คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : THE ROOMMATE - 21
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างโอ่อ่ามีระดับ ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่นั่งฟังลูกชายที่กำลังพูดสลับกับเดินวนไปวนมา ซึ่งบ่งบอกว่ากำลังกังวลและหงุดหงิดเอามาก ๆ
เขาปล่อยโอกาสลูกให้พูดอย่างเต็มที่จนจบ ก่อนจะสั่งให้ลูกชายตัวสูงลงมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเพื่อที่จะได้เป็นฝ่ายพูดบ้าง
“เอาล่ะ แล้วแกว่าไง ที่พูดมาจนจบเนี่ยต้องการให้พ่อจัดการยังไงน่ะชานยอล”
ชานยอลไม่ตอบอะไร เพียงแต่มองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างครุ่นคิด ก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“เข้าใจนะว่าแกโกรธ แต่บางทีแกก็ควรแยกให้ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”
“แล้วต่อไปพ่อจะปล่อยให้ผมทำงานกับคนแบบนี้จริง ๆ หรอ” ชานยอลหันมาค้อนพ่อเล็กน้อย
“คนแบบนี้ที่แกว่านี่คือคนแบบไหนกัน”
ชานยอลเงียบ ทั้ง ๆ ที่คำตอบของเขามีอยู่มากมาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลับนำมันมาเรียงกันเป็นคำพูดที่ดูสมเหตุสมผลไม่ได้เลย
“แกบอกพ่อเองว่านัมวอนเมานี่ แล้วในเมื่อเมาแล้วมันก็ต้องขาดสติ จะทำอะไรเลยไม่ทันจะได้ยั้งคิด”
“…”
“ฉันไม่ได้เข้าข้างนัมวอนหรอกนะ แต่ถ้าลองเอาทุกอย่างมาชั่งตวงแล้วมันไม่ใช่เหตุผลที่จะมาปิดโอกาสคนรุ่นใหม่เก่ง ๆ เพียงเพราะมีเรื่องกับลูกชายประธานบริษัท”
ชานยอลถอนหายใจ ก่อนจะหันออกไปมองด้านนอกในบรรยากาศวิวของชั้นที่ 33 อย่างเหม่อลอย
ที่พ่อของเขาพูดมามันก็มีเหตุผลทุกอย่าง แต่แม้ว่ามันจะสมเหตุสมผลขนาดไหน ความรุ่มร้อนในใจของชานยอลก็ยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย ซึ่งอารมณ์นี้ก็ถูกแสดงขึ้นมาบนสีหน้าของร่างสูงอย่างชัดเจน จนคนเป็นพ่อต้องส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปตบบ่าลูกชายอย่างเข้าใจ
วันนี้ชานยอลบึ่งรถจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาหาผู้เป็นพ่อที่บริษัทตั้งแต่เช้า เหตุเพราะอยากจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาเมื่อคืนให้อีกคนฟัง และคู่กรณีของชานยอลก็ไม่ใช่ใครที่ไหน รุ่นพี่ของแบคฮยอนคนนั้นเป็นนักศึกษาฝึกงานของที่นี่ และที่สำคัญ ทางบริษัทของพ่อชานยอลกำลังจะรับเขาเข้ามาทำงานด้วย
‘จางนัมวอน’ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับชานยอล คน ๆ นี้ไม่ได้เป็นแค่นักศึกษาฝึกงานธรรมดาเพียงเท่านั้น นอกจากจะเรียนเก่งและมีความสามารถเป็นอันดับต้น ๆ ของรุ่นแล้ว นัมวอนยังเป็นลูกของเลขาคนสนิทของพ่อชานยอล ซึ่งเป็นคนที่ทำงานดีและสนิทกับครอบครัวเขาเสมือนเป็นญาติกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
