คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สตอเบอรี่แสนหวาน >"
พี่อัญต้องแกล้งฉันแน่ๆเลย ฉันยังคงนั่งกอดอกอยู่ที่เดิมไม่มีการกระดุกกระดิกไปไหน เช่นเดียวกับนายฮายาเตะจอมขี้เต๊ะที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้นั่งบุ้ยปากอยู่ตรงข้ามกับฉัน
“มากิ ทำไมไม่ไปทำความรู้จักกับคู่หูคนใหม่ล่ะ?” ยัยเกียวกิเดินมาคู่กับเคียวตะและพูดขึ้นแหย่ฉัน พวกนั้นทุกๆคนก็รู้นี่นาว่าฉันเบื่อขี้หน้าตานี่แค่ไหนน่ะ ทำไมต้องแกล้งฉันด้วยเนี่ย
“ฉันไม่อยากมีคู่หูซักหน่อย อยู่คนเดียวดีจะตายไปจะได้ไม่มีใครมาถ่วง!” ฉันพูดกระแทกแดกดันคนที่นั่งบุ้ยปากอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันอย่างอารมณ์บูด
“โด่เอ้ย!ฉันก็ไม่อยากอยู่กับเธอหรอกนะยัยหน้าบ๊วย!” นายฮายาเตะเปิดปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ตอนนี้ทุกคนเริ่มถอยห่างออกจากฉัน เพราะฉันกับนายฮายาเตะได้เกิดสงครามน้ำลายย่อยๆกันไปซะแล้ว
“นี่นายหน้าจืด! นายว่าใครหน้าบ๊วยกันน่ะห๊า!!!” ฉันตะโกนออกไปอย่างอวดดี ทำให้ยัยเกียวกิกับเคียวตะที่ยืนห่างจากฉันออกไปราว2ฟุตถึงกับสะดุ้งโหยง
“อยากรับก็รับไปซี้ ยัยหน้าบ๊วย!” หมอนั่นลุกขึ้นยืนและจะพยายามเดินมาที่ฉัน เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจะนั่งทำไมให้โง่ล่ะ
“มา... มาต่อยกันเลยดีกว่าไอ่ฮายาเตะงี้เง่า!”ฉันลุกขึ้นตั้งกาจอย่างไม่กลัวใครหน้าไหน แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปซะก่อนเมื่อยัยเกียวกิและยัยลีวีเซียวิ่งมาล็อกแขนฉันไว้ทั้งสองข้าง ฉันได้แต่เตะขาแบบตะเกียกตะกายใส่นายฮายาเตะบ้านั่น หมอนั่นก็เช่นกันโดนนายเคียวตะและนายคาโอะล็อกแขนเอาไว้ นายนั่นทำท่าเหมือนจะกระโจนเข้าใส่ฉันได้ทุกเมื่อ
“เฮ้ๆๆ!! นี่หยุดได้แล้วน่า เลิกทะเลาะกันซักที ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ได้พากันตายหมดแน่ สามัคคีน่ะท่องเอาไว้เลย เราต้องอยู่ด้วยกันอีกตั้ง6วัน แล้วต้องรักษาชีวิตรอดไว้ด้วย จำไว้ซะมากิ ฮายาเตะ!” ฉันเริ่มสงบลงเมื่อพี่อัญเริ่มมีน้ำโหขึ้น มันทำให้ฉันเกรงกลัวอยู่มาก ถ้าหากพี่อัญโมโหขึ้นมาจริงๆฉันไม่อยากจะนึกภาพนั้นเลย
“เอาละๆ เย็นไว้พวก” คาโอะพูดและตบไหล่ฮายาเตะเบาๆเพื่อให้เขาสงบจิตใจลงกว่านี้
“เอาละทุกคนตอนนี้เราคงแค่ต้องรอให้ไอ่สารเลวนั่นประกาศเริ่มเกมส์เท่านั้นตอนนี้ทำตัวให้ว่างเข้าไว้นะ” พี่อัญส่งเสียงกระตือรือร้นขึ้นให้พวกเราหันไปสนใจและทำตามที่เธอบอกเพื่อความปลอดภัย
“พี่อัญค่ะทำไมมันเงียบผิดปกติละค่ะเนี่ย ออกไปดูก่อนได้มั๊ยค่ะว่าพวกเขายังคงปลอดภัย” จินนี่ที่นั่งข้างๆพี่อัญถามขึ้นอย่างสงสัยและเป็นกังวล ตามจริงคำถามข้อนี้มันก็ไม่เห็นแปลกเลย พวกนักเรียนพวกนั้นอาจจะนั่งดูทีวีอยู่ในห้องก็เป็นได้นี่นา
“เราออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละจินนี่ เพราะถ้าเราออกไปก่อนที่พวกนั้นจะเปิดเกมส์ละก็หมายความว่าเราคิดจะหนีนะสิ มันจะตามฆ่าทุกคนไปเรื่อยๆที่ขัดขืนต่อเกมส์ของมันบัดซบชะมัด!” พี่อัญสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“เฮ้ ใจเย็นสิค่ะ ก็ได้ค่ะก็ได้ เราจะอยู่ที่นี่จนกว่ามันจะเปิดเกมส์ก็ได้” จินนี่พูดออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะกลัวว่าพี่อัญจะคุมอารมณ์ไม่อยู่
“ฉันว่าน่าจะครบชั่วโมงนึงได้แล้วมั้ง?”ฮายาเตะจอมงี่เง่าแสดงความเห็นออกมาอย่างเงียบๆ
“นั่นสิฮายาเตะ ฉันว่าน่าจะอีกประมาณ10นาทีนี้แหละ นายตั้งตารอได้เลย!” คาโอะพูดพร้อมถือปืนกระชับไว้ในมืออย่างแน่นหน้าข้างๆตัวเขาคือลีวีเซียที่ทำหน้าเหยเกกับสถานการณ์นี้
“นี่คาโอะ เราไม่ได้ไปรบกับพวกผีชีวะนะ งี่เง่าน่า วางปืนลงซะฉันกลัว-*-” ลีวีเซียส่งสายตาอ้อนวอนให้คาโอะวางปืนลง เพราะเธอเป็นคนที่เกลียดการใช้ความรุนแรงเป็นที่สุด
“โอ้ว! ที่รักผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณกลัวสิ่งพวกนี้” คาโอะยัดปืนใส่กางเกงที่เดิมไม่วายส่งรอยยิ้มที่น่ารักให้กับลีวีเซีย อิจฉาง่ะ >”<
“ใครที่รักของนายกัน ตาบ้า>///<!” ลีวีเซียพูดตอบคาโอะด้วยเสียงที่ขัดเขิน แถมหน้าของเธอยังแดงเหมือนกับสตรอเบอร์รี่ สองคนนี้ท่าทางไปได้สวยแหะ55 อยากมีบ้างอ่ะ
“ไม่ต้องไปมองเค้าเลยยัยหน้าบ๊วย อิจฉาล่ะสิ มานั่งตรงนี้เลยนะ เราต้องเตรียมพร้อม” นายฮายาเตะตะโกนบอกฉันเบาๆอย่างกับพูดพึมพำคนเดียว
“ชิส์ ทำเป็นสั่ง ไอ่บ้า” ฉันพูดเบาๆกับตัวเอง แล้วต้องจำใจไปนั่งข้างๆนายฮายาเตะนั่นอย่างโดยดี
ติ๊งต่อง!!!
เสียงประกาศดังขึ้นแล้ว ถึงเวลาแล้วสินะที่ฉันจะต้องออกไปเจอชะตากรรมที่แสนสาหัสนี้
“คึ คึ คึ!!~ สวัสดีนักเรียนทั้งหลาย! พวกเธอคงจะเห็นศพแรกของเกมส์นี้แล้วสินะ เฮ้อช่างน่าอนาถจริงๆ อืมแต่ก็นะ กฎก็ย่อมเป็นกฎถ้าหากพวกแกไม่อยากตายแบบนังเด็กอวดดีคนเมื่อกี้แล้วละก็ อย่ามาท้าทายอำนาจของฉัน!!! และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาฉันขอเปิดเกมส์มรณะตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก่อนที่จะเริ่มเกมของฉัน ฉันจะบอกกฎที่ต้องปฎิบัติในการเล่นเกมก่อน
กฎของการเล่นเกมส์มรณะของฉันคือ ในห้องของพวกแกทุกคนจะมีอาวุธให้คนละหนึ่งชิ้นเพื่อเป็นการเอาตัวรอดจากเงื้อมือของฆาตกร ร.รนี้จะเป็นของพวกคุณจะอยู่ซอกไหนมุมไหนก็ได้ฉันอนุญาต ถ้าหากพวกแกไขปริศนาหาตัวฆาตกรพบ พวกแกต้องฆ่ามันเท่านั้นหากไม่ฆ่าพวกมันพวกมันจะฆ่าพวกแกแทน ก็นะ เกมส์นี้ใครแข็งแกร่งก็รอด ใครอ่อนแอก็ตายไปซะ เพราะพื้นที่ในที่นี้ไม่ได้มีไว้สำหรับพวกที่อ่อนแอ เอาละๆ ถึงยังไงคนที่รอดก็คงจะมีไม่มากนักหรอก ฮ่าๆๆ ยังไงก็ขอให้โชคดีนะเด็กๆทั้งหลาย คึ คึ คึ!!~” เสียงประกาศดังขึ้นจากลำโพง น้ำเสียงของชายลึกลับคนนั้นดูแหบพร่าแต่แฝงไปด้วยความน่าสยดสยองเหี้ยมโหดทีเดียว ฟังจากเสียงหัวเราะของเขาดูจะบาดแก้วหูเหลือเกิน เขาเป็นใครกันนะ
