักของเขาอย่างเลือดเย็นจนคนที่เป็นแม่แท้ๆของลูกชายคนโตต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่มีใครรับรู้
“แต่ยัยนั่นเป็นคนที่แย่งคุณไปจากฉัน!!!” หญิงสาวเปล่งเสียงตะโกนออกไปปนด้วยเสียงสะอึก นึกย้อนกลับไปถึงภาพวันวานที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นแม่มด ไม่ยอมหรอกหากจะต้องเป็นที่สองรองจากใคร คนอย่างจีอึนเป็นคนอย่างนั้น ไม่ชอบที่ต้องหลบซ่อนในมุมมืด และศักดิ์ศรีของเธอก็อยู่เหนือขอบเขตแห่งความถูกต้องเสียด้วย ไม่สนหรอกว่า พัคอายอง เพื่อนสนิทของเธอคนนั้นจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเธอจะเป็นเพียงแค่คนมาทีหลัง ในเมื่อเธอเองก็เป็นแม่ของลูกของชายหนุ่มเหมือนกัน เป็นคนที่รักคนคนนี้มากกว่าใคร เพราะอย่างนั้นเธอจึงได้ทำมันลงไป.
เพราะเป็นเพื่อนจึงรู้ดีทุกอย่าง ย้อนกลับไปสมัยประถม อายองเคยประสบอุบัติเหตุจนทำให้เธอไม่สามารถว่ายน้ำได้ เรื่องแค่นี้เพื่อนรักอย่างเธอรู้ดีอยู่แล้ว ถึงอายองจะเป็นผู้หญิงร่างใหญ่ แต่เมื่ออยู่ในน้ำแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากลูกแมวตัวเล็กๆที่ค่อยจมลงสู่ก้นบึ้ง และวันนั้นก็เป็นโชคของเธอที่ได้อยู่กับอายองเพียงลำพัง ต้องขอบคุณลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอที่หลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องจนเธอได้โอกาสชวนเพื่อนรักออกมาเดินเล่นและเผลอผลักหญิงสาวที่ยังอ่อนแรงเพราะเพิ่งคลอดลูกได้ไม่ถึงอาทิตย์ตกลงไปในแม่น้ำฮัน. โชคดีที่ไม่มีใครเห็น และเรื่องนั้นก็ถูกเก็บเงียบไปหลายปี
ก็ไม่คิดหรอกว่าซักวันจะมีใครขุดขึ้นมา. ก็แค่บอกไปว่าหญิงสาวที่เหนื่อยและไร้เรี่ยวแรงตัวเองตอนนั้นตัดสินใจจบชีวิตลง ก็แหม อายองน่ะเป็นคนอ่อนไหวจะตาย แค่เรื่องทางบ้านของสามีไม่ชอบเธอก็แทบจะเป็นเหตุผลมากพอให้หล่อนฆ่าตัวตายแล้ว ใครใครก็เชื่อ เพราะอย่างนั้นเธอจึงได้รับความรักของเขามาตลอดหลายปี. ได้รับเกียรติ ฐานะ และศักดิ์ศรีที่เธอควรจะมีตั้งแต่แรก ไม่ใช่การเป็นเมียน้อยเหมือนกับที่ต้องทนฝืนตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะมีเชื้อของคุณพ่ออยู่กว่าครึ่ง เธอจึงไม่เคยนึกเกลียดซูนยองที่เป็นลูกของหญิงสาวคนนั้น และยินดีที่จะเลี้ยงในฐานะลูกให้เป็น ‘แฝด’ ของลูกชายแท้ๆของเธอ ก็โชคดีอยู่หรอกที่ตอนนั้นไม่ได้จดทะเบียนการเกิดของเด็กคนนี้ไว้ วันเกิดของเด็กทั้งสองจึงกลายมาเป็นวันเดียวกัน
ครอบครัวที่แสนสุขสันต์ที่ซ่อนความเน่าเฟะในอดีตของหนุ่มสาวเอาไว้ภายใน ความลับระหว่างคนทั้งสองไม่มีใครได้ล่วงรู้ อุตส่าห์พยายามลืมและเชื่อจนสนิทใจแล้วว่านี่คือครอบครัวของเธอจริงๆ แต่สุดท้ายในวันหนึ่งเรื่องทุกอย่างก็แดงขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด ใครซักคนคงปูดเรื่องนี้มา จนทุกๆอย่างต้องกลายมาเป็นแบบนี้
“อายองไม่ได้แย่งฉันไปจากแก แกต่างหากที่มาทีหลัง. บ้าไปแล้วเหรอจีอึน!!!”
ควอนซูนยองสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝันที่ยังเด่นชัดในใจ ภาพของบทสนทนาต้องห้ามที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขากับจีฮุนไปตลอดกาล ภาพของเขากับน้องชายวันนั้นที่หลบอยู่หลังเสา จำได้ว่าน้ำตาใสใสไหลลงมาจากดวงตาคู่ที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอนั่นมากแค่ไหน มือของเขาที่ได้แต่โอบกอดและปิดปากของคนเป็นน้องไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดหรอดออกไป หลังจากวันนั้นจีอึนก็ได้พาจีฮุนออกไปจากบ้านหลังใหญ่ ดูเหมือนว่าผู้เป็นบิดาไม่ได้คิดเอาความใดๆกับหล่อน อาจเพราะไม่มีหลักฐานหนาแน่นเพียงพอ ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่คำบอกกล่าวที่พูดขึ้นมาแต่หญิงสาวกลับร้อนตัวจนเกินควร ความสัมพันธ์ของครอบครัวที่เหมือนกับครอบครัวปกติจึงแตกร้าวกลายจนทำให้กลิ่นเน่าเหม็นของชีวิตครอบครัวที่พังทลายโชยออกมาทางรอยแยกนั้น
จนแล้วจนรอดซูนยองก็ไม่อาจกลับมามองหญิงสาวได้เหมือนเดิม เพียงแค่คิดถึงความเลือดเย็นของจีอึนที่ได้ฆ่าแม่แท้ๆของเขาที่เป็นเพื่อนสนิทในตอนนั้นเขาก็รู้สึกรังเกียจหญิงสาวคนนั้นมากเสียจนไม่สามารถกลับมาเผชิญหน้าเธอได้อีกจนวาระสุดท้าย บางครั้งเขาก็เคยพยายามคิดถึงความรู้สึกของจีอึนในช่วงเวลาที่คอยเลี้ยงดูเขากับจีฮุนมาตลอดหลายปี. ทุกๆทีที่เขาไม่ได้มองไปหญิงสาวคนนั้นมองเขาด้วยสายตาอย่างไรกันนะ. สำหรับจีฮุนเองที่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาตั้งแต่แรก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มรู้สึกยังไงกับทุกๆอย่าง บางทีในตอนนั้นจีฮุนอาจจะเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง หรือบางทีเด็กหนุ่มที่เป็นลูกชายแท้ๆของคนคนนั้นก็คงจะเกลียดคนเป็นแม่ไม่ลงหรอก
เขาไม่ได้นึกโกรธจีฮุนเสียทีเดียว เด็กหนุ่มเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาตั้งแต่แรก สภาพจิตใจหลังจากวันนั้นก็คงย่ำแย่ไม่ต่างกัน จำได้ว่าคืนนั้นเด็กหนุ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งคืนโดยที่เขาเองก็ไม่มีแรงที่จะมาคอยปลอบเหมือนกับทุกที เป็นความทรงจำที่บางทีก็นึกอยากลืมเสียให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โกรธเด็กชายคนนั้นแต่ทุกๆครั้งที่นึกถึงจีฮุน เรื่องที่ว่าเลือดในตัวของเด็กคนนั้นครึ่งนึงมาจากคนที่ฆ่าแม่ของเขามันก็ทำให้เขารู้สึกเดือดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ การที่เขาจะพูดคุยกับลูกของฆาตกรเหมือนเมื่อก่อนมันคงจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขารู้ทุกอย่างแล้ว
ทำไม่ได้หรอก ยิ่งกับจีฮุน. มันเป็นเรื่องที่ผิด
แค่เขานึกจะเป็นพี่ชายที่แสนดีกับลูกของคนที่ฆ่าแม่เขาก็ผิดแล้ว
แล้วยิ่งกับความรู้สึกที่เกินพี่น้องของเขาที่มีต่อเด็กคนนี้...
