ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The last horrible games เกมส์สยอง โรงเรียนมรณะ

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 55


                                                                                   

                                                            

    ณ โรงเรียนนานาชาติเจนรีคอส

    ขณะนี้เวลา 12.30 น. ^^!

    "เฮ้อ....น่าเบื่อจังเลยอ่ะวันนี้ไม่มีไรทำเลยเนอะมากิ"
    "จริงด้วยอีกอย่างอากาศก็ร้อนด้วยแปลกจังว่ามั๊ย-*-" ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เบื่อหน่ายเต็มทนเฮ้อ! ร้อนจริงๆ
    "นี่วันนี้ยัยลีวีเซียไม่มาหรอย่ะ?เงียบๆไปนะ "เกียวกิพูดถึงเพื่อนร่วมห้องชาวเนปาลที่หน้าสวยแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งด้วยอารมณ์ที่ไม่จอยเท่าไหร่

    ก็แหงล่ะยัยนั่นอ่ะยังคงนอนเฝ้าพระเจ้าอยู่นู่นแหละ กว่าจะมาคงสายมั้งฉันตอบเกียวกิไปปัดๆพลางควงปากกาเล่นอยู่ในมือ  อ้าวว่าแต่ฉันก็ลืมแนะนำตัวไปค่ะ คือว่าฉันชื่อ มากิ กำลังเรียนอยู่เกรด 11 หรือว่า ม.5 นั่นเอง 555*แปลกจังนะค่ะทั้งๆที่ฉันเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆแต่กลับต้องมาเรียนโรงเรียนนานาชาติที่เมืองไทยซะงั้น ก็พ่อฉันนะสิค่ะมาลงทุนทำธุรกิจที่นี่ฉันเลยติดสอยห้อยตามมาด้วยซึ่งฉันเซ็งจริงๆ แต่ฉันก็สามารถปรับตัวเข้ากับกลุ่มเพื่อนได้อย่างรวดเร็วทีเดียวล่ะ^^ กลุ่มเพื่อนสนิทของฉันมีอยู่แค่ 6 คน คือยัยเกียวกิที่กำลังจ้ออยู่  หนุงหนิงผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าชั้นชาวไทย  ลีวีเซียผู้บ้าคลั่งชาวบราซิล แนนนี่ชาวไทยผู้ที่ทำตัวเป็นแม่ จินนี่ชาวเนปาลผู้ซึ่งแอ๊บตลอดเวลาแล้วก็ฉัน

    มากิ!!! ส่งงานรึยาง~~!!” เสียงประกาสิทธิ์ดังมาจากหน้าห้องซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยัยหนุงหนิง แง๊ง !ฉันลืมทำงานฟิสิกข์นี่นาทำไงดีเนี่ย

    เอ่ออย่าพึ่งโกรธไปยัยหนิง พอดีฉันยังไม่ได้ทำเลยอ่ะT^T ”

    แล้วเธอไปงมหอยอยู่ที่กวางเรนเดียหรอย้า!!~”

    กวางตุ้งย่ะยัยบ้า! นี่ยังไงก็ช่วยหน่อยน้า ชั่วโมงนี้ไม่ได้เรียนไม่ใช่หรอ?

    จะบ้าหรอยัยมากิแกก็ทำเองดิ!ฉันต้องเช็คชื่อเพื่อนต่อ!” ให้มันได้อย่างนี้ซี้คุณเพื่อนรักทั้งหลายหลังจากที่ฉันขอความช่วยเหลือจากยัยหนิงไม่ได้ฉันก็หันไปทำตาวิ้งๆกับเพื่อนรักที่เหลือ ซึ่งเอ่อแบบว่ายัยเกียวกิก็เดินไปจีบนายถึกหลังห้อง ยัยจินนี่ก็นั่งแอ๊บถ่ายรูป แต่เดี๋ยวก่อนยังเหลือยัยแนนซึ่งุคุณเธอก็รู้จังหวะหันมาสบตาของฉันพอดี 55  เสร็จฉันหล่ะ

    แนนจ๋า~ ทำงานให้มากิหน่อยสิ มากิไม่สบายปวดหัวม๊ากมากบลาๆๆ!

