คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : THE ROOMMATE - 06
วันนี้เป็นวันที่มหาวิทยาลัยเปิดเรียนเป็นอาทิตย์ที่สี่ หลาย ๆ คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ปีหนึ่งก็ต่างยังกระตือรือร้นในการเข้ามาเรียนในตอนเช้า เว้นแต่สองเด็กใหม่ในคณะวิศวะ ที่วันนี้ยังคงมาสายแบบไม่ได้สนใจว่าจะมีคนคอยจ้องจะจับผิดอยู่
“มาอีกละ” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่แต่งตัวเนี้ยบไปซะทุกอย่างได้เอ่ยขึ้น
“ไม่ได้เจอกันสองวันคิดถึงแย่ ยืนรอให้เขามาเริ่มรบกันเถอะ”
“…” คนที่ได้ยินไม่ตอบอะไร เพียงแต่หันหน้าไปเผชิญกับรุ่นพี่ปีสองที่กำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขามากทุกที
“มาสายทุกวัน แต่งตัวก็ยังผิดระเบียบอีก” ผู้ที่เป็นรุ่นพี่ยืนมองรุ่นน้องตาเขม็ง ก่อนจะหันไปทักทายกับอีกคนบ้าง
“นายก็ด้วย ท่าทางดูเป็นเด็กดีนะ ทำไมต้องทำตัวเหลวไหลกับเขาด้วยล่ะ”
“ไม่เอาน่าพี่ แค่มาสายกับแต่งตัวผิดไม่เรียบร้อยแค่นี้นี่ถึงกับต้องใช้คำว่าเหลวไหลเลยหรอ” ร่างสูงยกมือขึ้นมากอดอก ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วถามคนข้างหน้าไปอย่างไม่แคร์อะไร
“ฉันจะไม่ใช้คำนี้หรอกถ้านายทำผิดแล้วก็ยังยอมปรับตัว แต่นี่อะไร ให้เตือนทุกวันแล้วยังมีหน้ามาท้าทายกับกฎอยู่”
“อย่ามาใส่ใจเลยครับ ไม่แน่ผมที่ทำตัวแบบนี้อาจจะเรียนดีกว่าพี่ที่มีระเบียบในชีวิตไปซะทุกอย่างก็ได้นะครับ”
“คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหนน่ะ!”
“ไม่ใช่ที่เดียวกันกับพี่อ่ะ”
“นาย!”
“คิมจงอิน!” หนึ่งในสองคู่หูที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์มาตลอดเอื้อมมือขึ้นมาบีบไหล่เพื่อนไว้ หลังจากที่รุ่นพี่ได้เกิดอาการโมโหขึ้นจนยกกำปั้นขึ้นเตรียมจะซัดใส่หน้าอีกคน แล้วอีกฝ่ายก็เช่นกัน เตรียมจะยกมือขึ้นมาแลกหมัดแล้ว แต่ก็โดนคนข้าง ๆ ปรามไว้ซะก่อน
“ถึงจงอินจะแต่งตัวไม่เรียบร้อยหรือเราสองคนจะมาสายเป็นประจำ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่ครับ จะโดนตัดคะแนนหรือเรียนไม่ทันเพื่อนสุดท้ายพวกผมก็ต้องเป็นคนรับไว้เอง เราไม่ได้กังวลอะไรพี่ก็อย่ามาใส่ใจด้วยเลย เรารับผิดชอบตัวเองได้ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามายืนแขวะพวกผมให้เสียเวลาดีกว่านะครับ พี่ไม่เบื่อแต่ผมเบื่อแล้ว” พอพูดจบแล้วร่างเล็กก็เดินผ่านหน้ารุ่นพี่แล้วออกไปจากบริเวณนั้นทันที ก่อนที่เพื่อนตัวสูงจะส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่คนเดิมอีกครั้งแล้วตามออกไป ปล่อยให้คนที่โดนสวดไปได้แต่ยืนกำมือแน่นโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