ยิ่งเติบโตยิ่งมากเท่าไรความรู้สึกเหล่านั้นยิ่งแรงกล้า
ในขณะที่จิตสำนึกของเขาบอกให้หยุด. แต่หัวใจของเขากลับสั่งให้ทำ..
สุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่เขาเลือกจะถ่ายทอดออกไปมีได้เพียงแค่แววตาที่เย็นชา
ทั้งๆที่มีเรื่องอยากพูดคุยทักทายต่างๆนับร้อยพัน..
ทำยังไงดีนะ? เขาไม่สามารถอภัยให้หญิงสาวคนนั้นได้จริงๆ...
นาฬิกาบอกเวลาที่ตีสอง เพราะฝันร้ายจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกแบบนี้ ซูนยองถอนหายใจก่อนจะใช้ฝ่ามือปาดเหงื่อกาฬที่ไหลลงมาจนชุ่มออก จีฮุนยังคงหลับอยู่ ใบหน้าหวานนั่นมีรอยยิ้มอยู่ทำให้เขาวางใจและหลับตาลงอีกครั้งปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ห้วงนิทราอีกครา
เสียงของฝนพรำเบาๆ เมฆหมอกจางๆลอยปกคลุมทั่วท้องถนนภายนอกห้องนอน กลิ่นอายของฝนลอดเข้ามาทำให้ซูนยองต้องปรือตาขึ้นด้วยความเคยชิน ยามที่ฝนโปรยแบบนี้เขาจะตื่นขึ้นมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือเดี๋ยวนี้ ก็เป็นเรื่องที่เขาทำเสียจนชิน ฝนที่โปรยลงมามันทำให้เขานึกถึงเจ้าเด็กตัวกลมนั่นอยู่เสมอ ใบหน้าที่หวาดกลัวเสียงของฝนฟ้ายังลอยขึ้นมาทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงฝนพรำ เจ้าตัวเล็กที่โผเข้ากอดซุก สัมผัสที่นิ่มนวลนั่นยังคงอยู่เหมือนเคยในใจของเขา และคราวนี้ก็เช่นกัน
เหมือนว่ายิ่งผลักไสมันไปเท่าไหร่ความรู้สึกเหล่านั้นจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกเท่านั้น จีฮุนไม่ได้ผิดอะไรเลย ข้อนั้นเขารู้ดีแก่ใจ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันช่างฝืนทน อยากจะเข้าไปกอด ไปปลอบโยน เมื่อคิดว่าตอนนี้เจ้าตัวเล็กคงร้องไห้จนตัวโยน ไม่ได้หรอก ไม่ว่าอย่างไรเขาจะลืมเรื่องทุกอย่างไปอย่างนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน เสียงเล็กๆที่ดังมาจากเตียงชั้นล่างทำให้เด็กหนุ่มต้องถอนหายใจยาว.
เปลี่ยนใจแล้ว. เขาทนไม่ไหวหรอก
จะเป็นลูกของใครก็ช่างมันเถอะ
ไม่สนแล้วด้วยว่าใครจะมองอย่างไร เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
아침먹고땡
กริ๊ง ไปกินข้าวเช้ากัน
점심먹고땡
กริ๊ง ไปกินข้าวกลางวันกัน
저녁먹고땡
กริ๊ง ไปกินข้าวเย็นกัน
자기전까지난
จนกว่าจะถึงตอนนั้นที่ ฉัน...
