ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ขนม...
ตอนที่ 9 ขนม...
แสงแดดยามรุ่งส่องลอดบานหน้าต่างที่ปิดกันลมยามเช้า สิ่งสามัญที่ชายชราเจ้าของฉายา“ซินแสเทียบสวรรค์” ลืมตาขึ้นมาเห็นในยามเช้าเยี่ยงนี้ กับผู้อื่นย่อมมิอาจมีสิ่งใดผิดปกติ แต่กับมันที่เคยชินกับนิสัยเปิดหน้าต่าง ทุกครั้งยามเข้านอน เนื่องมาจากอากาศอบอุ่นในบริเวณที่มันมักออกไปแสวงหาสมุนไพร เหตุการณ์นี้ย่อมนับว่าพิกลยิ่ง มันจึงพลันเกร็งลมปราณขึ้นห้าส่วน ทันใดนั้นเกิดความรู้สึกผิดปกติที่ท้องน้อยต้องลอบร้องว่าผิดท่าในใจ ยามนี้จึงต้องแหงนคอขึ้นมองบริเวณท้องน้อยของตน จึงพบเป็นทารกชายหน้าตาน่าเอ็นดูบนใบหน้าแฝงร้อยยิ้มไว้สามส่วน
“เสาะยี้ ที่แท้เป็นเจ้า” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ แต่ทารกหนุ่มตรงหน้ากลับฟังออกว่าแฝงไว้ด้วยแววน้อยใจส่วนหนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า ที่แท้ท่านตาเวลาหลับกลับเป็นตาแก่ขี้เซาเหมือนเดิม” เสาะน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเบิกบานยิ่ง จนชายชราต้องส่ายหัวเบาๆ
“นับว่าเจ้าก็ยังเป็นทารกมิรู้จักโตเหมือนเดิม มาให้ตาแก่ขี้เซาอย่างข้าตีก้นเจ้าแรงๆซักที”กล่าวจบสองตาหลานจึงงัดวิชาตัวเบาของค่ายสำนักต่างๆออกมาไล่จับกัน ราวทั้งคู่ยังเป็นทารก แต่ในที่สุดขิงแก่ก็ย่อมต้องเผ็ดกว่า เสาะน้อย ถูก ท่านตาของมันใช้ออกซึ่งท่าคว้าจับของเส้าหลิน ตะคลุบคอเสื้อของมันได้
“ ฮ่า ฮ่า ท่านตา ผู้หลานยอมแล้ว ฮ่า ฮ่า...”มันกล่าวไปคล้ายปนด้วยเสียงหอบ จนคำพูดกระท่อนกระแท่น ชายชราเห็นดังนั้นจึงหิ้วมันมาวางบนที่นอนที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ พร้อมคว้าไม้เรียวบริเวณหัวเตียงมาถือไว้
“เป็นเจ้ารนหาที่ ข้าซินแสเทียบสวรรค์ ช่วยคนดีมาก็เยอะ ขจัดคนพาลมาก็มาก ตลอดมาข้ามักเป็นผู้ควบคุมสิ่งต่างๆ แต่มากลับทารกเยี่ยงเจ้า ข้ากลับเป็นฝ่ายถูกควบคุมเสียเอง นับว่าประหลาดแท้ รึเจ้าคิดเยี่ยงไร ฮึ”ท้ายประโยคหันไป ถามเจ้าของเรื่องตัวน้อย
“นั่นย่อมเป็นเพราะความน่ารัก และ หลักแหลม ของข้า ท่านตาจึงมิอาจหักใจเฆี่ยนข้าได้ จริงหรือไม่”บุรุษเฒ่าคล้ายนิ่งไปสักครู่ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ต้องกล่าวว่าด้วยความเจ้าเล่ห์ และ วิธีเอาตัวรอดของเจ้ามักทำให้ข้านึกถึง แชแช เมื่อนางยังเด็กก็มักจะเจ้าเล่ห์อย่างเจ้านี่หล่ะ”กล่าวจบมันและหลานชายต้องทอดถอนใจออกมา ด้วยเพราะพวกมันพลันนึกถึงบุคคลที่เอ่ยออกมา
