คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : :: Audition * Magical Love ::
คำถามพื้นฐาน
# Edit 2 : 11/02/09 : 00.45 (อื่นๆ)
# Edit 3 : 14/02/09 : 01.07 (ความสามารถพิเศษ + อื่นๆ)
เริ่มกรอกใบสมัครตั้งแต่วันที่? → ด้วยความสัจจริงแล้วล่ะก็.. เริ่มเขียนบทออสำหรับเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภา.. ทั้งๆที่ใบสมัครของนางเอกชางมินยังไม่ออกเลยล่ะ 55555 แบบว่าคำถามพาร์ทแรกจะคล้ายๆกันหมดทุกคน ก็เลยกรอกคำตอบสำหรับพาร์ทแรกไว้รอเลย เหตุผลก็เพราะว่าตื่นเต้นมาก กระตือรือร้นที่จะได้ออฟิคเรื่องนี้ทั้งที่เลิกออฟิคมาหลายปีแล้ว แต่ฟิคเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษจริงๆ.. ใช่ มันพิเศษจริงๆนะ 55555
USERNAME? → Seo Momei
รายงานตัวภายใน 4 วันหลังประกาศผล โอเคน่ะ? → รับทราบค่ะ เปิดเข้ามาเช็คทุกวันอยู่ละ ^^
ถามความรู้สึกกันหน่อย คิดอย่างไรกับพล็อตเรื่อง Magical love?^-^ → เพราะว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่าง ..หรืออาจหลายๆอย่าง ที่พิเศษมาก มากๆจริงๆ ทำให้รู้สึกสนใจมาก ทั้งที่ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ออฟิค มานานมากๆแล้ว ในใจแอบคิดว่ามันจะเป็นโชคชะตารึเปล่า? 55555 ที่ทำให้ได้มาเจอฟิคเรื่องนี้ ฟิคที่คิดว่า ตามหามานานจริงๆที่จะได้อ่าน และได้เป็นส่วนนึงในเรื่อง เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก มีความซับซ้อนของตัวละคร ความเกี่ยวโยงที่สัมพันธ์กันอย่างลงตัว ทำให้เรื่องมีมิติของทั้งบทและตัวละคร เสริมให้เรื่องน่าสนใจมากๆ รู้สึกว่าถ้าเขียนออกมาเป็นเรื่อง น่าจะมีการลำดับเป็นขั้นเป็นตอนได้เหมาะเจาะ
ชอบเรื่องนี้มั้ย? →แน่นอนค่ะ ..อย่างที่สุด ^^
ทำไมถึงอยากออดิชั่นเป็นพระเอกของเราล่ะ? → แน่นอนว่าก็ต้องเป็นชางมิน 5555 ที่ตอบว่าชางมิน ไม่ใช่เพราะว่าจะออบทของชางมินนะ.. หรือมันจะเกี่ยวกัน? ..ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักหรอก 5555 แต่ว่า ที่ตอบว่าชางมิน เพราะบทของชางมิน มันเป็นชางมินที่เป็นชางมิน เป็นตัวตนของชางมิน เป็นสิ่งที่ชางมินเป็น มีฟิคแค่ไม่กี่เรื่อง ไม่มากนัก ที่จะแต่งโดยดึงเอาความเป็นชางมินจริงๆมาเขียน และมีนักเขียนจำนวนน้อย.. ที่เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวตนของชางมินจริงๆเป็น เราดีใจมาก ที่เจ้าของเรื่องนี้มองเห็นชางมินในแบบที่เรามองเห็น และสัมผัสได้ในสิ่งที่ชางมินเป็น เราเชื่อด้วยว่าคนเขียนต้องถ่ายทอดความเป็นชางมินออกมาได้ดีแน่ หลังจากอ่านคาแร็คเตอร์ของชางมินและพล็อตคร่าวๆไป
ชอบคาแรคเตอร์พระเอกคนไหนมากที่สุดใน Magical love? → มันมีเหตุผลหลายๆอย่างประกอบกัน จริงๆนะ 5555 และทุกเหตุผลล้วนสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน จนลำดับไม่ได้ว่าควรจะพูดถึงอันไหนก่อน.. ข้อที่หนึ่ง เพราะว่าบทนี้เป็นบทที่เราตามหามาตลอดเวลาหลายๆปีนี้ เคยตามหา จนสุดท้ายก็เลิกไป.. เพราะมันคงยากที่จะเจอ แต่วันนี้กลับได้มาเจอโดยบังเอิญทั้งที่หยุดค้นหามันไปนานแล้ว ดีใจมาก.. 5555 เป็นบทที่เราคิดว่ามีส่วนนึงของตัวเอง หรืออาจหลายๆส่วน หรือบางทีอาจเป็นทั้งหมด อยู่ในบทนี้ เราคิดว่าเราจะสามารถตอบคำถามทุกคำถามได้อย่างสบายใจ ด้วยสิ่งที่เราเป็น ..เราเองไม่อาจรู้หรอกว่า สิ่งที่คนเขียนต้องการ จริงๆมันคือตัวเรารึเปล่า? แต่อย่างน้อยที่สุด เรามีความสุขที่จะได้ตอบทุกคำถามเหล่านี้ที่ถูกถาม เพราะเรามีความสุขที่จะได้คิดว่าตัวเองจะเป็นตัวละครตัวนี้ ได้รับบทๆนี้ เป็นบทที่ใช่มากๆ ..มันมากจริงๆ ..ครั้งนึงเราเคยคิดดูเล่นๆ ว่าเราอยากจะตายจัง 5555 ถ้าเราไม่มีแม่ ไม่มีคนอื่นๆที่รักเราอยู่อีกแล้ว ถ้าชีวิตของเราเป็นแค่ของเราคนเดียว มีเราแค่คนเดียว.. เราอยากจะตาย อยากกลายเป็นวิญญาณ.. อยากรู้ว่าถ้าเป็นวิญญาณแล้ว เราจะสามารถไปที่ไหนๆ ได้ดั่งใจของเรารึเปล่า? ..ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงดี ดีมากๆ ดีที่สุด.. เราอยากจะกลายเป็นวิญญาณ ก็เพียงแค่เพราะว่ามันเป็นทางเดียวที่จะเข้าใกล้ชางมินได้ มากเท่าที่ต้องการ ถึงแม้ว่าเค้าจะมองไม่เห็น อย่างน้อยก็ได้ใกล้.. แต่ว่า บางทีเค้าอาจจะเห็นก็ได้ ซักทางนึง! 555555 อยากจะทำ.. ยอมจะแลก ทุกสิ่งทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้เข้าใกล้.. ชิมชางมิน นั่นล่ะ คือสิ่งที่เราคิด และสิ่งที่เราอยากจะเป็น อย่างน้อยมีโอกาสได้เป็น แค่ในฟิคเรื่องนี้ เราก็มีความสุขแล้วล่ะ 5555 ..สำหรับเหตุผลข้อที่สอง ข้อนี้ก็สำคัญมาก นั่นก็คือ เพราะบทนี้เป็นบทนางเอกของชางมิน ของชิมชางมิน ..ของคนที่เรารัก ถ้าเป็นบทนี้ แบบนี้ ถึงจะเป็นบทที่เป็นตัวเรา เป็นบทที่เราต้องการมากขนาดไหน แต่ถ้าคนที่เป็นพระเอกไม่ใช่ชิมชางมินแล้วล่ะก็.. เราคงเลื่อนเมาส์ไปกดกากบาทสีแดงๆปิดออกไปแล้ว แต่ที่เราตั้งใจ ที่กระตือรือร้นอย่างที่สุด ก็เพราะ.. นี่คือชิมชางมิน คือคนที่เรารัก คือคนที่เราอยากจะคู่ด้วย แม้จะเป็นเพียงในฟิคชั่น.. แม้จะเป็นเพียงในโลกของจินตนาการ แต่มันจะเป็นจินตนาการที่สวยงามที่สุดสำหรับเรา..
