คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Who are you? 100%
บทที่ 7
Who are you?
เอดิ เฟอเดริโก ชายหนุ่มร่างสูงสัญชาติอิตาลีที่มีผมสีบลอนด์ทอง ดวงตาคมสีฟ้าสวยดั่งท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆหมอกบดบัง จมูกโด่งสวยได้รูปและริมฝีปากหนาสีธรรมชาติ เขาทำงานเป็นไกด์มาได้ 6 ปี ชีวิตในการทำงานของเขาราบรื่นมาโดยตลอด แต่ทว่าวันนี้ที่เขาถูกเลือกให้มาเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่ง รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ
“เรียกผมว่าเอดิก็ได้ครับผมจะมาเป็นไกด์ให้พวกคุณนะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“สวัสดีครับผมยาบุกิ เรียว ส่วนนี้น้องชายผมชินอิจิครับ ส่วนนั่นซูซูกิ กับนากามูระแล้วก็เจ้าเซ่อที่ยืนอยู่ข้างคุณคือซาวาดะครับ”
เกือบดีแล้วเชียวนะยาบุกิถ้าไม่มีประโยคสุดท้ายนั่นน่ะ
“ซาวาดะหรือครับ?” ชื่อนั้นมัน…
“ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” คนตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อะ…เอ่อ ไม่มีอะไรครับ ทุกท่านเชิญทางนี้ดีกว่าครับ” ไม่น่าใช่หรอกน่า คน ๆ นั้นน่ะเป็นถึงบอส ของวองโกเล่เลยนะ จะมามัวพาคนชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ไงแค่คนชื่อซ้ำแน่ ๆ เพราะชาวญี่ปุ่นก็ชื่อซ้ำกันเยอะแยะนี่นา
.
.
.
“โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเป-เซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส อย่างที่ทุกท่านเห็นครับ โคลอสเซียมนั้นเป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทราย นอกจากนี้ยังสามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คนครับ”
ไกด์หนุ่มเดินนำขบวนพร้อมกับอธิบายประวัติความเป็นมาของโคลอสเซียมให้ทุกคนได้ฟัง
“โห สุดยอดเลยคนสมัยก่อนนี่เก่งจังเลยนะสร้างอะไรแบบนี้ได้”
“นั่นสิ อีกอย่างอากาศก็ดีฉันล่ะชอบแบบนี้สุด ๆ เลย”
“นี่เจ้าห่วย ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ” น้ำเสียงเอาแต่ใจของยาบุกิคนน้องเอ่ยขึ้นกับเอกนภาแห่งวองโกเล่ที่เหมือนจะพูดคุยเรื่องบางอย่างที่พวกเขาฟังไม่เข้าใจเลยสักนิดอยู่ทางโทรศัพท์ และดูเหมือนร่างสูงของนภาแห่งวองโกเล่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนพูดเลยสักนิด
“นี่!!! แกอย่ามาเมินฉันนะ” สิ้นคำสายตาคมตวัดมองคนพูดด้วยความเย็นชาทำให้คนถูกมองเหมือนยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งอันเย็นเยียบ
“ฉันคุยธุระอยู่” ร่างสูงเอ่ย
“แกก็มาถ่ายให้ฉันแปปนึงสิ!!” เขาไม่ยอมหรอกนะเจ้าห่วยนี่นิ่อยู่ ๆ ก็ทำเป็นเข้ม
“เอ่อ คุณครับเดี๋ยวผมถ่ายให้ดีกว่าครับ” ไกด์หนุ่มรีบพูดขึ้นเมื่อหันไปเห็นสีหน้าของคนที่โดนเรียกว่าเจ้าห่วย พลางคิดไปว่าลูกทัวร์คนนี้อ่านบรรยากาศไม่ออกหรืออย่างไรกัน
“ไม่เป็นไรครับคุณเอดิ ผมคุยธุระเสร็จพอดีครับ” เสียงที่ตอบกลับมาดูอ่อนลงกส่าก่อนหน้า
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ๆ ทุกคนมาถ่ายรูปพร้อมกันดีกว่านะครับเดี๋ยวผมถ่ายให้”
“ครับ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ”
ไม่คร้าบบบ ไม่รบกวนเลยครับ
.