“ท่านตา นี่เองก็เกือบสายแล้ว เสาะยี้ขอตัวไปรับประทานอาหารก่อน ใกล้เวลาที่ซือแป๋ นัดหลานไว้แล้ว”
“อืมมม เป็นข้ากลับลืมไป ตาเองก็สมควรลุกไปแต่งตัวได้แล้ว เมื่อวานนี้ตาก็ไม่ได้ไปทักทายซือแป๋ของเจ้าเลย ไหนเมื่อวานนี้เจ้าว่าเจ้ามีซือแป๋ กี่คนนะ”เสาะยี้เองเมื่อมันก้าวออกไปจากประตูแล้ว พลันสะบัดพัดสีเงินของมันออกดัง พรึ่บ ก่อนจะมีเข็มเงินละเอียดนับสิบเล่มปักอยู่บนโต๊ะน้ำชา เป็นอักษร “โหงว”(5) อันสวยงาม ทำเอาชายชราถึงกับถอนใจ แล้ว พึมพำออกมา
“ทารกขี้เกียจยังนับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง นี่คงจะติดนิสัยขี้เกียจเจ้าหยางจินมา แต่นับว่ายังดีที่ได้ฝีมืออันยอดเยี่ยมมาจากแชยี้บ้างไม่น้อย เฮอะ”
เมื่อเสาะน้อยรับประทานอาหารเสร็จ ก็นับว่าเป็นเวลาสายกว่าแล้ว มันจึงพลันใช้ออกด้วยท่าเท้าวิชาตัวเบาอย่างเร่งด่วน นึกมิถึงยามมันเข้าสู่เขตที่พักของอ.มันกลับพบเพียงเทพหัวขโมยหนุ่มในชุดยาวสีดำนั่งจิบน้ำชาอยู่ ในตำหนักกลางสวนดอกไม้ โดยไร้วี่แววของอ.มัน แต่เหมือนบุรุษหนุ่มตรงหน้ามันจะรู้เรื่องในใจมันตอนนี้ดี จึงพลันกวักมือเรียกมันเข้าไปหาด้วยสีหน้ายินดี
“ฟงยี้ อบขนมอยู่ เจ้าเองก็เข้ามานั่งก่อนซิ”เสาะน้อยแองแม้มันจะงงกับสรรพนามที่ชายหนุ่มใช้เรียกชื่ออาจารย์ของมันไม่น้อย แต่ก็ยอมเข้ามานั่งแต่โดยดี
“ขนมดอกไม้เพลิงนั่นก็รสชาติดีนะ เจ้าลองชิมดูสิ”เมื่อเห็นหัวขโมยหนุ่มยื่นจานมาข้างหน้ามันดังนั้น มันเองจึงหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ขนมรูปดอกเบญมาศสีทอง ถูกมันบิออกด้วยความแปลกใจ ไส้ข้างในขนมกลับเป็นกลีบดอกไม้หลากสีสดใสราวกับเพิ่งถูกเด็ดมาจากดอกเมื่อครู่ เมื่อหายจากการตกตะลึงแล้วมันจึงบิตรงส่วนแป้งเข้าปากก่อน แต่เมื่อแป้งในปากละลายมันถึงกับลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าพิกลยิ่ง หัวขโมยหนุ่มเองเมื่อเห็นเช่นนั้นพลันระเบิดหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงดังยิ่ง ก่อนจะรีบส่งไส้ในที่เป็นกลีบดอกไม้ในเสาะน้อยพลางกล่าวพลางหัวเราะไป
“รีบเคี้ยวไส้นี่ตามเข้าไปสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”ทารกหนุ่มเองเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบรับมาเคี้ยวตามเข้าไป นึกมิถึงพอไส้และแป้งผสมผสานกัน รสชาติเผ็ดร้อนเมื่อครู่กลับทวีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ครานี้มันถึงกับหน้าแดงราวลูกท้อสุกทีเดียว
