ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ˋ( exo ) THE ROOMMATE ♡ - CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #11 : THE ROOMMATE - 10

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      9
      22 พ.ย. 56

     

     

     

     

     

     

     

    โอ๊ะ” แบคฮยอนยกมือมากุมขมับตัวเองเบา ๆ ในขณะที่กำลังลุกขึ้นจากเตียง แล้วหลับตาปี๋ด้วยความปวดที่ลิ่วขึ้นมาในหัว ตาเล็กมองไปยังนาฬิกาที่ตั้งอยู่ด้านข้างบนโต๊ะ ก่อนจะรีบเดินไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเมื่อเห็นว่าเวลาได้เดินมาถึงเที่ยงตรงแล้ว แม้จะยังปวดหัวอยู่ก็ตาม

    วันนี้แบคฮยอนมีเรียนตอนบ่ายโมงตรง แต่ที่ตื่นซะเที่ยงแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะเมื่อคืนที่แวะไปหาพี่ ๆ ที่ร้านบวกกับดื่มอีกนิดหน่อย กว่าจะได้กลับมาก็ปาไปตีสองตีสามซะแล้ว แถมขากลับยังมีฝนหลงฤดูเทลงมากระหน่ำ เล่นเอาคนตัวเล็กต้องเข้าห้องมาในสภาพเปียกปอนเหมือนลูกหมา จนโดนรูมเมทอย่างชานยอลเอ็ดไปซะยาวเกือบชั่วโมง

    พอทำธุระในห้องน้ำเสร็จ แบคฮยอนก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการแต่งตัว แล้วพอจะเตรียมตัวออกไปจากห้องก็เหลือบไปเห็นโจ๊กคัพถ้วยพร้อมกับกระดาษโน๊ตเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะของตัวเอง

    กินก่อนไปเรียนด้วยอย่ารีบ มีไข้ด้วยรึเปล่าน่ะ ถ้ามีหรือปวดหัวหรืออะไรก็ไปเอายาบนโต๊ะฉันนะ ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ

    คนตัวเล็กวางกระดาษโน๊ตลงพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะจัดการเอาโจ๊กถ้วยนั้นไปใส่น้ำร้อนแล้วนั่งกินอย่างไม่รีบเร่ง

    ยาแก้อักเสบ ยาแก้แพ้ วิตามินบำรุง ยาพารา ยาแก้ปวดจะหลายยาไปไหนวะเนี่ย” แบคฮยอนพูดออกมาเบา ๆ ในขณะที่กำลังค้นกล่องยาบนโต๊ะของชานยอลหลังจากกินโจ๊กเสร็จ ก่อนจะเลือกหยิบยาพาราขึ้นมาแล้ววางกล่องไว้ที่เดิม

    แบคฮยอนไม่ค่อยรู้จักอะไรเกี่ยวกับชานยอลสักเท่าไหร่ เพราะตอนที่ชานยอลเปิดประเด็นถามถึงเรื่องครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัวขึ้นมา ก็เป็นแบคฮยอนเองที่ชอบตัดบทแล้วปิดบทสนทนาลงดื้อ ๆ เลยกลายเป็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีโอกาสคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฐานะทางบ้านของรูมเมทคนนี้เลย ดูจากการแต่งตัวหรือข้าวของเครื่องใช้แล้วคงจะเป็นลูกคุณหนูและก็มีฐานะที่ร่ำรวยพอตัว

    หลังจากกินยาเสร็จ แบคฮยอนก็สะพายกระเป๋าเตรียมจะออกจากห้องไปอีกครั้ง แต่ในระหว่างนั้น เจ้าตัวกลับมึนหัวขึ้นมาจนต้องถอยตัวไปนั่งลงบนเตียงเพราะกลัวตัวเองจะล้ม ร่างเล็กหันไปมองนาฬิกาแล้วก็เห็นว่าเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลาเรียน เลยตัดสินใจที่จะงีบสักยี่สิบนาที เพราะถ้าออกไปตอนนี้คงได้วูบลงที่ไหนสักแห่ง ไว้ตื่นมาแล้วรีบเดินไปเรียนก็คงจะยังทัน ว่าแล้วมือเรียวก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ก่อนจะหลับไปในที่สุด

