ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พยัคฆ์คำรนมังกรคำราม

    ลำดับตอนที่ #2 : งานเลี้ยงรับรอง

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 50


    2

         "ท่านพ่อ ให้ข้าช่วยแบ่งงานท่านมาบ้างสิ ท่านไม่ได้พักมา 3 คืนเเล้วน้าา ท่านแม่เป็นห่วงท่านมากเลยรู้รึเปล่า"ทารกชายหน้าตาฉลาดเฉลียว แต่ แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์เกาะแขนออดอ้อนบิดามันอย่างน่าเอ็นดู

         "เทียนเสาะ เจ้าอย่าคิดว่าพ่อไม่รู้ ที่เจ้าจะใช้ข้ออ้างนี้โดดเรียน"ปิดามันดูไปคล้ายบัณฑิตหนุ่มไฟแรงของวังหลวง หามีส่วนใดที่ดูเป็นบุรุษที่มีทารกวัยดั่งมัน ด้วยบุคลิกอันองอาจ และ เค้าหน้าอันคมคายหล่อเหลา ดั่งสลักออกมาจากหยกเนื้อดี มันก็คือ ไป่หยางจิน เจ้าหุบเขาคนปัจจุบัน

         "โธ่ ท่านพ่อ ท่านแม่ กับ ข้าเป็นห่วงท่านจริงๆน้าา แต่ท่านกลับกล่าวหาข้า ข้าล่ะน้อยใจจริงๆ"เสาะน้อยเองเมื่อเห็นบิดามันไม่ยอมหลงกลมันจึงหันมาใช้ลูกอ้อนที่มิเคยมีใครในตำหนักทนมันได้บ้าง ซึ่งก็นับว่าสำเร็จไปดั่งที่มันคาด

         "เฮ้อ...เอาเถอะ วันนี้พ่อจะให้เจ้าลงไปรับรองแขกแทนมารดาเจ้า เเต่เจ้าจะต้องคัดบทเรียนที่เจ้าสมควรเรียนวันนี้ส่งพ่อพรุ่งนี้ล่ะ"ทันทีที่ผู้เป็นบิดากล่าวจบ ทารกที่เมื่อครู่อยู่เบื้องหน้าไม่ทราบใช้วิชาอันใดถึงกับหายตัวไปจากที่ๆมันยืนเมื่อครู่อย่างไร้ร่องรอย แต่ผู้เป็นบิดากลับคล้ายดูไม่แปลกใจแต่อย่างใด

         "อืม..เทพเซียนท่องโลกขั้นที่ 8 นับว่าเสาะยี้ฝึกได้รวดเร็วยิ่ง"มันกล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆ

         "ฮึ ฮึ แล้วเหตุใดท่านจึงมิกล่าวชมต่อหน้ามันซักหน่อยเล่า กลับ มานั่งชมมันอยู่คนเดียว"เบื้องหน้ามันขณะนี้ถึงกับมีสตรีรูปร่างบอบบางในชุดสีเขียวอ่อนยืนอยู่ หน้าตาของนางมองไปดูคล้ายทารกเมื่อครู่ราวพิมพ์เดียวกัน นางจึงเป็นมารดาของมัน ไป่แชแช

         "ทารกดื้อด้าน นับวันยิ่งขี้เกียจ หากข้าชม เดี๋ยวมันก็เหลิงกันพอดี"มันกล่าวพลางรวบเอวนางเข้ามากอดก่อนซบหน้ามันกับท้องนางเนิ่นนาน

         บิดามารดา เมื่อเห็นบุตรของพวกตนได้ดี มีความสำเร็จในวิชาที่พวกตนเคี่ยวเข็ญ ย่อมเท่ากับสำเร็จปณิธานอันยิ่งใหญ่ในชีวิตได้เเล้ว ถ้าหากท่านจะพูดกับผู้อื่นยังมีเรื่องใดน่าคุยกว่าเรื่องบุตรของตน

         เสาะน้อยเองมันชอบบอกผู้อื่นเสมอว่ามันเป็นทารกที่โชคดีผู้หนึ่ง มันมีบ้านหลังใหญ่  มีคนรับใช้นับร้อย  มีตำรามากมายให้มันอ่าน แต่ที่มันภูมิใจที่สุดกลับเป็นเรื่อง มันมีครอบครัวที่บิดา และ มารดา ร่วมรับประทานอาหารพร้อมกันเสมอ ไม่ว่าแต่ละฝ่ายจะมีงาน หรือ ธุระมากเท่าใด ครานี้มันทราบแต่เพียงว่าบิดามันต้องสั่งงานบ่าวไพร่ในการจัดงานเลี้ยงรับรองแขกซึ่งเป็นยอดฝีมือจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ลืมมาทานข้าวร่วมโต๊ะกับมัน และ มารดา เสมอ

