คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : THE ROOMMATE - 27
แสงที่ลอดจากหน้าต่างเข้ามาในม่านตาของชานยอลไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเพ่งเกมในจอมือถือเท่าไหร่นัก เท้าใหญ่ที่พาดอยู่ปลายเตียงกระดิกขึ้นลงอย่างสบายอารมณ์เมื่อตนเองสามารถเล่นผ่านไปได้อีกด่าน
วันนี้เป็นอีกวันที่ชานยอลใช้เวลาในวันหยุดของตัวเองไปอย่างเปล่าประโยชน์กว่าครึ่งค่อนวัน หลังจากตื่นมาในเวลาเกือบเที่ยง ร่างสูงก็เอาแต่นอนเล่นเกมในมือถือและไม่ได้ทำอะไรอีกแม้กระทั่งกินข้าวและอาบน้ำ แต่โดยปกติแล้วชีวิตชานยอลก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาถ้าเขาไม่ได้เข้าบริษัทไปเรียนรู้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพ่อ วันหยุดทั้งวันของชานยอลก็มักจะเทให้กับเรื่องที่ไร้สาระประเภทเกม ดนตรี หรืออะไรก็ได้ที่สามารถทำได้ในห้องนอนทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ จนกระทั่งมีแบคฮยอนเข้ามา…
กิจกรรมในวันหยุดของชานยอลในปัจจุบันอาจจะเรียกได้ว่าไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเท่าไหร่ ชานยอลยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มมาก็คงจะเป็นแบคฮยอนที่เข้ามามีส่วนร่วมในแทบทุกอย่าง และก็อาจจะมีบ้างที่ทั้งคู่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพราะว่ามีงานหรือธุระที่ต้องจัดการ อย่างเช่นในวันนี้
แบคฮยอนได้ออกไปทำรายงานกับเพื่อนที่ห้องสมุดตั้งแต่ตอนสาย ๆ โดยปกติในวันเสาร์แบบนี้ถ้าทั้งคู่ไม่ได้เล่นกันในคอนโดของแบคฮยอน ก็คงจะขับรถไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง แต่เพราะแบคฮยอนมีงานที่ต้องทำ และชานยอลเองก็ต้องออกไปข้างนอกในตอนเย็นด้วย ตอนนี้ร่างสูงจึงต้องนอนเป็นผีเฝ้าหออยู่คนเดียว แต่อย่างน้อยมันก็คงจะดีกว่ากลับไปนอนบ้านแล้วไม่ได้เจอหน้าแฟนเลยนั่นแหละ...
แอ๊ด…
เสียงบานประตูที่ถูกเปิดเข้ามาทำให้ชานยอลละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ ร่างสูงหันไปมองทางต้นเสียงก่อนที่จะเห็นแฟนตัวเล็กหอบหนังสือมาไว้บนโต๊ะ และเมื่อแบคฮยอนหันมาทางเขา สายตาที่ส่งมามันก็ทำให้สามารถเดาได้เลยว่าคนตัวเล็กจะพูดอะไรต่อจากนี้
“ยังไม่ไปอีกหรอ”
“ยัง เพื่อนบอกจะเลทหน่อยอ่ะ”
“แล้วยังไม่อาบน้ำเลย?”
“อือ”
“ข้าวล่ะกินยัง?”
ชานยอลได้แต่ยิ้มแหย ๆ แล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ ในขณะที่แบคฮยอนเมื่อเห็นแบบนั้นก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่จะเดินไปทิ้งฝ่ามือลงที่หน้าผากแฟนตัวสูงหนึ่งครั้ง
“ไปอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกินเลย ไม่ต้องรอเพื่อนแล้ว”
ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ดึงแฟนตัวเล็กให้ลงมานอนทับตัวเอง ก่อนที่จะกอดหลวม ๆ แล้วอมยิ้มให้อีกคนโดยไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนกับสีหน้าบึ้งตึงของแบคฮยอนแต่อย่างใด
เพราะว่าทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในฐานะคนรัก จึงทำให้ได้รู้ข้อเสียของอีกฝ่ายมากขึ้นไปด้วย
…แต่จะว่าได้รู้ข้อเสียของกันและกันก็คงไม่ถูกสักเท่าไหร่
เพราะตั้งแต่คบกันมาก็เหมือนจะมีแค่ชานยอลที่เอาแต่ทำให้แบคฮยอนหงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่ว่าเกเรหรือทำนิสัยไม่ดีใส่ แต่ชานยอลก็แค่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองเท่าที่ควร จึงทำให้แบคฮยอนต้องคอยเป็นห่วงและแสดงออกมาในรูปแบบของการบ่นอยู่เป็นประจำ
ชานยอลไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือเบื่อการที่ต้องมาตอบคำถามที่เหมือนคำบ่นกลาย ๆ ของแบคฮยอนเลย ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกมีความสุขด้วยซ้ำที่ได้ยินเสียงนี้อยู่ทุกวัน เขารู้ว่าแบคฮยอนเป็นห่วงเขา และถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถแก้ได้เพราะมันกลายเป็นนิสัยไปแล้วจริง ๆ…
“เหม็น” คำสั้น ๆ ที่เอ่ยออกมาจากปากแบคฮยอน
คนตัวเล็กตบหน้าผากคนรักอีกครั้งเบา ๆ ก่อนที่จะหยัดตัวขึ้นแล้วลงมานั่งข้าง ๆ กับแฟนตัวสูงที่เอาแต่นอนยิ้มเหมือนตั้งใจจะยั่วโมโหเขายังไงอย่างงั้น
“วันนี้ไปกับฉันนะ” ชานยอลพูดในขณะยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบสายชาร์จที่ถูกต่อกับปลั๊กไฟอยู่แล้วมาเสียบกับโทรศัพท์
“บ้า ไม่เอา ขี้เกียจ จะนอน จะไปก็รีบไปอาบน้ำเถอะ”
“นะ ๆ ไม่อยากขับรถกลับมาคนเดียวอ่ะ เพื่อนฉันอยากเจอนายด้วย” ว่าแล้วก็คว้าเอวอีกคนให้เข้ามาชิดกับตัวเอง ก่อนที่จะซุกใบหน้าลงกับไหล่บางแล้วถูไปมาอย่างออดอ้อน
แบคฮยอนช้อนตาขึ้นมองคนรัก “แล้วไม่หวงฉันแล้วรึไง?”
