ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พยัคฆ์คำรนมังกรคำราม

    ลำดับตอนที่ #1 : เทียบเชิญ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 50


                                                                                                                                1

    "ยุทธภพไม่เคยปราศจากยอดฝีมือ
         ไม่ว่าจะเป็นยุคหรือสมัยไหนก็ตาม"

    "นับเป็นความจริงที่สถานการณ์เลวร้าย มักสร้างวีรบุรุษ
          เนื่องเพราะมนุษย์มักต้องการที่พึ่ง และผู้นำที่เข้มแข็งเสมอ"

          หุบเขาเทียนซาน ว่ากันว่าเป็นสถานที่อันสวยงามที่เป็นที่กำเนิดบรรดาเซียน และ เหล่าผู้วิเศษมาแต่โบราณ หลายต่อหลายคนต่างใคร่อยากจะเข้าไปเยี่ยมชมภายในหุบเขายิ่งนัก เหล่ายอดกวีและนักประพันธ์ต่างพากันเขียนบรรยายถึงความงามของสถานที่แห่งนี้กันอย่างล้นหลาม แต่ก็เป็นเพียงการบรรยายกันปากต่อปากเท่านั้น  เนื่องเพราะหามีผู้ใดเคยเข้าไปยังหุบเขาแล้วกลับออกมาไม่ บ้างก็ว่าบรรดาคนที่เข้าหุบเขาต่างหลงไหลในธรรมชาติข้างในจนมิอยากกลับ บางข่าวลือกลับกล่าวว่าภายในหุบเขามีค่ายกลมากมายจนมิอาจมีผู้ใดรอดออกมาได้

          เบื้องหน้าหุบเขาเวลานี้กลับปรากฎเงาร่างขึ้นถึง 2 ร่างด้วยกัน กลับเป็นขอทานขี้เมาซอมซ่อ และ บัณฑิตใบหน้าซีดเซียวที่ดูปราศจากกำลังภายในคู่หนึ่งเท่านั้นหากแต่เมื่อสังเกตดูดีๆกลับพบว่าทั้งคู่นั้นเป็นถึงยอดฝีมือเเห่งยุคทีเดียว ด้วยฉายาขอทานผู้วิเศษเซียวเซียนที่เป็นถึงอดีตประมุขพรรคยาจก และเป็นอาจารย์ของประมุขคนปัจจุบันของขอทานขี้เมาที่ดื่มจนดูเหมือนมิอาจทรงตัวได้อีกต่อไป  ส่วนบัณฑิตที่มีใบหน้าซีดเซียว กลับเป็น บัณฑิตฟ้าลิขิตหยางเปาที่เป็นถึงกวีเอกแห่งยุค ว่ากันว่า ฮ่องเต้ทรงโปรดกวีที่มันแต่งมากถึงขนาดนำมาเป็นบททดสอบในการสอบคัดเลือกจอหงวนทุกปี และไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่มันเขียนขึ้น มันมักจะบรรยายถึงธรรมชาติในที่ๆมันเเต่งออกมาให้คนอ่านเห็นภาพ และ รู้สึกดื่มด่ำไปกับบทกลอนราวกับอยู่ในสถานที่นั้นด้วยเลยทีเดียว  จึงมักมีบรรดาพ่อค้า และ เหล่าขุนนางใหญ่มากมาย ต่างเชิญหยางเปาไปเขียนบรรยายสวน และ ตำหนักของพวกมัน อยู่เสมอ หากแต่การจะตามตัวมันนั้นว่ากันว่ายากยิ่งกว่าการจะหาบัวหิมะในซีเกียงเสียอีก เนื่องจากวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยม และ การเเต่งตัวของของมันที่ดูซอมซ่อ อีกทั้งใบหน้าอันซีดเซียวที่ขอทานบางคนยังดูดีกว่ามันเสียอีก

         "หุบเขาเทียนซาน อันลือเลี่ยง เหตุไฉนจึงเเจกเทียบเชิญพร้อมกันถึง 5 ใบ ในเวลานี้ได้  ทั้งที่..."

         "ทั้งที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าหุบเขาถึง 10 ปี หรือ บัณฑิตหยาง"ขอทานเฒ่ากล่าวต่อพลางยิ้มอย่างเมตตา

         "ท่านผู้อาวุโสเซียว ท่านทราบหรือไม่ว่า นอกจากพวกเราเเล้ว ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญอีก 3 ใบ เป็นผู้ใดกัน"

         "อืม...จากที่เล่าฮูทราบ เทียบเชิญทั้ง 5 ใบถูกแจกในเวลาเดียวกัน 2 ใบก็เป็นของท่านและเล่าฮู ใบที่ 3 ข้าทราบมาว่า ยายเฒ่าหมื่นพิษ เป็นคนได้ ส่วนใบที่ 4 ท่านอ๋องห้า แห่ง จวนบุปผาชมจันทร์ เป็นคนครอบครองอยู่ ใบสุดท้ายเล่าฮูกลับมิทราบเป็นผู้ใดได้รับ"

         "หากเป็นดั่งที่ผู้อาวุโสกล่าว ข้าพเจ้ากลับทราบเทียบใบสุดท้ายเป็นของผู้ใด"

         "บัณฑิตหยางเมื่อท่านทราบเเล้ว ไฉนเมื่อครู่กลับหลอกถามเล่าฮูได้ หรือเห็นเล่าฮูเป็นตัวโง่บัดซบอันใด"เมื่อเห็นขอทานเฒ่าเกิดความไม่พอใจขึ้น บัณฑิตหนุ่มจึงรีบแก้ทันที

