คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ลมปราณเทวราช?
4
บรรยากาศยามเช้านับเป็นอรุณแห่งทุกสิ่ง นกน้อยบินออกจากรังเพื่อหาอาหาร บรรดาบ่าวไพร่ในตำหนักต่างวุ่นวายกันจัดเตรียมอาหาร และ น้ำให้เจ้านายมัน แต่ถึงแม้จะวุ่นวายเพียงใดพวกมันกลับทำทุกอย่างได้อย่างเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบพูดคุยอันใดกัน นี่จึงเป็นการแสดงถึงการอบรมบ่าวไพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ? หากแต่เป็นแค่ความรู้สึกมิอาจรบกวนนายท่าน นายหญิง และ คุณหนูของพวกมันเท่านั้น
เสาะยี้เองเมื่อตื่นขึ้นมา ข้างเตียงของมันถึงกับมีอ่างกระเบื้องสีครามใบใหญ่สำหรับใส่น้ำอุ่น และผ้าขนหนูผืนนุ่มวางอยู่ข้างๆ บนโต๊ะกลางห้องมีชามใส่น้ำเต้าหู้ที่มีควันโชยตั้งอยู่ มันจึงล้างหน้าในอ่างสีครามก่อนจะเดินมายกชามบนโต๊ะขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกไปยืนหน้าห้องวาดมือวาดเท้าทำท่าประหลาดต่างๆ เมื่อมันทำเสร็จจึงคล้ายกลับมากระปรี้กระเปร่าดังเช่นทุกวัน ขณะนั้นพลันมีหญิงรับใช้นางหนึ่งเดินมาหามันก่อนจะย่อลงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"คุณหนู นายท่านเรียกให้ท่านไปพบที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ"นางกล่าวจบพลางเดินเข้าไปเก็บอ่าง และ ชาม ภายในห้องเสาะน้อยดังเช่นทุกวัน
ห้องหนังสือเเห่งตำหนักเขียวขจี แม้นจะเรียกเช่นนั้นหากเเต่ความเป็นจริงกลับดูมิคล้ายห้องหนังสือเท่าใดนัก ด้วยจำนวนหนังสือที่เรียงรายตามผนังห้อง และที่กองอยู่บนพื้น จำนวนนับหมื่นเล่ม นี่จึงเหมาะจะเรียกหอหนังสือเสียมากกว่า อีกทั้งตรงกลางห้องยังมีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ บนที่นอนมีรอยยับยู่ยี่ และ กองหนังสือระเกะระกะ แสดงถึงการเคยมีบุคคลนอนบนนั้นมาก่อน เสาะยี้เองเมื่อเข้ามากลับมิพบบิดา นับเป็นเรื่องพิกลอย่างยิ่ง แต่มันกลับยิ้ม ยิ้มอย่างถูกใจอะไรบางอย่าง ขณะที่มือของมันกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง ชั่วพริบตาที่มันยิ้ม มือกลับดีดพลังดัชนีใส่อากาศเบื้องหน้า ทันใดนั้นถึงกับมีร่างๆหนึ่งร่วงมาจากอากาศธาตุ เมื่อเห็นดังนั้นมันจึงคล้ายยิ้มกว้างกว่าเดิมดูไปสดใสยิ่ง
"ตัวขี้เกียจอันร้ายกาจ เจ้าให้บ่าวไพร่ยกเตียงเข้ามาในห้องพ่อก็ไม่ว่า แต่เจ้ากลับอ่านหนังสือเเล้วไม่เก็บเยี่ยงนี้ ระวังเถิดเกิดเเม่เจ้าเข้ามาล่ะก็จะเเย่ แต่ว่าพ่อกลับนึกไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกได้เกินขั้นของพ่อแล้ว ถึงขนาดดูวิชาไร้สรรพสิ่งนี้ออกได้ในเวลาอันสั้น"ร่างที่ร่วงลงมาถึงกับเป็นบิดาของมัน แต่มันยังคงกล่าวต่อไปอย่างเป็นปกติ คล้ายบิดามันมักทำเรื่องเช่นนี้เสมอ
"ไร้สรรพสิ่งขั้นที่ท่านพ่อใช้มีหรือเสาะยี้จะดูออก เมื่อครู่ที่เสาะยี้ทราบก็เพราะกลิ่นแป้งของท่านเเม่ติดตัวท่านมาต่างหาก"เมื่อมันกล่าวจบ บิดามันจึงร้องอ้อ ก่อนจะดมชุดตัวเองอย่างที่ทารกตรงหน้ากล่าว