    เวลาผ่านไปพักใหญ่ แบคฮยอนลืมตาขึ้นแล้วขมวดคิ้วน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูเพราะแปลกใจว่าทำไมนาฬิกาถึงไม่ยอมปลุกสักที เฮ้ย!” คนตัวเล็กเบิกตากว้างพร้อมกับร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อพบว่าเวลาที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นได้ล่วงเลยมาถึงบ่ายสองโมงกว่าแล้ว

    นอนไปเถอะ” ในขณะที่แบคฮยอนกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง เสียงทุ้มต่ำจากคนตัวสูงที่คุ้นเคยก็ถูกส่งมา

    ฉันมีเรียนตอนบ่ายตรง มันสายมากแล้ว” ร่างเล็กหันไปตอบพร้อมกับทำหน้าเครียดใส่รูมเมทตัวเองซึ่งกำลังมองเขาอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม

    ป่วยขนาดนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้ว พักผ่อนไปเลย

    ไม่ได้ป่วย แค่มึนหัวนิดหน่อย” พูดจบแล้วแบคฮยอนก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที ก่อนจะเกิดอาการมึนหัวขึ้นมาอีกทำเอาเจ้าตัวถึงกับเซ จึงเป็นหน้าที่ของรูมเมทอย่างชานยอลที่ต้องรีบเข้าไปพยุงอย่างรวดเร็ว

    บอกว่าป่วยก็ป่วยดิ อย่าอวดเก่ง” ชานยอลพูดพร้อมกลับดันตัวของแบคฮยอนลงบนเตียงเหมือนเดิม ก่อนจะย่อเข่าลงแล้วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา นั่นเห็นไหม ตัวยังร้อนอยู่เลย

    “…” คนตัวเล็กไม่พูดอะไรตอบ ได้แต่ยกมือขึ้นมาแตะหน้าตัวเองบ้าง และสีหน้าก็ยังเป็นกังวลอยู่เหมือนเดิม

    อย่าเครียดเลยน่าขาดแค่วันเดียวเอง ใครบอกให้นายกลับดึกดื่นแถมยังไปตากฝนมาแบบเมื่อล่ะ

    ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าฝนจะตก ทางเดินเข้ามาในหอมันมีที่ให้หลบซะที่ไหน

    ไม่ต้องมาเถียง แค่นายไม่ออกไปตั้งแต่แรกก็จบแล้ว

    นี่ชานยอล!”

    บอกว่าห้ามเถียง” ชานยอลพูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าแบคฮยอนด้วยสีหน้าจริงจัง

    อะไรของนายวะ เดี๋ยวนี้ทำตัวเป็นเหมือนพ่อฉันเลยนะ

    พ่อของลูกไง

    “…ตลกละ ๆ” พูดจบแล้วแบคฮยอนก็ยื่นมือขึ้นมาผลักหัวอีกฝ่ายจนล้มไปนั่งกับพื้น ก่อนที่จะลูบหัวตัวเองเบาๆพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วตอบแบคฮยอนไป

    แค่แหย่เล่นเองอย่ารุนแรงนักดิ

    ในระยะหลัง ๆ มานี้ชานยอลมักจะแกล้งหรือแหย่อะไรแบคฮยอนเล่นตลอดเวลา ต่างจากแต่ก่อนที่ถึงแม้ถึงแม้จะกล้าพูดกล้าคุยกล้าถามทุกอย่างแต่ก็ยังไม่ค่อยสนิทใจเท่าไหร่ ผิดกับแบคฮยอน ยิ่งชานยอลทำตัวสนิทสนมถึงตัวกับตัวเองมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งทำให้อึดอัดหรือประหม่ามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไปมากจนชานยอลต้องไม่กล้าทำอีก ทั้งที่แต่ก่อนหรือแม้กระทั่งกับคนอื่น ๆ แล้วแบคฮยอนเป็นคนค่อนข้างขี้รำคาญแล้วจะเหวี่ยงใส่คนที่ชอบแกล้งตลอด ดูได้จากเซฮุนเป็นต้น

