คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : part of me | soonyoung x jihoon - 2/3
‘ฮยองอ่า ไปโรงเรียนด้วยกันนะ’เด็กหนุ่มร่างเล็กพูดกับผู้เป็นพี่ชายอย่างกล้าๆกลัวๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดจะเริ่มต้นบทสนทนากับคนตัวสูงกว่าตั้งแต่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้ อยากพูดคุย อยากทักทาย แต่สุดท้ายเพราะกลัวที่จะได้เห็นแววตาอย่างนั้นจากผู้เป็นที่รักของเขาก็ต้องล่าถอยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงเสียพรุ่งนี้ก็เป็นวันจันทร์ พ่อของพวกเขาได้จัดให้จีฮุนไปเรียนที่เดียวกับซูนยอง จะให้ไม่พูดคุยอะไรกันเลยก็ใช่เรื่อง
‘ฉันไม่ใช่พี่นาย’ นั่นคือคำพูดที่อีกฝ่ายตอบกลับมา เพียงแค่หนึ่งวินาทีที่แววตาโกรธเกรี้ยวนั่นฉายมองมาก็ทำให้ใจของคนเป็นน้องแตกสลายกลายเป็นเสี่ยงๆ ร่างเล็กถอยออกห่างจากโต๊ะทำงานที่ซูนยองกำลังนั่งทำการบ้าน ใบหน้ากลมเล็กก้มมองพื้นอย่างเศร้าสลด
‘แล้วก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าที่โรงเรียน จะทำอะไรก็ทำ อย่าทำว่ารู้จักฉันเป็นพอ.’
ภาพเมื่อเช้ายังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัวของจีฮุนขณะที่เดินเข้ามาในห้อง สายตาเย็นชากับคำพูดที่บาดหัวใจของเขาแบบนั้นยังคงติดตาไม่จางไปไหน ทั้งๆที่มื้อเช้าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขแท้ๆ แต่รสชาติของมัฟฟินบลูเบอร์รี่ที่คุณป้าแม่บ้านทำไม่ได้อร่อยเหมือนเช่นเคยเลยแม้แต่น้อย
“สวัสดีครับ อีจีฮุน ย้ายมาจากบูซาน ฝากตัวด้วยนะครับ” เด็กชายร่างเล็กเอ่ยบอกกับเพื่อนร่วมชั้นด้วยท่าทีประหม่า เขาฝืนยิ้มน้อยๆอย่างน่ารักก่อนจะโค้งลงไปจนสุดตัว เรียกเสียงแซวจากเหล่านักเรียนชายในโรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นครอบครัวที่มีฐานะดี ควอนซูนยองจึงได้มาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้โดยไม่ต้องสอบเข้าแม้แต่นิด และจีฮุนเองก็เช่นกัน หลังจากได้กลับมาอยู่ในความดูแลของ ‘คุณควอน’ เด็กหนุ่มก็เข้ามาเรียนในโรงเรียนไฮโซนี่อย่างง่ายดาย
เด็กหนุ่มตระกูลควอนกำลังนอนฟุบลงกับโต๊ะเรียนแถวที่สอง เขาเงยหน้าขึ้นมามองการแนะนำตัวแบบสั้นๆของคนที่มีเชื้อสายเดียวกับเขาอยู่กว่าครึ่งอย่างไม่ใส่ใจ รอยยิ้มเยาะเหยียดหยันปรากฎขึ้นที่มุมปาก จีฮุนเห็นสายตานิ่งนั่นก็รู้สึกขนลุกวาบทั้งตัว เหมือนกำลังถูกสมเพชยังไงอย่างงั้น. เพียงแค่เห็นสายตานั่นรอบข้างก็เหมือนกับหยุดหมุน พลันเสียงหัวเราะเสียงแซวรอบกายก็เงียบลง สิ่งที่จีฮุนเห็นมีเพียงแค่ควอนซูนยองในสายตาแววตาที่เหมือนการคาดโทษนั่นทำเอาเขาแทบใจหยุดเต้น ควอนซูนยองตอนนี้ไม่ใช่คนคนเดิมที่เขาเคยรู้จักจริงๆ