너의얼굴을
ใบหน้าของเธอนั้น
너의친구들
เพื่อนๆของเธอนั้น
너의글들을
บันทึกของเธอนั้น
너의기분을
ความรู้สึกของเธอนั้น
창문을열어보니비가오네요
เมื่อฉันเปิดหน้าต่างออกก็พบกับสายฝนที่เทลงมา
เสียงสะอื้นเล็กๆที่พยายามจะร้องเพลงกล่อมตัวเองอย่างผิดๆถูกๆนั่นทำให้ใจของเขาปวดร้าว และเขาก็ไม่อยากจะทนฟังเสียงร้องไห้ของคนที่เขารักหมดใจเสียด้วยสิ ซูนยองคิดได้ดังนั้นจึงค่อยดันตัวลุกขึ้นจากเตียง ทำนองเพลงที่คุ้นเคยยังดังมาจากคนตัวเล็กอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ในวันนี้คนที่ร้องมันกลับไม่ใช่เขา ความรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นจนเต็มในหัวใจของชายหนุ่ม เขาปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ลำพังได้ยังไงนะ ก็รู้นี่นาว่าจีฮุนอ่อนแอแค่ไหน หากปล่อยไว้แบบนี้ที่โรงเรียนมีหวังซักวันซึงชอลต้องหันกลับมาเอาคืนอย่างแน่นอน.
ซูนยองมองก้อนผ้าห่มกลมๆบนเตียงชั้นล่างแล้วส่ายหัวเล็กน้อยให้กับความขี้กลัวของเจ้าเด็กตัวน้อย คงกลัวจนต้องนอนคลุมโปงเพื่อให้เสียงของตนเองไม่ดังไปกวนเขาน่ะสิ เพราะโดนทำหน้าดุแบบนั้นเข้าให้ก็คงกลัวไม่น้อย ดีไม่ดีคงแอบหนีไปร้องไห้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แค่นึกภาพตามซูนยองก็อยากจะเอาไม้หน้าสามมาฟาดหัวตัวเองแรงๆที่ปล่อยให้คนเป็นน้องต้องทุกข์ทรมาณแบบนี้
คนตัวสูงกว่าเดินเข้าใกล้ก้อนผ้าห่มกลมๆนั่น มือหนาเอื้อมไปเพื่อดึงผ้านวมนิ่มหนาออก ปากเรียวกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของความทรงจำครั้งที่ทั้งสองยังเป็นเด็ก ซูนยองออกแรงดึงผ้านวมนั่นขึ้นมาแต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อใต้ผ้านวมนั้นมีเพียงความว่างเปล่า...
ไม่มีร่างเล็กของจีฮุนที่นอนตัวสั่นอีกแล้ว ไม่มีทั้งความทรงจำทุกอย่าง ฉับพลันความกลัววิ่งเข้าจับหัวใจของเขาจนสั่นระริก
หรือว่าจีฮุนจากไปแล้ว?
หรือว่าคนตัวเล็กทนไม่ได้กับทุกสิ่งทุกอย่างอีกต่อไปจึงออกเดินทาง..