    แล้วมีคนโทรหาฉันรึเปล่าเนี่ย” แบคฮยอนเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรวดเร็วโดยการเบี่ยงเบนความสนใจไปที่โทรศัพท์ตัวเอง มือเล็กหยิบมันขึ้นมาจากพื้นเตียงแล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วเกลี่ยไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    จงอินโทรมา แต่ฉันเห็นชื่อมันแล้วไม่อยากรับเลยกดทิ้ง

    ชานยอล!” แบคฮยอนขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะตะโกนแล้วปาหมอนใส่ชานยอลไป ก่อนที่จะเปิดชื่อจงอินขึ้นแล้วรีบโทรกลับอย่างรวดเร็ว

    ฮัลโหลจงอิน คือตอนนี้ฉัน…”

    “…” ชานยอลกอดหมอนที่แบคฮยอนปาลงมาแล้วนั่งมองเจ้าตัวคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดกว่าเดิม แล้วพอผ่านไปไม่ถึงสองนาทีแบคฮยอนก็วางสายลง ก่อนจะหันหน้ามามองชานยอลอย่างคาดโทษ

    เพื่อนคนอื่นไม่มีรึไงทำไมถึงติดต่อแต่กับมันคนเดียว

    ยังจะมีหน้ามาพูดอีก รู้จักแยกแยะหน่อยสินายก็แค่รับสายแล้วบอกไปว่าฉันป่วย ทำไมต้องตัดทิ้งด้วย

    “…ขอโทษ ตัดทิ้งก็จริงแหละ แต่หลังจากนั้นแปปเดียวฉันก็จะโทรกลับไปบอกแล้ว แต่โทรศัพท์นายตั้งรหัสผ่านไว้ฉันเลยไม่ได้โทรไง

    มันใช่ความผิดฉันไหมอย่ามายุ่งกับโทรศัพท์ฉันอีก

    “…” ชานยอลนั่งมองรูมเมทตัวเองที่กำลังอารมณ์เสียอย่างทำอะไรไม่ถูก ส่วนแบคฮยอนก็กรอกตาไปมาแล้วเหลือบมองไปทางอื่นเพื่อที่จะห้ามตัวเองไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้

    ทั้งสองคนเงียบอยู่สักพัก ก่อนที่ชานยอลจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วยกตัวขึ้นไปใกล้ๆรูมเมทร่างเล็กพร้อมถามขึ้นอย่างรู้สึกผิด

    “…โกรธฉันจริง ๆ หรอ

    เฮ้ย!” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลต้องล้มลงไปกองกับพื้น เพราะในจังหวะที่แบคฮยอนหันมานั้นใบหน้าของทั้งสองคนก็เกือบจะชนกันอยู่แล้ว เลยทำเอาคนตัวเล็กตกใจเลยผลักอีกฝ่ายลงไปอย่างอัตโนมัติ

    สนุกมากนักหรอผลักฉันเนี่ย!”

     

     

     

     

    ไว้ฉันจะบอกงานที่อาจารย์สั่งให้นะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” จงอินเลื่อนโทรศัพท์ลงจากหูแล้วเก็บมันลงในกระเป๋าอย่างเดิม ก่อนจะหันมาทางเพื่อนสนิทตัวเล็กที่อยู่ข้าง ๆ ที่กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน

    “…” คยองซูไม่ได้ถามอะไรจงอินออกไป เพียงแต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่จงอินก็ยังไม่ตอบอะไรออกมา ได้แต่นั่งมองไปทางโน้นทางนี้สลับกับมองเขาเป็นระยะ จนกระทั่งคยองซูต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นเอง

    แบคฮยอนเป็นอะไร

    “…ไม่สบายน่ะ ไข้ขึ้น มาเรียนไม่ได้” จงอินทำสีหน้าตกใจพร้อมกับตอบคยองซูออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ทำเอาคยองซูที่มองอยู่ต้องถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถามเพราะท่าทางแปลก ๆ ของคน ๆ นี้ 

    แล้วนายน่ะเป็นอะไร” 

    “…”

    “…?”