.
.
แปลก คำ ๆ นี้สามารถใช้อธิบายตัวของซาวาดะ สึนะโยชิในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อก่อนตอนเรียนอยู่ที่นามิโมริเจ้านั่นก็เป็นแค่เจ้าห่วยคนนึงที่ทำอะไรก็แย่ไปซะหมดทุกอย่าง แต่ดูตอนนี้สิบรรยากาศรอบตัวหมอนี่เปลี่ยนไปเยอะมากเลยจริง ๆ
“นี่ยาบุกินายรู้สึกว่าเจ้านั่นแปลก ๆ ไปรึเปล่า” หญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเอ่ยถามเสียงเบา
“อืม ฉันก็คิดเหมือนซูซูกินะ นายว่าไง” นากามูระที่เงียบมาสักพักเสริมขึ้น
“ใช่ แต่ว่าแปลกที่ตรงไหนกันล่ะ”
“จะว่าไปเรื่องแปลก ๆ ของหมอนั่นก็มีเยอะเหมือนกันนะตั้งแต่ม.ต้นแล้วน่ะ”
“อืมม ก็จริงอย่างที่เธอว่านะ อย่างเรื่องโกคุเดระกับยามาโมโตะไง อย่างยามาโมโตะหมอนั่นชอบเบสบอลจะตายแต่ไหงดันมาทำงานเป็นพนักงานโรงแรมได้ล่ะ”
“จริงด้วย ๆ แล้วอย่างโกคุเดระที่เหมือนจะเป็นนักเลงแต่โคตรเรียนเก่งนั่นอีกล่ะ ถ้าฉันเรียนเก่งอย่างหมอนั่นฉันคงไม่มาทำงานเป็นพนักงานโรงแรมแน่”
“ฉันจำได้อีกเรื่องนึงนะ จำตอนนั้นได้มั้ยประมาณปีหนึ่งหรือปีสองนี่แหละที่มีการเยี่ยมชมการเรียนการสอน ตอนนั้นมีครูแปลก ๆ เข้ามาด้วยนี่นาแล้วเจ้าสึนะก็เหมือนจะร็จักครูคนนั้นด้วย”
“อ๋ออ ฉันก็จำได้ ๆ แต่มันก็ไม่มีอะไรนี่นา” เขาจำได้ว่าวันนั้นจบด้วยที่เจ้าห่วยนั่นเอาแต่โวยวายให้ทุกคนตั้งใจเรียนแค่นั้นแหละ
“ก็ครูคนนั้นอ่ะบอกว่าจะมาดูว่าในห้องเราน่ะ ใครมีแววจะได้เข้าแก๊งมาเฟียน่ะสิ” เสียงของซูซูกิเบาลงเมื่อพูดประโยคสุดท้าย
“เพ้อเจ้อน่า ครูคนนั้นก็แค่ล้อเล่นแหละ” นากามูระพูดติดตลกพลางคิดว่าเพื่อนของตนนี่ช่างคิดจริง ๆ มาฟง มาเฟียอะไรกันเพ้อเจ้อจริง ๆ เลยยัยคนนี้
“แต่ว่า…”
“ฉันว่าเราค่อยกลับไปคุยเรื่องนี้กันอีกทีที่โรงแรมกับคนที่เหลือเถอะ ฉันว่าเรื่องนี้มันแปลกจริง ๆ นั่นแหละ” เมื่อเอ่ยจบเจ้าตัวจึงเดินไปหาน้องชายของตนเพื่อแยกออกมาจากคุณไกด์และเจ้าซาวาดะที่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีนั่น เฮ้อ น้องชายของเขานี่มันช่างเอาแต่ใจจริง ๆ คนแก่กว่าได้แต่ถอนหายใจก่อนจะลากน้องชายให้ไปเดินดูรอบ ๆ โคลอสเซียมแทน
.
