ฉึกฉัก
เสียงรถไฟขยับดังก้องไปทั่วทั้งโบกี้ที่มีสมาชิกอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือ
‘คิมแทฮยอง’ เด็กหนู่มผู้แม้จะอายุเพียง13ปี แต่ใบหน้านั้นคมเค้า อีกไม่กี่ปีคงเป็นหนุ่มหล่อหาใครเทียบ อีกทั้งเขายังเป็นทายาทของพ่อมดชื่อดัง เพราะแบบนี้รึเปล่าหนอ ถึงไม่มีใครกล้ามานั่งโบกี้เดียวกับเขาเลย
แต่ถามว่าเขาสนเหรอ เหอะไม่ล่ะ อยู่คนเดียวบ้างก็ดี สงบดีออก
ร่างสูงโปร่งกำลังนั่งเท้าคางมองวิวทิวทัศน์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไป จากภาพชานชลาเริ่มเปลี่ยนภาพทิวทัศน์ของผืนป่าและทะเลสาบ
ในขณะที่ตาคมกำลังเคลิ้มสู่ห้วงนิทรานั่นเอง เสียงเคาะประตูกระจกก็ดังขึ้น
แทฮยองหันพรึบไปมองอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะต้องเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นดูเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
แต่มีพวงแก้มที่อวบอิ่มกำลังน่ารัก ปากเป็นกระจับอวบอิ่ม และตาที่ยิ้มจนหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว
/น่ารัก/ เขาคิด
เมื่อเห็นว่าคนในโบกี้ไม่ได้ว่าอะไร ‘ปาร์คจีมิน’ จึงเปิดประตูเข้าไป
“สวัสดี เราชื่อจีมิน เราเดินวนหาโบกี้นั่งมาซักพักแล้ว มีตรงนี้ที่เดียวที่ยังไม่เต็ม ขอเรานั่งด้วยได้มั้ย”
แทฮยองพยักหน้าจีมินจึงยิ้มกว้างกว่าเดิมและเอาของเข้าไป
ทั้งสองคุยจ้อตลอดทางจนคนตัวสูงกว่าลืมไปเลยว่าเคยง่วง จนกระทั่งรถไฟหยุดจอดที่ชานชลา ‘ฮอกวอร์ต’
“นายสองคน! ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อคลุมอีก!” เสียงสูงถามโพล่งขึ้นมา ในที่สุดปาร์คจีมินกับคิมแทฮยองก็ออกจากโลกส่วนตัวเสียที
ทั้งสองหันมามองเจ้าของเสียงที่ถือวิสาสะมาเปิดประตูห้องพวกเขาอย่างสงสัย หากมองเลยด้านหลังคนๆนี้ไปอีกจะเห็นคนผิวซีดอีกคนในชุดเครื่องแบบสลิธธีรินกำลังมองพวกเขาอยู่เช่นกัน
“เอ้า ไม่ต้องมาทำหน้างง ก็เราต้องลงจากรถไฟแล้วไงเล่า ไปๆไปเปลี่ยนเสื้อ เห้อ ปี1ก็อย่างงี้แหล่ะ” เจ้าของเสียงสูงว่าต่อ
“ซอกจิน นายเองปีที่แล้วก็เป็นแบบ2คนนี้” คนในเครื่องแบบสลิธธีรินกล่าว
“โว้ะ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกโว้ยยุนกิ” ‘คิมซอกจิน’ ในเครื่องแบบบ้านฮัฟเฟิลพัฟว่าเพื่อนผิวซีดอย่าง ‘มินยุนกิ’
เด็กปีหนึ่งได้แต่มองพี่2คนเถียงกันไปมา ก่อนที่พวกเขาจะโดนไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้ออีกครั้ง
ปาร์คจีมินมีพ่อแม่เป็นคนธรรมดา หรือที่เรียกกันว่ามักเกิล
เขาไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเขาจะได้รับจดหมายจากสถาบันสอนพ่อมดแม่มดชื่อดัง ดังนั้นเรื่องการวิ่งทะลุเสามายังชานชลา9เศษ3/4 หรือการนั่งเรือข้ามฟากมายังปราสาทใหญ่ หรือมีวิญญาณบินว่อนไปมาในห้องอาหารใหญ่โตที่มีโต๊ะตัวเขื่องยาวตลอดแนวเป็นสี่แถวภายใต้เพดานที่เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนนี่มันเรื่องเหนือจินตนาการชัดๆ
แต่ที่เขาไม่อยากเชื่อที่สุดคือหมวกบนหัวคนก่อนหน้าเขา มันกำลังขยับและพูดได้ พระเจ้าช่วย ไม้กายาสิทธิ์ที่ไปซื้อวันก่อนว่าล้ำแล้ว แต่นี่หมวกมันพูดได้เว้ยเห้ย!?
“ลีแทยง กริฟฟินดอร์!”
เพียงเท่านั้นเสียงเฮก็ดังกึกก้องจากโต๊ะที่ใส่เนคไทน์สีแดงสลับทอง ทำเอาจีมินเหงื่อแตกพลั่ก ขณะก้าวไปนั่งบนเก้าอี้
หมวกใบเดิมค่อยๆถูกวางบนหัวเขา จีมินได้ยินหมวกพึมพัมเบาๆ
“อืม จริงใจ กล้าหาญด้วยนะเนี่ย กริฟฟินดอร์มั้ย?”
