ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รู้ไว้ใช่ว่า!!

    ลำดับตอนที่ #4 : “รองเท้าสันสูง”...ซ่อนโทษมหันต์!!!

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 54


     

    ถ้าเอ่ยถึงรองเท้าที่ทำให้ผู้สวมใส่ดูสวย สง่า และสูงเพรียวแล้วล่ะก็ เชื่อว่าคงจะนึกถึง......

    “รองเท้าสันสูง” กันใช่ไหมจ๊ะ แต่รู้กันบ้างรึเปล่าจ๊ะว่า ภายใต้ความสวยงามของรองเท้าประเภทนี้นั้นมันซ่อนความเจ็บปวดไว้มากมาย เส้นเลือดขอด >> แม้ ว่าโรคนี้จะไม่ได้มีสาเหตุมาจากการใส่รองเท้าสันสูงโดยตรง แต่มันก็จะทำให้มีเส้นเลือดขอดเพิ่มมากขึ้นได้ เพราะลิ้นในหลอดเลือดดำเป็นกลไกลสำคัญในการป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ ดังนั้นเวลาที่เรายืน ลิ้นก็จะเป็นตัวป้องกันเลือดไหลย้อนลงมา ซึ่งเมื่อลิ้นและผนังหลอดเลือดมีความผิดปกติ เลือดก็จะไม่สามารถผ่านไปได้หมดทำให้เลือดไหลย้อนกลับ และเกิดการขยายตัวของเส้นเลือดจนกลายเป็น               “เส้นเลือดขอด” นั้นเอง

    รองเท้าสันตึก >> ถึง แม้รองเท้าสันสูงแบบสันตึกจะมีพื้นที่ลาดเอียงเล็กน้อย ซึ่งช่วยลดการแอ่นของหลังได้ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยในเรื่องของการทรงตัว เพราะมีผู้สวมใส่จำนวนไม่น้อยที่เกิดข้อเท้าพลิกจากการตกส้นตึก ดังนั้นใครที่มีอาการปวดเท้าบ่อย หรือมีกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าสันตึกนะจ๊ะ

    กระดูกและเอ็น >> การ สวมใส่รองเท้าสันสูงจะมีผลกระทบต่อกระดูกและเอ็น เพราะน้ำหนักตัวจะมีการกระจายตัวผิดจากธรรมชาติ ทำให้กระดูกและข้อทางด้านหน้าต้องรับน้ำหนักมากกว่าส้นเท้า เป็นสาเหตุของการอักแสบ และปวดบ่อย นอกจากนี้การที่หลังแอ่นมากกว่าปกติ จะยิ่งทำให้เอ็นและข้อทำงานหนักมากขึ้นอีกด้วย

    รองเท้าที่ดีต่อสุขภาพ >> ควร ที่จะเลือกรองเท้าสันสูงที่มีความกระชับพอดี ไม่แน่น ไม่หลวม และที่สำคุญที่สุด คือ พื้นต้องนุ่มแต่แน่นเพื่อเป็นกระจายน้ำหนักให้ทั่วทั้งเท้า

    นิ้วงอและปวด >> สาเหตุ ที่กระดูกนิ้วหัวแม่เท้างอและปวดนั้น เกิดจากการอักแสบเรื้อรัง การใส่รองเท้าสันสูงที่คับและรัดแน่นจนเกินไป วิธีการรักษาในกรณีที่เอียงไม่มาก คือ เอาผ้านิ่มๆ สอดไประหว่างนิ้วหัวแม้เท้าและนิ้วชี้ หลังจากนั้นพ้นรอบนิ้วทั้งสองด้วยพลาสเตอร์ วิธีนี้จะทำให้นิ้วตรงได้ แต่ถ้ามีปัญหาเอียงมากก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษานะจ๊ะ

    เห็น ไหมจ๊ะว่า “รองเท้าสันสูง” นั้น นอกจากที่จะช่วยเพิ่มความสวยให้กับผู้ที่ได้สวมใส่แล้ว ก็ยังมีโทษที่ซ่อนอยู่เหมือนกัน ดังนั้นต่อไปก่อนที่จะเลือกรองเท้าสันสูงมาสวมใส่คุณๆ ควรที่จะสังเกตให้ดีนะจ๊ะว่า มันหลวมหรือคับเกินไปรึเปล่า สังเกตเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อสุขภาพเท้าที่ดีของเรายังไงล่ะจ๊ะ.......

