ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : :: Audition * Everlasting Love ::
เสียงออดหมดคาบสุดท้ายของวันดังขึ้น พร้อมๆกับที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งจรดปลายปากการ่างหัวข้อโครงงานที่ตนเองต้องการจะทำเสร็
จเรียบร้อย เด็กนักเรียนคนอื่นกรูกันออกห้องแล้วไปหากิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแก้เครียดทำ แต่สำหรับ ชิม ชางมิน คนนี้ เด็กหนุ่มร่างสูงหยิบกระดาษใส่ลงไปในแฟ้ม แล้วรวบปากกาดินสอบนโตีะลงกระเป๋า ตวัดเป้สะพายกับไหล่แล้วตรงไปห้องสมุดทันที
...ทั้งที่ยังมีเวลาอีกถึง 2สัปดาห์สำหรับการส่งข้อมูลเบื้องต้น แต่ชางมินก็เลือกที่จะเริมต้นมันทันทีที่ได้รับมอบหมาย เด็กหนุ่มเป็นแบบนี้เสมอๆ ขอแค่ให้เป็นเรื่องเรียนเท่านั้น ไม่ว่าจะอะไร ชิมชางมินคนนี้ สามารถทำได้ทุกอย่าง และได้ดีจนน่ากลัวซะด้วย...
ตลอดระหว่างทางที่เด็กหนุ่มก้าวเท้าผ่านไป ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีสายตาสายคู่หันมามองเสมอๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา กับการที่จะมีเด็กผู้หญิงหันมามองเด็กหนุ่มร่างสูงคนนี้แล้วหันไปกรี๊ดกร๊าดกันเองใน
กลุ่ม ด้วยเพราะชิมชางมิน เป็นเด็กหนุ่มที่เรียกว่าป๊อบอันดับต้นๆของโรงเรียนทีเดียว แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกยินดีเลยซักนิด เค้าเกลียด เกลียดอย่างที่สุดกับการที่ต้องตกเป็นเป้าสายตา หรือเป็นขวัญใจของใครๆ ซึ่งนั่นทำให้ชางมินหยิบยื่นสายตาที่ดุดันและแข็งกร้าวส่อแววไม่พอใจอย่าเปิดเผยไปให้เด็กสาวเหล่านั้นอย่างไม่ไยดี เหมือนๆกับที่เค้ากำลังทำอยู่ตอนนี้
เกลียดรอยยิ้มจากเด็กสาวพวกนั้น เกลียดท่าทางกระดี๊กระด๊าและเสียงกรี๊ดกร๊าด เกลียดช็อคโกแลตวาเลนไทน์ เพราะเค้าเชื่อว่า.. ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นมันจอมปลอม ที่เกิดจากความรู้สึกที่ไม่จริงใจ เด็กสาวพวกนั้นไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆของเค้าซักนิด เด็กสาวพวกนั้นก็แค่รู้สึกชื่นชมกับภาพของชิมชางมินที่เดินไปเดินมาอยู่ในโรงเรียน แล้วถ้าเป็นแบบนั้น.. ตัวเค้าที่เด็กสาวพวกนั้นเห็น จะต่างอะไรกันกับแค่ภาพเขียนที่อยู่ในกรอบใบหนึ่งเท่านั้นเอง
ซึ่งเค้าเกลียด.. เกลียดอย่างที่สุด!!
เด็กหนุ่มเดินอ้อมสวนต้นไม้หลังโรงเรียนไปห้องสมุดที่อยู่ทางด้านหลังสุดของโรงเรียน
ห้องสมุดเวลาเย็นที่ไม่มีนักเรียนสนใจจะเข้ามามากนัก จะมีก็แต่พวกหนอนหนังสือที่ชอบเข้ามาหาอะไรอ่าน ไม่ก็นักเรียนดีเด่นแบบชางมินที่รีบมาค้นคว้าข้อมูลในห้องสมุดแบบนี้
เด็กหนุ่มผลักประตูกระจกใสเข้าไป ภายในห้องสมุดที่ดูเงียบสงบ มีนักเรียนเข้ามาใช้บริการเพียงไม่ถึง 20 คน ต่างคนต่างนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสนใจใครนัก ซึ่งนั่นเป็นบรรยากาศที่ชางมินชอบที่สุด เด็กหนุ่มวางกระเป๋าลงที่ลอกเกอร์ด้านหน้า แล้วถือแฟ้มเดินตรงไปที่ตู้หนังสือหมวดสารคดี
ที่จริงแล้วชางมินจะไม่เข้ามาหาข้อมูลในห้องสมุด กลับบ้านไปนั่งหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ทก็ได้ เพียงแต่เด็กหนุ่มจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เค้าเพิ่งเห็นหนังสือเกี่ยวกับตำนาน ฟีนิกซ์ อยู่บนชั้นหนังสือในห้องสมุดนี่ เค้าเองก็สนใจมันและคิดจะยืมกลับมาอ่าน แต่ติดที่ว่าตอนนั้นเค้ามีโครงงานอื่นๆที่ต้องทำมากเกินไป และไม่มีเวลาพอที่จะอ่านมัน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ครั้งนี้เค้าเลือกจะค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนกตัวนี้ ที่เค้าสนใจและชื่นชอบ
ว่าแต่มันหายไปไหนล่ะ?