    เอาอีกแล้วนะมากิ เฮ้อจริงๆเลย แล้วถึงบทไหนแล้วล่ะ แนนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยเช่นเดิม ฉันรีบกระตือรือร้นหยิบสมุดการบ้านไปวางให้แนนที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว  เยส!สำเร็จงานฉันก็เสร็จไปเปราะหนึ่งแล้วล่ะ555*

    ยังไงก็ฝากด้วยน้า!~ ” ฉันรีบเดินกลับมาหลังห้องโต๊ะริมหน้าต่างเช่นเดิม

    ยัยเกียวกิ ยัยจินนี่!!!!~ มานี่หน่อยสิ ฉันตะโกนเรียกเพื่อนรักให้มารวมตัวกันเพื่อจะนำข่าวสารมาอัพเดตจาก2 ปีที่แล้ว พอดีตอนแรกลืมน่ะ แต่จำได้เลยจะรีบๆเล่าเดี๋ยวลืมซะก่อน แหะๆ-*-

    มีไร/มีไรหรอ?ยัยเกียวกิและจินนี่พูดขึ้นพร้อมกัน แต่น้ำเสียงของแต่ล่ะคนก็เปล่งๆอยู่ดีเพราะยัยพวกนี้ไม่ค่อยแข็งแรงเรื่องภาษาหลักของโรงเรียนเท่าไหร่เลยเป็นที่น่าขบขันของทุกคนในห้องขนาดฉันยังขำไปด้วยเลย 55 5*

    พอดีฉันได้ยินข่าวมาจากรุ่นพี่นะเลยอยากเอามาเล่าให้ฟังเฉยๆฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น

    หรอๆเรื่องอะไรล่ะ เล่ามาสิเกียวกิพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    แหมๆ คงจะเป็นเรื่องไร้สาระอีกละสิเนี่ยยัยจินนี่พูดด้วยเสียงเบื่อหน่ายและส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ

    นี่หยุดนะยัยจิน!! นั่งลงแล้วฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ฉันตะโกนสั่งอย่างหัวเสีย แหมๆอุตส่าห์จะเล่าทั้งทีนะเนี่ย เจ้ไม่ปลื๊มๆ

    ทะเลาะอะไรกันอีกเนี่ยสองคนนี้ ประจำเลยนะ!~” หนิงแผดเสียงดังมาจากหน้าห้องแล้วเดินมาหาตรงโต๊ะที่พวกเรานั่งสุมหัวกัน อีกอย่างคนที่ชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้านก็เดินมามุงที่โต๊ะของฉันเต็มไปหมด55 แต่เอาละมากันเยอะก็ดีจะได้เล่าให้ฟังกันให้ทั่วๆกัน อิอิ
      