สัญญากันหน่อยได้มั้ย? ไม่ว่าคุณจะออดิชั่นไม่ติดคุณจะติดตามฟิคเรื่องนี้ต่อไป → จริงๆแล้วมันคงยากที่จะรับปาก ถ้าจะต้องอ่านเรื่องของจินตนาการที่ตัวเองอยากจะเป็น.. แต่กลับสะท้อนภาพของคนอื่นที่อยู่เคียงข้างชางมินที่รัก.. แต่ว่า เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็จะเข้ามาติดตามในส่วนของคู่อื่นๆแน่นอนค่ะ ..แต่ทำใจอ่านบทของชางมินกับคนอื่นไม่ได้จริงๆ แย่เนอะ.. 55555
ต้องการบทสำรองมั้ยถ้าหากว่าออดิชั่นไม่ติด? → ไม่ค่ะ ไม่ต้องการ แค่บทนี้เท่านั้น.. ถ้าไม่ได้บทนี้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ^^
อยากบอกอะไรกับเรามั้ย? → เมเชื่อมั่นในตัวพี่มินคยองมากๆค่ะ สำหรับฟิคเรื่องนี้มันต้องออกมาดีแน่ๆ มันเป็นฟิคเรื่องที่ทำให้เมสนใจมาก มันเป็นอะไรบางอย่างที่พิเศษมากๆจริงๆ ขอบคุณพี่มินคยองมากๆนะคะที่ตั้งใจจะเขียนฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา เมรักมันมากๆเลย พี่มินคยองขยันมากๆ เข้ามาตรวจ เข้ามาติดตาม ตอบคำถามของทุกคนตลอด พี่มินคยองตั้งใจกับฟิคเรื่องนี้มาก เมก็เลยยิ่งตั้งใจกับการออมากเหมือนกัน 5555 จะรอผลออดิชั่นแล้วก็รออ่านฟิคเรื่องนี้นะคะ ^^
ขอบคุณที่เสียเวลามาออดิชั่นกับเราน่ะ แฮะๆ → มันไม่เป็นการเสียเวลาเลย จริงๆ มันเป็นสิ่งที่เราคิดว่าคุ้มค่าที่สุดที่จะได้ทำในปิดเทอมนี้ ^^
ขอให้โชคดีในการออดิชั่น~ → ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ^^
คำถามสำหรับบทออดิชั่นนางเอก
ชื่อแบบเต็ม → ซอมีโซ (Seo Meso) มีโซ = รอยยิ้ม
ชื่อเล่น → มีโซ
ฉายา → ตอนมีชีวิตอยู่ พี่สาวชอบเรียกว่า 'ยัยตุ๊กตาผี' เพราะหน้าเหมือนตุ๊กตาดอลฟี่ แต่หลังจากนั้นก็ได้เป็นผีจริงๆสมใจ 55555 หลังกลายเป็นวิญญาณมักถูกชางมินเรียกว่า 'ยัยบ๊อง' บ้าง 'ยัยโรคจิต' บ้าง
วันเกิด/อายุ → วันอังคารที่ 9 เมษายน 1991 เวลา 09.09 / อายุ 18 ปี (วันเกิดและเวลาเกิดจริง เป้ะ! 55555)
ลักษณะรูปร่าง → หญิงสาวผิวขาว ตัวเล็ก รูปร่างบอบบางเหมือนตุ๊กตาน่าทะนุถนอม ผมยาวเลยกลางหลังดัดเป็นลอนอ่อนนุ่มสีน้ำตาลฮาเซล ผมม้าสไดล์บางๆระดับเรียวคิ้ว ดวงตากลมโตเป็นประกายซุกซนขี้เล่นดูมีชีวิตชีวา แต่เมื่อเหลือเพียงวิญญาณที่ไม่อาจเรียกได้ว่าชีวิต บ่อยครั้งที่แววตากลับฉายแววเศร้าออกมา.. ขนตายาวงอนยิ่งทำให้ดวงตาดูซึ้ง ปลายจมูกโด่งรั้นเล็กๆ เรียวปากบางสีชมพูเรื่อๆ ข้างแก้มป่องน้อยๆโดยไม่ต้องพองลม..
นิสัย → เป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับตุ๊กตาตัวน้อยๆที่เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น ..แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว มีน้อยคนนักที่จะรู้ ว่าเบื้องหลังต้องผ่าน พบเจอ และเก็บอะไรเอาไว้มากมายขนาดไหน.. กระนั้นก็ยังเลือกที่จะยิ้มไม่ว่าจะพบกับเรื่องราวอะไรที่ขีดลากผ่านมาเป็นทางเดินสำหรับชีวิต.. เติมเต็มความสุขให้กับชีวิตตัวเองด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเสมอมา อาจเป็นเพราะมีพี่สาวบุญธรรมปากร้ายใจกล้าที่รักกันมากๆคอยปกป้องด้วย เลยทำให้เรียนรู้ที่จะกลายเป็นเด็กสาวที่เก็บอารมณ์ได้เก่งกว่าและชอบหาความสุขง่ายๆด้วยการยิ้ม ด้วยการหัวเราะ ตามประสาเด็กธรรมดาๆคนนึงทั่วๆไป.. เชื่อมั่นในความรัก ศรัทธาในพรหมลิขิต เชื่อว่าซักวันนึงตัวเองจะต้องค้นหามันให้พบ จะต้องตามหามันจนเจอ ต้องพิสูจน์กับตัวเองให้ได้ว่ามันมีอยู่จริงๆบนโลกนี้.. แล้ววันนึงก็ได้ตกหลุมรัก ชิมชางมิน.. แม้เพียงจะเป็นความรักที่แสนห่างไกล แต่มอบทั้งใจและเชื่อมั่นในคนๆนี้หมดหัวใจอย่างไม่ต้องการข้อแม้และเหตุผล.. เป็นเด็กสาวที่โตขึ้นมาอย่างที่สามารถดูแลตัวเองได้ มีทั้งความเข้มแข็งและเปราะบางอยู่ในตัวเอง.. บางครั้งก็เหมือนจะทนกับอะไรได้ทุกอย่าง แต่บางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ได้ใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง.. บ่อยครั้งที่น้ำตาจะหยาดลงมากับความอ่อนไหวข้างในความรู้สึกลึกๆที่มักจะเก็บสะสมไว้รวมกัน.. เพราะความชอบเก็บนี้ ถ้าวันนึงมันพังลงมา ..จะเกิดอะไรขึ้น ..ทุ่มเททุกอย่างให้กับความรัก และเชื่อใจในสิ่งที่ตัวเองเรียกว่าความรักเสียจนวันนึงที่ผิดหวังขึ้นมาอาจไม่มีทางรับมันได้ไหว.. เพียงแค่ความรักระหว่างศิลปินอันเป็นเทพเจ้ากับแฟนคลับที่เป็นเพียงดาวดวงเล็กๆดวงนึงอย่างตัวเอง แต่กลับทุ่มให้ไปจนหมดทั้งหัวใจ ไม่เหลือไว้เผื่อตัวเองเลย.. มีส่วนที่เป็นเด็กในตัวเอง เพราะถูกเลี้ยงมาแบบที่เป็นน้องสาวที่มีพี่สาวคอยปกป้อง จึงทำให้เกิดส่วนที่เปราะบางอ่อนไหวทั้งหมดนั้น ..และทำให้เป็นเด็กดื้อเล็กๆในบางครั้งตามประสาน้องสาวแสนซนที่สร้างเสียงหัวเราะให้พี่สาวได้ และรักเสียงหัวเราะของพี่สาว รวมทั้งของทุกคนรอบๆตัวเองมากด้วย.. เพราะฉะนั้นความดื้อความซนนี้ก็ทำให้มีส่วนที่ดูเป็นเด็กไม่รู้จักโตอยู่บ้าง.. ขี้เล่น ขี้แกล้ง ขี้งอน ตามประสาเด็กสาวทั่วๆไป พูดมาก ชอกซักโน่นถามนี่ เป็นห่วงคนอื่นไปซะหมด ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจนบางทีก็น่ารำคาญ แต่คนส่วนมากมักจะเอ็นดูมากกว่ากับความซนที่ว่านี้.. ทว่าแน่นอน มีส่วนที่ลึกลงไป ลึกลงไปที่อยู่ใต้รอยยิ้มและความสดใสร่าเริง..