เด็กหนุ่มกวาดสายตาขึ้นลงหาหนังสือจากชั้นสารคดี แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ชางมินเริ่มหัวเสีย แล้วในตอนนั้นเองที่เค้าได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีใครอยู่อีกฝั่งนึงของตู้ ในที่สุดหนังสือที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ถูกหยิบออก และเพราะที่ฝั่งของชางมินไม่มีหนังสืออยู่จึงทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้น แล้วเค้าก็พบว่าหนังสือที่ถูกหยิบออกไปนั้น คือหนังสือเล่มที่เค้ากำลังหาอยู่นั่นเอง
หายไปไหนแล้ว?
เด็กหนุ่มวิ่งมาที่อีกฝั่งของตู้และพบเพียงความว่างเปล่า ชางมินยืนงงอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลังของเค้า
"เอ่อ.. คุณหาหนังสือเล่มนี้อยู่รึเปล่าคะ?" เสียงหวานๆนั่น ทำให้ชางมินหันหลังกลับไปมอง และพบกับเด็กสาวผมยาวคนหนึ่งในชุดนักเรียน ม.ปลาย บนใบหน้าขาวเนียนนั้น ข้างแก้มกำลังเป็นสีชมพูเรื่อๆ แต่นั่นแหละ.. ชางมินก็ไม่ได้สนใจจะสังเกต เค้าเห็นแค่หนังสือเล่มสีดำตัวหนังสือสีทองนั่นที่อยู่ในมือของเด็กสาวเท่านั้น
"อ่าใช่.. ขอบคุณนะ" เด็กหนุ่มพูดสั้นๆแค่นั้นแล้วหยิบหนังสือจากมือเด็กสาว ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่มีอาการระริกระรี้น่ารำคาญแบบแฟนคลับของเค้า แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงไม่เข้าใจถึงการวางตัวเมื่ออยู่กับบุคคลต่างเพศที่ไม่รู้จักกันม
าก่อนอยู่ดี ชางมินผู้เย็นชาตั้งท่าจะหันหลังเดินไปนั่งศึกษาหนังสือ แต่..
"ขอโทษนะคะ แต่พอดีว่าชั้นเห็นหนังสือเล่มนั้นก่อนคุณ และชั้นจำเป็นต้องใช้มันค่ะ" เด็กสาวพูด ชางมินหันกลับมามองเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อเค้ามองตามสายตาที่เด็กสาวพยักเพยิดให้มอง ชางมินก็พบกับกองหนังสือและชีทมากมาย หน้ากระดาษที่มีปากกาวางทิ้งไว้ข้างๆถูกจดตัวหนังสือลงเกือบเต็ม..
และแล้วในที่สุด ชางมินก็กำลังนั่งทำบทคัดย่อจากเนื้อหาในหนังสือ ฟีนิกซ์ เล่มนั้น โดยมีเด็กสาวคนเมื่อครู่นั่งเท้าคางรอหนังสืออยู่ฝั่งตรงข้าม
...วันนี้ห้องของโซ โมเมมีเรียนแค่ครึ่งวัน เมื่อราวๆ 1 ชั่วโมงที่แล้ว เด็กสาวมาที่นี่เพื่อเริ่มต้นทำรายงานวิชาวรรณคดีของเธอ ซึ่งเด็กสาวตั้งใจไว้แล้ว ว่าต้องการจะทำเรื่อง ฟีนิกซ์ ไม่ใช่เพราะเธอชอบ ไม่ใช่เพราะอาจารย์กำหนดมา ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำแล้วจะได้คะแนนดีกว่าเรื่องอื่นๆ แต่เป็นเพราะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครคนหนึ่งที่เธอหลงเสน่ห์ ชอบ เพราะเหตุนั้นเธอถึงเลือกทำมัน
และตอนนี้ ใครคนนั้น ก็กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานของเค้าอยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง...
...แล้วแบบนี้จะยอมปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปง่ายๆอย่างนั้นน่ะเหรอ ไม่!! โมเมตอบกับตัวเองอย่างหนักแน่น ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องใช้โอกาสที่มีนี้ให้คุ้มค่าที่สุด...
"นายทำงานของวิชาอะไรอยู่เหรอ?" โมเมถามขึ้นขณะที่ชางมินยังคงสนใจกับงานตรงหน้า เปลี่ยนสรรพนามและรูปแบบประโยคซะเป็นกันเอง แต่เด็กหนุ่มที่ยังคงวุ่นกับงานก็ไม่ได้สนใจจะรู้สึกว่ามันแปลกหู
...รูปประโยคแบบนี้ อาจทำให้ความห่างลดลงบ้างก็เป็นได้...
