ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พยัคฆ์คำรนมังกรคำราม

    ลำดับตอนที่ #8 : มังกร จันทรา

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 50





             น้ำค้างยามเช้าพราวระยับดั่งมณีจรัสแสง หมู่วิหคส่งเสียงร้องหาคู่กันระงม ฟังไปความไพเราะกลับมิได้ด้อยกว่าเครื่องดนตรีเลอค่าใดๆไม่ เสาะน้อยยามนี้กลับเดินในสวนดอกไม้ด้วยใบหน้าเย็นชายิ่ง หากแม้นผู้ใดได้พบย่อมมิอาจคิดมัน กับ ทารกที่ชอบออดอ้อนผู้คนในตำหนักกลับเป็นคนเดียวกันได้ ถึงแม้นใบหน้ามันในขณะนี้ดูไปราวฉาบไว้ด้วยน้ำแข็งชั้นหนึ่ง แต่ด้วยดวงตาอันเยือกเย็นคล้ายดั่งมิใยดีเรื่องอันใด และ องคายัพอันสมส่วนบนใบหน้า ยามนี้กลับทำให้ทุกสิ่งที่ประกอบเป็นมันคล้ายถูกห่อหุ้มด้วยประกายราศีอันสูงส่งชนิดหนึ่ง มันแม้ดูคล้ายกำลังเดินชมสวน แต่ความจริงกลับจัดวางค่ายกลไว้ถึง 6 ค่ายกลในบริเวณสวน นี่จึงนับเป็นเรื่องพิกลยิ่ง เป็นเรื่องอันใดมันจึงทำเยี่ยงนี้กัน ? ทารกหนุ่มหันมองรอบข้างอย่างพิจารณา ก่อนจะพยายามขุดดินบริเวณศูนย์กลางค่ายกลขึ้นมาทีละน้อยลึกราวสองเซี๊ยะ จึงพบกล่องหยกเหลืองรูปทรงกลมใบหนึ่งสะท้อนประกายเจิดจ้า บนฝากล่องกลับสลักรูปมังกรเร้นกายราวกับกำลังมีชีวิต หากแต่ข้างใต้กลับปรากฏตัวอักษรที่สลักด้วยด้วยลายเส้นบางเบาอย่างประณีตที่หากมิสังเกตย่อมมิอาจดูออก ดูไปประหลาดยิ่ง เมื่ออ่านข้อความดังนั้นความเย็นชาบนใบหน้าทารกหนุ่มจึงคล้ายบรรเทาลงไปบ้าง หากแต่นัยน์ตากลับหมองหม่น ก่อนจะส่ายหน้าไล่ความกังวลทิ้งไป

     

    โลกหล้าแผ่นฟ้า    ลาลับ

    ใจคนมิอาจนับ     คือฟ้า

     สงบสันติอันใด    หลีกเร้น

               วาสนาค้ำฟ้า       มังกร จันทรา

     

           ที่แท้ท่านปู่ทวดนับว่ามองการณ์ไกลยิ่ง เมื่อครั้งออกจากวังกลับนำสิ่งนี้ออกมาด้วย นับว่าท่านคาดการณ์ได้ราวกับล่วงรู้อนาคตทีเดียว ” มันกล่าวคล้ายรำพันกับตัวเองก่อนจะซุกกล่องหยกไว้ในแขนเสื้ออย่างอ่อนโยน พลางกวาดสายตาไปยังสวนดอกไม้โดยรอบมันอีกที หากแต่ครานี้มันคล้ายรู้สึกมีอันใดไม่ชอบมาพากลยิ่ง ยามกะทันหันพลันคว้าพัดลายอักษรที่อยู่ข้างเอวขึ้นมาสะบัดไปยังทิศดังกล่าวทันที กล่าวไปประหลาดยิ่ง พัดกระดาษธรรมดายามมันสะบัดเมื่อครู่กลับมีเสียงดังราวเครื่องดนตรีกำลังบรรเลงบทเพลงให้ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มได้อย่างพิกลชนิดหนึ่ง

          