"คงเป็นตอนพ่อกอดเเม่เจ้าเมื่อครู่ กลิ่นมันเลยติดมา"บิดามันกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ หากแต่เสาะยี้คิดว่าบิดากล่าวเยาะมันก็ปานจึงร้องเพ้ยเบาๆ
"เสาะยี้ลูกพ่อ นับจากวันนี้เจ้าจะต้องตั้งใจเรียนรู้จากบรรดาอาจารย์ของเจ้าให้ดี พวกท่านทั้ง 5 ล้วนแต่เป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียง เจ้าจงเชื่อฟัง และอย่าทำให้พวกท่านผิดหวัง"ท่าทีล้อเล่นเมื่อครู่ของบิดามันถึงกับเปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่ง ครานี้เสาะยี้คล้ายกับจะร้องไห้เเล้ว มันทราบเป็นบิดาห่วงมันมาก สองพ่อลูกจึงได้เเต่กอดกันแน่นกลางห้อง กระทั่งสตรีเจ้าของกลิ่นเมื่อครู่เดินเข้ามาในห้อง
"กอดกันสองคนแบบนี้ มารดาของเจ้าน้อยใจนัก"นางถึงกับยืนกอดอกมองมายังพวกมัน เสาะน้อยเมื่อเห็นดังนั้นจึงกระโดดมากอดนางทันที บิดามันจึงได้เเต่เดินตามมันมาอีกคน
"เสาะยี้ แม่บอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึไง เวลาอ่านหนังสือเสร็จให้เก็บเข้าที่ แล้วนี่อะไรกันที่นอนก็ไม่รู้จักเก็บ แถมยังวางค่ายกลไว้หน้าห้องสมุดอีก แล้วอย่างนี้บรรดาบ่าวไพร่จะเข้ามาเก็บกวาดให้เจ้าได้ยังไง"นางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุยิ่ง แต่เมื่อเห็นทารกตรงหน้านางสำนึกผิด จึงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลดังเดิม
"เจ้ารื้อค่ายกลออกซะ เดี๋ยวแม่จะให้บ่าวไพร่เข้ามาเก็บกวาด ตอนนี้อาหารเช้าเตรียมพร้อมเเล้ว พวกเจ้าสมควรไปที่โต๊ถึงจะถูก ท่านพี่มื้อนี้ข้าปรุงของโปรดท่านด้วย รีบไปเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นเสียหมด"นางกล่าวนุ่มนวลยิ่ง แต่คล้ายเป็นคำสั่งแม่ทัพก็ปานสองพ่อลูกจึงได้เเต่เดินตามนางไปแต่ดี
อาหารมื้อเช้าผ่านไปด้วยบรรายากาศครื้นเครงอันอบอุ่น ถึงแม้อาหารบนโต๊ะจะมีแค่อาหารพื้นบ้านธรรมดาๆเพียง 4 ชนิด หากแต่เมื่อรับประทานด้วยกันเเล้วคล้ายดั่งเป็นอาหารบนเหลาสุราชั้นสูงก็ปาน
หุบเขาเทียนซานนี้เดิมทีเป็นเพียงหุบเขาธรรมดาลูกหนึ่ง หากแต่เมื่อไป่เทียนจื้อ อ๋องแห่งต้าเฟย ซึ่งเดิมมีหน้าที่คอยช่วยเหลือองค์จักรพรรดิซึ่งเป็นพี่ชายในการปกครองประเทศ ต่อมาถูกบรรดาขุนนางกังฉินใส่ร้าย เเละ เพื่อไม่ให้ผู้เป็นพี่ชายต้องหนักพระทัย ไป่เทียนจื้อจึงประกาศสละตำแหน่งรัชทายาท และออกเดินทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงยังหุบเขาเทียนซาน จึงสร้างตำหนักเขียวขจีขึ้น และเริ่มนำสมบัติที่มีติดตัวตอนออกจากวัง เป็นทุนในการทำกิจการ ด้วยมันสมองอันปราดเปรื่องเมื่อหันมาเอาดีทางด้านค้าขาย และ ความซื่อตรง ทำให้ตำหนักเขียวขจีเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จนกระทั่งเมื่อมันเเต่งงานกับฉื่อผิงอัน ซึ่งเป็นธิดาเพียงคนเดียวของ ฉื่อเง็กเล้ง ประมุขพรรคจันทรา นั่นจึงทำให้ตำหนักเขียวขจีเป็นที่เกรงใจของเหล่าบรรดาจอมยุทธ์ในยุทธภพถ้วนหน้า และถึงแม้จะผ่านมาถึงเสาะยี้ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว อำนาจ และ ความมั่งคั่งของตำหนักก็ดูจะไม่ลดลงเลยทีเดียว