    ก็นายยอมพูดกับฉันแล้วอ่ะ ดีใจ

    เฮอะ ขนาดนั้นเลย” คยองซูขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจกองชีทเรียนที่กองอยู่ด้านหน้าเหมือนก่อนหน้านี้

    คยองซู

    หืม

    เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉัน

    “…”

    คยอง…”

    ก็ไม่ได้โกรธแล้วไง” ยังไม่ทันที่จงอินอินจะพูดจบ คยองซูก็ตอบแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำเอาคนที่นั่งรอคนตอบอยู่ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะโผเข้ามากอดคยองซูอย่างแรง จนทำให้คนทั้งห้องเรียนหันมามองกันหมด

    ดีใจที่สุดเลยขอบคุณนะที่ไม่โกรธไปนานกว่านี้!! รักนายนะ!!!”

    “…จงอินปล่อย จงอิน!” คยองซูเบิกตาโพลงเพราะการกระทำของจงอิน ก่อนจะพยายามดันและบอกจงอินปล่อยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่จงอินก็ยงกอดแน่นไว้อย่างนั้นจนทำให้เพื่อนทั้งห้องไม่เป็นอันเรียนแล้วหันมาซุบซิบกัน เลยทำให้อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่เกิดอาการรำคาญเลยปาปากกากไวท์บอร์ดมาโดนหัวจงอินเต็ม ๆ

    ไปรักกันไกล ๆ แล้วที่เหลือน่ะจะเรียนไหม ไม่เรียนก็พากันออกไป!!!” เสียงตะโกนด่าของอาจารย์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเสียงเคาะกระดาน ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่ภาวะปกติกันอีกครั้ง มีแค่จงอินที่ยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าจะมีอาการเจ็บที่หัวจากปากกาพี่ฆาตของอาจารย์ก่อนหน้านี้ก็ตาม

    เป็นบ้าไปแล้วรึไงวะเนี่ย” คยองซูพึมพำออกมาพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ

     

     

     

     

    เวลาห้าโมงเย็น คลาสเรียนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ในเซคของคยองซูและจงอินก็จบลง ทั้งคู่ได้ตกลงกันว่าจะไปเยี่ยมแบคฮยอนที่ห้อง และได้พากันซื้อของไปให้แบคฮยอนก่อนที่จะไปเข้าไปหาอีกด้วย

    ทำไมถึงเอานมกล้วยล่ะ ฉันไม่เคยเห็นแบคฮยอนกินเลย แล้วจะชอบหรอ” คยองซูหันไปถามจงอินด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะตอนนี้ในมือของอีกฝ่ายมีถุงที่บรรจุไปด้วยนมกล้วยจากที่ไปเลือกซื้อด้วยกันเมื่อสักครู่นี้

    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นนายชอบกินตอนป่วยเลยซื้อเผื่อแบคฮยอนจะเป็นแบบนั้น

    ห้ะ ฉันนี่นะชอบกินตอนป่วย

    อื้ม ก็ใช่ไง

    คยองซูทำสีหน้าแปลกใจยิ่งกว่าเดิมที่ได้ยินแบบนี้ พอนึกไปนึกมาก็คิดออกว่าเวลาป่วยตัวเองชอบกินนมกล้วยจริง ๆ สาเหตุก็คงเป็นเพราะอาการขมในลำคอที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงนั้น เลยต้องหาอะไรหวาน ๆ มาดื่มเพื่อกลบรสขมออกไป จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยสังเกตตัวเองในเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่คนอย่างจงอินกลับรู้ดีซะนี่ ทำให้เจ้าตัวไม่รู้ว่าจะคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกหรือปกติจงอินก็เป็นคนอย่างนั้นนอยู่แล้วก็ไม่รู้

    ใส่ใจกันด้วยหรือนี่ ?

    คิดถึงสมัยตอนที่เราอยู่มัธยมเนอะ ตอนนั้นนายป่วยบ่อยมากอ่ะ แต่แม่งชอบปากแข็งแล้วยังมานั่งทำการบ้านให้ฉันตลอด” จงอินพูดพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดคอคยองซูไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    มันน่าคิดถึงตรงไหน

    น่าสิ เพราะว่านายเป็นแบบนี้แหละฉันถึงรักนาย

    “…แล้วไงต่อ

    ก็ไม่แล้วไง ฉันคิดอยู่ตลอดแหละว่านายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันแล้ว ฉันไม่อยากจะทำตัวแย่ ๆ ฉันไม่อยากจะทำให้นายเอือมฉันเลย ฉันไม่อยากเสียคนแบบนายไป แต่ฉันก็เป็นของฉันแบบนั้นอ่ะ ไม่รู้จะแก้ยังไง