“นาน ๆ ทีจะเห็นนายพูดกับใครแบบนี้ ยังปากร้ายเหมือนเดิมเลยนะ ดูหน้าพี่เขาสิ ตลกชะมัด ฮ่าๆๆๆ”
“เงียบไปน่าจงอิน คราวหลังก็เก็บอารมณ์ไว้หน่อย บางทีเราก็ควรจะทำตามกฎที่พี่เขาบอกจริง ๆ แหละ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าไปต่อล้อต่อคำเลยดีกว่า ไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง” คนตัวเล็กหันไปค้อนจงอินพร้อมกับพูดประโยคยาว ๆ ขึ้นอีกครั้ง
“โธ่คยองซู เดี๋ยวนี้นายไม่เข้าข้างฉันแล้วหรอ”
“ที่ยืนเถียงกับพี่เขาเมื่อกี้นี่ฉันไม่ได้ดูเข้าข้างนายเลยดิ”
“...นั่นแบคฮยอนมานั่นแล้ว” จงอินเถียงอะไรคยองซูต่อไม่ได้ ก่อนจะหันไปอีกด้านแล้วเจอกับเพื่อนตัวเล็กอีกคนกำลังเดินมาหาเขาสองคนพอดี
“ไง วันนี้โดนเทศน์อีกแล้วละสิ” คำทักทายแรกจากแบคฮยอนเมื่อเดินมาถึงตัวเพื่อนทั้งสองคน
“อืม แต่เมื่อกี้แม่งโดนคยองซูตอบกลับซะไปต่อไม่ถูก คิดแล้วขำ”
“แต่วันนี้ก็สมควรโดนนะ มาสายจนหมดไปคาบนึงละ ซ่ามากเปล่าพวกนายสองคนน่ะ”
“โทษจงอินเลย กว่าจะลุกจากที่นอนได้ต้องให้ฉันไปลากถึงห้อง”
“อ้าว ฉันไม่ได้ขอร้องนายนะ”
“…” คยองซูหันไปทำหน้าเอือมใส่จงอินแล้วส่ายหัวเบา ๆ
“เอาล่ะ เลิกเถียงกันได้แล้ว ฉันเลคเชอร์เอาไว้อยู่ คยองซูเอาไปลอกนะ เสร็จเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน”
“ขอบใจนะแบคฮยอน” คยองซูรับเอาสมุดเล่มหนาของแบคฮยอนมาแล้วยัดใส่กระเป๋า
“ไม่ต้องหรอก พอถึงเวลานายได้เป็นฝ่ายจดมาให้ฉันลอกตอบแทนฉันแน่” แบคฮยอนพูดพร้อมกับหันหลังใส่เพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินต่อไปข้างหน้า ก่อนที่คยองซูกับจงอินจะเดินตามไปติด ๆ
“อยากไปทำงานกับนายจัง เป็นบาร์เทนเดอร์นี่มันต้องได้เจอกับสาว ๆ ตลอดเลยสินะ คืนๆหนึ่งนายเจออะไรบ้างน่ะแบคฮยอน ช่วยบอกอะไรที่มันมากกว่าแค่ที่นายทำอาชีพนี้ได้ป้ะ”
“เอาแต่นอนทั้งวันทั้งคืนแบบนี้อย่าคิดจะทำอะไรเลย” คยองซูพูดพร้อมกับเหล่หางตาไปทางจงอิน ในขณะที่แบคฮยอนได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหัวเบา ๆ
“นี่แบคฮยอน ถ้าถึงตอนนั้นนายจะขาดเรียนบ่อยแค่ไหนหรอ”
“ไม่รู้สิ แล้วแต่อารมณ์”
“นายนี่แม่งเจ๋งสุด ๆ อ่ะ หาเงินเองได้แถมยังเรียนเก่งอีก” จงอินทำตาเป็นกระกายใส่แบคฮยอน
“นี่เก่งหรอ คะแนนที่สอบเข้ามาได้นี่แทบจะรั้งท้ายอยู่ละ คยองซูนี่สิเก่งของแท้ สอบเข้ามาได้อันดับหนึ่งแหนะ”