“คนอื่นกับเพื่อนสนิทมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ”
คนตัวเล็กได้แต่หัวเราะหึในลำคอ มันเป็นประจำที่ชานยอลมักจะชวนเขาไปหาคนนู้นคนนี้ และจุดประสงค์ก็มีแค่อย่างเดียวก็คืออยากจะอวดแฟนแค่นั้น แบคฮยอนไม่ได้ตามใจชานยอลตลอด แต่ก็มีบางครั้งที่ยอมไปด้วยเพราะคิดว่าคงไม่เสียหายอะไร และผลสุดท้ายก็กลายเป็นชานยอลที่อารมณ์เสียกลับมาทุกครั้งด้วยเหตุผลเดิม ๆ
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าตัวเองมีอะไรให้ชานยอลภูมิใจนักหนาถึงอยากพาไปให้คนอื่นรู้จัก แต่ที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่านั้นคือเพราะเหตุใดชานยอลถึงทำท่าฟึดฟัดแล้วก็หวงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย อาจจะมีบ้างที่อีกฝ่ายพูดจาหยอกล้อกับเขา แต่มันก็ไม่ได้ส่อไปในทางที่สมควรจะหวงเลย
“นะ กลับไม่ดึกหรอก”
ชานยอลยังคงอ้อนวอนแฟนตัวเล็กอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่แบคฮยอนก็ได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะดูเหมือนว่าคราวนี้ชานยอลอยากให้เขาไปด้วยจริง ๆ
วันนี้ชานยอลมีนัดกินข้าวกับเพื่อนสนิทชมรมเดียวกันตอนมัธยม และหลังจากกินข้าวเสร็จก็ต้องไปเป็นกรรมการตัดสินพิเศษในงานประกวดดนตรีที่จัดขึ้นเนื่องในวันก่อตั้งโรงเรียนเป็นประจำทุกปี ชานยอลไปในฐานะอดีตประธานชมรม ในขณะที่เพื่อนที่นัดกันในวันนี้ก็ต้องไปเพราะต่างก็เคยเป็นสมาชิกในชมรมเหมือนกัน
แบคฮยอนลังเลเล็กน้อย วันนี้เขาเหนื่อยจากการทำงานมาเกือบทั้งวัน แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่เหนื่อยมากจนถึงขั้นไปไหนต่อไม่ไหวหรอก เขาก็แค่กลัวว่าชานยอลจะเป็นแบบครั้งที่ผ่าน ๆ มา…
คราวก่อนก็คนในคณะ ที่ผ่านมาไว ๆ นี่ก็รุ่นน้องที่คุ้นเคยกัน ไหนจะพี่เจ้าของร้านอาหารที่เจ้าตัวชอบไปกินบ่อย ๆ จนสนิท แล้วคราวนี้ก็มาเพื่อนสนิทในชมรมดนตรีตอนสมัยมัธยม ถ้าครั้งนี้ชานยอลยังเป็นเหมือนเดิมอีกละก็ เขาจะไม่มีทางยอมออกไปไหนด้วยอีกแน่…
“อือ งั้นไปอาบน้ำก่อนเร็ว”
สุดท้ายก็ต้องตอบตกลงไปถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก และเมื่อชานยอลได้ยินแบบนั้นก็พุ่งพรวดเข้ามากอดแล้วฝังจมูกลงบนแก้มเขาทันที ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำตามคำสั่งแฟนอย่างสบายอารมณ์
แบคฮยอนได้แต่ถอนหายใจออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ในท่าทางที่ดีใจเกินเหตุของคนรัก
พักนี้เขายอมชานยอลมากไปจริง ๆ…
ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ทุกวันนี้ที่เขาใจดีกับชานยอลไม่ใช่เพราะว่าต้องทำ หากแต่เป็นเพราะเขาอยากจะทำให้ชานยอลจริง ๆ และมันก็ไม่ได้เป็นการฝืนความรู้สึกตัวเองแต่อย่างใด จริงอยู่ที่ในตอนแรกเขาออกจะแข็งกร้าวใส่ชานยอลไปนิด แต่เมื่อได้มาคบกันแล้วแบคฮยอนก็อยากจะให้มันดีกว่าเดิม เขาไม่อยากให้ชานยอลต้องมารู้สึกว่าต้องยอมหรือเอาใจเขาตลอด เพราะถ้าแบบนั้นไม่คงไม่แฟร์สำหรับคนที่เป็น ‘คนรักกัน’ เท่าไหร่
แบคฮยอนไม่เคยรักใครหรือคบใครมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ตัวดีว่าอาจจะทำหน้าที่คนรักได้ไม่ดีเท่าที่ควร ความกังวลได้ก่อตัวขึ้นในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อได้ลองปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติและเป็นไปในทางที่สมควรจะเป็น ความกังวลนั้นก็ได้หายไปหมด แบคฮยอนเริ่มได้เรียนรู้ว่าทำยังไงชานยอลถึงจะยิ้ม หัวเราะ หรือมีความสุข ซึ่งพอได้เห็นแบบนั้นมันก็พลอยทำให้เขามีความสุขไปด้วย อาจจะมีบ้างที่เถียงกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาและชานยอลมีสีสันอยู่ตลอดเวลา