จางนัมวอนเริ่มเข้ามาฝึกงานที่นี่ตั้งแต่ห้าเดือนที่แล้ว เขาเป็นคนขยันและตั้งใจทำงานไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ และเพราะเหตุนี้เลยทำให้พ่อของชานยอลเลือกที่จะมองข้ามข้อเสียและยกเหตุผลต่าง ๆ มาพูดให้ชานยอลฟังเพื่อดึงคนเก่ง ๆ ให้มาร่วมงาน เพราะบริษัทของพ่อชานยอลเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งในขณะนี้ธุรกิจนี้มีการแข่งขันกันสูงมาก การคัดสรรคนที่มีความสามารถจริง ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ
ชานยอลไม่ค่อยได้แวะเข้ามาบริษัทบ่อยสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้เข้ามาแล้วทุกครั้งเขาก็จะได้เห็นนัมวอนอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และนัมวอนก็เช่นกัน เขาไม่ได้สนใจที่จะทำความรู้จักกับชานยอลสักเท่าไหร่ ที่จำได้ก็คงจะมีแต่ชื่อ ‘ปาร์คชานยอล’ นี่แหละ เพราะพ่อของเขาชอบเอ่ยถึงบ่อย ๆ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้นัมวอนตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้ชื่อของชานยอลในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
“เพื่อนคนนี้คงเป็นคนคนเดียวกันกับที่แกให้พ่อช่วยตอนนั้นสินะ”
ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองพ่อทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเคอะเขินนิดหน่อยแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
“วันหลังพามาให้รู้จักบ้างสิ ชักอยากจะเห็นหน้าขึ้นมาละ” พ่อชานยอลเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังหยิบเสื้อสูทมาใส่
ชานยอลก้มหน้ายิ้มแล้วพยักหน้า “ไว้ผมจะพยายามละกัน”
ผู้เป็นพ่อยิ้มตอบ
ชานยอลรู้ว่าพ่อรู้ทันถึงความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่เกินกว่าเพื่อนกับแบคฮยอน ถึงแม้จะไม่ได้บอกอะไรเลยก็ตาม และเขาก็โชคดีอีกอย่างคือทางครอบครัวไม่ได้ปิดกั้นรักร่วมเพศ เช่นเดียวกับหลาย ๆ ครอบครัวในสังคมเกาหลีปัจจุบันนี้
“พ่อต้องไปสนามบินแล้วนะ วันนี้เรื่องที่คุยกับก็เก็บไปคิดดี ๆ คนเรามันก็ย่อมผิดพลาดกันได้ เราเป็นผู้นำเราต้องรู้จักให้โอกาส”
“…”
“ส่วนบุคคลที่ไม่น่าให้อภัยน่ะคือพวกที่ชอบทำผิดซ้ำซากมากกว่า แล้วพ่อว่าตอนนี้นัมวอนมันคงไม่กล้าไปยุ่งกับเพื่อนของแกอักแล้วแหละ แต่ถ้ามีอีก พ่อนี่แหละจะจัดการเอง โอเคไหม”
ชานยอลรับรู้แล้วยิ้มตอบไป ก่อนจะลุกขึ้นไปกอดผู้เป็นพ่อ “เดินทางดี ๆ นะครับ”
หลังจากที่ทั้งคู่ได้แยกจากกัน ชานยอลก็ได้รีบขับรถเพื่อกลับมายังหอทันที ปกติแล้วในเช้าวันเสาร์แบบนี้ที่ที่ร่างสูงต้องอยู่ก็คือบ้าน เพราะที่ผ่านมาแบคฮยอนก็มักจะกลับไปอยู่คอนโดตอนวันหยุดเสมอ จึงทำให้ชานยอลไม่มีเหตุผลที่จะต้องค้างอยู่หอ แต่วันนี้วันพิเศษกว่าทุกวันตรงที่แบคฮยอนไม่ได้กลับคอนโด เลยทำให้วันเสาร์ของชานยอลในวันนี้ไม่น่าเบื่อเพราะจะได้ใช้เวลากับแบคฮยอนทั้งวัน ถึงแม้ว่าวันนี้อีกฝ่ายอาจจะดูซึม ๆ หน่อยก็ตาม