“ก็ถ้าเข้าคณะเรามหาลัยเราได้นี่ก็ถือว่าเก่งมากแล้วน่า แล้วนายกับคยองซูก็ไม่เหมือนกันด้วย นายอ่ะต้องทำงานตลอดนี่ แต่คยองซูออกจะเป็นลูกคุณหนูว่างพอที่จะอ่านหนังสือได้ทั้งวัน เรียนพิเศษก็เยอะ”
“…” คยองซูได้ยินแบบนั้นไม่ตอบอะไร เพียงแต่พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับมองหน้าจงอินด้วยความเบื่อหน่าย
“ฉันพูดอะไรผิดหรอ”
“ไม่ผิด ฉันแค่เบื่อนายที่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรนายก็ยกฉันไปพูดซะทุกเรื่อง”
“เอ้าก็แบคฮยอนเขาพูดถึงนายอ่ะ”
“เอออออออ นายไม่เข้าใจหรอก ปล่อยไปเถอะ”
“โกรธฉันรึไงที่ฉันไม่ค่อยเข้าข้างนาย”
“ฉันจะโกรธนายเพราะนายพูดไม่หยุดนี่แหละ หุบปากแล้วรีบเดินไปเรียนคาบต่อไปได้ละ”
“…” จงอินเงียบลงทันที ก่อนจะทำหน้าเหนื่อยใจในความเป็นตัวของตัวเองของเพื่อนตัวเล็ก ในขณะที่แบคฮยอนที่เดินไปด้วยและฟังบทสนทนาของทั้งคู่ตลอดทางอมยิ้มออกมาในความแปลกของเพื่อนสองคนนี้
แบคฮยอนรู้จักกับจงอินและคยองซูในวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ จงอินนั่งข้างๆเขาและถัดไปก็คือที่นั่งของคยองซู ทั้งคู่จบมาจากโรงเรียนเดียวกันและก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน สองคนนี้มีนิสัยต่างกันมาก ตั้งแต่วันแรกที่ได้สัมผัส จงอินเป็นคนที่ขี้เซามากเอาแต่นอนตลอดเวลา ส่วนคยองซูก็นิ่ง ๆ ตามองตรงไปข้างหน้าและไม่พูดไม่จากับใคร นอกจากนี้ จงอินยังเป็นคนเซอร์ ๆ ชอบแต่งตัวไม่เหมือนใครและก็พูดค่อนข้างเก่ง ต่างจากคยองซูภายนอกที่ดูเป็นคนเรียบร้อย แต่งตัวเป๊ะมีระเบียบและมีบุคลิกที่นิ่งพอตัว ที่สำคัญเป็นคนที่พูดน้อยต่อยหนักพอสมควร
จงอินและคยองซูสนิทกับแบคฮยอนเร็วมาก เป็นเพราะความเฟรนด์ลี่ของจงอินที่มีต่อแบคฮยอน หรือไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของคยองซูที่มีส่วนคล้ายแบคฮยอนอยู่บ้าง เลยทำให้ทั้งสามคนเข้ากันได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่แบคฮยอน เรียนเสร็จแล้วฉันขอไปเล่นห้องนายนะ”
“อื้ม ได้สิ”
“เย้ น่ารักที่สุดเลย” จงอินพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปบิดแก้มแบคฮยอน ก่อนที่แบคฮยอนจะปัดมือของจงอินออกแล้วขมวดคิ้วใส่
“อย่าไปถือสามันเลย มือไว” คยองซูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนที่แบคฮยอนจะยิ้มให้แล้วส่ายหัวเล็กน้อย บ่งบอกว่าไม่ได้ไม่พอใจอะไร
“อะไรกันแค่ฉันจับแก้มเนี่…”
“เอาเสื้อเข้าข้างในผูกไทด์ให้มันดี ๆ เถอะ ประธานนักศึกษาคณะเรากำลังจะเดินมาทางนี้ละ” คยองซูพูดแทรกจงอินขึ้น
“จะกลัวทำไม อยากว่าก็อยากว่าเถอะก็จะแต่งแบบนี้อ่ะ” ทันทีที่จงอินพูดจบ แบคฮยอนก็เอื้อมมือไปจับชายเสื้อของเพื่อนแล้วยัดใส่กางเกงทันที ก่อนจะจับไทด์ให้เป็นระเบียบแล้วผูกให้จนเสร็จเรียบร้อย