           ทันใดนั้น รอบกายมันพลันปรากฏควันสีครามพิสดารกลุ่มหนึ่ง ครอบคลุมทันที เสาะน้อยเองเมื่อเห็นดังนั้นพลันสะกดลมหายใจ เตรียมพร้อมรับเหตุเปลี่ยนแปลงทันที หากแต่หมอกควันดังกล่าวดูไปกลับมิได้จางลงแม่แต่น้อย ทารกหนุ่มเองเมื่ออยู่ในกลุ่มควันกลับมิได้มีท่าทีกระวนกระวายอันใด ตรงข้ามยามนี้มันคล้ายเผยรอยยิ้มอันพิกลชนิดหนึ่ง ก่อนจะใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือชนิดหนึ่ง กลุ่มควันสีครามเมื่อเจอกับสภาวะพลังของฝ่ามือมันพลันคล้ายถูกดึงดูดเข้าหากันกลายเป็นก้อนพลังสีครามชนิดหนึ่งอยู่ตรงฝ่ามือของมันแทน  เวลานี้ความจริงมันสมควรรู้สึกปลอดโปร่งยิ่ง หาก ค่ายกลที่มันวางไว้รอบกายเมื่อครู่มิได้ถูกถอดถอนโดยผู้บุกรุกจนหมด สีหน้าของมันในยามนี้จึงตื่นตระหนกยิ่งกว่าเห็นภูตผีปีศาจเวลากลางวันเสียอีก มันแน่ใจค่ายกลของมันย่อมไม่มีผู้ใดสามารถแก้ออกได้ในเวลาอันสั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมอกควันเมื่อครู่

     

          “ ทารกน้อยเหตุใดเจ้าจึงคิดว่าค่ายกลพรรค์นั้น สามารถขัดขวางบุคคลอย่างเราได้กัน หรือเพราะเจ้าเป็นตัวโง่งมจึงพลันคิดว่าผู้อื่นต้องเป็นตัวโง่งมเช่นเดียวกับเจ้า ” เสียงที่กล่าวออกมาคล้ายทุ้มคล้ายแหลม โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวฟังไปรู้สึกระคายหูยิ่ง เจ้าของประโยคกล่าวจบพลันพลิ้วตัวมายืนข้างๆมันทันที เห็นเป็นสตรีวัยแรกรุ่นหน้าตาธรรมดายิ่ง สวมชุดผ้าฝ้ายและรองเท้าดั่งชาวบ้านธรรมดา ดูไปล้วนมิมีอันใดไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย เสาะน้อยเองเมื่อเห็นดังนั้น มันพลันทำหน้าพิกลประการหนึ่งก่อนจะถลึงตามองร่างเบื้องหน้ามันอย่างเคียดแค้น

     

           สตรีดังกล่าวเมื่อเห็นมันทำหน้าเยี่ยงนั้นพลันรู้สึกถูกใจยิ่ง พลันหัวเราะมัน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบชนิดหนึ่งที่สะกดคนฟังให้แข็งไปทั้งตัวได้ทันที

     

           “ หากเจ้ายังคิดอยากมีชีวิตอยู่สืบไป รีบนำของเมื่อครู่ที่เจ้าซุกไว้ในตัว มอบให้ข้าแต่โดยดี หามิเช่นนั้นแล้ว แม้ภายหลังเจ้าวิงวอนขอความตายกับเราก็นับเป็นเรื่องยากแล้ว ”

     

           “ เฮอะ หากเจ้ายังเป็นวิญญูชนอยู่บ้างเหตุใดจึงลอบทำร้ายกระทั่งทารกอย่างข้า ”

     

           “ ทารกน้อย อย่าได้กล่าวมากความส่งกล่องหยกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ารังแกเด็กอีก ”

     

           “ หากเจ้าเก่งจริงย่อมสมควรเข้ามาหยิบเอง หรือ เจ้ากลัวแม้กระทั่งทารกไร้อาวุธอย่างข้ากัน ” มันกล่าวคล้ายแฝงไว้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมพิสดารประการหนึ่ง จน สตรีตรงหน้ารู้สึกถึงพลังคุกคามชนิดหนึ่ง ทำให้ไม่กล้าเข้าไปหามันเท่าใด

     

          “ เฮอะ มารดาเจ้าเป็นใครกัน ข้าถึงต้องกลัวทารกเยี่ยงเจ้า ในเมื่อไม่ยอมให้ดีๆ ก็รอเก็บจากศพเจ้าเอาเถอะ ” นางกล่าวจบพลันใช้พลังดัชนีย์จี้ไปยังบริเวณศีรษะของมันทันที ทารกหนุ่มเองเมื่อเจอดังนั้นถึงกับยิ้มออกมาก่อนจะเอียงคอหลบพลังสายนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด ขณะเดียวกันมันพลันดีดออกด้วยพลังดัชนีย์พร้อมกันสามนิ้วทันที กล่าวไปพิสดารยิ่งเนื่องเพราะ ดัชนีย์ที่มันดีดออกกลับเป็นวิชาเดียวกับที่นางใช้เมื่อครู่ หากแต่นางคล้ายยิ้มอย่างยินดียิ่ง

     