ชานยอลใช้เวลาไม่นานในการขับรถมาหอพัก ร่างสูงรีบเดินไปที่ห้องทันที ก่อนจะเปิดประตูแล้วพบว่ามีแขกในห้องอยู่หนึ่งคน
“…สวัสดีคยองซู”
“หวัดดีชานยอล ออกจากห้องแต่เช้าเลยนะ” คยองซูยิ้มทักทายชานยอลอย่างเป็นมิตร
“พ่อฉันต้องบินไปต่างประเทศน่ะ เลยต้องรีบ”
คยองซูพยักหน้ารับ
“ฉันเพิ่งได้ยินข่าวว่ามีคนต่อยกันในงานดนตรีเมื่อวานแต่ไม่ได้สนใจอะไร จนเมื่อเช้าเห็นคนในภาคเขาพูด ๆ กันในเฟซบุ๊ค ไม่คิดว่าจะเป็นพวกนาย”
ชานยอลหัวเราะหึในลำคออย่างรู้สึกเหลืออดขึ้นมา
“ฉันไม่คิดว่าพี่นัมวอนจะเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน แบคฮยอนก็คงด้วย ถึงดูไม่โอเคขนาดนี้” คยองซูพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงด้วยความเป็นห่วง
“ฉันก็ไม่อยากคิดเหมือนกันว่าถ้าฉันเข้าไปหาแบคฮยอนช้ากว่านี้มันจะเป็นยังไง”
“อย่าโทษตัวเองเลย แบคฮยอนไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” คยองซูพูดพร้อมกับเดินไปตบบ่าชานยอลเบา ๆ
ร่างสูงพยักหน้ายิ้มรับด้วยสีหน้าฝืน ๆ
“ฉันกลับห้องก่อนนะ มันคงจะดีกว่าถ้าพวกนายอยู่คุยกันสองคน” พูดจบแล้วคยองซูก็หันไปบอกลาแบคฮยอน ก่อนจะหันมายิ้มให้ชานยอลแล้วเดินออกจากห้องไป
ชานยอลเดินไปที่เตียงของแบคฮยอน ก่อนที่จะหย่อนตัวลงนั่งตรงด้านหน้าของอีกฝ่าย
“ยังรู้สึกไม่ดีอยู่หรอ”
“นิดหน่อยอ่ะ”
ชานยอลมองหน้ารูมเมทตัวเล็กอย่างครุ่นคิดปนกับความรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้นสักหน่อย”
“ฉันยังโกรธตัวเองไม่หายเลย” ชานยอลหลุบตาต่ำลง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันแค่โดนพี่เขาลุ่มล่ามใส่เอง ไม่ได้โดนปล้ำซะหน่อย”
ชานยอลช้อนตากลับขึ้นมามองหน้ารูมเมทอย่างไม่เข้าใจ “ก็ถ้าฉันไม่ไปช่วยไว้นายก็อาจจะโดนแบบนั้นก็ได้ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กสิ!” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย ทำให้แบคฮยอนนั้นเถียงไม่ออกและได้แต่ก้มหน้าลง
เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ค่อยดีนักของแบคฮยอน ร่างสูงก็ขยับเข้าไปใกล้และรีบขอโทษทันที ก่อนที่แบคฮยอนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เล็กน้อยแล้วส่ายหน้าเพื่อที่จะบอกว่าไม่เป็นไร
มันก็จริงที่ว่าถ้าหากชานยอลไม่ดึงดันจะพาเขาไปงานให้ได้เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิด แต่ตอนนี้ร่างเล็กกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรอีกคนเลย ตรงกันข้าม ตอนนี้แบคฮยอนกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่รู้สึกได้ว่าชานยอลห่วงและแคร์เขามากขนาดนี้…
“แล้วเป็นไงบ้างไปหาพ่อวันนี้”
“ก็เหมือนที่ฉันคิดไว้น่ะ พ่อฉันไม่ยอมลงดาบจริง ๆ ด้วย”