    “…”

    ขอโทษนะคยองซู ขอโทษทุกอย่างที่ผ่านมาที่ทำให้นายต้องเหนื่อย ต่อไปนี้ฉันจะดีให้มันมากกว่านี้ ตอนนี้ก็น่ารักขึ้นแล้วล่ะเห็นไหม” พูดแล้วจงอินก็หันมายิ้มกว้างให้กับคยองซู ทำเอาคนตัวเล็กที่อมยิ้มอยู่แล้วนั้นได้ยิ้มตามไปด้วย

    อื้มมมมม น่ารักจริง

    ฮ่าๆๆๆๆๆ” จงอินหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปขยี้หัวคยองซูเบา ๆ

    นี่ เรามาตกลงอะไรกันหน่อยดีไหม” หลังจากที่ทั้งสองคนปล่อยให้เสียงหัวเราะของจงอินเป็นเสียงที่ปิดบทสนทนาก่อนหน้านี้ไปสักพัก จงอินก็เป็นคนเดิมที่เริ่มเป็นฝ่ายชวนคุยเรื่องใหม่อีกครั้ง

    ตกลงอะไร

    อ่า… ต่อไปนี้ฉันกับนายจะไม่โกรธกันข้ามวัน!”

    “…”

    โอเคไหม

    จะไปรู้อนาคตได้ยังไง เผื่อฉันตอบตกลงไปแล้วครั้งหน้าฉันยังโกรธนายหลายวันฉันก็กลายเป็นคนผิดคำพูดน่ะสิ

    “…งั้นเอางี้ มาสัญญากันนะว่าเราจะไม่ทำเรื่องอะไรให้อีกฝ่ายโกรธอีก” จงอินพูดพร้อมกับยิ้มแล้วชูนิ้วก้อยให้กับคยองซู

    ไม่

    งั้น อ่า… ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำอะไรให้นายโกรธอีกแล้ว” จงอินทำหน้านึกอยู่สักพักก็คิดคำพูดได้แล้วพูดออกมา และนิ้วก้อยที่ชูอยู่ตรงหน้าคยองซูก็ยังคงชูอยู่อย่างนั้น

    ผิดสัญญาเมื่อไหร่นายตายแน่!” หลังจากที่จงอินพูดจบ คยองซูก็ตอบพร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นไปเกี่ยวกับนิ้วจงอินออกมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่เป็นฝ่ายสัญญาต้องยกมืออีกข้างมาผลักหัวด้วยความหมั่นไส้

    ทีอย่างนี้แล้วเร็วจังนะ ไม่อยากสัญญาอะไรกับฉันบ้างเลยหรอ แบบนี้ฉันก็เสียเปรียบสิ

    น้อย ๆ หน่อย ลองคิดดูเถอะว่าที่ผ่านมาฉันเคยทำให้นายโกรธด้วยหรอ แล้วที่ไม่สัญญาก็เพราะว่าไม่ใช่ว่าต่อไปนี้ฉันอาจจะทำให้นายต้องโกรธซะหน่อย แค่ไม่อยากใช้คำพูดมาผูกมัดอะไร สันยงสัญญาอะไรไร้สาระ เน้นทำจริงมากกว่า

    งั้นฉันขอถอนสัญญาเมื่อกี้คืนละกัน จะเน้นทำจริงเหมือนกัน!”

    ไม่ได้ พูดแล้วคืนคำไม่ได้!”

    ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานด้วยสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไปตลอดทาง ถ้าย้อนกลับไปที่ตั้งแต่คยองซูกับจงอินเป็นเพื่อนกันมา เวลาแห่งความสุขที่ทั้งคู่ได้คุยกันแบบนี้ครั้งสุดท้ายก็คงจะเป็นเวลาหนึ่งกว่าปีมาแล้ว ตอนนี้บรรยากาศเดิม ๆ เหล่านั้นจึงกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นของคยองซู

    เวลาผ่านไปไม่นาน ตอนนี้ทั้งจงอินและคยองซูก็ได้เดินมาถึงหน้าห้องของแบคฮยอนแล้ว จงอินยกมือขึ้นเคาะประตูสองครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ จึงตัดสินใจเคาะอีกครั้งพร้อมกับเรียกชื่อแบคฮยอนด้วย

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!