“คราวนี้ข้าไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว ดื่มนี่สิ”ชายหนุ่มกล่าวพลางยื่นป้านน้ำชาให้มันอย่างยิ้มๆ เสาะน้อยเองเมื่อรับมารินให้ตัวเองแล้วจึงค่อยๆจิบชาในถ้วยอย่างหวาดระแวง แต่คราวนี้น้ำชาที่ไหลผ่านลำคอมันนอกจากจะช่วยดับรสเผ็ดแล้ว ยังทำให้รู้สึกหวานชุ่มคอและละมุนลิ้น ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้ลิ้มรสเผ็ดร้อนมาก่อนอีกด้วย จนเมื่อเห็นสีหน้ามันกลับมาเป็นดั่งปกติแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้ามันจึงค่อยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“น้ำชาเกสร ช่วยได้เสมอเจ้าว่ามั้ย ... ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ในยุทธภพนั้นเจ้าไม่ควรเชื่อใจใครง่ายๆ เพราะมนุษย์เรามักพลาดพลั้งได้ง่าย ยิ่งกับสิ่งที่คุ้นเคย เรายิ่งมองข้ามไปมาก”
“ครั้งนี้เจ้าพูดได้? ครั้งแรกที่เจ้ารับประทานดอกไม้เพลิงของข้า มิใช่มีทารกขี้แยคนหนึ่งหรือ”เจ้าของคำพูดกล่าวด้วยน้ำไม่พอใจ แกมล้อเลียนเล็กน้อย เป็นอ๋องหลี่ฟงเดินออกมาจากตำหนักในชุดขาวบริสุทธิ์ในมือถือถาดสี่เหลี่ยมใบใหญ่ใบหนึ่ง บนถาดวางไว้ด้วยตำราโคลงกลอน และ ขนมอบ หลายเล่มหลายชิ้น
“ฟงยี้ ครั้งนั้นข้ามิใช่แค่ห้าขวบหรือไร แล้วทารกที่อบขนมร้ายกาจเช่นนั้นอย่างเจ้า ใยจึงมิใช่ทารกร้ายกาจด้วยเล่า”อ๋องหนุ่มเองเมื่อถูกเรียกเรียกด้วยสรรพนามดังกล่าวต่อหน้าลูกศิษย์ตัวน้อย สีหน้าจึงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะดุสหายในวัยเด็กของตน
“เหวินเซียว ข้าบอกเจ้ากี่หนแล้วว่าอย่าเรียกชื่อข้าแบบนั้นอีก ไม่ใช่ทารกกันอย่างเมื่อก่อนแล้ว”
“เติบใหญ่ กับ วัยเยาว์ ข้ามิเห็นว่าจะมีอันใดแตกต่างกันไม่”เทพหัวขโมยหนุ่มเถียงข้างๆคูๆก่อนจะทำท่าคล้ายนึกอันใดออก แล้วทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
“เห็นทีข้าคงต้องขอเจ้าดูซะแล้ว จะได้รู้ชัดไปเลยว่าต่างกันเยี่ยงไร”ว่าพลางกระโจนเข้าหาอ๋องหนุ่มด้วยสีหน้าล้อเลียน แต่ก่อนที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบไป พลันบังเกิดเสียงกระแอมด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกขึ้น ขัดทั้งคู่ให้แยกกันก่อน