    "มากันเยอะก็ดีแล้วจะได้ฟังกันทุกคนตั้งใจฟังนะ คือว่าเรื่องนี้เกิดเมื่อ 2-3 ปีก่อนนะ เรื่องมันเป็นอย่างงี้คือแบบว่ามี ร.ร.ร้างอยู่แห่งหนึ่งนะ ชื่อว่า ร.ร.เซฟวิตเตอร์เซนต์จอน  เคยมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปที่นั่นและเด็กนักเรียนพวกนั้นก็คือรุ่นพี่ของเรานั่นเอง พวกพี่เขาอ่ะนะไปกันประมาณ 10 กว่าคนรวมกับร.รอื่นด้วย ที่ไปศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งรุ่นที่8  และ ต่อมาพวกพี่เขาก็ตายกันทีล่ะคนๆระหว่างที่กำลังทำการทดลอง จน 6 วันต่อมา ก็มีพวกพี่เขารอดออกมาได้แบบสะบักสะบอม 2 คนเป็นผู้ชาย 1 ผู้หญิง 1 คน พี่ผู้ชายชื่อ พี่ซาซุเกะ ส่วนพี่ผู้หญิงชื่อ อัญ ส่วนพวกพี่คนที่เหลืออ่ะนะหายสาปสูญไปกันหมด โดยไม่มีร่องรอยและตำรวจก็มาพิสูจน์หลักฐานว่าใครเป็นคนลักพาตัวเด็กนักเรียนพวกนั้นไป แต่ผลออกมาคือไร้ร่องรอยเช่นเดิมไม่ว่าจะตรวจลายนิ้วมือหรือสำรวจบริเวณก็หาไม่เจออยู่ดี ฉันเลยอยากถามพวกเธอว่ามีคนรู้ข่าวนี้บ้างมั๊ย" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉานและดังก้องทีเดียว บรรยากาศในห้องตอนนี้เงียบกริบ ไม่มีใครพูดเลยนอกจากมีแค่เสียลมหายใจที่ดังขึ้นแผ่วๆ

    นี่แก เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะ เธอกำลังทำให้เพื่อนกลัวอยู่นะ!”  ยัยเกียวกิพูดขึ้นเสียงดัง สงสัยอาจจะทนความอึดอัดไม่ไหวฉันก็เช่นเดียวกัน

    ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลยเราไม่ได้ไปร.รนั่นอยู่แล้วนิ?ฉันพูดขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบ ตอนนี้ปฏิกิริยาของเพื่อนทุกคนเริ่มผ่อนคลายลงบ้างเมื่อฉันกับเกียวกิเริ่มพูดกัน

    นี่แกไปอยู่ที่ไหนมาย่ะยัยหมี! เรา 6 คนน่ะถูกคัดเลือกไปทดลองแล็บที่นั่นรู้ม้าย!!!  ถึงแม้ร.รนั้นจะถูกปิดตายแต่เค้าก็จะเปิดให้พวกเด็กหัวกระทิของแต่ละโรงเรียนได้เข้าไปทดลองนะ เพราะร.รนี้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาก เพราะเมื่อก่อนน่ะนะ ผ.อโรงเรียนนี้ได้เปิดรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในร.รนี้แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเรียนเท่าไหร่เพราะค่าเทอมมันแพงหูฉี่เลยล่ะแพงกว่าร.รเราอีกนะ เค้าเลยต้องปิดร.รไง แต่ร.รเรากับทางสาธารณสุขไม่มีที่จะให้นักเรียนทดลองวิจัย เพราะเครื่องมือมีไม่ครบเลยต้องขอเช่าสถานที่และอุปกรณ์ในการทดลองยังไงล่ะ ทีนี้เธอเข้าใจรึยังยัยมากิ!!!” หนิงจากที่นิ่งอยู่นานก็ตะโกนออกมาอย่างเหลืออด

    หา!!!! o.O ว่าไงนะแก ระ...เราได้ไปที่นั่นหรอ?

    ก็เออสิฟะ! แกไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ไหนฮะ?แนนเงยหน้าขึ้นถามแต่มือก็ยังคงจดยิกๆอยู่

    ก็พี่อัญนะสิพอดีบ้านติดกันน่ะ 2 ปีก่อนหน้านี้พี่อัญเล่าให้ฟังก่อนจะย้ายบ้านไปฉันกรอกตาไปมาเพื่อคิดนึกย้อนความทรงจำ

    พี่อัญงั้นหรอ? เอ๋ว่าแต่พี่แกก็อยู่ปี1แล้วนี่นายัยหนิงพึมพำออกมาเบาๆ

    ก็อาจจะใช่นะถ้าจำไม่ผิด ทำไมหรอหนิง?

    ก็เห็นคุณครูบอกว่า....

    ปึงๆๆๆ!!!