    แบคฮยอน อยู่รึเปล่า” เป็นอีกครั้งที่ไม่มีเสียงตอบกลับมา จงอินถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองคยองซูแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าคงไม่มีใครอยู่ แต่ในความจริงแล้วแบคฮยอนและชานยอลก็ยังคงอยู่ในห้อง และทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงเคาะประตูตั้งแต่ครั้งแรกแล้วด้วย

    “…” แบคฮยอนทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเปิดประตู แต่พอหันไปหาชานยอลก็เห็นว่าคนตัวสูงกำลังส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่อยากให้ไปอยู่ ทำให้แบคฮยอนต้องนั่งลงอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ

    แบคฮยอนยังคงจำคำพูดของชานยอลวันนั้นได้ดี ที่บอกว่าห้ามให้ใครโดยเฉพาะจงอินเข้ามาในห้องโดยที่เขายังไม่อนุญาต เพราะว่าตอนนั้นชานยอลพูดออกมาด้วยความโกรธและจริงจังมากและมันก็เป็นครั้งเดียวที่แบคฮยอนได้เห็นรูมเมทตัวเองในมุมนั้น การที่จงอินมาหาวันนี้เลยกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ลำบากใจขึ้นมา และถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีเรื่องที่ชานยอลมายุ่งกับโทรศัพท์มือถือตัวเองจนทำให้โกรธ แบคฮยอนก็ยังคงเลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของชานยอลมากกว่า โดยการที่ไม่ลุกไปเปิดประตูหรือตอบอะไรจงอินไปเพื่อให้จงอินกลับไปให้เร็วที่สุด

    กลับกันเถอะคยองซู ไว้ค่อยแวะมาอีกละกันเนอะ

    อื้ม” คยองซูพยักหน้าเบา ๆ ให้กับจงอิน พร้อมกับยื่นมือไปจับถุงนมกล้วยออกมาจากมือจงอินแล้วจัดการแขวนไว้ตรงลูกบิดประตู ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไปจากหน้าห้องของแบคฮยอนอย่างไม่รีบร้อน

    นึกว่าจะไม่ตามใจฉันซะแล้ว” ชานยอลที่ยืนมองรูมเมทตัวเองอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องพูดขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาหาแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ กับแบคฮยอน

    ไม่ได้ตามใจนาย แต่กลัวจงอินเข้ามาแล้วมันมีปัญหาแบบตอนนั้นอีกต่างหาก

    แล้วถ้าฉันไม่ได้บอกว่าห้ามจงอินเข้ามาอีกวันนี้นายก็คงไปเปิดประตูให้แล้วใช่ไหมล่ะ ก็นั่นแหละ นายยังเลือกที่จะทำตามที่ฉันบอกอยู่

    “…” แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรชานยอลกลับไป เพียงแต่ทำหน้าแหยๆและพยักหน้า(ประชด)ให้เล็กน้อย ก่อนที่ชานยอลจะยิ้มออกมาพร้อมยื่นมือมาแตะแก้มของเขาอย่างหมั่นเขี้ยว

    น่ารัก” ชานยอลเอ่ยปากชมรูมเมทตัวเล็กออกไป แต่แบคฮยอนกลับตอบกลับมาด้วยการปัดมือของเขาทิ้ง แต่ถึงอย่างนั้น ชานยอลก็ยังคงไม่ละความพยายาม ยื่นมือขึ้นแตะแก้ม บีบแก้ม ดึงแก้มของแบคฮยอนสลับกันไปเรื่อย ๆ ส่วนคนตัวเล็กที่ยิ่งถูกแหย่ไปแบบนี้ก็ยิ่งหน้ามุ่ยขึ้นเรื่อย ๆ ยกมือขึ้นปัดสู้กับชานยอลอย่างไม่ยอมแก้เหมือนกัน จนสุดท้ายชานยอลก็เริ่มเหนื่อยแล้วเปลี่ยนจากการเล่นแก้มมาเป็นดึงตัวแบคฮยอนเข้ามากอด แล้วแนบแก้มตัวเองให้แนบกับแก้มของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ไหนดูดิ้ตัวยังร้อนอยู่รึเปล่า” ชานยอลพูดพร้อมกับใช้มือดันศีรษะของแบคฮยอนเข้ามาหาตัวเองเพื่อให้แก้มชิดกันมากขึ้น ในขณะแบคฮยอนเองที่ยังตกใจอยู่ก็พยายามดันชานยอลออกพร้อมกับตะคอกใส่อย่างเสียงดัง

    ชานยอลไม่เล่นแล้วปล่อย!”