“ไอ่บัดซบเอ้ย!!” พี่อัญสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“ใจเย็นไว้ค่ะพี่อัญเรารีบลงไปที่ห้องโถงดีกว่านะค่ะ” จินนี่ออกความเห็นให้พวกเราลงไปตรวจความเรียบร้อยข้างล่างและถือโอกาสประชุมด้วยเลย
“นั่นสิป้า รีบไปดูข้างล่างเถอะว่าใครตายไปบ้างน่ะมัวแต่มาโกรธอย่างนี้มันได้อะไรขึ้นมา” ฮายาเตะพูดขึ้นขณะที่บรรยากาศในห้องยังคงเงียบสงัด ตาบ้านี่ปากเสียชะมัด - -*
“ปากเสียน่า! บ้ารึไงไปแช่งคนอื่นให้ตายน่ะ” ฉันเอาข้อศอกกระทุ้งท้องนายฮายาเตะเบาๆเพื่อเป็นการปราม
“ก็มันจริงนี่ยัยหน้าบ๊วย!” นายฮายาเตะแผดเสียงใส่หน้าฉัน ทำเอาเอฟเฟ็คกระจายเลยนะไอ่บ้า
“ชู่ๆ! เงียบๆหน่อยฉันต้องการสมาธิ”พี่อัญมองมาทางเราแบบเชิงไม่สมอารมณ์นัก
“ก็ได้ๆๆ เชอะยัยป้า!” นายฮายาเตะบ่นพึมพำกับตัวเองและบุ้ยปากเชิดหน้าขึ้นยังกับเด็กๆ
“พี่อัญค่ะรีบไปเถอะค่ะ เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว” หนิงพูดเตือนพี่อัญที่กำลังทำให้พวกเราเสียเวลาอยู่
“อืมๆขอโทษทีนะที่ทำให้เสียเวลา ถ้างั้นก็เตรียมตัวออกจากห้องได้ เกาะกลุ่มกันไว้นะ ห้ามคลาดสายตาออกจากกันเชียว ไม่งั้นมันอาจจะพาเพื่อนของพวกเธอไปฆ่าได้อย่างไม่ต้องคิดเลยล่ะ ฉันเคยผ่านประสบการณ์นี้มาก่อน ตามฉันมาแล้วจะปลอดภัย อ้อ อาวุธน่ะจำเป็นมากเลยนะลีวีเซีย” พี่อัญมองไปที่มือของลีวีเซียที่ตอนนี้ไม่ถืออาวุธในมืออยู่คนเดียว ต่างจากคนอื่นที่ตอนนี้มีปืนอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว
“เอาไอ่นี่แทนได้มั๊ยค่ะพี่?T^T” ลีวีเซียยกเครื่องช๊อตไฟฟ้าออกมาจากกระเป๋าใบสวยนั้น พี่อัญพยักหน้าเบาๆก่อนที่จะเปิดประตูห้องออกมา พี่อัญและจินนี่เดินนำหน้าพวกเรา ตามด้วยหนิง แนน เกียวกิ เคียวตะ
ลีวีเซีย คาโอะ ฉันแล้วก็ฮายาเตะ เราเดินลงตามกันมาจนถึงชั้น1แล้ว โดยใช้บันไดในการลงเพราะถ้าหากใช้ลิฟจะเกิดอันตรายสูงมากทีเดียว เราก้าวเท้าเบาๆมาที่ห้องโถงใหญ่ มีเสียงเบาๆพูดกันบางคนก็สะอื้นร้องไห้ ภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้ฉันรู้สึกถึงการสูญเสีย ศพของนักเรียนประมาณ10กว่าคนได้กองพะเนินกันอยู่สูงทีเดียว เลือดไหลเจิ่งนองเต็มไปหมดอีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นของคาวเลือดที่บ่งบอกได้ว่าศพพวกนี้พึ่งเสียชีวิตไปไม่เกิน6ชั่วโมงมานี้เอง ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาทั้งสองข้าง ตอนนี้ฉันรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็นปฏิกิริยาของฉันตอนนี้คือต้องหาอกใครซักคนซบเพื่อระบายความอึดอัดใจของฉันที่มีอยู่ นั่นคือคนที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดในตอนนี้.....ตอนนี้เท่านั้นที่ฉันจะอ่อนแอ ฉันย้ำคำพูดของตัวเองในใจ
“เฮ้ๆ เธอทำอะไรของเธอน่ะมากิ” ฮายาเตะร้องด้วยความตกใจเมื่อฉันเอาหน้าไปซุกกับแผงอกที่กว้างของเขา ทั้งๆที่เราเกลียดขี้หน้ากันขนาดนี้ฉันยังมีหน้าเข้าไปซบอกเขาอีก น่าอายชะมัดเลย ฉันไม่ได้ตอบคำถามของนายนั่นแต่อย่างได้เพราะฉันเอาแต่ร้องไห้ระบายอย่างเดียว