ประวัติครอบครัว → ไม่รู้เรื่องของตัวเองมากนัก และไม่เคยรู้จักพ่อแท้ๆของตัวเอง ตอนที่ยังเด็กมากเคยเห็นแต่ภาพเหตุการณ์ที่พ่อทิ้งแม่ไป แล้ววันนึงแม่ก็จากไปเพราะเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเองคนเดียวไม่ไหว และตรอมใจกับความเจ็บปวดที่คนเป็นพ่อสร้างเอาไว้ให้.. มีสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาดูแลให้อยู่ด้วยได้ไม่นาน ครอบครัวปัจจุบันที่อาศัยอยู่ด้วยก็มารับเอาไปเป็นลูกสาวบุญธรรมเพราะความเอ็นดู และให้เป็นเพื่อนกับลูกสาวของตัวเอง.. เลี้ยงดูด้วยความรักความอบอุ่นและให้ความสำคัญ เติมเต็ม.. จนเป็นเด็กที่มีรอยยิ้ม ไม่เหมือนเด็กมีปัญหาคนอื่นๆแม้แต่น้อย และโชคดีที่มีพี่สาวที่รักและเอาใจใส่ดูแลเสียยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ.. แต่เพราะด้วยความที่ไม่มีพ่อและแม่จริงๆอยู่บนโลกนี้.. วันนึง ในช่วงเวลาที่อ้างว้าง เจ็บปวด และสับสนที่สุด.. ถึงได้ตัดสินใจ กล้าที่จะทำร้ายตัวเองครั้งใหญ่ลงไป..
ประวัติในอดีตของคุณที่ทำให้คุณฝั่งใจมากที่สุด → พ่อที่ทิ้งแม่ไป.. เชื่อว่ามันเกิดจากความไม่จริงใจ และคำโกหก.. กระนั้นก็ยังเชื่อในรักแท้ว่าซักวันนึงตัวเองจะหามันพบ ยังเชื่อว่ามันจะต้องมีอยู่ซักที่ไหนที่หนึ่งบนโลกนี้ และคาดหวังว่ามันจะมาจากคนที่ตัวเองคอยเฝ้ามอง.. แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ก็ทำให้ในใจฝังรากลึกว่าเกลียดคำโกหกและการหลอกลวง.. ที่สุด
คำพูดวีนแตกของชางมินแบบไหนที่ทำให้คุณคิดมากจนสามารถทำร้ายตัวเองได้ →
(อ้างอิงตัวตนของชางมินจากบทสัมภาษณ์ใน GQ Magazine ว่าด้วยเรื่องการชอบดื่ม พฤติกรรมเวลาเมา และเรื่องผู้หญิง)
"โอ๊ย TT เสียงดังมากเลยนะพี่ หูชั้นจะแตกอยู่แล้ว ไม่น่ามาด้วยเลยอะ"
"แต่ที่นี่น่ะ รุ่นพี่ทงบังชินกิมาบ่อยมากๆเลยนะ วันนี้เธออาจจะได้เจอก็ได้ พี่พาเธอมาก็ดีแล้ว อย่าบ่นน่า อายุ 18 ทั้งที มานั่งนี่เร็ว" มือเรียวของพี่สาวผลักหัวน้องสาวที่ตัวเล็กกว่าพร้อมรอยยิ้ม ดูยังไงพี่สาวคนนี้ก็ดูดีดูเท่ห์ไปซะหมด จนคนอื่นๆหันมามองให้ความสนใจ แต่ดูเหมือนเป้าสายตาสวยเท่ห์คนนี้ก็ดูจะชินไปซะแล้ว ..หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้เลาจ์อย่างเสียไม่ได้ สายตาก็เหลือบมองไปรอบ.. เป็นอย่างที่ว่าจริงๆก็ดีน่ะสิ
"แต่ยังไงก็ไม่เจอพี่ชางมินหรอก.. เค้าไม่มาที่แบบนี้อยู่แล่ว" ย่นจมูกนิดๆใส่คนเป็นพี่พลางขมวดเรียวคิ้วน้อยๆทำแก้มป่อง
"อาจจะมาก็ได้ มันก็ไม่แน่นี่? ฮ่าๆ ดีกว่าเวลาคอยตามพี่ไปที่ตึกซะอีกนะถ้าเจอที่นี่" ยักคิ้วยิ้มๆให้น้องสาวที่เบือนหน้าหนีน้อยๆและกำลังส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วยนัก.. ตลกแล้ว ชิมชางมินน่ะนะ ป่านนี้จิ้มๆแล็ปท็อปอยู่ที่คอนโดหรือไม่ก็นั่งกดเกมส์ดวลกับพี่จุนซูอยู่บ้านมากกว่า บู่ว~ คนตัวเล็กโต้แย้งอยู่ในใจ แต่พี่สาวก็ส่ายหัวกลับบ้างกับท่าทางของน้องสาวที่ยังไม่ประสา
"รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ พี่จะไปทักเพื่อนตรงโน้น แล้วจะสั่งเครื่องดื่มมาให้ เดี๋ยวกลับมา อย่าไปไหนล่ะ" ยิ้มให้น้องสาว ยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มๆของคนตัวเล็กก่อนจะลุกออกไปจากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม ไม่ทันได้ตอบอะไรพี่สาวได้ทัน.. สายตามองตามไปแล้วก็ทำหน้าบูดน้อยๆกับตัวเอง นั่งลูบๆแขน
..อย่างน้อยถ้าจะเจอ ก็คงเป็นพี่แจจุง หรือพี่ยูชอนมากกว่าแหละ สถานที่แบบนี้
คงไม่มีทางเจอพี่ชางมินได้หรอก.. แน่ล่ะ ที่แบบนี้ พี่ชางมินไม่มาหรอก ไม่มีทาง
เฮ้อ.. นี่เราหวังอะไรอยู่กันแน่นะ ฮะๆ.. ซอมีโซเอ๊ย
อ๋าาา.. แต่ตรงนี้เสียงดังชะมัดเลย TT ไม่ไหวแล้ว