    อืมดีขึ้นแล้วล่ะ” ชานยอลยังคงกอดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของแบคฮยอน

    ชานยอล!!”

    ไม่ต้องเรียกครับ อยู่ตรงนี้แล้ว” ชานยอลยอมคลายแบคฮยอนออก ก่อนจะตอบออกไปแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

    ไอ้บ้าเอ้ย!” แบคฮยอนถลึงตาใส่ชานยอล ก่อนจะรัวกำปั้นลงบนตัวของอีกคนไม่ยั้ง เล่นเอาชานยอลยกแขนขึ้นมาบังตัวเองไว้แทบไม่ทัน

    อย่าดิเจ็บนะโอ๊ย!!” ชานยอลตะโกนเสียงดัง แต่แบคฮยอนก็ไม่มีวี่แววที่จะหยุด โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนป่วยแบบนี้ไปเอาแรงมาจากไหนกัน

    แบคฮยอน!!” เมื่อบอกไม่หยุดเท่าไหร่แบคฮยอนก็ไม่ยอมหยุด ชานยอลจึงต้องรวบตัวร่างเล็กไว้อีกครั้ง แต่เพราะแบคฮยอนดิ้นแรงเกินไปเลยทำให้ทั้งคู่เสียหลักลงไปกองที่พื้นเตียงกันในสภาพที่กอดรัดกันไว้อยู่

    “…” ไม่มีใครขยับตัวหรือดิ้นเพื่อขัดขืนอีก ตอนนี้มีแต่เพียงเสียงหายใจหอบของทั้งสองคนหลังจากที่ได้เหนื่อยสู้กันมาสักพักดังเป็นจังหวะเพียงเท่านั้น

    ชานยอลก้มลงไปมองรูมเมทตัวเล็กที่กำลังนอนตะแคงในอ้อมกอดตัวเอง ก่อนจะรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาให้หน้าซุกกับอกตัวเองเล็กน้อยแล้วกอดไว้ในท่าเดิม

    นอนนะคนป่วย ตื่นมาแล้วไปเดินเล่นกันนะ

    “…ขอพักหายใจแปปหนึ่งเดี๋ยวฉันลุกแน่” แบคฮยอนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังหอบเหมือนเดิม

    ไม่

    “…”

    อยู่กับฉันก่อนนะ อยู่แบบนี้ก่อน อย่าเพิ่งไปไหน

    “…”

    นะ” แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรชานยอล เพียงแต่นอนนิ่ง ๆ ภายใต้อ้อมกอดของรูมเมทตัวสูงโดยที่ไม่ได้ขัดขืนอะไร ทำให้ชานยอลคิดว่าแบคฮยอนคงจะตอบตกลงในใจแล้ว แล้วทั้งสองก็นอนกอดกันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก

    เวลาผ่านไปสักพัก ชานยอลก็ก้มหน้าลงมามองคนที่อยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง ก่อนจะยื่นหน้าลงไปกดจูบลงที่หน้าผากของคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา

    “!!!” แบคฮยอนเบิกตาโพลงเพราะการกระทำของชานยอล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหรือโวยวายอะไรไป แล้วหลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าตกใจก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แสนจะเขินอายไปโดยปริยาย

    ตอนนี้เข็มนาฬิกาก็ได้ล่วงเลยมาถึงหกโมงกว่าแล้ว แต่ร่างของทั้งสองก็ไม่มีวี่แววจะแยกกันไปไหน จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของชานยอลได้ได้ขึ้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมลุกขึ้นไปรับแล้วปล่อยให้มันดังอยู่หลายรอบ จนแบคฮยอนต้องบอกให้ชานยอลลุกขึ้นเอง