รถของชานยอลถูกขับมายังร้านอาหารที่เป็นที่หมายในเวลาสี่โมงครึ่ง ร่างสูงใช้เวลาไม่นานในการนำรถเข้ามาจอดภายในลานจอดรถ ก่อนที่จะเดินนำแบคฮยอนเข้าไปในร้านแล้วตรงไปยังโต๊ะที่เพื่อนได้โทรมาจองไว้ก่อนหน้านี้ทันที
และทันทีที่ทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้น เสียงฮือฮาจากเหล่าสหายนักดนตรีก็ดังขึ้นเหมือนนัดกันไว้
แบคฮยอนยิ้มแล้วก็โค้งทักทายให้กับบรรดาเพื่อนชานยอล ก่อนที่จะนั่งลงเก้าอี้ที่ถูกเลื่อนไว้รออยู่แล้วโดยคนตัวสูงที่เดินมาข้าง ๆ
“พวกมึงจะกระโตกกระตากอะไรนักหนาเนี่ย” คำทักทายแรกจากชานยอลหลังจากที่นั่งลง
“ไม่คิดว่าจะพามาได้จริง ๆ โหยไอ้สัดแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ”
แบคฮยอนได้แต่หัวเราะไปกับคำพูดจากเพื่อนที่เขายังไม่รู้จักชื่อ ในขณะที่ชานยอลก็ทำท่าจะปาส้อมใส่เพื่อนอยู่รอมร่อ
“พูดมาก เดี๋ยวเหอะกูจะฟ้องเมียมึง”
การทักทายกันของบรรดาเพื่อนสนิทเป็นไปด้วยความหยาบโลนนิดหน่อย แต่นั่นมันก็ทำให้แบคฮยอนตลกและรู้สึกไม่ค่อยอึดอัด ชานยอลค่อย ๆ แนะนำเพื่อนที่มาวันนี้ทั้งหมดสี่คนให้แบคฮยอนรู้จัก ก่อนที่จะทุกคนจะพากันสั่งอาหารและเริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้น
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การพูดคุยเป็นไปอย่างสนุกสนานพร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มที่ค่อย ๆ ทยอยมาเสิร์ฟ
เพื่อนทุกคนของชานยอลเป็นกันเองและพูดจาให้เกียรติแบคฮยอนมาก จะแขวะก็แต่ชานยอลเท่านั้นที่วันนี้ทำตัวหน้าหมั่นไส้เกินเหตุ แถมยังเอาแต่เกาะแกะแฟนไม่หยุดเหมือนตั้งใจจะยั่วให้เพื่อนอิจฉายังไงอย่างงั้น
“เออนี่แบคฮยอน จะไปงานที่โรงเรียนด้วยใช่ไหม”
แบคฮยอนพยักหน้าน้อย ๆ ให้กับชายหนุ่มตรงหัวโต๊ะ ก่อนจะวางช้อนลงแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “ชานยอลบังคับให้อยู่น่ะ”
“กูว่าละ ที่แท้ก็อยากเล่นกีต้าร์อวดแฟน”
“เออแม่ง สงสัยอยากโชว์ว่ามีแฟนคลับเยอะว่างั้น แบบนี้อ่ะ ๆ พี่ชานยอลคะ พี่ชานยอลเท่ห์จังเลยค่ะ กรี๊ดดดดด”
เสียงหัวเราะหนัก ๆ ดังขึ้นรอบโต๊ะอีกครั้งโดยที่หนึ่งในนั้นเป็นเสียงของแบคฮยอน ชานยอลได้แต่ทำหน้าฟึดฟัดก่อนจะไล่ปาทิชชู่ใส่เพื่อนทีละคน
เพื่อนแก้งค์นี้ของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ เคยปากหมายังไงตอนนี้ก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย แต่ดีหน่อยที่เวลามีเรื่องต้องทำทุกคนก็ต่างเอาจริงเอาจังมาก ตอนประกวดดนตรีสมัยมัธยมจึงสามารถคว้ารางวัลมาได้แทบจะทุกครั้ง นับว่าเป็นกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่ชานยอลสนิทใจและรู้สึกผูกพันพอ ๆ กับกลุ่มเพื่อนในห้องเลยก็ว่าได้
เวลาบนโต๊ะอาหารถูกใช้ไปร่วมชั่วโมง
หลังจากที่เช็คบิลเสร็จ ทั้งชานยอลและเพื่อนก็ต่างแยกย้ายไปขับรถของตัวเอง ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่โรงเรียนเก่าต่อไป
“วันนี้ต้องทำอะไรบ้างอ่ะ” แบคฮยอนถามขึ้นในขณะที่อยู่บนรถ
“ก็ไปเล่นโชว์เปิดงานนิดหน่อย เสร็จแล้วก็ดูเด็ก ๆ แข่งอ่ะแหละ ไม่รู้ว่ามีกี่วงเหมือนกัน”
“อ้าวงี้ถ้าแข่งกันหลายวงก็ต้องกลับดึกอ่ะดิ”
ชานยอลหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา ก่อนจะหันไปตอบแฟนตัวเล็กด้วยสีหน้ายอมรับผิดเล็กน้อย “อือ คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ”
แบคฮยอนได้แต่อ้าปากหวอก่อนจะถอนหายใจออกมา สุดท้ายเขาก็โดนชานยอลหลอกออกมาข้างนอกจนถึงดึกแล้วทำให้เสียเวลานอนจนได้…
ชานยอลนี่น่าเตะจริง ๆ…
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถของชานยอลพร้อมกับรถของกลุ่มเพื่อนก็แล่นเข้ามาถึงโรงเรียน ทุกคนเอารถไปจอดที่ลานจอดเสร็จสรรพ ก่อนที่จะพากันเดินเท้าไปยังที่ตั้งของชมรมดนตรีสากลที่เป็นที่อยู่เก่ามานานหลายปี