คิดกับตัวเองแบบนั้นแล้วก็ดันตัวลุกขึ้น ..ทั้งที่พี่สาวกำชับเอาไว้แท้ๆว่าไม่ให้ไปไหน แต่ดูเหมือนเสียงที่ดังก้องจากลำโพงเซอราวด์รอบทิศ ผู้คนที่ดูจะคึกคักกันที่สุดในช่วงพีคของค่ำคืน และแสงไฟสว่างจ้าที่สาดเข้ากระทบเปลือกเป็นระยะๆนี่ จะทำเอาเด็กสาววัย 18 สดๆร้อนๆที่เพิ่งเคยย่างกรายเข้ามาในสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตไม่สามารถทนมันได้ต่อไปอีก ..สงสัยกว่าจะโตเป็นสาวเป็นผู้ใหญ่อย่างคนอื่นเค้าได้จริงๆคงต้องใช้เวลาเรียนรู้และทำความเคยชินอีกนานแฮะ TT
สองขาเล็กก้าวไปเรื่อยๆ จะเดินไปทางไหนก็ดูเหมือนจะชนคนโน้นชนคนนี้ไปหมด ไม่ชินเอาซะเลยกับสถานที่แบบนี้ แถมบทตรงที่ไฟจะมืดมันก็มืดซะจนมองไม่เป็นอะไรไปซะหมด ..เดินงงไปงงมาอยู่ได้พักใหญ่ กว่าจะรู้ตัวว่าขาพาก้าวไปถึงไหนแล้วอีกที เสียงเพลงที่ดังก้องจนแทบทำลายเยื่อแก้วหูนั่นก็ดูห่างไกลลงไปมาก เหมือนผ่านผนังที่กั้นตัดผ่านมาเรื่อยๆ.. ด้านในนี่ ตรงนี้ เสียงดนตรีสไตล์แจ๊สหวานๆบรรเลงอยู่คลอเคลียไปกับบรรยากาศที่ดูสงบกว่า ทว่าก็ให้ความรู้สึกรุ่มร้อนอย่างประหลาดด้วยเครื่องตกแต่งและสถานที่ที่ดูหรูหรากว่าข้างนอกมาก ..ไม่มีแสงไฟที่สาดวาบไปมาให้ปวดตา แต่มีแสงไฟสีนวลเรียงรายให้บรรยากาศที่ลึกซึ้ง ..ดูท่าจะเดินหลงมาไกลเกินไปแล้วสิเรา
กลับดีกว่า.. ดูตรงนี้คงไม่ใช่ที่ให้แขกเด็กๆอย่างเราเข้ามาแล้วล่ะมั้ง ป่านนี้พี่สาวรอแย่แล้ว.. พยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองสองสามทีว่าจะเดินกลับ แต่แล้วกลับมีอะไรบางอย่างมาทำไม่อาจก้าวขาเพื่อนที่จะเดิน 'กลับ' ได้
"ฮ่าๆๆ อืม.. รู้แล้วๆ เดี๋ยวมา"
เสียงที่ฟังดูเกือบจะคุ้นหูทำเอาต้องหันกลับมามอง.. แล้วก็พบเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคย คนตัวสูงกว่าเดินเอามือข้างนึงล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คขายาวออกมานั่น ยกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นเด็กสาวท่าทางไร้เดียงสาคนนึงยืนอยู่ระหว่างทางเดิน ก่อนจะละสายตาแล้วเดินผ่านไป..
ทั้งเอ๋อทั้งอึ้งกับตัวเองไปพักใหญ่ ไม่รู้ตัวเลยว่าเอาแต่จ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตาจนเค้าเดินผ่านไปแล้ว.. นี่มันปาร์คยูชอน !! ใจเต้นตึกตักรุนแรงไปหมด พี่ยูชอนเหรอ.. พี่ยูชอน พี่ยูชอนมาที่นี่ แล้ว.. แล้ว มาคนเดียวเหรอ? หรือว่า.. มากับใครบ้าง? กัดปากน้อยๆอย่างสงสัย มองเข้าไปทางประตูบานที่ชายหนุ่มเมื่อครู่เพิ่งเดินออกมา ขาที่ตอนแรกว่าจะก้าวพาตัวเองกลับออกไป กลับเดินเข้าไปใกล้บานประตูนั้นอย่างไม่อาจห้ามตัวเอง..
ยกมือขึ้นแตะลูกบิดประตู ..มองซ้ายมองขวาดู ตรงนี้ก็ไม่มีใคร กระจกที่อยู่ระดับสายตาของคนปกติก็ดูเหมือนจะอยู่สูงเกินไปสำหรับตัวเอง ..ที่จริงถ้าเขย่งปลายเท้าขึ้นซักหน่อยก็คงจะมองเข้าไปข้างในได้ แต่ในใจกลับกลัวแปลกๆมันเต้นรัวแรงแรงมากซะจนเหมือนมือจะสั่นไปน้อยๆ
..เสียงหัวเราะของคนที่อยู่ข้างใน ฟังดูเหมือนจะมีความสุข และดูเหมือนจะอยู่กันหลายคนยังไงอย่างงั้น ..ยิ่งทำให้ใจอยากจะรู้มากขึ้นไปอีก ทั้งอยากรู้ ทั้งกลัว จนในท้องมันแทบจะตีลังกากลับหลัง
'คลิก..'
ไม่รู้ตัวอีกแล้ว ..เมื่อมือเล็กๆบิดลูกบิดประตูบานนั้นออกเบาๆ จะรู้ตัวอีกทีก็ตกใจกับตัวเองที่สุด เย็นวาบไปหมด จะทำยังไงดีล่ะ เปิดแล้ว.. มาถึงขนาดนี้แล้ว ..ดันบานประตูให้เปิดออก ใจเต้นถี่ เงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าเมื่อผ่านพ้นบานประตู
คนตัวสูงที่คุ้นตา.. แม้จะเป็นน้อยครั้งที่จะได้มองเห็นผ่านเลนส์ตาของตัวเอง และบ่อยครั้งกว่าที่ทำได้เพียงเฝ้ามองจากในจอมอนิเตอร์.. คนคุ้นตา แต่ภาพนี้ มันแปลกตา
วงแขนของคนตัวสูง.. โอบกอดอยู่ที่ไหล่บอบบางของหญิงสาวคนสวยคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังตัวยาวด้วยกัน มืออีกข้างถือแก้วทรงเตี้ยที่มีน้ำสีอำพัน.. ใบหน้าหล่อที่มีความสุขนักหนาเวลาที่ได้มอง.. ในตอนนี้เป็นสีแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์..
ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แววตาสะท้อนแต่ภาพตรงหน้า และดูเหมือนว่าช้ามากเหลือเกินกว่าแสงที่รับจากเลนส์ตาจะแปรเป็นภาพส่งไปถึงสมองได้ ..หรือบางทีมันอาจเร็วเกินไป ..เร็วเกินไป ..ใช่ เร็วเกินไป จนสมองรับเอาสิ่งที่เห็นนี่ เอาไว้ไม่ทัน
"นี่..."
"นี่ เธอ..."
"นี่...!!!"
เสียงตวาดดังๆจากคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ทำเอาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ที่ประตูต้องสะดุ้งสุดตัว ปล่อยมือออกจากลูกบิดนั่นทั้งที่สายตายังลอยค้างอยู่กับภาพตรงหน้า ตัวเย็บวาบเสียยิ่งกว่าตอนแรก และมือไม้ดูเหมือนมันจะชาไปหมด ..เสียงดังๆที่ได้ยินอยู่ที่หูเมื่อกี๊ ..เสียงของชิมชางมิน คนที่เคยรอมาตลอด หวังว่าซักครั้งจะได้พูดคุยด้วย ..หวังว่าจะมีซักครั้ง ..โอกาสซักครั้ง ..แต่ไม่ใช่แบบนี้
"แฟนคลับเหรอ? เธอน่ะ.. หึ" คนตัวสูงพลางกระตุกมุมปากขึ้นน้อยๆก่อนจะยกแก้วขึ้นมารับน้ำสีอำพันเข้าปากไปอีกราวกับว่าจงใจให้เห็น ..สีหน้านั่นเต็มไปด้วยความสะใจ แล้วนั่นทำให้ขอบตาของคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูร้อนผ่าว สองขาก้าวเข้าไปใกล้ช้าๆแล้วหยุดยืนอยู่ตรงข้ามกับโซฟาตัวยาวนั้น
"แฟนคลับ.. เป็นแฟนคลับ ..แล้วทำไม?" ถามออกไปจากเรียวปากที่เริ่มสั่นระริก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องมาพูดแบบนี้กับคนที่เชื่อหมดหัวใจว่าเป็นเจ้าของความรักที่ตัวเองตั้งใจมอบให้.. ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ มันไม่ใช่เลย หญิงสาวคนที่อยู่ในอ้อมแขนกว้างนั่นเหยียดยิ้มน้อยๆมอง ส่วนหญิงสาวอีกคนที่นั่งห่างออกไปทำเพียงแค่มองแล้วเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มอีกคนที่ดูไม่ออกว่าเป็นใคร ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ ..
"หึ..." ไม่ตอบคำถาม และไม่ได้ไล่ ..ดูเหมือนคนตัวสูงจะพอใจอย่างประหลาดที่ได้ทำให้อีกคนเห็น.. ทำตัวเหมือนกับว่าเด็กสาวอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาเป็นเพียงอากาศธาตุและไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เข้าใจทั้งนั้น
"ชั้นกำลังถาม.. ชั้นตั้งคำถาม กับคุณอยู่นะคะ.. เป็นแฟนคลับ แล้วทำไมล่ะ? เป็นแฟนคลับ แล้วมันทำไมเหรอ? มันไม่ดีเหรอ? .. คุณไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ?" เรียวปากบางพรั่งพรูตั้งคำถาม ไม่อาจกะพริบตาได้.. เพราะน้ำตาคงจะไหลออกมา
"ถ้าเป็นแฟนคลับที่เอาแต่ตาม แล้วก็คร่ำครวญอย่างไม่มีเหตุผลอย่างเธอล่ะก็ ใช่!! เพราะมันน่ารำคาญไง" คนถูกถามตอบออกมาทันที ..เหมือนมาจากโทสะจริต เหมือนไม่ใช่สิ่งที่เป็น ..แต่พอใจกับมัน
ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรอ..
น่ารำคาญ.. อย่างนั้นหรอกเหรอ..
ความไม่มีเหตุผลที่น่ารำคาญ.. ทำไมชั้นถึงเรียกมันว่า ความรัก ล่ะ..
ทำไมล่ะ.. ทำไมกัน?
"คุณคิดอย่างนั้น จริงๆเหรอคะ.. ไม่จริงหรอกใช่มั้ย? คุณพูดโกหกทำไม?" ชิมชางมิน ที่รู้จัก ไม่ใช่แบบนี้.. มั่นใจเหลือเกินแม้สิ่งที่เห็นและกำลังได้ยินมันจะชัดเจนเสียกว่าอะไร แต่สิ่งที่เคยสัมผัสมาด้วยความรู้สึกหลายปีก่อนนี้ ยังคงยึดติดและเชื่อมั่น..
"เงียบไปซะ!! แล้วเลิกพูดเหมือนว่าเธอรู้จักชั้นดีซักทีได้มั้ย? พวกเธอ ทุกคนนั่นแหละ เลิกทำเหมือนรู้ว่าชั้นเป็นยังไงซักที พวกเธอก็เหมือนกันหมด อย่ามาคาดหวัง อย่ามาเดามั่วว่าชั้นเป็นอย่างนู้นหรือเป็นอย่างนี้ มันน่ารำคาญเวลาที่พวกเธอผิดหวัง เพราะพวกเธอ ไม่รู้จักชั้นเลยซักนิดเดียว!!" แววตากราดเกรี้ยวที่คนตัวสูงส่งมาให้และน้ำเสียงนั่น มันเหมือนมีอะไรที่อัดอั้นจนน่ากลัว.. ชายหนุ่มเองก็กำมือแน่น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปจากเด็กสาวที่ตอนนี้ยืนนิ่งราวกับประติมากรรม
"เพราะพวกเธอคาดหวัง พวกเธอถึงผิดหวัง หึ.. พวกเธอมันทำตัวเอง" น้ำเสียงเย็นชาของคนตัวสูง และท่าทางที่ยกเชิดมุมปากน้อยๆ กรอกวิสกี้ในมือไหลลงคอไปจนหมดอย่างไม่ยี่หระ
เม้มปากแน่น กำมือแน่นแล้วแน่นอีก ..หันหลังกลับหลับตาลงแน่นแล้วน้ำตาก็ไหลลงอาบข้างแก้ม สองขาพาให้ร่างออกวิ่งอย่างไม่สนใจอะไรอีก วิ่งผ่านผู้คนออกมา ไม่สนใจว่าจะผ่านใครไปบ้าง ไม่สนใจแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองอะไรทั้งนั้น.. วิ่งออกไป ไปให้ไกล ไปให้พ้น.. ออกมาจากสถานที่แห่งนั้น ทว่าสองขาก็ยังไม่หยุดวิ่ง.. สายลมที่ปะทะใบหน้า พาให้เส้นผมนุ่มปลิวสยาย.. หวังว่ามันจะชะเอาความรู้สึกที่กำลังมีนี้ออกไปได้ แต่มันก็ไม่.. ความล้าที่ขา มันยังไม่อาจทำให้เบนความสนใจ.. ยิ่งวิ่งมาไกลเท่าไหร่ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมากลับยิ่งกวดตามเข้ามาใกล้เหมือนเป็นเงา ที่ชัดเจน..
ไม่ไหวอีกแล้ว ทนต่อไปไม่ไหวที่จะฟัง รับไม่ไหวอีกต่อไปที่จะเห็น..ไม่อาจทำใจให้ยอมรับได้..