“พี่ปีสองคนเมื่อกี้จะไม่กลัวก็ได้ แต่ถ้าเป็นพี่คนนี้อ่ะอย่าเลย นายจะพาเพื่อนซวยไปทั้งเอก”
“…ถ้านายทำให้แบบนี้ทุกวันฉันก็จะยอม” จงอินพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้แบคฮยอน
“หึ ตอแหลชะมัด” คยองซูหันไปมองจงอินแล้วพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้แล้วเดินนำหน้าต่อไปทันที ก่อนที่แบคฮยอนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำเอาจงอินเถียงต่อไม่ทัน แล้วคำพูดของคยองซูก็กลายเป็นประโยคที่ปิดบทสนทนาลง…
ชานยอลวางปากกาที่อยู่ในมือลง ก่อนจะเก็บแผ่นกระดาษหลายแผ่นที่เขาเพิ่งเขียนงานลงไปเมื่อสักครู่นี้ใส่แฟ้มใส่งานให้เรียบร้อย ร่างสูงบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง “รีบจนลืมเก็บอีกแล้วสินะ” ชานยอลมองไปยังกองหนังสือการ์ตูนที่กระจายอยู่เต็มเตียงของแบคฮยอน บ้างก็ตกหล่นอยู่บนพื้น เขายิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับเดินไปเก็บให้รูมเมทตัวเล็กอย่างใจเย็น “โคนัน เดธโน็ต วันพีซ โดราเอม่อน เฮ้ย อ่านด้วยหรอเนี่ย ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะของชานยอลดังขึ้นเมื่อไล่เก็บหนังสือแบคฮยอนไปเรื่อย ๆ แล้วไปเจอกับเรื่องที่คิดว่าคนอย่างแบคฮยอนจะอ่านได้ ก่อนจะมองไปเห็นกีต้าร์ของตัวเองที่วางอยู่บนหัวเตียง “กลายเป็นของนายไปแล้วสินะ” ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะนั่งลงบนเตียงของแบคฮยอนแล้วหยิบกีต้าร์มาดีดเล่น
เดี๋ยวนี้ชานยอลไม่ค่อยได้มานั่งสอนแบคฮยอนเล่นกีต้าร์สักเท่าไหร่ เพราะเวลาว่างไม่ค่อยตรงกัน แล้วช่วงนี้ชานยอลก็ดูจะเหมือนงานเยอะด้วย แบคฮยอนเลยขอชานยอลมาฝึกเอง ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะพักหลัง ๆ มานี้ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่ชอบให้เขามาโดนตัวสักเท่าไหร่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแรงมากจนทำให้ชานยอลสะดุ้ง ร่างสูงชะโงกหน้าไปมองเล็กน้อยก่อนจะได้ยินเสียงรูมเมทตัวเล็กดังขึ้น
“บอกว่าไม่ต้องเคาะ กุญแจฉันมี” พอจบประโยค ประตูก็ถูกดันเข้ามาทันที
แบคฮยอนเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกคน แล้วผู้ชายคนนั้นก็หันมาเจอชานยอลพอดีเลยทักทายนิดหน่อย “อ้าวมีคนอยู่หรอ สวัสดีนะ”
“…”
“ฉันชื่อจงอิน นายล่ะ” จงอินพูดพร้อมกับเดินไปนั่งบนเตียงที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก่อนที่แบคฮยอนจะเข้าไปสะกิด