    เสียงเคาะกระดานดำดังขึ้นทำให้รู้ถึงผู้มาเยือนเป็นอย่างดี เพื่อนๆที่ก่อนหน้านี้บางคนนั่งบางคนยืนฟังเรื่องของฉัน เดินแยกย้ายกลับที่นั่งกันอย่างรวดเร็วและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “HI! วันนี้ฉันจะมาพูดเรื่องแล็บภาคฤดูร้อน!ทุกคนเงียบแล้วฟังฉันพูด

    นี่แกมันจะเป็นอย่างที่มากิพูดมั๊ยนะแล้วพวกของหนิงจะตายรึเปล่า?(ซุบซิบๆ)เสียงจ๊อกแจ๊คจอจอเริ่มดังขึ้นเมื่อคุณครูลูซี่กล่าวถึงเรื่องแล็บที่ร.ร เซฟวิตเตอร์เซนต์จอน

    “HEY! เงียบกันหน่อยสิ!!” คุณครูรูซี่แผดเสียงดังดั่งคำประกาศิตทุกคนที่คุยกันก็เงียบสนิท ฉันยังตกใจอยู่เลยว่าทำไมถึงพูดเสียงดังขนาดนี้ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอออกจะเป็นคนพูดน้อยด้วยซ้ำไป

    ดี! คือทางโรงเรียนจะคัดเลือกคนไปทดลองที่แล็บโดยต้องหาคนที่ได้เกรดเฉลี่ยรวมเท่ากับ4.00เท่านั้น นั่นหมายความว่ากลุ่มพวก YOU ต้องไปแล็บในวันพุธที่จะถึงนี้ เข้าใจนะ แล้วส่วนเรื่องใบขออนุญาตฉันส่งไปให้พ่อแม่เธอที่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้วล่ะ อ้อ อีกอย่างอย่าลืมเตรียมเรื่องเสื้อผ้าด้วยเราจะไปทำการวิจัย 6วันนะคุณครูลูซี่พูดแล้วชี้มาทางหนิงที่นั่งทำหน้าเอ๋อๆอยู่หน้าห้องเรียน

    เอ่อ คือว่า คุณครูค่ะ คือว่า เอาคนอื่นไปไม่ได้หรอค่ะทำไมถึงเป็นพวกหนู?ยัยหนิงลุกขึ้นพูดอย่างกล้าๆกลัว

    ใช่ค่ะ ทำไมต้องเป็นพวกหนูด้วยละค่ะยัยเกียวกิก็เอาด้วยอีกคน ฉันว่าจะลุกช่วยคัดค้านแต่เสียงของครูลูซี่ดังขึ้นมาซะก่อน

    ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!เพราะ YOU คือกลุ่มหัวกะทิของโรงเรียนและเพื่อชื่อเสียงของโรงเรียนเราเธอต้องไปทำการทดลองและเข้าร่วมโครงการวิจัยมะเร็งขั้นพื้นฐานกับทางสาธารสุขด้วยเพราะฉะนั้นเตรียมตัวไว้ซะอีกอย่างคือ จะมีรุ่นพี่ตามไปช่วยวิจัยด้วย1คนนะ

    แต่คุณครูค่ะ...

    บอกแล้วว่าไม่มีแต่ อ้อ สำหรับงานที่ฉันสั่งไว้อย่างลืมเอาไปส่งนะยัยหนิง! ”  คุณครูลูซี่พูดจบก็เดินออกจากห้องไปดุ่มๆแบบไม่แคร์สื่อ

    ทำไงกันดีล่ะมากิ เราจะตายมั๊ย?จินนี่ยืนน้ำตาคลอถามฉันและเขย่าแขนฉันไปมา

    ฉันก็ไม่รู้สิ มันอาจจะแค่ข่าวลือก็ได้นิฉันพยายามกดอารมณ์ความหวาดกลัวไว้เพื่อที่จะไม่ให้จินนี่กลัวมากกว่านี้