ไปที่ไหนกันล่ะ? อีจีฮุนมีที่ไหนให้ไป
จีฮุนเป็นเพียงเด็กหนุ่มตัวเล็กอายุสิบแปด ไม่มีญาติที่ไหนให้ไปหา และสำหรับเด็กคนนั้นแล้ว ไม่ว่าเพื่อนคนไหนก็คงไม่สนิทเสียจนไว้วางใจถึงขนาดจะหนีไปค้างด้วยได้ หรือจะหนีกลับบูซานไปอย่างนั้นหรือ? ความคิดของซูนยองวิตกกังวลไปต่างๆนานา เสียงของฝนฟ้าที่กรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆราวกับพายุใหญ่ โหมกระน่ำให้ความรู้สึกผิดในใจนั้นถาโถมเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาควรทำอย่างไร? จีฮุนหนีไปแล้ว.. เป็นเพราะเขาเอง เป็นเพราะเขาเองที่ทรมาณเด็กน้อยที่แสนบอบบางคนนั้น.... ซูนยองทรุดตัวลงกับพื้น ลมเย็นและละอองฝนพัดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างบานกว้าง ผ้าม่านสีขาวบริสุทธิ์กำลังสั่นด้วยสภาพอกาศที่เลวร้ายอย่างบ้าคลั่ง
ซูนยองเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดกว้างออกไปอย่างเลื่อนลอย จีฮุนอยู่บนนั้น โบยบินอยู่บนท้องฟ้า ร่างเล็กในชุดนอนสีขาวพลิ้วไหว รอยยิ้มที่เหมือนในวัยเด็กนั่นโบยบินออกไปพร้อมกับร่างใหญ่ของเขาในอดีตที่อยู่เคียงคู่กัน คนทั้งสองจับมือกันแน่น เด็กหนุ่มยังจำได้ดีถึงสัมผัสที่อบอุ่นและหนักแน่นในวัยเยาว์....
สะดุ้งตื่นมาพบกับแสงอาทิตย์ที่สาดผ่านม่านลงมาเหมือนกับเช่นทุกวัน ซูนยองถอนหายใจ ฝันอีกแล้ว ฝันร้ายซ้ำสองในคืนเดียวกันคงเป็นเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องทุกอย่าง แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างแล้ว เด็กหนุ่มรีบมองไปที่อีกคนที่อยู่บนเตียง ร่างเล็กยังนอนหลับสบายอยู่บนนั้น ไม่ได้หายไปไหนเหมือนกับในฝัน ราวกับว่าฝันนั้นจะบอกให้เขาโอบกอดเด็กคนนั้นไว้ให้แน่นในขณะที่ยังมีโอกาสสินะ...
ใช่แล้ว... ยังมีโอกาส
ซูนยองเดินไปแง้มม่านออกน้อยๆ เสียงหยดของน้ำหยดลงจากหลังคาเหมือนกับหยดน้ำที่หยดลงบนจิตใจ ถ้าเจ้าเด็กนี่ตื่นมาพบว่าฝนตกอยู่คงจะหงุดหงิดไม่น้อย แต่นั่นก็เป็นสิ่งดี เพราะเจ้าตัวเล็กคงจะต้องสะอื้นน้อยๆให้เขาต้องปลอบเหมือนในอดีต เพียงแค่คิดภาพนั้นรอยยิ้มก็ปรากฎที่มุมปากของคนที่แสร้งทำเป็นเย็นชาตลอดมาเสียแล้ว เพราะเป็นจีฮุน ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ทำให้ควอนซูนยองผู้เข็มแข็งต้องกลายเป็นคนอ่อนไหวในทันใด
เป็นแบบนี้แล้วเขาจะทนใจร้ายอยู่ต่อไปได้ยังไง
ดวงอาทิตย์กับเมฆหมอกจางๆของยามเช้าสาดส่องลงมาโดยปราศจากหยดฝนเหมือนที่หวังไว้ ซูนยองแอบเบ้ปากน้อยๆ เด็กหนุ่มหงุดหงิดที่อะไรๆก็ดูต่างไปจากที่เขาคาดหวังไว้ ร่างสูงเดินออกมาจากห้องนอนหันหลังให้กับหน้าต่างบานใหญ่โดยไม่ทันสังเกตว่าที่บนท้องฟ้านั้น มีรุ้งสีจางปรากฎอยู่
ก็เหมือนกับชีวิตนั่นแหละ หลังจากพายุฝนที่เลวร้าย สายรุ้งงามมักมีอยู่ให้เห็น