ไม่ใช่เพราะสิ่งที่คุณได้กระทำนั้นมันผิด.. ไม่ใช่หรอก ไม่เลย มันไม่ใช่สิ่งผิด
เพียงแต่ที่ผ่านมา.. ทำไมชั้นถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณเป็นแบบนี้..
ทรุดลงนั่ง ที่ริมฝั่งแม่น้ำฮัน.. ซบหน้าลงกับมือ ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น..
น้ำเสียงที่ไร้เดียงสา และแววตาที่ใสซื่อ..
คำพูดที่ครั้งหนึ่ง ผ่านพ้นมา.. ชั้นเคยเชื่อมันเสียสนิทใจ
แต่ละเสี้ยวเวลาที่ชั้นมีคุณในหัวใจ.. ชั้นคิดว่าชั้นเข้าใจสิ่งที่คุณเป็นเสมอมา ชั้นมองภาพของคุณที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน
ในหัวใจชั้นรู้เพียงแค่ว่า คุณเติบโต.. ชั้นเคยยิ้มเมื่อแหงนมองฟ้า ยามที่คุณโบยบิน..
ชั้นดีใจ.. และคิดว่าทุกวันนี้สิ่งที่คุณเป็น เพียงเพราะคุณได้เป็นตัวของตัวเอง.. คุณได้เปิดหัวใจ
ชิมชางมิน.. คนที่ปากร้าย และอารมณ์ร้อน.. ชั้นรักเหลือเกิน ที่คุณเป็นแบบนั้น
แต่สิ่งที่ชั้นพบตอนนี้.. มันไม่ใช่เลย.. ไม่ใช่คุณ.. ไม่ใช่คุณที่ชั้นเคยมองเห็น มาก่อนเลย..
ภาพฝันที่สวยงามที่สุดที่ชั้นเคยฝันถึง.. ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไป..
คุณโกหก.. ที่ผ่านมา เป็นเพียงคำโกหก.. คุณหลอกลวงด้วยรอยยิ้มของคุณ คำพูดที่ไร้เดียงสา และแววตาที่ใสซื่อ
ชั้นไม่รู้จักคุณ อย่างนั้นใช่มั้ย?
ใช่ ชั้นไม่รู้จัก ไม่รู้จักคุณเลย
สิ่งที่คุณทำวันนี้.. บอกกับชั้นว่าชั้นไม่รู้จักคุณเลย
แต่ทำไม.. ในใจมันยังไม่อยมรับได้ซักที.. ทำไมมันถึงไม่ยอมเชื่อ
เสียงตวาดของคุณ แววตาหงุดหงิดของคุณ คำพูดที่ร้ายกาจของคุณ.. ทำไมชั้นถึงไม่เชื่อมัน..
ทำไมชั้นถึงยังจดจำแต่ความรู้สึกของคุณ ที่ชั้นเคยเชื่อตลอดมา..
แม้การโกหกหลอกลวงของคุณมันจะบาดหัวใจของชั้น.. แต่ทำไมจนถึงตอนนี้..
ลึกๆลงไป.. ชั้นยังมองเห็นคุณเป็นภาพที่งดงาม
ชั้นโง่งมงาย.. หรือเพราะอะไรกันแน่.. ชั้นไม่เข้าใจ.. ไม่อาจเข้าใจ
เพียงแค่เพราะชั้นไม่รู้จักคุณ..
ถ้าเพียงแค่ชั้นได้อยู่ใกล้ชิด ได้อยู่เคียงข้าง.. ชั้นจะเข้าใจคุณมากกว่านี้ใช่ไหม?
ชั้นรู้.. ชั้นจะต้องรู้จักคุณแน่ และชั้นคงจะเข้าใจคุณได้มากกว่าใคร..
ใกล้.. ใกล้งั้นเหรอ?
ถ้าชั้นจะใกล้คุณได้ใช่มั้ย? ..แค่ชั้นไปใกล้คุณได้ ..แค่ชั้นได้มองเห็นสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ
แค่ใกล้.. แค่ใกล้.. แค่ทำให้ได้ไปอยู่ใกล้ๆ..
เด็กสาวไม่รู้หรอกว่า.. ชางมินแทบไม่รู้ตัวซักนิด กับสิ่งที่เค้าพูดออกไป.. แล้วนี่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตนของเค้านัก หากแต่เป็นเพียงการประชดประชันต่อตัวตนของเค้าเอง
ใครล่ะที่จะเข้าใจจริงๆ ไม่มีหรอก พยายามอยากจะให้คนอื่นยอมรับในสิ่งที่เป็น.. แต่จะมีใครที่เข้าใจจริงๆ ใครที่รู้จักตัวตนจริงๆ ไม่มีหรอก ไม่มีเลย ..ชิมชางมิน คิดแบบนั้น
หากเพียงแค่ว่าไม่ใช่วันนี้.. วันที่ชางมินคิดจะประชดประชันตัวเองเสียจนเมามาย..
หากแม้เพียงว่าได้ยินเสียงความคิดของกันและกัน.. มันคงจะไม่เกิดขึ้น.. สิ่งที่กำลังจะ เกิดขึ้น.. มันคงไม่ เกิดขึ้น
แล้วเมื่อคุณอยู่ในสร้อยคอของชางมิน คุณสามารถพูดกับเขาได้ตลอดเวลาคุณจะทำอย่างไรเมื่อชางมินจะถอดสร้อยคอนั่นทิ้งไป → ในตอนแรกๆคงจะตามรังควาญทุกอย่างล่ะมั้ง 5555 คอยตามแกล้งเป็นเด็กดื้อๆ ขู่เอาไว้ว่าถ้าถอดออกจะแกล้งให้หนักกว่านี้อีก เดินจะไปไหนจะทำกระถางต้นไม้หล่นลงมาแตกตรงหน้า จะทำให้มีเหตุการณ์ประหลาดๆ จะแกล้ง จะดื้อ จะทำทุกทางให้รู้ว่าไม่ยอมให้ถอดออก และจะไม่ยอมไปไหน ..แต่ถ้าถึงจุดนึง ถ้าเกิดว่าเค้าแค่ไม่ได้แค่จะถอดออกเล่นๆ แต่เค้าต้องการจะถอดมันออกจริงๆ ..ถึงตอนนั้นคงเศร้า น้อยใจ หวาดกลัวที่จะต้องโดดเดี่ยว กลัวว่าจะไม่ได้เป็นส่วนนึงของชีวิตของ ชิมชางมิน อีกต่อไป ..และจากที่เคยร่าเริงก็คงไม่เป็นอย่างนั้นอีก ..ถ้าชางมินต้องการจะถอดมันด้วยความคิด ความรู้สึกของเค้าเองจริงๆ ..คงจะน้อยใจมาก จนถอนวิญญาณของตัวเองที่สิงอยู่ในสร้อยของชางมินออกไปก่อนที่ตัวชางมินเองจะทันได้ถอดมันออก ..หายไป ร้องไห้ เสียใจ.. ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ถูกว่าว่าน่ารำคาญ ..แล้วถ้าอยากจะถอดสร้อยออกในตอนนี้ ก็หมายความว่า แม้แต่กลายเป็นวิญญาณ สุดท้ายก็ยังน่ารำคาญสำหรับเค้าอยู่ดี ..แต่ก่อนไป จะเขียนบอกอะไรบางอย่างกับเค้าทิ้งไว้บนกระจกที่เป็นไอ ให้เค้าได้มาเห็น ก่อนที่ตัดสินใจจะไม่มาให้พบ ไม่มาให้รำคาญอีก..