.
.
จัตุรัสนาโวนา
อะแฮ่ม ดิฉันมิยาซากิ มาโกะขอต้อนรับเข้าสู่จัตุรัสนาโวนาค่ะ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาพบกับบรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจของที่แห่งนี้กันนะคะ
จัตุรัสนาโวนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเป็นอันดับสามในอิตาลี บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่หันไปมองทางไหนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้รอบ ๆ จัตุรัสยังรายล้อมไปด้วยตึกรูปร่างและสีสันสวยงาม มีรูปปั้นและน้ำพุอยู่เต็มไปหมด ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไปหมดยกเว้นอารมณ์ของคนนำเที่ยวนี่แหละค่ะ หน้าเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมาก็ไม่รู้
“โกคุเดระตอนนั้นนายบอกว่าเคยอยู่อิตาลีใช่มั้ย” พูดจบหญิงสาวจึงหันกล้องไปยังคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
“ใช่ มีอะไร” เสียงบ่จอยสุด แถมตวัดสายตามองเหมือนบอกกลาย ๆ ว่าห้ามถ่ายอีกต่างหาก
“ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่อิจฉานายเท่านั้นเองที่ได้อยู่ในประเทศที่สวยงามอย่างนี้อ่ะ” ถึงจะมีประวัติว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยพวกมาเฟียน่ากลัว ๆ ก็เถอะ
“เหอะ มันไม่ได้น่าอิจฉาแบบที่เธอคิดหรอกน่า” คนตัวสูงเอ่ยตอบ
“งั้นเหรอ แต่ง่านายอยู่ที่อิตาลีเคยไปที่ท่องเที่ยวฮิต ๆ มาบ้างมั้ยฉันน่ะนะอยากไปเที่ยวที่ปราสาทวองโกเล่มาก ๆ เลยนะเห็นว่าเป็นสถานที่ ๆ ลึกลับแล้วก็เต็มไปด้วยมาเฟียน่ะ”
“นี่เธอไปเอาชื่อนั้นมาจากไหน” อะ อะไรเนี่ยอยู่ ๆ ก็ทำหน้าโหดเสียงแข็งอีก นะ น่ากลัว
“อะ เอามาจากซาโอโตมิน่ะ ยัยนั่นบอกว่าไปเจอมาในเว็บที่คนรู้จักแนะนำมาน่ะ ลองถามดูสิ” ฮืออ หมอนี่ยังน่ากลัวเหมือนเดิมเลย และเมื่อได้รับคำตอบเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจคนพูดอีกต่อไป
“หมอนั่นยังน่ากลัวเหมือนเดิมเลยเนอะ” ชิบะเอ่ยขึ้นเมื่อโกคุเดระเดินจากไป สงสัยไปถามเรื่องเว็บที่ซาโอโตมิบอกมาแน่เลย
“นั่นสิตอนม.ต้นนะหมอนั่นดูเป็นนักเลงสุด ๆ แต่พอมาตอนนี้เหมือนจะไม่เหมือนนักเลงแล้วแต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี”
“จริง ฉันยังจำตอนนั้นได้อยู่เลยที่หมอนั่นย้ายมาใหม่ ๆ แล้วจ้องเล่นงานเจ้าห่วยสึนะ แต่อยู่ดี ๆ เจ้าพวกนั้นดันสนิทกันเฉยเลย” เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แต่ตอนนี้ฉันสงสัยอยู่อย่างนึงนะ”
“หือ เธอสงสัยเรื่องอะไรอ่ะ” ชิบะเอ่ยถาม
“ก็เรื่องงานที่สองคนนั้นทำน่ะสิ”
“ก็แค่พนักงานโรงแรมธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ”
“โธ่ นายลองคิดดูนะสองคนนั้นบอกว่าทำงานที่โรงแรมที่เราเข้าพัก แต่ว่าเมื่อเช้าฉันตื่นก่อนเลยเดินสำรวจในโรงแรมดู”
“อ่าหะ แล้ว?”