         เมื่อครู่ที่บิดามันบอกจะให้มันช่วยรับรองบรรดาแขกแทนมารดามันที่ตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยดีนั้น เสาะน้อยถึงกับยินดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะหลายปีมานี้ นอกเหนือจากบรรดาคนรับใช้ในหุบเขา และบิดามารดามันแล้ว มันถึงกับมิเคยเจอหน้าผู้ใดในหุบเขาเลยครั้งนี้เสาะน้อยถึงกับอาบน้ำอยู่เป็นเวลานาน และ ยอมให้บรรดาหญิงรับใช้ของตนแต่งกายให้ ทั้งที่ปกติมันมิเคยให้ใครแต่งกายให้มาตลอด เพราะพวกนางย่อมต้องจับมันใส่เสื้อผ้าราคาแพงที่ตัดจากไหมเนื้อดี เพื่อให้สมกับตำแหน่ง กงจื้อแห่งตำหนักเขียวขจีอันลือเลี่ยง แต่เสาะน้อยเพียงทราบว่าเสื้อผ้ายิ่งราคาเเพงกลับยิ่งต้องดูแลยาก มันจึงมักสวมใส่เพียงเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดายิ่ง หากแต่ครานี้ที่เสาะน้อยยอมถูกพวกนางแต่งตัวให้ เนื่องเพราะ มันทราบครานี้จะเป็นการพบปะกับเหล่ายอดฝีมือที่บิดามันเชิญมา และหากมันแต่งตัวเยี่ยงปกติ บิดา และ มารดามันอาจต้องเสียหน้าในเรื่องการดูแลมันซึ่งเป็นเรื่องที่มันยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่ทั้งคู่จะถูกกล่าวเช่นนั้นดังนั้นมันจึงยอมเป็นหุ่นถูกพวกนางจับใส่โน่นใส่นี่กว่าครึ่งชั่วยาม

                                             ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

         งานเลี้ยงรับรองนับว่าจัดได้อย่างสมศักดิ์ศรีแห่งตำหนักเขียวขจีอย่างยิ่ง บนโต๊ะรับรองถึงกับมีสุราไผ่ฟ้าที่ใสกระจ่างประกายทองอุ่นจนร้อนอยู่ทุกจอกตลอดเวลา เนื้อส่วนสะโพกเเกะถูกนำมาหมักด้วยเครื่องเทศบดละเอียดก่อนจะนำไปย่างไฟจนสุก ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ก่อนจะเสริฟพร้อมราดน้ำปรุงรสดูชุ่มฉ่ำ ที่ไม่ว่าใครก็ตามได้มาเห็นบรรดาอาหารบนโต๊ะจักต้องคิดว่าเป็นอาหารสำหรับขึ้นโต๊ะเสวยขององค์จักรพรรดิเป็นแน่

          เสาะน้อยเองเมื่อนั่งร่วมโต๊ะกับเหล่าจอมยุทธทั้งหลาย คล้ายมันกลับกลายเป็นใบ้ก็ปาน นั่นหาใช่เนื่องเพราะมันกลัวไม่ เเต่เนื่องเพราะมันรู้ดีเวลานี้หาใช่เวลาที่มันควรพูดไม่

    "จอมยุทธ์ไป่เชิญพวกเรามาดื่มกินเยี่ยงนี้ เห็นจะมีเรื่องอันใดมากกว่าอยากเห็นหน้าพวกเรากระมัง"สตรีในชุดแดงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

          ยุทธภพมีเสียงร่ำลือ นางเฒ่าหมื่นพิษเกลียดชังบุรุษทั่วหล้า กระทั่งเทพหัวขโมยเหวินเซียว และ อ๋องหลี่ฟงที่ร่วมเดินทางกับนางมาเกือบค่อนวันยังคิดเช่นนั้น เนื่องเพราะทั้งคู่นั้นนับได้ว่าเป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาสตรีทั่วหล้า ด้วย ชาติตระกูลอันสูงศักดิ์ หรือ แม้เเต่คารมอันคมคาย หากแต่เมื่อมาเจอกับนางแล้ว ทั้งคู่กลับกลายเป็นเสมือนบ่าวไพร่ผู้ต่ำต้อย กับ พญาหงส์สูงศักดิ์ก็เพียงนั้น ด้วยน้ำเสียง และ แววตาของนางกลับทำให้บุรุษทั่วหล้าถึงกับรู้สึกไร้ค่า