สิ่งที่ชอบ → ชอบสีขาว เพราะรู้สึกว่าเป็นสีที่บริสุทธิ์.. ของกิน ชอบกินของหวานๆ ไอศครีม เค้ก และช็อคโกแลตนม.. เข้าได้กับสัตว์เลี้ยงทั่วๆไปทุกชนิด และแน่นอนที่สุด.. ชอบ ความจริงใจ ความอบอุ่น และรอยยิ้ม
สิ่งที่เกลียด → ไม่มีสีอะไรที่ไม่ชอบ เพราะเชื่อว่าทุกสีมีความสวยในตัวของมัน.. ของกินที่ไม่ชอบเห็นจะเป็นน้ำเต้าหู้กับนมถั่วเหลืองที่ไม่เคยดื่มได้ลงซักที และแน่นอนอีกเช่นกัน เกลียดคำโกหก คำหลอกลวง.. ยิ่งกว่าอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง
ความสามารถพิเศษ → เป็นคนร้องเพลงเพราะแต่ไม่ค่อยแสดงออก 55555 ชอบร้องเพลงคนเดียว ชอบกินขนมมาก ก็เลยหัดทำขนมจนทำขนมเก่งไปด้วย ชงกาแฟแบบบาริสต้าเป็น ชอบคิดลายแต่งลาเต้แบบใหม่ๆเอง
อื่นๆ → ชอบเขียนไดอารี่เป็นชีวิตจิตใจ ชอบจดบันทึก ชอบนิยาม ชอบให้ความหมายกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว.. ชอบเวลาที่ฝนตก.. ชอบมองฝน ชอบเล่นน้ำฝน ชอบเสียงของสายฝนที่ตกลงมา.. แม้แต่เวลาที่กลายเป็นวิญญาณแล้วก็ยังชอบอยู่.. รวมถึงอาการกลัวผีก็เช่นกัน กลัวผีมาก พอๆกับที่กลัวความมืด ขนาดตัวเองเป็นวิญญาณแท้ๆ ก็ยังไม่วายจะกลัวผี.. อยู่มัธยมปลายปี 3 เพิ่งจบชั้นมัธยมมาหมาดๆ ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัยก็เกิดเรื่องซะก่อน.. เธอฆ่าตัวตาย เพราะเธอรู้ว่าชีวิตของเธอเหลือเธอเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวอย่างแท้จริงแล้ว ..เธอคิดว่าการได้เหลือเพียงวิญญาณจะทำให้เธอได้เข้าใกล้ชางมินมากอย่างที่ใจเธอต้องการ ..และในใจลึกๆเธอยังมีความหวังเล็กๆที่เชื่อว่า จริงๆแล้วชางมินไม่ใช่คนเลวร้าย เธอจะต้องรู้จักกับชางมินที่เป็น 'ชิมชางมิน' จริงๆ ..ให้ได้
Diary หน้าหนึ่งในปกสีครีมอ่อน.. ที่ ซอมีโซ เขียนถึง ชิมชางมิน
ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง..
ถ้าจะมีซักวันที่ชั้นจะสามารถบอกบางสิ่งบางอย่างกับนายได้..
ถ้าสายลมจะโบกพลิ้วปลิวพัดนำทุกถ้อยความจากชั้นส่งไปให้นายได้ถึง..
อยากรู้จังว่าตอนนี้นายกำลังยิ้มอยู่มั้ย? ..ที่อยู่ลึกลงไปข้างใน นายกำลังมีความสุขอยู่จริงๆรึเปล่า?
เพราะความสุขของชั้น ก็คือการได้เห็นความสุขของนาย.. แค่ได้เห็นรอยยิ้มของนาย ชั้นก็มีความสุขมากเกินพอแล้ว
ตั้งแต่วันแรกที่มีนายก้าวเข้ามาในชีวิตของชั้น.. วันนั้นชีวิตของชั้นก็เปลี่ยนไป..
เข้ามาเติมทุกความหมายที่ชั้นเว้นว่างเอาไว้.. ให้ทุกคำตอบของหัวใจ.. เป็นเพียงแค่นายคนเดียว
เพราะเป็นนาย.. ชั้นจึงได้เข้าใจ
เพราะเป็นนาย.. ชั้นจึงได้รู้สึกเช่นนี้
เพราะเป็นนาย.. ชั้นจึงรักด้วยหมดทั้งหัวใจที่มี
เพราะเป็นนาย.. เพียงแค่นายเท่านั้น
นายคือคนๆเดียว ที่สอนให้ชั้นได้รู้จักกับทุกสิ่งทุกอย่าง..
สอนให้ชั้นรู้จักว่าความรักคือการให้แท้จริงแล้วมันเป็นยังไง.. สอนให้ชั้นเข้าใจในความหมายของความรักบริสุทธิ์..
ถ้าพระเจ้า.. คือใครซักคนที่ขีดเส้นลิขิตทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินไปในชีวิต..
คือผู้ที่กำหนดทั้งความสุข ความเศร้า ความเหงา เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หรือน้ำตา..
ถ้าเป็นแบบนั้น.. "พระเจ้า" ในชีวิตของชั้น.. ก็คือนาย
ที่ยิ้มก็เพราะนาย.. ที่มีความสุขก็เพราะนาย.. ที่หัวเราะก็เพราะนาย.. ที่เศร้าก็เพราะนาย.. ที่ร้องไห้ก็เพราะนาย..
เพราะนายคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของชั้น..
และชั้นรู้ตัวดีอยู่ในทุกวินาทีที่ชั้นยังหายใจ ว่าความรักของชั้นที่มีให้นาย.. มันคือ "ความรักสีขาว"
สะอาด บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ ศักดิ์สิทธิ์ และ.. มั่นคง
ความรักที่ชั้นมีให้นาย.. คงไม่ต่างอะไรไปจากดวงดาวที่พร้อมจะฉายแสงแม้ในตอนกลางวัน..
ไม่ว่ารัศมีจากดวงอาทิตย์กลมโตจะส่งแสงจ้าเข้ามากลบแสงน้อยๆของมันซักเท่าไหร่..
ไม่ว่าความร้อนของดวงอาทิตย์จะแผดเผามันมากมายยังไง..
แต่ดวงดาวดวงน้อยดวงนี้ ก็ยังยืนหยัดที่จะทำหน้าที่ของมันต่อไป.. ด้วยทั้งหมดของหัวใจที่มันมี
เหมือนๆกับชั้น.. ต่อให้วันนึงความรักของนายจะต้องกลายเป็นของใคร..
แต่ว่าความรักของชั้น.. มันก็จะอยู่ในที่ๆมันเคยอยู่ตลอดไป.. ยังคงส่งมันไปให้นาย เหมือนๆทุกๆวัน
ใครหลายๆคนบอกว่าความรักของชั้น.. เป็นความรักที่ "บริสุทธิ์เสียจนว่างเปล่า"
บอกกับชั้นว่านายก็เป็นแค่.. "คนที่ไม่มีตัวตน" ..คนที่ชั้นไม่มีวันจับต้องได้
แต่สำหรับชั้นแล้ว.. มันจำเป็นด้วยหรือ ที่ความหมายของคำว่ามีตัวตนคือการที่จะได้ไปอยู่ข้างๆกาย?