“ห้องแม่งสกปรกฉิบหาย” หนึ่งในสมาชิกศิษย์เก่าได้เอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมห้องแล้วหยิบเบสอันใหญ่ที่เหมือนจะถูกโละแล้วขึ้นมาคลำเล่น
“ทำเป็นพูด ตอนที่อยู่ก็มึงนั่นแหละเป็นตัวทำให้ห้องสกปรกประจำ” คำด่าที่ไม่ได้ใส่ใจนักถูกเปล่งออกมาจากเพื่อนอีกคน ชานยอลยิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังบอร์ดใหญ่ที่เอาไว้ติดรูปถ่ายและข้อความจิปาถะหลาย ๆ อย่างไว้
“แต่ก็ยังดีนะที่แม่งยังไม่โละรูปเราออก”
“มันขี้เกียจน่ะสิ”
ชานยอลไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเพื่อนสนิท ร่างสูงใช้มือลูบไปที่ภาพถ่ายหลาย ๆ ภาพที่เต็มไปด้วยหน้าเขากับรุ่นพี่รุ่นน้องในตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้
ภาพเหล่านี้สามารถเรียกความทรงจำของชานยอลออกมาได้เป็นฉาก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตเขามีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตกับดนตรีมาก แต่พอได้เข้ามหาวิทยาลัยทุกอย่างมันก็ลดลงจนแทบไม่ได้แตะ มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าเกิดเรียนจบแล้วต้องทำงานยังจะมีโอกาสมาอยู่กับมันยาว ๆ อีกไหม
การที่ต้องโตขึ้นเรื่อย ๆ แล้วต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปมันไม่ดีเลยจริง ๆ…
“ตอนนี้โตขึ้นเยอะเลยเนอะ”
คำพูดและเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของแบคฮยอนดึงชานยอลให้กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง
คนตัวเล็กใช้มือไล่ไปตามภาพของชานยอลที่ถูกถ่ายไว้ตอนมอปลายปีสอง ก่อนจะหันมามองหน้าคนรักแล้วเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“หล่อขึ้นเยอะด้วยเลยใช่ไหมล่ะ” ชานยอลพูดพร้อมโอบคออีกคนให้เข้ามาชิด ก่อนที่จะหอมลงบนกลุ่มผมนุ่ม ๆ ของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว
“อือ ทั้งหล่อทั้งหลงตัวเองอ่ะ หนักมาก”
ชานยอลได้แต่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาและแบคฮยอนที่ถูกเป็นเป้าโจมตีโทษฐานที่ก่อให้เกิดความหมั่นไส้อีกครั้ง เพื่อนทุกคนเอาแต่โห่ร้องและพูดแซวไม่หยุด และกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะสงบลงได้ฟ้าก็เริ่มมืดและนั่นก็เป็นสัญญาณว่างานกำลังจะเริ่มขึ้น
และหลังจากที่ชานยอลและเพื่อน ๆ รำลึกความหลังจนสมใจแล้ว ทุกคนก็พากันมุ่งหน้าไปยังโรงยิมที่เป็นสถานที่จัดงานทันที
เสียงฮือฮาและเสียงกระซิบกระซาบจากรุ่นน้องสาว ๆ ดังไปตลอดระยะเวลาที่กำลังเดิน แบคฮยอนไม่แปลกใจนักที่ทุกคนได้รับความสนใจขนาดนี้ ก็แต่ละคนเล่นหล่อเหมือนหลุดมาจากกลุ่มไอดอลยังไงอย่างงั้น ไม่มีคนกรี๊ดน่ะสิแปลก…
เวลาหกโมงตรง ทุกคนก็เข้ามานั่งประจำโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย งานได้เริ่มขึ้น บนเวทีมีการกล่าวเปิดงานอย่างสนุกสนานโดยประธานชมรมดนตรีคนปัจจุบัน และหลังจากพูดอะไรเสร็จสรรพ ชานยอลกับเพื่อน ๆ ก็ถูกเชิญขึ้นไปบนเวทีเพื่อทักทายน้อง ๆ และเล่นเป็นวงเปิด
ร่างสูงหันมายิ้มให้แบคฮยอนพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หลังมือบาง ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าให้แล้วกระตุกมือกลับเบา ๆ เพื่อบอกให้ชานยอลรีบขึ้นไปบนเวที
และเสียงกรี๊ดก็ดังระงมไปทั่วทั้งยิมทันทีหลังจากที่ศิษย์เก่าสุดหล่อห้าคนได้ปรากฏตัวขึ้น บนเวทีมีการพูดคุยกันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องซึ่งเป็นพิธีกร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือประสบการณ์หลาย ๆ อย่างที่ได้จากโรงเรียนนี้ ซึ่งทั้งชานยอลและเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้มีอาการเกร็งแต่อย่างใด
“เสียงกรี๊ดนี่ดังไม่หยุดเลยเนอะพี่เนอะ เบา ๆ กันหน่อยสาว ๆ วันนี้พี่ประธานชานยอลเขาพาแฟนมาด้วยนะ พวกเธอไม่มีสิทธิ์แล้ว!”