“นี่เตียงชานยอล เตียงฉันอยู่ตรงนั้น”
“อ้าวหรอ ชานยอลหรอ แล้วนายไปนั่งเตียงแบคฮยอนทำไมน่ะ”
“อ่ะ…เอ่อ” แขกผู้ที่ไม่ได้รับเชิญรัวคำพูดใส่ชานยอลไม่หยุด ทำเอาเจ้าของห้องตอบไม่ถูกเพราะยังงงอยู่นิดหน่อย
“เฮ้ยเล่นกีต้าร์ด้วยหรอ ฉันก็เล่น ตอนที่ยังอยู่โรงเรียนนะเป็นมือกีต้าร์ของโรงเรียนเลย”
“อ่อ ตอนนี้ฉันไม่ค่อยได้เล่นหรอก เอาไว้สอนแบคฮยอนเฉย ๆ”
“อยากเล่นกีต้าร์ทำไมไม่บอกล่ะแบคฮยอน ให้ฉันสอนให้ก็ได้” จงอินหันไปถามแบคฮยอน
“ฉันจะไปรู้หรอว่านายเล่นเป็น”
“วันนี้รู้แล้วก็ให้ฉันเป็นคนสอนเลยนะ ให้ชานยอลพักบ้าง เรียนอะไรหรอนายน่ะ” จงอินหันกลับมาถามชานยอลอีกครั้ง
“บริหาร”
“นั่นไง คณะบริหารงานเยอะ ให้ชานยอลไปตั้งใจเรียนเถอะ”
“ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ งานก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น อีกอย่างหนึ่งฉันมีเวลาอยู่กับแบคฮยอนเยอะมากกว่านายนะ นายเองก็ไปตั้งใจเรียนเถอะ วิศวะงานก็คงไม่ใช่น้อย ๆ เหมือนกันละมั้ง เห็นแบคฮยอนมีงานต้องทำทุกวัน หรือว่านายไม่มี” ชานยอลตอบจงอินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่เหมือนชานยอลยิ่งทำแบบนี้บรรยากาศภายในห้องก็ดูเหมือนจะร้อนระอุขึ้น แบคฮยอนเริ่มหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ทำได้แค่ยืนดูไปเรื่อย ๆ
“งั้นขอยืมแปปนึง” จงอินลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหาชานยอลแล้วเอื้อมมือไปจับกีต้าร์ขึ้นมา แต่ชานยอลดันไม่ปล่อยกีต้าร์ให้จงอิน ทั้งสองคนเลยมองหน้ากันอยู่กว่าสิบวินาที ก่อนที่ชานยอลจะยอมละมือออกจากกีต้าร์ให้จงอินดี ๆ
จงอินถือกีต้าร์แล้วเดินมานั่งที่เดิม ก่อนจะบรรเลงออกมาหนึ่งเพลง ถือได้ว่าฝีมือจงอินไม่ธรรมดาเลย แม้แต่ชานยอลคนที่นั่งมองอยู่ก็ยังอึ้งเล็กน้อย “ฝีมือฉันพอสู้ชานยอลได้รึเปล่า” พอเล่นจบ จงอินก็เงยหน้าขึ้นมาถามแบคฮยอนโดยไม่สนใจชานยอลที่กำลังมองอยู่
“…ก็พอ ๆ กัน”
“มานี่มา” จงอินพูดพร้อมลุกไปดึงแบคฮยอนให้มานั่งข้าง ๆ ก่อนที่จะโอบแล้ววางกีต้าร์ลงบนตักแบคฮยอน
“…” ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นแบคฮยอนไม่ได้สะดุ้งหรือตกใจอะไรที่จงอินทำแบบนี้ ต่างกับที่เป็นกับเขาในช่วงหลัง ๆ
“จังหวะเมื่อกี้นายเล่นได้ไหม”
“ไม่ได้”
“ไหนลองเล่นให้ฉันดูสักเพลงซิ เพลงที่นายถนัดที่สุดอ่ะ”
“…” แบคฮยอนมองไปทางชานยอลด้วยสีหน้าลำบากใจ ส่วนชานยอลก็เริ่มจะเกิดอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้เล่นเลย เคยเล่นได้แต่ลืมหมดแล้ว”
“มีแบบนี้ด้วยหรอ”
“…” แบคฮยอนหลบตาจงอินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
“ฮะ ๆ ลองแค่จับคอร์ดเพลงนั้นให้ดูหน่อยได้ไหม” จงอินพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหน้าแบคฮยอนจนแทบจะติดกัน จนในที่สุดชานยอลต้องลุกขึ้นมาเก็บกีต้าร์คืน เพราะยิ่งเห็นที่จงอินถามหรือใกล้ชิดแบคฮยอนแบบนี้ก็ยิ่งหงุดหงิด
“วันนี้ฉันให้นายยืมเล่นแค่นี้ละกัน”
“อ้าว ว่าจะทดสอบความสามารถแบคฮยอนซะหน่อย” จงอินลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับชานยอลที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันต้องการเวลาส่วนตัว ว่าจะทำรายงานต่อ นายออกไปได้แล้ว” ชานยอลที่จ้องหน้าจงอินอยู่ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“…”
“…”
“อืม” จงอินตอบชานยอลพร้อมกับหยิบกระเป๋าของตัวเองที่อยู่บนเตียงขึ้นมาสะพาย ก่อนจะหันมาพูดกับแบคฮยอน
“ฉันไปแล้วนะแบคฮยอน ดูเหมือนรูมเมทนายเขาไม่ค่อยจะต้อนรับฉันเท่าไหร่” พูดจบแล้วจงอินก็หันมามองหน้าชานยอลอีกครั้ง แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
“…” แบคฮยอนพยักหน้าให้จงอินเล็กน้อย
ประตูห้องถูกปิดลง ชานยอลพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะนำกีต้าร์ของตัวเองไปเก็บไว้บนหลังตู้
“…ชานยอล”
“อย่าเอาใครเข้ามาในห้องอีกถ้าฉันไม่อนุญาต”
“นายโกรธฉันหรอ”
“ไม่ได้โกรธ แค่เคืองนิดหน่อย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้านั่นมันตั้งใจจะยั่วโมโหฉัน”
“งั้นใครที่นายว่าหมายถึงจงอินคนเดียวรึเปล่า”
“ทุกคนที่มีพฤติกรรมแบบมัน” พอพูดจบแล้วชานยอลก็เดินไปนั่งโต๊ะตัวเองแล้วหยิบชีทที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้มาอ่านอย่างจริงจัง ทำเอาแบคฮยอนที่ไม่เคยเห็นชานยอลในอารมณ์แบบนี้แอบกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“…นายจะไม่สอนกีต้าร์ฉันแล้วหรอ”
“…”
“…” แบคฮยอนมองไปที่ชานยอลอย่างรอคอยคำตอบ แต่ชานยอลก็เอาแต่ก้มหน้ามองสิ่งที่อยู่บนโต๊ะโดยที่ไม่ได้สนใจเขาเลย คนตัวเล็กเลยถอนหายใจออกมาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ฉันจะออกไปมินิมาร์ท นายจะเอาอะไรไหม”
“สอน” ชานยอลพูดแทรกแบคฮยอนขึ้นมาในขณะที่ตายังจ้องชีทอยู่เหมือนเดิม ทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะนึกว่าชานยอลจะเคืองซะจนไม่อยากจะสนใจเขาแล้ว
“เดี๋ยวซื้อกระทิงแดงมาฝากนะ” พูดจบแล้วแบคฮยอนก็รีบเดินออกจากห้องทันที
ชานยอลมองตามหลังแบคฮยอน ก่อนจะยกมือมาขยี้หัวอย่างนึกโมโหตัวเองที่ไปอารมณ์เสียใส่คนตัวเล็กแบบนั้น