         "ผู้อาวุโส โปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าเองก็เพิ่งทราบหลังฟังท่านกล่าวเมื่อครู่นี่เอง"

         "อันใดกัน เมื่อครู่เล่าฮูเเค่บอกรายชื่อของเจ้าของเทียบเพียง 2 คน ท่านกลับทราบถึง 3 คน หากท่านมิได้ล้อเล่าฮูเล่น เช่นนั้นเป็นเรื่องอันใดกัน"

         "เมื่อครู่ผู้อาวุโสกล่าวว่า เทียบใบที่ 4 เป็นของ ท่านอ๋องหลี่ฟง เเห่งจวนบุปผาชมจันทร์ ข้าพเจ้าจึงทราบว่าเทียบใบที่ 5 ต้องเป็นสหายสนิทของท่านอ๋องเป็นแน่ เพราะเป็นที่ทราบดีหากคิดจะเชิญท่านอ๋องเมื่อใด จักต้องเชิญคนผู้นั้นด้วยทุกครั้ง"บัณฑิตฟ้าลิขิตกล่าวอย่างครุ่นคิด

         "นี่ท่านหมายถึง เทพหัวขโมยเหวินเซียว ที่มีค่าหัวสูงที่สุดในตงง้วนขณะนี้หรือ"เมื่อเห็นบุรุษตรงหน้ามันพยักหน้าอย่างเงียบๆ เซียวเซียนจึงถึงถอนหายใจบ้าง

         "นี่เป็นเล่าฮูที่นึกไม่ถึง สมกับที่ท่านได้รับการกล่าวขานว่า ไม่มีเรื่องใดในยุทธภพที่บัณฑิตฟ้าลิขิตไม่ทราบจริงๆ"หยางเปาได้ยินดังนั้นจึงต้องประสานมือคารวะขอทานเฒ่าทันที

         "ผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ในยุทธภพนี้นับว่ายังมีเรื่องอีกมากมายนักที่ข้าพเจ้ามิอาจทราบ ข้าพเจ้ากลับคิดว่านี่จึงเป็นเวลาที่พวกเราสมควรเข้าหุบเขาได้เเล้ว"เมื่ออีกฝ่ายเห็นด้วย ทั้งสองคนจึงใช้วิชาตัวเบาที่ราวกับไม่มีน้ำหนักอันใดในโลกนี้ เหินเข้าหุบเขาไปโดยที่ไม่ทราบว่ามีสายตาถึง 3 คู่ที่มองพวกมันมาตั้งแต่ต้น

         "สมแล้วที่เป็นถึงบัณฑิตฟ้าลิขิต และ ท่านผู้อาวุโสเซียวเซียน ที่ติด 1 ใน 10 ผู้มีวิชาตัวเบาเลิศล้ำในใต้หล้า"ผู้พูดถึงกับเป็นบุรุษวัยกลางคนหน้าตาคมสัน ที่แฝงไว้ด้วยบุคลิกอันสง่างามอย่างราชนิกูลสูงศักดฺ์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณที่งดงามราวกับมิใช่ของในโลกมนุษย์

         "อืม...ข่าวสารรวดเร็วสมเป็นพรรคยาจกเสียจริง บัณฑิตนั่นก็ไม่เลวเเค่รู้ว่าเจ้าได้รับเชิญก็ทราบว่าเทียบอีกใบต้องเป็นของข้า ข้าล่ะนับถือจริงๆ"บุรุษเจ้าของฉายาเทพหัวขโมยถึงกับลุกขึ้นบิดร่างกายเป็นท่าต่างๆจากที่ๆพวกมันนั่งในตอนแรกอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าของมันดูไปกลับมีหน้ากากหนังมนุษย์สวมอีกชั้นทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าจริงได้หากแต่ดวงตาของมันกลับใสกระจ่างแสดงถึงวิทยายุทธอันสูงส่งที่มันฝึกเป็นอย่างดี

         "ฮึ เจ้าพวกนั้นนับเป็นตัวอะไร ข้ากับพวกเจ้าซ่อนตัวอยู่ตั้งนาน พวกมันกลับไม่รู้ เจ้าขอทานเฒ่านั่นถึงกับเรียกข้าเป็นยายเฒ่าได้อย่างไร"สตรีหน้าตางดงามในชุดแดงชาด บนมวยผมดำขลับปักปิ่นหยกม่วงสลักรูปผีเสื้อกำลังโบยบินเอาไว้แค่นเสียง  ดูไปนางคล้ายนายหญิงของตระกูลใหญ่ หากแต่ความจริงกลับเป็นถึงเจ้าของฉายายายเฒ่าหมื่นพิษที่ขอทานเฒ่า และ บัณฑิตหนุ่มกล่าวเมื่อครู่

         "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านเหล่านั้นนับเป็นตัว ยาจก กับ บัณฑิตซอมซ่อ ที่ผู้คนชื่นชม แต่ กับท่านผู้เฒ่าหมื่นพิษ ข้าพเจ้ามิทราบ พวกมันจะนับเป็นตัวอะไร"เทพหัวขโมยกล่าวอย่างติดตลกจนสหายสูงศักดิ์ต้องปราม สตรีชุดแดงเมื่อครู่จึงเค่นเสียงพลางกล่าว

         "เฮอะ นับว่า ท่านยังเป็นตัวอันใช้ได้บ้าง" จากนั้นทั้ง 3 คน จึงผินร่างลงสู่หุบเขาราวกับสายลมชุนเทียน อ่อนละมุน


    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    ขอเมนต์กันหน่อยน้าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×