    เพราะแกอ่ะมากิมาเล่าให้พวกเราฟังทำไม!!” เกียวกิเดินมาผลักไหล่ของฉันอย่างหัวเสีย อะไรกันว่ะไอ่นี้

    อ้าว! ฉันก็แค่พูดนิ เธอจะเอาไปคิดทำไมล่ะ ถ้ามันเป็นจริงๆถึงฉันไม่เล่าแกก็ต้องตายอยู่ดีนั่นแหละยัยเกียวกิหน้าวาซาบิ”  ฉันกับเกียวกิเริ่มมีปากเสียงกัน โด่เอ้ยกะอีแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

    ไหงพูดเงี้ยอ่ะมากิ ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรอไง!!”

    งั้นแกก็รีบฆ่าตัวตายเลยซะสิจะได้ไม่ต้องไปตายอย่างเจ็บปวดที่นั่นนะ เอาอย่างนั้นมั๊ยล่ะฉันจะได้สงเคราะห์ให้เธอ!!” ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ ฮึ่ย

    พอกันได้แล้วน่ายัยหมาบ้า!! หยุดซะที เลิกทะเลอะกันได้แล้ว หนิงพูดขึ้นอย่างเหลืออดเต็มที

    นั่นสิเราเอาเวลาที่ทะเลอะกันมาคิดหาทางแก้ดีกว่าน่า อย่าทำให้มันเครียดสิ^^” ฉันพยายามฝืนยิ้มให้แนนที่ออกความเห็น

    วู๊วๆๆๆมีอะไรกันน้อเสียงดังเชียวน้า 555* อรุณสวัสดิ์จ้า ยัยลีวีเซียเดินเข้ามาอย่างไม่รู้

    สถานการณ์เอาเสียเลยว่าเค้ากำลังเครียดกันอยู่    แม้ว่าหนิงจะส่งสายตาปรามลีวีเซียแล้วแต่ยัยนั่นคงจะไม่สนใจละมั้งถึงมาตะโกนพูดแบบร่าเริงมากมายทักพวกฉันน่ะ

    อูย~เป็นไรกันล่ะเนี่ยทำหน้ายังกะหนังหมาอย่างงั้นละมากิ...เกียวกิ ลีวีเซียหันหน้ามองฉันกับเกียวกิสลับกันไปมา  ขอบคุณที่ว่าฉันหน้าเป็นหนังหมานะยัยเบอะ!

    มาเรียนอะไรเอาป่านนี้ย่ะนี่มันจะเที่ยงแล้วนะ มานี่เลยๆมานั่งสมาธิเดี๋ยวนี้เลยนะต้องทำโทษหนักๆซะแล้ว แนนตัดบทด้วยการดึงหูยัยลีวีเซียไปทำโทษหน้าระเบียงตึก ตอนนี้ก็เหลือแต่หนิงเกียวกิ จินที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้วและก็ฉัน ฉันกับเกียวกิไม่เคยทะเลาะกันแรงขนาดนี้มาก่อนเลยออกจะรักกันมากด้วยซ้ำ ตั้งแต่ฉันพูดเรื่องนี้ออกไปทุกคนก็เปลี่ยนกันไปซะหมด หรือว่านี่คือความผิดของฉัน

    เอ่อ หนิง จิน ช่วยออกไปก่อนได้มั๊ย? ฉันมีเรื่องจะคุยกับเกียวกิน่ะ ฉันหันไปบอกหนิงและจินที่นั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างๆ

    อะ..อ้อ จินไปซื้อน้ำกันดีกว่าปะ^^”หนิงพูดขึ้นอย่างรู้หน้าที่ แล้วลุกขึ้นจูงมือจินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว

    นี่เกียวกิที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นะ ขอโทษนะพอดีฉันไม่ทันคิดนะT^T” ฉันพูดออกไปด้วยความจริงใจ บ้าชะมัดเลยทำไมอยู่ๆขอบตาของฉันถึงร้อนขึ้นมาได้นะ