“ทำอย่างนั้นก็บ้าแล้ว พี่นัมวอนเขาเก่งจะตายไป พ่อนายเขาคงเสียดายแหละที่จะเสียคนเก่ง ๆ ไปเพราะเรื่องแค่นี้”
“นี่นายก็เห็นดีเห็นงามกับพ่อฉันหรอ” ชานยอลมองหน้าแบคฮยอนพร้อมด้วยน้ำเสียงดุอีกครั้ง
“หรือมันไม่จริง”
“มันก็จริงแหละ แต่นายควรจะโกรธมั…”
“ฉันก็โกรธไง แถมเกลียดขี้หน้าด้วยตอนนี้น่ะ แต่ฉันแค่คิดว่าเรื่องที่พี่เขาทำมันไม่เห็นจะเกี่ยวกับงานที่กำลังทำให้พ่อของนายตรงไหนเลย มีเหตุผลหน่อยสิ” ครั้งนี้เป็นฝ่ายแบคฮยอนบ้างที่ดุ
ชานยอลถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าแบคฮยอนก็กลายเป็นอีกคนที่ยึดถือความสมเหตุสมผลไม่ต่างกับพ่อตัวเอง ก่อนจะนึกโกรธตัวเองที่ตอนนี้ยับยั้งอารมณ์โกรธไม่ได้แล้วแสดงออกมาแบบไหนก็ไม่ดีสักอย่าง
“นายไม่เป็นไรแน่ใช่ไหม”
“แน่สิ”
ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรไป เพียงแต่ยังคงมองหน้าคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงเหมือนเดิม
“ฉันแค่รู้สึกแย่ที่ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย เรื่องเมื่อคืนนี่มันน่าอายชะมัด” แบคฮยอนพูดในขณะที่เบนหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ชานยอลได้เห็นถึงสีหน้าที่ผิดหวังของตัวเองชัด ๆ
“มันผ่านไปแล้วแบคฮยอน อย่าไปคิดแบบนั้นเลย”
“แล้วถ้ามันเกิดอะไรแย่ ๆ ขึ้นมาอีกล่ะ ถ้าไม่มีคนมาช่วยมันคงไม่เป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาหรอก ถึงตอนนั้นฉันคงแย่จริง ๆ แล้ว”
“ฉันจะไปช่วยนายเอง”
ร่างเล็กหันมามองหน้าคนตรงหน้า “นายไม่สามารถจะมาหาฉันได้ทุกครั้งที่มีเรื่องหรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
“…”
“แค่นายไม่ไล่ฉันไปไหนอีก ทุกครั้งที่นายต้องการฉันฉันก็จะอยู่ตรงนั้นเสมอแหละ” ชานยอลพูดออกมาอย่างจริงจัง
แบคฮยอนหลุบตาต่ำลง ตอนนี้เขารู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาเพราะคำพูดของชานยอลอย่างไม่ทันตั้งตัว
บ้าชะมัด…
“ขอร้องล่ะนะแบคฮยอน ต่อไปนี้อย่าไล่ฉันไปไหนอีกเลย รู้ไหมว่าฉันโมโหตัวเองขนาดไหนที่เกือบจะปกป้องนายไม่ได้น่ะ”
“…ก็นายชอบทำตัวน่ารำคาญ” แบคฮยอนยังคงหลุบตาต่ำอยู่เหมือนเดิม
“ต่อจะไปนี้จะไม่ทำแล้ว รู้แล้วว่าไม่ชอบ” ชานยอลพูดพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แบคฮยอน ก่อนที่คนถูกจู่โจมจะเบนหน้าหนีทันทีแล้วผละให้ชานยอลออกไปห่าง ๆ
แรงอันน้อยนิดของแบคฮยอนไม่สามารถผลักชานยอลให้ออกห่างได้ ร่างสูงจับมือของอีกคนที่ขณะนี้ยังอยู่บนอกของเขาไว้พร้อมกับยิ้มกริ่ม
“นายเขินฉันหรอ”
“…”
“เขินสินะ”
แบคฮยอนเริ่มหน้าบึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโดนรูมเมทตัวสูงแกล้งแหย่ แต่คนแกล้งกลับยิ่งดูเหมือนจะสนุกขึ้นเรื่อย ๆ และก็ยังพยายามจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แบคฮยอนอย่างไม่ยอมแพ้
“ชานยอลพอได้แล้ว!”