“ฮึกๆ ฮือๆ!!!~ทำไมล่ะ ทำไม!!” ฉันปล่อยโฮออกไปอย่าไม่อายใคร และเกียวกิ ลีวีเซีย แนน จินนี่ หนิง ก็ทำเช่นเดียวกับฉัน ถึงแม้คนที่ตายไปฉันจะไม่รู้จักก็ตามแต่ยังไงเค้าก็เป็นคนที่บริสุทธิ์ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ไอ่พวกสารเลวนั่นสิที่มันไร้หัวใจ ฮึ่ย พูดแล้วเจ็บใจชะมัด
“ไม่เป็นไรมากิ ไม่เป็นไร ฉันจะดูแลเธอเอง” ฮายาเตะพูดขึ้นปลอบฉันอย่างเบาๆ ฉันเงยหน้าไปมองเขาอย่างอึ้งๆแต่น้ำตาก็ยังคงไหลอยู่เรื่อย
“นะ..นี่นายพูดว่าอะไรนะ ฮึกๆT^T” ฉันมองฮายาเตะที่หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ฉันอดขำไม่ได้แต่ตอนนี้ฉันต้องข่มอารมณ์เอาไว้เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในโหมดเศร้าอยู่><
“ฮือๆๆT^T~ ทำไมมันถึงเป็นแบบไปได้ ไอ่บ้าเอ้ย!!” ฉันตะโกนก่นด่าอย่างบ้าคลั่งกับสิ่งที่พวกมันทำอย่างไร้ศีลธรรมนี้
“ชู่ว์ เงียบเถอะมากิ ถ้าขืนเธอพูดไปอีก มันจะหมายหัวเธอเอาได้นะ อยากตายนักรึไง?” ฮายาเตะพูดอย่างปรามๆกับฉันด้วยเสียงราวกระซิบ เขากวาดสายตาไปรอบๆด้านเพื่อระวังอันตราย
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ขืนมันทำอย่างนี้อีกเราก็ได้ตายกันหมดนี่แน่!” ฉันตะโกนระบายออกไปอย่างเหลืออดแล้ว มันไม่ยุติธรรมจริงๆนี่นาที่พวกฉันต้องเอาชีวิตมาวางไว้ที่นี่น่ะ!!!
“เราจะไปที่หอนาฬิกากันเพื่อไขปริศนากัน เพราะนั่นอาจเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราเป็นอิสระได้นะ” ฮายาเตะกล่าวด้วยเสียงที่ไม่หนักแน่นนัก
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ ฮึก ฉันจะช่วยนายเอง” ฉันพูดออกมาด้วยความจริงใจและความกระหายที่อยากจะเดินไปฆ่าไอ้ฆาตกรคนนั้นด้วยตัวของฉันเอง
“นี่ทุกคนฟังนะ เราจะแยกย้ายกันไปสำรวจพื้นที่เพราะอาจจะทำให้เรารู้เบาะแสของฆาตกรได้ เอ่อเริ่มจากจุดที่1คือ บริเวณห้องโถงนี้ฉันกับจินนี่จะรับผิดชอบ จุดที่2คือ โกดังร้างหลังร.ร เกียวกิกับเคียวตะรับผิดชอบ จุดที่3 บนตึก5ชั้นของอาคารนี้ หนิงและแนนเป็นคนรับผิดชอบ จุดที่4 อาคารวิจัย ลีวีเซียกับคาโอะรับผิดชอบ และจุดที่5คือจุดสุดท้ายคือหอนาฬิกามากิและฮายาเตะรับผิดชอบนะ จดรายละเอียดมาให้ถี่ถ้วนตรวจดูให้ดีๆในแต่และจุดหากพบสิ่งผิดปกติก็นำมารวมกับข้อมูลของแต่ละทีม แล้วเราจะช่วยกันไขปริศนาไปทีละข้อนะ ฉันให้เวลาพวกเธอ3ชั่วโมงต่อจากนี้ เพราะตอนนี้ก็ สองทุ่มกว่าแล้ว เราจะมาเจอกันที่ห้องโถงในเวลาห้าทุ่มครึ่งก็แล้วกันนะ ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นละก็ให้รีบหนีออกมาทันทีเลยนะ” พี่อัญสั่งอย่างเฉียบขาดทันที น้ำเสียงของเธอยังคงแฝงไปด้วยความแค้นอย่างเช่นทุกที
“ทุกคนดูแลตัวเองดีๆนะ ระวังตัวไว้ด้วย ฮึกๆ! เราจะต้องกลับมาหากันที่นี่อย่างปลอดภัยนะ ฮือๆT-T” ฉันหันไปมองหน้าทุกๆคนและน้ำตาไหลพรากเป็นก๊อกแตกอีกครั้ง
“ดะ...ได้สิมากิ พวกเราสัญญา ฮึก~” เกียวกิเดินมาจับมือฉันไว้และมองไปหาทุกคนที่เหลือ น้ำตาเธอไหลพรากเช่นเดียวกับฉัน นี่เราต้องจากกันจริงๆน่ะหรอ?