"วิทยาศาสตร์น่ะ" เด็กหนุ่มตอบเรียบๆทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา "เห? วิทยาศาสตร์เนี่ยนะ? มันเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์ตรงไหน?" เด็กสาวถามต่อเสียงสูง ชางมินจรดปลายปากกาเร็วๆจนจบประโยคก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ
"ก็ บทวิเคราะห์เกี่ยวกับว่า จะเป็นไปได้มั้ย ที่จะมีสิ่งมีชีวิตซักสิ่งบนโลกที่จะมีรูปแบบชีวิตแบบฟีนิกซ์" ชางมินพูดจบก็ก้มลงไปเขียนอีกครั้ง
...แค่ประโยคๆเดียว แต่การพูดไปมองหน้าไป แค่นั้นมันก็เหนือความคาดหมายแล้ว นี่เป็นก้าวเริ่มต้นที่สวยงามของชั้น...
"บ้าน่า.. มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว" โมเมพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาชางมินต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ "แต่ก็ไม่ใช่ว่าโอกาสจะเป็น 0 นี่ ชั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแบบฟีนิกซ์ทุกอย่างซักหน่อย" ชางมินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
...บทสนทนา นี่มันกำลังจะกลายเป็นบทสนทนาแล้ว โซ โมเม สู้ตาย!!...
"แล้วที่นายทำนั่น มันหมายรวมถึงการเกิดใหม่จากเถ้าถ่านด้วยรึเปล่า?" โมเมยังคงถามต่อไปเรื่อยๆ "ก็ไม่เชิง ชั้นถึงยังต้องค้นคว้าต่อไปนี่ไง" ชางมินตอบ ยังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ
"อ่า.. อืม.. เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่านายก็ชอบเรื่องฟีนิกซ์ด้วย" ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก แต่โมเมก็พูดปดอย่างแนบเนียน ชางมินหยุดปลายปากกากึกแล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งหนึ่ง "เพิ่งรู้? เธอพูดเหมือนการรู้เรื่องของชั้นมันเป็นเรื่องปกติของเธอเลยนะ.." ชางมินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ สายตาคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ
"ก็แน่สิ เรื่องของชิมชางมิน มีนักเรียนหญิงคนไหนในโรงเรียนไม่รู้บ้าง เพื่อนชั้นพูดถึงนายกรอกหูให้ฟังออกบ่อย คิกๆๆ" โมเมตอบกลับไปอย่างไม่ติดขัดราวกับมีคนเขียนสคริปไว้ให้ แถมท้ายด้วยการหัวเราะเล็กๆกลบเกลื่อน ชางมินพยักหน้าน้อยๆอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรแล้วก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
"เออนี่ จริงๆแล้วมันมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อีกหลายเล่มนะ มันอยู่ชั้นบนๆ นายอาจยังไม่เคยเห็น เดี๋ยวชั้นไปหยิบมาให้แล้วกัน" โมเมพูดยิ้มๆ ชางมินพยักหน้าน้อยๆ แล้วเด็กสาวก็ลุกจากโต๊ะไปด้วยหัวใจเต้นถี่
...ได้คุยกับชิมชางมินแล้ว!! เด็กสาวแทบสำลักความสุขและความตื่นเต้นที่พากันล้นทะลักทะลายเต็มอกไปหมด ตลอดเวลาที่เธอแอบเป็นสโตรกเกอร์แฟนคลับอย่างเงียบๆ คอยสืบเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ไม่มีโอกาสซักครั้งที่จะเข้าประชิดตัวได้ แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว อย่างที่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนซะด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่นี่มันเป็นเรื่องจริงแน่ๆ ทุกอย่างมันสมจริงซะยิ่งกว่าสัมผัสได้ ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว
เธอต้องใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าที่สุด โซ โมเม...
เด็กสาวย้ำกับตัวเองให้ท่องวนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาขณะที่กำลังปีนขั้นบันไดขึ้นไปหยิบ
หนังสือเกี่ยวกับฟีนิกซ์ทั้งหลายที่อยู่ชั้นบนสุดของตู้หนังสือ แต่แล้วระหว่างที่ร่างไม่สูงนักของเด้กสาวกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มที่อยุ่
ชั้บบนสุดที่สูงเหนือหัวเธอขึ้นไปอีก เด็กสาวก็พบว่าแรงโน้มถ่วงโลก กำลังกระชากร่างของเธอให้ตกลงสู่พื้น ทันทีที่ปลายเท้ารู้สึกลื่น เด็กสาวก็ร้องวี๊ดขึ้นทันที
หลับตาปี๋รอรับความเจ็บที่กำลังจะเกิดขึ้น.. จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างของเธอไม่ได้อยู่ในวิถีเคลื่อนไหวของแรงดึงดูดโลกแล้ว เด็กสาวก็ต้องแปลกใจที่เธอไม่รู้สึกเจ็บซักนิด ความรู้สึกนิ่มๆที่รองรับตัวแทนที่จะเป็นพื้นแข็งๆ ทำเอาโมเมเริ่มใจเต้นตึกตักอย่างไม่เป็นจังหวะ
เด็กสาวลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือปลายเท้าของใครบางคนที่อยู่ด้านล่างของปลายเท้าของเธอ แต่ยาวเลยไปกว่ามากเพราะความสูงที่แตกต่าง เด็กสาวใจเต้นจนคุมไม่อยู่ เมื่อรูปร่างนั้นช่างเป็นภาพที่คุ้นตา เด็กสาวพยายามอย่างที่สุดในการสั่งให้ตัวเองหันไปมองหน้าผู้ที่รองรับร่างเธอไว้
ชิม ชางมิน!!!!