    เอ่อ ฉันก็ต้องขอโทษเธอเหมือนกันนะมากิที่ฉันพูดแรงกับเธอT^T” เราสองคนหันหน้ามามองกันอย่างรู้เชิง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังไปพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม 55* น่าตลกชะมัดเลย

    ถ้าหากเรื่องนั้นเป็นจริงล่ะก็ เราจะช่วยกันแก้ปัญหาเนอะ^^” เกียวกิพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน

    ฮือ ๆๆๆๆT^T”

    นี่แกร้องไห้ทำไมน่ะยัยบ้า!” เกียวกิพูดอย่างตกใจที่ฉันร้องไห้และยัยนั่นก็เดินมาตบหัวฉัน ขอบคุณมากที่เป็นห่วงช้าน!! ตบลงมาได้นะ หัวคนนะไม่ลูกวอลเล่-*-

    ก็คนมันซึ้งนี่นา ถ้าฉันไม่พูดเรื่องนั้นพวกเธอก็คงไม่กลัวหรอใช่มั๊ย?T.T” ฉันพูดด้วยเสียงสั่นๆ

    เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าเก็บมาคิดเลยนะ^^” ยัยเกียวกิพูดให้กำลังใจฉัน

    ขอบคุณนะเกียวกิT^T” ฉันหันไปกอดเอวเพื่อนรักสุดซี้ของฉันแล้วเอาหน้าถูกับหน้าท้องของเกียวกิ

    อี๋ๆๆ!! ออกไปเลยนะยัยหมีบ้า ขนลุกๆ><” เกียวกิทำท่าจะดันฉันออก

    เอะว่าแต่เมื่อกี้นี้ที่ฉันกอดเธอ ฉันรู้สึกว่ามีห่วงยางน้อยๆอยู่นะเนี่ย 555*ยัยหมูเกียวกิ  ฉันเงยหน้าขึ้นพูดล้อเลียนแล้วทำหน้าแก้มป่องเป็นหมูอุ๊ดๆ

    อ้ายๆ! ยัยมากินี่เธอกล้าล้อฉันเรอะยัยหมีบ้า!” ยัยเกียวกิกระโจนมาเพื่อจะรัดตัวฉันไว้ แต่ไม่ได้กินฉันหรอก555 ยัยหมูเกียวกิ

    ตามมาซี้ยัยหมู แบร่:p” ฉันวิ่งไปทั่วห้องแล้วทำท่าล้อเลียนเกียวกิไปด้วย

    หยุดนะยัยมากิ มาให้จับเลยนะย้า!!” ยัยเกียวกิตะโกนเรียกฉัน55* ตลดชะมัดเลย

    อ้าวๆ! เล่นอะไรกันเนี่ย เมื่อกี้ยังเห็นทะเลาะกันอยู่เลยนี่นา-*-” แนนเดินเข้ามาพร้อมกับยัยลีวีเซียที่ทำหน้าบูดเป็นตูดหมา สงสัยยัยนั่นจะโดนนักแหะ555

    ก็งี้แหละนะ คนมันรักกันนี่เนอะเกียวกิ^^” ฉันหยุดยืนอยู่หน้าแนนแล้วเอามือกอดคอเกียวกิอย่างกับฝาแฝดอินทร์จันทร์

    “55* รักกันไว้แหละดีแล้วสาวน้อย เพราะเราคือเพื่อนรักกันนี่!” ยัยลีวีเซียพูดขึ้นอย่างฮึกเหิมแล้วเดินมากอดคอพวกเราอีกคน

    ดีแล้วๆ แล้วนี่ยัยหนิงกับยัยจินไปไหน หายเงียบไปเลยแนนชะเง้อคอมองหาอย่างเอาเป็นเอาตาย

    มาแล้วๆ 555* ของเพียบเลย หนิงวิ่งจูงมือจินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

    พรึ่บ!