“เอาละๆ เสียเวลามาเยอะแล้วนะ ตั้งสติหน่อย เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว เอาละไปกันได้” พี่อัญหันมาพูดอีกครั้งพร้อมคว้ามือจินนี่เดินออกไปหยุดอีกมุมหนึ่งของห้องโถง
“อื้ม! ไปแล้วนะเกียวกิ ลีวีเซีย แนน หนิง คาโอะ เคียวตะ TAKE CARE!” ฉันกล่าวพร้อมกับเดินออกจากห้องโถงอย่างเชื่องช้าอย่างกับว่ามีล้อรถถังผูกติดกับเอว น้ำตาของฉันไหลรินครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสม่ำเสมอ ความรู้สึกตอนนี้ช่างโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกิน ถ้าหากว่าฉันไม่ได้มาที่นี่ ณ ตอนนี้ฉันคงนอนเปิดแอร์เล่นเกมส์ ดูซีรี่ส์เกาหลีอย่างสบายใจไม่ต้องมานั่งอมทุกข์อมขี้อยู่อย่างนี้หรอก นี่มันคงเป็นเรื่องซวยบรรลัยกรรย์ของฉันที่สุดในชีวิตแล้วละมั้งเนี่ย
“อ้าวๆเธอจะเดินไปไหนน่ะยัยบ้า หอนาฬิกาอยู่ทางนี้ต่างหากเล่า” นายฮายาเตะร้องตะโกนเรียกฉันให้กลับเข้าสู่สมาธิ และเดินเข้ามาจับคอเสื้อฉันและลากฉันไปทางขึ้นของหอนาฬิกาอย่างรีบร้อน ตานี่มันจะรีบไปไล่ควายที่ไหนนะ
“รีบอะไรกันนักหนาเล่า!” ฉันสบถออกไปอย่างหัวเสีย พร้อมกับทำหน้าบู้บี้อย่างไม่พอใจ
“มีเวลาแค่สามชั่วโมงเองนะ เอ้านี่ มันมืดน่ะ” หมอนั่นพูดด้วยเสียงที่แสนจะเบา พร้อมกับโยนไฟฉายมาให้ฉัน ตาบ้านี่ส่งดีๆไม่เป็นเลยหรือไงว่ะเนี่ย(เริ่มพาลๆ--^)
“จะไปไหนน่ะ ฉันกลัวนะมันมืดอ่ะT-T” ฉันส่งเสียงเรียกหมอนั่นเมื่อจะทำท่าเดินเข้าไปข้างในหอนาฬิกาที่มืดตึ๊ดตื๋อ
“เอ้า! ถามได้นะยัยงั่งเอ้ย ถ้าไม่เข้าไปแล้วจะรู้หรอว่ามีเบาะแสอะไรบ้าง เธออยากให้ยัยป้านั่นโกรธรึไงฮะ!ไฟฉายมีก็ส่องๆไปเหอะน่า” นายฮายาเตะตะโกนออกมาอย่างเหลืออดพร้อมกับลากฉันเดินเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว โด่เอ้ย ไม่กล้าไปคนเดียวนะซี้ !
“เบาๆก็ได้นี่ เจ็บนะไอ่ซาดิส ”
“ชู่ว์ เงียบหน่อยยัยบ๊วย” หมอนั่นเขกหัวฉันเบาๆ
เราเดินกันมาได้ซักพักก็ถึงทางขึ้นของบันไดที่สูงชัน สงสัยจะเป็นทางขึ้นไปที่ยอดของนาฬิกาอันใหญ่ยักษ์เป็นแน่ บริเวณรอบๆบันไดมีแต่ฝุ่นและหยากไย่เกาะเต็มไปหมด อี๋! สกปรกอ่ะ ข้างนอกร.รเนี่ยทำซะหรูเชียว เฮอะ!สมควรแล้วที่เป็นร.รแห่งการฆาตกรรม ฉันเดินขึ้นมาเรื่อยๆอย่างเงียบกริบจนเดินมาถึงขั้นสูงสุดของหอนาฬิกา ข้างบนดูโล่งๆแต่ตรงกลางของห้องคือนาฬิกาที่ใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ตระหง่าน เอ่อจาก สถาพแล้วนาฬิกาเนี่ยดูสะอาดสะอ้านเหลือเกินแถมยังเป็นสีทองวิ้งๆซะด้วย แต่ถ้าหากมีคนมาทำความสะอาดนาฬิกาอันนี้ ไหงไม่ยอมทำความสะอาดทางขึ้นด้วยล่ะ แย่จริงๆเลย
“นี่ๆ ฮายาเตะทำไรน่ะ--^” ฉันมองไปยังนายฮายาเตะที่ก้มๆเงยๆอยู่กับพื้น