ร่างเล็กลืมตาตื่นขึ้น พายุร้ายเมื่อคืนได้ผ่านไปแล้ว และจีฮุนก็ตื่นขึ้นมาพบแค่เพียงฝนบางๆเท่านั้น อาจเป็นเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ฝนจึงตกๆหยุดๆทั้งวันจนจีฮุนไม่อาจสบายใจได้ ต่อให้ไม่ใช่พายุฝนเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี เมื่อก่อนไม่ชอบยังไง เดี๋ยวนี้ก็ดูจะเกลียดมันมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ซูนยองไม่ได้อยู่ปลอบเขาอีกแล้ว แม้กับหลายๆเรื่องจีฮุนจะพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แต่นั่นก็เป็นแค่เปลือกนอกเสมอ ลึกๆในใจแล้วเด็กชายตัวเล็กก็ยังคงโหยหาผู้เป็นพี่ชายคนนั้นอยู่เสมอ
มือเล็กกำผ้าห่มแน่นและกอดมันเอาไว้ราวกับเป็นร่างสูงของผู้เป็นพี่ชาย ผ้านวมนั้นอุ่น แต่ก็ไม่เหมือนกับไออุ่นจากร่างกายของอีกคน แก้มนิ่มถูกกับเนื้อผ้าหนานุ่ม ก่อนจะถอนหายใจออกมา
มันคงไม่มีอีกแล้วแหละ อ้อมกอดนั้น แม้จะอยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมก็ตาม...
คนตัวเล็กเดินไปอาบน้ำ ซูนยองไม่อยู่ที่ห้องแล้ว คงออกไปทำธุระข้างนอกตามประสาเด็กมอห้าที่มีกิจกรรมท่วมหัวจนแทบจะขยับตัวไม่ได้นั่นแหละ แล้วยิ่งเป็นประธานนักเรียนด้วยแล้วคงจะยุ่งเอาการ จีฮุนคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆขณะที่อาบน้ำอยู่
ว่าจะไปย้อมผม พี่มินกิ รุ่นพี่ของเขาที่บูซานบอกว่าเวลารู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างให้เริ่มจากตัวเรา แล้วยิ่งทรงผมนี่แหละ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง พูดก็พูดเถอะ ตอนแรกจากพี่มินกิหัวดำเกรียนๆเหนียมๆ พอกัดสีบลอนด์และไว้ยาวเท่านั้นแหละ หนุ่มทั้งโรงเรียนก็แทบจะกราบเท้าขอให้พี่มินกิตอบรับเป็นแฟน ไอ้จีฮุนไม่ได้หน้าตาสะสวยอะไรขนาดนั้นก็ไม่ได้หวังอะไรหรอก ขอแค่เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองแค่นั้นก็พอ ครั้นจะให้ย้อมทองแบบพี่มินกิก็คงไม่ไหว ขอเป็นสีโทนที่เข้มขึ้นมาหน่อยก็คงจะกำลังดี..
ร่างเล็กใส่แจ็กเก็ตลายหมีน้อยสีฟ้าตัวโปรด เดินออกมาจากห้องน้ำ เสื้อตัวนี้เหมือนกับเสื้อที่เขาเคยใส่คู่กับซูนยองเมื่อตอนเป็นเด็กๆ เขาจำได้ว่าชอบมันมาก จนถึงขนาดว่าพอโตขึ้นจนเสื้อตัวนั้นคับไปก็วิ่งวุ่นหาซื้อเสื้อตัวนี้ที่มีหน้าตาคล้ายเสื้อตัวเดิมมาใส่จนได้ ใส่แล้วพอหลับตาทีไรก็รู้สึกอุ่นใจ เหมือนกับความรู้สึกเมื่อก่อนไม่มีผิด
มันจะผิดไหมนะ หากจะบอกว่าบางทีเขาก็รู้สึกว่าควอนซูนยองคนนั้นสำคัญกว่าคำว่า’พี่ชาย’
พอได้รู้ว่าไม่ได้เกิดมาจากไข่เดียวกันเหมือนที่เชื่อมาตลอดก็ยิ่งทำให้จีฮุนแปลกใจว่าอะไรกันนะที่ผูกเขากับเด็กผู้ชายคนนั้นให้แน่นแฟ้นกันได้ขนาดนั้น ความรู้สึกพิเศษที่ราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันที่เขามีให้กับซูนยองตลอดมานั่นคืออะไรกัน จนถึงตอนนี้จีฮุนก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ อาจเพราะฮีโร่ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว คนตัวเล็กจึงแอบคิดว่าบางทีเขาอาจจะต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้เพียงลำพังตลอดกาลก็ได้...