           “ วิเศษ ทารกโอหังนี่ยังพอมีดีอยู่บ้าง ” กล่าวพลางโถมเข้ามาพร้อมดีดออกด้วยพลังดัชนีย์พร้อมกันถึงสิบนิ้ว เมื่อครู่เป็นนางใช้ออกเพียงนิ้วเดียวอีกทั้งยังทิ้งระยะห่างจากมันยังยากที่จะหลบได้ ครานี้ถึงกับดีดออกในระยะทางอันใกล้ เสาะน้อยคล้ายหมดหนทางที่จะหลบพ้น มันทราบพลังดัชนีย์ตรงหน้ามันย่อมมิอาจปะทะด้วยอย่างหักโหม อีกทั้งย่อมมิอาจหลบได้ทัน ฉับพลันนั้นเองมันพลันหายตัวไปจากบริเวณนั้นทันที เป็นเรื่องประหลาดยิ่งเมื่อมันหายตัวไปจากบริเวณดังกล่าว สตรีเบื้องหน้ามันพลันโถมมายังบริเวณที่มันยืนอยู่ในตอนแรกอย่างรวดเร็ว หากแต่เมื่อนางกวาดสายตาไปโดยรอบกลับคล้ายมีท่าทางดูเหม่อลอยราวโดนอันใดสะกดทันที

     

           “ ทารกอันรายกาจ เจ้ารู้แต่แรกว่าเป็นเรา ยังกล้าใช้แผนนี้กับเล่าฮูอีก ” น้ำเสียงที่นางกล่าวไปยามนี้กลับทุ้มแหบราวเสียงของชายชราทีเดียว ทารกหนุ่มเองเมื่อได้ยินดังนั้นพลันปรากฏขึ้นข้างกายนางก่อนจะแย้มยิ้มกล่าวด้วยน้ำเสียง และ ท่าทางเบิกบานยิ่ง

     

           “ เป็น ท่านตา หลอกเสาะยี้ก่อนหรอก หลานจึงเล่นกลับบ้าง อีกทั้งฝีมือแปลงโฉมท่านตาก็ออกจะสูงส่ง แปลงโฉมเป็นสตรีได้งดงามจนหลานเกือบหลงรักไปเสียแล้ว ” มันกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก

     

           “ เพ้ย เจ้าเด็กร้ายกาจกล้าล้อเลียนเล่าฮูหรือไร รีบเก็บค่ายกลบัดซบอันใดของเจ้าไปซะ ” ที่แท้ยามหมอกสีครามกระจายเมื่อครู่ เป็นมันทราบแต่แรกว่าเป็นฝีมือผู้ใด อีกทั้งยังทราบค่ายกลของมันยังถูกเก็บไปด้วย พริบตานั้นมันพลันซ้อนแผนโดยการวางค่ายกลพยัคฆ์หลงได้ถึงห้าชั้น รอจนอีกฝ่ายโถมเข้ามาในค่ายกล ย่อมสมควรมิอาจหนีออกไปได้พ้น

     

           เสาะน้อยเองเมื่อได้ยินดังนั้น พลันสะบัดแขนเสื้อออก พริบตาเดียวนั้นค่ายกลทั้งห้าชั้นพลันถูกมันเก็บได้อย่างรวดเร็ว สตรีเบื้องหน้ามันยามนี้กลับกลายเป็นชายชราอายุราวห้าสิบ ในมือถือหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่ง กริยาท่าทางครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ทารกหนุ่มเองเมื่อเห็นดังนั้นพลันเข้าไปอ้อนจนชายชราถึงกับทนไม่ไหวต้องยิ้มออกมากับท่าทีของมัน

     

           “ ได้ข่าวว่า แชแช กับ หยางจิน ออกเดินทางแสวงหามรรคทางกัน ข้าก็เลยนึกห่วงเจ้า นึกมิถึงหนึ่งปีที่ไม่เจอกัน หลานที่น่ารักกลับกลายเป็นปีศาจตัวน้อยไปตั้งแต่เมื่อใด ” กล่าวจบพลันรวบมันเข้าไปกอด

     

           “ ท่านตาเดินทางมาเหนื่อยๆ เข้าไปพักผ่อนกันในตำหนักก่อนเถิด บัดเดี๋ยวเสาะยี้จะตุ๋นรังนกให้ท่านตารับประทานดูว่าอร่อยขึ้นขนาดไหน ” มันกล่าวอย่างออเซาะพลางลากแขนบรุษชราตามหลังมันไป ดูท่าชายชราที่มีชื่อเสียงในเรื่องไม่เคยยอมผู้ใดในยุทธภพ กลับต้องมาพ่ายให้กับทารกหนุ่มตรงหน้ามันเสียแล้ว  เสาะน้อยยิ้มร่าดูไปดอกไม้ในสวนยามนี้ยังดูงดงามกว่าเมื่อครู่มากนัก  ชีวิตคนใยมิใช่เช่นนี้ การอยู่กับครอบครัวสมควรเป็นสิ่งที่สวยงามมากที่สุดมิใช่หรือ?

     

     *****************************************      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×