เด็กสาวรีบสะบัดหน้ากลับจนคอแทบหลุด ใบหน้าฉีดสีแดงปรี๊ดร้อนผ่าวเหมือนไปอังเตาผิงขึ้นมาในฉับพลัน ความสุขและความตื่นเต้นที่พุ่งพรวดเข้ามาพร้อมๆกัน ทำเอาหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกถึงทุกอัตราการเต้นจนปวดหน้าอก
อ้อมแขนของเด็กหนุ่มที่โอบรอบเอวเอาไว้ ยิ่งทำเอาเด็กสาวอยากจะส่งเสียงกรี๊ดออกมาแทบขาดใจ แต่ที่ต้องทำคือกัดปากตัวเองเอาไว้จนริมฝีปากบางใสนั้นแทบห้อเลือด ร่างข้างใต้ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าๆ วงแขนนั้นประคองให้เด็กสาวลุกนั่ง
...ในเวลานี้ โมเมอยู่ในสภาพ ช็อคโดยสมบูรณ์ไปแล้ว...
"เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?" ชางมินถามเด็กสาวในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงนุ่มๆอย่างที่โมเมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้
จากปากของเด็กหนุ่มมาก่อน
...นี่คืออีกด้านของชางมินที่เราไม่เคยได้เห็นรึเปล่านะ...
โมเมพูดไม่ออก จริงๆแล้วอาจเรียกว่าลืมการออกเสียงไปแล้วด้วยซ้ำ เด็กสาวทำให้ได้แค่พยักหน้าหงึกๆหงักๆ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบ ทำให้ชางมินได้มองใบหน้านั้นใกล้ๆอย่างไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มเผลอตัวมองใบหน้าหวานนั้น แล้วไล่มองตั้งแต่คิ้วเรียวสวยเส้นบาง ดวงตากลมโตหวาน จมูกโด่งเล็กๆ ริมฝีปากบางๆสีชมพูใส และข้างแก้มที่เป็นสีชมพูแดง ซึ่งแทบจะกลายเป็นสีเดียวกันนั้นทั้งใบหน้าแล้ว
แต่แล้วก็เป็นชางมินซะเองที่ปล่อยร่างเด็กสาวออกจากลำแขน และผละออกลุกขึ้นยืน ปล่อยเด็กสาวให้นั่งหายใจถี่กระชั้นอยู่กับพื้น
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว" เด็กหนุ่มพูดแล้วหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เมื่อโมเมได้สติ เด็กสาวก็รีบเดินไปหยิบหนังสือที่เป็นของเธอที่โต๊ะ แล้วรวบๆเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างลวกๆทันที
...มันมากเกินไปแล้วโมเม พอก่อน วันนี้เธอต้องพอแค่นี้ มันต้องมีเวลาอีกมากโมเม ใจเย็นๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เย็นไว้โมเม เย็นไว้ ไม่ต้องตื่นเต้น...
โมเมบอกกับตัวเองแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ชางมินมองตามการกระทำของเด็กสาวจนกระทั่งโมเมเก็บของที่เป็นของๆเธอจนหมดโต๊ะ ชางมินก็ถามขึ้น
"จะไปไหนน่ะ แล้วไม่เอาหนังสือเล่มนี้แล้วเหรอ?" ชางมินถามแล้วชูหนังสือฟีนิกซ์เล่มที่เค้าได้รับมาจากเด็กสาวขึ้น
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นมาทำวันหลังก็ได้ วันนี้นายทำของนายให้เสร็จก่อนดีกว่า" โมเมพูดแล้วตั้งท่าจะหันหลังเดินจากไป แต่ชางมินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
"แปลว่าเธอจะมาที่นี่อีกใช่มั้ย? เธอชื่ออะไรน่ะ ชั้นยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย"
...โมเมนิ่งอึ้งไปราว 5 วินาที ก่อนจะส่งเสียงตอบทั้งที่ยังหันหลัง...
"โซ โมเม ยินดีที่ได้รู้จักนะชางมิน"
โมเมพูดแค่นั้นแล้วเร่งฝีเท้าจ้ำออกไปทันที เด็กสาวเดินมาเรื่อยๆอย่างเร็วๆ เหมือนกับมันจะทำให้ความรู้สึกที่มีมากมายจนล้นนี้ ได้ล้นทะลักออกมาซะบ้าง แล้วมันจะทำให้ไอ้ที่จุกแน่นอยู่ในอกนี้มันลดน้อยลงไปได้ จนกระทั่งถึงห้องเรียนของเธอ โมเมวางหนังสือลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน
...มันเกิดขึ้นแล้ว ชิมชางมินถามชื่อชั้น ชางมินถามชื่อชั้นแล้วจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปแบบไหนก็ตาม
แต่มันกำลังก้าวขึ้นไปอีกระดับนึงแล้วนะ
ก้าวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อด้วย
นับจากพรุ่งนี้ไป มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว...
ไม่ว่าตอนนี้ชั้นจะอยู่ในสถานะไหนก็ตามสำหรับนาย แต่ตอนนี้ชั้นมีจุดมุ่งหมายแล้ว ชั้นจะต้องมัดใจนายให้เป็นของชั้นให้ได้ ชิมชางมิน!!