“เห็นที.....วันนี้เล่าฮูต้องขอรบกวนพวกท่านเรื่องเสาะยี้เสียแล้ว”ผู้พูดย่อมเป็นซินแสเทียบสวรรค์ มันเองหลังจากจัดการสิ่งต่างๆเรียบร้อยแล้ว จึงออกมาพบปะกับบรรดาอาจารย์ของหลานมัน นึกมิถึงเมื่อมาที่สุดท้ายกลับพบเทพหัวขโมยกำลังชักชวนให้เสาะน้อยรับประทาน ขนมเพลิง ซึ่งมันเองเคยพบเห็นผู้ที่รับประทานเข้าไปมามากมาย แต่เมื่อกำลังจะเข้าไปห้ามนั้น มันพลันต้องการรู้ว่าหลานมันจะแสดงอาการเยี่ยงไร จึงมิได้เข้าไปห้ามดั่งที่ตั้งใจไว้ตอนแรก นึกมิถึงหัวขโมยหนุ่มกลับใช้วิธีนี้เป็นการสอนเรื่องสำคัญแก่เสาะน้อย ขณะที่มันกำลังชื่นชมชายหนุ่มเบื้องหน้าอยู่ในใจนั้นเอง พลันปรากฏ ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน แต่ดูอ่อนช้อยราวยอดไผ่ ในชุดยาวสีขาวเดินออกมา กล่าว ตอบโต้ชายในตำหนักสองสามประโยค จากที่ปะทะกันด้วยวาจา จนถึงกับ เข้าปะทะกันนั้น มันพลันรู้สึกตัวว่าการแอบดูอยู่เยี่ยงนี้ย่อมมิใช่วิสัยของวิญญุชนเท่าใดนัก ดังนั้นจึงพลันกระแอมออกมาด้วยเสียงอันเบา ก่อนจะลอบด่าตัวเองในใจ
‘เฒ่าบัดซบ ใยเจ้าต้องแอบดูคนรุ่นหลังเช่นนี้ด้วย นี่ถ้ามีคนรู้ไปใยข้าจึงมิใช่คนชอบแอบฟังผู้อื่นคุยกันไปได้’แต่สองคนต้นเรื่องเมื่อเห็นซินแสเฒ่าทำสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนั้น พลันนึกว่าสาเหตุมาจากความประพฤติไม่เหมาะสมกับวัยของพวกมัน จึงพลอยทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นพลอยกระอักกระอ่วนไปด้วย
เสาะน้อยเองมันย่อมเข้าใจนิสัยของท่านตามันเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าอาจารย์ทั้งสองของต้องเข้าใจท่านตาผิด มันคล้ายมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขำขันอย่างหนึ่ง จนในที่สุดต้องกล่าวเปลี่ยนเรื่องปนกลั้นหัวเราะออกมา
“ท่านตา ซือแป๋ เสาะยี้สงสัยเหลือเกินเหตุใด ดอกไม้เหล่านั้นจึงมีรสชาติเผ็ดร้อนยิ่งนัก ทั้งๆที่สีสันก็สดใสราวกับมิเคยโดนสิ่งที่ร้อนแรงเจือปน”หลี่ฟงเองเมื่อเห็นลูกศิษย์ตัวน้อยมันช่วยหาทางแก้ตัวให้จึงรีบอธิบายทันที
“นั่นย่อมเป็นเพราะส่วนผสมที่ข้าใช้แช่กลีบดอกไม้เหล่านี้ เป็นพิษที่ไม่เป็นกรดร้อนแรง แต่เมื่อผสมกันมากเข้าพิษข่มพิษย่อมหักล้างกันไปแต่กรดไม่ร้อนแรงนั้นเมื่อผสมกันย่อมต้องร้อนขึ้น สุดท้ายจึงมีรสชาติเช่นนั้น”
“ข้าเองก็พบเจอสูตรคล้ายๆกันนี้ในดินแดนภาคเหนือ นึกมิถึงเจ้าเองกลับมีวิธีคิดคล้ายกับพวกนั้น”ซินแสเทียบสวรรค์เองคล้ายเอ่ยขึ้นแก้ขวยบ้าง ผิดกับเทพหัวขโมยหนุ่มที่ยังคงยืนยิ้มอยู่ข้างๆเสาะน้อยโดยไม่รู้สึกอันใด
“ได้ยินชื่อเสียงท่านผู้เฒ่ามานาน เพราะท่านรอบรู้เยี่ยงนี้นี่เอง ทั่วยุทธภพจึงพากันนับถือ”อ๋องหนุ่มถึงกับก้มลงประสานมือคำนับชายชราตรงหน้า ทำให้บุรุษหนุ่มข้างมันต้องย่อกายคารวะด้วย ซินแสเฒ่าเมื่อเห็นดังนั้นพลันฉุดมือทั้งคู่ขึ้นมาก่อนจะกล่าว