หลังจากที่พิธีกรพูดจบเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีกรอบ แบคฮยอนมองบรรยากาศรอบ ๆ แล้วก็ได้แต่ขำออกมา เขาไม่เคยอยู่ในบรรยากาศที่เป็นงานโรงเรียนแบบนี้ ยิ่งอยู่ในที่ที่ผู้หญิงเอาแต่ส่งเสียงกรีดร้องแบบนี้ยิ่งไม่เคยไปใหญ่ แต่มันก็น่าแปลกที่เขาไม่ได้รำคาญสักนิด ภาพที่เห็นตอนนี้มันกลับดูสนุกสนานและสดใสสำหรับเขาเหลือเกิน
การพูดคุยทักทายเป็นไปด้วยดีกว่าสิบนาที และเมื่อทุกอย่างพร้อมและถึงเวลาแล้ว วงดนตรีของชานยอลก็ได้เริ่มบรรเลงขึ้น วันนี้ชานยอลรับหน้าที่เป็นมือกีต้าร์ไฟฟ้าสุดหล่อ แต่เอาจริง ๆ แล้วเครื่องดนตรีทุกชนิดในวงเขาก็เล่นได้หมดน่ะแหละ แต่เห็นจะเป็นกีต้าร์นี่แหละที่ถนัดที่สุด
แบคฮยอนมองขึ้นไปยังเวทีและโยกหัวตามเล็กน้อย ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะได้เห็นชานยอลมีความสุขแบบนี้ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาชานยอลไม่ค่อยมีความสุข แต่รอยยิ้มในครั้งนี้มันแค่แตกต่างจากเคยเห็นเท่านั้นเอง
รอยยิ้มของคน ๆ หนึ่งที่กำลังมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองรัก… รอยยิ้มของเด็กคนหนึ่งที่อยู่กับความฝันและไม่ได้กำลังแบกรับอะไรเอาไว้…
ชานยอลเคยเล่าความฝันให้เขาฟังอยู่บ่อยครั้ง จริงอยู่ที่เจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ดีและไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่เลือกเลย แต่บางครั้งการพยายามทำตัวให้อยู่ในกรอบของชานยอลนี่แหละที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกได้กับภาระอันหนักอึ้งที่เจ้าตัวพยายามเก็บไว้ เขารู้ว่าชานยอลไม่ได้ต้องการที่จะมาแบกรับงานบริษัทอันใหญ่หลวงของครอบครัว และถึงแม้ว่าที่บ้านจะไม่บังคับอะไรมาก แต่ในที่สุดชานยอลก็เลือกที่จะพับความฝันของตัวเองไว้แล้วเลือกทางเดินเพื่อครอบครัวอย่างเต็มใจ
ชานยอลไม่เคยบ่นหรือแสดงอาการทุกข์ใจให้ใครเห็นหลังจากที่ได้เข้ามาเรียนในสาขาที่ตัวเองไม่ได้ชอบ แต่ทุกครั้งในระหว่างที่นั่งทำงานในห้องเงียบ ๆ แบคฮยอนก็รู้สึกได้ถึงความเครียดที่ถูกแสดงออกมาแม้จะไม่ได้มากนัก พอรู้แบบนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าชานยอลเยอะ โชคดีที่อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องไปคิดถึงอย่างอื่น
และทั้งหมดมันก็ทำให้แบคฮยอนฉุกคิดได้ว่า รอยยิ้มของชานยอลในวันนี้มันช่างดูมีค่าเหลือเกิน…
เสียงหัวเราะดังขึ้นแทรกขึ้นในระหว่างการพูดคุยเป็นระยะ
ชานยอลหันไปมองเสี้ยวหน้าของแฟนตัวเล็กในขณะที่ขับรถอยู่แทบจะทุกสามวินาที วันนี้แบคฮยอนของเขาดูร่าเริงจริง ๆ คิดแล้วมันก็อดดีใจไม่ได้ที่ตัดสินใจชวนมาด้วยหลังจากเขาเองก็ลังเลอยู่หลายชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ชานยอลกังวลแค่ว่ากลัวแบคฮยอนจะเหนื่อย กลัวอึดอัด หรือกลัวว่าจะไม่สนุกกับงาน แต่ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้ามหมด แบคฮยอนเข้ากับเพื่อนเขาได้ดี แถมยังสนุกกับการได้ดูการแสดงต่าง ๆ ของรุ่นน้องเขาเป็นอย่างดี
“เออละคนที่ตีลังกาตอนท่อนฮุคอ่ะ คิดได้ไง ตลกกริบเลย”
“น้องคนนี้ดังนะในโรงเรียน แต่อย่างที่เห็นอ่ะ ทำอะไรก็แป็กไปหมด”
ชานยอลพูดแล้วก็หัวเราะขึ้น ในขณะที่แบคฮยอนเองก็กำลังหัวเราะเพราะขำอยู่เหมือนกัน
ตุบ!!
การเหยียบเบรกโดยกะทันหันของชานยอลทำเอาแบคฮยอนเสียหลักเล็กน้อย ร่างเล็กอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าสิ่งที่ลอยไปกระแทกกระจกหน้ารถจนเกิดเสียงก็คือโทรศัพท์มือถือของเขาเอง
“เป็นอะ…” แบคฮยอนเงียบลงทันทีเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ห่างจากหน้ารถไปประมาณหนึ่งร้อยเมตรดูเหมือนว่าจะมีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้น รถบรรทุกขนาดใหญ่ถูกชนประสานงานกับรถตู้ที่มีคนนั่งอยู่เต็มคันรถ แบคฮยอนมองเพ่งอยู่ไม่กี่วินาทีก็ต้องเบือนหน้านี้ ภาพของรถที่ยับไม่มีชิ้นดีพร้อมกับคนเจ็บหลายคนทำเขารู้สึกกลัวและไม่อยากจะมองอะไรอีก
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ชานยอลแตะไปที่ไหล่ของคนรัก ก่อนที่แบคฮยอนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ชานยอลปลดเข็มขับนิรภัยออก ก่อนที่จะเปิดประตูแล้วลงจากรถเพื่อเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังยืนทำงานอยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าตอนนี้ทางที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปต้องเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว การนำร่างคนเจ็บออกมาแล้วเก็บกู้ซากรถให้หมดคงไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แน่
ชานยอลกลับเข้ามาในรถพร้อมกับสีหน้าที่ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นไงบ้างอ่ะ”
“หนักอ่ะ เราต้องอ้อมไปอีกทางถึงจะไปได้”
แบคฮยอนมองตามมือของชานยอลที่ถูกชี้ไปอีกเส้นทางหนึ่ง “ถนนเส้นนั้นเนี่ยนะ?”