ชานยอลหัวเราะอย่างชอบใจ และเมื่อหัวเราะอย่างหนำใจแล้วร่างสูงก็เปลี่ยนมายิ้มแล้วดูสีหน้าจริงจังขึ้นนิดหน่อย
“ฉันชอบนายจัง”
แบคฮยอนนิ่ง แก้มที่มีเลือดฝาดอยู่แล้วตอนนี้ได้แดงระเรื่อขึ้นไปอีกเพราะคนตรงหน้า ทุกอย่างในห้องเงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู่แค่นั้น แต่ถ้าไม่ได้เปิดเอาไว้ เสียงเดียวที่จะได้ยินตอนนี้คงจะเป็นเสียงหัวใจของแบคฮยอนที่กำลังเต้นถี่และและแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน…
ชานยอลยอมปล่อยมือข้างหนึ่งของแบคฮยอนลง แล้วย้ายมืออีกข้างที่ตอนนี้อยู่ข้างขวามาแนบที่หน้าอกข้างซ้ายให้ตรงกับระดับหัวใจแทน ก่อนจะพูดอีกคำที่ทำให้แบคฮยอนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
“…ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสสบตากันใกล้ ๆ
ชานยอลมองสำรวจใบหน้าคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ ไรผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกปัดลงมาปิดหน้าผากเล็กน้อย ตาเล็ก ๆ ตก ๆ จมูกที่เล็กเข้ารูป ปากบางสีแดงระเรื่อ ทุกอย่างมันทำให้ชานยอลแทบคลั่ง อยากจะเป็นคนเดียวที่ได้เป็นเจ้าของใบหน้ารวมถึงทุก ๆ อย่างในร่างกายแบคฮยอน อยากจะกอด อยากจะมีสิทธิ์ในทุก ๆ อย่างทุก ๆ เรื่องของแบคฮยอน…
ร่างสูงค่อย ๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าเล็กอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แบคฮยอนไม่ได้ขัดขืนอีก ริมฝีปากหนาของชานยอลค่อย ๆ ประทับลงบนแก้มสีแดงระเรื่อของแบคฮยอน ร่างเล็กหลับตารับสัมผัสนั้นอย่างไม่มีแรงขัดขืน กว่าจะรู้ตัวอีกทีตอนนี้เอวคอดของเขาก็ถูกชานยอลโอบไว้เสียแล้ว…
แบคฮยอนรีบถอยหน้าออกทันทีหลังจากสติสตังค์กลับมาเหมือนเดิม ส่วนชานยอลก็ได้ยอมปล่อยมือจากทุกอย่างที่สัมผัสแบคฮยอนลง
แบคฮยอนยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง “อาา……” ร่างเล็กรู้สึกอายทั้งยังรู้สึกโมโหตัวเองที่ยอมชานยอลง่ายขนาดนี้
และเมื่อชานยอลได้เห็นท่าทีของแบคฮยอนแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่าแบคฮยอนกำลังอาย เลยได้แต่นั่งมองเพื่อให้แบคฮยอนโอเคขึ้นกว่านี้ก่อน เพราะถ้าขืนไปแหย่ตอนนี้คนตัวเล็กคงจะไม่ยอมตอบอะไรแถมอาจจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาก็ได้
แล้วเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควรแบคฮยอนก็ยังคงปิดหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมาคุยกับเขาสักที ร่างสูงจึงได้ตัดสินใจชวนแบคฮยอนคุยอีกครั้ง
“จะเงยหน้าขึ้นมาได้ยัง”
“เงียบไปเลย”
“แบคฮยอนอ่า…”
แบคฮยอนยังคงก้มหน้า
“โอเค ๆ ฉันขอโทษ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อน”
“…”
“แบคฮยอน”
“อย่าแกล้งฉันแบบนี้อีก”
“แกล้งอะไร เมื่อกี้ฉันไม่ได้แกล้งนายเลยนะ”
แบคฮยอนยอมลดมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมามองชานยอลด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเริ่มรัวกำปั้นใส่แผงไหล่คนตรงหน้า
“เฮ้ยเจ็บนะ! เฮ้ยหยุด!!” ชานยอลยกมือขึ้นปัดแบคฮยอนแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมหยุด เจ้าตัวเลยปล่อยให้แบคฮยอนตีอย่างตามใจในขณะที่ตัวเองก็ได้แต่ร้องโอ๊ยรับแรงกระแทกจากหมัดเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายเพียงแค่นั้น
ทางด้านแบคฮยอนเมื่อเห็นแบบนี้จึงยอมหยุดลง
“ทำไมไม่ห้ามฉันน่ะ ปล่อยให้ฉันตีทำไม สมองกลับแล้วหรอ”
“ก็เห็นโกรธ ถ้าตีแล้วมันทำให้หายโกรธก็ตี ๆ ไปเถอะ ต้องหายโกรธฉันด้วยล่ะ”
“…นายนี่มันบ้าจริง ๆ” พูดจบแล้วแบคฮยอนก็ได้ถอยห่างจากจากชานยอล พร้อมกับนั่งชันเข่าแล้วกอดมันไว้เพราะทำตัวไม่ถูก
“ฉันไ…”
“หยุด! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเมื่อกี้อีก ไม่งั้นฉันฆ่านายแน่”
ชานยอลยิ้มพร้อมกับหัวเราะน้อย ๆ เขาร็ว่าแบคฮยอนไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอก เพียงแต่อายและรู้สึกเสียฟอร์มแค่นั้นเอง
“อ่ะ ๆ ไม่พูดแล้วก็ได้ งั้นพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ดีกว่า”
“…อะไร?”