    ไปรับโทรศัพท์ไป

    ไม่เอา ทิ้งไว้เหอะ

    ชานยอล

    “…” 

    ไม่ลุกงั้นเดี๋ยวฉันไปรับให้เองนะ” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เด้งตัวขึ้นทันที ทำเอาชานยอลที่เอาแต่ทำตัวอิดออดต้องลุกตามแล้วยอมไปดี ๆ ด้วยสีหน้าขัดใจ

                ชานยอลเดินไปยังเตียงของตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วพบว่ารายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นเป็นชื่อของคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมาร่วมเดือนแล้ว ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาแบคฮยอนแล้วทำหน้าอึดอัดเล็กน้อย

    เป็นอะไร รับดิ” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นบอกชานยอล ก่อนที่ชานยอลจะหันกลับไปมองยังหน้าจออีกครั้งแล้วแตะเบา ๆ พร้อมกับยกขึ้นมาแนบหู

    “…ครับพี่ลู่หานเมื่อได้ยินชื่อที่ชานยอลเรียก แบคฮยอนก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็ทำได้แค่หลุบตาต่ำลงแล้วฟังเสียงของชานยอลไปเรื่อย ๆ ว่างครับ พี่มีอะไรรึเปล่า

    (มาหาพี่หน่อยได้ไหมเสียงจากปลายเริ่มสั่นเครือ ชานยอลหันกลับไปมองแบคฮยอนอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับไปอย่างลำบากใจ

    “…ตอนนี้คงไม่สะดวกน่ะ ไว้วันหลังได้ไหมครั…”

    (พี่เลิกกับคริสแล้วนะยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดจบ ลู่หานก็พูดประโยคนี้พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

    ชานยอลหลับตาแน่น ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองแรง ๆ แล้วตอบกลับไปอีกครั้ง ตอนนี้พี่อยู่ไหน

    แบคฮยอนมองชานยอลคุยต่อไม่กี่ประโยคร่างสูงก็ยัดโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์และเสื้อโค้ชมาใส่อย่ารีบเร่ง ก่อนจะหันมาทางเขาแล้วพูดอะไรด้วยอีกนิดหน่อย

    ฉันจะออกไปข้างนอกนะ อย่าลืมกินข้าวแล้วก็กินยาด้วย ยาฉันเตรียมให้แล้วอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ แล้วจะรีบกลับมานะพอพูดจบร่างสูงก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วก้าวเท้าออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้แบคฮยอนที่ยังสับสนอยู่ไม่ทันจะตอบหรือถามอะไรต่อเลย

    ขาเรียวก้าวลงจากเตียงแล้วเปิดประตูออกไปเพื่อมองตามแผ่นหลังของรูมเมทตัวสูงไป และเพียงไม่กี่วินาทีร่างนั้นก็ลับตาไป

    แบคฮยอนก้มหน้าลง ก่อนจะมองไปเห็นถุงปริศนาที่ถูกแขวนอยู่บนลูกบิดประตูด้านหน้า และเมื่อเปิดออกมาร่างเล็กก็คลี่ยิ้มออกเล็กน้อย เพราะคิดว่าคงเป็นของจงอินที่เอามาแขวนไว้แน่ ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาแล้วปิดประตูไว้เหมือนเดิม

    มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากฉันเปิดประตูให้นายเข้ามา

     

     

     

     

     

     

     


    ยังสอบไม่เสร็จเลยฮิฮิ อยู่ในช่วงที่กำลังอ่านหนังสือสอบวิชาสุดท้ายที่หินที่สุดในชีวิตการเรียน

    แล้วไงแจ้ะ ปลีกตัวมาปั่นฟิคแล้วรีบอัพ 55555555555555555555555555555555555555
    เบื่อค่ะเบื่อมากอาศัยช่วงเบื่อมาแต่งฟิคเลยซะนี่!!!!!!!!! อนาคตไกลแน่นอนค่ะได้Dแน่ๆ หนูๆไม่ควรทำตามนะ
    พูดแล้วปวดใจ เอาเป็นว่าจะไม่พูดแล้วกันค่ะกลับไปจมกับกองหนังสือแพรบ 555555555555555555

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×