    หนิงโยนถุงขนมต่างๆลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น

    โห! ยัยหนิง ยัยจิน ไปเอาขนมที่ไหนมาเยอะแยะเนี่ย ลาภปากจริงๆ><” ลีวีเซียพูดขึ้นแล้ววิ่งเข้าใส่กองขนมอย่างรวดเร็ว ชีวิตนี้แกเคยทำอะไรที่เป็นสาระบ้างมั๊ยเนี่ยยัยลีวีเซีย เฮ้อ! ฉันเดินตามลีวีเซียไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ และหยุดอยู่ที่โต๊ะประจำหลังห้อง

    “555 มีคนให้มานะ ฉันเก่งใช่มั๊ยล่ะ><” หนิงพูดพร้อมยืดออกอย่างภูมิใจ

    เห้ยๆ! ลีวีเซีย อย่าพึ่งกินมันเข้าไปน้า~” แนนปรามเสียงแข็ง

    ทำไมล่ะแนน น่ากินทั้งนั้นเลยนิฉันหันไปพูดแทนลีวีเซียที่กำลังจะเอาขนมเข้าปากแต่ก็ต้องชะงักไว้

    คิดดูสิ ขนมนี้นะเป็นของใครก็ไม่รู้ ถ้าเกิดใส่ยาเบื่อขึ้นมาก็แย่นะสิ

    โหย นี่แกคิดมากไปปะเกียวกิพูดขึ้น

    นั่นสิแนน มากินกันเถอะนะอีกอย่างครูลูซี่ก็เอาขนมนี่ไปเหมือนกันหนิงพูดแล้วเดินมาทางฉันที่นั่งกินขนมเต็มปาก

    อื้มๆ อั่นอิ อาอินอะเอาอีอ่าอ้า! ^).(ง่ำๆ [แปล นั่นสิ มากินกับเราดีกว่าน้า]” ลีวีเซียพูดอย่างไม่รู้เรื่องเพราะขนมยังอยู่เต็มปากอยู่ ตะกละจริงๆเพื่อนใครกันเนี่ย-*-

    เชิญเถอะ ชั้นยังไม่หิวนะ อ้อ อีกอย่างอย่าลืมเก็บไว้ไปกินที่ค่ายด้วยนะเพราะฉันขี้เกียจซื้อน่ะแนนพูดด้วยเสียงราบเรียบ แล้วเดินมานั่งข้างๆลีวีเซีย

    ตามใจย่ะ>< ฉันนั่งกินขนมจนอิ่มแปล้แล้วในตอนนี้

    นี่ แล้วเราจะเอาไงกับเรื่องค่ายนี้ดีล่ะ?หนิงเงยหน้าจากกองขนมมองฉันแล้วเอียงคอถามอย่างสงสัย

    ก็เอาไงเอากันไงเรื่องนั้นอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้นี่เนอะมากิ^^” เกียวกิพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้กับฉัน

    แต่ฉันก็มีแผนรับมือแล้ว55* เดี๋ยวรู้กันวันไปเข้าค่ายก็แล้วกันฉันพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ในหัวของฉันตอนนี้คิดแต่เรื่องการไปค่าย และกำลังประมวลวิธีจัดการกับคนที่เป็นคนบงการเรื่องที่ร.รนั้นถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริง

    อื้ม เราจะอยู่ช่วยกันทุกคนใช่มั๊ย?จินนี่ยื่นมือมากลางวง จากนั้นเรา6 คนก็เอามือประสานกันอย่างรู้กัน

    ใช่แล้ว เราจะสู้ด้วยกัน เย้!!!!” พวกเราทั้ง6 คนตะโกนออกมาพร้อมกันแล้วกอดคอกันกลม ถ้าหากว่าเรื่องที่ทุกคนกังวลอยู่ในตอนนี้ไม่เกิดขึ้นก็น่าจะดีสินะ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×