กลิ่นของแพนเค้กบลูเบอร์รี่ลอยมาจากห้องครัวทำให้เขายิ้มออกมาน้อยๆ ร่างเล็กนั่งลงกับเก้าอี้สีขาวอย่างสงสัย ใครกันนนะที่ทำแพนเค้กนี่ คุณป้าแม่บ้านไม่ชอบให้กินแพนเค้กเสียเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเธออยากให้เด็กๆได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนในตอนเช้า แพนเค้กที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตจึงถูกตัดออกไปจากรายการอาหารเช้าที่พวกเขาได้กินอยู่บ่อยๆ แต่จะมีซักกี่คนกันนะที่รู้ว่าจีฮุนชอบกินแพนเค้กนี่มากเพียงใด
อดนึกย้อนไปถึงตอนนั้นไม่ได้ วันที่จีฮุนร้องไห้เสียจนถึงเช้า ตาเล็กๆนั่นบวมแดงก่ำ และตัวก็สั่นระริก โชคดีที่ตอนเช้าฝนซาลง จีฮุนเลยยอมออกจากห้อง วันนั้นเขาจำได้ว่าพ่อกับแม่ออกไปทำธุระข้างนอก มิหนำซ้ำป้าแม่บ้านยังต้องกลับไปดูแลญาติที่ล้มป่วยกระทันหันที่ต่างจังหวัด เหลือเพียงแค่เด็กสองคนที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่นั้น แต่ซูนยองก็ได้สอนจีฮุนทำแพนเค้กบลูเบอร์รี่นั่นจนคนตัวเล็กลืมความกลัวเรื่องสายฝนไปจนสนิท
แพนเค้กสีฟ้ากลิ่นหอมกรุ่นถูกวางลงตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังเหม่อลอย จานสีพาสเทลตัดกับสีของแพนเค้กที่ทาเนยและราดด้วยซอสเมเปิ้ลเป็นอย่างดี จีฮุนมองตามขึ้นไปยังที่มาของจานปริศนานั่นก็พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงในผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายกระต่ายน้อยของคุณป้าแม่บ้านกำลังมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มนั้นทำให้เขาหัวใจพองโตได้อย่างไม่ยาก จนแทบจะลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้คนตรงหน้าเคยเย็นชากับเขาเพียงไร
“วันนี้คุณป้าแม่บ้านกลับไปต่างจังหวัด พ่อออกไปทำงานแต่เช้า กินนี่ไปแล้วกันนะ” ซูนยองพูด ถอดผ้ากันเปื้อนลายน่ารักออกและเอาไปเก็บที่โดยไม่ลืมที่จะหยิบเหยือกน้ำส้มคั้นและแก้วสองใบออกมาวาง เด็กหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับคนตัวเล็ก มือหนาเลื่อนมาลูบกลุ่มผมดำนั่นเบาๆ
“ขอโทษนะ” คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของคนแก่กว่าเบาๆ เบาเสียจนจีฮุนแทบจะนึกว่าเขานึกไปเอง คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาจากจานแพนเค้กที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ซูนยองแทบกลั้นหัวเราะกับท่าทีน่ารักนั่นไม่ได้ แววตาสงสัยเหมือนกับลูกกระต่ายที่บริสุทธิ์นั่นทำให้เขาเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนแม้แต่น้อย
เจ้าตัวเล็กยังมีแววตาหวาดกลัวในอีกคนอยู่เล็กน้อย ซูนยองยังคงยิ้มให้กับคนตัวเล็ก ตาเรียวของคนโตกว่าจ้องเข้าไปในดวงตาเล็กคู่นั้นราวกับพยายามจะเปิดประตูที่ล็อกอยู่ และเพราะเป็นควอนซูนยองคนนั้น คนคนเดียวที่มีกุญแจอยู่ในมือ...