ไม่ชอบที่แบคฮยอนสนิทกับจงอินขนาดนั้น ไม่ชอบที่จงอินดูเหมือนจะเก่งกว่าเขาในสายตาแบคฮยอน ไม่ชอบ ไม่ชอบอะไรสักอย่างที่เป็นจงอิน แม้ตอนนี้จะรู้จักกันแค่นี้ก็เถอะ…
ร่างสูงหน้าบึ้งเพราะคิดเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทีละนิด เมื่อนึกถึงสายตาที่แบคฮยอนมอง หรือน้ำเสียงตอนที่ถามว่าโกรธรึเปล่า
อย่างน้อยนายก็คงจะแคร์ฉันอยู่เหมือนกัน…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง ชานยอลยิ้มกว้างแล้วรีบลุกไปเปิดเพราะคิดว่าแบคฮยอนคงจะกลับมาแล้ว แต่พอเปิดประตูออกกลับเป็นเซฮุนที่ยืนทำตาใสอยู่ ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองรอบ ๆ ห้องแล้วถามชานยอล
“แบคฮยอนไม่อยู่หรอ”
“ออกไปมินิมาร์ทน่ะ เข้ามาก่อนสิ” ชานยอลหุบยิ้มลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากชวนให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
“เตียงแบคฮยอนสินะ ฮ่า ๆ” เซฮุนเดินไปนั่งลงที่เตียงแบคฮยอน เพราะเห็นหนังสือการ์ตูนวางเรียงกันอยู่ ก่อนจะก็หยิบขึ้นมาเปิดดูลวก ๆ
“แบคฮยอนคงจะชอบอ่านการ์ตูนมากสินะ” ชานยอลกลับมานั่งโต๊ะของตัวเองแล้วเริ่มพูดคุยกับเซฮุน
“ก็อ่านไปงั้นอ่ะ เจ้านี่น่ะไฮเปอร์จะตาย ถ้าว่างก็ต้องหาอะไรทำสักอย่าง อย่างหนังสือการ์ตูนเนี่ยถ้าไม่มีอะไรทำจริง ๆ นั่นแหละถึงจะแตะ”
“แล้วเวลาพวกนายอยู่ด้วยกันนี่ทำอะไรบ้างหรอ”
“เยอะ เห็นเงียบ ๆ แบบนั้นก็แอบเกรียนนะเออ ฮ่า ๆ”
ชานยอลมองเซฮุนที่พูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในใจก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะแบคฮยอนอยู่กับใครแล้วทำให้คนนั้นมีความสุขแบบนี้ เลยทำให้คนมาเข้าหาแบคฮยอนเยอะก็เป็นได้
“นายหึงหวงแบคฮยอนบ่อยไหม”
“จะไปหึงมันทำม้าย… เอ่อ ออ ก็มีบ้าง นาน ๆ ครั้งน่ะ” เซฮุนตอบออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนคำพูดใหม่พร้อมกับยิ้มแหย ๆ ออกมา
“อ๋อ”
“ถามทำไมหรอ”
“ก็…ดูเหมือนแบคฮยอนคงจะมีคนมาชอบเยอะน่ะ เลยอยากรู้ว่านายคิดยังไง”
“ไม่คิดอะไรทั้งนั้นน่ะ แบคฮยอนใจดีกับทุกคนแต่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรักใครชอบใครเลย เอ่อ นอกเหนือจากฉันน่ะ”
“นายนี่โชคดีจังเลยเนอะ ฮ่า ๆ”
“หื้ม อิจฉาฉันรึไง” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมามองชานยอลแล้วเลิกคิ้วถาม
“มั้ง คงจะดีมากถ้าคนที่เรารักเขาก็รักแค่เราคนเดียว”
“…” เซฮุนยิ้มออกมาแล้วพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ อยากจะบอกกับชานยอลไปว่าที่จริงแล้วไม่ได้คบกันกับแบคฮยอนอยู่ แต่พอได้ลองโกหกชานยอลตามแบคฮยอนดูก็เริ่มสนุกขึ้นมา…