บางครั้งการที่เราจะมอบความรู้สึกที่มีไปให้ใครซักคน..
มันก็ไม่จำเป็นหรอกว่าเราจะต้องเอื้อมมือออกไปเพื่อสัมผัสเค้า..
แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับชั้น.. คือการได้รับรู้ว่านายอยู่ตรงนั้น แค่ชั้นสัมผัสได้ว่านายเป็นนาย..
แค่ชั้นรับรู้ถึงการมีตัวตนของนายที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ด้วย "หัวใจ" ..เพียงแค่นั้น มันก็เพียงพอแล้ว
เคยมีใครคนนึงถามชั้นว่า.. ถ้านายกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า ชั้นจะยอมแลกชีวิตของตัวเองให้กับนายมั้ย?
ชั้นอมยิ้ม แล้วตอบเค้าไป..
ถ้าชีวิตชั้นเป็นของชั้นแค่คนเดียว.. ถ้าชั้นไม่มีใครให้ต้องรัก ไม่มีใครให้ต้องห่วง ไม่มีใครให้ต้องแคร์อีก..
ถ้าชั้นเหลือเพียงแค่ชั้น.. ถ้าชั้นไม่จำเป็นต้องอยู่เพื่อเป็นความหวังใคร.. ถ้าชั้นจะทำยังไงกับชีวิตของชั้นก็ได้..
..ชั้นก็จะไม่ลังเลเลยที่จะได้มอบชีวิตของชั้นให้กับนาย
เพราะชั้นคงมีความสุข.. ถ้าได้มองลงมาจากที่ไหนซักแห่งบนนั้น แล้วเห็นว่านายยังอยู่ในที่ๆนายควรอยู่ต่อไป
ได้เห็นนายมีชีวิตอยู่ได้ด้วยชีวิตที่ชั้นมอบให้.. มันคงเป็นความรู้สึกที่ภูมิใจ และมีความสุขอย่างที่สุดจริงๆ..
การได้เห็นนายมีคนอื่นอีกหลายคนที่ชื่นชอบอย่างมากมาย.. บางครั้งก็อดทำให้เจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้..
เมื่อเลือกแล้วที่จะมีความรักในแบบนี้.. ความรักที่มีสิทธิเป็นแค่.. "ผู้ให้"
ความรักที่บางครั้งก็ทำให้รู้สึกเหมือน.. ขาทั้งสองข้าง กำลังพาร่างของตัวเองมายืนอยู่กลางถนนสายหนึ่ง
ถนนสายยาวที่สาดซัดด้วยพายุหิมะหนาวเหน็บ ลืมตาขึ้นมองก็แทบไม่เห็นอะไร
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎเบื้องหน้านั้น.. คือความพร่าเลือนของเกล็ดละอองสีขาว
และถนนที่ยาวสุดลูกหูลูกตา.. ยาวออกไป ไกลออกไป.. ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ตรงไหนกันแน่
ความหนาวอย่างร้ายกาจที่กำลังกัดกินไปจนถึงขั้วหัวใจ หนาว.. จนแทบทนไม่ไหว
อยากจะหันหลัง.. เดินจากไป เพื่อหาที่อุ่นๆให้หลบลี้จากความหนาวยะเยือกที่กำลังเสียดแทง
อยากจะพบความอบอุ่นที่อยู่หลังประตูซักบาน ให้เคาะเบาๆและทรุดลงไปนั่งอย่างหมดแรง
เพื่อรอรับไออุ่นจากอะไรซักอย่าง.. ที่ใครซักคนจะหยิบยื่นให้
แต่ก็.. ไม่เคยทำได้สักที
ที่จริงแล้ว.. แม้แต่คำถามที่ว่า ถ้าสามารถเดินจากไปได้ตอนนี้ จะไปรึเปล่า จะทำได้มั้ย?
..ก็ยังตอบไม่ได้อีกเหมือนกัน
คร่ำครวญเพ้อเพรียกอยากจะหลุดพ้นออกจากพันธนาการ..
แต่ทว่าดวงใจนั้น กลับรั้งร่างทั้งร่างไม่ให้จากไปไหน..
ยิ่งทรมานจนอยากหนีไปให้ไกลเท่าไหร่ ก็ยิ่งราวกับถูกตรึงร่างไว้ให้คงเดิม
ที่จริงแล้ว.. ก็เพราะทั้งหมดนั่นคือพันธนาการของหัวใจ ที่ขึงไว้.. ด้วย "รัก"
เมื่อรักที่ให้นายคือ.. "รัก" ก็จะอดทนจนผ่านช่วงเวลาแห่งความทรมานนั้นไป..
เพราะรักก็เป็นเช่นนี้.. เมื่อทรมาน แม้ว่ามันจะกระอักจนเจียนตาย..
แต่ว่า.. เมื่อไหร่ที่มีความสุข.. มันก็อบอุ่น วาบหวามเข้าไปอิ่มเอมทั้งหัวใจ.. ยิ้มได้ไม่หยุดเช่นกัน..
ถ้าชั้นเจ็บปวด.. ทรมาน.. เพราะความรักนี้ที่มีให้นายเมื่อไหร่.. ก็จะหลับตาแล้วนึกถึงนายเอาไว้..
เพราะถ้ารักแล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อเจอกับอะไรอีกมากมายที่จะผ่านพัดเข้ามาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า..
ต่อให้ต้องเจ็บปวดหรือต้องเจอกับอะไรอีกเท่าไหร่ ก็ต้องยอมรับ และอดทนจนกว่ามันจะผ่านพ้นไป..
เพราะนั่นคือการซื่อสัตย์ต่อความรัก.. และคือการให้.. ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
จะยิ้มแล้วมองนายจากตรงนี้อย่างมีความสุข.. เพราะนายคือนาย.. คือ ชิมชางมิน ของทุกๆคน..
ส่วนชั้น.. ก็จะยังคงยินดีที่จะเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของนายต่อไป..
สมบัติชิ้นหนึ่ง.. ที่นายอาจไม่เคยรับรู้ถึงการมีตัวตนของมัน.. ไม่เคยเห็นมัน.. ไม่เคยหยิบมันขึ้นมา..
แต่มันก็จะยังคงเป็นของๆนาย.. ยังคงเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของนายอยู่ตรงนั้นของมัน.. ตลอดไป
รอยยิ้มของนาย.. แววตาของนาย.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นนาย.. ชั้นรักมันจนหมดหัวใจอย่างที่ไม่เหลือไว้ให้ใครอีกแล้ว..
จะเมื่อวาน.. วันนี้.. พรุ่งนี้.. หรือวันไหนๆ.. ก็จะรักตลอดไปอย่างที่ไม่สามารถลดน้อยลงไปได้อีก..
จะลืมตาขึ้นมาหายใจในทุกๆวันเพื่อรักนายต่อไป.. My love is only you.. Nothing, but you..
Image ของคุณ →
ความคิดเห็น