“ห้ามไล่ฉันไปไหนอีก”
“ทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอกด้วย”
“มีเรื่องอะไรฉันจะได้ปกป้องนายได้ไง”
“พูดอย่างกับเรื่องไม่ดีมันจะเกิดขึ้นกับฉันทุกวัน”
“ไม่รู้ล่ะ อย่าไล่ฉันอีก”
“ที่ฉันไล่เพราะนายทำตัวน่ารำคาญเองนะ”
“ก็บอกแล้วไงจะไม่ทำอีก”
แบคฮยอนส่ายหน้าให้ชานยอลอย่างไม่เข้าใจ “ที่ฉันรำคาญเพราะนายเอาแต่ตามฉัน แล้วทีนี้ถ้านายจะเลิกทำให้ฉันรำคาญก็คือการเลิกตามเนี่ย มันจะช่วยปกป้องหรือช่วยอะไรฉันได้หรอ ทำไมชอบพูดอะไรย้อนแยง”
“ฉันรู้น่าว่าต้องทำตัวยังไง”
แบคฮยอนหัวเราะเหอะ ๆ เพราะรู้สึกว่าคำพูดของชานยอลมันไร้สาระและดูตลก
“นะ” ชานยอลยังคงขอร้องแบคฮยอนต่อพร้อมคว้ามือเล็กมาจับไว้แน่น
แบคฮยอนพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะชานยอลยิ่งจับไว้แน่นกว่าเดิม
“ถ้านายไม่ทำตัวน่ารำคาญฉันก็คงไม่ไล่หรอก” ร่างเล็กตอบและยังคงพยายามจะแกะมือชานยอลออก
“สัญญาเลย” ชานยอลยอมปล่อยมืออีกคนลง ก่อนจะชูนิ้วก้อยขึ้นเพื่อที่จะสัญญากับแบคฮยอน
“…”
“ยกมือขึ้นมาเกี่ยวสิ”
บอกฮยอนถอนหายใจ ก่อนจะยอมชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับคนตรงหน้าเพราะรำคาญที่ถูกตื๊อไม่หยุด และก็ได้ทำการเขย่ามือเพื่อเป็นการรับรู้คำสัญญาด้วย
“ฉันจะไม่ทำให้นายรำคาญอีก”
“…”
“ฉันจะไม่ตามแจนายเหมือนที่เคยทำอีก”
“…”
“ฉันจะลุ่มล่ามกับนายเท่าที่จำเป็น”
แบคฮยอนชะงักแล้วมองขมวดคิ้วมองหน้าชานยอลทันทีเมื่อได้ยินคำสัญญาที่ไม่ค่อยเข้าท่า
“หมดละ ทีนี้นายห้ามไล่ฉันอีกนะ” ชานยอลยักคิ้วให้อีกคน ก่อนที่จะปล่อยมือออกแล้วยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว
“ตลกละข้อสุดท้าย”
“ตลกแล้วทำไมไม่เห็นขำเลยล่ะ”
แบคฮยอนหัวเราะออกมาน้อย ๆ ก่อนจะเบนหน้าไปมองทางอื่นเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับชานยอล
“ทุบอีกดิ เอาสิ” ชานยอลพูดพร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ คนตัวเล็ก แต่แบคฮยอนก็ยังไม่ได้สนใจจะเล่นด้วย จนชานยอลต้องจับข้อมือของแบคฮยอนแล้วฟาดลงที่หัวตัวเองถี่ ๆ แต่ไม่ได้แรงนัก
“เป็นบ้าไปแล้วหรอเนี่ย” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับสะบัดมือชานยอลออกแล้วทุบไปที่ไหล่ของชานยอลหนึ่งที ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นการขยี้หัวอีกคนด้วยความหมั่นไส้แทน
ทั้งสองคนหัวเราะด้วยกันและเล่นด้วยกันพักใหญ่
“ฉันง่วงจัง” ชานยอลพูดขึ้น ก่อนจะเลื้อยตัวเข้าไปข้าง ๆ อีกคนแล้วเอาหน้าซบลงที่หมอน