“แล้วนี่เอาอะไรมาด้วยหรอ” ชานยอลมองไปยังถุงใบใหญ่ที่เซฮุนถือมาด้วยแล้วถามขึ้น
“อ๋อ หมอนน่ะ หมอนเพื่อสุขภาพอะไรก็ไม่รู้ แม่ฉันไปเที่ยวเมืองจีนมาเลยซื้อมาฝากฉันกับแบคฮยอนคนละใบ”
“แบคฮยอนสนิทกับแม่นายด้วยหรอ”
“อย่าว่าแต่แม่เลย พ่อก็ด้วย ฮ่าๆๆๆ อยากดูรูปตอนเด็กของพวกเราป้ะ หน้าตาแบคฮยอนแม่งตลกมากอ่ะ” พูดแล้วเซฮุนก็ล้วงมือถือในกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาเปิดรูป
“…พวกนายคบกันตั้งแต่เด็ก ๆ เลยหรอ”
“หื้ม อะไรจะไวไฟขนาดนั้น เพิ่งคบไม่นานนี่เอง” เซฮุนพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ชานยอลดู
“ฮ่าๆๆๆๆ ตลกจริง ๆ ด้วย” ชานยอลหัวเราะขึ้นเมื่อได้เห็นหน้าตาของแบคฮยอนในตอนเด็ก ในรูปแบคฮยอนฟันหลอไปหลายซี่ แถมยังรูปร่างอ้วนท้วมไขมันเป็นชั้น ๆ อีกด้วย
แต่เสียงหัวเราะของชานยอลก็ต้องหยุดลง เมื่อเห็นว่าตอนนี้โทรศัพท์ของเซฮุนกำลังมีสายเข้า และชื่อพร้อมรูปถ่ายที่ปรากฏขึ้นมาหน้าจอนั้นก็คือคนรักเก่าของเขาเอง
“…” ชานยอลยื่นโทรศัพท์ให้เซฮุนไป แล้วเซฮุนก็กดรับสายทันที
“ฮัลโหลครับ”
“…” ชานยอลมองดูเซฮุนคุยโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ว่างเปล่า ความคิดทุกอย่างเหมือนจะผุดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่พอคิดแล้วก็ไม่รู้จะคิดอะไรต่อ เขาไม่ได้รู้สึกอยากจะถามเซฮุนให้รู้เรื่องว่ารู้จักกันได้ยังไง สนิทกันหรือเปล่า หรือว่ารู้จักกันในฐานะอะไร เพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าสองคนนี้รู้จักกันตอนไหน
หลังจากที่พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค เซฮุนก็กดวางสายพร้อมกับยัดโทรศัพท์เข้าไปที่เดิม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วฝากอะไรชานยอลไว้เพราะเตรียมจะกลับห้องแล้ว
“ฝากหมอนให้แบคฮยอนด้วยนะ ฉันกลับละ บ๊ายบาย”
“เซฮุน” ยังไม่ทันที่เซฮุนจะพูดจบ ชานยอลก็พูดแทรกขึ้นทันที
“หื้ม” เซฮุนที่เตรียมจะก้าวเท้าออกจากห้องหันกลับมาหาชานยอล
“…นายรู้จักกับพี่ลู่หานด้วยหรอ”
กลับมาอัพต่ออย่างรวดเร็วค่ะ พออัพแค่ส่วนหนึ่งไปพลอตก็ไหลเข้ามาในหัวซะงั้น 55555555555
ขอให้อ่านให้สนุกหนาคะ ตอนที่หกนี่แต่งประมาณหนึ่งอาทิตย์ได้ หนักหนาจริงๆ แง้ T _ T
ไปแล้วค่ะ ใจดีก็เม้นท์ให้ไรท์หน่อยจะได้มีกำลังใจคลอดตอนใหม่ออกมาเร็วๆ สำหรับคนที่คอยเม้นท์คอยโหวต
ก็ขอบคุณเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณจริงๆ ไปละเจอกันอาทิตย์หน้าบาย
CRY .q
ความคิดเห็น