รถของชานยอลได้แล่นมาเรื่อย ๆ บนถนนอันเงียบเชียบ ชานยอลไม่ได้ขับไปทางที่ตำรวจได้แนะนำ หากแต่ขับมาอีกทางที่ดูปลอดภัยและก็มีแสงสว่างมากกว่า ทางที่กำลังจะไปบ้านของเขาเอง…
หลังจากที่ได้ตกลงกับแบคฮยอนอยู่หลายนาทีถึงเส้นทางที่จะไปต่อ ทั้งคู่ก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังบ้านของชานยอลและก็ตกลงกันว่าจะนอนค้างที่นั่น มันคงจะไม่กลายเป็นแบบนี้หรอกถ้าหากทางที่ตำรวจแนะนำมานั้นดูเปลี่ยวและน่ากลัวมาก ไหนจะเป็นย่านที่เกิดอาชญากรรมมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน และถึงแม้จะไม่มีเรื่องอย่างว่าให้กังวล แต่ด้วยระยะทางที่ไกลกว่าเดิมนั้น กว่าที่ทั้งคู่จะถึงหอก็คงจะดึกจนถูกจดชื่ออยู่ดี สุดท้ายชานยอลจึงได้ยื่นข้อเสนอกับแฟนตัวเล็กไป และแบคฮยอนเองก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะถ้าเริ่มจากตรงที่เกิดเหตุ ทั้งคู่ก็ต้องแค่เลี้ยวรถกลับแล้วมุ่งไปยังถนนอีกเส้นซึ่งก็ไม่ได้ไกลมาก จากนั้นก็จะถึงบ้านชานยอลทันที
เวลาสี่ทุ่มเศษ รถของทั้งคู่ก็ได้มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ตั้งแต่มาถึงหน้าบ้าน ชานยอลก็เป็นคนลงมาจัดการทุกอย่างหมด ไม่ว่าจะเป็นเปิดปิดประตูรั้ว เอารถไปจอด หรือแม้กระทั่งพยายามไขกุญแจบ้านท่ามกลางความมืดด้วยตัวเอง มันทำให้แบคฮยอนอดสงสัยไม่ได้เลยว่า บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ไม่มีคนมาอยู่เฝ้าหรือออกมาอำนวยความสะดวกให้เจ้าของบ้านเลยหรือ?
“ไม่มีใครอยู่บ้านเลยหรอ” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาในบ้านเป็นที่เรียบร้อย
“มี มีแม่บ้านกับคนสวนอ่ะ แต่เขานอนอยู่บ้านคนงานที่อยู่หลังบ้านน่ะ ไม่อยากไปกวนเขาให้ลุกมาต้อนรับตอนนี้” ชานยอลว่าในขณะที่เดินไปเปิดไฟให้สว่างอีกหลาย ๆ มุม
แบคฮยอนมองสำรวจไปทั่วบริเวณ บ้านของชานยอลดูหรูหราและมีขนาดใหญ่มาก แต่อาจจะเล็กกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้นิดหน่อย ชานยอลมักจะชอบเล่าถึงบรรยากาศในบ้านให้เขาฟังเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยมาเยือนสักครั้ง จนกระทั่งวันนี้
ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่เคยคิดจะพามา แต่การชวนของชานยอลนั้นมักจะมีแค่เหตุผลเดียวคือพามาให้พ่อแม่รู้จัก ซึ่งก็แน่นอนว่าแบคฮยอนยังไม่พร้อมขนาดนั้น แบคฮยอนยังขัดเขินและยังกังวลถึงเรื่องการวางตัวอยู่ และที่วันนี้เขายอมมาด้วยอย่างง่ายดาย นอกจากเหตุผลเรื่องความปลอดภัยก็คงจะเป็นเพราะพ่อแม่ชานยอลไม่อยู่บ้านด้วยนี่แหละ
“หิวอะไรไหม”
แบคฮยอนส่ายหัวเป็นคำตอบให้กับคนรัก แต่ถึงแบคฮยอนจะบอกแบบนั้น ชานยอลก็ยังไม่วายที่จะจูงมือแฟนตัวเล็กเข้าไปในครัวอยู่ดี
“ค้นอะไรในตู้เย็นไปเผื่อไว้สิ ตอนดึก ๆ ถ้าหิวขึ้นมาฉันไม่ลงมาด้วยนะ”
แบคฮยอนมองค้อนคนสั่งเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตาม ตอนนี้เขาไม่หิวอะไรจริง ๆ แต่คงจะดีเหมือนกันถ้ามีของหวานติดไปด้วยนิดหน่อย สุดท้ายจึงได้ถ้วยเยลลี่พร้อมกับน้ำผลไม้อีกหนึ่งกล่องติดมือขึ้นไปบนห้องของชานยอล
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีพายุฝนพัดผ่านเข้ามาในโซลอีกแล้ว
ชานยอลมองผ่านบานหน้าต่างไปยังกิ่งไม้ที่กำลังโบกเพราะแรงลม ไหนจะฟ้าที่แลบเป็นระยะนั่นอีก ดู ๆ แล้วคงอีกไม่เกินสิบนาทีฝนคงได้ตกลงมาอย่างบ้าคลั่งแน่
ดวงตาคมหันกลับมามองที่คนรัก ดูเหมือนตอนนี้เจ้าตัวกำลังเดินสำรวจห้องเขาอย่างสนอกสนใจอยู่
รอยยิ้มบาง ๆ ถูกระบายออกมาอีกครั้ง “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวค่อยมาดูต่อ”
“ชุดล่ะ?” ร่างเล็กหันขวับมาที่เจ้าของห้อง ก่อนจะเดินไปวางโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ไว้ที่หัวเตียง แล้วกวาดสายตาไปยังรอบ ๆ ห้องอีกครั้งเพื่อมองหาตู้เสื้อผ้า
“ค้นเอาในห้องแต่งตัว อยู่ติดกับห้องน้ำน่ะแหละเดี๋ยวเข้าไปก็เห็น อยากใส่ชุดไหนก็หยิบเลย”
ชานยอลชี้นิ้วไปยังห้องน้ำตรงมุมห้อง ก่อนที่แบคฮยอนจะพนักหน้ารับทราบแล้วเดินหายเข้าไปทันที