“เด็กใหม่ที่ย้ายมากลางเทอมอย่างงี้คงต้องการที่ปรึกษาดีๆสินะ งั้นเธอนั่งข้างๆประธานนักเรียนมอห้าควอนซูนยอง แถวสองแล้วกันนะ คุณควอนช่วยยกมือด้วยจ้ะ” เสียงของครูที่ปรึกษาดังเหมือนกับฟ้าผ่าลงมากลางหน้า ยิ่งต้องนั่งข้างๆกับคนที่เกลียดเขาเข้าไส้แบบนี้คงเหมือนตายทั้งเป็นเลยกระมัง ครูสาวที่พูดด้วยสีหน้าสดใสไม่ได้รับรู้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งมาจากประธานนักเรียนหนุ่มแม้แต่น้อย จีฮุนไม่ได้พูดอะไร ร่างเล็กก้มหน้าเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ผ่านเสียงหยอกล้อจากเพื่อนๆที่ดูอยากจะทำความรู้จักกับคนน่ารักไปยังที่นั่งว่างๆข้างเด็กหนุ่มตระกูลควอน
และเช้าวันนั้นก็ผ่านไป โดยที่คนทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว
ปกติอีจีฮุนไม่ใช่คนที่จะเผลอหลับง่ายๆ จีฮุนเป็นเด็กตั้งใจเรียน แม้ครูผู้สอนจะน่าเบื่อแค่ไหนแต่เขาก็พยายามทุกอย่างเพื่อไม่ให้เผลอหลับจนเรียนเสียดายค่าเทอมที่แม่ของเขาอุตส่าห์จ่ายไป เพราะเป็นเด็กน่ารักแบบนี้เด็กหนุ่มจึงเป็นที่รักของคุณครูทุกๆคนอยู่เสมอตั้งแต่เด็กจนโต หากย้อนกลับไปเมื่อก่อนแล้วการที่จีฮุนเป็นเด็กดีแบบนั้นทำให้นักเลงตัวน้อยที่ไล่เตะเพื่อนที่มาแกล้งเด็กดีคนนี้กลายเป็นเจ้าเด็กดื้อให้พ่อแม่ตีอยู่บ่อยๆ
แม้ใครจะว่าซูนยองไม่ดียังไง แต่ในสายตาของจีฮุนแล้ว ผู้เป็นพี่เป็นบุคคลตัวอย่างอยู่เสมอ เป็นต้นแบบที่ไร้ที่ติในสายตาของเขา เด็กชายที่เข้มแข็งมีความเป็นผู้นำคนนั้นไม่เคยเป็นเด็กเกเรสำหรับจีฮุน จนแบบนั้นก็ทำให้ซูนยองกังวลอยู่เล็กน้อยว่าหากสักวันจีฮุนได้เห็นเขาที่ไม่ได้ดีอย่างที่คิดคงจะผิดหวัง เจ้าเด็กดื้อคนนั้นจึงพยายามทุกๆอย่างเพื่อให้ตนเองเป็นคนดีอย่างที่นางฟ้าตัวน้อยนี่วาดฝันไว้
ใครจะรู้ล่ะว่าความคิดของเขาในวันนั้นจะส่งผลให้ซูนยองได้กลายมาเป็นประธานนักเรียนในวันนี้
ด้วยความรับผิดชอบที่มากเป็นอันดับต้นๆ ใบหน้าที่หล่อเหลา ผลการเรียนที่น่าประทับใจ และความประพฤติที่ไม่เคยด่างพร้อยทำให้ใครๆต่างมองเขาเป็นชายในฝันในวันนี้ ต่างจากเจ้าเด็กเกเรเมื่อตอนเด็กๆอย่างลิบลับ วันนี้กลับเป็นเจ้าตัวดื้อเสียเองที่ผล็อยหลับไปในคาบคณิตศาสตร์ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆเสียจนปวดหัวบวกกับความตื่นเต้นที่ได้พบกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีนั่นกระมังเจ้าตัวเล็กจึงแทบไม่ได้นอน และนอนฟุบหลับทับสมุดบันทึกเล่มเล็กไปเสียอย่างนั้น