           หากแต่เมื่อครู่นางกลับใช้กริยานุ่มนวลดังที่สตรีสูงศักดิ์ทั่วไปพึงกระทำกับบุรุษตรงหน้า  ผู้อื่นนอกจากมัน เเละ เสาะน้อย คล้ายกับเป็นใบ้ไปเสียเเล้ว กลับเป็นนางเสียอีกที่ยังคงยิ้มอย่างอ่อนช้อยดั่งฤดูใบไม้ผลิให้กับไป่หยางจิน

    "ข้าพเจ้าเพียงแค่หวัง ดื่มสุรา และ วิจารณ์เพลงกระบี่ร่วมกับพวกท่านซึ่งเป็นถึงยอดฝีมือในยุทธภพเท่านั้น"มันยังคงยิ้มแย้มพลางกล่าว

    "ขอเชิญทุกท่านดื่มกินกันให้สำราญ ข้าพเจ้าจักแสดงการร่ายรำกระบี่คารวะพวกท่านในคืนนี้"มันกล่าวจบพลันพลิ้วร่างไปยังกลางห้อง ก่อนจะชักกระบี่ออกมาวาดลวดลาย ร่ายรำอย่างอ่อนช้อย หากแต่แฝงไว้ด้วยความเเข็งกร้าว ทุกคราที่มันสะบัดกระบี่พลันบังเกิดเสียงดังแปร่ง รังสีกระบี่ถึงกับเปล่งออกมาอย่างรุนแรง ขณะที่มันร่ายรำทุกคนพลันหยุดกระทำทุกๆสิ่งเพื่อมองดูมัน ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้ห้อง อย่างสงบ จนกระทั่งมันกลับมานั่งยังที่เดิมทุกคนจึงคล้ายรู้สึกตัว

    "งดงามมากมิทราบนี่จึงเป็นเพลงกระบี่ใด"เจ้าของคำถามถึงกับเป็นบัณฑิตฟ้าลิขิต

    "ฮา ฮา ฮา กระทั่งบัณฑิตฟ้าลิขิตยังมิอาจทราบเพลงกระบี่ที่ท่านร่ายรำเมื่อครู่ เล่าฮูนับถือจริงๆ"

    "เพลงกระบี่เมื่อครู่เป็นข้า และ ภรรยา ช่วยกันคิดค้นขึ้นเพื่อให้เสาะยี้ฝึก หาใช่เพลงกระบี่มีชื่อเสียงอันใดไม่"มันกล่าวจบทุกคนจึงพากันหันไปยังหัวโต๊ะอีกด้านหนึ่ง ดังนั้นจึงคล้ายเห็นทารกคนหนึ่ง กำลังจ้องพวกมันอย่างสงสัย

    "นี่มันอันใดกัน เหตุใดเมื่อครู่เล่าฮูจึงมิเห็นทารกนี่ มิทราบมันเป็นใครกัน"ขอทานผู้วิเศษเซียวเซียน และ ทุกคนเองถึงกับประหลาดใจ

    "ทารกนี่คือไป่เทียนเสาะ บุตรของข้าพเจ้า เมื่อครู่คงเป็นมันใช้เเอบเงาซ่อนร่างกับพวกท่าน  เสาะยี้ยังไม่รีบคารวะทุกคนอีก"ท้ายประโยคมันกล่าวกับทารกอย่างเจาะจงนิดๆ

    "เทียนเสาะขอกราบคารวะทุกท่าน ท่านพ่อมักชื่นชมพวกท่านให้เสาะยี้ฟังเสมอ ได้ยินชื่อเสียงพวกท่านมานาน วันนี้ได้พบตัวจริงนับว่าเสาะยี้มีวาสนายิ่ง"ทั้งหมดเมื่อได้ยินมันประจบถึงกับนึกเอ็นดูทันที

            คนบางพวกที่ชอบประจบสอพลอ หากท่านได้ฟังก็จะรู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียร แต่อีกจำพวกหากท่านได้ยินมันประจบท่านกลับรู้สึกชอบใจ มากกว่า จำพวกเเรก

            เสาะน้อยไม่ชอบประจบ หากแต่มันรู้จักประจบผู้อื่น การจะประจบผู้อื่นนั้นมันคิดว่า ควรต้องเลือกโอกาสให้ดี มิฉะนั้น อาจได้ผลร้ายมากกว่าดี คนในหุบเขานี้จึงมิมีผู้ใดเจอการประจบของมันแล้วมิชมชอบมันได้มาก่อน

             ***********************************************************************************************

        จบไปอีกตอน ก็ยังขอเมนต์เหมือนเดิมน้าาาา
        ช่วยติชมกันหน่อย


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×