ร่างสูงทิ้งตัวลงกับพื้นเตียงที่แสนคุ้นเคย หลังจากที่เปิดเทอม บ้านก็กลายเป็นสถานที่ที่เขาไม่ค่อยได้กลับมาหาสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่แทบจะไม่ได้เจอหน้าเลย จากปกติที่ทั้งคู่ก็มักจะมีงานรัดตัวเดินทางไปนู่นไปนี่บ่อยอยู่แล้ว แล้วยิ่งตอนนี้ชานยอลไม่ค่อยกลับบ้านด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับปิดเปลือกตาลง ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะเคลิ้ม ๆ ได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝนกระทบหน้าต่าง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับแฟนตัวเล็กที่กำลังเดินออกมา
ชานยอลไม่รอช้าที่จะเข้าไปอาบต่อ ถึงแม้ว่าวันนี้จะได้นอนไปแล้วกว่าครึ่งค่อนวันแต่เขาก็ยังรู้สึกเพลียเหลือเกิน การได้เข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วกลับมาหลับบนเตียงนุ่ม ๆ เร็ว ๆ คงจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้แล้ว
“อ้าว เอากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เพ่งกีต้าร์อยู่ตรงมุมห้องได้สักพักแล้วพบว่ามันเป็นตัวเดียวกับที่ชานยอลเคยเอาไปที่หอ
ร่างเล็กตักเยลลี่คำสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะทิ้งถ้วยลงตรงถังขยะใกล้ ๆ
หลังจากที่ชานยอลได้เข้าไปอาบน้ำสักพัก ตอนนี้เขาก็ได้เดินดูนั่นดูนี่จนทั่วห้องแล้ว ห้องของชานยอลมีขนาดใหญ่มาก ดู ๆ แล้วน่าจะใหญ่กว่าห้องเขากับห้องคยูฮยอนรวมกันซะอีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นบรรยากาศในห้องมันก็ไม่ได้หรูแบบที่เห็นในตัวบ้านสักนิด
ห้องของชานยอลแทบจะไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย แต่ตอนนี้พื้นที่ใช้สอยในห้องก็เรียกได้ว่าเต็มอัตราแล้ว เพราะรอบ ๆ ห้องมีทั้งหนังสือ อุปกรณ์กีฬา แผ่นเพลงจำนวนนับไม่ถ้วน ไหนจะเครื่องดนตรีนา ๆ ชนิดอีก แต่ถึงของจะเยอะแบบนี้ห้องก็ไม่ได้รกเลย ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเนี๊ยบตามแบบฉบับลูกผู้ดีอยู่ไม่น้อย
แบคฮยอนเดินไปตรงมุมห้องแล้วยกตัวขึ้นไปนั่งตรงบาร์ว่าง ๆ เขาไม่รู้ว่าโต๊ะบาร์ยาวที่กำลังนั่งอยู่นี้ชานยอลเอาไว้ทำอะไร แต่ดูจากการวางของข้าง ๆ แล้วทิ้งให้ว่างเพียงช่วงเดียวนั้นเจ้าของห้องก็คงมานั่งตรงนี้เป็นประจำ
ร่างเล็กหยิบเอากีต้าร์ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาบนตัก จนถึงตอนนี้ ชานยอลก็ยังไม่ได้สอนอะไรเขาต่อเลย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลกเพราะว่าเขาก็ไม่ได้สนใจอยากจะเล่นเหมือนแต่ก่อนแล้ว
นิ้วเรียวยาวถถูกแนบลงกับสายกีต้าร์ แบคฮยอนค่อยดีดไปตามสายอย่างที่ชานยอลเคยสอนเขาช้า ๆ แต่เอาจริง ๆ ตอนนี้มันก็แทบจะลืมไปหมดแล้ว
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดึงความสนใจของแบคฮยอนออกจากเครื่องดนตรีบนตัก เขาเห็นชานยอลสะบัดผมเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางเขาในขณะที่กำลังใส่เสื้อให้เรียบร้อยอยู่
“หืม อยากจะกลับมาเล่นแล้วหรอ” ร่างสูงพูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียง
“ไม่อ่ะ แค่หยิบขึ้นมาดูเฉย ๆ เอากลับมาตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เลย”
“ช่วงปิดเทอมน่ะแหละ กลับมาอยู่บ้านแล้วไม่มีอะไรเล่น”
แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป คนตัวเล็กเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วก้มลงไปดีดต่อ
ชานยอลได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นการดีดกีต้าร์เหมือนเด็กอนุบาลของคนรัก ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่จะเดินไปยืนเท้าเอวดูความสามารถของลูกศิษย์เก่าใกล้ ๆ
“มองไร” คนตัวเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“นี่สอนอะไรเคยจำได้ป่ะเนี่ย เล่นให้มันสมกับเป็นแฟนนักดนตรีหน่อย”
“จำเป็นหรอ นายก็เล่นของนายไปดิฉันไม่เอาด้วยแล้ว ก็บอกว่าแค่หยิบขึ้นมาดูเฉย ๆ” ว่าแล้วแบคฮยอนก็วางกีต้าร์ลงที่เดิม ก่อนที่ยกเท้าที่ลอยอยู่เหนือพื้นขึ้นมาเตะอีกคนด้วยความหมั่นไส้
ชานยอลเอี้ยวตัวหนีเล็กน้อย ในขณะที่แบคฮยอนเมื่อเห็นแบบนั้นก็ยกทั้งมือและเท้าขึ้นมาจู่โจมอีกคนเป็นว่าเล่น จึงกลายเป็นว่าทั้งคู่ได้ทำสงครามขนาดย่อมขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะสามารถรวบแขนและเข้าไปแทรกในตัวแฟนตัวเล็กได้สำเร็จ
“นายชอบหาเรื่องฉัน”
“หาเรื่องอะไรล่ะยังไม่ได้ทำไรเลย”
“ถอยไปได้แล้ว”
แบคฮยอนไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับชานยอลต่อ ร่างเล็กพยายามใช้มือที่ถูกรวบไว้ดันคนข้างหน้าให้ถอยออกไปเมื่อรู้สึกได้ว่าอีกคนได้เข้ามาเบียดเขามากเกินไปแล้ว