จเรียบร้อย เด็กนักเรียนคนอื่นกรูกันออกห้องแล้วไปหากิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแก้เครียดทำ แต่สำหรับ ชิม ชางมิน คนนี้ เด็กหนุ่มร่างสูงหยิบกระดาษใส่ลงไปในแฟ้ม แล้วรวบปากกาดินสอบนโตีะลงกระเป๋า ตวัดเป้สะพายกับไหล่แล้วตรงไปห้องสมุดทันที
...ทั้งที่ยังมีเวลาอีกถึง 2สัปดาห์สำหรับการส่งข้อมูลเบื้องต้น แต่ชางมินก็เลือกที่จะเริมต้นมันทันทีที่ได้รับมอบหมาย เด็กหนุ่มเป็นแบบนี้เสมอๆ ขอแค่ให้เป็นเรื่องเรียนเท่านั้น ไม่ว่าจะอะไร ชิมชางมินคนนี้ สามารถทำได้ทุกอย่าง และได้ดีจนน่ากลัวซะด้วย...
ตลอดระหว่างทางที่เด็กหนุ่มก้าวเท้าผ่านไป ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีสายตาสายคู่หันมามองเสมอๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา กับการที่จะมีเด็กผู้หญิงหันมามองเด็กหนุ่มร่างสูงคนนี้แล้วหันไปกรี๊ดกร๊าดกันเองใน
กลุ่ม ด้วยเพราะชิมชางมิน เป็นเด็กหนุ่มที่เรียกว่าป๊อบอันดับต้นๆของโรงเรียนทีเดียว แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกยินดีเลยซักนิด เค้าเกลียด เกลียดอย่างที่สุดกับการที่ต้องตกเป็นเป้าสายตา หรือเป็นขวัญใจของใครๆ ซึ่งนั่นทำให้ชางมินหยิบยื่นสายตาที่ดุดันและแข็งกร้าวส่อแววไม่พอใจอย่าเปิดเผยไปให้เด็กสาวเหล่านั้นอย่างไม่ไยดี เหมือนๆกับที่เค้ากำลังทำอยู่ตอนนี้
เกลียดรอยยิ้มจากเด็กสาวพวกนั้น เกลียดท่าทางกระดี๊กระด๊าและเสียงกรี๊ดกร๊าด เกลียดช็อคโกแลตวาเลนไทน์ เพราะเค้าเชื่อว่า.. ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นมันจอมปลอม ที่เกิดจากความรู้สึกที่ไม่จริงใจ เด็กสาวพวกนั้นไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆของเค้าซักนิด เด็กสาวพวกนั้นก็แค่รู้สึกชื่นชมกับภาพของชิมชางมินที่เดินไปเดินมาอยู่ในโรงเรียน แล้วถ้าเป็นแบบนั้น.. ตัวเค้าที่เด็กสาวพวกนั้นเห็น จะต่างอะไรกันกับแค่ภาพเขียนที่อยู่ในกรอบใบหนึ่งเท่านั้นเอง
ซึ่งเค้าเกลียด.. เกลียดอย่างที่สุด!!
เด็กหนุ่มเดินอ้อมสวนต้นไม้หลังโรงเรียนไปห้องสมุดที่อยู่ทางด้านหลังสุดของโรงเรียน
ห้องสมุดเวลาเย็นที่ไม่มีนักเรียนสนใจจะเข้ามามากนัก จะมีก็แต่พวกหนอนหนังสือที่ชอบเข้ามาหาอะไรอ่าน ไม่ก็นักเรียนดีเด่นแบบชางมินที่รีบมาค้นคว้าข้อมูลในห้องสมุดแบบนี้
เด็กหนุ่มผลักประตูกระจกใสเข้าไป ภายในห้องสมุดที่ดูเงียบสงบ มีนักเรียนเข้ามาใช้บริการเพียงไม่ถึง 20 คน ต่างคนต่างนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสนใจใครนัก ซึ่งนั่นเป็นบรรยากาศที่ชางมินชอบที่สุด เด็กหนุ่มวางกระเป๋าลงที่ลอกเกอร์ด้านหน้า แล้วถือแฟ้มเดินตรงไปที่ตู้หนังสือหมวดสารคดี
ที่จริงแล้วชางมินจะไม่เข้ามาหาข้อมูลในห้องสมุด กลับบ้านไปนั่งหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ทก็ได้ เพียงแต่เด็กหนุ่มจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เค้าเพิ่งเห็นหนังสือเกี่ยวกับตำนาน ฟีนิกซ์ อยู่บนชั้นหนังสือในห้องสมุดนี่ เค้าเองก็สนใจมันและคิดจะยืมกลับมาอ่าน แต่ติดที่ว่าตอนนั้นเค้ามีโครงงานอื่นๆที่ต้องทำมากเกินไป และไม่มีเวลาพอที่จะอ่านมัน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ครั้งนี้เค้าเลือกจะค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนกตัวนี้ ที่เค้าสนใจและชื่นชอบ
ว่าแต่มันหายไปไหนล่ะ?