“มาดูนี่ๆ เร็วสิว่ะยัยหน้าบ๊วย!” หมอนั่นทำท่าลุกลี้ลุกล้น พร้อมเดินวนไปวนมาแถวๆริมระเบียงอย่างกับหนูติดจั่นแหนะ บ้าไปแล้วแน่ๆตานี่
“อะไรอีกละ ถ้าไม่มีสาระแม่จะเตะให้” ฉันเดินเข้าไปใกล้บริเวณนั้นแล้วนั่งยองๆเพื่อสำรวจดูสิ่งผิดปกติ
“เห็นนี่มั๊ย ยังใหม่ๆอยู่เลย” หมอนั่นเอาไฟฉายส่องไปที่พื้นแล้วชี้ให้ฉันมอง เผยให้เห็นเลือดที่หยดเป็นจุดๆแต่ไม่มากนัก
“แต่ทำไมมันหยดอยู่แค่ตรงนี้หละ?” ฉันมองพื้นข้างหน้าที่ยังคงมีฝุ่นเกาะเช่นเดิมแต่ไม่มีรอยเลือดอีกแล้วถ้าหากว่าฆาตกรถูกทำร้ายแล้วบาดเจ็บ แล้วขึ้นมาที่นี่เลือดก็จะสามารถนำทางเราไปหาฆาตกรได้ แต่หยดเลือดมันหยุดอยู่แค่ตรงริมระเบียงหอนาฬิกานี้เท่านั้น แล้วฆาตกรมันจะหนีไปไหนได้อีกละ ฉันครุ่นคิดอยู่นาน และต้องตื่นจากภวังค์เมื่อฮายาเตะสะกิดฉันเบาๆ
“ดูนี่สิมากิ เป็นทางเชียว” หมอนั่นส่องไฟฉายไปทางที่เราเคยเดินขึ้นมาปรากฏว่าก็มีเลือดหยดเป็นทางอยู่เช่นกัน แสดงว่าตอนที่ฉันขึ้นมากับฮายาเตะคุงคงไม่ทันสังเกตสินะเนี่ย
“แสดงว่าคนร้ายขึ้นมาที่นี่จริงๆด้วย อ๋อ!! นึกออกแล้ว ฮายาเตะมีน้ำหอมมั๊ย” ฉันเริ่มหาปมของเรื่องนี้ได้ทีละเส้นแล้วละ
“เอาไปทำไมอ่ะ?--^”
“ถามมากอยู่นั่นนะ รีบเอามาสิ มีรึเปล่าเหอะไอ่คนตัวเหม็น! ” ฉันทำท่าทีรังเกียจตานั่นทันทีและหัน
กลับมามองในจุดๆเดิมที่ฉันยังคงสงสัยอยู่
“เอ้านี่ แกะกล่องใหม่เชียวนะ พึ่งซื้อมาจากปารีสเลยใช้ประหยัดๆหน่อย” หมอนั่นอวดสรรพคุณอย่างถือตัว แหมๆทีฉันสั่งน้ำหอมแบรนเลดี้กาก้าแนยังไม่อวดเลยนะ เลอะเลือนจริงๆตานี่
“พูดมากน่าเอามานี่เลย คอยดูดีๆก็แล้วกัน” ฉันพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องใส่ฮายาเตะ พื้นที่นี่เป็นพื้นไม้ปาเก้แบบโบราณทำให้ดูสวยสะดุดตาฉันเลยทีเดียวขนาดมีฝุ่นจับนะเนี่ย ฉันส่องไฟฉายขึ้นเหนือหัวเพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างของฝุ่นละอองในบริเวณนั้น เมื่อได้ที่ฉันก็เริ่มฉีดน้ำหอมลงไปห่างจากพื้นประมาณ10 ซม. หากที่ไหนมีห้องหรือช่องว่างมันจะดูดละอองจากน้ำหอมนี้ไปแล้วจะทำให้เรารู้ว่าข้างล่างนี้มันต้องมีห้องอะไรซักอย่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันฉลาดเรื่องนี้ได้อย่างไร เหตุผลก็คือดูหนังเชอร์ล็อกโฮมส์เกินไปนะสิ แต่มันก็มีประโยชน์มากโขเลยนะสิ55
“ทำได้ไงอ่ะ?” หมอนั่นมองหน้าฉันอย่างอึ้งๆ
“ความสามารถเฉพาะตัวย่ะห้ามลอกเลียนแบบนะขอบอกๆ เงียบแล้วดูต่อซะ--^” เมื่อพูดจบฉันก็ลงมือเคาะพื้นไม้ทันที หากว่ามีเสียงดังแปล่งๆออกมาหรือเสียงก้องอยู่ข้างในแสดงว่าที่นั่นน่าจะมีห้อง
“ปึกๆๆๆ! ป๊อก” อ่า รู้สึกว่าฉันจะเจอซะแล้วละ ข้างล่างจะต้องมีห้องอยู่แน่ๆเลย