“ชานยอล กลับไปนอนที่ตัวเองสิ” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับฟาดลงที่หน้าอกอีกคนไม่แรงนัก
“ไม่เอา นอนตรงนี้แหละ” ชานยอลยังคงดื้อ แต่แปลกที่ครั้งนี้แบคฮยอนไม่ได้รบเร้าอีก คนตัวเล็กปล่อยให้ชานยอลนอนตามใจ ในขณะที่เขาเองก็ยังนั่งพิงหัวเตียงอยู่เหมือนเดิม
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ชานยอลนอนนิ่ง เสียงกรนดังออกมาจากไรฟันเล็กน้อย แบคฮยอนมองภาพคนตัวสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของเขา
นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ใกล้กันในลักษณะนี้…
ร่างเล็กรู้สึกคิดถึงชานยอลคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะอยู่ในห้องเดียวกันมาตลอดแต่มันก็เหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยแม้แต่นิด และเขาก็รู้ตัวดีว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเขาเอง ชานยอลอาจจะมีส่วนอยู่มากที่ทำให้เขาไม่อยากคุยไม่อยากเข้าใกล้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ชานยอลทำไปทั้งหมดก็เพื่อเขาคนเดียว
แบคฮยอนยื่นมือไปลูบหัวชานยอลเบา ๆ ร่างเล็กรู้สึกอยากจะขอบคุณชานยอลมากที่วันนี้ทำให้เขาดูเป็นคนพิเศษอีกครั้ง
แบคฮยอนมีความสุข…
ตอนนี้ความสุขที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในตัวของแบคฮยอนแทบจะทำให้เขาลืมความรู้สึกรำคาญหรือลืมทิฐิที่เคยเขามีต่อชานยอลไปจนหมดเสียแล้ว และเขาก็ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าต้องทำตัวเหมือนเดิมหรือรีบกลับไปรู้สึกแบบเดิมเพื่อไม่ให้ชานยอลได้ใจ
เสียงกรนแผ่ว ๆ จากชานยอลเงียบไป
ร่างเล็กชะงักมือ
ชานยอลค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองแบคฮยอน ก่อนจะยิ้มให้แล้วเคลื่อนศีรษะไปหนุนที่ตักของแบคฮยอนแทน และก็เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนไม่ได้ห้ามหรือไล่อะไร ร่างสูงหลับตาลงพร้อมกับจับมือเล็กมาวางไว้ที่ศีรษะตัวเองเหมือนเดิม
แบคฮยอนยิ้ม ก่อนจะเริ่มเคลื่อนมือไปตามกลุ่มผมหนานุ่มนี้อีกครั้งอย่างอ่อนโยน
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องปิดกั้นชานยอลอีกแล้ว…
ชานยอลนอนหลับตาพริ้มด้วยหัวใจพองโต ในขณะที่แบคฮยอนก็รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับชานยอลมากขึ้น
ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี สิ่งที่ชานยอลคิดในตอนนี้
มาเร็วไหมล่ะ 55555555555555 ชานแบคทั้งตอนเลย แต่งไปเขินไปสักพักเริ่มรู้สึกว่าเยอะไป อะไร๊
ความคิดเห็น