เด็กหนุ่มกวาดสายตาขึ้นลงหาหนังสือจากชั้นสารคดี แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ชางมินเริ่มหัวเสีย แล้วในตอนนั้นเองที่เค้าได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีใครอยู่อีกฝั่งนึงของตู้ ในที่สุดหนังสือที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ถูกหยิบออก และเพราะที่ฝั่งของชางมินไม่มีหนังสืออยู่จึงทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้น แล้วเค้าก็พบว่าหนังสือที่ถูกหยิบออกไปนั้น คือหนังสือเล่มที่เค้ากำลังหาอยู่นั่นเอง
หายไปไหนแล้ว?
เด็กหนุ่มวิ่งมาที่อีกฝั่งของตู้และพบเพียงความว่างเปล่า ชางมินยืนงงอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลังของเค้า
"เอ่อ.. คุณหาหนังสือเล่มนี้อยู่รึเปล่าคะ?" เสียงหวานๆนั่น ทำให้ชางมินหันหลังกลับไปมอง และพบกับเด็กสาวผมยาวคนหนึ่งในชุดนักเรียน ม.ปลาย บนใบหน้าขาวเนียนนั้น ข้างแก้มกำลังเป็นสีชมพูเรื่อๆ แต่นั่นแหละ.. ชางมินก็ไม่ได้สนใจจะสังเกต เค้าเห็นแค่หนังสือเล่มสีดำตัวหนังสือสีทองนั่นที่อยู่ในมือของเด็กสาวเท่านั้น
"อ่าใช่.. ขอบคุณนะ" เด็กหนุ่มพูดสั้นๆแค่นั้นแล้วหยิบหนังสือจากมือเด็กสาว ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่มีอาการระริกระรี้น่ารำคาญแบบแฟนคลับของเค้า แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงไม่เข้าใจถึงการวางตัวเมื่ออยู่กับบุคคลต่างเพศที่ไม่รู้จักกันม
าก่อนอยู่ดี ชางมินผู้เย็นชาตั้งท่าจะหันหลังเดินไปนั่งศึกษาหนังสือ แต่..
"ขอโทษนะคะ แต่พอดีว่าชั้นเห็นหนังสือเล่มนั้นก่อนคุณ และชั้นจำเป็นต้องใช้มันค่ะ" เด็กสาวพูด ชางมินหันกลับมามองเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อเค้ามองตามสายตาที่เด็กสาวพยักเพยิดให้มอง ชางมินก็พบกับกองหนังสือและชีทมากมาย หน้ากระดาษที่มีปากกาวางทิ้งไว้ข้างๆถูกจดตัวหนังสือลงเกือบเต็ม..
และแล้วในที่สุด ชางมินก็กำลังนั่งทำบทคัดย่อจากเนื้อหาในหนังสือ ฟีนิกซ์ เล่มนั้น โดยมีเด็กสาวคนเมื่อครู่นั่งเท้าคางรอหนังสืออยู่ฝั่งตรงข้าม
...วันนี้ห้องของโซ โมเมมีเรียนแค่ครึ่งวัน เมื่อราวๆ 1 ชั่วโมงที่แล้ว เด็กสาวมาที่นี่เพื่อเริ่มต้นทำรายงานวิชาวรรณคดีของเธอ ซึ่งเด็กสาวตั้งใจไว้แล้ว ว่าต้องการจะทำเรื่อง ฟีนิกซ์ ไม่ใช่เพราะเธอชอบ ไม่ใช่เพราะอาจารย์กำหนดมา ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำแล้วจะได้คะแนนดีกว่าเรื่องอื่นๆ แต่เป็นเพราะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครคนหนึ่งที่เธอหลงเสน่ห์ ชอบ เพราะเหตุนั้นเธอถึงเลือกทำมัน
และตอนนี้ ใครคนนั้น ก็กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานของเค้าอยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง...
...แล้วแบบนี้จะยอมปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปง่ายๆอย่างนั้นน่ะเหรอ ไม่!! โมเมตอบกับตัวเองอย่างหนักแน่น ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องใช้โอกาสที่มีนี้ให้คุ้มค่าที่สุด...
"นายทำงานของวิชาอะไรอยู่เหรอ?" โมเมถามขึ้นขณะที่ชางมินยังคงสนใจกับงานตรงหน้า เปลี่ยนสรรพนามและรูปแบบประโยคซะเป็นกันเอง แต่เด็กหนุ่มที่ยังคงวุ่นกับงานก็ไม่ได้สนใจจะรู้สึกว่ามันแปลกหู
...รูปประโยคแบบนี้ อาจทำให้ความห่างลดลงบ้างก็เป็นได้...
"วิทยาศาสตร์น่ะ" เด็กหนุ่มตอบเรียบๆทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา "เห? วิทยาศาสตร์เนี่ยนะ? มันเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์ตรงไหน?" เด็กสาวถามต่อเสียงสูง ชางมินจรดปลายปากกาเร็วๆจนจบประโยคก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ
"ก็ บทวิเคราะห์เกี่ยวกับว่า จะเป็นไปได้มั้ย ที่จะมีสิ่งมีชีวิตซักสิ่งบนโลกที่จะมีรูปแบบชีวิตแบบฟีนิกซ์" ชางมินพูดจบก็ก้มลงไปเขียนอีกครั้ง
...แค่ประโยคๆเดียว แต่การพูดไปมองหน้าไป แค่นั้นมันก็เหนือความคาดหมายแล้ว นี่เป็นก้าวเริ่มต้นที่สวยงามของชั้น...