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวเร็วเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น ใบหน้าขาวใส กับรอยยิ้มที่เผลอยิ้มออกมาในยามหลับใหลไม่ต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อนเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่าไม่สามารถกลับไปเป็นแบบเดิมกับจีฮุนได้ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่กลับไปมีความรู้สึกแบบเดิมๆ ตั้งใจที่จะกลายเป็นคนใจร้ายกับเด็กคนนี้ แต่เพียงแค่ได้เห็นใบหน้านั้นก็ใจอ่อนทำได้ไม่เด็ดขาดเหมือนที่ตั้งใจเสียทุกที ใบหน้าที่ยังคงบริสุทธิ์ไม่ต่างไปจากตอนนั้น กลิ่นของแป้งเด็ก และทุกๆอย่าง มันละลายกำแพงน้ำแข็งที่เขาเคยได้พยายามก่อไว้ตลอดหลายปีมานี้อย่างช้าๆ และเขามั่นใจว่าซักวันป้อมปราการที่เขาอุตส่าห์สร้างไว้จะต้องหายไปราบคาบเพราะพ่ายแพ้ต่อความใสซื่อของคนเป็นน้องนี่เป็นแน่
มือหนาลูบกลุ่มผมดำอย่างเบามือ รอยยิ้มละมุนถูกส่งไปให้คนตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อน อยากจะกอด แต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะพูดปลอบโยนแต่ก็ไม่ควร ความสัมพันธ์ที่ไม่อาจกลับไปเป็นแบบเดิมได้ตอนนี้ทำให้เขาอึดอัดใจ แต่กระนั้นประธานนักเรียนก็รู้ดี ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหนือกว่าความรู้สึกอ่อนไหวที่มีอยู่เต็มใจเขาในตอนนี้
ซูนยองเดินออกไปจากห้องเรียนหลังจากหมดคาบเพื่อไปล้างหน้าและจัดการกับความรู้สึกหวั่นไหวในใจที่กลับมาอีกครั้ง ทิ้งให้เจ้าคนตัวเล็กนอนอย่างเงียบสงบต่อไปในคาบภาษาอังกฤษโดยไม่คิดจะปลุกให้ตื่นขึ้นมาเรียน โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาหลายคู่ในห้องจับจ้องมายังคนตัวเล็กอย่างหิวกระหาย .
“เอาคืนมานะ! เอาคืนมาได้แล้ว ขอร้องล่ะ ฮึก.” ร่างเล็กสะอื้นร้องไห้ พยายามยืดตัวกระโดดแย่งสมุดบันทึกสีหวานในมือของคนตัวสูงที่ชูอยู่เหนือหัว แม้จะรู้ดีว่าพยายามเสียเท่าไหร่ก็คงไม่อาจแย่งมันคืนจากชายหนุ่มร่างใหญ่ที่พยายามหลบหลีกนั่นได้
“ไม่มีทางซะล่ะ กว่าจะได้มาฉันกับจวิ้นหุยต้องลำบากแค่ไหนไม่รู้รึไง” เหยาหมิงหมิงพูดกระตุกยิ้มเยาะเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของคนตัวเล็กกว่า เป็นของเล่นที่น่าสนใจจริงๆ สมกับเป็นคนที่ลูกพี่ของเขาสนใจตั้งแต่แรกเห็น ผิวขาวใสกับใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั่นแม้ไม่ใช่สเปคเขา แต่หมิงหมิงก็ต้องยอมรับว่ามีสเน่ห์ไม่น้อย เมื่อได้ของรักที่เจ้าตัวดูจะหวงนักหนามาอยู่ในมือแล้วเจ้าเด็กคนนี้ก็เหมือนกับลูกไก่ในกำมือไม่มีผิด แกล้งเล่นเสียหน่อยจะเป็นไร
“แต่มันเป็นของสำคัญมากนะ! เอาคืนมาสิ!!” ตะโกนและทุบชายหนุ่มตรงหน้าเต็มแรงจนผู้เป็นเพื่อนรักของหนุ่มจีนเริ่มไม่พอใจ ชายหนุ่มหน้าหวานกระชากคอเสื้อของคนตัวเล็กเสียเต็มแรงและผลักร่างอวบออกไปชนกับกำแพงจนเต็มแรง
ไม่ใช่ว่าเป็นคนโหดร้ายอะไร แต่แค่ไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรหมิงหมิงจริงๆ ก็แค่นั้น..