สายตาจีมินจึงไปหยุดอยู่ที่โต๊ะตะกี้ พวกเขาดูคึกคักเกินไปมั้ย เขาว่ามันน่ากลัวนะ
“มะ ไม่เอากริฟฟินดอร์” เขากระซิบ
หมวกขยับเปลี่ยนสีหน้า
“หืม มีเลือกเองซะด้วย อ่ะไม่เอากริฟฟินดอร์ก็ได้ งั้น.... ฮัฟเฟิลพัฟ!!”
สิ้นเสียงประกาศโต๊ะที่มีแต่คนสวมเนคไทน์เหลืองสลับดำก็ปรบมือกราว ร่างเล็กของจีมินรีบเดินไปร่วมกลุ่ม พลางยอมรับผิดในใจว่าบ้านนี้เป็นยังไงเขาไม่รู้หรอก แต่ลึกๆในใจเขาก็ภาวนาให้เพื่อนคนเดียวของเขาตอนนี้อย่างคิมแทฮยองมาอยู่บ้านเดียวกันด้วย
แต่เหมือนเขาจะขอบ้านผิดไปเพราะ
“เหอ ทายาทพ่อมดสายมืดเลยนี่เรา ไปๆไม่มีบ้านไหนที่จะทำให้เจ้าสบายใจกว่านี้แล้ว คิมแทฮยอง...สลิธธีริน!!”
พับผ่าสิ แล้วแบบนี้จีมินจะทำยังไง!?T_T
มื้อเย็นสำหรับปาร์คจีมินช่างเศร้าเหงาหงอยเพราะขาดแทฮยองไป แต่เมื่อเด็กปี1ทุกคนผ่านการคัดเลือกโดยหมวกคัดสรร และรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ครูใหญ่ก็ก้าวขึ้นมาประกาศเรื่องที่จะเปลี่ยนฮอกวอร์ตไปตลอดกาล
“สงคราม เป็นสิ่งที่พวกเราพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด แต่12ปีที่แล้วก็ยังเกิดสงครามขึ้น! ทั้งกระทรวงเวทย์มนตร์ และทุกสถาบันสอนพ่อมดแม่มดจึงเพียรพยายามหาทางแก้ไขจุดบกพร่องมาตลอด จนในปีนี้พวกเราได้ตกลงกันว่า การจะแก้ไขนั้น ต้องเริ่มจากไม่แบ่งแยกบ้านทั้ง4บ้าน!”
พลันเสียงคัดค้านก็ดังขึ้นจากทุกหนแห่ง จะให้ยุบบ้านเหรอ พวกผู้ใหญ่บ้าไปแล้วหรือยังไง!
ครูใหญ่ใช้ไม้กายาสิทธิ์จิ้มที่ลำคอ เขากล่าวเสียงดัง “เงียบ!!”
แล้วเขาก็อธิบายต่อ “เราไม่ได้จะทำการยุบบ้านแต่อย่างใด แต่จะเป็นการทำสายรหัสร่วมสี่บ้านต่างหากล่ะ! ทุกคนจงมองไปที่ในฝ่ามือของตัวเอง ตอนนี้กระดาษที่ระบุเลขคงมาปรากฏบนมือพวกเธอแล้วใช่ไหม” จีมินรีบก้มมองฝ่ามือของตัวเอง กระดาษเลข7นี่มาอยู่บนมือเขาได้อย่างไรกัน!?
“จากนี้ไปกระดาษจะนำเธอไปเจอเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องที่มีเลขรหัสเดียวกัน และนั่นจะเป็นสายรหัสของพวกเธอ! แยกย้ายไปหาสายรหัสได้!”
พริบตานั่นเองแสงสีชมพูอ่อนๆก็โยงออกมาจากกระดาษ จีมินหันไปมองเด็กข้างๆ พบว่าเด็กคนนั้นถือกระดาษแสงสีเหลืองอ่อน คนถัดไปก็เป็นสีม่วงเข้ม
‘แปลว่าสีนี่จะนำไปหาสายรหัสงั้นเหรอ?’
มันจะเรื่องอะไรเขาก็ไม่รู้แล้ว ขาเล็กขยับออกจากเก้าอี้ เขาเดินตามแสงสีชมพูอ่อนของเขาไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะไปหยุดอยู่หน้าคน5คน
“แทฮยอง!!”
จีมินตะโกนลั่น เขาพุ่งไปกอดคนตัวสูงกว่าแน่น คนตัวสูงก็กอดกลับจนดูเป็นก้อนกลมๆ
“บังเอิญชะมัด โล่งใจจังเราได้อยู่สายเดียวกันนะยุนกิ”
คิมซอกจินดี๊ด๊าไม่ต่างกับน้องร่วมบ้าน จนมินยุนกิต้องกลอกตามองบนให้กับความโอเวอร์แอคติ้งนั่น
“ว้าวๆ ได้อยู่กับ ‘คิมนัมจุน’ คนดังด้วยล่ะ” ‘จองโฮซอก’ กล่าวยิ้มๆ ในหัวก็คิดแค่คำว่า /น่าสนุก/
1 กริฟฟินดอร์
1 เรเวนคลอ
2 ฮัฟเฟิลพัฟ
2 สลิธธีริน
เลือดกริฟฟินดอร์ในกายจองโฮซอกพลุ่งพล่าน พับผ่าสิ! สายรหัสนี่ต้องเจ๋งมากๆแน่เลย!!
#BTSHogwartz
ความคิดเห็น