จีฮุนเงยหน้าขึ้นสบตาคนสูงกว่า ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำตาหยดใสๆไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ซูนยองแอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็วื่งมากอดคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นเหมือนกับเมื่อก่อนยิ่งทำให้คนตัวเล็กร้องไห้จ้าเหมือนกับเด็กๆ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจคนทั้งสองเพียงแค่ได้กอดกันแบบนี้เหมือนกับในวันวาน ราวกับกลิ่นหอมของความทรงจำกลับมาอีกครั้ง เมื่อซูนยองยอมที่จะมองข้ามเรื่องเลวร้ายหลายๆอย่างไปและกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง
มือของคนทั้งสองสอดประสานกัน ราวกับจิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้ลงตัว ควอนซูนยองกลับมาเป็นคนเดิม เป็นส่วนหนึ่งของอีจีฮุน และจีฮุนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของซูนยอง การที่ทั้งสองเติมเต็มให้กันและกันในสิ่งที่ขาดหาย คำพูดนับล้านคำที่ซ่อนอยู่ภายในใจไม่จำเป็นต้องถ่ายทอดออกมาเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายรับรู้ เพียงแค่มองตากัน เพียงแค่นั้นทั้งสองก็สามารถรับรู้ ‘ความรัก’ ที่ทั้งสองมอบให้แก่กันอาจจะเกินขีดคำว่าพี่น้องที่เคยกั้นไว้ไปซักเล็กน้อย แต่การที่ห่างกันไปซักพักนั่นยังทำให้เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันอีกหรอ ในเมื่อในความจริงแล้วทั้งสองก็มีเลือดที่เป็นของพ่อคนเดียวกันเพียงครึ่งเดียว ไม่ได้เป็นฝาแฝดอย่างที่เข้าใจมาเสียนาน ยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วว่าควอนซูนยองกับอีจีฮุนเป็นอะไรกันนี่นา..
อ้อมกอดที่แสนยาวนานก็จบลงเมื่อสายฝนพรำด้านนอกหยุด สายตาของคนทั้งสองสอดประสานกัน และตอนนั้นเองที่ร่างสูงก้มลงหอมแก้มขาวนั่นเบาๆ ใบหน้าน่ารักนั่นขึ้นสีแดงก่ำในทันใดเมื่อโดนคนเคยเป็นพี่ชายฉวยโอกาส จีฮุนอมยิ้มน้อยๆแล้วผลักอีกคนออก ร่างเล็กกลับไปนั่งกินแพนเค้กที่ตอนนี้เย็นชืดลงแก้เขินด้วยการเอาส้อมจิ้มแล้วเขมือบเข้าไปคำเดียวจนหมด ซูนยองเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมา
ดูเหมือนว่าจากนี้ไปในบ้านตระกูลควอนแห่งนี้จะกลับมามีบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนเดิมแล้ว แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์เหมือนแต่ก่อน แต่ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างก็ดูจะลงตัวมากขึ้นกว่าที่มันเคยเป็นมา กลิ่นของแพนเค้กรสบลูเบอร์รี่ในยามเช้า เสียงบทเพลงขับกล่อมที่มีเสียงของคนทั้งสองสอดประสานไปด้วยกันเหมือนในวันวาน
และนั่นเองก็เป็นครั้งแรกที่จีฮุนรู้สึกว่า บางทีสายฝนก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว....
ความคิดเห็น