"บ้าน่า.. มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว" โมเมพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาชางมินต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ "แต่ก็ไม่ใช่ว่าโอกาสจะเป็น 0 นี่ ชั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแบบฟีนิกซ์ทุกอย่างซักหน่อย" ชางมินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
...บทสนทนา นี่มันกำลังจะกลายเป็นบทสนทนาแล้ว โซ โมเม สู้ตาย!!...
"แล้วที่นายทำนั่น มันหมายรวมถึงการเกิดใหม่จากเถ้าถ่านด้วยรึเปล่า?" โมเมยังคงถามต่อไปเรื่อยๆ "ก็ไม่เชิง ชั้นถึงยังต้องค้นคว้าต่อไปนี่ไง" ชางมินตอบ ยังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ
"อ่า.. อืม.. เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่านายก็ชอบเรื่องฟีนิกซ์ด้วย" ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก แต่โมเมก็พูดปดอย่างแนบเนียน ชางมินหยุดปลายปากกากึกแล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งหนึ่ง "เพิ่งรู้? เธอพูดเหมือนการรู้เรื่องของชั้นมันเป็นเรื่องปกติของเธอเลยนะ.." ชางมินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ สายตาคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ
"ก็แน่สิ เรื่องของชิมชางมิน มีนักเรียนหญิงคนไหนในโรงเรียนไม่รู้บ้าง เพื่อนชั้นพูดถึงนายกรอกหูให้ฟังออกบ่อย คิกๆๆ" โมเมตอบกลับไปอย่างไม่ติดขัดราวกับมีคนเขียนสคริปไว้ให้ แถมท้ายด้วยการหัวเราะเล็กๆกลบเกลื่อน ชางมินพยักหน้าน้อยๆอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรแล้วก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
"เออนี่ จริงๆแล้วมันมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อีกหลายเล่มนะ มันอยู่ชั้นบนๆ นายอาจยังไม่เคยเห็น เดี๋ยวชั้นไปหยิบมาให้แล้วกัน" โมเมพูดยิ้มๆ ชางมินพยักหน้าน้อยๆ แล้วเด็กสาวก็ลุกจากโต๊ะไปด้วยหัวใจเต้นถี่
...ได้คุยกับชิมชางมินแล้ว!! เด็กสาวแทบสำลักความสุขและความตื่นเต้นที่พากันล้นทะลักทะลายเต็มอกไปหมด ตลอดเวลาที่เธอแอบเป็นสโตรกเกอร์แฟนคลับอย่างเงียบๆ คอยสืบเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ไม่มีโอกาสซักครั้งที่จะเข้าประชิดตัวได้ แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว อย่างที่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนซะด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่นี่มันเป็นเรื่องจริงแน่ๆ ทุกอย่างมันสมจริงซะยิ่งกว่าสัมผัสได้ ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว
เธอต้องใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าที่สุด โซ โมเม...
เด็กสาวย้ำกับตัวเองให้ท่องวนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาขณะที่กำลังปีนขั้นบันไดขึ้นไปหยิบ
หนังสือเกี่ยวกับฟีนิกซ์ทั้งหลายที่อยู่ชั้นบนสุดของตู้หนังสือ แต่แล้วระหว่างที่ร่างไม่สูงนักของเด้กสาวกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มที่อยุ่
ชั้บบนสุดที่สูงเหนือหัวเธอขึ้นไปอีก เด็กสาวก็พบว่าแรงโน้มถ่วงโลก กำลังกระชากร่างของเธอให้ตกลงสู่พื้น ทันทีที่ปลายเท้ารู้สึกลื่น เด็กสาวก็ร้องวี๊ดขึ้นทันที
หลับตาปี๋รอรับความเจ็บที่กำลังจะเกิดขึ้น.. จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างของเธอไม่ได้อยู่ในวิถีเคลื่อนไหวของแรงดึงดูดโลกแล้ว เด็กสาวก็ต้องแปลกใจที่เธอไม่รู้สึกเจ็บซักนิด ความรู้สึกนิ่มๆที่รองรับตัวแทนที่จะเป็นพื้นแข็งๆ ทำเอาโมเมเริ่มใจเต้นตึกตักอย่างไม่เป็นจังหวะ
เด็กสาวลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือปลายเท้าของใครบางคนที่อยู่ด้านล่างของปลายเท้าของเธอ แต่ยาวเลยไปกว่ามากเพราะความสูงที่แตกต่าง เด็กสาวใจเต้นจนคุมไม่อยู่ เมื่อรูปร่างนั้นช่างเป็นภาพที่คุ้นตา เด็กสาวพยายามอย่างที่สุดในการสั่งให้ตัวเองหันไปมองหน้าผู้ที่รองรับร่างเธอไว้
ชิม ชางมิน!!!!