“เคาะทำไมน่ะ? บ้าหรอ โรคจิตปะ” โอ้ย!!จะโง่ไปไหนค่ะพี่น้อง นายฮายาเตะนี่ซื่อบื้อจริงๆเลย
“ช่างหัวเหอะ~ หาอะไรมางัดไม้แผ่นนี้ขึ้นซิ” ฉันยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมชี้ไปที่แผ่นไม้นั้นอย่างพินิจ
“ทำไมต้องงัดขึ้นด้วยละ(-.-)?” อ๊าก! นี่นายฮายาเตะเคยรู้จักพัฒนาสมองให้มีหยักบ้างมั๊ยเนี่ย
“โอ๊ย! งัดๆไปเหอะน่าพูดมากอยู่ได้”
“เออๆ แปบนึงละกัน เดี๋ยวหาก่อน” หมอนั่นลุกขึ้นพร้อมกับส่องไฟฉายไปรอบๆบริเวณนั้นเพราะในนี้มืดแล้วก็เงียบมากมายเลยอ่ะT^T อ่ะๆมาแล้วๆ นายฮายาเตะเดินมาพร้อมกับพลั่วที่อยู่ในมือ เอ๋ พลั่วงั้นหรอ
แว้ก! จะเอามาทำไมว่ะเนี่ย พลั่วมันเอาไว้พรวนดินไม่ใช่หรือไงอันก็เล็กนิดเดียวจะงัดอะไรได้ละเนี่ยT^T
“นี่นายฮายาเตะ!!! เอาอะไรมาน่ะจะบ้าหรอย่ะ แล้วมันจะงัดขึ้นได้ยังไงละฟะ!!” ฉันตะโกนใส่หน้านายฮายาเตะ ไม่รู้ว่าน้ำลายไปแปะอยู่บนหน้าตานั่นกี่แสนล้านเม็ดแล้ว อุวะฮ่าๆ สมน้ำหน้า--*
“เอ้าก็เห็นมันมีอยู่แค่นี้นี่นา^o^+” หน็อยๆยังมีหน้ามายิ้มนะ
“โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย จะรอดมั๊ยละทีนี้ เอามานี่เลย!” ฉันยื่นมือไปหยิบพลั่วที่อยู่ในมือของนายฮายาเตะจากนั้นก็เดินกระแทกเท้ามาที่จุดเกิดเหตุที่ฉันสงสัย ฉันเริ่มลงมืองัดทันที ฮึ๊บ! เอ้า ฮึ๊บ! ทำไมมันแน่นอย่างนี้น้าT^T
“ฮ่าๆๆ เห็นมั๊ยละยัยบ๊วยทฤษฎีบ้าบอของเธอน่ะมันเจ้ง ข่างล่างน่ะไม่มีอะไรหรอกน่า-_-*” หมอนั่นนั่งอยู่กับพื้นพร้อมยิ้มเย้ยหยันให้ฉัน หน็อย!ไอ่บ้าให้ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวมาทำมันจะออกได้ไงเล่า ใจร้ายที่สู้ดอ่ะT^T
“เชอะ! ฉันแค่ยังไม่ได้กินข้าวต่างหากเล่า อึ๊บ อึ๊บ!”
“พอเหอะน่า รีบๆหาที่อื่นเหอะ นี่จะครบสามชั่วโมงแล้วนะเสียเวลาชะมัดอ่ะ--!”
“หาไปคนเดียวเถอะย่ะ ฉันจะทำของฉันส่วนนายก้ทำของนายไปซี้><!”
“เอางั้นหรอ? เออๆ ก็ได้ๆ แล้วอย่ามาขอให้ฉันช่วยก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆ^[]^”
“หลายล้านปีเถอะย่ะ!-^-” ฉันก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างไม่ลดละ โอ๊ย! ทำไมมันแข็งจังว่ะเนี่ย
ตึก ตึก ครืด!
“เสียงอะไรน่ะ~” ฉันพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ พร้อมกับวางมือลงจากสิ่งที่ทำอยู่อย่างรวดเร็ว
“ชู่ว! มานี่ เงียบๆนะ” หมอนั่นกวักมือเรียกฉันหยอยๆให้ไปยืนอยู่ข้างๆ น่ากลัวจัง ใครกำลังขึ้นมานะ
“นี่นาย....อุ๊ป!”
“เงียบๆสิอยากตายนัหหรือไงฮะ” หมอนั่นเอามืออุดปากฉันพร้อมกับพูดเตือนเบาๆ อี๋! สกปรกอ่ะจับอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ โสโครกอ่ะ อี๋ๆ ปลี้ๆ
ตึก ตึก ครืด!