     

      ผู้หญิง ความงาม และการแต่งตัว ต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน การที่ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัว ก็เพื่อเพิ่มความเด่น ลบความด้อย เสริมบุคลิกภาพในการเข้าสังคม โดยเฉพาะรองเท้าส้นสูง ดูจะเป็นเครื่องแต่งกายชิ้นหนึ่งที่คุณผู้หญิงให้ควา มสำคัญ เมื่อสวมแล้วเดินสวยๆ เข้ากับเสื้อผ้าที่ใส่ยิ่งส่งให้ดูสง่าผ่าเผยขึ้นทัน ตา แต่การสวมรองเท้าส้นสูงบ่อยๆ อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้

            จากการพูดคุยกับรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ พงษ์ศักดิ์ ยุกตะนันท์ แผนก แผนกศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์ และกายภาพบำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เผยถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงที่สวมรองเ ท้าส้นสูงเป็นประจำ จะมีอาการ เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกิดโรคข้อนิ้วหัวแม่เท้าเสื่อม แข็ง เก ผิดรูปหรือซ้อน รวมทั้งอาจเกิดรอยด้านบริเวณผิวหนังที่ถูกเสียดสี เป็นตาปลา เกิดก้อนแข็งๆ ปูดนูนขึ้น เจ็บบริเวณเล็บ หรือเล็บขบ

    อีกทั้งขณะที่สวมรองเท้าส้นสูง อวัยวะบางส่วนของร่างกายต้องรับบทหนัก

            เริ่มที่ หลังส่วนกลาง : จะต้องบิดโค้งเพิ่มมากขึ้น, เชิงกราน : ถูกยกอย่างไม่สมดุล ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานอ่อนแอ, เข่า : ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น อาจทำให้เกิดอาการปวด โรคกระดูก หรือข้อต่ออักเสบตามมา, น่อง : การเดินเขย่งจะทำให้กล้ามเนื้อน่องสั้นขึ้น, ข้อเท้า : การขยับข้อเท้าในขณะสวมรองเท้าอยู่นั้น หากทำผิดจังหวะ อาจทำให้ข้อเท้าแพลง, เท้า : ส่วนที่รับบทหนัก เพราะต้องรักษาดุลไปด้านหน้า ส่งผลต่อกระดูกที่ฝ่าเท้าอาจมีอาการปวดเมื่อย จนอักเสบ การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่งจะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่ าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่การปวดหลัง

            อาการทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงทุกคนเสมอไป เพราะแต่ละคนมีรูปเท้า หรือลักษณะเท้าที่แตกต่างกัน เช่น รูปเท้าเรียว อวบนูน จะไม่ค่อยเกิดปัญหา แต่รูปเท้าแบนราบ มักเกิดอาการปวดเมื่อย ทั้งนี้เพราะฝ่าเท้าจะสัมผัสกับพื้นรองเท้ามากเป็นพิ เศษ ประกอบกับพื้นรองเท้าส่วนใหญ่จะแคบ ทำให้เท้าถูกบีบรัดตัว ผู้มีรูปเท้าแบน จึงควรเลือกรองเท้าพื้นกว้างๆ จะปลายกว้างหรือปลายแหลมก็ได้

            หากมีอาการปวดเมื่อยเท้า ควรแช่ด้วยน้ำอุ่นจัด ด้วยระดับน้ำที่สูงถึงครึ่งน่อง นาน 10-15 นาที พร้อมทั้งออกกำลังเท้าและนิ้วเท้า โดยกระดกปลายเท้าขึ้น-ลง เหยียดงอนิ้วเท้า หันฝ่าเท้าสลับเข้า-ออก หรือใช้มือบีบนวดบริเวณอุ้งเท้า ซึ่งเป็นส่วนที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำวนวนมาก จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยลงได้

            สำหรับผู้ที่มีอาการเท้าแพลง เบื้องต้นในระยะ 1-2 วันแรก ใช้น้ำแข็งประคบ 5-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง พันด้วยผ้ายืด พักการใช้งานข้อเท้า หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

            เมื่อใช้งานเท้าหนัก ก็ควรดูแลเท้าด้วยวิธีง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน อย่างการทำ ‘สปาเท้า’ เพราะแค่มีมะขามเปียก สบู่เหลวหรือสบู่ก้อน แปรงสีฟันเก่าที่เลิกใช้ สำลี โทนเนอร์ และโลชั่นน้ำนม ก็สามารถทำได้แล้ว

            เริ่มจากการขัดด้วยมะขามเปียก ตามด้วยสบู่ ขัดไปเรื่อยๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย นำแปรงสีฟันมาถูบริเวณรอยดำ รอยด้าน จากนั้นใช้สำลีชุบโทนเนอร์ ขัดบริเวณที่ด้าน เช่น ส้นเท้า สุดท้ายค่อยลงโลชั่นน้ำนมให้ทั่ว คุณก็จะได้เท้าที่สะอาด ผ่อนคลาย หากพอมีเวลาควรทำสปาเท้าอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์

            เห็นทีคุณผู้หญิงคงจะต้องพิถีพิถันกับการดูแลเท้าให้ มากขึ้น หากไม่สามารถเลิกสวมรองเท้าส้นสูงทั้งๆ ที่มีอาการปวดเมื่อย ก็ควรลดความสูงลงบ้าง รวมทั้งการฝึกเดิน-ยืน โดยการเขย่ง คล้ายๆ กับเวลาที่สวมรองเท้าส้นสูงเพื่อสร้างความคุ้นเคย และอย่าลืมดูแลเท้าตามคำแนะนำ เพื่อสุขภาพเท้าที่ดี และการเดินบนรองเท้าส้นสูงคู่สวยด้วยความมั่นใจ

    ที่มา : http://www.the-than.com/
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×