เด็กสาวรีบสะบัดหน้ากลับจนคอแทบหลุด ใบหน้าฉีดสีแดงปรี๊ดร้อนผ่าวเหมือนไปอังเตาผิงขึ้นมาในฉับพลัน ความสุขและความตื่นเต้นที่พุ่งพรวดเข้ามาพร้อมๆกัน ทำเอาหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกถึงทุกอัตราการเต้นจนปวดหน้าอก
อ้อมแขนของเด็กหนุ่มที่โอบรอบเอวเอาไว้ ยิ่งทำเอาเด็กสาวอยากจะส่งเสียงกรี๊ดออกมาแทบขาดใจ แต่ที่ต้องทำคือกัดปากตัวเองเอาไว้จนริมฝีปากบางใสนั้นแทบห้อเลือด ร่างข้างใต้ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าๆ วงแขนนั้นประคองให้เด็กสาวลุกนั่ง
...ในเวลานี้ โมเมอยู่ในสภาพ ช็อคโดยสมบูรณ์ไปแล้ว...
"เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?" ชางมินถามเด็กสาวในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงนุ่มๆอย่างที่โมเมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้
จากปากของเด็กหนุ่มมาก่อน
...นี่คืออีกด้านของชางมินที่เราไม่เคยได้เห็นรึเปล่านะ...
โมเมพูดไม่ออก จริงๆแล้วอาจเรียกว่าลืมการออกเสียงไปแล้วด้วยซ้ำ เด็กสาวทำให้ได้แค่พยักหน้าหงึกๆหงักๆ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบ ทำให้ชางมินได้มองใบหน้านั้นใกล้ๆอย่างไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มเผลอตัวมองใบหน้าหวานนั้น แล้วไล่มองตั้งแต่คิ้วเรียวสวยเส้นบาง ดวงตากลมโตหวาน จมูกโด่งเล็กๆ ริมฝีปากบางๆสีชมพูใส และข้างแก้มที่เป็นสีชมพูแดง ซึ่งแทบจะกลายเป็นสีเดียวกันนั้นทั้งใบหน้าแล้ว
แต่แล้วก็เป็นชางมินซะเองที่ปล่อยร่างเด็กสาวออกจากลำแขน และผละออกลุกขึ้นยืน ปล่อยเด็กสาวให้นั่งหายใจถี่กระชั้นอยู่กับพื้น
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว" เด็กหนุ่มพูดแล้วหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เมื่อโมเมได้สติ เด็กสาวก็รีบเดินไปหยิบหนังสือที่เป็นของเธอที่โต๊ะ แล้วรวบๆเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างลวกๆทันที
...มันมากเกินไปแล้วโมเม พอก่อน วันนี้เธอต้องพอแค่นี้ มันต้องมีเวลาอีกมากโมเม ใจเย็นๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เย็นไว้โมเม เย็นไว้ ไม่ต้องตื่นเต้น...
โมเมบอกกับตัวเองแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ชางมินมองตามการกระทำของเด็กสาวจนกระทั่งโมเมเก็บของที่เป็นของๆเธอจนหมดโต๊ะ ชางมินก็ถามขึ้น
"จะไปไหนน่ะ แล้วไม่เอาหนังสือเล่มนี้แล้วเหรอ?" ชางมินถามแล้วชูหนังสือฟีนิกซ์เล่มที่เค้าได้รับมาจากเด็กสาวขึ้น
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นมาทำวันหลังก็ได้ วันนี้นายทำของนายให้เสร็จก่อนดีกว่า" โมเมพูดแล้วตั้งท่าจะหันหลังเดินจากไป แต่ชางมินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
"แปลว่าเธอจะมาที่นี่อีกใช่มั้ย? เธอชื่ออะไรน่ะ ชั้นยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย"
...โมเมนิ่งอึ้งไปราว 5 วินาที ก่อนจะส่งเสียงตอบทั้งที่ยังหันหลัง...
"โซ โมเม ยินดีที่ได้รู้จักนะชางมิน"
โมเมพูดแค่นั้นแล้วเร่งฝีเท้าจ้ำออกไปทันที เด็กสาวเดินมาเรื่อยๆอย่างเร็วๆ เหมือนกับมันจะทำให้ความรู้สึกที่มีมากมายจนล้นนี้ ได้ล้นทะลักออกมาซะบ้าง แล้วมันจะทำให้ไอ้ที่จุกแน่นอยู่ในอกนี้มันลดน้อยลงไปได้ จนกระทั่งถึงห้องเรียนของเธอ โมเมวางหนังสือลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน
...มันเกิดขึ้นแล้ว ชิมชางมินถามชื่อชั้น ชางมินถามชื่อชั้นแล้วจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปแบบไหนก็ตาม
แต่มันกำลังก้าวขึ้นไปอีกระดับนึงแล้วนะ
ก้าวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อด้วย
นับจากพรุ่งนี้ไป มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว...
ไม่ว่าตอนนี้ชั้นจะอยู่ในสถานะไหนก็ตามสำหรับนาย แต่ตอนนี้ชั้นมีจุดมุ่งหมายแล้ว ชั้นจะต้องมัดใจนายให้เป็นของชั้นให้ได้ ชิมชางมิน!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น