เสาะน้อยเองเมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยมันจึงขอตัวไปหาอาจารย์ของมันที่สวนทันที ซึ่งต่างก็ตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วถึงลำดับในการสอนโดยผลัดกันเป็นวันละคนแทน เพื่อที่มันจะได้ไม่สับสนเกินไป เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันกลับห้องทันที เหลือแต่เพียงเซียวเซียน และ เสาะน้อยที่ยังคงอยู่ในสวนเพียงสองคน จนกระทั่งเป็นขอทานเทพเจ้าเอ่ยขึ้น
"จะฝึกกำลังภายในนั้นสำคัญที่พลังวัตร จิตนิ่งใจนิ่ง เเละเมื่อเราสงบพลังวัตรจะก่อเกิด บิดาเจ้าเคยสอนโคจรลมปราณมาบ้างหรือยัง"
"เคยสอนมาบ้างแล้ว แต่เสาะยี้ยังทำแบบที่ท่านพ่อสอนได้ไม่ดีนัก"
"อืม งั้นเดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดลมปราณให้ เจ้าเองก็คอยจำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดีล่ะ"ชายชราเดินมานั่งซ้อนข้างหลังเสาะน้อย เพื่อเตรียมถ่ายทอดลมปราณ จนกระทั่งสองมือของเซียวเซียนประกบยังแผ่นหลังของทารก ขณะนั้นเองลมปราณของชายชราคล้ายถูกดูดเข้ามายังตัวเสาะยี้ทันที มันคิดจะถอนมือออกหากแต่กลับมิสามารถรั้งลมปราณของมันเองได้แม้เเต่น้อย ผ่านไปเกือบชั่วยาม เซียวเซียนเองถึงกับมีเหงื่อซึมออกมาไม่ได้หยุด ใบหน้าของมันถึงกับซีดยิ่งกว่ากระดาษ เสาะน้อยเองพลันลืมตาขึ้นเห็นเช่นนั้นจึงตกใจ รีบหยิบขวดหยกในเเขนเสื้อออกมาเทยาเม็ดสีขาวป้อนเซียวเซียนทันที ผ่านไปชั่วครู่สีหน้าของชายชราจึงดูมีสีเลือดดังเดิม
"ซือเเป๋ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ เมื่อครู่เสาะยี้ก็เดินลมปราณตามที่ท่านพ่อสอน ลืมตาขึ้นมาท่านก็หน้าซีด ยังไงท่านนั่งพักก่อนเถิด"เมื่อเห็นเสาะน้อยกล่าวด้วยความเป็นห่วง มันเองถึงเเม้จะยังประหลาดใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่บ้าง แต่ก็ยังยิ้มแล้วกล่าว
"ข้าคงแก่เเล้ว เจ้าฝึกไปก่อนเดี๋ยวข้าจะดูอยู่ตรงนี้"เสาะน้อยเเม้จะยังเป็นห่วงมันอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นอาจารย์ของมันสั่งมันจึงวางขวดหยกไว้ข้างๆก่อนจะเข้าสู่สมาธิดังเดิม ขอทานเฒ่าเองเมื่อเห็นมันเข้าสู่ภวังค์เเล้วจึงพลันทำสีหน้าครุ่นคิดกับเหตุการณ์เมื่อก่อนจะพึมพำเบาๆ
"ลมปราณเทวราชงั้นรึ ไม่ซิเสาะยี้ย่อมไม่มีทางฝึกพลังมารเช่นนั้นได้ เช่นนั้นเมื่อครู่มันเรื่องอันใดกัน"มันเองถึงกับครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อครู่มันเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่เสาะน้อยป้อนยาให้มันทัน คิดแล้วมันจึงเอื้อมมือไปหยิบขวดหยกเมื่อครู่เข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนจะอุทาน
"นี่มัน..."
-------------------------------
ตัดคับตัด ให้ลุ้นกันต่อไป
จะมีใครทายถูกมั้ยน้าาาาา
ความคิดเห็น