เหวินจวิ้นหุยสาวเท้าเข้าใกล้ร่างเล็กที่บอบช้ำและดันอีกคนให้ติดกับกำแพง ใบหน้าที่ราวกับดาราดังนั้นเลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าเล็กจนน่ากลัว จีฮุนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่กำลังเป่ารดแก้มขาวนั่นทุกวินาที หัวใจของเขาสั่นระริกด้วยความกลัว และเสียงสะอื้นก็ดังขึ้นทุกวินาทีที่ผ่านไป แต่คนตัวสูงก็ไม่ยอมละไปจากใบหน้าขาวนั่นเสียที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นที่มุมปากของชาวกวงตง
“ฮึก อย่าทำอะไรผมเลยครับ ผมกลัวแล้วฮึก” ร่างเล็กตัวสั่นเทาด้วยความกลัว หยดน้ำตาใสไหลลงมาเป็นทาง รอยเขียวช้ำตามตัวเกิดจากการถูกอัดกระแทกกำแพงเสียจนไร้ทางสู้ นักเรียนชายท่าทางเกเรดันตัวคนร่างเล็กไปชิดกำแพง มือหยาบกร้านลูบไปตามผิวบางก่อนจะบีบแก้มนุ่มนั่นเสียแรง
“ผิวก็สวย หน้าก็ดี ตัวก็เล็ก ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยจริงๆ” นักเลงหน้าสวยพูด ใช้สายตาคมมองไปยังร่างเล็กด้วยแววตาที่ไม่อาจเข้าใจได้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นที่มุมปาก พวกพ้องข้างหลังก็หัวเราะออกมา
“จวิ้นหุย นายคิดจะรุกกับเขาด้วยรึไง?” ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาที่ใส่เครื่องแบบชั้นปีสองเหมือนกับเขาพูดด้วยสีหน้าทีเล่นทีจริง มือหนานั่นไล้ไปตามใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทอย่างมีเลศนัย จวิ้นหุยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมของร่างเล็กพร้อมกับเป่าลมอุ่นไปที่ข้างหู
“ฉันไม่เล่นกับเด็กนี่หรอก หมิงหมิง. เด็กคนนี้น่ะ ซึงชอลฮยองสนใจอยู่”
‘ผลั่ก’ ไม่ทันจะพูดเสร็จ หมัดหนักๆก็ถูกต่อยลงที่ข้างแก้มของชายหนุ่มหน้าสวย ผู้มาใหม่ทำให้นักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งสองคนถึงกับผงะ ควอนซูนยอง ผู้มีอิทธิพลลำดับต้นๆในชั้นปีเป็นเจ้าของหมัดนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าประธานรุ่นที่ดูเรียบร้อยจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ถึงสัญชาตญาณของจวิ้นหุยจะบอกให้สู้กลับไป แต่เพราะฐานะของซูนยองที่ค้ำคออยู่ทำให้ชายหนุ่มหน้าสวยต้องยอบสยบให้อย่างช่วยไม่ได้
“นี่ของเล่นของฉัน จะเชวซึงชอลหรือใครก็เล่นไม่ได้”
กล่องข้าวกลางวันที่ถูกเตรียมมาจากบ้านหล่นอยู่กับพื้นของดาดฟ้าร้างจนไม่อาจเก็บขึ้นมากินได้ ไส้กรอกทอดรูปปลาหมึกที่ป้าแม่บ้านอุตส่าห์ตั้งใจทำฉลองที่คุณหนูคนเล็กกลับมายังบ้านหลังนี้ถูกเหยียบเละอยู่กับพื้นจากการต่อสู่เมื่อครู่เหมือนกับข้าวผัดไข่สูตรอร่อยที่เหลือแค่เพียงซากไม่ต่างกัน จีฮุนที่ทรุดอยู่กับพื้นกำแพงมองกล่องข้าวลายชินคันเซนที่เปิดกว้างอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรง
ควอนซูนยองไม่ยอมสบตาเขา ไม่ยอมหันหน้ามามองเลยแม้แต่น้อย ไม่มีคำพูดปลอบโยน อ้อมกอดที่อบอุ่น หรือแม้แต่คำอธิบายแม้เพียงน้อยนิดให้จีฮุนได้เข้าใจ ผู้เป็นพี่ได้เดินจากดาดฟ้าที่เงียบสงบในยามพักกลางวันนี่ไปเสียแล้ว ทิ้งให้คนตัวเล็กที่บอบช้ำนั่งมองไปรอบกายอย่างเรือนรางด้วยหยดน้ำตาที่เอ่อคลอล้นเบ้า
มันเจ็บไปทั้งตัวที่โดนอัดนี่ และเจ็บไปทั้งใจกับการที่ไม่อาจจะเข้าใจคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอีกครึ่งนึงของเขาเลย
“นี่. ไอ้ตัวขาว.” เสียงไม่คุ้นเคยดันไหล่บางของคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่กลางห้องเรียนเสียจนสั่นไปทั้งตัว หลังจากไปล้างหน้าล้างตาให้ดูสะอาดเรียบร้อย เช็ดหยดน้ำตาที่ร้องไห้เหมือนกับเด็กอนุบาลนั่นออกไปให้หมด จีฮุนก็เลือกที่จะกลับมานั่งในห้องเรียน สถานที่ที่ดูจะปลอดภัยที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เสียงซุบซิบก็ดังระงม นี่ขนาดเป็นโรงเรียนชายล้วน ข่าวเรื่องของจีฮุนยังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ที่ไปเร็วเสียขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะมาพูดคุยกับเด็กใหม่นี่เลยซักคน อาจเป็นเพราะเป็นเป้าหมายคนสำคัญของเชว ซึงชอล รุ่นพี่หัวโจกตัวร้ายของโรงเรียน แถมเด็กคนนี้ยังพ่วงตำแหน่งเป็น ‘ของเล่น’ ของควอนซูนยอง ประธานนักเรียนปีสองที่ใครก็ไม่กล้าแหยม แถมจะดูหวงเอามากเสียด้วย เพราะงั้นแม้ว่าใบหน้าเล็กจะเต็มไปด้วยรอยช้ำแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาดูแลเลย จนกระทั่งมีไอ้หมอนี่นี่แหละ..
“ไอ้ตี่มันให้เอาไอ้นี่มาให้” ชายหนุ่มที่ตาเล็กไม่แพ้ซูนยองพูดออกมาพร้อมกับสรรพนามบุคคลที่สามที่จีฮุนเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร คนตัวเล็กพยักหน้ารับน้อยๆ เด็กชายหน้านิ่งจึงวางคิมบับน่าทานนั่นลงบนโต๊ะ หลังจากนั่งมองหน้าอยู่ซักพักจีฮุนจึงนึกออกว่า ‘จอนวอนอู’ หน้ามึนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่นั่งอีกฝั่งของซูนยองนั่นเอง วอนอูยิ้มมึนๆให้กับคนตัวเล็กกว่า ยกมือขยี้ผมดำเบาๆ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินกลับไปนั่งมึนที่โต๊ะของตัวเองต่อ ช่างแปลกคนเสียจริง..
จีฮุนมองคิมบับม้วนใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ซูนยองก็คงจะเป็นคนคนเดียวที่วอนอูน่าจะหมายถึงได้ แต่มองไปรอบๆแล้วกลับไม่เห็นพี่ชายของตนอยู่ บางทีอาจคงกำลังไปทำธุระอย่างอื่นอยู่ก็เป็นได้ ไม่คิดว่าจะมาซื้ออะไรให้แบบนี้ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นกล่องข้าวที่โดนเตะจนเละไปแล้ว ไม่นึกว่าซูนยองจะยังใส่ใจเขาอยู่แบบนี้.. ความรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเกิดขึ้นในใจเมื่อเด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความหวังอันริบหรี่ที่ก่อตัวขึ้น มือเล็กแกะห่อคิมบับออกทำให้กลิ่นของข้าวร้อนโชยไปทั่ว จีฮุนกัดคำแรกเข้าไปก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้
แล้วไดอารี่ของเขาล่ะ?