เสียงนั้นยังคงดังอยู่เรื่อยๆและใกล้เข้ามา เอ๋? ทำไมฉันรู้สึกคันจมูกจังนะ ในห้องนี้มีแต่ฝุ่นเลย คงไม่แปลกหรอกหากว่าฉันจะจามออกมาดังๆน่ะนะ
“ฮะ...ฮะ...ฮัด อุ๊ป OxO!” กรี๊ด!!! มะๆ...หมอนั่น จะ..จะ..จูบฉันหรอ ไม่จริง!! จูบแรกของฉันหายไปกับเสียงก่อนจะจามนั่น! หมอนั่นยังคงไม่ปล่อยฉันจากพันธนาการที่เค้าสร้างขึ้น ปากฉันจะบวมมั๊ยเนี่ยT^T
ปล่อยน้า~~ แต่อยู่อย่างนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ>////<
“อะแฮ่ม! ขอโทษทีไม่คิดว่าพวกเธอจะเอ่อ -//-” ฉันกับนายฮายาเตะผละออกจากกันอย่างเร่งด่วน เมื่อได้ยินเสียงของเคียวตะ ให้ตายเถอะ! บ้าชะมัดเลยเคียวตะกับเกียวกิ เห็นเราเอ่อ...>///<
“อะ..อ้าวมาได้ไงเนี่ยเคียวตะ--^” หมอนั่นไม่สนใจฉันแต่อย่างใด แต่กลับเดินไปหานายเคียวตะและก็หัวเราะแห้งๆพร้อมกับตบไหล่เคียวตะเบาๆ เชอะ!จะกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อกี้นะสิ
“โอ้ย!ฮายาเตะ จะ..เจ็บนะเว้ยไอ่เพื่อนบ้า--*” เคียวตะร้องออกมาพร้อมทำหน้าเหยเก
“เดี๋ยวนะเคียวตะ ขานายไปโดนอะไรมาน่ะ” ฉันมองไปที่ขาที่มีเลือดซึมออกมา
“ก็นายนั่นนะสิโดนไอ้ฆาตกรโรคจิตนั่นยิงเอา แย่จริงๆเลย-^-” เกียวกิพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เธอเจอตัวฆาตกรแล้วหรอเกียวกิ?”
“ยังหรอก ก็แค่พูดลอยๆน่ะแต่ดันซวยโดนยิงเข้าให้ ฉันก็ยังไม่รู้หรอกนะว่ามันยิงมาจากทางไหนแต่ยังดีที่โดนแค่ขา ถ้าหากโดนยิงที่อื่นละก็ซวยซ้ำสองอีก ตามจริงนายก็เดินได้นี่นาเคียวตะ กระสุนแค่ถากขาเท่านั้นเอง ทำเป็นสำออยไปได้-^-” เกียวกิพูดอย่างประชดประชันใส่เคียวตะแล้วก็ยืนกอดอกทำหน้ามุ่ย ว่าแต่ว่ามันเหมือนมีอะไรแปลกๆแหะ เหมือนงอนกันเลย น่ารักอ่ะ><!!!
“อ้าวไหงพูดแบบนี้ละ ฉันอุส่าห์รับกระสุนแทนเธอนะ ยัยแป้งโกกิ!!” เอ่อคือตอนนี้ฉันสงสัยว่าคงจะเกิดสงครามน้ำลายย่อยๆไปแล้วละนะ--*
“โด่! นายเป็นผู้ชายก็ต้องดูแลฉันสิ อีกอย่างฉันน่ะชื่อ เกียวกิ ไม่ใช่แป้งโกกิย่ะ-^-!!”
“พอเถอะจ๊ะๆ พักยกซักแปบนึงน่ะ คือฉันอยากถามว่าพวกเธอขึ้นมาทำไมที่นี่ฉันน่ะตกใจมากเลยรู้มั๊ยT^T ”
“ก็จะมาตามหนะ เห็นเลยเวลามานานมากแล้ว นี่มันก็ห้าทุ่มห้าสิบสามนาทีแล้วนะ พอดีเป็นห่วงน่ะ^^”
กรี๊ด!! ซาบซึ้งอ่ะ แต่พวกเธอทำให้ฉันเสียจูบน้าT^T
“ในสถาพแบบนี้น่ะหรอ ซาบซึ้งจังอ่ะT^T” ฉันเดินเข้าไปกอดยัยเกียวกิอย่างรักใคร่ มามะ มาจุ๊ปที>3<
“นี่ๆ จะซึ้งอีกนานมะ? ง่วงนอน ฮ้าว!” ทำไมนายฮายาเตะต้องขัดจังหวะทุกทีเลยนะ สงสัยเกิดมาเพื่อทำให้คนอื่นไม่มีความสุข
“งั้นไปกันเถอะเนอะ^^ ตรงนี้น่ากลัวมากเลย รีบกลับไปหาพี่อัญกันดีกว่าจ๊ะ@^^@” เกียวกิเดินไปพยุงนายฮายาเตะลงบันไดไปก่อนแล้ว
“รสสตรอเบอรี่หรอ อร่อยแหะ ฮึ ฮึ”
ฉ่า! >///< กรี๊ด!! นะ...นายฮายาเตะ เดินมากระซิบข้างหูฉันเบาๆเล่นทำเอาเขินทีเดียว แล้วรีบเดินตามทั้งสองคนนั้นลงไปอีกคน นี่หมอนั่นพูดถึงสตรอเบอรี่ทำไมนะ เอะวันนี้ฉันทาลิปกรอซรสสตรอเบอรี่นี่นา กรี๊ด! ตาบ้าเอ้ย
ความคิดเห็น