“เสาะยี้ได้ซือแป๋ดีๆอย่างพวกท่าน เล่าฮูเองก็วางใจ เห็นทีเล่าฮูคงต้องขอตัว”กล่าวไปเป็นไป มันกล่าวจบพลันพลิ้วกายจากไปทันที ทิ้งให้สายตาทั้งหกคู่มองด้วยสายตาต่างกัน
“ซือแป๋ ข้าอยากเรียนวิธีทำขนมดอกไม้เพลิงบ้าง ได้โปรดสอนเสาะยี้บ้างเถิด”มันพลันรู้สึกว่าวิธีทำที่อาจารย์มันบอกเมื่อครู่น่าสนใจยิ่ง เมื่อมันกล่าวจบเป็นเทพหัวขโมยหนุ่มกล่าวแทน
“ขนมนี้สำคัญที่สีสันดอกไม้ เจ้าเองจะทำขนมนี้ย่อมต้องมีอุปกรณ์ก่อน เมื่อเช้าข้าออกไปสำรวจมา พบว่า ตรงกลางเรือนใหญ่มีสวนดอกไม้อยู่ เห็นทีก่อนเจ้าจะทำขนมนี้ได้คงต้องไปเก็บกับข้าก่อน”กล่าวจบพลางจับเสาะน้อยพลิ้วร่างข้ามหลังคาไปด้วยกัน เหลือเพียงอ๋องหนุ่มยืนถอนหายใจ พลางมองตั้งหนังสือในถาด ซึ่งยังคงตั้งไว้เหมือนเดิม ขาดก็แต่ขนมในตอนแรกที่ถือออกมาพร้อมกันนั้นได้อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว ทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าเบาๆในความกะล่อนของสหายตน
“เหวินเซียว เจ้านะเจ้า...”
...
หายไปนานคับ ข้าน้อยผิดไปแล้ว T^T ไปเตรียมแอ๊ดฯมางับ ในที่สุดก็ถึงตาข้าพเจ้า ลุ้นมากมาย
ท่านพ่อสั่งว่าถ้ายังไม่มีที่เรียนห้ามแต่ง --*-- จนในที่สุดก็ผ่านพ้น นี่เเหลือก็เเต่ เอ-เนท สหายข้าพเจ้าบอกว่าสอบทำไม สอบไปเค้าก็ตัดสิทธิ์ออก
ข้าพเจ้าเองก็งงๆ จะสอบดีมั้ย ไหนๆก็ได้คณะที่ต้องการเเละมหาลัยที่เหมาะสม ท่านผู้อ่าน(จะเหลือหรอ)ช่วยข้าพเจ้าหน่อยค้าบบบบ
ปล.ข้าพเจ้าเพิ่งหัดเล่น hi5 มา ได้มาละ1อัน
มีผู้ใดอยากเห็นหนังหน้าข้าพเจ้า ก็ ดูได้นะงับ แต่ผู้ใดไม่อยากเสี่ยงต่อลูกตาตัวเอง ก็อย่าเข้ามานะง้าบ
ผู้ใดแอดมาก็ทักทายกันมั่งนะงับว่าอ่านเรื่องนี้ อ่านเบ๊ามีด้ายเลย
http://amythyht.hi5.com
หายไปนานคับ ข้าน้อยผิดไปแล้ว T^T ไปเตรียมแอ๊ดฯมางับ ในที่สุดก็ถึงตาข้าพเจ้า ลุ้นมากมาย
ท่านพ่อสั่งว่าถ้ายังไม่มีที่เรียนห้ามแต่ง --*-- จนในที่สุดก็ผ่านพ้น นี่เเหลือก็เเต่ เอ-เนท สหายข้าพเจ้าบอกว่าสอบทำไม สอบไปเค้าก็ตัดสิทธิ์ออก
ข้าพเจ้าเองก็งงๆ จะสอบดีมั้ย ไหนๆก็ได้คณะที่ต้องการเเละมหาลัยที่เหมาะสม ท่านผู้อ่าน(จะเหลือหรอ)ช่วยข้าพเจ้าหน่อยค้าบบบบ
ปล.ข้าพเจ้าเพิ่งหัดเล่น hi5 มา ได้มาละ1อัน
มีผู้ใดอยากเห็นหนังหน้าข้าพเจ้า ก็ ดูได้นะงับ แต่ผู้ใดไม่อยากเสี่ยงต่อลูกตาตัวเอง ก็อย่าเข้ามานะง้าบ
ผู้ใดแอดมาก็ทักทายกันมั่งนะงับว่าอ่านเรื่องนี้ อ่านเบ๊ามีด้ายเลย
http://amythyht.hi5.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น