ชานยอลไม่ได้ทำตามที่คนรักสั่ง เขายอมปล่อยแขนแบคฮยอนลงแต่ก็ยังเคลื่อนลำตัวให้เข้าไปชิดมากกว่าเดิม ริมฝีปากหนาถูกประทับลงบนแก้มขาวเนียน ชานยอลหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะโน้มหน้าลงให้เข้าไปชิดอีกคนพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือยันโต๊ะไว้
ชานยอลก้มลงจูบที่ริมฝีปากคนรักอย่างเอ็นดู แบคฮยอนไม่ได้ต่อต้านอะไร ร่างเล็กยิ้มกว้างออกมาก่อนจะใช้มือเกาะไปที่ไหล่ของแฟนตัวสูง หลังจากนั้นก็เป็นเขาที่เป็นฝ่ายประกบปากเข้าหาอีกคนแม้จะเพียงเสี้ยววินาที
ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ได้คบกันมา ทั้งคู่มักจะหยอกล้อกันแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ในตอนแรก ๆ อาจจะมีเขินกันบ้าง แต่พอเวลาได้ผ่านไปสักพัก ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องปกติ ชานยอลกับแบคฮยอนก็เหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไปที่ก็ต้องมีหวานกันบ้างอยู่ทุกวัน
แต่ดูเหมือนครั้งนี้มันจะไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ซะแล้ว…
ชานยอลไล่มองตั้งแต่เสี้ยวหน้าไปยังไหล่ขาวเนียนของคนรัก แบคฮยอนที่กำลังสวมเสื้อตัวหลวมโคร่งของเขาตอนนี้ช่างดูน่ารักเหลือเกิน ไหนจะกลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงน่าดึงดูดนักเมื่อติดอยู่บนตัวของคน ๆ นี้
ชานยอลประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางอีกครั้งพร้อมกับใช้แขนรวบตัวอีกคนให้เข้ามาชิด กลิ่นหอมหวานของสตรอว์เบอร์รี่อ่อน ๆ ทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กเพิ่งกินอะไรมา ร่างสูงค่อย ๆ ดูดดึงริมฝีปากของคนรักอย่างตั้งใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะจูบตอบอย่างอ้อยอิ่งพร้อมกับใช้แขนโอบลำคอแกร่งเอาไว้
แบคฮยอนไม่รู้ว่าตัวเองจูบกับชานยอลไปนานแค่ไหนแล้ว พอรู้ตัวอีกทีตอนนี้ร่างของเขาก็ถูกอุ้มมาวางไว้ที่เตียงเสียแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยร่างของชานยอลที่โน้มลงมานอนคร่อมเขาอย่างรวดเร็ว
“ชานย…” เสียงของแบคฮยอนขาดหายไปจากการถูกจู่โจมด้วยจูบอีกครั้ง
ร่างเล็กดูจะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของคนรัก แต่เขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะไม่รู้ว่าชานยอลกำลังจะทำอะไร
แบคฮยอนจูบตอบคนตรงหน้าอีกครั้ง… ก่อนจะใช้มือสองข้างขยุ้มไปที่กลุ่มผมเหนือท้ายทอยของอีกคนแล้วกดจูบให้แน่นกว่าเดิม
พอถึงตอนนี้… เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธชานยอลแล้วเหมือนกัน
- CUT -
Bio twitter @byunmay_
ชานยอลทิ้งตัวลงมานอนข้าง ๆ คนรัก ก่อนจะดึงแฟนตัวเล็กมากอดเอาไว้อย่างทะนุถนอม
“เจ็บไหม” ร่างสูงว่าพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองกับแบคฮยอนเอาไว้
“อือ” แบคฮยอนตอบเสียงอ่อย
“ขอโทษ” ชานยอลจูบไปที่ขมับของแฟนตัวเล็กที่กำลังนอนซุกอกเขาอยู่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่ายหัวหงึกหงักเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
ชานยอลใช้มือลูบไปตามแก้มขาวเนียนของคนรัก
วันนี้เขาได้เห็นอีกด้านของแบคฮยอน ด้านที่เขาได้สัมผัสมันเป็นคนแรก…
เขาเคยคิดไว้เล่น ๆ ว่าถ้าเกิดทำเรื่องแบบนี้กับแบคฮยอนเขาคงจะโดนทำร้ายไปหลายชุด แต่พอมาวันนี้ทุกอย่างมันก็ผิดกับสิ่งที่เคยคิดไว้ทั้งหมด…
แบคฮยอนกลายเป็นลูกหมาเชื่อง ๆ ที่ยอมทำตามเขาทุกอย่าง อีกทั้งยังหยอกเย้าเขาจนหมดความอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าบทรักจะหยุดลงได้ก็ปาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
ชานยอลก้มลงจูบที่หน้าผากมนอีกครั้ง
ตอนนี้แบคฮยอนเป็นของเขาแล้ว ของที่เขารัก... และหวงแหนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ตอนนี้พิมพ์ไปเหนาะๆเกือบหมื่นคำค่ะทุกคน น้ำตาไหลเป็นสายเลือดมาก ขอรางวัลความขยันเป็นคอมเม้นสักสองสามคำก็ได้ ฮือ เข้าเรื่องนะ ตอนนี้เอาเอ็นซีมาปาใส่ให้ตกใจเล่นๆ คิดอยู่นานว่าจะแต่งดีไหมแต่สุดท้ายก็เอาจนได้เพราะเราอยากให้เขาได้กัน เราไม่ได้เขียนเอ็นซีมานานแล้วแถมนี่ยังเป็นชานแบคเรื่องแรกอีก ไม่ถูกใจยังไงขออภัยด้วยนะคะ TT
ปล. วันนี้เอาภาพ(ประกอบมโนธรรม)พี่ชานตั้งแต่สมัยมอต้นยันมอปลายมาฝากด้วยค่ะ หล่อเนอะ เห็นแล้วอิจฉาแบคฮยอนจริงจริ๊งงงง
ความคิดเห็น