“ฉันก็ไปเจอเข้ากับบอร์ดพนักงานน่ะสิ แต่ว่าในนั้นไม่เห็นมีชื่อสองคนนั้นอยู่เลยนะ แล้วดูเหมือนเมื่อวานเจ้าพวกนั้นก็พักห้องที่อยู่บนสุดด้วยนะ นายลองคิดดูนะว้าจะมีโรงแรมไหนให้พนักงานพักชั้นบนสุดบ้าง”
“ก็จริง แต่เจ้าพวกนั้นบอกว่าเจ้านายใจดีมาก ๆ เลยนี่นาคงไม่น่าแปลกหรอกมั้งที่จะให้พนักงานพักในโรงแรมอ่ะ” โอ้ยยย นี่ยังไม่แปลกอีกเรอะเธอล่ะเซ็งเพื่อนคนนี้จริง ๆ
“โอ้ยย แถวบ้านฉันเรียกว่าแปลกจ้ะพ่อคุณ ฮ่วย!!”
“อ่า งั้นเราค่อยกลับไปคุยกับพวกยาบุกิที่โรงแรมอีกทีดีมั้ย” เฮ้ออ ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละนะเพราะตอนนี้บุคคลในหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่เดินมาพร้อมกับซาโอโตมิและฟูจิวาระแล้วน่ะสิ แถมดูเหมือนบรรยากาศจะตึงเครียดนิด ๆ ด้วยสิ
“พวกเธอเดินดูตรงไหนกันอีกมั้ยจะได้เวลาไปร้านที่นัดไว้กับสึนะแล้ว”
“อะ เอ่อ พวกเราขอเดินดูอีกสักรอบได้มั้ย” เมื่อกี้มัวแต่นินทา เอ้ย คุยเรื่องพวกนายเลยยังไม่ได้เดินไปไหนเลยเนี่ย
“ให้ไว ฉันให้เวลายี่สิบนาที!!” เจ้าตัวพูดพลางคิ้วขมวดอย่างที่ชอบทำ
“จ้า ๆ นี่ไปทางนั้นกัน” หญิงสาวว่าพลางดึงมือเพื่อน ๆ ไปทางน้ำพุที่หมายตาไว่ว่าจะไปถ่ายรูปตั้งแต่ต้น
ส่วนเรื่องที่สงสัยเดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ อีกทีก็ได้ตอนนี้ขอเที่ยวก่อนจ้า
เมื่อกี้ตอนที่ได้ยินชื่อปราสาทวองโกเล่ออกจากปากของมิยาซากิทำให้ผมตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะปราสาทวองโกเล่นั้นหากเป็นในวงการมาเฟียนั้นจะมีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายก็ไม่แปลก แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพูดออกมาว่าอยากไปเที่ยวที่นั่น และเมื่อลองถามดูก็ได้รู้ว่าเธอได้ยินช่อนี้มาจากเพื่อนอีกคนซึ่งก็คือซาโอโตมิ
ตอนแรกเธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม แถมยังถลึงตามองอย่างเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่คนอย่างเขาทำไมจะต้องกลัวด้วย
แต่ข้อมูลที่ได้มาน่าตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเว็บที่เธอเข้าถึงคนธรรมดาไม่สามารถเข้าได้ เฮ้อ มีแต่เรื่องวุ่นวายทั้งนั้นเลย ใครกันนะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และต้องการอะไรกันแน่
.
.
.
tbc
Talk
ตอนแรกว่าจะแอบ ๆ ใบ้ในตอนนี้เลยค่ะว่าใครกันนะที่เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังคนที่ส่งจดหมายและเรื่องเว็บ แต่คิดดูอีกทีขอรวบไปตอนหน้านะค้า
ความคิดเห็น