จนแล้วจนรอดก็ยังหาสมุดบันทึกสีหวานเล่มนั้นไม่เจอ หลังเลิกเรียนจีฮุนรีบตรงไปที่ดาดฟ้าที่น่ากลัวนั่นอีกครั้ง เพื่อตามหาสมุดเล่มเล็กที่สำคัญกับเขามากเล่มนั้น ก่อนจะวิ่งลงไปหารอบๆตามจุดที่คิดว่ามันอาจหล่นไปได้ ค้นดูใต้โต๊ะหรือในกระเป๋าก็ยังไม่มี คงหมดหวังแล้วล่ะที่จะได้เจอกับของรักชิ้นนั้น จริงๆจีฮุนก็ไม่ได้รักอะไรมันมากมายหรอกนะ แต่เป็นเพราะความลับในนั้นต่างหาก เพราะมีความทรงจำมากมายที่เจ้าตัวอุตส่าห์ประดิดประดอยตัดภาพเหล่านั้นแปะลงไป เพื่อเก็บมันไว้ดูในทุกครั้งที่คิดถึง เพียงแค่คิดว่ามันหายไปเขาก็แทบหยุดหายใจแล้ว
ก็มันเป็นตัวแทนของควอนซูนยองในเวลาที่เขาต้องอยู่คนเดียวนี่นา
เป็นสิ่งเดียวที่คอยทำให้เขาเข้มแข็งได้ในวันที่อ่อนล้า เหมือนกับรอยยิ้ม คำพูด และอ้อมกอดเหล่านั้น รอยหยดน้ำตาที่แห้งกรังด้านในบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาบ่อยเพียงใด.....
วิ่งตามหาจนทั่วก็ไม่ได้พบกับมัน จีฮุนยืนหอบแฮกตรงหน้าโรงเรียน เหงื่อไหลท่วมเต็มตัว ได้แต่เดินกลับบ้านเงียบๆเพียงลำพัง ควอนซูนยองที่อยู่บ้านเดียวกับเขาก็หายไปตั้งแต่พักเที่ยง ชายหนุ่มไม่ได้เข้าเรียนเลยหลังจากเกิดเรื่องนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวไม่เจอ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ดูเหมือนว่ายังไงวันนี้เขาก็ต้องกลับบ้านเองคนเดียวอยู่แล้ว ซูนยองไม่อยากให้ใครรู้ว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน เมื่อเช้าก็ไม่ได้มาด้วยกัน พูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวยังไม่ได้ แล้วจะหวังอะไรกับการรอกลับบ้านด้วยกัน เบอร์ก็ไม่มี คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
แม้ว่าอากาศจะไม่ได้เย็นนัก แต่จีฮุนก็แอบรู้สึกเหงา ทั้งๆที่ตลอดหลายปีมานี้เขาก็ต้องกลับบ้านเองลำพัง แต่เมื่อได้อยู่ใกล้กับคนที่คอยไปไหนมาไหนเหมือนกับเงาในอดีตแล้วแบบนี้กลับรู้สึกเหงาพิลึก มองทิวทัศน์รอบกายที่คุ้นเคย ภาพยามเด็กที่เคยอยู่ด้วยกันก็พาให้เขานั่งเหม่อลอยไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มาถึงป้ายรถที่ต้องลงเสียแล้ว เด็กหนุ่มร่างเล็กก้าวลงจากรถบัสคันใหญ่ สมัยเด็กเขาไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องทิศทางอะไรเลย จะไปไหนมาไหนก็หลงแล้วก็ไม่คิดจะแก้นิสัยนี้ให้หายด้วย เพราะมีบอดี้การ์ดตัวโตคอยทำตัวเป็นสารถีนำทางไปทุกที่ แต่จีฮุนก็ไม่ใช่นางเอกนิยาย พอเมื่อต้องมาอยู่กับแม่เพียงแค่สองคนแล้วเขาเองก็ต้องหัดโตขึ้น ต้องลองไปไหนมาไหนเองเพราะจีอึนก็ไม่ได้มีตำแหน่งที่ใหญ่โตให้มีเวลาว่างมารับมาส่งเขาตลอดเสียที่ไหน แรกๆก็พอมีหลงทางอยู่บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การกลับบ้านหรือออกไปไหนเองก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกแล้ว
มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ก็เดินกลับมาถึงบ้านหลังโตแล้ว เด็กหนุ่มมองสถานที่ที่เงียบสงัดที่ครั้งนึงเคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มด้วยแววตาที่ไม่อาจเข้าใจได้ ภาพในอดีตวันนั้นยังคงติดตาเขาอยู่เสมอ. ภาพของวันนั้น ที่ได้เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาไปตลอดกาล
ความคิดเห็น